เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    จดจำความฝัน - จดจำอารมณ์

    ระหว่างที่คอยพวกเราส่งการบ้าน พี่นักเขียนขอชวนคุยเรื่องความฝันกันไปพลางๆก่อน คุณน้อง ณ ถามว่าจะตื่นมาจดความฝันเมื่อตื่นขึ้นกลางดึกดีไหม เพราะจำได้แม่นยำ แต่กลัวจะทำให้พักผ่อนไม่พอ พี่นักเขียนขอแนะนำว่า เมื่อตื่นขึ้นกลางดึกและจำความฝันได้ ให้คิดทบทวนความฝันนั้นๆโดยไม่ต้องจด หากต้องการฝันต่อเพราะฝันดี หรือฝันร้ายและต้องการแก้ไขบางสิ่งบางอย่างที่เพิ่งเผชิญไปในความฝัน ก็ให้กำหนดจิตขอฝันต่อด้วยการนึกคิดย้อนถึงเหตุการณ์ความฝัน และกำหนดให้ตนเองกลับเข้าไปในเหตุการณ์ ณ จุดหนึ่งจุดใดที่เราปรารถนา และปล่อยให้ความง่วงพาเราหลับและกลับไปสู่โลกของความฝันอีกครั้ง

    หากเราตื่นขึ้นกลางดึก จำความฝันได้ อย่าลุกขึ้นหรือลืมตาตื่นอย่างเต็มที่ แต่ให้ทบทวนความฝันและกำหนดจิตว่า จะจดจำเมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า หากทำเช่นนี้เป็นนิสัยบ่อยๆจะพบว่า นอกจากจะฝันต่อได้ดังปรารถนาแล้ว ยังจำความฝันได้ดีเมื่อตื่นขึ้นตอนเช้า และการทบทวนฝันเมื่อรู้สึกตัวกลางดึกจะกลายเป็นนิสัยไปโดยปริยาย ทำให้จำฝันแม่นขึ้นเรื่อยๆ

    การทวนความฝันหรือระลึกถึงความฝัน:
    เมื่อเราตื่นขึ้นและจำความฝันได้เลือนราง วิธีที่จะเรียกความจำกลับคืนมาได้คือ ให้จับอารมณ์เกี่ยวกับความฝันนั้นๆเป็นอย่างแรกว่า เรามีอารมณ์เศร้า สุข สนุกสนาน ตื่นเต้น หรือรู้สึกอย่างไร การจับอารมณ์ก่อนที่จะนึิกคิดทบทวนเรื่องราวจะช่วยให้เราจำฝันได้ง่ายขึ้น เพราะความฝันเป็นโลกที่ปราศจากคำพูดและการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า แต่เป็นโลกแห่งความเป็นจริงของจิตวิญญาณที่สื่อสารโดยตรงด้วยจิตวิญญาณ อันได้แก่อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด แม้เราจะพูด เคลืื่อนไหว สัมผัส ลิ้มรสหรือได้ยินในความฝัน แต่ร่างกายของเราก็นอนหลับสงบนิ่งอยู่ในเตียง ตัวตนที่เผชิญกับประสบการณ์ในความฝันไม่ได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการรับรู้และตอบสนองต่อประสบการณ์ในโลกของความฝัน หากแต่ใช้ประสาทสัมผัสภายในหรือประสาทสัมผัสที่หก อันได้แก่อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดรับรู้และตอบสนอง

    เมื่อเราตื่นขึ้น เราแปลงข้อมูลที่เป็นอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด เป็นคำพูด เป็นเสียง เป็นภาพ เป็นเหตุการณ์ต่างๆทางกายภาพ การระลึกถึงความฝันด้วยการพยายามถ่ายทอดหรือทบทวนเป็นคำพูด เป็นเสียง เป็นภาพ เป็นเหตุการณ์ต่างๆทางกายภาพจึงมักจะเลืิอนราง เพราะมันไม่ได้เป็นข้อมูลที่เราเผชิญหรือรับมาโดยตรงในลักษณะนั้นอย่างแท้จริง แต่สมองของเราต้องแปลงอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด เป็นคำพูด เป็นเสียง เป็นภาพ เป็นเหตุการณ์ต่างๆทางกายภาพที่เราจะเข้าใจได้ มิฉะนั้นเราก็จะรู้เสมือนว่าเราจดจำอะไรไม่ได้เลย

    ประสบการณ์ที่เราเผชิญในความฝัน นอกจากจะไม่ได้เป็นคำพูด เป็นเสียง เป็นภาพ เป็นเหตุการณ์ต่างๆทางกายภาพที่เราสามารถรู้เห็นได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าได้เช่นเดียวกับยามตื่นแล้ว มันยังเกิดขึ้นนอกเหนือช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลาอีกด้วย หากเราเผชิญกับประสบการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ซ้อนกันหลายเหตุการณ์ ต่างสถานที่ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะรู้เห็นได้พร้อมกันหมด ณ จุดใดจุดหนึ่งที่เราเป็นอยู่ และเป็นไปไม่ได้ที่เราจะปรากฏกายหรือเผชิญกับสถานการณ์พร้อมกันมากกว่าหนึ่งสถานการณ์ มีร่างกายมากกว่าหนึ่งตัวตนพร้อมๆกัน เราก็ไม่อาจกล่าวเป็นคำพูดได้ตามจริง เพราะเราปราศจากคำนิยามใดๆที่จะอธิบายปรากฏการณ์นั้นๆได้ เราขาดความเป็นไปได้ทางกายภาพที่จะทำให้สิ่งที่เราเผชิญมีความหมายหรือเข้าใจได้ บางครั้งเราอาจเผชิญกับบุคคลตัวตนที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิตยามตื่น เราสนทนาและสนิทสนมกับบุคคลผู้นั้น และบางครั้งเราอาจพบว่าตัวตนของเรา-กลายเป็นใครสักคน

    เราไม่อาจใช้คำพูดหรือความรู้ยามตื่นของเราทบทวนประสบการณ์ที่เราไม่รู้จัก และคาดหวังว่าเราจะจดบันทึกหรือถ่ายทอดประสบการณ์นั้นได้โดยไม่บิดเบือน หรือทดแทนด้วยสิ่งที่เรารู้จักโดยปริยาย แต่การทบทวนอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดจะช่วยให้เราบันทึกหรือจดจำความฝันได้บิดเบือนน้อยกว่าคำพูดเป็นอันมาก

    พี่นักเขียนเคยเล่าให้ฟังในบันทึกของนักเขียน http://www.novaanalai.com/novaanalai/C7EFEA5C-0E1C-11DC-93B4-000D932ED860.htmlว่า พี่นักเขียนจดบันทึกความฝันเป็นภาษาอังกฤษเสมอ เพราะไม่ใช่ภาษาตัว และรู้สึกว่าทำให้จดได้อย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ใช้ความรู้มากของภาษาไทยบรรยายสิ่งที่เผชิญหรือรับมาจนบิดเบือนไป ทำให้มักจะได้สาระเนื้อๆ เช่นเดียวกับการจด lecture ภาษาอังกฤษ อย่างมากที่จะจดได้คือจดให้ทันที่ Professor เขา lecture ไม่มีเวลาจด note ย่อยๆกำกับหรือขยายความอื่นๆเช่่นเดียวกับการจด lecture ภาษาไทย

    ความฝันเกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ ซึ่งเป็นภาวะจิต แต่ในขณะเดียวกันท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า โลกแห่งความฝันเป็นโลกแห่งความเป็นจริง-ที่เป็นจริงเสียยิ่งกว่าโลกยามตื่นของเราเสียอีก เพราะโลกแห่งความฝันเป็นโลกภายในที่จิตวิญญาณเลือกและสร้างแบบพิมพ์เขียวของประสบการณ์ทั้งหลายที่เคยปรากฏ กำลังปรากฏ และจะปรากฏต่อไปในโลกทางกายภาพยามตื่น โลกแห่งความฝันครอบคลุมอดีต-ปัจจุบันและอนาคต พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน โลกแห่งความฝันทำให้เรารู้เห็นตัวตนของเรากว้างไกลทั้งอดีต-ปัจจุบันและอนาคต และรู้เห็นบุคลิกภาพอันลุ่มลึกของตัวตนรวมของเรา ความฝันไม่เคยโกหก ความฝันไม่เคยเสแสร้ง แต่ความฝันก็เป็นสัญญลักษณ์มากกว่าเป็นข้อมูลตามตรง ความหมายที่แท้จริงของสัญญลักษณ์ต่างๆที่ปรากฏเป็นประสบการณ์ความฝัน ไม่ว่าจะปรากฏเป็นบุคคล วัตถุสิ่งของ การกระทำ หรือการตอบสนองใดๆ ล้วนเป็นสิ่งที่เราเข้าใจได้ด้วยการจับอารมณ์ที่เกิดขึ้นควบคู่กับสิ่งเหล่านั้น

    สัญญลักษณ์ต่างๆที่ปรากฏในประสบการณ์ความฝัน เป็นสัญญลักษณ์ส่วนบุคคล เพราะมันคือสัญญลักษณ์ในภาวะจิตของแต่ละบุคคล เราจึงไม่อาจให้ผู้อื่นตีความฝันให้เราได้ เพราะความหมายทั้งหมดของสัญญลักษณ์จะแตกต่างกันไปสำหรับแต่ละบุคคลเสมอ การศึกษาความฝันและทำความเข้าใจความฝัน จะทำให้เรารู้จักธรรมชาติที่แท้จริงของจิตวิญญาณ เมื่อมันดำเนินไปนอกเหนือกฏเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติอันปราศจากเครื่องพราง การรู้จักธรรมชาติที่แท้จริงของจิตวิญญาณจะทำให้เรารู้จักตัวตนที่แท้จริงของเรา

    เมื่อเราศึกษา ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ ท่านอาจารย์อนาลัยได้แนะนำให้เรารู้จักประสาทสัมผัสภายในหรือประสาทสัมผัสที่หก ที่เราใช้เสมอๆ-ทุกคืนในความฝัน การรู้จักตนเองจึงหมายถึงการรู้จักพลังอำนาจตามธรรมชาติของจิตวิญญาณของเรา ซึ่งจะยังผลให้เราสามารถนำพลังอำนาจและคุณสมบัติเหล่านี้มาใช้ได้ยามตื่น

    หากเราพยายามที่จะรู้จักประสาทสัมผัสภายในยามตื่น เราจะทำได้อย่างมากก็เริ่มต้นด้วยการคาดการณ์ เพราะเราดำเนินชีวิตยามตื่นภายได้เครื่องพรางของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา มันทำให้เราเข้าใจคุณสมบัติที่แท้จริงของประสาทสัมผัสที่หกได้ยาก แม้มันจะปรากฏหรือเราจะใช้งานมันตามสัญชาติญาณบ่อยๆโดยไม่รู้ตัว เรามักจะรู้เห็นไม่ทัน หรือจับไม่ได้ว่า เราใช้มันได้อย่างไร และจะทำเช่นนั้นอีกได้อย่างไรตามปรารถนา

    ต่อเมื่อเรารู้เห็นและใช้ประสาทสัมผัสที่หกในความฝันจนชำนาญ ความรู้และทักษะที่เราได้จากการจดจำและรู้เห็นจากความฝัน จะเหนี่ยวนำให้เรานำความรู้และทักษะเหล่านั้นมาใช้ได้ในยามตื่น ความเป็นจริงข้อนี้เป็นไปเสมอๆเกี่ยวกับการนำความรู้และทักษะอื่นๆมาใช้ในชีิวิตประจำวันของเรา หากเราจดจำความฝันของเราได้ทั้งหมดชั่วชีวิต เราอาจพบว่า ไม่ว่าจะเป็นการหัดเดิน พูดคำแรก รับประทานอาหาร หรือ วาดภาพ การหัดทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำได้โดยไม่ได้เรียนรู้จากโลกภายนอก ล้วนเป็นสิ่งที่เราหัดและเรียนรู้มาจากโลกของความฝันทั้งสิ้น

    โลกของความฝันเป็นโลกที่มีประโยชน์ต่อโลกยามตื่นของเราอย่างมหาศาล ไม่ใช่เพียงเพราะว่า มันเป็นต้นกำเนิดของความเป็นจริงทั้งหมดของโลกยามตื่นเท่านั้น แต่ยังเป็นโลกที่เรารับเอาความรู้และทักษะมากมายมาใช้ในยามตื่นได้อย่างฉับพลัน เสมือนเรียนลัดอีกด้วย หากเราจะจดจำและนำความรู้และทักษะเหล่านั้นมาใช้ยามตื่น(rose)
     
  2. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    สงสัยถ้าไปเยี่ยมพี่นักเขียนในฝัน คงต้องใส่เสื้อกันหนาวไปซัก 10 ตัวแน่ ๆ เลย แค่เห็นรูปก็หนาวแล้ว
    แต่บรรยากาศช่างเป็นปฏิมากรรมน้ำแข็งเลย สวยดี ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติสรรสร้างอีกแล้ว
    พี่นักเขียนรักษาสุขภาพด้วยนะคะ เดินดี ๆ นะ ระวังลื่น (kiss)
     
  3. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    ฝันสด ๆ ตะกี้เลย นั่งหันหน้าเข้าหาผู้ชายคนนึง แล้วก็ยกมือขึ้นมาวัดพลังกัน ไม่ได้สู้กันนะ รู้สึกว่าเค้าเป็นมิตร
    รู้สึกว่าตัวเองปล่อยพลังได้เต็มฝ่ามือเลย โอ้โห เราเก่งขนาดนี้เลยเหรอ สงสัยติดมาจากดราก้อนบอล
    ผู้ชายคนนั้นพลังเยอะมาก ตอนวัดพลังอยู่ เค้าก็พูดภาษาอะไรออกมาไม่รู้ รู้แต่ว่าเค้าบอกว่าเราคุยกับเค้าเหมือนเพื่อนสนิทเลย
    ได้ยินชัด ๆ คำเดียวว่าชื่อวุฒิ ใครในนี้ชื่อวุฒิบ้างไหมเนี่ย สงสัยจริง ๆ :eek:
     
  4. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    มังสวิรัติ กับ ความสมดุลย์ของธรรมชาติ

    พี่นักเขียนขออนุญาตท่านผู้อ่านที่เขียน e-mail เข้ามาถามเป็นการส่วนตัวเกี่ยวกับมังสวิรัติ มา post เพื่อให้พวกเราได้แสดงทัศนะและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

    --- VegiGuy <samart123@gmail.com> wrote:
    สวัดดีครับ พี่นักเขียน
    ผมได้แวะไปอ่านในบอร์ดห้องวิทยาศาสตร์ทางจิตเป็นครั้งคราวครับ มีเรื่องน่าทึ่งมากเลยทีเดียวนะครับ
    เห็นมีคนแนะนำให้พี่นักเขียนอ่านหนังสือ The Secret แล้ว และทราบว่าพี่นักเขียนได้อ่านแล้ว จึงอยากถามและ(บังอาจ) แนะนำให้อ่านเรื่อง Conversations with God บ้างน่ะครับ เพราะผมเห็นว่ามีความคล้ายกันมากครับ เผื่อจะได้ซักถามบางประเด็นที่ผมไม่เข้าใจ อีกเรื่องหนึ่ง ผมอยากให้พี่นักเขียนแสดงทัศนะ ในเรื่องการรับประทานเนื้อสัตว์ด้วยครับ ว่าจริงๆ แล้ว เราควรรับประทานเนื้อสัตว์หรือไม่ เขาเกิดมาเพื่อเป็นอาหารของมนุษย์จริงหรือ อะไรคือความชอบธรรมของมนุษย์ที่จะรับประทานเนื้อสัตว์ต่างๆ และกรุณอย่าอ้างถึงที่พระพุทธเจ้าหรือพระไตรปิฎกกล่าวเลยนะครับ มันย้อนอดีตมากเกินไป
    ขอบคุณครับ
    สามารถ

    On 12/8/07<writer@novaanalai.com> wrote:
    สวัสดีค่ะคุณสามารถ
    จำได้ว่าเคยคุยกันแล้วนะคะ ขอบคุณที่ติดตามพวกเราห้องวิทย์ฯ
    เข้าไปสนทนาด้วยกันสิคะ
     
  5. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    ยินดีมาก ๆ ค่ะถ้าคุณVegiGuy จะเข้ามาคุยกับพวกเราในห้องวิทย์นี้
    สำหรับส่วนตัวนก ก็อยากกินผักให้มากกว่ากินเนื้อสัตว์นะ
    ตอนนี้ก็ภาวนาให้มีร้านอาหารเจเปิดแถวบ้านจะได้ซื้อกินทุกวัน
    เหมือนกับสิ่งแวดล้อมเอื้ออำนวย เราก็จะเป็นแบบนั้นไปอัตโนมัติ
     
  6. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    --- VegiGuy <samart123@gmail.com> wrote:
    ขอบคุณมากครับ
    สำหรับคำตอบที่ทำให้รู้สึกถึงความใส่ใจในคำถามเป็นอย่างยิ่ง
    ผมจะขอพูดถึงเรื่องนี้ในอีเมล์ครั้งต่อไปนะครับ
    เพราะต้องรีบไปออกกำลังกายกับเพื่อน
    ผมได้แนบตัวอย่างบางตอนในหนังสือ Conversations with
    God มาให้พิจารณา (เพื่อเรียกร้องความสนใจจากพี่นักเขียน)
    พี่จะเห็นได้ว่ามันมีอะไรที่คล้ายคลึงกันมากแค่ไหนกับแนวของอาจารย์โนวา
    แล้วคุยกันต่อครับ


    คืนก่อนที่ชายตกอับ (นีล โดนัลด์ วอลช์) จะฆ่าตัวตาย เขาตัดสินใจระบายความขมขื่นและโกรธเกรี้ยวทั้งมวลลงไปในกระดาษเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมคำถามว่าทำไม ทำไม ทำไม และทำไมชีวิตจึงเป็นเช่นนี้? พลันสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นคือ เขาได้รับการสื่อสารจาก เสียงที่ไร้เสียงบอกให้เขียนบางสิ่งลงไปในกระดาษ...อยากจะรู้จริงๆ หรือแค่อยากระบาย จากนั้นการสนทนา ในรูปแบบที่ไม่ธรรมดาก็เริ่มต้นขึ้น บทสนทนาเหล่านั้นได้รับการบันทึกเป็นเอกสารที่มีความยาวกว่าหนึ่งพันหน้ากระดาษในชื่อ
    Conversations with God
    [​IMG]
    การพูดคุยำสุดลึกซึ้งที่เปลี่ยนชีวิตผู้อ่านมาแล้วนับล้าน ได้รับการแปลแล้วกว่า 37 ภาษา ยอดขายกว่า 20 ล้านเล่มทั่วโลก
    ..สมมติว่าคุณกำลังจะได้เริ่มต้นการสนทนาที่ไม่ธรรมดา..ของคุณเอง..


    On 12/11/07 <writer@novaanalai.com> wrote:

    ขอบคุณ คุณสามารถมากค่ะ ที่ส่ง attachment มาให้อ่าน พอดีช่วงนี้อากาศแย่มาก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • girlpraying_1.jpg
      girlpraying_1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      99.5 KB
      เปิดดู:
      574
    • bk1.jpg
      bk1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      15.1 KB
      เปิดดู:
      42
    • bk2.jpg
      bk2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      11.6 KB
      เปิดดู:
      39
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2007
  7. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    เห็นภาพที่พี่นักเขียนถ่ายมาแล้วรู้สึกตื่นเต้นมากเลย แต่ละภาพสวยจริงๆ เลย จนต้องเซฟเก็บเอาไว้ที่เครื่อง

    พูดถึงเรื่องฝัน วันนี้รู้ตัวนะว่าฝันแต่ตอนใกล้ตื่นนั้น ตอนอยู่ในฝันจะรู้สึกตัวว่าสายแล้ว ก็เลยรีบตื่นขึ้นมา มาดูเวลาก็รู้สึกว่าสายโด่งแล้วจริงๆ เรื่องในฝันที่จำได้ก็เลยจำได้แต่ตอนท้ายๆ ที่รู้สึกตัวว่าสายแล้วให้รีบตื่น

    เห็นเนื้อหาอีเมล์ที่มีคนส่งมาถึงพี่นักเขียนแล้ว ที่เกี่ยวกับ conversation with god ก็อดไม่ได้ที่มาแชร์เรื่องนี้อีก เอาเรื่องไหนก่อนดีในหัวมีสองสามเรื่องที่อยากจะเขียนถึง เดาว่าคนที่เขียนมาคงจะเป็นคริสต์แน่เลย

    เรื่องแรกคือ

    "อีกไม่กี่วันเขาก็โทรมาเล่าให้ฟังด้วยความตื่นเต้นว่าไปเจอหนังสือ "โนวา อนาลัย" ที่คล้ายคลึงกับในหนังสือ สนทนาฯ ซึ่งตอนนั้นผมก็ได้อ่านแล้วส่วนหนึ่ง"

    ใช่แล้ว ตอนที่อ่านเล่มที่สองที่พูดถึงว่าเรามีตัวตนหลายตัว ก็รู้สึกว่าเหมือนในหนังสือของโนวาเลย และก็มีอธิบายว่าทำไมเรื่องเวลาที่เราคุ้นเคยกันจึงเป็นเรื่องสมมุติ ซึ่งรู้สึกว่าเป็นการอธิบายเรื่องเดียวกันแต่ใช้คำพูดคนละอย่างเท่านั้นเอง เลยรู้สึกว่าถ้าได้อ่านเล่มนั้นไปด้วย บางเรื่องอาจจะทำให้เข้าใจมากขึ้น และกลับกันถ้าอ่านหนังสือของโนวา ก็จะทำให้เข้าใจเล่มนั้นมากขึ้นด้วยเหมือนกัน

    ในตอนท้ายของหนังสือบอกว่า "นี่ไม่ใช่วิธีเดียวที่ฉันพูดกับเธอนะ จงฟังฉันในความจริงของวิญญาณเธอ จงสดับฟังฉันในความรู้สึกจากหัวใจ ฟังฉันในความสงัดแห่งจิตใจ จงได้ยินฉันทุกหนทุกแห่ง เมื่อใดที่มีคำถามขอเพียงรู้ว่าฉันได้ตอบเธอไปแล้ว แล้วจงเปิดนัยน์ตาออกสู่โลก คำตอบของฉันอาจมาในรูปบทความที่ตีพิมพ์ไว้แล้ว ในคำสอนที่บันทึกไว้แล้วและกำลังส่งมา ในภาพยนตร์ที่กำลังถ่ายทำ ในบทเพลงที่เพิ่งประพันธ์ขึ้นเมื่อวาน ในถ้อยคำที่คนรักของเธอเพิ่งจะเอ่ย ในหัวใจของมิตรใหม่ที่จะได้พบสัจจะของฉันอยู่ในเสียงกระซิบจากสายลม เสียงลำธารไหลริน เสียงกึกก้องของสายฟ้า เสียงเปาะแปะของสายฝน...

    ฉันจะไม่ทอดทิ้งเธอ ฉันไม่อาจจากไป เพราะเธอคือสิ่งสร้างสรรค์และผลผลิตของฉันคือบุตรธิดาของฉัน คือจุดหมายและ...คือตัวฉัน
    ฉะนั้น จงเรียกหาฉัน ไม่ว่าที่ไหนและเมื่อใดที่เธอได้พรากจากสันติสุขที่ฉันเป็นฯ"

    หลานสาวได้อธิษฐานในใจขอให้พระเจ้าตอบรับว่าท่านอยู่กับเราจริงๆ แล้วก็ไปเปิดวิทยุ ปรากฏว่าเพลงที่เปิดไปเจอก็มีความหมายตามนั้นเลย (ไม่ใช่เพลงรักวัยรุ่นทั่วไป) หลานสาวถึงกับกอดหนังสือและร้องไห้เลยครับ


    ในความเชื่อของคริสต์แล้ว ก็เชื่อเช่นนี้แหล่ะว่า พระเจ้าอยู่ทุกที่ และสื่อสารกับเราทุกทาง ในเสียงกระซิบของสายลมที่พัดผ่าน ในเสียงน้ำฝนที่ตกโปรยปราย ในตัวอักษรในหนังสือ ในคำพูดของตัวละครในหนัง

    การอธิษฐานแล้วได้สัมผัสกับพระเจ้าอย่างที่เค้าเล่ามานี่แหล่ะ ขอให้พบ แล้วได้สัมผัส จึงทำให้คนคริสต์เชื่อกันว่าพระเจ้านั้นมีจริง

    ส่วนเรื่องมังสาวิรัติ ก็ไม่มีความเห็นเรื่องนี้ แต่ที่บ้านไม่ค่อยมีคนกินเนื้อวัว ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน ส่วนตัวก็กินได้นะ แต่ถ้ามีให้เลือกระหว่างเนื้อวัวกับเนื้อหมู ขอกินเนื้อหมูดีกว่า

    ปล. สำหรับคุณ Mead ได้ยินมาว่า ในหนังสือ conversation เล่มที่ 3 จะมีพูดถึงมนุษย์ต่างดาวด้วยครับ ในเล่มที่สองก็มีพูดถึงหน่อยๆ เหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2007
  8. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    เมื่อสองคืนที่แล้วฝันเหมือนจริงมากว่ามีผู้ชาย 2 คน เดินเข้ามาทำความรู้จัก พร้อมแนะนำตัวเองว่า "สวัสดีครับ พวกเรามาจาก ดาวเสาร์ และ ดาว อังคาร" แค่นี้ ดิฉันรีบบอกตัวเองในฝันเลย ตื่น ๆ ไปกันใหญ่แล้ว แล้วก็ตื่นขึ้นมา พอเมื่อคืนฝันอีกค่ะ ฝันว่าใครไม่รู้ไม่มีร่าง แต่อยู่ท่ามกลางจักรวาล พยายามหยิบอะไรเขวี้ยงก็ไม่โดน เลยหยิบ (เหมือนอาวุธลับเลย) 3อัน เขวี้ยงใส่ พร้อมคิดว่า คราวนี้ต้องโดน แน่ ๆ ใจนึงก็กลัวว่าเขาจะเจ็บ แล้วก็ตาย ปรากฏว่า ร่างที่ไม่เห็นตัวพูดว่า "ไม่ว่าเธอจะทำอย่างไร กลับไปบ้านเธอก็จะพบกับฉันเหมือนเดิม" ตื่นขึ้นมายังจำได้ดีค่ะ เหมือนไปเที่ยวมิติอื่น
     
  9. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    น้องลูกเกด ivory ฝากการบ้านมาส่ง
    ฝึมือวาดรูปไม่เบาเลยล่ะครับ
    แปะโป้งมาด้วย

    [​IMG]

    เกดส่งรูปวาดมานะคะ
    ส่วนข้อความคำตอบ 10 ข้อก็ฝากด้วยน้า ข้างล่างเนี้ยค่ะ
    ขอบคุณค้า

    ...............................

    ขอส่งการบ้านชิ้นที่สอง "ภาพเหมือนตัวเอง" ก่อนนะคะ (เพราะวาดแล้วไปตรงกับข้อสอง)

    ภาพนี้วาดตอนเดินทางด้วยความทุล<WBR>ักทุเล ด้วยความที่ชอบการบ้านชิ้นนี<WBR>้มากเลยแอบกังวลอยู่ว่าป่านนี<WBR>้จะตรวจไปรึยังน้า แต่มองไปรอบๆก็หาอุปกรณ์ยากจัง เลยเอาอายแชโดว์ที่ทาตานี<WBR>่แหละมาละเลงซะเลย ไปโขมยดินสอน้องชายมาด้วยเขาเลยต<WBR>ามมาราวีป้ายรอยนิ้มมือไว้เต<WBR>็มโดยเฉพาะหลังภาพแสกนแล้วยังเห<WBR>็นลางๆเลยค่ะ(แต่ข้างหน้าเป<WBR>็นรายนิ้วมือตัวเอง) ทุลักทุเลจริงๆค่ะ พอจะโหลดภาพลงก็ทำไม่ได้อีก เลยต้องฝากพี่มี้ดเนี้ยแหละน้า

    คำตอบเหล่านี้ที่แท้มันส่งการบ<WBR>้านให้ตัวเองทั้งนั้นนี่คะ ขอบคุณคุณน้านักเขียนมากๆเลย


    1. ดวงตาคือส่วนที่สนใจเป็นพิศษ ปรกติเวลามองกระจกชอบมองไปในดวงต<WBR>ามันมีพลัง
    2. มองภาพแล้วรู้สึกหลากหลายมากไม<WBR>่ได้มองเห็นแค่ตัวเองตอนนี้ แต่นึกถึงเด็กหญิงที่นั่งเหงาในห<WBR>้องแคบๆหว้าเหว่ เห็นความมุ่งมั่นแต่สนุกในดวงตาป<WBR>ัจจุบัน เห็นตัวเองในอนาคตที่นิ่งไร<WBR>้ความกดดันประสบความสำเร็จ(สำหร<WBR>ับตัวเอง)
    3. ภาพนี้แทนความ แน่วแน่ มุ่งมั่น มีความกร้าวที่ผลักดัน แต่ก็มีความอ่อนไหว<SCRIPT><!--D(["mb","\u003c/font\>\u003c/div\>\n\u003cdiv\>\u003cfont color\u003d\"#993399\"\>4. รายเส้นไม่ระเอียดบางครั้งก็เบา บางทีก็จงใจตวัดแรงๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2007
  10. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    คุณ ณ. สนเรื่องการทดลองปิรามิด ลองอ่านสองกระทู้นี้ดู แต่ว่าเค้าไม่ได้เอาปิรามิดกระดาษมาทดลองหรอกนะ

    http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6102860/X6102860.html
    http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6124793/X6124793.html
     
  11. Year of the Cat

    Year of the Cat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +236
    <CENTER>พระเจ้าสร้างทุกอย่างที่มีอยู่หรือ? ความชั่วร้ายมีอยู่หรือไม่?

    พระเจ้าสร้างความชั่วร้ายหรือ?

    </CENTER>
    ผู้ประพันธ์ : นิรนาม (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ)


    ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยในสถาบันที่มีชื่อเสียงในเรื่องการเรียนรู้ที่สูงกว่า ท้าทายนักศึกษาของเขาด้วยคำถามนี้ : “พระเจ้าสร้างทุกอย่างที่มีอยู่หรือ?” นักศึกษาตอบอย่างกล้าหาญว่า “ใช่แล้ว!”

    “พระเจ้าสร้างทุกอย่างหรือ?” ศาสตราจารย์ถาม

    “ใช่ครับ พระองค์สร้างอย่างแน่นอน” นักศึกษาตอบ

    ศาสตราจารย์ก็ถามต่อไปว่า “ถ้าพระเจ้าสร้างทุกอย่าง ถ้าอย่างนั้นพระเจ้าก็สร้างความชั่วร้าย และเนื่องจากมีความชั่วร้าย และตามหลักการที่ว่างานของเราจะบอกว่าเราเป็นใคร เราจึงสันนิษฐานว่าพระเจ้าก็คือความชั่วร้าย”

    นักศึกษานิ่งเงียบไม่ได้ตอบโต้คำพูดที่เป็นสมมุติฐานของศาสตราจารย์ ศาสตราจารย์ผู้ซึ่งค่อนข้างพึงพอใจกับตนเองจึงพูดอวดกับชั้นเรียนว่า เขาได้พิสูจน์อีกครั้งหนึ่งแล้วว่าความศรัทธาของชาวคริสเตียนเป็นความเชื่อที่ผิดๆ
    นักศึกษาอีกคนหนึ่งยกมือขึ้นพูดว่า “ผมขอถามคำถามได้ไหมครับท่านศาสตราจารย์?”

    “แน่นอน” ศาสตราจารย์ตอบ

    นักศึกษายืนขึ้นและถามว่า “ท่านศาสตราจารย์ครับ ความหนาวมีอยู่หรือไม่ครับ?”

    “นั่นเป็นคำถามอะไรกันนี่? แน่นอนมันมีอยู่ เธอไม่เคยหนาวหรือไง?”

    นักศึกษาคนอื่นๆหัวเราะคำถามของเด็กหนุ่ม

    เด็กหนุ่มก็ตอบว่า “ความจริงแล้วความหนาวไม่มีหรอกครับ ตามหลักของฟิสิกส์สิ่งที่เราเห็นว่าเป็นความหนาว ในความเป็นจริงแล้วก็คือการไม่มีความร้อน ทุกๆร่างกายหรือวัตถุทุกๆชิ้นมีความรู้สึกไวที่จะศึกษาเมื่อมันมีพลังงานหรือส่งพลังงานออกมา และความร้อนคือสิ่งที่ทำให้ร่างกายหรือสิ่งของมีพลังงานหรือส่งพลังงานออกมา ศูนย์โดยสมบูรณ์ (-460 ํF) คือการไม่มีความร้อนโดยสิ้นเชิง และสิ่งของทั้งหลายก็จะเฉื่อยและไม่สามารถมีปฏิกิริยาได้ ณ.อุณหภูมินั้น ความหนาวไม่มีหรอกครับ เราได้สร้างคำคำนี้มาเพื่อบรรยายให้รู้ว่าเรารู้สึกอย่างไรถ้าเราไม่มีความร้อน”

    นักศึกษาพูดต่อไปว่า “ท่านศาสตราจารย์ครับ ความมืดมีไหมครับ?”
    ศาสตราจารย์ก็ตอบว่า “แน่นอน มีซิ”

    นักศึกษาก็ตอบว่า “ท่านตอบผิดอีกแล้วครับ ความมืดก็ไม่มีเหมือนกันครับ ความมืดอันที่จริงก็คือการไม่มีแสง เราสามารถศึกษาแสงได้แต่ไม่ใช่ความมืด ความจริงเราสามารถใช้ปริซึมของนิวตันเพื่อแยกแสงสีขาวออกเป็นสีหลายๆสี และศึกษาความยาวคลื่นของแสงแต่ละสี เราไม่สามารถวัดความมืดได้ รังสีแสงง่ายๆสามารถทะลุเข้าสู่โลกแห่งความมืดและทำให้มันสว่างได้ ท่านจะทราบได้อย่างไรว่าที่ๆหนึ่งมืดเท่าไร? ท่านวัดปริมาณแสงที่มีอยู่ ถูกต้องไหมครับ? ความมืดคือคำที่มนุษย์ใช้เพื่อบรรยายว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อไม่มีแสง”

    ท้ายสุดนักศึกษาถามศาสตราจารย์ว่า “ความชั่วร้ายมีอยู่ไหมครับ?”

    ตอนนี้ศาสตราจารย์รู้สึกไม่แน่ใจและตอบว่า “แน่นอน เหมือนอย่างที่ครูได้พูดไปแล้ว เราเห็นมันทุกๆวัน มันมีอยู่ในตัวอย่างประจำวันของการที่มนุษย์ทำตัวไร้มนุษยธรรมกับมนุษย์ มันอยู่ในอาชญากรรมและความรุนแรงมากมายทั่วทุกแห่งในโลก ลักษณะนี้ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากความชั่วร้าย”

    นักศึกษาก็ตอบว่า “ความชั่วร้ายไม่มีหรอกครับ หรืออย่างน้อยที่สุดตัวมันเองก็ไม่มีอยู่ ความชั่วร้ายคือการไม่มีพระเจ้า มันก็เหมือนกับความมืดและความหนาว เป็นคำที่มนุษย์ได้สร้างขึ้นมาเพื่อบรรยายถึงการไม่มีพระเจ้า พระเจ้าไม่ได้สร้างความชั่วร้าย ความชั่วร้ายเป็นผลมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อมนุษย์ไม่มีความรักของพระเจ้าในหัวใจของพวกเขา มันเหมือนกับความหนาวที่เกิดขึ้นเมื่อไม่มีความร้อน หรือความมืดที่เกิดขึ้นเมื่อไม่มีแสง”

    ในที่สุด ศาสตราจารย์ก็นั่งลงและถามว่า “พ่อหนุ่ม เธอ เป็น ใคร?”


    “ผมชื่อไอน์สไตน์, อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ครับ”
    สำหรับเว็บไซต์ต้นฉบับที่มีเรื่องราวนี้ โปรดเยี่ยม :

     
  12. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ข้อความเดิมของพี่นักเขียน "ระหว่างที่คอยพวกเราส่งการบ้าน พี่นักเขียนขอชวนคุยเรื่องความฝันกันไปพลางๆก่อน คุณน้อง ณ ถามว่าจะตื่นมาจดความฝันเมื่อตื่นขึ้นกลางดึกดีไหม เพราะจำได้แม่นยำ แต่กลัวจะทำให้พักผ่อนไม่พอ พี่นักเขียนขอแนะนำว่า เมื่อตื่นขึ้นกลางดึกและจำความฝันได้ ให้คิดทบทวนความฝันนั้นๆโดยไม่ต้องจด หากต้องการฝันต่อเพราะฝันดี หรือฝันร้ายและต้องการแก้ไขบางสิ่งบางอย่างที่เพิ่งเผชิญไปในความฝัน ก็ให้กำหนดจิตขอฝันต่อด้วยการนึกคิดย้อนถึงเหตุการณ์ความฝัน และกำหนดให้ตนเองกลับเข้าไปในเหตุการณ์ ณ จุดหนึ่งจุดใดที่เราปรารถนา และปล่อยให้ความง่วงพาเราหลับและกลับไปสู่โลกของความฝันอีกครั้ง"

    ...ขอบคุณพี่นักเขียนค่ะ กระจ่างแจ้งเลยค่ะ เราสามารถกำหนดจิตเราให้ฝันต่อได้ดังใจ กำหนดให้จำก็จำได้ คิดดูแล้วก็เคยมีประสบการณ์บ่อยๆค่ะ บ่อยครั้งที่กำลังฝันมันส์ๆๆๆ...อิอิ แล้วก็ต้องลุกเข้าห้องน้ำกลางดึกเดินงัวเงียเหมือนละเมอ พอกลับมานอนก็ฝันต่อเลย เรื่องเดียวกันด้วย ...มันเกิดขึ้นได้เพราะอารมณ์เรายังค้างอยู่กับความฝันก่อนตื่นนั่นเอง...ใสปิ๊งเลยค่ะพี่นักเขียน(good)

     
  13. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ***คุณแอกซ์ แอบไปนั่งฟังเกอิชาเล่นดนตรีเหรอเนี่ย สงสัยจังคุณแอกซ์แต่งตัวเป็นซามูไรอะเปล่าเนี่ย...หุหุ :)
    ***คุณหัวหน้าห้อง...เป็นเด็กศิลปากรเหรอ เป็นความใฝ่ฝันของณ.เลย ขอบคุณที่เรียนแทนนะ ดังนั้น ณ.จะกระโดดเกาะเอาความรู้จากท่านหัวหน้า...ระวังไว้นะ... :) : bat:
    ***น้องลูกเกดวาดรูปสวยมาก ชอบๆ ชอบมากรูปที่ออกสีเอิร์ทโทน ภาพถ่ายขาวดำ ที่ออกสีแดงๆ ก็ชอบ ชอบตาน้องลูกเกดจัง...แสดงออกถึงความมุ่งมั่น...(kiss)
    ***พี่จินต์ มีเพื่อนเป็นมะนาวต่างดุ๊ดแน่ๆเลยเนี่ย ณ.เคยอ่านอีเมลล์ที่ส่งต่อๆ กันมาเรื่องมนุษย์ต่างดาวใช้เวลาอ่านตั้งนานกว่าจะจบ และมีข้อความที่เขียนไว้ว่า มนุษย์ต่างดาวมาอยู่โลกนี้นานแล้ว มีทั้งมิตร และไม่เป็นมิตร แอบแฝงมาอยู่ในกลุ่มมนุษย์โลกโดยที่เราไม่รู้ นอกจากพวกเผ่าพันธุ์เดียวกัน ...ถ้าคิดอีกแง่เราทุกคนก็อาจจะเคยคุยกับมนุษย์ต่างดาวมาแล้วก็ได้เนอะ แบบไม่รู้อะ...คงจะจริง
    ***น้องนกจ๋า ช่วงนี้ไม่ค่อยมีอะไรมาเล่าเลยเหรอคิดถึงจัง
    ***คุณพี่เหลยอะเดี๋ยวนี้เลียนแบบคุณพี่สงค์ซะแล้ว แว๊บมาอ่านแล้วก็แว๊บไป นั่นๆๆ เห็นคุณพี่เมาท์อีกคน...อิอิ
    ***พี่นักเขียนรูปผลึกน้ำแข็งสวยน่าประทับใจจัง...สักวันณ.คงมีโอกาสเห็นด้วยตาตัวเองแน่ๆ...
    ***รูปนี้ไม่ได้ถ่ายเองแต่ชอบ...เลยเอามาให้ดู...แถมด้วยสิ่งรักอีกอย่าง(smile)

    1.jpg
     
  14. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ***VegiGuy...คุณกี้...เข้ามาโพสต์มาแสดงความคิดเห็นกันที่นี่ก็ได้ค่ะ ยินดีต้อนรับ เดี๋ยวส่งน้องนกไปรับรองเด็กใหม่...อิอิ ในเรื่องมังสวิรัติ ณ.ไม่ได้ถืออะไร มีก็กิน ไม่มีก็ไม่กิน เลยมีความรู้สึกว่าเฉยๆค่ะ เพราะทุกอย่างอยู่ที่ใจหรืออาจจะเป็นเพราะ ณ.เป็นเด็กต่างจังหวัดมานาน อาหารพื้นเพคือน้ำพริกผักจิ้ม เนื้อสัตว์ใหญ่ไม่ค่อยกิน แล้วก็ไม่คิดอยากด้วย แต่ก็กินได้ ไม่ได้รังเกียจหรือถืออะไร ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ติดอยู่ที่รสของอาหาร ยิ่งอาหารอะไรเคยกินแล้วชอบ พอพูดถึงจะเกิดอาการน้ำลายสอขึ้นมา(ณ.ก็เป็นด้วย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นผลไม้เปรี้ยวกับหน่อไม้...อิอิ..ชอบเป็นพิเศษ)...ความรู้สึกขอบคุณในคุณค่าของอาหาร และของชีวิตที่เสียไปเพื่อเป็นอาหารไม่มี รู้แต่ว่าอร่อย สนุกลิ้น คนเราทุกวันนี้สรรหาอาหารแปลกๆ กินกัน หลายคนเลยติดใจอาหารรสชาติแปลกๆไปด้วย แล้วพอถึงเทศกาลเจก็เลิกกินกันที หยุดกินเนื้อสัตว์ อดใจไว้ อดใจไว้ พอหมดเทศกาลก็กินใหญ่เลย ตรงนี้ไม่ได้ว่าใครนะคะ คือรู้สึกแบบนี้จริงๆ เมื่อเทียบกับคนที่เขากินธรรมดา มันคล้ายกับเทศกาลล้างท้องเพื่อรอกินใหญ่ยังไงยังงั้นเลย อ้าวแล้วมันเกี่ยวกับมังสวิรัติมั๊ยเนี่ย...อิอิ...สรุปคือไม่ว่าจะกินแบบไหนขอให้ระลึกถึงคุณค่าของอาหารที่กินกันเข้าไปด้วย...คุณค่านี่ไม่ได้เน้นถึงสารอาหารนะคะ หมายถึงจิตวิญญาณที่กลายมาเป็นพลังงานให้เราคะ ...ขอให้พวกเขาทั้งพืชสัตว์และทุกสิ่งที่เป็นพลังงานให้เราจงมีความสุข...(good)

    ***คุณแคท (Year of the Cat)... ดีใจจัง มีสมาชิกห้องวิทย์ฯ เพิ่ม บทความที่นำมาลง ณ.เหมือนเคยอ่านที่ไหนมาแล้วแต่จำไม่ได้ ถ้ามองดีๆก็จะเห็นว่าทุกอย่างมีตั้งแต่2ด้านขึ้นไป คือมีเยอะแยะหลายด้านแล้วแต่เราจะมอง ไม่มีอะไรที่มีด้านเดียวเลย เพราะถ้าไม่มีคำเปรียบเทียบว่าความชั่วร้ายคืออะไร เราก็จะไม่รู้จักความดีงามได้ดีพอ และถ้าจะมองให้ลึกลงไป ความชั่วร้ายนี่คือครูผู้สอนให้ศิษย์ดึงความดีงามออกมาให้ประจักษ์ก็ได้ สรุปตามแบบของณ. คือ ไม่ว่าจะความชั่วร้ายหรือความดีงาม มีความงดงามไปคนละแบบ...สีดำกับสีขาว คิดว่าสีไหนสวยกว่ากันล่ะ...คิดเล่นๆละกัน...อิอิ(evil)
     
  15. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    ระหว่างที่รอการบ้าน วาดรูปเหมือน ขออนุญาติทบทวนหนังสือความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณครับ
    ในหนังสือ ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ บทที่ 4 ประสาทสัมผัสภายใน หน้าที่ 66 ย่อหน้า แรก
    ความสามารถทั้งหลายของประสาทสัมผัสภายในบรรลุผลสำเร็จได้ด้วยการฝึกฝนการใช้ "เวลาแห่งจิต"
    เธอเริ่มต้นได้ด้วยการละการจดจ่อเอาใจใส่ต่อโลกภายนอก
    ด้วยประสาทสัมผัสภายนอกทั้งห้าเพียงวันละไม่กี่นาที เธอแต่ละคนจะเผชิญกับประสาทสัมผัสภายในในทิศทางที่แตกต่างกัน การรู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสภายในเป็นสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการรู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า การจะใช้ประสาทสัมผัสภายในอื่นๆเป็นไปได้ยากหากปราศจากการใช้ "เวลาแห่งจิต" และในทางตรงกันข้ามหากเธอฝึกฝนใช้ "เวลาแห่งจิต"อย่างสม่ำเสมอ เธอจะสามารถใช้ประสาทสัมผัสภายในอื่นๆได้อย่างเป็นอัตโนมัติและฉับพลัน

    ขอเรียนถามอาจารย์นักเขียน ครับ ว่า การฝึกฝนการใช้ "เวลาแห่งจิต" ฝึกอย่างไรครับ? เหมือน กับการฝึกฝัน และหรือ การนั่งสมาธิบนเบาะหรือไม่ครับ?
     
  16. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    กำลังคุยเรื่องปีใหม่จะไปดู "แม่คะนิ๊ง"ที่จังหวัดเชียงราย กับน้องๆที่ออฟฟิต พอดีอาจารย์นักเขียนท่าน ถ่ายรูป ice storm และ melting ice มาให้ดู
    สวยมากๆเลยครับ น้องๆชอบใจกันใหญ่เลย
    แต่ก็สงสารต้นไม้ และสัตว์ต่างๆนะครับ ไม่ทราบว่านกสวยๆ กับตัวแร็คคูณเค้าอยู่กันยังไงครับ เค้าคงหนาวมากๆเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2007
  17. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    รูปหนูเกด ถ้าเอาไปใส่กรอบแล้วนำไปวางขาย พี่เหลยว่าต้องมีคนแย่งซื้อแน่ๆ
    สวยมากเลยครับ
     
  18. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    ก้าก!!!! ขออภัยครับ ไม่ใช่ ซาเซมิ กะ ซูชิ ครับแต่เป็น
    ชามิเซน หรือ Tsugaru Shamisen เมื่อก่อนชอบดูหนังจีน เดชคัมภีเทวดา
    ตงฟางปู้ป้าย เขาเล่น Shamisen ด้วยน่ะ อิอิอิ

    kaze2.jpg
    shami-1.jpg

    http://www.umbc.edu/eol/9/yamada/introduction.html

    ลองเข้าไปฟังดูน่ะ ฟังแร้วหายเครียดเลยครับ
     
  19. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155


    เพลงนี่แหละครับ ชอบมากๆเลย ฟังแล้วสาบายใจดีน่ะ
     
  20. obniti

    obniti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2007
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +305
    ส่งการบ้านเพิ่มเติมครับ
    1 นิ้วมือ
    2 รู้สึกพอใจ
    3 ความสมหวัง
    4 มั่นใจ
    5ได้อยูในกลุ่มบุคคลที่มีความคิดเห็นตรงกัน
    6ระลึกถึงวันเวลาแห่งความสุขที่ผ่านมา
    7 ความฝันเป็นจริง
    8 มุ่งมั่นให้เป็นจริง
    9 มีความยินดีเพือเสนอสิ่งที่คิดว่ามีประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น
    10 ความพึงพอใจเกิดขึนได้ทุกเวลา ทุกสถานที่
    คือว่ามีความไฝ่ฝันอยากเป็น organizer ที่นำเสนอเพลงเก่าและ
    วิธีการทำอาหารที่มีประโย่ชน์กินให้ถูกต้องตามฤดูกาล แต่ภรรยาผมประมาทไว้ว่าผมไม่มีทางทำได้เพราะคนรุ่นผมเหลือน้อยเต็มทน
    และผมคงหมดแรงแบกตู้ลำโพงเสียก่อน
     

แชร์หน้านี้

Loading...