อย่าเลยพระพุทธเจ้า อย่าเลยครูอาจารย์

ใครอ้างเอง
หรือใครอ้าง ว่าใครอ้าง.. อีกทีก็ได้

 

พระสูตรนี้ทรงแสดงเพื่ออะไรครับ

 

คุณว่า เพื่ออะไร ??

 

ท่านยังคิดว่าสาวกบัญญัตเพิ่มได้เหรอครับ ยังไม่เชื่อเหรอครับว่าพระองค์สั่งให้สาวกจำคำของพระองค์ไปแสดงในส่วนเดียว และเมื่อกาลเวลาผ่านไปพระองค์ทรงทราบว่ามีกาลแต่งเติมเหมือนกลองอานกะ พระองค์จึงแสดงพระสูตรนี้เพื่อไว้ให้ทำตามอย่างนี้
๑. (หากมี) ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย่างนี้ว่า ผู้มีอายุ ! ข้าพเจ้าได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่า “นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำาสอนของพระศาสดา”...

๒.(หากมี) ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย่างนี้ว่า ในอาวาสชื่อโน้นมีสงฆ์อยู่พร้อมด้วยพระเถระ พร้อมด้วยปาโมกข์ ข้าพเจ้าได้สดับมาเฉพาะหน้าสงฆ์นั้นว่า “นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำาสอนของพระศาสดา”...

๓. (หากมี) ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย่างนี้ว่า ในอาวาสชื่อโน้นมีภิกษุผู้เป็นเถระอยู่
จำานวนมาก เป็นพหุสูต เรียนคัมภีร์ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา ข้าพเจ้าได้สดับมา
เฉพาะหน้าพระเถระเหล่านั้นว่า “นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำาสอนของพระศาสดา”...

๔.(หากมี) ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย่างนี้ว่า ในอาวาสชื่อโน้นมีภิกษุผู้เป็นเถระอยู่
รูปหนึ่ง เป็นพหุสูต เรียนคัมภีร์ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา ข้าพเจ้าได้สดับมา
เฉพาะหน้าพระเถระรูปนั้นว่า “นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา”...

เธอทั้งหลายยังไม่พึงชื่นชม ยังไม่พึงคัดค้านคำากล่าวของผู้นั้น พึงเรียนบทและ
พยัญชนะเหล่านั้นให้ดี แล้วพึงสอบสวนลงในพระสูตร เทียบเคียงดูในวินัย
ถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้น สอบลงในสูตรก็ไม่ได้ เทียบเข้าในวินัยก็ไม่ได้
พึงลงสันนิษฐานว่า “นี้มิใช่พระดำารัสของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นแน่นอน และ
ภิกษุนี้รับมาผิด” เธอทั้งหลาย พึงทิ้งคำานั้นเสีย
ถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้น สอบลงในสูตรก็ได้ เทียบเข้าในวินัยก็ได้ พึงลง
สันนิษฐานว่า “นี้เป็นพระดำารัส ของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นแน่นอน และ
ภิกษุนั้นรับมาด้วยดี” เธอทั้งหลาย พึงจำามหาปเทส... นี้ไว้.
มหา. ที. ๑๐/๑๔๔/๑๑๓-๖

 

^
^
เฮ้อ!!!
พระพุทธพจน์ของพระพุทธองค์ไม่มีผิดเพี้ยนแน่นอน
แต่พวกที่ชอบตีกินพระพุทธพจน์จำพวกแรกนี่แหละตัวดีเลย
พระพุทธพจน์ตรัสไว้ชัดเจนว่า
การได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากแสนยากเพราะอะไร?

ไอ้ที่พระพุทธพุทธองค์แสดงไว้
การบรรลุธรรมคือบรรลุคุณวิเศษ ไม่ใช่การบรรลุอมตะธรรมสักหน่อยมั่วไปเรื่อย
คนอะไร? อาจารย์นิวรณ์ก็เขียนชัดเจนแล้ว ยังจะดื้อด้านไม่เลิก
ถึงได้บอกไงว่า จำพวกนี้เป็นจำพวกตีกินที่น่ารังเกียจที่สุด
รังแต่จะทำให้พระพุทธพจน์ของพระพุทธองค์เสียหายเศร้าหมองไป
อย่าเหมาว่าคนอื่นเค้าไม่ดำรงพระพุทะพจน์ไว้(เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น)
แต่เค้าดำรงไว้แบบ ใช่ปัญญาพิจารณาตรวจสอบ เทียบเคียง สอบสวนจนแน่ใจ
ไม่ใช่แบบสุกเอาเผากิน เดาสวดมั่วนิ้มแล้วก็อ้างว่าพระพุทธพจน์ เฮ้อ!!!

เจริญในธรรมทุกๆท่าน

 

ถ้าท่านใดไม่ได้อ้างพระวจนะล่ะ
แต่ท่านว่าท่านทำตามคำสอนแล้ว มีผลดังนี้ๆๆๆ ผลเป็นอย่างนี้ๆๆๆ

เราน่ะ เจอคำครูหลายๆสำนวนของท่านเอง ว่าปฏิบัติแล้วผลเป็นดังนี้ๆ
หลากหลายสำนวน แต่พูดเรื่องเดียวกัน ก็ชอบหลายๆสำนวนของท่านเอง

แต่พวกที่อ้าง ถ้ามีการกล่าวอ้างก็ตรวจสอบได้
หากทั้งพระทั้งไม่พระ พูดว่าพระพุทธเจ้าสอนอย่างนี้ๆ
ก็ต้องขอยกพระวจนะมา ว่าเขาเข้าใจเอง หรือเข้าใจตามคำสอน

 

การที่ท่านชอบหรือใครชอบสำนวนใดๆนั้นเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นส่วนที่ถูกตรงตามพุทธประสงค์

 

พระธรรมวินัยแท้และของปลอม
ปัญหา พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามีมากมายเหลือหลาย
อาจจะมีคำสอนของศาสนาอื่นหรือคนอื่นแทรกแซงอยู่บ้าง
เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าอันไหนเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า อันไหนไม่ใช่ ?

พุทธดำรัสตอบ

“.....ดูก่อนอุบาลี เธอพึงรู้ธรรมเหล่าใดแลว่า ธรรมเหล่านี้ไม่เป็นไป เพื่อความเบื่อหน่าย
เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพานโดยส่วนเดียว
เธอพึงทรงธรรมเหล่านั้นไว้โดยส่วนหนึ่งว่า นี้ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย ไม่เป็นคำสั่งสอนของพระศาสนา
ส่วนธรรมเหล่าใด.... เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ
เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพานโดยส่วนเดียว....
นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา”

คำสอนที่เกิดการโต้แย้ง ขัดเคือง ข่มขู่ ขาดความเมตตา และไม่เป็นไปเพื่อความสงบ หาใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าไม่

 

ผมบอกอะไรท่านทั้งหลายนะครับ ใครจะนับถือท่านใดอย่างไรก้นับถือกันไปเถอะไม่ผิดหรอกครับ แต่การศึกษาพระธรรมที่ออกจากปากตถาคตนั้นท่านศึกษาไปท่านจะรู่ว่าพระพุทธองค์นั้นเป็นผู้ที่เลิศที่สุดจริงๆคำท่านเป็นอานุศาสนีปาฎิหารลึกซึ้งมากมีประโยชน์มากแก่ตัวเราจริงๆผมขอบอกไว้แค่นั้น บางพระสูตรท่านอ่านแล้วท่านจะขนลุกทั้งตัวเพราะความเป็นสัพพัญูญูน่าชื่นชมจริงๆ

 

แล้วก็อาจมีผู้ไม่ชื่นชอบคำครู กล่าวเช่นนั้นเช่นนี้
อ้างพระวจนะเช่นนั้นเช่นนี้ เลยต้องขอพระวจนะมาตรวจทานคำเขา

 

ถ้าเราสนใจเรียนแต่พุทธวจน เราจะได้ใจเป็นหนึ่งเป็นกลางหยั่งลงในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างไม่เอนเอียง

 

เจ้นิว บางพระสูตรที่อ่านแล้ว ขนลุก

พระสูตรนั้นคงทำให้ ขณะที่ผู้อ่าน มีจิตใจจดจ่อ อ่านด้วยความพอดี
จิตจึงมีอารมณ์จดจ่อกับสิ่งนั้น

องค์ประกอบของสมาธิ ที่เริ่มที่จะเกิดขึ้น จึงบังเกิดให้เห็น คือ ปิติ

ไม่ได้เกี่ยวกับว่าเป็นคำของใคร

อักษรของใครก็ได้ ที่ผู้อ่าน จดจ่อในสิ่งนั้นด้วยความพอดี
จิตจะเริ่มมีปิติให้ได้เห็น มีอาการขนลุกซาบซ่านเป็นต้น


ความสำคัญคือ ขณะจิตของผู้อ่านอักษรตะหาก



ลองสังเกตุนะ หากจะวัดกันที่อักษรที่เรียกว่าพระพุทธวจนะ
บางสูตรอ่านแล้วหนัก อ่านแล้วมึน
บางสูตรอ่านแล้วเบาโปร่ง

สาเหตุอยู่ที่อักษร หรือ สาเหตุอยู่ที่ขณะจิตผู้อ่าน
ที่วางอารมณ์ด้วยความพอดี

 

แล้วคิดว่าใครจะถ่ายทอดพระวจนะได้..
อุตส่าห์ ยกมาตั้งแต่ปฐมสังคายนา

 

อันนี้ แน่นอนที่สุดครับ

 

พุทธบริษัทสี่ครับที่รู้ถึงพระดำรัสของพระองค์ จะด้้วยวิธีใดก็ได้ถ้าจับเป็นกลุ่มก้อนก็จะมีพลังมาก แต่ชอบแบบไหนก็ตามอัธยาศัย

 

ระดับครูบาอาจารย์ ไม่เอาเนอะ
เอาคุยกันเอง ที่รู้ถึงพระดำรัสของพระองค์(รู้ที่เขาแปลมาหรือเปล่า??)
ก้อนใหญ่จะมีพลังมากเนอะ...พลังอะไรก็ไม่รู้..ตามอัธยาศัย

 

คำพูดที่ว่า "ให้ยึดแต่พุทธวัจนะเท่านั้น ไม่ให้ยึดคำสาวก" นี่
เป็นคำพูดของสาวกไม่ใช่เหรอ
เมื่อเป็นคำพูดของสาวก ก็ยึดถือไม่ได้สิ

พระพุทธองค์เคยตรัสเหรอว่า
"ให้ยึดแต่คำพูดของเราเท่านั้น อย่าไปยึดคำพูดของใครแม้แต่สาวกของเรา"

 

พลังของพุทธวจนไงครับ ตอนนี้กลุ่มพุทธวจนกำลังก่อตัวจะประกาศคำตถาคต เป็นกลุ่มระดับโลกเพื่อเผยแผ่สิ่งที่ถูกต้องใหกระจายไปทั่วโลก ตอนนี้ก็มีถึง33ประเทศแล้วครับ น่ายินดีจริงๆ ท่านไม่มาเป็นส่วนร่วมประกาศคำตถาคตเหรอครับ

 

ท่านไม่ตองสนใจคำผมหรือคำอาจารย์คึกฤทธิ์หรอกครับ เราให้ทุกท่านสนใจคำตถาคตฝ่ายเดียว