ฝึกกสินแบบใดครับถึงเห็นชาติที่แล้วและชาติหน้าได้

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย pongsiri, 16 มีนาคม 2005.

  1. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,074
    ค่าพลัง:
    +638
    ใครรู้บอกทีเด้อ
     
  2. ดาวหางสีเงิน

    ดาวหางสีเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +795
    เพ่งไฟ(เตโชกสิณ) เพ่งแสงสว่าง(อาโลกสิณ) เพ่งสีขาว(โอทากสิณ)
     
  3. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,074
    ค่าพลัง:
    +638
    ขอบคุณนะครับ จะลองหาดูวิธีปฏิบัติ
     
  4. Catwater

    Catwater เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2005
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +142
    เฮ้ออออ... จะรู้ไปทำมายยยย อดีตชาติของเราน่ะมันไม่สวยงามไม่น่าดูหรอก ถ้าสมมุติว่าคุณดันไปรู้ว่าอดีตเมียเก่าชาติก่อนของคุณเป็นดาวคณะ แล้วชาติที่แล้วคุณจีบเธอติดเพราะว่าคุณรวยใช้เงินฟาดหัว บาปนี้เลยทำให้เมียเก่าคุณตัดสินผู้ชายจากเงิน แล้วชาตินี้คุณเสือกดันไม่มีเงิน เมียเก่าคุณที่เป็นดาวคณะก็เลยไปติดอยู่กับสุดหล่อพ่อรวยเพื่อนสนิทของแกเงี้ย คุณจะทำยังไงไม่ทราบ

    รู้อดีตชาติน่ะไม่ใช่เรื่องดีหรอกมันเป็นบาป เพราะว่าจะทำให้เรายึดติดอยู่กับอดีต เราจะเอาใจเราไปเทให้กับสิ่งที่มันเป็นเรื่องยาก เอาใจเราไปเทให้กับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แล้วก็ยังยึดติดอยู่อย่างนั้นไม่ไปไหนซักทีแบบนี้น่ะมันไม่ดีหรอก สู้ไปไขว่คว้าหาสิ่งที่เราไขว่คว้ามาได้ เอาใจไปยึดติดกับสิ่งที่เราควบคุมได้ แบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอ
     
  5. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,682
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    วิธีเจริญอาโลกกสิณเพื่อทิพยจักษุญาณ
    การสร้างทิพยจักษุญาณด้วยการเจริญอาโลกกสิณนั้น ท่านให้ปฏิบัติดังนี้
    ท่านให้เพ่งแสงสว่างที่ลอดมาทางช่องฝาหรือหลังคาให้กำหนดจิตจดจำภาพแสงสว่างนั้นไว้ให้จำได้ดี แล้วหลับตากำหนดนึกถึงภาพแสงสว่างที่มองเห็นนั้น ภาวนา
    ในใจ พร้อมทั้งกำหนดนึกถึงภาพนั้นไปด้วย ภาวนาว่า "อาโลกกสิณัง" แปลว่า แสงสว่างกำหนดนึกไป ภาวนาไป ถ้าภาพแสงสว่างนั้นเลอะเลือนจากไป ก็ลืมตาดูใหม่ ทำอย่างนี้เรื่อยไป จนภาพนั้นติดตา ติดใจ นึกคิดขึ้นมาเมื่อไร ภาพนั้นกปรากฏแก่ใจตลอดเวลา ในขณะที่กำหนดจิตคิดเห็นภาพนั้นระวังอารมณ์จิตจะซ่านออกภายนอก

    และเมื่อจิตเริ่มมีสมาธิ ภาพอื่นมักเกิดขึ้นมาสอดแทรกภาพกสิณ
    เมื่อปรากฏว่ามีภาพอื่นสอดแทรกเข้ามาจงตัดทิ้งเสีย โดยไม่ยอมรับรู้รับทราบ กำหนดภาพเฉพาะภาพกสิณอย่างเดียว ภาพแทรกเมื่อเราไม่สนใจไยดีไม่ช้าก็ไม่มารบกวนอีก เมื่อภาพนั้นติดตาติดใจจนเห็นได้ทุกขณะจิตที่ปรารถนาจะเห็นได้แล้ว และเป็นภาพหนาใหญ่จะกำหนดจิตให้ภาพนั้นเล็ก ใหญ่ได้ตามความประสงค์ ให้สูงต่ำก็ได้ตามใจนึก เมื่อเป็นได้อย่างนั้นก็อย่าเพิ่งคิดว่าได้แล้ว ถึงแล้วจงกำหนดจิตจดจำไว้ตลอดวันตลอดเวลา อย่าให้ภาพแสงสว่างนั้นคลาดจากจิต จงเป็นคนมีเวลา คืออย่าคิดว่าเวลานั้นเถอะเวลานี้เถอะจึงค่อยกำหนด


    การเป็นคนไม่มีเวลา เพราะหาเวลาเหมาะไม่ได้นั้นท่านว่าเป็นอภัพพบุคคลสำหรับการฝึกญาณ คือเป็นคนหาความเจริญไม่ได้ ไม่มีทางสำหรับมรรคผล
    เท่าที่ตนปรารถนานั่นเอง ต้องมีจิตคิดนึกถึงภาพกสิณตลอดเวลาที่ตื่นอยู่ ไม่ยอมให้ภาพนั้นคลาดจากจิต ไม่ว่า กิน นอน นั่ง เดิน ยืน หรือทำกิจการงาน ต่อไปไม่ช้าภาพกสิณก็จะค่อยคลายจากสีเดิมเปลี่ยนเป็นสีใสประกายพรึกน้อยๆ และค่อย ๆ ทวีความสดใสประกายมากขึ้น ในที่สุดก็จะปรากฏเป็นสีประกายสวยสดงดงาม คล้ายดาวประกายพรึกดวงใหญ่ ตอนนี้ก็กำหนดใจให้ภาพนั้นเล็ก โต สูง ต่ำ

    ตามความต้องการ การกำหนดภาพเล็ก โต สูง ต่ำและเคลื่อนที่ไปมาอย่างนี้ จงพยายามทำให้คล่องจะเป็นประโยชน์ตอนฝึกมโนมยิทธิ คือ ถอดจิตออกท่องเที่ยวมาก เมื่อภาพปรากฏประจำจิตไม่คลาดเลื่อนได้รวดเร็ว เล็กใหญ่ได้ตามประสงค์คล่องแคล่วว่องไวดีแล้ว ก็เริ่มฝึกทิพยจักษุญาณได้แล้ว

    เมื่อฝึกถึงตอนนี้ มีประโยชน์ในการฝึกทิพยจักษุญาณ และฝึกมโนมยิทธิ คือถอดจิตออกท่องเที่ยวและมีผลในญาณต่างๆ ที่เป็นบริวารของทิพยจักษุญาณทั้งหมด เช่น
    ๑. ได้จุตูปปาตญาณ รู้ว่าสัตว์ที่ตายไปแล้วไปเกิด ณ ที่ใด ที่มาเกิดนี้มาจากไหน
    ๒. เจโตปริยญาณ รู้อารมณ์จิตของคนและสัตว์
    ๓. ปุเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติที่เกิดมาแล้วในกาลก่อนได้
    ๔. อตีตังสญาณ รู้เหตุการณ์ในอดีตได้
    ๕. อนาคตังสญาณ รู้เหตุการณ์ในกาลข้างหน้าต่อไปได้
    ๖. ปัจจุปปันนังสญาณ รู้เหตุปัจจุบันว่า ขณะนี้อะไรเป็นอะไรได้
    ๗. ยถากัมมุตาญาณ รู้ผลกรรมของสัตว์ บุคคล เทวดา และพรหมได้ว่าเขามีสุขมีทุกข์
    เพราะผลกรรมอะไรเป็นเหตุ


    http://www.palungjit.org/smati/k40/arahan2.htm


    ********************************************

    | กสิน10 | หมวดกสิน 10 ม้วนที่1a | หมวดกสิน 10 ม้วนที่1b | หมวดกสิน 10 ม้วนที่2
    | หลักสูตรวิชชาสาม ม้วนที่1 | หลักสูตรวิชชาสาม ม้วนที่2 | หลักสูตรอภิญญาหก
     
  6. ดาวหางสีเงิน

    ดาวหางสีเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +795
    กะแล้ว ว่าต้องมีคนตอบแนวๆพี่แมวน้ำ อิอิ
    พี่ครับ ความอยาก เป็นจุดเริ่มของการปฏิบัติครับ
     
  7. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    การล่วงรู้อดีตที่ผ่านมาของตนในชาติก่อนๆ ผมว่าน่าจะมีประโยชน์นะ เราสามารถแก้ไขปรับปรุงตัวเราให้ดีขึ้นได้ เป็นต้นว่า ถ้าชาติที่แล้วเราเคยเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เพระกุศลกรรมที่ทำไว้ หรือต้องตกนรกชดใช้กรรมในนรกขุมใดขุมหนึ่ง ในชาติปัจจุบันนี้ เมื่อเรารู้อย่างนั้นแล้ว เราก็ไม่ควรไปทำกรรมนั้นซ้ำอีก หรือถ้าชาติก่อนเราเคยเกิดเป็นกษัตริย์ เป็นมหาเศรษฐี เป็นเทวดา นางฟ้า แต่ชาติปัจจุบันเกิดเป็นคนธรรมดา ฐานะปานกลาง ถ้ารู้แล้วรู้จักนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ รู้จักปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น มุ่งสร้างกรรมดีเพื่อหวังผลในชาติหน้า (ถ้าคุณไม่หวังพระนิพพานนะ)

    อันที่จริงการฝึกกสิณแล้วทำให้สามารถทราบอดีต ปัจจุบัน และอนาคต หากเราไม่ยึดติดในสิ่งที่เคยเป็น เคยได้ ในอดีตชาติว่าเป็นเรา เป็นของเรา ฯลฯ จะทำให้เราเข้าใจวัฏฏะสงสาร เข้าใจธรรมชาติของการเวียนว่ายตายเกิด แล้วในที่สุดก็จะเบื่อการเกิด ไม่ปรารถนาจะมาเกิดอีก และมุ่งหวังจะไปยังพระนิพพานในที่สุด ผมว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นวัตถุประสงค์หลักในการฝึกกสิณเพื่อให้ได้ ตาทิพย์ หูทิพย์ นะครับ

    ผมเองแม้ยังฝึกไม่ได้อะไรสักอย่าง แต่ก็มีความรู้สึกว่าเบื่อหน่ายต่อการมีชีวิต การเวียนว่ายตายเกิดเสียเหลือเกิน ไม่อยากมาเกิดอีกแล้ว .... แต่ผมยังตัดกิเลสและตัณหาบางอย่างไม่ขาดเลยครับ เฮ้อ...แล้วจะไปถึงพระนิพพานในชาตินี้ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้....
     
  8. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,074
    ค่าพลัง:
    +638
    ใช่แล้วครับ ถ้าเราทราบถึงชาติที่แล้วและชาติของชาติที่แล้วมา หรือหลาย ๆ ชาติที่แล้ว เราสามารถศึกษาเรื่องกฏแห่งกรรมได้ดีกว่าที่เรารู้เพียงชาตินี้ชาติเดียวไงครับ ไม่แน่นะครับว่าเมือ 2 -3 ชาติที่แล้วผมอาจ(สมมุติครับ)ระลึกชาติได้ แล้วมาชาตินี้ผมระลึกชาติได้ ผมเืมื่อที่ 2 - 3 ชาติที่แล้วอาจพูดคุยกับผมในชาตินี้ได้ (งงไหมเนีย)
    ข้อดีก็คือ เราจะได้รู้ว่าแต่ละชาตินั้นเราทำกรรมชั่วกรรมดีอะไรบ้าง เราจะได้ปรับปรุงได้ไงครับแล้วมันจะมีผลถึงชาติหน้าด้วย

    ข้อดีอื่น ๆ นั้นมีครับแต่ยังคิดไม่ออก
     
  9. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,074
    ค่าพลัง:
    +638
    ขอบคุณ คุณwebsnow มากเลยครับ ให้ข้อมูลมา จะลองฝีกดู
     
  10. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,480
    ค่าพลัง:
    +1,830
    รู้จะได้เกรงกลัวบาปไงคับ
     
  11. Candle

    Candle เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2004
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +909
    เห็นด้วยครับที่ว่าน่าจะมีประโยชน์ในหลายด้านนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...