เป่ายันต์เกราะเพชร ที่คณะ 1 วัดชนะสงคราม

วิชายันต์เกราะเพชร ถือว่าเป็นวิชาทางพระพุทธคุณที่มีอำนาจด้านการปกป้องคุ้มครองสูงส่ง ด้วยบารมีพระพุทธเจ้า ในปัจจุบัน พระอาจารย์ปัญญา พุทธศรี เป็นอีกท่านหนึ่งที่สืบทอดวิชาเป่ายันต์เกราะเพชร ตำรับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค

พระอาจารย์ปัญญาท่านนี้มีฉายาว่าเป่าแล้วเชือด คือหลังจากเป่าายันต์เกราะเพชรเรียบร้อยแล้ว ท่านจะเรียกผู้ที่ถือศีล ๕ บริสุทธิ์ มาตลอด ๗ วันทำการทดลองใช้มีดสปาตาร์คมๆ กรัดตั้งแต่ข้อศอกถึงปลายมือ ย้ำว่ากรีดนะครับ กรีดแบบช้า ผลจะปรากฏว่าเนื้อหนังของบุคคลผู้นั้นจะเห่อแดงขึ้นมาแต่ไม่ได้รับอันตรายจากคมมีด ซึ่งถ้าปกติแล้วรับรองว่าได้เลือดแน่นอน

ทั้งนี้ท่านย้ำว่าต้องมีศีลดี มีสมาธิ เป่ายันต์เกราะเพชรแล้วห้ามดื่มเหล้า หรือก่อนมาเป่า ๗ วันก็ไม่ควรดื่มเหล้าเช่นกัน และขณะจะเป่าต้องเข้าสมาธิให้จิตนิ่ง อย่าพะวงเรื่องใดอันจะเป็นเครื่องรบกวนใจทำให้การเป่ายันต์เกราะเพชรไม่สมบูรณ์

 

ก่อนเป่ายันต์เกราะเพชรทุกครั้งท่านจะให้สมาทานศีล ๔ และต้องให้สัจจะในการรักษาศีล สำคัญที่สุดคือข้อ ๕ การดื่มน้ำเมาและสิ่งเสพย์ติดให้โทษทุกชนิด หลังจากนั้นสมาทานตนเป็นศิษย์หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ขอบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์มาแผ่บารมีปกเกล้าเหนือเศียร

จากนั้นท่านให้ทำกรรมฐาน กำหนดพุทโธ พร้อมทั้งเพ่งกสิณ การเพ่งกสิณนั้นท่านให้เพ่งภาพยันต์เกราะเพชรให้ติดตาติดใจ จากนั้นหลับตา มโนนึกเอาเองว่าบัดนี้อักขระยันต์ทั้งปวงเป็นสีขาว จากสีขาวเป็นประการพรึก แล้วทรงจิตให้นิ่งเป็นสมาธิตรงนี้ให้ได้สัก ๓ นาที ระหว่างนั้นท่านจะเป่ายันต์เข้าตัวเรา

 

http://i1049.photobucket.com/albums/s381/tipajak777/DSC02182.jpg

พระอาจารย์ปัญญา พุทธศรี วัดชนะสงคราม คณะ 1 ท่านได้เล่าให้ผมฟังว่าในวัยเยาว์ขณะที่ท่านเดินอยู่ในสวนย่านพระประแดง ท่านเห็นแสงสว่างขาวนวลคล้ายดวงจันทร์ลอยอยู่เหนือยอดไม้

พอเข้ามาใกล้ๆก็เห็นว่าแสงดวงนั้นมีรูปพระพุทธเจ้าปางไสยยาตรอยู่ข้างใน เมื่อดวงแสงพระพุทธเจ้าลอยมาอยู่เหนือศีรษะท่านก็ส่องแสงสว่างมาทาบร่างของท่านรู้สึกสุขใจมาก แต่ยังไม่ทราบว่าเหตุการณ์นี้คืออะไรเพราะยังเป็นเด็ก

ต่อเมื่อโตขึ้นจึงทราบว่าพระพุทธองค์มาสงเคราะห์

เมื่อโตเป็นหนุ่มท่านเล่าว่า ครั้งหนึ่งท่านฝันไปว่าไปกราบพระภิกษุผู้เฒ่าท่านหนึ่งพูดคุยเหมือนรู้จักกันดี สนทนากับท่านอยู่นานจนขอลากลีบ เมื่อจะกลับพระรูปนั้นบอกว่าเดี๋ยวก่อน แล้วหยิบพระเครื่ององค์นึงให้ เป็นรูปพระพุทธเจ้าอยู่บนไก่ทั้งกำชับว่าเหลืออยู่องค์เดียวแล้ว ตอนนั้นก็ไม่รู้จักพอตื่นขึ้นมารู้ว่ามันเหมือนเราไปวัดจริงๆ จากนั้นผ่านไปสามวันเพื่อนๆชวนกันไปวัดบางนมโค พอไปถึงเห็นภาพหลวงพ่อปานก็จำได้ว่าองค์นี้แหละที่ฝันถึง

เมื่อบวชเป็นพระภิกษุครั้งแรก มีวันหนึ่งเด็กวัดนำหนังสือและตำรายันต์ของหลวงพ่อปานมาให้ที่กุฏิบอกว่ามีพระผู้เฒ่ารูปหนึ่ง กำชับว่าให้เอามาให้ท่านที่กุฏินี้ ท่านถามกลับไปว่าแล้วพระรูปนั้นอยู่ไหน เด้กวัดบอกไม่รู้ครับท่านหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ นับเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าอัศจรรย์สำหรับท่าน

ต่อมาท่านได้ฝากตัวร่ำเรียนวิชาสายหลวงพ่อปานกับหลวงพ่อบุญมาก วัดโพธิ์ ตลิ่งชัน ได้เรียนวิชาสำคัญคือ การเป่ายันต์เกราะเพชรและการสับเขียงรักษาโรค

ท่านเล่าว่าหลวงพ่อปาน มาในฝันให้ท่านภาวนาคาถาพระปัจเจกโพธิเจ้าเป็นคำบริกรรมทมุกอิริยาบท นั่งนอนยืนเดิน ซึ่งท่านก็ถือเอาหลักนี้มาโดยตลอด

 

http://i1049.photobucket.com/albums/s381/tipajak777/DSC02166.jpg

เหรียญยันต์เกราะเพชรรุ่นแรกของท่านครับ ด้านหน้าทำเป็นรูปท่านซ้อนหลวงพ่อปาน ด้านหลังเป็นยันต์เกราะเพชรล้อมด้วยคาถาปัจเจกพุทธเจ้า พุทธคุณเด่นทั้งคุ้มครองและหากินมีเงินมีทองใช้

 

ในปัจจุบันท่านเป็นผู้สอนกรรมฐานตามตำรับหลวงพ่อปาน และเป่ายันต์เกราะเพชรให้กับผู้ศรัทธาทั่วไป ขอเพียงแค่ให้ผู้มารับการเป่าและเรียนกรรมฐาน ตั้งใจรักษาศีลให้ดีที่สุด หากมีพื้นฐานจากศีลแล้วอะไรก็สำเร็จ แต่ถ้าไม่มีพื้นฐานจากศีลแล้วก็ยากที่จะขลังยากที่จะศักดิ์สิทธิ์

 

http://i1049.photobucket.com/albums/s381/tipajak777/DSC021598.jpg

ตะกรุดผ้ายันต์เกราะเพชรครับ ทุกครั้งที่จะรับท่านจะให้กำไว้ในมือแล้วเอามีดเชือดให้ดูก่อน

ผู้ที่สนใจสนทนาธรรม หรือหาวิชาความรู้กับท่าน หรืออยากไปนั่งกรรมฐาน รวมไปถึงวัตถุมงคลติดต่อทางวัดโดยตรงที่ 083-301-0385 ครับ

 

ประสบการณ์ส่วนตัวที่ผมได้ไปเป่ายันต์เกราะเพชรมา ตอนแรกท่านจะให้สมาทานศีล ๕

แล้วตั้งสัจจะงดเว้นจากของมึนเมาทุกชนิด แล้วถวายตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อปาน จากนั้นท่านจะให้นั่งสมาธิครับ

ตอนนี้แหละที่สำคัญมากถือว่าเป็นหัวใจของการเป่ายันต์เกราะเพชรเลยทีเดียว คือผู้รับยันต์ต้องมีศีลบริสุทธิ์ มีความศรัทธาในพระรัตนตรัย มีจิตเป็นสมาธิผ่องใส

การทำสมาธินั้นเริ่มจากทำจิตให้นิ่งด้วยการบริกรรมพุทโธ จากนั้นเปลี่ยนกองกรรมฐานมาเป็นเพ่งกสิณ ตอนนี้แหละสำคัญ เพราะผู้รับยันต์เกราะเพชรต้องมีใจตั่งมั่นในรูปยันต์

เริ่มจากการเพ่งมองยันต์ให้จำเป็นนิมิตติดใจให้ได้ จากนั้นเปลี่ยนนิมิตด้วยการจินตนาการเองว่าอักขระรูปยันต์เปลี่ยนเป็นสีขาวและกลายเป็นประกายพรึกไปหมด

ที่ต้องจินตนาการเองไปก่อน เพราะหากรอให้ได้อุคหนิมิตไปจนถึงปฏิภาคนิมิตจริงๆ เป็นปีอาจไม่มีใครได้เป่าครับ เลยต้องอาศัยการย่นย่อและการวางอุปาทานของใจในกองกสิณ เรียกว่าเป็นการทำแบบอนุโลมนั่นเองครับ

ถึงช่วงสำคัญคือการทรงจิตให้นิ่งกับรูปยันต์ที่บัดนี้เปลี่ยนเป็นประกายพรึกไปหมด หลวงพ่อท่านบอกว่าเราจะจับเอาตัวอุณาโลม หรือตัว "โล" ตัวเดียวซึ่งอยู่ใจกลางยันต์ก็ได้ ทรงจิตให้นิ่งสบาย

ตอนที่ผมทำนั้นจิตสงบรู้สึกคล้ายมีแสงสว่างบางอย่างมาคลุมตัวผมเอาไว้ครับ มีปีติขนลุกขึ้นถึงศีรษะ ในช่วงนั้นท่านก็เป่ายันต์เสียงดังฟังชัดว่าเพี้ยง สามครั้งต่อๆกัน

พอทุกคนคลายสมาธิออกมา ตอนนี้แหละทีเด็ด เพราะท่านรชักเอาสปาตาร์ออกมา แล้วถามว่าเมื่อกี้ใครทำสมาธิได้บ้าง

พวกเพื่อนๆน้องๆมันรีบถีบผมออกไปข้างหน้าเพราะรู้ว่าช็อตต่อไปคืออะไร พร้อมกับพูดว่าเห็นพี่ทำสมาธิมาแต่ต้นพวกผมยังยุกยิกอยู่เลย อีกคนรีบออกตัวว่าเมื่อวานก่อนผมกินเหล้าด้วย หลวงพ่อท่านถามว่าเมื่อเจ็ดวันที่ผ่านมาได้ทานเหล้าเบียร์หรือของมึนเมาหรือไม่ ผมตอบว่าไม่ จากนั้นท่านให้ถลกแขนเสื้อขึ้น ยื่นแขนออกมาข้างหน้า จากนั้นถึงฉากหวาดเสียวเพราะท่านเอามีดสปาตารฺอย่างคมกรีดลงไปบนแขนตั้งแต่ศอกจนเกือบถึงปลายมือ

ความรู้สึกที่ปลายมีดคมๆเย็นกดแล้วลากลงไปมันตื่นเต้นและหวาดเสียวบอกไม่ถูกรู้สึกเจ็บเหมือนกันครับ หน้าผมซีดเป็นไก่ต้ม มือเท้าเย็นไปหมด แต่หลังจากนั้นก็พบว่าที่แขนไม่มีเลือดออกเลยสักนิด คล้ายกับแมวข่วนแต่หนังก็ไม่แตก จะเป็นเพียงมีรอยแดงเห่อขึ้นมาให้เห็นเพราะแรงกดของมีดนั่นเอง

เป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งของผมจริงๆ ปัจจุบันหลวงพ่อท่านสอนกรรมฐาน ท่านตั้งใจจะเผยแพร่กิติคุณหลวงพ่อปาน ที่สำคัญท่านว่าคนที่เป่ายันต์เกราะเพชร สมาทานเป็นศิษย์หลวงพ่อปานแล้ว มันเป็นประโยชน์แก่สังคมเพราะคนจะได้เห็นคุณค่าของศีล และคนจะได้รู้จักการทำสมาธิ ซึ่งล้วนมีประโยชน์ต่อบุคคลผู้นั้นทั้งสิ้น

 

สีผึ้งพระปัจเจกพุทธเจ้า เสกด้วยคาถาวิระทะโย สุดยอดแห่งเสน่ห์เมตตา ท่านบอกว่าการเสกของทุกครั้งท่านใช้คาถาหลักคือยันต์เกราะเพชร เฉพาะคาถานี้ท่านว่าดีทั้งคงกระพันหนังเหนียวคุ้มครองและเมตตามหาลาภ ใครที่บอกว่าคาถายันต์เกราะเพชรดีเฉพาะหนังเหนียวแสดงว่ายังไม่เข้าใจจริง ลำพังคาถานี้ก็ครอบจักรวาลตามแต่อธิษฐานเอา ถ้าภาวนาคาถาพระปัจเจกด้วยแล้วยิ่งเป็นเมตตามหาลาภ คำว่าอดอยากเป็นไม่มีเลย

สีผึ้งนี้ใช้ได้ทั้งทางเสน่ห์และค้าขาย ดีนักแล

 

ตอบคำถามที่ว่า ท่านจะเป่ายันต์เหราะเพชรเมื่อไร อย่างไรนั้น

ปกติท่านเป่าให้ทุกวันครับ การเป่ายันต์เกราะเพชร นั้นถ้าเป่าในวันไหว้ครู หรือวันเสาร์ ๕ จะดีที่สุด ส่วนท่านนั้นอาศัยหลวงพ่อปานสงเคราะห์เป็นหลัก จึงเป่าทุกวัน แต่ก็มีข้อสำคัญสำหรับผู้อยากเป่าคือ ต้องมีศีล ๕ มั่นคง และขณะเป่าต้องทรงจิตทรงอารมณ์ทางสมาธิได้ดีพอสมควร

ปกตินั้นเป่ายันต์เกราะเพชรเป่าครั้งเดียวก็คุ้มกันไปทั้งชีวิต แต่พระอาจารย์ปัญญาท่านว่าควรมาเป่า ๙ ครั้ง เพราะคนเดี๋ยวนี้จิตใจไม่เป็นสมาธิ ขณะเป่าความตั้งใจน้อย ผลที่ยันต์จะลงไปในตัวก็น้อยตามส่วนไปด้วย

ท่านเน้นย้ำว่าการเป่านั้นทำใจให้ใสเข้าไว้ ถ้าทำได้ และรักษาศีลไปได้ตลอด เป่าแค่ครั้งเดียวก็พอ

การเป่ายันต์เกราะเพชรนั้น ถ้าคนท้องแก่มาเป่า อำนาจยันต์เกราะเพชรจะติดเด็กในท้องด้วย โดยจะมีอักษร ตัว "โล" สีแดงๆมาปรากฏที่หน้าผากหรือขมับหรือข้างแก้มก็มี แต่ปกติจะติดที่บริเวณหน้าผากเป็นหลัก แสดงว่าพระพุทธองค์และหลวงพ่อปานท่านสงเคราะห์

เด็กที่มียันต์นี้ติดตัวมาแต่เกิดด้วยผู้เป็นมามาเป่ายันต์ไว้ตอนตั้งครรภ์นั้น มีข้อควรจำคือห้ามคนกินเหล้ามาลูบหัวเด็กเด็ดขาด เพราะยันต์จะเลือนไป แต่ไม่คลายความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์จะยังคงอยู่ทุกประการ

 

ถวายพานบูชาครูก่อนรับการเป่ายันต์



พระอาจารย์อธิบายความหมายของยันต์เกราะเพชร ว่าอักขระทั้ง ๕๖ ตัวในห้องพระพุทธคุณเปรียบได้กับพระพุทธเจ้าทั้ง ๕๖ พระองค์

อักขระทั้ง ๕๖ ตัวนี้จะโยงกันด้วยเส้นยันต์ เรียกว่ากระดูกยันต์ โดยทั้งหมดจะส่งพลังไปที่ตัว โล เป็นตัวสุดท้าย

เริ่มลากยันต์จากตัว อิ เวียนไปด้านขวา จนสุดที่ตัว โล

ดังนั้นการเพ่งยันต์ ถ้าไม่สามารถเพ่งยันต์ได้ครบ ก็ให้เพ่งตัว โล ตัวเดียวก็ได้

ดูให้จำ จำจนติดตาติดใจ เป็นอารมณ์ทางสมาธิ หมายว่าเป็นพุทธานุสติ ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าอย่างสูงสุด เพื่อเตรียมรับพลังพระพุทธคุณ

 

หลังจากเป่ายันต์เสร็จแล้ว คนที่มั่นใจในศีลและสมาธิของตนสามารถลองทดสอบดูได้

พุทธคุณจากยันต์เกราะเพชรนั้น ไม่ว่าเราจะลอดใต้บันได ผ้าถุง ยังไงก็ไม่เสื่อม

ขอแค่อยู่ในศีล ๕ เป็นใช้ได้ และขณะเป่าให้จิตใจมั่นคงสงบเข้าไว้ อย่าว่อกแว่ก เท่านี้รับรองได้ว่ายันต์เข้าตัวคุ้มครองไปได้ตลอดแน่นอน



ในวันที่ 29 กรกฏาคม 2555 ที่จะถึงนี้ พระอาจารย์จะมีการเป่ายันต์เกราะเพชรที่โรงหล่อพระบุญชู พุทธมณฑล สาย 2 เริ่มงานตั้งแต่ 8 โมงเช้า

พระอาจารย์ท่านตั้งใจจะหล่อรูปหลวงพ่อปาน แจกจ่ายไปยังวัดต่างๆทั่วประเทศ ทุกครั้งที่ทำพิธีหล่อก็จะมีการเป่ายันต์ให้ผู้เข้าร่วมพิธีด้วย

สมาชิกเว็ปท่านใดสนใจโทรสอบถามได้ครับ ที่ 083-301-0385 สายตรงศิษย์พระอาจารย์ปัญญา พุทธศรี

 

ไม่ทราบว่าท่านอยู่ที่ใดครับพี่

 

พระอาจารย์ปัญญา ท่านอยู่ที่วัดชนะสงคราม คณะ ๑ ย่านบางลำภู ครับ

 

ใช่หรือ เป่ายันต์เกราะเพชร สายหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค คุณลองค้นคว้าให้ละเอียดดูครับ ผมไม่เชื่อนะ

 

หมายความว่าไงครับ?

 

จากการที่ผมไปคุยกับท่านมา ท่านก็บอกนะครับว่าท่านตัวท่านเรียนกับพระอาจารย์บุญมาก วัดโพธิ์ตลิ่งชัน บางอย่างอาจไม่เหมือน แต่โดยหลักการแล้ว ก็เป็นบารมีของพระและหลวงพ่อปานท่านสงเคราะห์ครับ ในปัจจุบันมีการเป่ายันต์เกราะเพชรหลายที่ แต่ละที่จะมีความเป็นเฉพาะตัวของตัวเองครับ พระอาจารย์ปัญญาท่านก็เช่นกัน มีเอกลักษณ์ตรงทดสอบได้นี่แหละ

 

พี่ครับ แล้วที่วัดชนะสงคราม กับที่วัดท่าซุงนี่ อยาสงเดียวกันหรือเปล่าครับ
ผมก็ไม่เคยรับยันต์เกราะเพชรเหมือนกันครับ

 

เห็น ที่วัดหูช้างหรือวัดทุ่งเศรษฐี ก็มี การเป่า ที่มาจากที่เดียวกันไหม?

 

ตัวท่านพระอาจารย์ปัญญาไม่ได้เรียนกับหลวงพ่อฤๅษีลิงดำครับ แต่ท่านได้มาจากสายหลวงพ่อบุญมาก วัดโพธิ์ตลิ่งชัน นอกจากนั้นท่านก็มีเอกลักษณ์ของท่านเพิ่มเติมลงไป เช่นการทดลองได้ทันทีหลังเป่ายันต์ แต่โดยหลักการแล้วเหมือนกัน หมายความว่า การเป่ายันต์เกราะเพชร การรับยันต์เกราะเพชรนั้น เป็นเรื่องการสงเคราะห์ของพระพุทธเจ้า ผู้รับต้องมีศีล ๕ มีใจสงบเป็นสมาธิื สองข้อนี้ได้ก็รับยันต์ได้อย่างแน่นอน

 

ไม่ทราบนะครับ ยังไม่เคยไปสนทนากับสองที่นี้เลย แต่ทางวัดทุ่ง เข้าใจว่ามาทางสายพระอาจารย์ช่อ ครับ ทราบเพียงเท่านี้จริงๆ คิดว่าคนละสายนะครับ แต่ถ้าหมายถึงทุกสายมาจากหลวงพ่อปานก็ไม่ว่ากัน