ภาพภูเขาตรงข้ามจุดที่เกิดเหตุ ซึ่งมีลักษณะที่นาเหมือนกัน -เมืองบังบดริมภูเขา นั้นมีคนต่างถิ่นขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาติดต่อธุระ กับเพื่อนชาวนาที่มาทำไร่ไถนาอยู่ในบริเวณนั้นใกล้ๆภูเขาทางจังหวัดแห่งหนึ่งใกล้รอยต่อไปยังภาคเหนือ ขณะที่เขาเดินทางกลับจากทำธุระเพราะจวนจะมืดแล้ว ก็สังเกตุเห็นว่าสองข้างทาง ที่เป็นทุ่งนาบริเวณนี้ชาวบ้านเริ่มหุงหาอาหารเย็นกันแล้วเหมือนมีหมอกควันไฟลอยปกคลุมไปทั่วบริเวณนั้น มีเด็กเล็กวิ่งเล่นกับสุนัขอยู่บริเวณบ้าน มีสภาพความเป็นอยู่เหมือนชนบททั่วๆไป เมื่อเดินทางกลับเข้ามาที่ตัวอำเภอ ก็สอบถามร้านค้าว่าหมู่บ้านตรงใกล้ๆภูเขานั้นมีชื่อเรียกว่าบ้านอะไร หมู่ที่เท่าไหร่ จะได้บอกคนอื่นๆได้ถูกต้อง คนในร้านค้าก็งง ว่ามันมีแต่ทุ่งนา กับไร่อ้อย มันจะมีหมู่บ้านคนได้ยังไง เขาจึงพิจารณาดูแล้ว จึงเข้าใจว่า ตอนผ่านไปก็ไม่เห็นมาเห็นตอนกลับ สิ่งที่ตนเห็นนั้นคงจะเป็นการซ้อนมิติเวลาบางอย่าง อาจจะเป็นเมืองบังบด ตามที่ได้ยินคนเฒ่า คนแกเล่าให้ฟัง วันต่อมาเขาเดินทางผ่านมาตรงบริเวณนั้นอีก ก็ไม่เห็นเจอสภาพนั้นแต่อย่างใดอีกเลย ได้แต่ขนลุกซู่เวลาขับรถผ่าน(ภาพประกอบนั้นถ่ายไว้นานแล้ว พอมีผู้เล่าเรื่องให้ฟังจึงรีบนำมาลงเขียนถ่ายทอดเพื่อศึกษากันต่อไป) -ส่วนเรื่องเมืองบังบดที่อยู่ริมทะเลนั้น มีคนในหมู่บ้านชาวประมงเล่าว่า เดิมทีตรงภูเขาที่อยู่ใกล้ๆชายฝั่งนั่น มีคนเผ่าโบราณอาศัยอยู่ในถ้ำเล็กๆ (จำชื่อเรียกไม่ได้ไม่แน่ใจว่าชาวจำปารึเปล่า)สมัยนั้นจะมีชาวบ้านในหมู่บ้านชาวประมงไปติดต่อพูดคุยแลกเปลี่ยนอาหารการกินกัน และขอหยิบยืมถ้วยชามจานช้อน ส่วนใหญ่ทำมาจากเงิน ของคนเผ่าโบราณในถ้ำมาใช้ที่บ้านตนเอง แต่ไปผิดคำสัญญา ว่าจะนำมาส่งคืนพวกเขาในวันนั้นวันนี้ คนเผ่าโบราณจึงโกรธไม่ยอมพูดคุย ต่อมาก็ได้ปิดปากถ้ำด้วยหิน และไม่เคยปรากฏตัวให้คนรุ่นใหม่เห็นอีกเลย ผู้เฒ่าผู้แก่เคยเห็นและเคยหยิบจับดูช้อนเงินเหล่านั้นด้วย ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง น่าเสียดายที่ มีคนในหมู่บ้านสมัยนั้นไปเป็นเพื่อนเขาแล้วทำผิดกฏ ผิดคำสัญญาของเขา ปากถ้ำบริเวณนั้นก็ไม่สามารถเห็นรอยเข้าออกได้เป็นสภาพหน้าผาหินไปตามธรรมชาติเหมือนกับสถานที่ท่องเที่ยวริมทะเลทั่วๆไป
ไม่ต้องไปถึงต่างจังหวัดหรอกครับ ใน กรุงเทพมหานคร นี้ก็ยังมีสิ่งลี้ลับทำนองนี้เหมือนกัน คือเย็นวันหนึ่งผมได้ขับจักรยานเล่น ในบริเวณสถานที่แห่งหนึ่งที่เป็นสวนของ กทม. แล้วผมก็เห็น สถานที่บริเวณแห่งนั้น เป็นแม่น้ำกว้างใหญ่ และอีกด้านก็มีเจดีย์ดูโบราณเหมือนสมัยอยุธยา และผมก็หาทางออกไม่เจอ รอบด้านมีแต่ต้นไม้ล้อมรอบ สุดท้านต้องใช้โทรศัพท์มือถือหาเพื่อนแล้วบอกตำแหน่งบริวเณใกล้เคียงที่ขับรถจักรยานผ่าน ให้ช่วยหาทางออกให้
เคยได้ยินเรื่องที่มีชายหนุ่มขับรถไปแถวซอยโชคชัย 4 แล้วจู่ๆก็งงตัวเองเพราะบ้านเรือนเปลี่ยนไปดูเงียบเหงาวังเวง ไม่เห็นผู้คน กว่าจะหลุดออกมาได้ก็แย่ แต่จำไม่ได้ว่าเขาทำอย่างไรจึงหลุดจากมิตินั้นได้
เมืองบังบด เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เมืองลับแล ใช่ไหมคะ ถ้าหาทางออกมาไม่ได้ จะเกิดอะไรขึ้นคะ กลายเป็นคนหายสาบสูญไปเลย อย่างนี้ ไม่ดีแน่ๆ
ที่ป่าสัก หรือ สวนโนน สถานที่ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนนัก ที่นั่นเป็นที่ตั้งของวัดเก่า แต่ล้างไป ชาวบ้านเล่าว่า ที่นี่เป็นเมืองเก่าแต่ร้างไปเพราะโรคห่า พอวัดมาตั้งก็อยู่ไม่ได้ ที่นี่มีเศษหม้อดิน มากมาย เคยไปเดินดู ขุดเล่น ๆ เจอหม้อเป็นลูก ข้างในเป็นเศษขี้เถ้าสีดำ ๆ ชาวบ้านเล่าว่ามีคนต่างถิ่นผ่านมาเห็นบริเวณนี้เหมือนตลาด คนเดินขวักไขว่หาบของซื้อขาย บางคนก็เห็นเป็นบ้านเรือนปลูกอยู่ ซึ่งที่นี่ไม่มีบ้านเรือน และไม่มีคนเดินขวักไขว่าแน่นอน ส่วนมากคนที่เห็นจะเป็นคนต่างถิ่นที่แวะเวียนเข้ามาขายของในหมู่บ้านหรือเดินทางผ่าน เป็นทางลัด หมู่บ้านนี้มีเรื่องเล่ามากมาย ที่น่ากลัว..
.... เรียกว่า มิติทับซ้อน จะดีกว่าคะ .. พระอาจารย์เราเคยบอกว่า เขาก็อยู่เหมือนเรานี้แหละคะ แค่มองไม่เห็นกันแค่นั้น เหมือนบังกันแค่ช่วงเส้นผมหนึ่ง .. ไม่ว่า ชาวลับแล หรือ กายละเอียดประเภทอื่น ๆ ภาษาบ้าน ๆ เรียกว่า ภพอื่น นั้นเองคะ เขาก็ใช้ชีวิตเหมือนเรานี้แหละคะ แต่จะมีความเป็นทิพย์ไหม๊จำรายละเอียดไม่ได้ทั้งหมดคะ ขอโทษด้วย ..
คิดว่าเป็นเทวดาค่ะ เป็นเทวดาที่ภูมิใกล้มนุษย์ พระธุดงค์ ที่ท่านบิณฑบาตจากเทวดา น่าจะเป็นเทวดาภูมินี้ เป็นแค่ความคิดเห็นนะคะ อาจผิดได้