ทำไมถึงเชื่อว่าจะเกิดภัยพิบัติ

ดิฉันเห็นว่าเราเป็นชาวพุทธ ไม่ควรเชื่ออะไรง่ายๆ แต่ถ้าเราเชื่อ ก็ต้องรู้ว่าเชื่ออย่างมีสติหรือไม่ เชื่อเพราะอะไร เท่านั้นค่ะ หลายๆคนในที่นี้อาจจะเคยได้ลองเตือนคนที่เรารักแล้วเค้าไม่เชื่อ บอกให้เตรียมตัวเก็บของไว้บ้างก็โดนหัวเราะขำกลิ้ง เค้าไม่เชื่อเลย ดิฉันจึงเห็นว่าความเชื่อเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเค้าไม่เชื่อก็ไม่เตรียมตัว ไม่เตรียมพร้อม ทั้งๆที่เค้าเป็นคนดีชอบเข้าวัดทำบุญสวดมนต์ มีความรู้ความสามารถ น่าเสียดายถ้าภัยพิบัติเกิดขึ้นโดยไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลย ถ้าตายก็ดีไป ถ้าไม่ตายก็ลำบาก แต่ตอนนี้ก็ปล่อยวางแล้วค่ะ
ไม่ว่าภัยฯจะเกิดหรือไม่ ไม่ว่าจะได้อยู่หรือตาย ยังไงก็ต้องเตรียมตัวไว้ค่ะ เราเป็นชาวพุทธต้องไม่ประมาท

 

เชื่อว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้
เพราะมองว่ามันเป็นวัฏจักรปกติธรรมดาของธรรมชาติ
ซึ่งมันก็เกิดเหตุการณ์ปรับเปลี่ยน
ขยับ ยืดเส้นยืดสายของมันให้ลงล็อคลงตัวพอดี

ประเด็นนี้มันจะไม่เป็น talk of town ของชาวโลกหรอก
ถ้าสมมุติว่ามันเกิดขึ้นบนดาวเคราะห์อื่น
สมมุติชื่อว่าเป็นดาวเคราะห์ A
และถ้ามันจะเกิดแผ่นดินไหว
ภูเขาไฟระเบิด กราเซียร์ละลาย
เป็นแบบนี้สักสี่ห้าร้อยครั้ง...ก็ไม่มี point อะไรอย่างแน่นอน
เพราะมันเป็นเรื่องของธรรมชาติ...ที่เป็นปกติของมันน่ะ


แต่....บังเอิญมันกำลังจะวนเวียนมาเกิดขึ้นซ้ำ
จากครั้งก่อนหน้าที่เกิดขึ้นไปแล้ว
ย้อนหลังไปสักหมื่นปีแสนปีที่ผ่านมา
ก็คือว่ามันดันจะมาเกิดขึ้นซ้ำอีกที(เป็นวัฏจักรของเขา)
บนดาวเคราะห์ที่ชื่อว่าโลกใบนี้น่ะสิ
โลกที่มีมนุษย์อาศัยอยู่
มนุษย์อย่างเราๆต้องตกใจและกลัวเป็นของธรรมดา
แล้วก็พยายามที่จะมองหา"ตัวช่วย"อื่นๆ
อะไรก็ได้ที่ช่วยประวิงเวลา ซื้อเวลา
ขอร้องว่าอย่าเพิ่งเกิดขึ้นในเร็ววันนี้เลย
ซึ่งอันนี้ก็ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาของมนุษย์เรานี่แหละ
ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอก

คือเรามองว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ทั้งระหว่างธรรมชาติกับคนที่ panic ในตอนนี้
ไม่มีอะไรแปลกหรือเป็นเรื่องใหม่


เรา(เริ่ม)มองด้วยความรู้เฉยๆ
(เริ่ม)ไม่ยินดียินร้าย
รับมือได้ทุกสถานการณ์
เพราะมองด้วยใจแต่ต้นแล้วว่า
สิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาๆของธรรมชาติเขา
หรือการที่ผู้คนตื่นกลัวภัยพิบัติ
ก็เป็นธรรมชาติเป็นเรื่องปกติของคนเรานี่แหละ
ใครบ้างจะไม่กลัวตาย ใช่มั้ย

เอาแค่อยู่(นิ่งๆ)แบบเตรียมตัว เตรียมใจไว้รับมือ
กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นแบบไม่ panic
ก็น่าจะโอ....อยู่หรอกนะ
ขอแค่มีสติอย่างเดียว
......ก็พอจะเอาอยู่......น่ะ

 

การรับรู้เรื่องราว "ภัยพิบัติ" ไม่ว่าเกิดขึ้นแล้ว หรือ อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต มันไปกระตุ้น "จินตนาการ" และ "การหลั่งสารอะดรีนาลีน" ของคนเรานะครับ บางคนอาจรู้สึกตื่นเต้นคล้อยตามเหมือนอย่างภาพยนตร์หรือสารคดีที่เคยชมกัน แต่ขณะเดียวกัน มันก็อาจสร้างปมความหวาดกลัวภัยพิบัติขึ้นในจิตใจเราได้เช่นกัน (เมื่อมีปมก็ต้องมีการคลายปม สำคัญแค่ว่าคือ ตัวเรา หรือ ผู้อื่นมาคลายปมดังกล่าว และนี่คือ ช่องทางของมิจฉาชีพ)

แต่อย่างไรก็ตาม คนที่เข้ามาอ่านเรื่องราวในห้องภัยพิบัติเหล่านี้ เราเดาใจเขาไม่ถูกหรอกครับว่า เขามาอ่านมาเสพข้อมูลด้วยวัตถุประสงค์อะไร เช่นเดียวกัน เราเองก็อาจเดาทางไม่ถูกว่าคนมาโพสเรื่องราวบนบอร์ดนี้มาด้วยวัตถุประสงค์อะไรกันแน่

ลึกๆ บางคนอยากให้โลกแตกโลกพินาศไปเลยก็มี เพราะคิดว่าโลกนี้มันเกินเยียวยา เหล่าคนชั่วลำพองในสังคมเกินกว่าจะรอให้บาปกรรมตามทัน อยากให้ล้างๆไปเสร็จสรรพไปเลยก็มี


อันนี้นอกเรื่อง
เมื่อไปกี่วันมานี้ เดินทางไปบ้านคุณลุงหมอไสยศาตร์คนหนึ่ง คุยกันถูกคอ แกชี้ไปที่คลองบัวหน้าบ้าน แกบอกว่า เพิ่งเคยเห็นดอกบัวใบบัวมันก้านยาวสูงเป็นเมตรจากผิวน้ำก็ปีนี้นี่แหละ เห็นท่าว่าปีนี้น้ำท่าคงจะท่วมอีก แกบอกรู้มั้ยว่า ทำไมปีที่แล้วน้ำท่วม นั่นนะ น้ำตาพระแม่ธรณี ท่านมาเตือนแล้ว แกบอกอีกว่า เพราะคนเรามันไม่เคารพพระแม่ธรณี ทิ้งขยะ ทิ้งของเสีย ปลูกข้าวก็ใช้สารพิษสารเคมีลงบนตัวพระแม่ธรณีท่านก็แสบก็ร้อน ปีที่แล้วนี่แค่ น้ำตาพระแม่ธรณีเท่านั้นนะ ถ้าพระแม่ธรณีบีบมวยผมเมื่อไหร่ ไม่อยากนึกภาพ แกเล่าต่ออีกว่าสารพิษสารเคมีส่วนหนึ่งในดินมันก็ระเหยขึ้นฟ้าบางส่วนก็ละลายลงน้ำ ก็ไปสะสมเพิ่มมากขึ้นๆ ก็กลายเป็นพิษเป็นภัยพิบัติต่อโลกเหมือนอย่างทุกวันนี้แหละ ... ลุงหมอไสยศาสตร์สายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

 

เชื่อ เพราะศึกษาข้อมูลเหตุที่เกิดขึ้นจริง กับสภาวะโลกร้อน ที่ทุกคนก็รู้กันต่างประเทศเขาก็รณรงค์กันมาหลายสิบปีแต่ก็ไม่มีใครเชื่อเพราะเมื่อก่อนไม่เคยเกิดเหตุการณ์ภัยธรรมชาติที่รุนแรงแต่มาประมาณ 3-5 ปีที่ผ่านมาสิ่งที่ไม่เคยเกิดก็ได้เกิดขึ้นทั้งข่าวภายในประเทศและต่างประเทศเช่นแผ่นดินไหวตามสถานที่ต่างๆ เมื่อภูมิศาสตร์ไม่สมดุลกันโลกก็ต้องปรับความสมดุลเพื่อให้อยู่ได้แต่ขณะนี้มนุษย์ต่างหากเป็นตัวเร่งให้เกิดขึ้นและเร็วกว่าที่คิดความอยากมี อยากได้ความเห็นแก่ตัวจิตใจคนก็แคบลงไปทุกวันพี่น้องก็แทบจะไม่รักกันฆ่ากันเพื่อผลประโยชน์ภัยธรรมชาติก็ต้องเกิดเพราะมนุษย์เป็นตัวทำลายทำให้่มันเกิด โอ้..เอ๋ยอนิจจา สังขารามันบ่เที่ยง (บทปลงสังขาลงัย)

 

เตือนโลกจะโดนภัยพิบัติ จากอิทธิฤทธิ์ของ 'ดวงอาทิตย์พิโรธ' รุนแรง

รายงานข่าวจากกรุงลอนดอนแจ้งว่า นักดาราศาสตร์ได้กล่าวเตือนว่าดวงอาทิตย์กำลังเริ่มเข้าสู่ยุค "พิโรธร้ายสุด" โลกอาจจะโดนกระหน่ำด้วยพายุอาทิตย์อันดุเดือด ก่อความพินาศอย่างป่นปีให้กับมนุษยชาติได้

เหล่านักวิทยาศาสตร์กล่าว ว่า โลกกำลังต้องเผชิญกับ "พายุอวกาศ" ซึ่งอาจจะตัดขาดการสื่อสารด้วยดาวเทียม เครื่องบินไม่อาจขึ้นลงได้ ก่อให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ ราวกับโดนพายุ "คาตรินา" ระดับโลก สร้างความเสียหายเป็นมูลค่าหลายพันล้านบาท การปะทุครั้งมหาวินาศของดวงอาทิตย์จะส่งคลื่นรังสีและอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้า มายังโลก ทำลายระบบดาวเทียม การเดินทางทางอากาศ และขอบข่ายโทรศัพท์ลง

หากว่า พายุรุนแรงถึงขนาด ยังอาจจะสร้างความกระทบกระเทือนจนถึงกับตลาดหุ้นล่มได้ และไฟฟ้าอาจดับอยู่นานเป็นอาทิตย์หรือเป็นเดือน นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า เหตุร้ายจากอวกาศจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น เพราะดวงอาทิตย์จะย่างเข้าสู่ช่วงพิโรธรุนแรงที่สุดในราวปีพ.ศ. 2556 นี้.


ไทยรัฐออนไลน์


• โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
• 25 กุมภาพันธ์ 2554, 10:00 น.

 

ข้อมูลของนาซ่าตรงกับของมายันเรื่อง 2012 เลยทำให้นาซ่าเกาะคำพยากรณ์ของมายันไม่ปล่อย มันก็น่าจะให้เกาะเพราะหลายพันปีมาแล้วชาวมายันรู้ได้อย่างไร ว่าดวงอาทิตย์จะส่งพายุแรงสุดๆปลายปีนี้และต้นปีหน้า

 

จากการที่ข้าพเจ้าได้ติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆในเวปพลังจิตมานาน จากคำบอกเล่าของครูบาอาจารย์ ทั้งทางวิทยาศาสตร์และเหตุการณ์ภัยพิบัติต่างๆที่เกิดขึ้นอยู่ทั่วโลกในขณะนี้ ทำให้ข้าพเจ้าเชื่อว่าในไม่ช้าก็เร็ว คงถึงคิวเราแน่ แต่จะหนักหรือเบาแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับบุญหรือกรรมของเรานั่นเอง โปรดเตรียมตัวให้พร้อมเถิดครับ

 

ถ้าคุณเชื่อว่าโลกมีชีวิต ก็ต้องคิดถึงมนุษย์อย่างเราๆนี่แหล่ะครับแค่ปวดหัว ไม่สบายก็แย่แล้วจึงต้องคิดหาวิธีรักษา หรือถึงขั้นเป็นมะเร็งนี่ก็ลำบากเลย แล้วโลกของเราล่ะครับเขาเห็นเราๆเป็นเชื้อโรคแน่เลยไปขุด ไปเจาะ ไปตักตวงอะไรๆจากโลกใบนี้เคยสงสารโลกกันบ้างไหม:'( และอีกอย่างตอนนี้โลกกำลังป่วยครับเพราะฉะนั้นโลกจึงต้องทำการรักษาตัวเองให้หายป่วยครับโดยการปรับให้โลกสมดุลย์มากที่สุด

 

ผมมีศรัทธาพระพุทธเจ้าโคตมมากครับ ไม่ใช่ว่าผมเป็นพุทธศาสนิกชนถึงกล่าวอย่างนี้ แต่เป็นเพราะพระพุทธเจ้าของเราตรัสสอนเราทุกคนด้วยเหตุผล มองเห็นได้ปฏิบัติได้ พระพุทธองค์ตรัสเรื่องต่างๆไว้โดยเฉพาะพุทธทำนายที่ว่าด้วยเวลาในปัจจุบัน และภัยพิบัติในปี พ.ศ. 2556 ใครสนใจอ่านได้ครับ
พุทธทำนาย ต้นฉบับ

 

ขอบคุณมากๆครับผม ขออนุโมทนาครับผม...สาธุ....สาธุ

 

ผมอยู่ในตัวเมืองขอนเเก่น ทุกวันนี้พอฝนตกหนักๆ ผมกลัวมากๆเลยครับ เเละน้ำท่วมทุกปีด้วย เเละคิดว่ามันรุนเเรงมากขึ้นเรื่อยๆด้วยครับ ถ้าเกิดภัยพิบัติใหญ่ขึ้นมาคงเเย่ครับ

 

- ภัยพิบัติจากธรรมชาติยังไม่น่ากลัวเท่าไหร่ครับ

- แต่ภัยพิบัติจากคนเนี่ยน่ากลัวกว่าภัยพิบัติธรรมชาติเสียอีก

- เช่น พวกค้ายาเสพติด นักการเมืองคอรัปชั่น การตัดไม้ทำลายป่า สรุปแล้ว วิบากกรรมเนี่ยน่ากลัวที่สุด

- ถ้าทุกคนตั้งใจปฏิบัติใน ทาน ศีล ภาวนา แล้ว ความสงบสุขจะเกิดกับคนทุกคน

- โลกนี้ก็จะสงบร่มเย็นตามไปด้วย

 

..............................................................................
เห็นด้วยเหมือนกันค่ะ ...พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ในกาลามสูตร...แล้วและเพราะที่ได้เทียบเคียงเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วไม่เห็นเหตุการณ์ใดที่ต่างไปจากพุทธทำนาย...และจากหลักธรรม...ที่ทรงสั่งสอนเรื่อง...การเกิดดับๆ...ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์หลักธรรมที่ท่านทรงค้นพบ...ท่านทรงเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่...ซึ่งโลกของเราเป็นห้องแล็ป...พิสูจน์หลักธรรมของพระพุทธองค์...ฉะนั้นจึงเชื่อค่ะ...

 

ในกระทู้นี้คุณ karan20 ก็ทำสรุปรวบยอดเกี่ยวกับคำทำนายต่างๆไว้อย่างสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่มีคนเคยรวบรวมมาครับ

http://palungjit.org/threads/การเดินทางและความคิดของกาขาว-เตรียมพร้อมรับภัยพิบัติ.335895/

 

เชื่อในเรื่องกฏแห่งกรรมครับ....มีเกิดก็ต้องมีดับ...แค่นี้ก็คงตอบทุกความสงสัยนะครับ..................

 

เชื่อเพราะ ยอมรับและเห็นจริงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า ทุกอย่างในโลกอยู่ภายใต้กฏไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในที่สุดเหมือนกันหมด

 

ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันหน้า เตรียมแต่เสบียงบุญไว้แล้ว ปิดทองฝังลูกนิมิตและปิดทองลูกนิมิต ปี 2555 จำนวน 136 วัด สร้างพระอีกจำนวนหนึ่งก็ 280 องค์ ส่วนหาทางหนีทีไล่ไม่ได้เตรียมตัว ไม่มีที่ไปปี 2555 เป็นปีกึ่งพระพุทธกาล ที่พระพุทธเจ้าหมายถึง เราเลยต้องทำบุญเช่นนี้ เรามีเวลาแต่ช่วงนั้นเราเงินน้อย แต่เราก็เจียดเงินส่วนหนึ่งออกไปสร้างบุญ แล้วก็อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรทุกวัน ทำไมต้องทุ่มเทแบบนี้ เพราะแฟนของเราบอกว่าพันปีมีแค่โอกาสนี้ ต่อไปไม่รู้ว่าเราจะได้เจอโอกาสแบบนี้อีกหรือเปล่า ในขณะเดียวกันเจ้ากรรมนายเวรก็พากันออกมา ยุคนี้ด้วย ปลดเจ้ากรรมนายเวรได้ก็ปลดกันไป

 

ทุกอย่างเกิดเพราะกรรม

ใกล้แล้วสินะ

 

ขอบคุณความเห็นและข้อมูลจากทุกท่านครับ

 

นี่มันแม่นางเซียวเหล่งนึ่ง นี่นา