WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

เชียงใหม่-ตะลึงพระพุทธรูปเก่าแก่กว่า 200 ปีใส่เนตรแล้วยิ้ม


วันพุธ ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 255




เกิดเหตุประหลาดหลังจากนายอำเภอสันกำแพงไปเจอองค์พระปูนปั้นอายุกว่า 200 ปีที่วัดป่าดอนมูล ไม่มีพระเนตร แต่หลังให้ช่างไปหาพระเนตรสีนิลมาใส่ให้กับองค์พระ เกิดปาฏิหาริย์องค์พระมีรอยยิ้มเหมือนดีใจที่ได้พระเนตรกลับคืนมา ชาวบ้านศรัทธาต่างไปกราบไหว้

นายโชคดี อมรวัฒน์ นายอำเภอสันกำแพง ได้พาคณะหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น กาชาดจังหวัด ไปทำบุญเบิกเนตรพระพุทธรูปเก่าแก่ ในกุฏิหลังเล็กๆ ที่วัดป่าดอนมูล ตำบลทรายมูล อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีพระครูสุนทรธรรมวิจิตร อายุ 62 ปี เป็นเจ้าอาวาสวัด

โดยพระพุทธรูปองค์นี้ เป็นพระปูนปั้นอายุกว่า 200 ปี ที่อัญเชิญมาจากวัดดอนมูล มาประดิษฐานให้ชาวบ้านได้กราบไหว้ แต่องค์พระไม่มีพระเนตร หรือดวงตา นายอำเภอสันกำแพงจึงได้สั่งให้นายช่างของหมู่บ้านไปหาพระเนตร จนกระทั่งเมื่อวันที่ 20 กพ.ที่ผ่านมา ได้ไปที่วัดป่าแดงบ้านสันขวาง เจ้าอาวาสวัด คือ พระอธิการสุรพล วิวัฒนธโน บอกว่ามีพระเนตรพระพุทธรูปเป็นนิลสีออกดำ 2 ข้างพอดี จึงได้ขอจากท่านเจ้าอาวาสนำไปลองใส่ให้กับองค์พระที่วัดป่า หลังจากช่างนำมาลองใส่พระเนตรข้างขวาพบว่าใส่ได้พอดี แต่เมื่อจะนำออกก็พบว่าไม่สามารถแกะออกได้ จึงได้แจ้งเรื่องนี้ให้กับนายอำเภอสันกำแพงทราบ เพราะเชื่อว่าเป็นวาสนาที่ดวงเนตรสามารถเข้าได้กับองค์พระพอดี ซึ่งนายอำเภอสันกำแพงจึงได้นำดวงเนตรอีกข้างมาใส่ให้ และพอดีทั้งคู่ติดอยู่กับองค์พระโดยไม่ต้องใช้กาวหรือปูนมาติด และหลังจากที่ทำพิธีเบิกเนตรองค์พระแล้วกลับพบว่า ใบหน้าขององค์พระมีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ปากขององค์พระมีรอยยิ้มขึ้นมาทั้งๆ ที่ไม่ได้แต่งแต้มสี เหมือนกับดีใจที่ได้ดวงเนตรกลับคืนมา ชาวบ้านต่างก็เชื่อว่าเป็นปาฎิหาริย์ สร้างความดีอกดีใจ และเลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้าน

ก่อนหน้านี้ นายอำเภอสันกำแพงเชียงใหม่ เล่าว่าได้เดินทางมารับตำแหน่งที่อำเภอสันกำแพงได้ประมาณ 2 เดือน ก็พาคณะมากราบพระ และทำบุญถวายสังฆทาน ที่วัดป่าแห่งนี้เพื่อความเป็นสิริมงคล แต่ในคณะที่ผู้เฒ่าที่เชื่อว่าสามารถสื่อกับองค์พระได้ บอกว่าองค์พระพุทธรูปเก่าแก่องค์นี้อยากได้ดวงเนตร นายอำเภอจึงให้ช่างไปหามาดังกล่าว และวันที่นัดจะมาเทียบใส่ในเวลา 10.00 น.ก็พบว่ามีนกตัวหนึ่งหางยาวเหมือนกับนกยูงเกาะอยู่เหนือหลังคากุฏิที่องค์พระประดิษฐานอยู่ก่อนที่จะบินไปเชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่มาคอยดูแลคุ้มครอง เชื่อว่าเป็นปาฎิหาริย์ของพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง

 

L กันใหญ่เลยนะ

 

ภาพแผ่นดินหยุบตัวกว่า 50 เมือง ในจีน




A seven-meter-long crack has surfaced on the road near Shanghai World Financial Center on February 16. Photo: Oriental Morning Post.

According to research, more than 50 counties in China are slowly sinking. Experts compare land sinking to a chronic disease, that goes unnoticed but remains dangerous.
More than 50 county-areas in China are suffering from land subsidence, while the total area of land lower than 200 millimeters has reached 79,000 square kilometers.

Parts of the cities may be submerged under water in the future.

The areas which have the most severe situations are the Yangtze River Delta, the North China Plain and the Fen-Wei basin.
More than 50 cities in China have wide-spread land subsidence, China Central Television (CCTV) reported Monday.
As large as 79,000 square kilometers of land has dropped more than 200 millimeters, Zhang Zuozhen, vice-president of China Geological Environmental Monitoring Institute, told CCTV.
The subsidence mainly occurs at the Yangtze River Delta, North China and plain areas covering North China's Shanxi province and Northwest China's Shaanxi province, he said.
The lowering of ground is mainly caused by excessive exploitation of underground water, which has led to damage of buildings, bridges, underground pipelines and dysfunction of urban drainage system, according to the report.
Land subsidence hits 50 cities - Headlines, features, photo and videos from ecns.cn
http://www.globaltimes.cn/NEWS/tabid/99/ID/696841/Govt-shores-up-si...

 

พระมหากัสปะแจ้งข่าวภัยที่จะเกิด

ลองเข้าไปอ่านดูจ้า...

http://palungjit.org/threads/พระมหากัสปะแจ้งข่าวภัยที่จะเกิด.327712/

 

ตั้งแต่ต้นปีมาเนี่ย สภาพอากาศก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปทั่วโลก
อีกทั้งถนนทรุด หลุมยุบกันมากมาย ปีนี้สงสัยโดนจัดหนักแน่ๆ
มนุษย์ทั้งหลาย

 

หวัดดีจ้าคุณจอย-วิปัสนะ...หายไปจากเวปพักใหญ่เลยนะคะ

กลับมาช่วยกันๆต่อเนอะ....


ตั้งแต่ต้นปีมา ทยอยจัดมาเรื่อยๆแล้วจริงๆ :boo::boo:


B5 - War Room Falkman

 

'เทปโก'ใช้ซีเมนต์ถมทะเลสกัดรังสีนุก แม้พบการปนเปื้อนในแปซิฟิกสูงกว่าปกติพันเท่า

วันที่ 22/02/2555 14:45





เทปโก เริ่มเตรียมใช้ซีเมนต์บริเวณพื้นดินใต้ท้องทะเล ป้องกันกัมมันตภาพรังสีแพร่กระจาย ในน่านน้ำใกล้โรงไฟฟ้าฟูกูชิมา ไดอิจิ ขณะที่ ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันสมุทรศาสตร์ในสหรัฐฯ เผยพบการปนเปื้อนของซีเซียม 137 ที่มีความเข้มข้นตั้งแต่ 10 - 1,000 เท่าจากระดับปกติในมหาสมุทรแปซิฟิก ห่างจากชายฝั่งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมา ไดอิจิของญี่ปุ่นเกือบ 400 ไมล์...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 22 ก.พ. ว่า บริษัทโตเกียว อิเล็กทริค พาวเวอร์ หรือ เทปโก ผู้รับผิดชอบกิจการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมา ไดอิจิ เริ่มเตรียมกระบวนการถมซีเมนต์บริเวณพื้นดินใต้ท้องทะเล เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของกัมมันตภาพรังสี ในน่านน้ำใกล้โรงไฟฟ้าดังกล่าว ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากภัยพิบัติแผ่นดินไหวระดับ 9.0 และสึนามิ ถล่มพื้นที่แถบตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นเมื่อ 11 มี.ค.ปีที่แล้ว

รายงานข่าวระบุว่า เทปโกเตรียมถมซีเมนต์และดินครอบคลุมพื้นที่กว่า 70,000 ตารางเมตรใต้ทะเล ที่ระดับความลึกราว 6 เมตร บริเวณน่านน้ำที่อยู่ใกล้กับท่อที่ใช้ในการดูดน้ำทะเลเข้าไปหล่อเลี้ยงเตาปฏิกรณ์ 6 ตัว ภายในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมา ไดอิจิ โดยทางทีมวิศวกรของเทปโกมั่นใจว่า วิธีการดังกล่าวซึ่งจะเริ่มนำมาใช้ในช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้ จะช่วยป้องกันการแพร่กระจายของกัมมันตภาพรังสี ในน่านน้ำแถบดังกล่าวได้นานถึงราว 50 ปี



โรงไฟฟ้าแห่งนี้ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากภัยพิบัติเมื่อปีก่อน
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเทปโกมีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ เคน บุสเซเลอร์ ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันสมุทรศาสตร์ "วูดส์ โฮล" ในมลรัฐแมสซาชูเซตส์ ของสหรัฐฯ ออกมาเปิดเผยผลการศึกษาล่าสุด ที่ระบุว่า พบการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสีชนิดซีเซียม 137 ที่มีความเข้มข้นตั้งแต่ 10 - 1,000 เท่าจากระดับปกติ ในมหาสมุทรแปซิฟิก ห่างจากชายฝั่งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมา ไดอิจิของญี่ปุ่นเกือบ 400 ไมล์ ก่อให้เกิดความกังวลว่า สิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรอาจได้รับการปนเปื้อน และส่งผลถึงความไม่ปลอดภัยของผู้บริโภคอาหารทะเล.

B5 - War Room Falkman

 

มองทิวทัศน์จากชั้น 25 วันสองวันมานี้....ทำให้คิดถึงหนังเรื่อง The Miss เอ้ย! The Mist (วิวสวยโรแมนติก แบบหลอนๆ ดีแฮะ)...ที่เขาแนะว่า อย่าให้ความสิ้นหวังมาทำลายคุณ......(รึเปล่าหว่า)

 

สลด! โรงงานหล่อเหล็กจีนบึมเละ คร่าคนงาน 13 ศพ เจ็บ 17

วันที่ 22/02/2555 15:45





เกิดเหตุระเบิดที่โรงงานหล่อเหล็ก ในเมืองอันชาน ในมณฑลเหลี่ยวหนิงของจีน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 ราย บาดเจ็บอีก 17 คน...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 22 ก.พ.ว่า เกิดเหตุระเบิดที่โรงงานหล่อเหล็กของบริษัท อันกัง เฮวี แมชิเนอรี ซึ่งบริหารโดยรัฐบาล ในเมืองอันชาน ในมณฑลเหลี่ยวหนิง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 13 ราย และบาดเจ็บกว่า 17 คน ขณะที่สาเหตุของการระเบิดยังอยู่ในระหว่างสืบสวน

ในขณะเดียวกัน สำนักข่าวซินหัวของจีนมีรายงาน อ้างจากแถลงการณ์ของรัฐบาลท้องถิ่นว่า จุดที่เกิดระเบิดอยู่ในส่วนของโรงหล่อเหล็ก ซึ่งเกิดระเบิดขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุในช่วงเช้าวันอังคารที่ผ่านมา โดยในเบื้องต้นพบผู้เสียชีวิต 10 ราย ต่อมาในช่วงบ่ายจึงพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงแล้ว.

B5 - War Room Falkman

 

โลกอาจจะไม่ได้จมในน้ำเพราะถูกน้ำท่วมหรอก แต่อาจจะเป็นเพราะ แผ่นดินยุบตัวต่างหาก ???

 

ตอนนี้ รู้สึกห่วงเรื่อง สงคราม และการก่อการร้ายมากๆ เลย อ่ะ

ทั่วโลก เริ่มจะห่ำหั่นกันอีกแล้ว rabbit_scary

 

หมอกลงจัดทั่วกรุง แนะเพิ่มความระมัดระวังใช้รถ

วันที่ 22/02/2555





หมอกลงจัดทั่วกรุงเทพฯ และตามถนนสายหลัก ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดลง เจ้าหน้าที่เตือนเพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน แต่ยังไม่กระทบไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ...

มอกลงจัดทั่วกรุงเทพฯ และตามถนนสายหลัก ทำให้
เมื่อเช้าวันที่ 22 ก.พ. มีรายงานว่า หลายพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ รวมทั้งตามถนนสายหลักต่างๆ มีหมอกลงจัด ทำให้ทัศนวิสัยการมองเห็นลดลง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แนะนำให้ผู้ใช้รถใช้เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น แต่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการขึ้นลงของเครื่องบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า วันนี้ กรุงเทพฯ และปริมณฑลอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส มีหมอกบางในตอนเช้ากับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

B5 - War Room Falkman

 

นั่นสิ...ทั้งภัยธรรมชาติ และภัยจากน้ำมือมนุษย์ อันหลังเนี่ยน่ากลัวกว่าด้วยสิ

ปีนี้มันจะมาครบสูตรเลยรึป่าวเนี่ย...น่ากลัวอ่ะcatt19catt19


B5 - War Room Falkman

 

พบอีกสติ๊กเกอร์ SEAJEAL อีกหลายจุดย่านอโศก, ดินแดง


วันพุธ ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555



พลเมืองดีแจ้งตำรวจ พบสติ๊กเกอร์ SEAJEAL อีก 2 จุดที่ย่านอโศก และอีก 4 ริมถนนดินแดง


เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น.วันนี้ ศูนย์วิทยุลุมพินี ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่า พบสติ๊กเกอร์ JESEAL บริเวณริมถนนรัชดาภิเษกขาออก จากแยกอโศกมนตรีมุ่งหน้าไปทางศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งมีลักษณะเดียวกับที่ตรวจพบในห้องภายในโรงแรมนาซ่าเวกัส ย่านรามคำแหง ของนางสาวไลลา โรฮานี และรถจักรยานยนต์ต้องสงสัย เจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.ทองหล่อ จึงได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่า สติ๊กเกอร์ดังกล่าว ถูกติดไว้ที่ตู้โทรศัพท์บริเวณด้านหน้าโรงแรมมาดูซิ และอาคาร CTI TOWER จำนวน 7 แผ่นทั้ง 2 จุด โดยมีการแปะแบบเดียวกัน 2 แถว ด้านบน 4 แผ่น ด้านล่าง 3 แผ่น นอกจากนี้ยังพบตัวอักษรที่คล้ายกับภาษาอาหรับ เขียนด้วยปากกาเมจิสีดำ ซึ่งเหมือนเป็นร่องรอยใหม่อยู่ที่ตู้โทรศัพท์ด้วย

ซึ่งจากที่ทีมข่าวไปสอบถามวินรถจักรยานยนต์ใกล้เคียง เล่าว่า ในช่วงเย็นเมื่อประมาณ 5 วันที่แล้ว เห็นชายที่มีลักษณะคล้ายชายชาวตะวันออกกลาง ท้วม สูงประมาณ 170 เซนติเมตร มีหนวดเครา นำสติ๊กเกอร์ SEJEAL มาแปะเอาไว้ที่ตู้โทรศัพท์หน้าโรงแรมมาดูซิ ซึ่งดูคล้าย 1 ในผู้ต้องสงสัยที่ถูกตำรวจออกหมายจับไปก่อนหน้านี้
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า คนร้ายได้นำสติ๊กเกอร์ดังกล่าวมาติดในเวลากลางคืน และจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่าจุดที่คนร้ายนำสติ๊กเกอร์มาติดไว้นั้นอยู่ห่างจากตึกโอเชี่ยน 2 ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานทูตอิสราเอลประมาณ 1 กิโลเมตรกว่า และอยู่ไม่ไกลจากสถานทูตอิหร่านมากนัก อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้เร่งเข้ามาการเก็บรอยนิ้วมือแฝงในที่เกิดเหตุ พร้อมเตรียมประสานขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ

ต่อมาพบป้าย SEJEAL อีก 4 จุด ริมถนนดินแดง โดยจุดแรกมีผู้นำมาติดไว้ที่เสาไฟฟ้า หน้าโรงเรียนนิธิปริญญา จำนวน 2 แผ่น ซึ่งอยู่ตรงบริเวณ 3 เหลี่ยมดินแดงขาเข้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จุดที่ 2 ห่างกัน 50 เมตร พบสติ๊กเกอร์ข้อความดังกล่าวอีก 2 แผ่น ติดไว้บนป้ายบอกเส้นทางจราจร จุดที่ 3 ติดไว้ที่ตู้ชุมสายโทรศัพท์ หน้าโรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค จำนวน 4 แผ่น และจุดสุดท้ายห่างออกไป 100 เมตร พบติดไว้อีก 2 แผ่น โดย รปภ.ใกล้เคียงบอกว่าเห็นป้ายดังกล่าวติดไว้ประมาณ 10 วัน ก่อนเกิดเหตุระเบิด 3 จุด แต่ไม่เห็นผู้ที่นำมาติด คาดว่าน่าจะลักลอบนำมาติดในเวลากลางคืน ในขณะที่สื่อมวลชน ก็มาตรวจสอบป้ายดังกล่าวได้มีรถจักรยานยนต์สายตรวจ ของ สน.ดินแดง มาเก็บป้ายข้อความดังกล่าวบางจุดออกไป



รูปที่เกี่ยวข้อง»











B5 - War Room Falkman

 

ไทยความชื้น น้อยมากจริง ยกเว้นใต้ ~_~!! B1

 

“โลกเรากำลังจะเบาขึ้น” มวลสูญ ขยะอวกาศเพียบ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กุมภาพันธ์ 2555 07:10 น




หลังจากยานโฟบอส-กรุนต์ ของรัสเซียไปไม่ถึงดาวอังคาร ฝ่าฟันไม่ผ่านวงโคจรโลก จึงทำให้เกิดความสนใจที่รอบโลกด้านนอกว่า มีสิ่งแปลกปลอมหนาแน่นเพียงไร และสิ่งเหล่านั้นถ้าผ่องถ่ายออกมาจากโลก จะทำให้โลกเบาลงเหมือนลดน้ำหนักตัวหรือไม่

สำนักข่าวบีบีซีได้ค้นหาคำตอบ โดย ดร.คริส สมิธ (Dr Chris Smith) และเดวิด อันเซลล์ (David Ansell) นักฟิสิกส์มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Cambridge University)

นักวิทยาศาสตร์ทั้ง 2 ระบุว่า ไม่ใช่แต่เฉพาะ “ขยะอวกาศ” (space junk) ที่เรานำออกไปทิ้ง จะทำให้โลกเบาขึ้น แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้โลกเรามีมวลทั้งที่ลดลงและยังเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา

ส่วนไหนของโลกที่หายไปสู่อวกาศ

ดร.สมิธก็ได้คำนวณภาพรวมว่า โลกของเราทั้งแผ่นดิน ผืนน้ำทะเล และชั้นบรรยากาศ ต่างสูญเสียมวลทุกขณะ

“แกนโลก” ก็เหมือนกับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดใหญ่ ที่ค่อยๆ ปล่อยมวลที่อยู่ในรูปแบบพลังงานออกมาตลอดเวลา ซึ่งทำให้มวลของแกนโลกค่อยๆ หายไป แต่ก็เพียงเล็กน้อย เขาคาดการณ์ว่า แกนโลกจะสูญมวลไม่มากไปกว่าปีละ 60 ตัน

แล้วถ้าปล่อยจรวดหรือยานออกไปนอกโลก เหมือนกับยานโฟบอส-กรุนต์ (Phobos-Grunt) ที่มีกำหนดการปล่อยออกไปโคจรสำรวจกันอยู่ปีละหลายๆ ครั้งทั่วโลก จะทำให้มวลหายไปหรือไม่ อย่าลืมว่าส่วนใหญ่แล้ว จรวดหรือยานสำรวจเหล่านั้น ท้ายที่สุดก็กลับเข้าสู่โลกอีกครั้ง จีงไม่นับว่าเป็นมวลที่สูญหาย

ดังนั้นจะต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้มวลโลกหายไปได้มากกว่าวัตถุที่เราจับต้องได้ ซึ่งพวกก๊าซต่างๆ ที่อยู่ในอากาศ ก็สามารถลอยสูงออกไปจากชั้นบรรยากาศโลกไปได้ โดยเฉพาะก๊าซสุดเบาอย่าง “ไฮโดรเจน”

นักฟิสิกส์เคยแสดงให้ดูว่า โลกเรากำลังสูญเสียก๊าซไฮโดรเจนที่เบามากประมาณ 3 กิโลกรัมในทุกๆ 1 วินาที ถ้านับรวมในรอบปีก็เท่ากับ 95,500 ตัน ส่วนก๊าซเบาอื่นๆ เช่น ฮีเลียม น่าจะหายไปจากโลกประมาณ 1,600 ตันต่อปี

มีลดก็ต้องมีเพิ่ม อนุภาคใหม่ที่โลกแบกรับ

“ฝุ่นอวกาศ” เป็นสิ่งเพิ่มมวลให้โลกในปริมาณมากที่สุด คือในแต่ละปีมีฝุ่นอนุภาคจากอวกาศประมาณ 40,000 ตัน ได้ตกลงสู่ผืนโลก

ฝุ่นอวกาศเหล่านี้นับเป็นร่องรอยของระบบสุริยะ ทั้งดาวเคราะห์น้อยที่สลายตัว หรืออนุภาคมวลสารต่างๆ ที่ไม่สามารถประกอบร่างเป็นดาวเคราะห์ได้ ก็ล้วนกลายเป็นฝุ่นผงล่องลอยอยู่รอบๆ โลกของเรา และผ่านชั้นบรรยากาศโลกเข้ามาได้เวลา

“โลกเราเหมือนเครื่องดูดฝุ่นขนาดใหญ่ ที่มีพลังขับเคลื่อนจากแรงดึงดูดในอวกาศ เพื่อดึงฝุ่นและอนุภาคฝุ่นเข้ามา”

อีกเหตุผลที่ยังไม่ค่อยมีนัยสำคัญมากนัก แต่ก็เป็นสาเหตุให้มวลของโลกเพิ่มขึ้น นั่นคือเพราะ “สภาพการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ” หรือ “โลกร้อน” (Global Warming)

องค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) เคยคำนวณแล้วว่า โลกเรามีพลังงานเพิ่มมากขึ้น อันเนื่องมาจากอุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้น ซึ่งนักฟิสิกส์ได้คาดการณ์ว่า อุณหภูมิความร้อนที่เพิ่มขึ้นนี้ ส่งผลให้มวลของโลกเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 160 ตัน

สรุปโดยเฉลี่ยในทุกๆ ปีมวลของโลกจะเพิ่มขึ้นประมาณ 40,000 - 41,000 ตัน

ส่วนจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น และตึกรามบ้านช่องที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดมากมายในแต่ละปี ไม่ถือเป็นสิ่งที่ทำให้มวลโลกเพิ่มขึ้น เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนสร้างมาจากสสารที่อยู่ในโลก

ปีละ 5 หมื่นตันที่หายไป โลกจะเป็นอะไรหรือไม่

เมื่อบวกลบมวลที่โลกเสียไปกับที่ได้รับเพิ่มเข้ามาแล้วนั้น ดร.สมิธพบว่า ในแต่ละปีโลกจะเบาขึ้น 50,000 ตัน ซึ่งตัวเลขครึ่งแสนนี้จะสร้างความกังวลให้เราหรือไม่

ถ้านึกไม่ออกว่า 50,000 ตันนั้นมากมายแค่ไหน ก็ประมาณได้เท่ากับน้ำหนักเรือสำราญ “คอสตา กอนกอร์เดีย” (Costa Concordia) ของอิตาลี หรือ “ไททานิก 2” ที่มีขนาดใหญ่ไม่แพ้กัน แต่เรือเกิดพลิกนอกชายฝั่งอิตาลีเมื่อช่วงกลางเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้งผู้เสียชีวิตและสูญหายหลายสิบราย

แม้มวลขนาดไททานิกหายไปทุกๆ ปี แต่โลกก็คงยังไม่เล็กลงง่ายๆ เพราะมวลของโลกมีประมาณ 5.9722x1021 ตัน (5,972,200,000,000,000,000,000 ตัน) นับได้ว่าในแต่ละปีโลกจะสูญมวลเพียงแค่ 0.000000000000001% เท่านั้น

ดูเหมือนว่าเรื่องมวลที่หายไปไม่น่ากังวลแล้ว แต่ไฮโดรเจนอันเป็นส่วนหนึ่งของน้ำ ที่หายไปปีละ 1 แสนตัน ก็ไม่ทำให้ ดร.สมิธเป็นห่วง เพราะเมื่อคำนวณแล้วจะต้องใช้เวลาอีกนับล้านล้านปี จึงจะทำให้ไฮโดรเจนจากทะเลหมดไป (ส่งผลให้น้ำทะเลแห้งเหือด)

ตอนนี้โลกก็มีอายุประมาณ 5 พันล้านปีเอง กว่าจะถึงตอนนั้นสิ่งมีชีวิตบนโลกอาจเปลี่ยนแปลงวิวัฒนาการไปในแบบอื่นๆ หรือไม่เหลือใครแล้วก็เป็นได้.






สรุปแล้วในแต่ละปีโลกเสียมวล 50,000 ตัน
(ข้อมูลทั้งหมดเป็นตัวเลขโดยประมาณ)




มวลของโลกหายไปปีละ 50,000 ตัน แล้วจะส่งผลใดๆ หรือไม่ (NASA)



แบบจำลองวัตถุต่างๆ ที่วงโคจรโลก ซึ่ง 95% เป็นขยะทั้งดาวเทียมที่ใช้งานไม่ได้ และวัตถุไร้ประโยชน์ต่างๆ ส่วนใหญ่ออกมาจากโลก (NASA)



ฝุ่นอวกาศที่เกิดจากการชนกันของวัตถุอวกาศ และโลกได้ดูดเข้ามา



ในแต่ละปีโลกสูญมวลเท่ากับเรือสำราญ “คอสตา กอนกอร์เดีย”