ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
     
  2. ปกรณ์

    ปกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +3,761
    ทำไปทำมา อาจร่นเข้ามาอีกก็ได้ครับ ดูจากสถานการณ์แล้วมันเหมือนมีอัตราเร่งเป็นทวีคูณ ซึ่งนักวิทย์ ฯ ต่างประเทศก็คงทราบดี แต่หาคำอธิบายเป็นรูปธรรมไม่ได้ ตัวอย่างเช่น อัตราการละลายของน้ำแข็งขั้วโลกที่เร็วกว่าที่นักวิทย์ ฯ คิดกันไว้ ซึ่งมันก็คงมีเหตุผลลึก ๆ ที่ทำให้เป็นอย่างนั้นแต่คนยังหาไม่เจอ

    ผมว่าถ้าเกิดขึ้นและร้ายแรงดั่งที่คุยกัน คนทั่วไปคงรับไม่ไหวแน่ ๆ ครับ จะเสียสติกันก็ด้วยเหตุนี้กระมัง
    1.การพลัดพรากจากคนรัก ครอบครัว สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง อยู่อย่างลำพังโดยไม่รู้ชะตากรรมข้างหน้า ถ้าไม่มีพระอยู่ในใจก็คงลำบากมาก ๆ
    2.การดิ้นรนหาความอยู่รอด ระหว่างทางเจอแต่ศพเป็นแสน ๆ ต้องนอนพักท่ามกลางศพเต็มไปหมด คงรับไม่ไหว สติแตกก่อนแน่ ๆ นี่ยังไม่นับรวมวิญญานชั่วร้ายที่คอยซ้ำเติมอีก
     
  3. ชาไม่รู้

    ชาไม่รู้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    485
    ค่าพลัง:
    +878


    สาธุค่ะ คนไม่รู้ก็น่าสงสารเนอะ
     
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    </p>*** สาเหตุระดับน้ำทะเลสูงรวดเร็ว ****

    นักวิทยาศาสตร์...ส่วนใหญ่ ไม่ทราบเหตุ ที่เร่งให้น้ำทะเลสูงขึ้นรวดเร็ว
    ปรากฏการณ์ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเร็ว....เป็นเพราะ การจัดสรรของสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    ที่แต่ละศาสนา เรีบกต่างกันไป...เช่น
    พระเจ้า พระผู้เป็นเจ้า พระบิดา พระมารดา พระธรรมมารดา หรือ องค์เทพที่ดูแลต่างๆ ฯลฯ
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด คือ หนึ่งเดียวกัน...หมายถึง โลกุตตระ (พระไตรปิฎก)
    การจัดสรรน้ำ จากทางช้างเผือกมาสู่โลก...เพื่อช่วยสัตว์โลก ช่วยทุกอย่างให้ดีขึ้น
    น้ำแข็ง จากทางช้างเผือกลอยมาตาม ลมจักรวาล...มาลงที่ไซบีเรีย
    มีหลายขาด ทั้งก้อนใหญ่ก้อนเล็ก
    เมื่อถึงชั้นบรรยากาศ...จะเสียดสี เป็นละลอง
    ก้อนใหญ่ๆ ....จะเสียดสี มองเห็นเป็นปรากฏการณ์...ฝนดาวตก ซึ่งไม่มีอันตรายต่อโลก
    ซึ่งเกิดขึ้นติดต่อกันมานาน หลายปีแล้ว
    หาก...ขึ้นไปมองในอวกาศ จะเห็นสะท้อนแสงเป็นทาง
    นักวิทยาศาสตร์ บางประเทศอาจจะเห็น...แต่ ไม่มีคำอธิบาย จึงไม่เปิดเผยข้อมูล
    หรือ อาจคิดว่า...มีเพียงเล็กน้อย
    หรือ เห็นแล้ว แต่ไม่คิดว่าเป็นน้ำ
    แต่...ปริมาณน้ำที่มาเพิ่ม โดยโลกุตตระจัดสรร...
    มีปริมาณมากเท่ากับ น้ำในโลกที่ขาดหายไป คือ ๑๖ ส่วน
    คือ ๑๖ เท่า ของน้ำที่มีอยู่ในโลกปัจจุบัน ก่อนหน้านี้

    เรื่องนี้ ข้าพระพุทธเจ้าไม่ได้แต่งเอง
    แต่ เป็นการบอกเล่าโดย โลกุตตระ
    โดยน้ำจะเพิ่มมากขึ้น....เกาะต่างๆ จะจมเป็นล้านๆ เกาะ
    ประเทศไทยต้องเสียพื้นที่พื้นดินไปบางส่วน ภาคใต้จะท่วม
    พื้นที่ติดทะเลชายฝั่งตะวันออก จะท่วมกลับไปเป็นทะเล เป็นธรรมชาติเช่นเดิม

    เรื่องนี้ จึงไม่ใช่นิยาย เรื่องที่นำมาโกหกหลอกลวงกันเล่นๆ สนุกๆ
    แต่ ข้าพระพุทธเจ้านำมาบอกกล่าวเป็นหลักฐานไว้ครั้งนี้
    เพื่อเป็นการเตือนให้คนไทย ผู้มีอำนาจบริหารประเทศ และมนุษย์ที่เชื่อทุกคน
    ได้เข้าใจในธรรมชาติ ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปในอีกไม่นาน
    และ ได้เตรียมตัวให้พร้อม สำหรับโลกยุคที่จะมีน้ำเพิ่มมากขึ้น

    โลกุตตระ (พระไตรปิฎก)
    ได้เคยเตือน ถึงสรรพภัยทั้งปวงหลังกึ่งพุทธกาล
    โดยได้มอบ
     
  5. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** การปรากฏของพระไตรปิฎก ****

    ทุก ๑๐,๐๐๐ ปี... "พระไตรปิฎก" จะปรากฏเป็นมนุษย์
    เรียกว่า ... "โลกุตตระ"
    ดินแดน...แห่งใดที่ โลกุตตระ(พระไตรปิฎก) มาปรากฏ
    ดินแดนแห่งนั้น...โชคดียิ่งนัก
    ในช่วงกึ่งพุทธกาล ๒,๕๐๐ ปี
    "โลกุตตระ" มาปรากฏ ณ ประเทศไทย
    เพื่อมาสานต่อ พุทธศาสนาของพระโคดมให้ครบ ๕,๐๐๐ ปี
    จึงมาสั่งสอนใน "หลักสัจจะธรรม" และ "สัจจะ"
    การปฏิบัติตนด้วยสัจจะ...จึงเป็นหนทางนำพาให้หลุดพ้นได้จริง
    ชาวพุทธในประเทศไทย...จึงจะเป็นผู้ที่มีโอกาสดี
    ที่จะน้อมรับ "สัจจะ" จาก "โลกุตตระ" มาปฏิบัติก่อนชนชาติอื่น

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  6. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เป็นมนุษย์...พามาให้ดูหน่อย
    ผมอยากเห็นพระไตรปิฎกแบบเดินได้
     
  7. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    2007-08-23 03:46:08 - Climate Change - Greenland

    <CODE>GLIDE CODE: CC-20070823-13042-GRL
    Date & Time: 2007-08-23 03:46:08 [UTC]
    Area: Greenland, , ,




    <FIELDSET>NOTICE!</FIELDSET>

    Description:

    <CODE>An expert report out today claims the thaw of Antarctic ice is outpacing predictions by the UN climate panel, and could in the worst case drive up world sea levels by two metres by the turn of the century. Chris Rapley, the outgoing head of the British Antarctic Survey, says there are worrying signs of accelerating flows of ice towards the ocean with little sign of more snow falling inland to compensate. He is identifying a similar problem in Greenland. A report from the UN climate panel said that rising temperatures due to more and more greenhouse gases are melting ice
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2007
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    การกระทำของตัวเรา...จะพิพากษาตัวของเราเอง
    เป็นไปตาม ....หลักสัจจะธรรม
    คือ.... "ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน "
    ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  9. ชาไม่รู้

    ชาไม่รู้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    485
    ค่าพลัง:
    +878
    สาธุ
     
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    จากข้อความเดิม
    จากกระทู้ชื่อ ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่
    วันที่ 06-07-2007, 08:11 PM
    ลำดับตอบกระทู้ #3002

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2007
  11. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    วันเวลาบอกได้ก็เลื่อนได้ครับ..ทุกอย่างอยู่ที่มนุษย์ ถึงแม้ว่ามนุษย์สามารถแก้<WBR>ไข ยกเลิกการเปลี่ย<WBR>นแปลงที่รุนแรงข<WBR>องโลกคราวนี้ไปไ<WBR>ด้ ในท้ายที่สุดจักรวาลก็จะต้อง<WBR>มีการปรับตัวอย่<WBR>างอื่นอยู่ดี โลกเป็นส่วนหน<WBR>ึ่งของพลังงานแห<WBR>่งจักรวาล เวลาของโลกเป็นเ<WBR>ส้นเวลาสมมุติ ที่<WBR>่วกเป็นวงกลมเหมือนเข็มนาฬิก<WBR>าสิ่งมีชีวิตก็จะ<WBR>ถูกเปลี่ยนแปลง เวลาเส้นใหม่จะถ<WBR>ูกขีดขึ้นมาใหม่ แล้วทุกอย่างจะเ<WBR>ริ่มต้นใหม่อีกค<WBR>รั้ง จิตมนุษย์ยิ่งให<WBR>ญ่ที่สุด ถึงแม้มนุษย์ต้อ<WBR>งการช่วยเหลือโล<WBR>ก แค่คนเดียวเป็นไ<WBR>ปไม่ได้ ท่านให้ฝึกจิตตั<WBR>วเองให้เข้มแข็ง<WBR>เต็มเปี่ยมด้วยพ<WBR>ลังทางจิตที่บร<WBR>ิสุทธิ์แล้วช่วย<WBR>เหลือจิตคนใกล้ต<WBR>ัวให้เค้าขึ้นมา<WBR>จากหลุมพลางของพ<WBR>ลังงานกรรมแค่นี้<WBR>้โลกก็จะดีขึ้นครับ ( Mac+Bas....)


    มีเพื่อนท่านหนึ่งในเวป รับข่าวจากจักรวาลมาครับ สำหรับผมบอกได้ตามที่ทราบมาครับว่าระยะเวลาที่จะเกิดขึ้นคือ 49 วัน [7:7:49] ตามรหัส 11:11 โดยเฉพาะวันที่ 11 พย. 51 เร็วหรือช้าไม่อาจทราบได้ คอยจับตาระวังกันไว้บ้างก็ดี สังเกตดูท้องฟ้าเปลื่ยนเป็นสีแดงเป็นสัญญาณ ทั้งสองฝ่ายกำลังต้านกันไม่ได้อยู่นิ่งเฉย รักษาจิตเราให้ดี..ให้มีปนิธธานแห่งนิพพานเป็นที่ตั้งไว้เสมอครับ

    [​IMG]

    อันนี้มีฝรั่งเอา Crop Cycles มาตีความ ถอดรหัสจากดวงจันทร์
    ได้เลขชุดนี้มา 13 September 2007 (จากคุณZZ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2007
  12. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    เมื่อวันนั้นมาถึง แม้แต่เทพบุตรก็ไม่รู้ แม้แต่พระบุตรก็ไม่รู้ จะรู้ก็เพียงแต่พระบิดาเท่านนั้น (วิวรณ์ ที่ไหนสักแห่งกล่าวไว้)
    เทพบุตร ก็เหล่าเทพ เทวดา
    พระบุตร ก็พระสาวก
    พระบิดาก็ พระพุทธเจ้า
    คำบอกกล่าวนอกจากนี้อย่านำมากล่าวเลย
    เมื่อวันนั้นมาถึง บุตรมนุษย์จะเป็นผู้กล่าวความจริงเกี่ยวกับพระเยซู และใกล้ถึงเวลาแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 สิงหาคม 2007
  13. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    ข้อมูลวันเวลาเกิดภัยพิบัติรุนแรง

    1. ข้อมูลจากสัญญาณจากจักรวาล

    http://www.universal-signal.com/html/armagedon/earthchange.htm

    แจ้งให้ทราบแล้วว่าภัยพิบัติของโลกได้เรื่องต้นขึ้นเมื่อวันที่ 28 พค. 2550 วันนี้วันที่ 23 สค. 2550 ทั่วโลกปั่นป่วนด้วยภัยแผ่นดินไหว พายุเฮอริเคน และน้ำท่วม ดังนี้...

    ณ เวลานี้วันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๐ เกิดเส้นแรงสนามแม่เหล็กขาดสะบัดมากมาย จนโลกเกือบทนไม่ไหว ระดับความรุนแรงกำลังเข้าสู้ระยะวิกฤติเต็มทนแล้ว

    สัญญาธาตุรู้ที่อยู่คู่กับทุกอณูในสรรพสิ่ง บอกข้าว่า ก่อนมหันตภัยอีก ๑๒ ปีข้างหน้ามันไม่ใช่จุดเริ่มต้นเสียแล้ว แต่มันเริ่มต้น จากวันนี้ และเดี๋ยวนี้เลย

    ความรุนแรงจะเพิ่มมากยิ่งขึ้นจนวิบัติได้ อย่างที่มนุษย์ เห็นด้วยตาเปล่าได้ราวในเดือนกรกฎาคม และจะรุนแรงมากที่สุด ระหว่างตั้งแต่เดือน กันยายน-ตุลาคมเป็นต้นไป

    และจะเบาบางลงในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ มนุษย์ทั้งหลาย ต้องล้มตาย และอดอยากมากมาย ถ้าความสมดุลเป็นเช่นนี้ไม่เปลี่ยนแปลง

    ประเทศไทยจะมีน้ำท่วมในที่ลุ่มมาก เกิดทั้งแผ่นดินแยก แผ่นดินยุบ ภูเขาทลายลง ความร้อนปะทุจากใต้พื้นดิน ถนนสิ่งก่อสร้างจะพังทลายลงให้เห็น

    สัญญาณการเตือนมหันตภัยของโลก เหตุร้ายมหันตภัย จะมีความรุนแรงขึ้นมากในเดือน กรกฎาคมปีนี้ (๒๕๕๐) ถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า (๒๕๕๑)
    จะรุนแรงมากที่สุด ในเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคมปีนี้

    จะมีสัญญาณบอกเหตุร้ายของมหันตภัย ขณะก่อตัวขึ้น :

    เริ่มต้นด้วยการที่ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดง มาทางทิศตะวันตก เฉียงใต้ แล้วเกิดพายุฝนกระหน่ำ ๓ วัน ๗ วัน

    มาในทิศเดียวกัน จากนั้นจะเกิดเสียงดังสนั่นคำรามจากใต้พิภพ (มนุษย์นึกว่าฟ้าร้อง) พร้อมมีความร้อนใต้พิภพผุดขึ้นมานาน ๓ วัน แล้วเกิดแผ่นดินไหว รุนแรงไปทั่วโลก

    แผ่นดินสะบัดเหมือนแผ่นผ้าปลิวลม พื้นดินที่ราบลุ่ม สั่นเป็นระลอกคลื่น ผืนดินแยกออก ยุบตัวลง ภูเขาถล่ม ตึกสิ่งก่อสร้างทั้งหลาย และเขื่อนพังทลาย น้ำท่วม

    ท่อก๊าซระเบิด พายุฝนตกหนักต่อเนื่อง เพิ่มความรุนแรงของน้ำท่วมที่เผชิญอยู่อย่างรุนแรงมากขึ้น เกิดความอดอยาก ของผู้คนไปทั่วโลกหลังจากมหันตภัยจบลง

    และในอีกไม่นานนัก ก็จะเกิดเช่นนี้อีกหลายครั้ง จนกว่าโลกปรับตัวสมดุลเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่ต่อไป


    ล่าสุด...ยังได้เตือนภัยเรื่อง....การเตรียมตัวรับคลื่นความร้อนและพายุห่าฝนยักษ์ ในแผ่นดินไทย และทั่วโลก ในเดือนกันยายน-ตุลาคม 2550


    http://www.universal-signal.com/html/armagedon/diaster_thailand.htm

    2. ข้อมูลจากยานต่างดาว โดยการตีความวงกลมสัญญลักษณ์...โอม..ซึ่งแทนจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด...ตีความว่า...จะเป็นช่วงที่เกิดภัยพิบัติรุนแรงทุกหย่อมหญ้า


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]

    ลอง...กำหนดวันพระจันทร์ข้างขึ้นและข้างแรม...โดยให้รูปกลมโตลูกใหญ่...เป็นพระจันทร์เต็มดวง...และลูกกลมเล็กๆเป็นพระจันทร์ข้างขึ้นหรือข้างแรม


    รูปวงกลมทั้งหมดแสดงการเกิด...ข้างขึ้นและข้างแรม...ในรอบ 4 เดือนและปรากฏครบเป็นสัญญลักษณ์...โอม...ในวันที่ 7 กค. 2550 หมายถึงรอบการเกิด...ข้างขึ้นและข้างแรม...ในรอบปัจจุบันคือ พค.-สค. 2550

    I ... คือ 17 พค.-15 มิย. 2550
    II ... คือ 15 มิย.-15 กค. 2550
    III ... คือ 15 กค.-14 สค. 2550
    IV ... คือ 14 สค.-13 กย. 2550 (ไม่ครบ 29 วันเพราะวงกลมหายไปก่อน)

    ดังนั้นวันที่มนุษย์ต่างดาวต้องการสื่อสารมาก็คือ...13 กย. 2550 (หรือ 14-22 กย. 2550)

    ซึ่งสอดคล้องกับ www.universal-signal.com เป็นอย่างยิ่ง


    3. หลวงปู่เครา จ.เพชรบูรณ์ ได้ให้...รหัส...ไว้ที่ด้านหลังของแผนที่ คือเลข...11/27/48-49-50 ตีความได้เป็น 11/2+7/50 ซึ่งก็คือ 11/9/2550

    ซึ่งจะเป็นภัยน้ำท่วมทางภาคใต้และภาคกลาง ส่วนภาคเหนือเป็นภัยแผ่นดินไหว


    [​IMG] [​IMG]


    4. ในเดือนกันยายนจะเป็นเดือนที่ครบรอบเหตุการณ์ 11 กันยา (9-11)

    อาจมีการชิงประกาศสงครามระหว่าง...สหรัฐกับอิหร่าน...และโลกอาหรับ เนื่องจากปัจจุบันเศรษฐกิจสหรัฐกำลังล่มสลาย เงินดอลล่าร์ไม่มีค่า การก่อสงครามสหรัฐนั้น...หวังว่าจะขายน้ำมันได้แพง เพื่อนำเงินตรามากอบกู้เศรษฐกิจขาลงของตน

    คาดว่าจะประกาศในวันที่ 11 กย. 2550 และมีการตอบโต้จากโลกอิสลาม ภายใน 13 กย 2550
     
  14. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    716
    ค่าพลัง:
    +3,151
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เริ่มแล้ว.. สหรัฐฯ ช่วยฝึกทหารเขมร</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>23 สิงหาคม 2550 14:48 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>พลเรือเอก ธิโมที เจ.คีติ้ง (Timothy J. Keating) ผู้บัญชาการทหารของสหรัฐประจำภูมิภาคแปซิฟิก เข้าพบหารือกับพล.อ.เตียบัญ (Tea Bahn) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา (ภาพ: AFP) </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผู้บัญชาการทหารของสหรัฐอเมริกาประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แสดงความกังวลเกี่ยวกับการสร้างกองกำลังทหารอย่างรวดเร็วของจีน ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากจีนจัดแสดงพลังอำนาจทางทหารที่ไม่เคยมีมาก่อน ในระหว่างการซ้อมรบกับรัสเซีย

    สหรัฐฯ ยังได้ประกาศให้การช่วยเหลือทางทหารแก่กองทัพกัมพูชาในรูปของการฝึกอบรมบุคคลากรและเจ้าหน้าที่อีกด้วย

    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้ประกาศมาตลอดเวลา ว่า ไม่มีนโยบายจะเข้ายุ่งเกี่ยวทางทหารในประเทศนี้ และไม่มีความคิดที่จะเข้าไปถ่วงดุลอำนาจกับจีนในประเทศแถบนี้
     
  15. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <table class="mxtable" align="center" bgcolor="#ffffff" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td height="120" valign="top">
    ชี้เขื่อนกั้นคลื่นทะเลร้ายกว่าที่คิด

    เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) จัดประชุมชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนล่าง "ปัญหาและการฟื้นฟู" นายปริทัศน์ เจริญสิทธิ์ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า จากการบินสำรวจร่วมกับสำนักอนุรักษ์การบินพบว่า ฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง ตั้งแต่นราธิวาส ปัตตานี สงขลา และนครศรีธรรมราช มีการก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นและรอดักทรายทั้งสิ้น 25 จุด เฉพาะ จ.นราธิวาส จากปากแม่น้ำโก-ลกจนถึงพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ระยะทาง 20 กม. เพียง 1 จุด มีเขื่อนกันทรายและกันคลื่นมากถึง 33 ตัว ส่วนบริเวณปากแม่น้ำใน 3 จังหวัด ก็มีเขื่อนเฉลี่ยจุดละ 1-3 ตัว

    "เราพบว่า หลังจากก่อสร้างเขื่อนตัวแรกที่ฝั่งมาเลเซีย เมื่อปี 2535 ส่งผลให้ตลอดแนวฝั่งทะเล 4 จังหวัดเกิดการกัดเซาะ วิธีแก้คือ การก่อสร้างเขื่อนกั้นคลื่นและทราย แต่กลับกระทบเป็นลูกโซ่ขึ้น เนื่องจากชายฝั่งอ่าวไทยมีลักษณะเรียบตรง และมีกระแสน้ำชายฝั่งเป็นลักษณะเฉพาะ การมีโครงสร้างกีดขวาง จะทำให้กระแสน้ำเกิดการเปลี่ยนแปลงทิศทาง และเร่งให้เกิดการกัดเซาะ เพราะชายฝั่งบางพื้นที่ขาดตะกอนไปหล่อเลี้ยง และพยายามจะปรับตัวให้เข้าสมดุลใหม่" นายปริทัศน์กล่าว

    นายสมบูรณ์ พรพิเนตพงศ์ นักวิชาการคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า ปัญหาการพังทลายของชายหาดภาคใต้ ตั้งแต่พื้นที่ จ.นราธิวาส ขึ้นไปจนถึง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช พบมีอัตรารุนแรง มากกว่าการประเมินความเหมาะสม การสร้างเขื่อนกันทรายและคลื่นที่กรมการขนส่งทางน้ำ และพานิชย์นาวี เคยว่าจ้างบริษัทศึกษา เมื่อปี 2535 ขณะที่รายงานดังกล่าวยังระบุไว้ชัด เช่น กรณีเขื่อนกันคลื่นร่องน้ำ ท่าศาลา เมื่อสิ้นสุดปีที่ 25 จะเกิดการกัดเซาะด้านเหนือเขื่อนประมาณ 150 เมตร ซึ่งปัจจุบันกัดเซาะเกิน 100 เมตร เร็วกว่าการประเมินมาก พร้อมทั้งเสนอให้นำทรายที่ถมทางด้านใต้เขื่อนมาเติม แต่หน่วยงานนี้ก็ไม่เลือกวิธีเติมทราย แต่เลือกสร้างเขื่อนเพิ่มขึ้นในบริเวณที่ถูกกัดเซาะ ยิ่งสร้างเขื่อนกันคลื่นก็จะลุกลามให้เกิดกัดเซาะมากขึ้น เป็นความผิดพลาดที่สิ้นเปลืองงบฯมาก

    (คอลัมน์:ชีวิตคุณภาพ)
    </td><td rowspan="3" width="18"> </td></tr><tr><td align="right">มติชน [​IMG] </td></tr><tr><td align="right">23 ส.ค. 2550</td></tr></tbody></table>
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    ณ จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ อนาคตโลก ...อนาคตไทย (จบ) <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ยุค ศรีอาริยะ</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">23 สิงหาคม 2550 19:35 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td align="left" height="12" valign="bottom">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#cccccc"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="1" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" bgcolor="#ffffff" valign="top"> <table cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellspacing="7" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> สภาวะ Chaos กับความเป็นหนึ่งเดียว

    สภาวะ Chaos มีพลังทั้งด้านบวก และลบ

    พลังด้านลบคือ เมื่อเกิดวิกฤต คนทุกคน ทุกฝ่าย ทุกกลุ่มดิ้นรนเอาตัวรอด เห็นแต่ผลประโยชน์ของตนเองเป็นสำคัญ และกลายเป็น “ศัตรู” เผชิญหน้ากัน

    ทุกคน ทุกกลุ่ม และทุกฝ่าย เชื่อว่าที่ตัวเองคิด ที่กลุ่มตนเชื่อนั้น “ทำถูกต้อง” จริงแท้แน่นอน และคนอื่นๆ ต้องคิด ต้องเชื่อ และต้องทำตาม

    อัตตา ......อัตตา .........อัตตา...........และลงท้ายด้วยการฆ่ากัน

    การเมืองไทยวันนี้ จึงร้อนระอุ และรุนแรงขึ้นทุกขณะ

    “ใจ” ของผู้คนก็ร้อนรนอย่างยิ่ง ตกหลงอยู่ใน “โลกแห่งอัตตา” แตกเป็นฝักเป็นฝ่าย

    แผ่นดินไทยจึงแยกเป็นเสี่ยงๆ และไม่มีทางจะหันเข้าบรรจบกันได้


    วันนี้ แม้แต่คนรุ่น 14 ตุลา และ 6 ตุลา ที่เคยต่อสู้ร่วมกันมายาวนาน ยังแตกเป็นเสี่ยงๆ และถือว่าอีกกลุ่มหนึ่งคือ “ศัตรู”

    เรียกว่า เจอหน้ากัน ต้องสาดโคลนใส่กัน

    ทุกฝ่ายเชื่อว่า ต้องแยกมิตรแยกศัตรูให้ได้อย่างชัดเจน และต้องทำลายล้างศัตรู

    นี่คือความเชื่อเรื่อง “สงคราม” และต่างฝ่ายต่างหลงคิดว่า “สงครามและการทำลายล้างกัน” คือ ทางออกสังคมไทย

    บางคนยังหลงเชื่อว่า “การฆ่ากัน” และ “การก่อสงครามปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่” จะสร้าง หรือก่อให้เกิดอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ และรุ่งโรจน์

    ความเชื่อนี้ถือว่าเป็นผลผลิตที่น่ากลัวของวัฒนธรรมตะวันตกที่เชื่อว่า ความรุนแรง คือทางออก และระบบสังคมโลกมีแต่วิวัฒน์เป็นเส้นตรงไปข้างหน้าเท่านั้น

    สงคราม หรือการปฏิวัติ คือ กฎแห่งประวัติศาสตร์ที่จำเป็นและหลีกเลี่ยงไม่ได้

    เราลืมไปว่า “วิถีโลก” มักพลิกผันอย่างยิ่ง

    ลองมองย้อนดูประวัติศาสตร์การปฏิวัติฝรั่งเศส ซึ่งถือว่าเป็นการลุกขึ้นสู้ของชนชั้นล่าง หรือประชาชนฝรั่งเศสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

    มองในแง่ดี “การปฏิวัตินี้” ให้อะไรหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปฏิวัติครั้งนี้นำสู่การเคลื่อนตัวของพลังชนชั้นล่าง และทำให้ระบบเก่าที่ล้าสมัยถูกล้มคว่ำไป แต่ในเวลาเดียวกัน การปฏิวัตินี้ก็สามารถนำหายนะใหญ่มาสู่ประชาชนฝรั่งเศสได้เช่นกัน

    หลังการปฏิวัติฝรั่งเศส ได้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น และเกิด “การฆ่ากันไม่สิ้นไม่สุด” เพราะบ้านเมืองเกิดแตกแยกเป็นฝักเป็นฝ่ายมากมาย ในที่สุด ประชาชนฝรั่งเศสได้หันไปหาผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถครองใจประชาชนส่วนใหญ่ได้ นายทหารชื่อ “นโปเลียน” จึงกลายเป็นผู้นำที่ประชาชนทั่วไปรัก และกลายเป็นคำตอบของประวัติศาสตร์ ในช่วงนั้น

    แต่ในที่สุด นโปเลียนได้ตั้งตนขึ้นเป็นจักรพรรดิและนำฝรั่งเศสเข้าสู่สงครามที่ยาวนาน และจบลงด้วยความพ่ายแพ้ และหายนะใหญ่

    ในกรณีการปฏิวัติรัสเซีย หลังการปฏิวัติ ได้เกิดสงครามชาวนาขึ้น ในช่วงสงครามฝ่ายปฏิวัติได้ฆ่าบรรดาชาวนาล้มตายจำนวนมาก

    กรณีการปฏิวัติจีน หลังการปฏิวัติได้เกิดบาดแผลใหญ่ทางประวัติศาสตร์ที่คนจีนยังไม่ลืม นั่นคือ การปฏิวัติวัฒนธรรม

    ในกรณีการปฏิวัติกัมพูชาก็จบลงด้วยเรื่องราวโศกนาฏกรรมครั้งประวัติศาสตร์ ชีวิตผู้คนชาวกัมพูชานับล้านคนต้องตายเพื่อสังเวยการปฏิวัติ

    วันนี้ ประเทศจีน รัสเซียที่ยิ่งใหญ่ รวมทั้งกัมพูชาซึ่งเคยต่อต้านระบบทุนนิยม และมองทุนนิยมว่าสุดๆ ชั่วร้าย ก็ต้องพลิกผันหันสู่เส้นทางทุนนิยม

    นี่คือ เส้นทางประวัติศาสตร์โลกที่ไม่เป็นเส้นตรง และพลิกผันอย่างยิ่ง

    ทฤษฎี Chaos เชื่อว่า “ความพลิกผันอย่างยิ่ง คือ กฎพื้นฐานของประวัติศาสตร์โลก”


    ในยุค 14 ตุลา เยาวชนไทยอยากเป็นนักปฏิวัติกัน เพราะเราฝันว่า “หลังปฏิวัติ” ความเจริญรุ่งเรืองจะปรากฏขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    วันนี้ ความเจริญรุ่งเรืองที่หลีกเลี่ยงไม่ได้กลายเป็นเพียงเครื่องหมายคำถาม

    นักธุรกิจไทย และนักเศรษฐศาสตร์ไทย ได้นำประเทศไทยก้าวสู่เส้นทางทุนนิยมแบบตะวันตก โดยหวังว่าประเทศไทยจะก้าวสู่อารยธรรมที่รุ่งเรืองแบบตะวันตก

    แต่วันนี้ สังคมไทยกลับก้าวสู่วิกฤตที่หนักหน่วงขึ้นในทุกๆ ด้าน

    กล่าวอย่างสรุปคือ วันนี้ทฤษฎีทั้งซ้าย และขวาที่มาจากโลกตะวันตก ล้วนสอน “มายา” และสอนให้เราติดหลง “มายา”

    ผู้คนที่เริ่มเปิดโปง “มายา” นี้คือ นักวิชาการชาวตะวันตก เอง

    วันนี้ นักวิชาการตะวันตก เริ่มตั้งคำถามต่อทฤษฎีใหญ่ๆ ไม่ว่าซ้ายหรือขวา ว่าคือ “อภิมหามายา”


    พวกเขาเริ่มสงสัยว่า ความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจแบบตะวันตกกับความสุขกำลังวิ่งสวนทางกัน

    ระบบโลกทั้งแบบสังคมนิยมและทุนนิยมได้ก้าวสู่สภาวะวิกฤตที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้นำโลกก้าวสู่โลกอารยธรรมที่รุ่งโรจน์อย่างที่ทฤษฎีเหล่านี้กล่าวอ้าง

    มาถึงตรงนี้ ผู้อ่านอาจจะตั้งคำถามว่า

    “ถ้าจริงว่า จะเกิดกลียุคใหญ่ อะไร คือทางออกที่เป็นรูปธรรมที่สุด”

    ผมคงตอบว่า

    ทางออกแรก คือ อภิวัฒน์ภูมิปัญญาโลกใหม่ ซึ่งผมกล่าวถึงมาแล้วในบทความชิ้นนี้ การอภิวัฒน์ครั้งนี้ จะทำให้มนุษย์ก้าวผ่านความเชื่อเรื่อง เงิน และอำนาจเป็นใหญ่

    ก้าวผ่านวัฒนธรรมตะวันตกที่เคยแอบอ้างว่าเป็นวิทยาศาสตร์ หรือจริงแท้แน่นอน

    ก้าวผ่านความเชื่อเรื่อง ความรุนแรง และความเป็นชาย

    ก้าวสู่การสร้างสรรค์จิตวิญญาณของคนทั่วโลกใหม่

    จิตใจที่ดีงาม และงดงามเท่านั้น จึงจะสามารถสร้างสังคม และโลกที่งดงามได้

    ในเวลาเดียวกัน หมายความว่า การอภิวัฒน์ภูมิปัญญาโลกใหม่ครั้งนี้ หัวใจอยู่ที่การอภิวัฒน์จิตวิญญาณของมนุษยชาติใหม่

    เราต้องเรียนรู้ที่จะ “รัก” และ “ให้รัก” ธรรมชาติ และเพื่อนมนุษย์

    คนที่รู้จักรัก และรู้จักให้ ก็จะพบกับ “ความสุข” ที่ยั่งยืน

    ทางออกอีกประการหนึ่งคือ การประสานเชื่อมขบวนการประชาชนโลกเข้าด้วยกัน

    ปัจจุบันขบวนการประชาชนโลก ซึ่งเคลื่อนไหวในระดับโลก ได้ก่อตัวขึ้นหลายๆ ขบวนการ

    ที่สำคัญอย่างเช่น ขบวนการสันติภาพโลก ขบวนการสิ่งแวดล้อมโลก ขบวนการที่ต่อต้านความยากจน และขบวนการทางศาสนา และจิตวิญญาณยุคใหม่

    หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ประเทศต่างๆในยุโรปถูกทำลายล้างด้วยสงคราม ความโหดร้ายของสงครามในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ได้ก่อให้เกิดกลุ่มผู้คนทั้งในยุโรป และอเมริกา ที่ไม่เชื่อในเรื่องของสงคราม แต่หันกลับมาเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อสันติภาพของโลกขึ้น

    กลุ่มคนเหล่านี้ ได้เคลื่อนไหวใหญ่อีกครั้งหนึ่งในสมัยสงครามเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ปัญญาชนอเมริกันที่ต่อต้านสงครามเวียดนาม

    ในช่วงนี้ เพลงเพื่อชีวิตของเยาวชนอเมริกันสมัยนั้น ได้เรียกร้องให้คนทั่วโลกให้โอกาสแก่สันติภาพ

    นี่คือที่มาของเครือข่ายสันติภาพโลก ที่ต่อต้านการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาด้วยความรุนแรง

    ต่อมา ขบวนการนี้ได้พัฒนาสู่การต่อต้านการค้าอาวุธและการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ ต่อต้านการใช้ความรุนแรงในรูปแบบอื่นๆ รวมทั้งเป็นที่มาของการสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน

    มีนักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ นักการศาสนา ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของโลก อย่างเช่น ไอน์สไตน์ ท่านทาไลลามะ และอื่นๆ ได้เข้าร่วมในการต่อสู้นี้ด้วย

    ปัจจุบัน ขบวนคิดเรื่องสันติภาพนี้ได้พัฒนาเติบใหญ่ขึ้นและได้เคลื่อนตัวประสานเชื่อมกับขบวนการอื่นๆ ที่ต่อสู้เรื่องความยากจน และขบวนการที่ต่อสู้เรื่องสิ่งแวดล้อมโลก รวมทั้งร่วมกับขบวนการด้านศาสนาและจิตวิญญาณโลกยุคใหม่

    ผู้อ่านอาจจะสงสัยว่า

    อะไรทำให้ขบวนการของประชาชนทั่วโลกซึ่งมีที่มาทางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกันจึงสามารถประสานเชื่อมเข้าหากันได้

    ผมคงตอบตรงๆ ได้ ไม่ง่ายนัก

    เหตุผลหนึ่ง อาจจะมาจากบรรดานักการศาสนาด้านจิตวิญญาณยุคใหม่ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่นำเสนอ “ความรัก และสันติภาพ” ว่าคือ ทางออกของโลกยามวิกฤตอย่างหนัก

    ความเชื่อเรื่องสันติภาพ และความรักนี้ ได้แพร่กระจายไปทั่วโลกได้ง่ายที่สุด
    เพราะผู้คนส่วนใหญ่ในโลก ก็ล้วนแต่ต้องการความรัก และต้องการสันติภาพ ด้วยกันทั้งนั้น

    อีกเหตุผลหนึ่ง อาจจะเพราะคนที่รักสันติภาพ และนักการศาสนาด้านจิตวิญญาณได้ตระหนักรู้ว่า ปัญหาความยากจน คือฐานรากของสงครามและการแย่งชิง

    นอกจากนี้ พวกเขาเริ่มคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม เพราะสงครามในยุคปัจจุบันไม่ได้เกิดจากปัญหาความยากจนเท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดจากการช่วงชิงทรัพยากรธรรมชาติได้ด้วย

    ที่สำคัญ บรรดาผู้รักสันติภาพ บรรดาผู้ที่ต่อสู้เพื่อคนจน และบรรดาผู้ที่รักธรรมชาติ กำลังค้นพบจุดร่วมกันทางปรัชญาและอุดมการณ์ ซึ่งคล้ายกับการหวนกลับไปสู่ปรัชญาทางศาสนา อย่างเช่นพุทธ และเต๋า ที่เชื่อในเรื่อง “ความไร้ตัวตน” หรือ “ความเป็นหนึ่งเดียวกัน”

    วันหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งชื่อว่า เอ็ดการ์ มิทเชลล์ ได้เดินทางไปนอกโลก

    เขาหันกลับมามองโลก สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาของเขาคือคำภาษาอังกฤษว่า The Same Oneness หรือโลกที่เป็นหนึ่งเดียวกัน

    ปรากฏการณ์นี้ ทำให้เขาตั้งคำถามต่อความเชื่อและความนึกคิดทั้งหมดของเขาเองในอดีต

    โลกที่เขาเคยมีชีวิตอยู่คือ โลกที่มีฝักมีฝ่าย ทุกคนเป็นศัตรูของทุกคน คนทุกคนต้องเอาชนะกัน สู้กัน และทำสงครามฆ่ากัน

    The Same Oneness คือ ความจริงที่ถูกมองข้าม

    ความจริงนี้สอนเราว่า เราทุกคนในโลกใบเดียวกันนี้ ก็คือเพื่อนหรือญาติพี่น้องกันทั้งนั้นเพราะเรามีแม่คนเดียวกัน แม่ผู้ให้กำเนิดเราคือ โลกใบนี้

    คำว่า The Same Oneness นี้ ไม่ได้หมายความว่า คนทุกคนล้วนเป็นญาติพี่น้องกันเท่านั้น แนวคิดนี้ยังได้บอกว่า ที่จริงแล้ว มนุษย์เองไม่สามารถแยกตัวเองได้จากโลกใบนี้

    โลกใบนี้ คือ ชีวิตๆ หนึ่ง เราเป็นส่วนที่ประกอบขึ้นเป็นโลกใบนี้

    เวลาสอนหนังสือ ผมมักจะอธิบายเรื่องนี้ไว้ว่า

    มนุษย์มีปัญหาสำคัญประการแรก คือ เราเดินได้

    การที่เราเดินได้ ทำให้เราคิดว่า เราแยกจากโลกใบนี้ได้


    ถ้าเราเดินไม่ได้อย่างต้นไม้ เราจะคิดแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

    ต้นไม้มีชีวิตเติบโตได้เพราะมีรากที่หยั่งลึกลงไปในดิน อาศัยน้ำ และพลังงานอื่นจากดินเลี้ยงชีวิต ในขณะเดียวกัน ต้นไม้ก็อาศัยแสงแดดและลมในการหล่อเลี้ยงการเจริญเติบโตของต้นไม้

    เราไม่เคยคิดจริงๆ ว่า มนุษย์ที่สามารถพัฒนาและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้ ที่จริงเราก็อาศัยจากอาหาร จากน้ำ และจากดิน เรามีชีวิตอยู่ได้ ก็เพราะเรามีอากาศสำหรับหายใจ และต้องขึ้นกับแสงแดด ไม่ต่างจากต้นไม้

    ปัญหาที่ยิ่งใหญ่เรื่องที่สอง คือ “การเป็นนักคิด”

    มนุษย์จึงชอบคิดชอบจินตนาการ ความคิดที่รวมศูนย์ที่ตัวเรานี้เองได้กลายเป็นที่มาของความเชื่อเรื่องความเป็นตัวเป็นตนของแต่ละบุคคล ที่แยกตัวเราเองออกจากสิ่งอื่นๆ หรือคนอื่น

    ทำให้เราหลงคิดว่า เรามีจิตวิญญาณ หรือตัวตนแห่งเรา ที่เป็นอิสระแยกออกจากคนอื่นๆ ได้

    ถ้าเราคิดไม่ได้ และมีชีวิตไม่ต่างจากสัตว์ทั่วไป เราจะรู้ว่า “ตัวตน” หรือ “วิญญาณ” ที่ดูราวว่าแยกเป็นอิสระจากคนอื่นๆ ได้นั้น ไม่ได้มีอยู่จริง

    ความจริงแล้ว มนุษย์มี The Same Oneness ในด้านจิตวิญญาณด้วย

    ไม่เชื่อผม ลองตัดความเชื่อเรื่องตัวกูของกูออกไป เราจะรู้ว่า ความรับรู้ ทฤษฎี และความเชื่อมากมายที่เรารับรู้และฝังอยู่ในหัวสมองมนุษย์ทุกคนตั้งแต่เราเป็นเด็กๆ จนถึงช่วงเวลาที่เราเรียนหนังสือ รวมทั้งความรู้ที่มาจากสื่อ มาจากความบันเทิง และอื่นๆ มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน

    วิวัฒนาการทางด้านความรับรู้ร่วมกันหรือจิตวิญญาณร่วมของมนุษยชาตินี้ ได้พัฒนาขยายตัว สืบทอดมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน

    ความเชื่อหรือความรับรู้เหล่านี้ในช่วงอดีตแม้ว่าจะถูกแบ่งออกเป็นสายๆ ตามสายวัฒนธรรม อย่างเช่นตะวันออก และตะวันตก แต่ที่สุดแล้ว มนุษยชาติทั้งหมดก็ได้เรียนรู้ความคิด และความเชื่อในทุกสายวัฒนธรรม

    จิตเราที่แท้จึงแยกไม่ได้จากจิตวิญญาณของมนุษยชาติ

    ในเมื่อเรา มีกำเนิดมาจากโลกนี้ จิตวิญญาณของเราทุกคนก็คือ ส่วนหนึ่งของธรรมชาติเช่นกัน วิวัฒนาการของจิตใจมนุษย์ ก็คือวิวัฒนาการของธรรมชาติ เช่นกัน

    การเข้าถึง “ธรรม” หรือ “ธรรมชาติ” ก็คือ การเข้าใจตัวเราเอง และความเป็นหนึ่งเดียวกัน

    นี่คือ ความเป็น The Same Oneness ทางด้านจิตวิญญาณ ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ที่เรามองข้าม หรือมองไม่เห็น

    เฉพาะงานชิ้นนี้ ผมเสนอเพิ่มว่า ที่จริงแล้ว มนุษย์ไม่ว่าเกิดที่ไหน มีผิวพรรณและชั้นชนใด ก็มี The Same Oneness ในด้านชะตากรรมร่วม ด้วยกัน

    วันนี้ เรากำลังต้องเผชิญ วิกฤตใหญ่ยิ่ง ทั้งด้านสังคม และธรรมชาติร่วมกัน

    แต่ถึงอย่างไร วิกฤตทั้งหมดกำลังหันกลับมาช่วยกระตุ้นให้มวลมนุษย์ตื่นจากหลับ และค้นพบธรรม และเข้าใจความจริงที่พระพุทธองค์เคยตรัสไว้ว่า

    มนุษย์ทุกคน ล้วนแต่คือ เพื่อนร่วมทุกข์ ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  17. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Slide1.JPG
      Slide1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      75.2 KB
      เปิดดู:
      567
    • Slide2.JPG
      Slide2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      58.6 KB
      เปิดดู:
      45
    • Slide3.JPG
      Slide3.JPG
      ขนาดไฟล์:
      92.9 KB
      เปิดดู:
      552
    • Slide4.JPG
      Slide4.JPG
      ขนาดไฟล์:
      87.8 KB
      เปิดดู:
      530
    • Slide5.JPG
      Slide5.JPG
      ขนาดไฟล์:
      127 KB
      เปิดดู:
      529
    • Slide6.JPG
      Slide6.JPG
      ขนาดไฟล์:
      111.4 KB
      เปิดดู:
      528
    • Slide7.JPG
      Slide7.JPG
      ขนาดไฟล์:
      135.8 KB
      เปิดดู:
      524
    • Slide8.JPG
      Slide8.JPG
      ขนาดไฟล์:
      150.5 KB
      เปิดดู:
      519
    • Slide9.JPG
      Slide9.JPG
      ขนาดไฟล์:
      173.9 KB
      เปิดดู:
      506
    • Slide10.JPG
      Slide10.JPG
      ขนาดไฟล์:
      134.1 KB
      เปิดดู:
      500
    • Slide11.JPG
      Slide11.JPG
      ขนาดไฟล์:
      113.5 KB
      เปิดดู:
      512
    • Slide12.JPG
      Slide12.JPG
      ขนาดไฟล์:
      105.9 KB
      เปิดดู:
      107
    • Slide13.JPG
      Slide13.JPG
      ขนาดไฟล์:
      91.5 KB
      เปิดดู:
      104
    • Slide14.JPG
      Slide14.JPG
      ขนาดไฟล์:
      112.5 KB
      เปิดดู:
      67
    • Slide15.JPG
      Slide15.JPG
      ขนาดไฟล์:
      105 KB
      เปิดดู:
      50
    • Slide16.JPG
      Slide16.JPG
      ขนาดไฟล์:
      88.8 KB
      เปิดดู:
      48
    • Slide17.JPG
      Slide17.JPG
      ขนาดไฟล์:
      77.6 KB
      เปิดดู:
      44
    • Slide18.JPG
      Slide18.JPG
      ขนาดไฟล์:
      115.4 KB
      เปิดดู:
      496
    • Slide19.JPG
      Slide19.JPG
      ขนาดไฟล์:
      34.5 KB
      เปิดดู:
      72
    • Slide20.JPG
      Slide20.JPG
      ขนาดไฟล์:
      55.5 KB
      เปิดดู:
      76
    • Slide21.JPG
      Slide21.JPG
      ขนาดไฟล์:
      153.6 KB
      เปิดดู:
      489
    • Slide22.JPG
      Slide22.JPG
      ขนาดไฟล์:
      49.4 KB
      เปิดดู:
      61
    • Slide23.JPG
      Slide23.JPG
      ขนาดไฟล์:
      45.3 KB
      เปิดดู:
      55
    • Slide24.JPG
      Slide24.JPG
      ขนาดไฟล์:
      50.3 KB
      เปิดดู:
      54
    • Slide25.JPG
      Slide25.JPG
      ขนาดไฟล์:
      58.8 KB
      เปิดดู:
      63
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2007
  18. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ลุ้นชมจันทรุปราคาเต็มดวงสีส้มแดง 28 ส.ค.นี้</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>24 สิงหาคม 2550 10:49 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>28 สิงหาคมนี้ คนไทยและอีกหลายประเทศทั่วโลกในเอเชียจะได้มีโอกาสชมพระจันทร์สีส้มแดงยามพลบค่ำ ขณะที่ฝั่งอมเริกาจะได้เห็นในช่วงเช้ามืด (ภาพจาก www.travelthai.in.th)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>แผนภาพแสดงปรากฏการณ์ (ภาพจากสมาคมดาราศาสตร์ไทย)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>แผนภาพแสดงปรากฏการณ์ที่จะเห็นได้ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก (ภาพจากนาซา)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>นายอารี สวัสดี นายกสมาคมดาราศาสตร์ไทย </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>คนเกือบทั้งโลกเตรียมชมจันทรุปราคาเต็มดวง ปรากฎสีส้มแดงดวงใหญ่ นาน 1 ชั่วโมงครึ่งในวันที่ 28 ส.ค.นี้ ฝั่งอเมริกาเห็นปรากฏการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ ส่วนไทยจะเห็นในช่วงค่ำ แค่ช่วงปลายปรากฏการณ์

    พ.ศ.2550 ถือเป็นปีที่มีปรากฏการณ์ดาราศาสตร์หาชมได้ยากอย่าง “จันทรุปราคาเต็มดวง” เกิดขึ้นถึง 2 ครั้งในปีเดียวกัน โดยชาวโลกได้มีโอกาสชมปรากฏการณ์ครั้งแรกไปแล้วเมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่วนปรากฏการณ์ครั้งที่ 2 ในรอบปี จะเกิดขึ้นวันที่ 28 ส.ค.นี้ โดยผู้สังเกตปรากฏการณ์บนโลกจะเห็นพระจันทร์เป็นสีส้มแดง และจันทรุปราคาจะมีขนาดใหญ่กว่าเมื่อวันที่ 4 มี.ค.ประมาณ 8 %

    บริเวณที่จะเห็นปรากฏการณ์ครั้งนี้ได้แก่ เอเชียตะวันออก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และมหาสมุทรแปซิฟิกในช่วงค่ำ เมื่อดวงจันทร์โผล่เหนือขอบฟ้า โดยเห็นปรากฏการณ์เพียงบางส่วน ขณะที่ฝั่งอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ มลรัฐอลาสกาและหมู่เกาะฮาวายของสหรัฐฯ จะเห็นปรากฏการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบในตอนพระจันทร์ลับขอบฟ้าในช่วงเช้ามืดวันเดียวกัน ส่วนทวีปแอฟริกา สแกนดิเนเวีย ยุโรป และเอเชียตะวันตก จะไม่มีโอกาสเห็นปรากฏการณ์นี้ได้เลย

    ทั้งนี้ ในส่วนของประเทศไทย ซึ่งจะสังเกตเห็นแค่ช่วงท้ายของปรากฎการณ์ เนื่องจากพระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน

    ดวงจันทร์จะเคลื่อนเข้าแตะขอบเงามัวของโลกเวลา 14.54 น.

    จากนั้นเวลา 15.51 น. ดวงจันทร์จะเริ่มแหว่งเป็นจันทรุปราคาบางส่วน ต่อมาในเวลา 16.52 น. ดวงจันทร์เข้าสู่เงามืดทั้งดวง เริ่มเกิดปรากฎการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง และเวลา 17.37 น. จะเคลื่อนเข้าสู่เงาลึกที่สุด นับเป็นจุดกึ่งกลางปรากฏการณ์

    อย่างไรก็ดี ในช่วงนี้ที่ภาคอีสาน เช่น อุบลราชธานี ดวงอาทิตย์ตกทางทิศตะวันตกเกือบพร้อมกับดวงจันทร์ขึ้นทางทิศตะวันออก ช่วงเวลาประมาณ 18.15-18.16 น. อาจมีโอกาสมองเห็นดวงจันทร์ที่ยังคงอยู่ในเงามืด แต่ท้องฟ้าที่ยังสว่างอยู่ บวกกับดวงจันทร์ที่มืดสลัว อีกทั้งตำแหน่งใกล้ขอบฟ้า อาจทำให้มองเห็นดวงจันทร์ได้ค่อนข้างยาก

    คราสเข้าแตะดวงจันทร์ลึกสุด จนถึงเวลา 18.22 น. และเริ่มกลับไปเป็นจันทรุปราคาบางส่วนอีกครั้ง กระทั่งเวลา 19.24 น. จันทร์ทั้งดวงเริ่มออกจากเงามืด และสิ้นสุดปรากฏการณ์ทั้งหมดเวลา 20.21 น.

    ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของปรากฎการณ์คือ ขณะที่จันทร์กำลังออกจากเงามืด หลัง 19.00 น. ผู้ชมจากท้องฟ้าเหนือกรุงเทพฯ สามารถสังเกตดวงจันทร์ที่กำลังขึ้นจากขอบฟ้าได้

    นายอารี สวัสดี นายกสมาคมดาราศาสตร์ไทย กล่าวว่า ในปรากฏการณ์ดังกล่าว คนในประเทศไทยจะสามารถสังเกตเห็นช่วงท้ายของปรากฏการณ์ หากสังเกตจากกรุงเทพฯ เมื่อดวงจันทร์ขึ้นทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับดวงอาทิตย์ตก ดวงจันทร์จะถูกเงามืดของโลกบังไปประมาณ 80 % จากนั้นดวงจันทร์จึงค่อยๆ กลับมาเต็มดวง

    แต่หากไปสังเกตที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นตำแหน่งตะวันออกสุดของประเทศ ดวงจันทร์จะขึ้นเหนือขอบฟ้าในจังหวะที่ดวงจันทร์ทั้งดวงยังอยู่ในเงามืดของโลก จากนั้นจันทรุปราคาเต็มดวงจะสิ้นสุดลงในเวลา 18.23 น.และจันทรุปราคาบางส่วนจะลิ้นสุดในเวลา 19.24 น. ทั้งนี้ผู้สังเกตปรากฏการณ์ควรเลือกที่โล่ง มืด และไม่มีแสงไฟรบกวน เช่น บนตึกสูงเพื่อสังเกตปรากฏการณ์ได้ชัดเจนที่สุด

    ส่วนปรากฏการณ์จันทรุปราคาครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในวันที่ 20-21 ก.พ.2551 สามารถสังเกตเห็นได้ทั้งในทวีปอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกา และเอเชียตะวันออก ส่วนที่เห็นในประเทศไทยครั้งต่อไปคือ จันทรุปราคาบางส่วน คืนวันที่ 16 ต่อเช้ามืดวันที่ 17 ส.ค.2551 ดวงจันทร์ถูกบังประมาณ 81%

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right height=10>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    เอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ นี่เป็นคลิปของรายการ The icon ที่เชิญคุณ สมิทธ ธรรมสโรช มาคุยเรื่องภัยพิบัติ ออกอากาศเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 50

    http://hiptv.mcot.net/hipPlay.php?id=11180

    อาจจะดูกันแล้วมั๊ง
     
  20. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    มนุษย์ผู้ตามืดบอด มองไม่เห็นค่าความดีของคน ระวังองค์ศิวะจะสาปแช่งให้ฟ้ามืดไม่รู้สาเหตุ


    มนุษย์หมางเมินคนดี ไปชื่นชมแต่คนร่ำรวย <O:p</O:p
    เห็นคนธรรมดาไม่ร่ำรวยแต่เป็นคนดี กลับไม่แยแส<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    มนุษย์หมางเมินคนดี ไปชื่นชมแต่คนมีอำนาจบาตรใหญ่ <O:p</O:p
    เห็นคนธรรมดาไม่มีอำนาจแต่เป็นคนดี กลับไม่แยแส<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    มนุษย์หมางเมินคนดี ไปชื่นชมแต่คนมีตำแหน่งสูงศักดิ์ <O:p</O:p
    เห็นคนธรรมดาไม่มีตำแหน่งใดๆ แต่เป็นคนดี กลับไม่แยแส<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    มนุษย์หมางเมินคนดี ไปชื่นชมแต่คนที่มีชื่อเสียง <O:p</O:p
    เห็นคนธรรมดาไม่มีชื่อเสียงแต่เป็นคนดี กลับไม่แยแส<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    มนุษย์หมางเมินคนดี ไปชื่นชมแต่คนมีใบปริญญาสูงส่ง <O:p</O:p
    เห็นคนธรรมดาไม่มีใบปริญญาแต่เป็นคนดี กลับไม่แยแส<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    มนุษย์หมางเมินคนดี ไปชื่นชมแต่คนภูมิฐานแต่งกายงาม <O:p</O:p
    เห็นคนธรรมดาไม่ภูมิฐานแต่งกายไม่งามแต่เป็นคนดี กลับไม่แยแส<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    มนุษย์หมางเมินคนดี ไปชื่นชมแต่คนมีฤทธิ์ <O:p</O:p
    เห็นคนธรรมดาไม่มีฤทธิ์แต่เป็นคนดี กลับไม่แยแส<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    มนุษย์หมางเมินคนดี ไปชื่นชมแต่คนที่พูดถูกใจตรงใจ <O:p</O:p
    เห็นคนธรรมดาไม่พูดเอาใจตามใจแต่เป็นคนดี กลับไม่แยแส
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    มนุษย์หมางเมินคนดี ไปชื่นชมแต่คนที่เป็นพรรคพวกตน <O:p</O:p
    เห็นคนธรรมดาไม่ใช่พรรคพวกตนแต่เป็นคนดี กลับไม่แยแส<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    มนุษย์หมางเมินคนดี ไปชื่นชมแต่คนอาวุโส <O:p</O:p
    เห็นคนธรรมดาไม่ใช่อาวุโสแต่เป็นคนดี กลับไม่แยแส
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    มนุษย์ผู้ตามืดบอด ดูหมิ่นองค์ศิวะ ไม่ศรัทธาพระองค์อย่างแท้จริง <O:p</O:p
    มองคนเพียงเปลือกนอก คนดี คนเลวแยกแยะไม่ออก กลับถูกเป็นผิด
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ระวังองค์ศิวะจะจุติมาลองใจมนุษย์ <O:p</O:p
    ระวังอย่าหลงเหลิงในฤทธิ์ที่ตนมีมากไป<O:p</O:p
    องค์ศิวะจะพิโรธสำแดงอิทธิฤทธิ์ พึงระวังให้ดีถ้วนหน้ากัน
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    “อธิษฐานจิตด้วยธูปดำเจ็ดดอก ขอให้เอาชีวิตไปภายในเจ็ดวัน”
    ทำพิธี ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙ (๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๐)
    นับจากนั้น ๗ วัน พระจันทร์ดับ เส้นแม่เหล็กโลกขาด!
     

แชร์หน้านี้

Loading...