เรื่องเด่น วิธีถอดกายทิพย์ที่คุณก็ทำได้

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย ปฐมฌาณ, 21 กรกฎาคม 2012.

  1. wat2510

    wat2510 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +634
    สวัสดีครับ ผมอยากจะขอความอนุเคราะห์ จะรบกวนท่านถอดจิตมาที่บ้าน ผมสักหน่อยครับ ผมเองก็อยากจะฝึกนั่งสมาธิเหมือนกัน แต่สภาพใจสภาพจิตผม
    เหมือนๆขาดกำลังจิตกำลังใจ แต่ ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดจากสถานที่ หรือกรรม เลยอยากรบกวนขอความช่วยเหลือจากท่าน ผมไม่ได้ มีเจตนาไม่ดีหรือแอบแฝงนะครับ ถ้าท่านมาได้ คงเป็นวาสนาของผม วัฒนา นาแล ถ้าผมพูดอะไรผิดไปต้อง ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
     
  2. ปฐมฌาณ

    ปฐมฌาณ เป็นและตาย..อยู่ใกล้กัน..เพียงลมหายใจ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    486
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,870
    โดยความเคารพนะขอรับ...เรื่องฝึกสมาธิ..ไม่เกี่ยวกับ..สถานที่หรอกขอรับ..
    ถ้าจะเกียวก็คงเป็นกรรม...คือการกระทำและวาสนา..ของท่าน..

    .วาสนาแปลตรงตัว..คือความเพียร..ทำบ่อย..เราอยากได้วาสนาแบบไหน..ให้เราทำสิ่งนั้น..บ่อยๆ..ขอรับ
    .
    อนึ่ง....เรื่องท่านชวนไปเที่ยวบ้านผมก็ลงเมือดินทางตอนตีสามยี่สิบ...ของคืนวาน...ได้เดินดูรอบๆบริเวณบ้าน...ได้พบเจอวิญญาณหลายท่าน..บางท่านก็น่าเวทนาที่อยู่ในภูมิของเปตร..แม้จะร้องขอความช่วยเหลือจากเกล้าฯก็ยังพูดไม่ได้....ได้แต่เดินตามหลัง..ในตอนนั้นเกล้า่ฯก็ไม่รู้ความประสงค์..ได้แต่เดินจากไป.
    แต่ช็อตเด็ด..นาทีมโหระทึก..อยู่ที่ตอนเกล้าฯ..จะเดินเข้าไปในตัวบ้าน..ของท่าน..พลันได้ปรากฏหญิงสาว..รูปร่างบอบบาง..ยืนตะคุ่ม..เป็นเงาตัดกับแสงจันทร์...แหงนเงยหน้ามองฟ้า...เหมือนจะแกล้งเจตนา..ให้เกล้าฯตกใจกลัว...ซึ่งก็นับว่าสมเจตนาของเธอ..ทันไดที่เกล้าฯมองเห็น..ก็กระโดดถอยหลัง...จนกายทิพย์เหาะลอยห่างไปหลายร้อยเมตร...

    วรรค..แต่ก็ยังสงสัย..ว่ามันคืออะไร..(คืออีหยังหนอ)

    จึงกระโดดเหาะลอยพุ่งเข้าไปหาอีก...ไปดูใกล้ๆ..ชัดๆ..โฟกัสกันไปเลย...
    .โอ้ย!!!!....ได้แต่คุณพระช่วย..ใบหน้าที่ทำหลังคล่อมแหงนหน้าขึ้นฟ้า...ในความมืด..เธอไม่มีดวงตาทั้งสองข้าง.....อื้อหื้อ.ยิ่งจ้องมองเข้าไปในเบ้าตา..ก็ยิ่งกลวงลึกโบ๋..ผมตกใจกับภาพที่เห็น.จิตจึงกลับเข้าร่างโดยทันที..สมาธิถอนโดยใด...ขอรับ

    รุ่งสางวันใหม่ผมได้สวดมนต์แผ่อุทิศส่วนกุศลให้เธอ.รวมทั้งหลายๆท่านที่ผมไปพบเจอแล้ว.....และขอฝากให้ท่านwat1967..สวดมนต์ตักบาตร..หยาดน้ำอุทิศกองกุศลให้เธอด้วย...ขอรับ.

    ปล.ผู้ให้คำจำกัดความคำว่าวาสนาคือความเพียร...คือท่าน
    ศาสตราจารย์พิเศษ พระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) (นามเดิม:ประยุทธ์ อารยางกูร) หรือที่รู้จักกันดีทั่วไปในนามปากกา "ป.อ. ปยุตฺโต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2014
  3. ปฐมฌาณ

    ปฐมฌาณ เป็นและตาย..อยู่ใกล้กัน..เพียงลมหายใจ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    486
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,870
    เรื่องผีตาโบ๋ที่บ้านท่าน..wat1967....มีเจตนาแกล้งเกล้าฯ..จริงหรือๅ?
    ถ้าไม่ใช่..ทำไมภาพที่เห็นจึงน่ากลัวจัง...
    เกล้าฯรู้สึกกลัวเธอ...อยู่ 2 วัน..

    .แต่เมื่อวานพึ่งนึกขึ้นได้..ตอนเห็นนักโทษมาขุดลอกท่อ กทม. ก็เลยพิจารณาว่า อันธรรมดานักโทษที่มาขุดลอกท่อย่อมเป็นนักโทษชั้นดี..ที่กำลังจะพ้นโทษ..ย่อมไม่หลบหนีหรือกระทำความผิดในขณะที่กำลังจะพ้นโทษแน่นอน

    เธอผู้ไม่มีดวงตา..ก็คงอยู่ในตระกูลเปตร..ที่ได้รับการลงโทษมานาน..ในนรก..เหลือเพียงเศษของกรรมนิดๆหน่อยๆ..จึงได้ผุดเกิดมาเป็นเปตร...การที่จะมาเที่ยวหลอกหลอนเหมือนวิญญาณดวงอื่นคงไม่ใช่แน่นอน.

    ที่เธอแหงนหน้าขึ้นฟ้า..ก็คงเพราะมีเหตุ 2 ประการ คือ เกรงว่าเกล้าฯจะกลัว..กับเหตุว่าเธออายในความเป็นอยู่ของเธอ...บวกกับนึกถึงเรื่องสมัย..เกล้าฯเป็นพระไปปักกลัดในป่าช้า...วัดป่าช้าเมตตาธรรม.เขต..นครราชสีมา..ทางวัดจัดงานบุญปริวาสปฏิบัติธรรม
    วันนั้นเกล้าฯ..เริ่มเดินจงกรม...รู้สึก.จิตอยู่กับกาย.มีความสงบเป็นพิเศษ...ตั้งแต่บ่ายแล้วพยามส่งจิตอยู่ที่กายและจิต..พิจารณาอาการ 32.ไม่ลดหละ
    จิตสงบมาก..พอไปนั่งสมาธิ...ภาวานาคำว่า..เกศาๆยังไม่ได้ยกจิตขึ้นพิจาณาเลยว่า..เกศา..น่าเกลียดอย่างไร...จิตก็ตกภวังค์..เหมือนมีคนมาปิดสวิชช์ไฟ..แต่ปรากฏภาพ.เห็นผีกลุ่มหนึ่งใส่ชุดขาว.เหมือนพวกรักษาศีล 8.นั่งรถตู้แบบโบราณๆ..มากันหนึ่งคันรถไม่รู้มาจากไหน...กำลังเอาของลงจากรถ..บริเวณด้านหน้าของป่าช้า...ระยะห่างจากที่นั่งอยู่ประมาณ..500..เมตร

    ...ภาพที่ปรากฏ.เหมือนเราเห็นภาพบนภาพยนต์....แต่ภาพชัดมาก..และภาพนั้นไปโฟกัส..ชายที่มีผิวเนื้อดำแดง..ชายผู้นั้นเหมือนจะรู้ว่า..มีคนมองเห็นตนเอง...ได้แต่ก้มหน้า..สาละวนกับงานที่ตัวเองกำลังทำ....เกล้าฯก็พยายามมองหาดวงตา..เห็นเพียงขอบตาดำ..ภาพก็ซูมเข้ามาใกล้ๆ...เห็นเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี..อายุราว 45 ขณะที่กำลังจะตรวจดูความเป็นไปของชายผู้นี้....ก็ได้ยินเสียงคนเหยียบกิ้งไม้(.คืออาจารย์ของเกล้าฯท่านเดินผ่านกลด)....ทำให้สมาธิถอน.
    จากเรื่อง.ในอดีต..ทำให้เกล้าฯได้คิดว่า..ผีตาโบ๋นี้..เกิดแต่กรรมของเขา.เขาไม่มีเจตนาหลอกเราหรอก..เขาเป็นผีที่น่าสงสาร..เป็นผีชั้นดี..เพียงแต่กรรมของเขาตกแต่งให้เป็นเช่นนั้น..ขอรับ
     
  4. Fmfot8iy

    Fmfot8iy Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +72
    ผมก็เคยตกใจตอนทำสมาธิ มันมีเสียงพร้อมภาพ มาในเวลาเดียวกัน ผมตกใจมากคุมสติไว้ไม่อยู่ ลืมตามาใจมันเต้นตึก ๆ รัวเร็วแรง สะท้านไปทั้งใจเลยครับ เหมือนตัวเองไปทำอะไรผิดมา
     
  5. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158
    รออ่านครับ มีกำลังใจปฏิบัติเพิ่มขึ้นเลยครับ ขออนุญาตถามนิดนึงครับเผื่อตอบได้ คือผมปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิแล้วเข้าได้บ้างไม่ได้บ้าง บางทีทำได้เองบางทีเข้าไม่ได้มาวิเคราะห์ดูแล้วจึงพอจะเดาสาเหตุได้คือ หายใจเข้าพุท หายใจออกโท แต่ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตรงนี้แหละครับที่ผม งง ทำไม่ได้ เข้าใจความหมายนะครับว่าเพียงแต่รู้ว่าเข้าและออกไม่ต้องบังคับแต่ทำไม่ได้ พอจะมีวิธีแนะนำไหมครับ
     
  6. babae

    babae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +470
    ผมอยากเอากายหยาบไว้ด้วยมีวิธีฝึกไหมครับ อิอิ
     
  7. rapeepat

    rapeepat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +138
    คุณ ปฐมฌาณ รบกวนช่วยแก้ความส่งสัยที่ผมมีมา ตลอดชีวิตให้ผมหน่อยครับเกี่ยวกับเรื่อง การถอดจิต และพ่วงเรื่อง ของโลก วิญญาณมีจริง หรือ ไม โดยส่วนตัวไม่ค่อยเชื่อเรื่อง พวกนี้อยู่ แล้ว แต่ก็ยังเดินทางสายกลาง ของโลกความเป็นจริงอยู่

    แต่ถ้า คุณ ปฐมฌาณ ทำให้ผมเชื่อและพิสูตรให้ผมเชื่อ ได้ ผมจะถือว่าเป็นความกรุณา อย่างมาก ครับ เพราะจะทำให้ผม ขยับเข้าใกล้การปฏิบัติ ดี ปฏิบัติ ชอบ อีกระดับ ครับ ถือว่าช่วยอนุเคราะ ผมด้วยครับ ช่วยมาตรวจสอบสถาน ที่พักอาศัย ของ ผม ว่าเป็นเช่นไร อยู่ อย่างไร ผม จะรอคุณ ปฐมฌาณ ถอดจิต มาหานะครับ คืนนี้ แต่ถ้าไม่สดวกมาวันนี้ แจ้งด้วยนะครับ ว่าจะมาวันไหน ครับ ขอความกรุณาด้วยครับ
     
  8. ไม่ยึด

    ไม่ยึด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    275
    ค่าพลัง:
    +263
    กอกล้วยแค่กอเดียวก็มีภพหนึ่งภพใดอยู่ ภพนี่มีหลายภพ ที่ใกล้ชิดเราติดต่อเราได้ก็มี แต่ส่วนมากจะสนใจสิ่งที่ตนเจอเฉพาะหน้า ที่ระลึกย้อนหลังมาพบเราได้ก็หาได้น้อยนักที่จะได้มาพบกัน ผมเจอผีมาตั้งแต่เด็กจนโต จนตอนนี้ปฏิเสธว่าไม่มีก็ยากซะแล้ว ช่วงนี้ไม่ได้ปฏิบัติธรรม เวลารึจิตใจไม่เอื้อทางธรรมซะแล้ว จิตใจก็สกปรก การพูดการคิดการทำก็สกปรกแล้ว ไม่เหมือนครั้งมีเวลาทำบุญปฏิบัติธรรม
    มีเวลาปฏิบัติก็ทำให้คุ้มพอหมดช่วงเวลานั้นไปจะมาเสียดายภายหลัง วิญญาณก็น่าจะมีความแปรปรวนของสภาวะแล้วแต่กรรม ผีก็มีทั้งดีและร้าย เวลาไปใหนมาใหนก็ระวังด้วย ถ้ามีครูบาอาจารย์ท่านดูแลอยู่ก็น่าจะทำ แต่ถ้าสุ่มเดาทำไปพอเกิดอันตรายแล้วจะหาใครแก้ให้ก็รำบาก จากที่อ่านกระทู้ เจ้าของกระทู้เล่า ผมว่าท่านคงจะเจอจริงๆ เพราะลำดับอาการสมาธิได้ ตามที่ผมเป็น ที่คิดๆๆ ไม่ได้มาจากสมอง แต่ผุดขึ้นมาแถว สะดือค่อนไปข้างหลังเล็กน้อย
    ขอเป็นกำลังใจให้ครับ อยากจะขอเตือนว่าถ้าหยุดปฏิบัติหรือเกิดเสื่อมแล้ว ก็ปล่อยมันไปนะครับ
    แรกๆผมก็มั่วทำตามดูจิตแบบทั้งวี่ทั้งวัน จนปัจจุบันเกิดปัญหาจิตไม่เข้าภวังหลับ ต้องอาศัยยาจิตแพท์เพื่อให้ตัวเองได้นอนพักผ่อนแบบคนทั่วไป หาครูบาอาจารย์ใว้บ้างเผื่อให้ท่านช่วยเวลาคับขัน

    เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ครับ

     
  9. ปฐมฌาณ

    ปฐมฌาณ เป็นและตาย..อยู่ใกล้กัน..เพียงลมหายใจ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    486
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,870
    สมาธิคือความสงบ...แต่ความสงบนี้เกิดจากการเพ่ง....เมื่อจิตยังไม่สงบก็ยังต้องเพ่ง...หรือบริกรรม...เมื่อจิตสงบแล้ว...อยากบริกรรม...มันก็พูดไม่ได้..มันสงบของมันเฉยๆ..เป็นอารมณ์เดียว..นิ่งอยู่..คิดอะไรไม่ออก..

    เมื่อทำบ่อยเข้า..ถึงขั้นชำนาญ..คำบริกรรมจะไม่เกิดขึ้นเลย...ทุกวันนี้..เวลาเกล้าฯจะเข้าสมาธิ....มันก็มีน้อยมาก..ที่มีเพราะอยากใช้..อยากระลึกถึง..พุทธานุสติ

    เราจะพูดคำไหน..ขอให้เพ่งอยู่ก็เป็นสมาธิหมด.....แต่เราใช้นามอื่น..จะมีค่าอะไร.

    ด้วยเหตุนี้แหละ
    .
    ...โยคาวจรเจ้าทั้งหลาย..จึงเพ่งอยู่กับนามของพระพุทธเจ้า..ขอรับ


    ป.ล.เมื่อทำไม่ได้..เพราะทำยังไม่ถึง..เมื่อทำถึงจะรู้เอง,(คำกล่าวของ..พระอาจารย์ประยูร...วัดป่าบ้านซำผักหนาม...สำนักสงฆ์อุทยานภูผาหม่าน...)
     
  10. ปฐมฌาณ

    ปฐมฌาณ เป็นและตาย..อยู่ใกล้กัน..เพียงลมหายใจ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    486
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,870
    เมื่อมีเสียงกรู่ร้อง ณ ที่แห่งใด ผู้ได้ยินแล้วไซร้..ยังนิ่งอยู่..ไม่ขานตอบรับย่อมทำให้เสียงของผู้นั้นแผ่วไป..ย่อมไม่ใช่วิสัยของเกล้าฯ...

    เกล้าฯ..เองเมื่อคืนได้ตรวจดูแล้ว..พิจารณาแล้ว..ทราบแล้ว..ว่าดวงจิตที่อยู่บริเวณบ้านท่านนั้น....เขาทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือท่านในด้านต่างๆ..
    เป็นภาพของผู้หญิงวัย..46-47..ปี..ไม่มั่นใจว่าอยู่ภพไหน..ผิวขาว..อุปนิสัย..ใจดี..แต่โมโหง่าย..เจ้าอารมณ์
    แต่เกล้าฯ..ไม่ได้ถอดกายทิพย์ไปนะ....ส่งกระแสจิตไปประมวลเหตุการณ์..
    พูดง่ายๆ..ดูตามภาพ...ที่เกิด..เป็นคลิบวิดีโอสั้นๆ..ที่คนทั้งหลายนิยมเรียกว่าการ
    ..หยั่งรู้

    เรื่องความเชื่อ....จะเชื่อเรื่องอะไร..ก็อย่าได้เชื่อ..ทางสายกลางเฉกเช่นท่าน.ภาพลวงตา..ประเสริฐแล้ว...

    เกล้าฯเองได้เคยได้ฟังมาว่า....อย่าเชื่อเพราะมันน่าเชื่อ...ขอรับ

    ....หมายเหตุ..เมื่อคืน..16/10/2557..ส่งจิตไปตรวจอีก...ได้เห็นว่า..ทุกๆครั้ง..ที่ท่านเดินจะเข้าบ้าน
    ที่หน้าประตูบ้าน...รอบนอกนะ..ไม่ใช่ภายในบ้าน..เห็นวิญญานเด็กสี่ตน..ท่าทางมอมแมม..วิ่งมาขออาหารจากท่าน...ปกติวิญญาณเด็กสี่ตน...นั้น...เขายังชีพด้วยก้อนเขโฬและเสมหัง
    ..(เขโฬน้ำลาย..เสมหัง..ก้อนเสลด)..และอาหารที่บุคคลถวายทานอุทิศให้..

    ..มันเป็นภาพที่น่าอนาจใจมาก..น่าจะเป็นปรทัตตูปชีวิเปรต

    ท่านก็เป็นคนใจบุญ....เมื่อทราบความที่เกล้าฯ...แจ้งข่าวแล้ว...ก็จงพิจารณาตามเห็นควรเถิด..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2014
  11. ปฐมฌาณ

    ปฐมฌาณ เป็นและตาย..อยู่ใกล้กัน..เพียงลมหายใจ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    486
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,870
    เพื่อเป็นอุปนิสัย..สำหรับผู้ใฝ่ปฏิบัติธรรม...เกล้าฯจะเล่าเรื่อง..ป่าช้าผีดุ.....จะดุขนาดไหน..ขนาดที่เกล้าฯเคยคิด..จะนำเรื่องราว...มาเล่าตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว...ก็จำเป็นต้องพับเรื่องไว้

    เพราะวิญญาณเจ้าที่มาห้ามไว้...ชนิดเกิดเหตุ..เขียนได้ไม่กี่วรรค

    ไม่ได้ห้ามธรรมดา..นะท่านทั้งหลาย..(เกือบตาย...อิอิ)

    เกล้าฯ..ก็เลยพิจารณาดูว่าทำไมเขาต้องห้าม...พิจารณาได้ความว่า..
    ..เรื่องที่จะเล่า..ระบุบุคคล สถานที่ จังหวัด...ย่อมทำให้เจ้าวัดและเจ้าที่..เสียหาย..อับอายขายหน้า.อีก.ประการหนึ่ง..ก่อนที่คิดจะเล่าก็ไม่ได้ขออนุญาต


    และวันนี้ก็ขออนุญาตแล้วและจะไม่ระบุสถานที่..ขอรับ..เพียงเล่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์..มิได้ต้องการอวดกิเลส...แต่อย่างใด

    วรรค.....

    สมัยหนึ่งมีเสียงร่ำลือว่ามีวัดแห่งหนึ่ง.ในเขตอีสาน.เป็นป่าช้าแบบโบราณ...ที่มีการฝังผีตายโหง...แล้วตอกป้ายวิญญานเหนือหลุมศพ...มีอยู่อย่าง..เดียรดาษเกินจะนับได้ทั่วผืนป่า..ทั้งนี้เนื่องจากมีการฝังมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย...แต่ทุกวันนี้เนื่องจากมีการก่อสร้างเสนาสนะ..ของวัด..จึงดูเหมือนมีไม่มากเหมือนแต่ก่อน

    เกล้าฯได้ไปวัดแห่งนี้โดยบังเอิญ..ขอรับ...จำได้ว่า..ครั้งแรกที่ได้ไปเจอ...ไปกับเพื่อนสหธรรมิกหลายท่าน...ไปเดินสำรวจทั้งป่าช้า..ไปถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก...ทุกย่างที่ก้าวเดินภาวนาพุทโธตลอด...รู้สึกกลัวปนตื่นเต้น..รู้สึกชอบในสถานที่อันวิเวกสัปปายะ..อย่างยิ่งขอรับ
     
  12. ปฐมฌาณ

    ปฐมฌาณ เป็นและตาย..อยู่ใกล้กัน..เพียงลมหายใจ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    486
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,870
    ...พูดถึงเรื่องผี....ตอนเด็กๆ..เกล้าฯแทบไม่อยากได้ยินด้วยซ้ำไป...ไม่อยากให้ใครเอ่ยถึง...
    แต่วันนั้นได้ไปเจอสภาพหลุมศพ...ที่ถูกฝังอยู่ใต้ไม้ใหญ่...มีหรือจะไม่ตื่นเต้น
    บางหลุมก็มีเถาวัลย์..ขึ้นปกคลุม...ทางที่ค้นหาศพแต่ละศพก็ไม่สะดวกนัก....ต้องแหวกต้นไม้บุกป่าไป...
    แต่มีหลุมหนึ่งที่ตราตรึงใจ.คือ..หลุมที่..มีเคียววางบนหลุม...จึงสอบถามที่มาจากพระภิกษุเจ้าของสถานที่...ที่นำเที่ยว..

    จึงรู้ว่า...หลุมนี้เป็นของหญิงตายท้องกลม...ชาวบ้านเชื่อว่าหากมีการฝังแม่และลูกไว้ในหลุมเดียวกัน...จะเกิดอาถรรย์วิญญาณ..จะเฮี้ยน...พร้อมกันนั้นท่านยังเล่าเรื่องอันชวนสยองขวัญต่างๆ..ภายในวัดอย่างออกรส...ด้วยความ
    ภาคภูมิใจ


    ในทุกที่ที่มีความกลัว..นั้นเป็นเพราะจิตมันปรุ่งแต่งของมันเอง..ยิ่งจิตของปุถุชนเช่นเกล้าฯ..มีหรือจะไม่หวาดระแวง...ระวังภัย

    กึกกัก...กึกกัก......ปังๆ.....ห้องน้ำเปิดประตูไม่ออก..เฮ้ย!!.ผีมันเล่นกันตอนกลางวันแสกๆ..เลยหรือนี้...เกล้าฯ..รู้สึกตกใจ..มือไม้สั่น....เมื่อเข้าไปใช้ห้องน้ำ....แต่ออกจากห้องน้ำไม่ได้

    สาธุ.ๆ...

    ว่าแล้วก็อฐิษฐานจิต...ส่งเสียงพึมพำ.ขอให้ข้าพเจ้าออกจากห้องน้ำนี้ได้ด้วยเทอญ..
    พราง.ร่ายมนต์สองสามประโยค...โอมเพี้ยง!!..แล้วดันประตูเปิดออกมาได้....อย่างหวุดหวิด..ชนิดเหงื่อซึมหน้าผาก

    ว่าแล้ว..ก้อ..ไหนห้องน้ำข้างๆ..เป็นอย่างไรบ้าง...โอ้วว..คุณพระช่วย..แต่ละห้องน้ำล้วนถูกสนิมรับประทาน...ด้วยกันทั้งนั่นเลย

    นี้ละหนอ..เขาเรียกว่าอุปปาทาน....สภาพแวดล้อมปรุงแต่งจิต..คิดไปเอง

    หนึ่งปีผ่านไป..ทำให้เกล้าฯ..ลืมเรื่องราว..ความลี้ลับและความน่าสะพรึงกลัว..ของป้าช้า..แห่งนี้เสียสนิท...ทั้งที่ก่อนหน้านั้น..ก็กลัวจนตัวสั่น.....เกล้าฯเองก็ไม่รู้ว่าผลบุญชนิดไหนมาดลบันดาลใจ...คือมีความอยากไปนอนในกลางป่าช้า.ในวัดแห่งนั้น.คนเดียว..........อยากไปทดสอบสภาพจิต....ฟิตสติ..อย่างเต็มประดา..ก็เลยขอลางาน...เพื่อไปบวชเป็นผ้าขาว(ชีพรามณ์)....ในวัดแห่งนั้นแต่เพียงลำพัง
    (ป.ล. เหตุการณ์ที่จะอุบัติขึ้น..ในป่าช้า...หรือเรื่องราวจะเป็นเช่นใด..เกล้าฯ.จะกลับมาย้อนรอย....ร้อยเรียง..อีกครั้งแน่นอนขอรับ)


    วันนี้วันที่..18/10/2557
    อย่าเชื่อเพราะ..มันน่าเชื่อ...คำนี้คือแสงทางแห่งปัญญา...ที่ทำให้.เกล้าฯเอง..ชักจะลดเครดิตแห่งความน่าเชื่อถือ..แห่งเรื่องภูตผีปีศาจ...และไนท์ตี้ช๊อคทั้งหลาย..ด้วยเหตุเคยประสบแต่ในทางความฝัน...เจอกันแต่ทางนิมิต..ก็เลยเผลอคิด..ไปว่าเรื่องผีก็แค่เรื่องฝัน....คิดได้ดังนั้นก็มิได้ชักช้ารอรี.....
                         ณ  วัดป่าอันร่มรื่นที่อุดมไปด้วยแมกไม้ยืนชูคอเรียงรายลดหลั่น..สลับกันไป
    ..เกล้าฯนั่งอยู่ในที่อันสมควรแห่งหนึ่ง..หลังจากสมาทานรักษาศีลแปดเรียบร้อย..ช่วงนั้นเป็นเวลาพลบค่ำย่ำสายัณ...ท่านเจ้าอาวาสเอ่ยถามเกล้าฯว่า....
    จะไปพักที่กุฏีไหนหละ...ที่วัดของเรายังมีกุฏีว่างอยู่หลาย.หลัง...

           เกล้าฯ..กราบเรียนท่านว่า...ผมอยากจะไปพักที่กุฏี....กลางป่าช้า..ขอรับ
    ท่านเจ้าอาวาส..ได้ยินดังนั้น...ท่านก็เลยเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า....
    ......คืออย่างนี้นะ...ที่วัดแห่งนี้...เดี๋ยวนี้มีผีอีนางน้อยนางหนึ่งมันผิดหวัง...เรื่องความรัก...ได้ผูกคอตาย...และไม่ว่าใครก็ตาม...ที่ผ่านมาพักยังวัดแห่งนี้...มันจะไปหาหมด..
    ไม่เลือกว่าจะเป็นพระหรือโยม....และกุฏีกลางป่าช้านั้น...เคยมีพระไปพักมาก่อนแล้ว.....ขนาดตอนกลางวัน..
    ขณะพระกำลังนอนอ่านหนังสือมันยังเอาคาง...ไปเกยหลังพระ

    ...พอท่านเจ้าอาวาสเล่าจบ...เกล้าฯรู้สึกใจหายวาบ...ขณะนั้นรู้สึกหัวใจหล่นไปอยู่หัวแม่เท้า....ความกลัวได้วิ่งเข้าไปเกาะกุมที่ขั้วหัวใจ....รู้สึกประหวั่นพลั่นพรึง..จึงชำเลืองมองออกไปนอกกุฏีด้วยความหวังว่า...แสงแดดยังจะคงยอแสง..แต่ก็ต้องสิ้นหวัง.เพราะได้พบเจอแต่ความมืด..กับเงาตะคุ่มของต้นไม้..ที่ยืนต้นอย่างวังเวง
    ...
    พอท่านเจ้าอาวาส..เห็นเกล้าฯ..เงียบเสียงไป..ก็เลยทักขึ้นว่า...
    ..ตกลง..จะไปพักที่กุฏีไหนหละ......
    ...เกล้าฯ..กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ....

    ....วรรค...พักไว้ตรงนี้ก่อนขอรับ..(ดึกสงัด)
    วันที่19/10/2557

    เกล้าฯ..ได้กลืนน้ำลายลงคอ..อย่างเหนียวหนืด..ฝืดๆคอ...รู้สึกสมองตีบตันมืดแปดด้าน....
    ..วินาทีนั้นไม่อยากไปนอนกุฎีกลางป่าช้าเลย...แต่จิตหนึ่งได้บอกตัวเองว่า...เจ้านั้นตั้งใจมานอนกลางป่าช้า...พอรู้ว่าผีดุแล้วคิดจะหลีกเลี่ยง..ช่างน่าละอายใจเหลือเกิน

    ..ด้วยมิอาจฝืนสัจจะ..ความตั้งใจของตัวเองที่ตั้งใจจะมานอนกลางป้าช้าได้...จึงกราบเรียนท่านออกไป.....ด้วยความจำใจว่า

    .......จะไปนอนกุฎีกลางป้าช้า..ขอรับ....

    ..ท่านเจ้าอาวาสผู้เปี่ยมไปด้วยความกรุณาต่อเกล้าฯ.ยิ่งนัก.เกรงเกล้าฯ..จะมีภัยที่มองไม่เห็นตัว..ได้แต่ทอดถอนใจและมองดูเกล้าฯ..ด้วยความเวทนา..ก่อนท่านจะกล่าวว่า

    .....ถ้างั้นให้เตรียมสิ่งของไปเลย...เสื่ออยู่ตรงนี้...มุ้งอยู่ด้านโน้น..นั้นไฟฉาย

    เกล้าฯ...กราบลาท่านเดินฝ่าความมืด..มุ่งตรงไปยังป่าช้า..ด้วยความคิดอันสับสน...

    สติสตัง...หล่นหาย...รำพึงรำพันกับตัวเอง.....อาทิ

    (ก)เราจะต้องตายแน่ๆ..เราจะต้องถูกผีมันหลอกเอาจนตาย
    (ข)เราคือคนที่ตายแล้ว..เพราะเรากลัวผี
    (ค)ถ้าเราไม่ตายครั้งนี้..ไม่มีอีกแล้วที่เราจะตาย
    (ง)ทำไมหลวงพี่ที่แนะนำสถานที่มาปฏิบัติธรรม..ถึงไม่เอ่ยเรื่องผีสาวผูกคอตาย...กำลังอาละวาด
    ตั้งแต่แรกหนอ...

    ในช่วงความทุกข์กำลังถาโถม..เพราะความกลัวกำลังกระโจนทะยาน...ด่ำดิ่ง...ลงเหวลึก...กลัวอย่างเหลือที่..
    พลันพบแสงประกายทางความคิดสว่างจ้ากล่าวคือ..

    .นึกถึงศิษยานุศิษย์..ขององค์หลวงปู่มั่น..ภูริทัตตเถระ...แต่ละท่านแต่ละองค์..ที่เคยอ่านก็ล้วนแต่ปฏิบัติธรรมอย่างไม่อาลัยในชีวิต....

    ที่ไหนผีดุ...เสือผ่าน..องค์ท่านก็จะสั่งให้ลูกศิษย์....ไปรุกขมูลกรรมมัฏฐาน

    เราก็นับถือและเคารพอาจารย์เหล่านั้น....ขณะนั้นรู้สึกอารมณ์อยากเป็นลูกศิษย์..ของหลวงปู่มั่น...จนถึงขั้นขีดแดง..คือเต็มพิกัด
    จึงกำมือตัวเอง.แน่นๆ...ขบกรามหน่อย..เพื่อสร้างกำลังใจให้กับตัวเอง...

    ก็เลยทึกทัก.พร้อม..บอกกับตัวเองในใจตอนนั้นเลยว่าเรานี้แหละ..

    ลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น...(แม้ตามจริงจะไม่ใช่)...ถ้าหากครั้งนี้เราจะตาย..ก็ช่างมันเถอะ..อย่างน้อยเราก็ได้มาปฏิบัติธรรม..พยายามหาเรื่องพูดปลอบใจ..กล่อมจิตที่กลัวของตัวเองทุกวิถีทาง....พรางภาวนาไปด้วย....ก่อนที่จะเดินพ้นกุฎีของเจ้าอาวาส..พลันได้ยินเสียง..แว่วของใครคนหนึ่งล่องลอยมาตามสายลม......ผ่านโสตประสาท..ไปโฟกัสที่จุดรับเสียง..ของเกล้าฯ
    เป็นเสียงที่กึกก้องกังวาล...แม้ผู้ที่กำลังเดินอยู่มิต้องการรับรู้...ก็จำต้องรับรู้..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2014
  13. เก่งดี

    เก่งดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2010
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +126
    แหม กำลังสนุกเลย หนังจบแผ่นซะงั้น มาต่อไวๆขอรับ กำลังติดตามผลงานอย่างใกล้ชิด......
     
  14. ปฐมฌาณ

    ปฐมฌาณ เป็นและตาย..อยู่ใกล้กัน..เพียงลมหายใจ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    486
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,870
    ขอรับท่าน เก่งดี
    วันที่ 20/10/2557..,,ต่อจากตอนที่แล้ว..เริ่มเลย

    เพราะเสียงนั้นมีพลังกึกก้องมาก...เสียงดังมาก..แทบจะเป็นตะโกน..จากที่แห่งหนึ่งก็ว่าได้...และเจตนาเจาะจงมาที่เกล้าฯโดยเฉพาะ....ความว่า

    "ย่างไปก่อนเด้อ...เดี๋ยวหลวงพี่..สิตามไปดอก"

    โอ้วว..อ่าา....ความรู้สึกของเกล้าฯ..ตอนนั้นมันซาบซ่า..เหมือนได้ดื่มน้ำเป๊ปซี่..แสดงว่าหลวงพี่ผู้เป็นกัลยาณมิตร...ในการมาครั้งนี้.....ไม่ทอดทิ้ง..ให้เกล้าฯโดดเดี่ยว...ความรู้สึกว่ามีเพื่อน...มันอบอุ่นใจยิ่ง...เกล้าฯหัวใจพองขึ้นและอมยิ้มเพราะดีใจสุดๆ..ก่อนจะขานตอบรับไปด้วยความนอบน้อม....

    และแล้ว...ก็มาถึงกุฎี.กลางป่าช้า..อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่....จึงรีบจัดวางสัมภาระ..ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง โน้น นั้น นี้ เสร็จสรรพ...มองซ้ายแลขวา...คิดในแง่บวก.ผนวกกับคำภาวนา...มิเมียงมองทอดผ่านสาย..เพื่อแล ใคร....และได้..บอกกล่าวเจ้าภพเจ้าภูมิขอพักพิงพึ่งพา....ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตา.ชุมนุมเทวดา...สาธยายธรรมจักร...(.สวดมนต์...)

    สวดมนต์จบไม่นานนัก...สักพักหลวงพี่ผู้นำแสงสว่างทางจิตวิญญาณ...ก็มาถึง

    ..ท่านได้ทักทายแต่พอควร...แล้วแยกตัวไปยังโดมเล็กๆ...ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกุฎี...ที่เกล้าฯไปพักมากนัก
    ท่านเป็นผู้มีสุรเสียงอันกัมปนาท...ได้สวดมนต์กระหึ่มกังวาลไปทั้งป่า...เสียงที่ท่านสวดราวกับว่าเหมือนกำลังมีพิธีกรรมสวดพานยักษ์...

    น้ำเสียงเข้มแข็ง..ดุดัน....

    ทำให้จิตใจเกล้าฯ..คลายความวิตกเป็นอันมาก...ก็เลยนั่งสมาธิ....ไปได้สักพัก...ก็นอนฟังเสียง...สิ่งรอบตัว...ได้ยินเสียงกุกกัก....กุกกัก..เสียงลั่นกลอนประตูฝั่งทางด้านโดม...ตามด้วยเสียงของรองเท้าคล้ายคนเดินอย่างรีบเร่ง........

    วันที่21/10/2557

    สักพักกลางป่าช้าก็ตกอยู่ในสภาวะเงียบงัน....เกล้าฯ...สงสัยในความผิดปกติ..ฝั่งด้านโดมจึงลุกขึ้น..มองผ่านประตูกุฎี...ออกไป...ไม่ได้ยินเสียงกระแอมกระไอ..ใดๆทั้งสิ้น...ปกติท่านหลวงพี่พึ่งมาถึง...มิใช่หรือ......ท่านไปไหน

    วรรค...โดม (อังกฤษ: dome) คือส่วนโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่มีลักษณะครึ่งทรงกลมหรือใกล้ เคียง โดมจะมีลักษณะผิวโค้งและมีฐานเป็นรูปวงกลม ...


    หรือว่าท่านหลวงพี่...ไม่อยู่ในป่าช้านี้แล้ว....

    เงี่ยหูฟัง.ตั้งหลายสิบนาที....ก็ได้ยินแต่เสียงลมพัดอื้ออึง....สลับกับเสียงใบไม้ร่วงกราว..เป็นบางครั้ง

    โอ้หนอ..ตายหละทีนี้...เราจะพึ่งใครดีหละยามนี้
    .มีแต่เราเท่านั้นเราจะพึ่งใครดี....ถ้าเราหนีไปก็ไม่มีที่พึ่ง...เพราะเราไม่สนิทใครในวัดนี้...ว่าแล้วพรางเงยหน้า
    มองที่...ด้านบนขื่อโครงเหล็ก...พลันความคิดด้านลบ..ผุดขึ้นว่า..."อื้อหือ....โครงเหล็กนี้...ถ้ามีผีเปรตผมยาวมาโหนตัวห้อยหัวลง...มันคงจะจับได้เหมาะมือดีนะ"

    22/10/2557


    ...พอคิดด้านลบก็ชักหวั่นหวาด..เพราะท่านเจ้าอาวาสได้ย้ำเตือน..นักหนา..ก่อนเดินจากมาว่า....

    "ถ้าไปอยู่กลางป่าช้า..ก็ให้ระวังตัวด้วยนะ"...




    ในโลกนี้จะมีใครเขาให้พึ่ง
    มีคนหนึ่งพึ่งได้ไม่หลบหนี
    จะต่อสู้อยู่ด้วยช่วยชีวี
    อันผู้นี้นะหรือคือตัวเรา(จำมา..ไม่รู้คนแต่ง)

    เขียนใหม่

    ในโลกสิ้น..ไม่มีใคร..ให้ที่พึ่ง
    มีคนหนึ่งที่พึ่งได้..แต่ไร้พึ่ง
    แม้ตัวเราเฝ้านึกหา..ควรคนึง
    เราก็พึ่ง..พึ่งได้..ในใจเรา

    (เขียน.ปฐมฌาณ..และ.ท่านผู้หนึ่ง....ร่วม.แต่ง..วันที่...9กรกฏาคม 2560 เวลา 18.44)


    .



    .... เกล้าฯ...หมดที่พึ่งแล้วหนอ...มีแต่พุทธานุสติ..เท่านั้นแหละที่จะเป็นที่พึ่งของเกล้าฯ..ได้ในยามนี้....จึงเปิดเสียงสวดมนต์บทเมตตาใหญ่...(.ผ่านเนตบุ๊ค.ที่พกมา.)ตลอดทั้งคืน...พร้อมกับนอนตะแคงขวาภาวนา..เพื่อกันจิตซัดส่าย.

    วรรค.....ทำไมต้องนอนตะแคงขวา..เคยสดับมาว่า..นอนหงายคือการนอนแบบเปรต ถ้าตะแคงซ้ายนอนอย่างคนบริโภคกาม....ตะแคงขวา..ก้อ..แบบสีหไสยาสน์

    .อากาศ ตอนกลางคืนกลางป่าช้า..ค่อนข้างหนาวเย็น...หรืออาจเป็นเพราะผนังกุฎีทั้งสี่ทิศออกแบบ...เพื่อสุขภาพ..
    ..เพื่อชีวจิต...ชนิดลมโชย..หมายความว่า..ห้องสี่เหลี่ยม..ก่ออิฐพอท่วมหัวนิดหน่อย..แต่ผนังห้องทั่งสี่ปล่อยโล่งหมด...คือถ้าลุกขึ้นยืนก็สามารถมองเห็นวิวอันน่าทัศนา....ชวนให้ตื่นตา..โดยรอบ

    วรรค.... ชีวจิต เป็นแนวความคิดต่อเรื่องสุขภาพแบบองค์รวม(Holistic) คือผนวกรวมเอา "ชีว" ... "กาย" รวมเข้ากับ "จิต" ที่หมายถึง "ใจ" ให้เป็นสองภาคของชีวิตที่มีผลต่อกันและกันโดยตรง ...


    แต่ในใจเกล้าฯตอนนั้นไม่ได้สนใจเรื่องชีวจิตเท่าใดนัก..อยากผันตัวเองย้ายไปอยู่ในโดมมากกว่านะ..เพราะดูแน่นหนา...ดี


    และแล้วราตรีอันยาวนานสำหรับผู้เผชิญทุกข์ก็ผ่านพ้นไป
    รุ่งสางวันใหม่ท่านหลวงพี่...เล่าเหตุการณ์เมื่อคืนที่หนีกลางดึกว่า....ต้องขอโทษด้วยนะ..ขณะที่หลวงพี่สวดมนต์เสร็จว่าจะนั่งสมาธิ...ได้มีตัวปาด(เขียดตะปาด)พุ่งทะยานมาจากไหนไม่รู้..มาเกาะที่หัว..จึงทำให้ท่านตกใจตื่นผวา..

    ประมาณว่า..ขวัญกระจัดกระจาย..กระเจิดกระเจิง..
    ท่านเล่าด้วยท่าทางตื่นเต้น

    เกล้าฯรับฟังท่านเล่าด้วยอาการสงบ..ปนขำนิดๆ...มิได้คิดแค้นเคืองท่านแต่อย่างใด..เพราะท่านเป็นกัลยาณมิตรผู้ประเสริฐ.....และก่อนนั้นท่านก็เคยมาปฏิบัติ..อย่างเอกอุ..คนเดียวกลางป่าช้ามาก่อน.

    อย่าอวดเก่งกับผี..อย่าอวดดีกับตาย...

    เกล้าฯซึ้งใจคำสอน...ของสมเด็จพฤฒาจารย์โต...พรหมรังสี..คำนี้.

    ก็ตอนมาเขียนเรื่องนี้ให้ทุกท่านสดับนี้แหละ.....พอเกล้าฯจะระบุท่านผู้หนึ่งผู้ใด..ในโลกของวิญญาณ.................เพียงเพราะท่านเหล่านั้นไม่ต้องการเปิดเผยตัวเอง...ก็มานั่งทับเกล้าฯ...ตอนเกล้าฯเผลอหลับ..ขณะเล่าเรื่อง....มาเปิดไฟห้องน้ำ..มาโยนกะมังซักผ้า..เสียงดังลั่น..
    โดยเฉพาะเมื่อคืน...ต้องหยุดกลางคัน...พอไปดูในห้องน้ำกะละมังยังถูกพิงไว้ผนังห้องปกติดี
    แต่เสียงที่ได้ยินถล่มทลาย..ขอรับท่าน

    เมื่อเขาไม่อยากเปิดเผย...เราก็จัดให้....หากมิเช่นนั้นไซร้.....ผมบนหัวคนเล่านั้นแหละจะได้ชูตั้ง..โดยไม่ต้องใช้เยล..ช่วย

    เกล้าฯ..ฮันนีมูนกลางป่าช้านั้นร่วมสี่คืน..มีหรือจะไม่มีประสบการณ์อันน่าตื่นใจ...แต่ขอพักใว้ตรงนี้ก่อนขอรับ.....

    วันที่27/10/2557

    เกล้าได้ผ่าน....ค่ำคืนแรก....มาอย่างฉุกละหุก

    มีอาการ..กระตุกกระตุก..ใจสั่น..สั่น
    ระแวด.ระวัง...ใช่...มองหาอะไรกัน
    เธอคนนั้น..อยู่หนได..ใจเฝ้ารอ

    เฝ้ารอคอย...อย่างหวาดหวั่น...พรั่นพรึงจิต
    แลซ้ายหน่อย..ขวานิด...มิคิดท้อ
    หนึ่งราตรี...ที่ฝืนทน..คนเฝ้ารอ
    โอ้เราหนอ.....คืนต่อไป..มีให้ลุ้น.!.!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2017
  15. wangwang

    wangwang เมตตาคุณณัง อะระหังเมตตา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    406
    ค่าพลัง:
    +629
    สวัสดีครับคุณปฐมฌาน ผมชอบอ่านเรื่องเล่าของคุณตั้งแต่เรื่องอานิสงค์การสวดบทธรรมจักรฯ แล้วครับ ผมเองมีประสบการณ์จากสมาธิเล็กน้อย เมื่อหลายปีก่อน ครั้งแรกเริ่มหัดสวดมนต์และนั่งสมาธิโดยรู้ลมหายใจพร้อมภาวนา พุท-โธ โดยไม่ได้หวังอะไร ปรากฏว่าไม่นานจิตวูบโดยไม่ได้ตั้งตัว คำภาวนาหายเกิดความสว่างขึ้น รู้สึกว่าตัวเอนไปข้างหลังเล็กน้อย เห็นภาพผู้หญิงคราวป้าท่านหนึ่งไม่อ้วนไม่ผอม แต่งชุดนุ่งผ้าถุงขาว เสื้อแขนสั้นขาวชายเสื้อเสมอ ที่แปลกก็คือมีผ้าโพกหัวเหมือนแขกสีขาว เดินแกว่งแขนรี่เข้ามาหาจากทางทิศสองนาฬิกา พอเห็นแว็ปผมตกใจมาก อุทานในใจว่า เฮ้ย เข้ามาได้ไงวะ คือในจิตยังรู้อยู่ว่านั่งในห้องพระ ประตูบ้านล็อกเรียบร้อย จิตจึงถอนทันทีตกใจแทบแย่ ใจเต้นไม่เป็นส่ำ นั่งตั้งสติสักครู่ก็คิดว่าภาพที่เห็นน่าจะมาดี ก็คิดอยากจะเห็นต่อ ก็ตั้งใจนั่งใหม่ แต่ทำยังไงก็ไม่ไปถึงขั้นนั้น เสียดายมากขวัญอ่อนไปหน่อย เลยมาเล่าสู่กันฟัง ก็ยังไม่ทราบว่าเห็นจริงหรือไม่ แต่ภาพยังติดใจจนถึงบัดนี้
    ผมอยากรบกวนคุณปฐมฌาน ดูที่บ้านผมให้ด้วย ว่ามีจิตวิญญาณที่ให้คุณให้โทษอะไรหรือไม่ อะไรที่สามารถแก้ใขปรับปรุงให้ดีขึ้นได้บ้าง แล้วแต่สะดวกครับ ขอบคุณครับ
     
  16. ปฐมฌาณ

    ปฐมฌาณ เป็นและตาย..อยู่ใกล้กัน..เพียงลมหายใจ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    486
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,870
    ..น้อมอัญชลี..สวัสดีขอรับ...ที่ท่านเล่า..เขาเรียกว่าเกิดทิพยจักขุ...ขอรับท่าน.wangwang....อืมม...เท่าที่สังเกตท่านก็เป็นเหมือนเกล้าฯ....มีของเก่าติดตัวมา.....เอาอย่างนี้ไหม...เกล้าฯพิจารณาแล้ว....ท่านกับเกล้าฯ...อยู่ระดับเดียวกัน....เพียงแต่ท่านไม่ค่อยได้ใช้ของเก่าติดตัวมาเฉยๆ.......เอาอย่างนี้...ท่านสวดมนต์คืนนี้..ก็อฐิษฐาน....ท่านอยากรู้อะไรก็อธิษฐานแล้วทำสมาธิ......พอจิตสงบเต็มฐาน...ล องเอาหลังพิงเสาหรือนอนเอาเมือประสานกัน.....ด่ำดิ่งลงลึกสิ...จะเกิดภาพอะไรขึ้น....ให้ส่งpm....มาเล่า....ถ้าทำไม่ได้จริงๆ....ก็ค่อยว่ากันใหม่ทีหลังขอรับ..จะรับพิจารณา
    แต่เกล้าฯตรวจแบบจิตสัมผัสให้เฉยๆนะ..เป็นวิญญานผู้ชาย..ที่คอยให้ความช่วยเหลือ...ส่วนรายละเอียดอื่นๆ...ท่านไปเจาะเองนะขอรับ...คืออยากให้ฝึกเฉยๆ..ขอรับ...เมื่อรู้แล้วก็ทำบุญให้วิญญาณด้วยนะ....ขอรับ


    วรรค....วันนี้วันที่29/10/2557....ขออนุญาตเล่าต่อ..ขอรับ...พูดถึงการเล่าเรื่องปฏิบัติธรรมนี้......เกล้าฯ..ได้รับแรงบันดาลใจ...จากท่านภาพลวง....ถ้าท่านภาพลวงไม่มีคำพูดที่.โดนใจ...เกล้าฯก็คงไม่ได้เขียน......ฟังต่อขอรับ

    เมื่อมองเห็นแสงแดดยามเช้าส่องผ่านแนวป่า.ช้า...ค่อยสะบายใจหน่อย..ขอรับ...

    เกิดเหตุการณ์อะไรบ้าง
    มีอะไรไหม...
    เป็นอย่างไรบ้าง...

           พระภิกษุ....ท่านผู้เป็นกัลยาณมิตร     ถามด้วยความห่วงใย

    ระวังตัวด้วยนะ..เป็นเสียงของอุบาสิกาสูงวัยที่มาทำบุญ..เตือนอย่าประมาทในชีวิต


    ...หลังจากได้ทักทาย...กับท่านผู้ไฝ่ในธรรมทั้งหลายไม่กี่ประโยค....วันเวลาก็หมุนวน...ไปอย่างรวดเร็ว..จากบ่ายคล้อย......จวนอาทิตย์จะ อัสดง.

          .ณ...กลางป่าช้า.ที่มีต้นไม้ยืนกอดคอ...อี่ออห่อหมก..ใบปกบังตะวัน...แออัดกันขึ้นอย่างหนาแน่น....
    เกล้ามิรอช้า......เกรงฟ้าจะมืดเสียก่อน....ก็เลยถือขันน้ำ...ว่าจะไปอาบน้ำในห้องน้ำ......ซึ่งอยู่ฝั่งด้านโดมซะหน่อย.....
    ทุกย่างก้าวที่ดุ่มเดินกลางป่าช้า..

    ..ได้เจริญกายานุปัสสนา....คือเจริญ...สติปัฏฐานสี่...
    แล้วแต่ธรรมส่วนไหนจะมากระทบก่อน..ยก..ย่าง....เหยียบ....ตามดู..ตามรู้...ภายในกาย..หนักอ่อนแข็งก็ให้รู้
    ก้าวซ้ายก็ให้รู้.....คู้เข้าเหยียดออก..ก็ให้รู้...

    หายใจเข้า..หายใจออก..ก็สักแต่ว่ารู้....

    กำลังคิดก็ให้รู้...ถ้ารู้แล้ว...ยังคิด....ก็จะกำหนดสติขึ้นในใจว่า

    .......คิดหนอ.....

    บางทีก็พิจารณาธรรม...อาทิ

    ..... เราไม่มีอะไรในขันธ์ห้า....ขันธ์ห้าไม่มีอะไรในเรา...เราไม่มัวเมาในขันธ์ห้า..
    .....(เรวตะสามเณรน้องพระสารีบุตรพิจารณาบทนี้จนบรรลุธรรม)....

    บางทีก็เจริญเมตตา...ภาวนาบทเมตตา

    วรรค....ช่วงที่เดินไปอาบน้ำ...เกิดเผลอ..ไม่ได้ภาวนา...

    ขณะเดินไป.....เผลอสติไม่อยู่กับองค์ภาวนา....พลัน..ได้ยินเสียงราวกับมีเสียงระเบิดลง.....ตรงที่ต้นไม้..ที่ยืนกอดคอกัน..อย่างแออัด...

    .ต้นไม้สั่นสะเทือนไปทั้งต้น.ราวจะหักแตกออกเป็นชิ้นๆ.......เสียงดังบึ้ม!,ราวกับฟ้าจะถล่ม

    เกล้าฯ..ยิ่งเป็นคนตกใจง่าย....เมื่อมีเสียงบึ้ม.......มีหรือ.ผมบนหัวทุกเส้น..จะไม่บึ้ม..เหมือนกัน...คือตกใจจนขนหัวตั้งสุดขีด
    เข่าอ่อน...ถ้าเป็นบางคนที่จิตเร็ว..ก็อาจจะวิ่งเตลิด...แต่เกล้าฯเป็นคนสติช้า..ไม่ใช่จิตแข็งนะ..เพียงสติมันหน่วงเวลา.......
    ประมาณว่าตกใจโคตร..โคตร...จนทำอะไรไม่ถูก....

    วรรค...อุปมาเหมือนฟ้าผ่าหัวปลาหมอ.....ลมหักคอหน่อไม้..คือมีอาการแน่นิ่ง..ยืนย่อตัวหัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2014
  17. wangwang

    wangwang เมตตาคุณณัง อะระหังเมตตา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    406
    ค่าพลัง:
    +629
    สวัสดีครับคุณปฐมฌาณ ขอบคุณสำหรับคำวินิจฉัยครับ แต่ไม่อาจรับได้ในข้อที่ว่า ผมอยู่ระดับเดียวกับคุณ ใกล้เคียงก็ยังไม่ใกล้ ผมยังห่างจากคุณมากครับจากการอ่านเรื่องราวของคุณ ขอเป็นแค่ผู้สนใจปฏิบัติในแนวทางนี้ แต่นับวันการรวบรวมสมาธิกลับยากขึ้น เนื่องจากทิ้งไปนานและมีความเครียดสะสมมากขึ้น ทำให้ขาดสติ สมาธิเหมือนจะสั้นเข้าไปอีก แต่จะพยายามปฏิบัติแบบที่คุณแนะนำดูครับ ถ้าได้ผลจะมาเรียนให้พิจารณาครับ ผมขอเรียนถามเรื่องการสวดบทธรรมจักรฯครับ คือผมเห็นในฉบับที่ทางลูกศิษย์หลวงพ่อจรัญพิมพ์ออกมามีพูดถึงว่า ถ้าจะสวดย่อก็สวดเพียงสวรรค์หกชั้น ถึงแค่ พรัมมะกายิกานัง เทวานัง สัททัง สุตวา แล้วข้ามมาที่ เอตัมภะคะวะตา พาราณะสิยัง .... เลย ขอถามความเห็นครับ ว่าควรสวดเต็มหรือสวดย่อครับ ส่วนผมเวลาสวดมักจะสวดเต็มเลย ไม่อยากข้ามไปกลัวจะไม่สมบูรณ์ เพราะมาจากพระโอษฐ์ทั้งหมด ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2014
  18. ปฐมฌาณ

    ปฐมฌาณ เป็นและตาย..อยู่ใกล้กัน..เพียงลมหายใจ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    486
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,870
    ขอน้อมอัญชลีกร..สวัสดีขอรับท่านwangwang...ขออนุโมทนาในบุญทุกบุญที่ท่านทำขอรับ...ที่ท่านหลวงพ่อจรัญกล่าวถูกต้องแล้ว..และที่ท่านทำก็สุดยอดแล้ว....จริตเราชอบสวดแบบไหนก็พึงสวดแบบนั้นเถิด...ยิ่งสวดเยอะก็หมายถึง..เป็นผู้มีขันติ..วิริยะ...เกล้าฯเองก็สวดหมดขอรับ...สาธุๆขอให้ท่านเจริญยิ่งๆขึ้นไปขอรับทั้งทางโลกทางธรรม

    วันนี้วันที่..31/10/2557....ขออนุญาต..เล่าต่อขอรับ....เริ่มเลย



    .ได้แต่ยืนจ้องไปที่ยอดไม้..ด้วยใจระทึก.....ว่ามันมีอะไรในพุ่มไม้
    ...

    วรรค....นานมาแล้วพระอาจารย์ของเกล้าฯสอนว่า......เวลาอยู่ถ้ำอยู่ผา.อยู่ที่เปลี่ยว.ต้องภาวนาตลอด..เกล้าฯแย้งว่า...ถ้าไม่ภาวนาหละอาจารย์...ท่านอาจารย์ตอบว่าก็ขนหัวลุกนะสิ

    เวลาอยู่ป่าเปลี่ยว....สติเผลอเมื่อไหร่ได้ขนหัวลุก...เกล้าฯลืมคำ..ของอาจารย์...ครั้งนี้ก็เหมือนกัน..ชั่ววินาทีที่ลุ้นด้วยใจระทึก..ว่าคือตัวอะไร..
    อีกไม่กี่ชั่วอึดใจ..ก็มีเสียงของเจ้าตัวโผล่หน้าให้เห็น..ด้วยการทะยานออกจากต้นไม้นั้น.....ร้อง..แก๊กๆ..ต้นไม้สะเทือนไปทั้งต้น...
    มันเป็นนกสีดำตัวใหญ่มากเท่าๆกับแม่ไก่.....น่าจะเป็นอีกา..แต่ทำไมอีกา..มันต้องใหญ่ขนาดนั้นก็ไม่รู้...ใหญ่ขนาดสร้างความสั่นสะทือนไปทั่วหัวใจของเกล้าฯ..วัดได้หลายริกเตอร์

    เกล้าฯ..ได้แต่อุทานในใจ...แล้วรีบชำระร่างกาย..

    .....มันเป็นสัญญาณบอกเหตุที่ไม่น่าไว้วางใจ...จึง.รีบไปสวดมนต์อย่างเร่งด่วนเพราะความมืดได้โรยตัวเข้ามาทุกขณะ.....วันนี้ท่านหลวงพี่ท่านก็มีความยินดีที่จะจำวัดอยู่รอบนอก..เมื่อ.เกล้าฯ..สมัครใจที่จะอยู่เอง...ก็จะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่โดยลำพัง..

    ..และแล้วทั้งป่าช้าความมืดก็ได้แผ่ปกคลุมมีแต่เสียงลมกรรโชกและกิ่งไม้หักเพราะแรงลมเป็นระยะ....
    เมื่อสวดมนต์เสร็จ...ทุกอริยบทภานาตลอด.....ส่งจิตไว้ที่คำภาวนา..

    .เมื่อจิตมีเพื่อนจิตก็ไม่ซัดส่ายเมื่อจิตไม่ซัดส่าย...จิตก็นิ่ง....เมื่อจิตนิ่ง...จิตก็เหมือนกับเสาเขื่อน...ไม่กระเพื่อมหวั่นไหว..เมื่อจิตไม่กระเพื่อมจิตจึงไม่สะดุ้งหวาดกลัว...
    แต่ก็ไม่ประมาทคืนนี้ได้เปิดเสียงสวดมนต์บทเมตตาใหญ่กล่อมจิต...พักหนึ่งก็เลยพิจารณาว่า...เราไม่คิดเอาตัวเองเป็นที่พึ่งเลยนะ...พึ่งแต่เสียงสวดมนต์ก็เลยปิดเสียง..ภาวนาเองไม่ให้ขาดสาย...จิตตอนนั้นอยู่ในระดับฌาน....ไม่รู้เรื่องราวในป่าช้า...ทั้งสิ้น...เพราะจิตคืนนั้นไปตรวจสอบความเป็นไป..ของอุบาสิกาสูงอายุที่มาทักตอนกลางวัน.....

    จิตจึงหยั่งรู้ว่า..อุบาสิกาท่านนั้นกำลังมีภัยจากวิญญาณ...ปอบผีฟ้า..ที่มาอิงอาศัย....

    ...ช่วงที่เกล้าฯส่งจิตไปตรวจสอบนั้น....เป็นช่วงที่ท่านอุบาสิกาท่านนั้นกำลังเจริญกรรมมัฏฐานพอดี...ท่านเล่าให้ฟังตอนเจอกันตอนรุ่งสางว่า

    "เมื่อคืนตอนอิฉันทำสมาธิ..ได้มองเห็นร่างของอาจารย์..มาเดินวนรอบตัวหนึ่งรอบ...พออาจารย์มาเดินวนหนึ่งรอบ..ได้มองเห็นเด็กสามสี่คนเดินออกจากร่างอิฉันไป"

    ท่านเล่าให้เกล้าฯฟังด้วยความนอบน้อม....แม้เกล้าฯจะเป็นเด็กหนุ่ม..มานพน้อย....ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม...ประมาณว่าอ่อนหัด......ขอรับ
    ที่ท่านเรียกอาจารย์เพราะว่า

    ท่านก็รู้ล่วงหน้าในการมาของเกล้าฯ...ว่าเกล้าฯคือผู้มีบุญกรรมร่วมกัน..คนอื่นเก่งก็จริง..แต่มีแต่เกล้าฯเท่านั้น..จะช่วยเหลือท่านได้..

    เกล้าฯรับฟังก็ได้แต่อึ้งกิ่มกี่..นึกหาวิธี..ก็ไม่รู้จะช่วยวิธีไหน.....
    ก็เลยบอกว่าทำไมไม่ไปขอความช่วยเหลือจากท่านเจ้าอาวาสหละ..

    ก็ได้รับคำตอบมาว่า..ไปขอแล้วความช่วยเหลือแล้ว...แต่ก็ยังมีวิญาณมารังครวญ..ทั้งๆที่ก็สวดมนต์ยอดกัณพระไตรปิฎกทุกวัน..ครั้งล่าสุดก็เกือบตาย..แต่ขณะที่กำลังจะตาย...มีเสียงผุดขึ้นกลางใจ..ว่า จิ เจ รุ นิ จึงรอดมาได้
     
  19. สิเนรุ อุตรกุรุ

    สิเนรุ อุตรกุรุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2010
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +297
    ท่านปฐมฌาณ เป็นอีกท่านที่ปฏิบัติได้น่าสนใจอย่างยิ่ง ขอโมทนา
     
  20. ปฐมฌาณ

    ปฐมฌาณ เป็นและตาย..อยู่ใกล้กัน..เพียงลมหายใจ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    486
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,870
    ยินดีท่่านเมื่องบังบด...
    ขณะนี้เกล้า..อยู่ในเพศบรรพชิต
    บวชที่..วัดถ้ำกองเพล..วัดหลวงปู่่ขาว. อนาลโย
    บวชตั้งใจมาปฏิบัติธรรม
    เวลา..เดินจงกรม..เริ่ม..23.30.เดินจนกว่าฟ้าจะเริ่มสาง
    หลวงปู่มั่น. ภูริทััตตะเถระ...
    ท่่านมาสอนวิธีเดินจงกรมให้โอวาท...ทางสมาธิและขณะเดินจงกรมดังนี้
    อย่าเห็นแก่หลับแก่นอน...
    ธรรมนั้นอยู่ฟากตาย...ถ้าเป็นห่่วงกายก็ไม่เห็นธรรมม...ฯลฯ

    วันที่18/01/2558
    เจริญธรรมจงปรากฎมีแด่ผู้มีจิตใฝ่ธรรม..ทุกท่าน..และขอขอบคุณ
    ท่าน..ธรรมวิวัฒน์,ติงติง,siranya..ที่มีอมฤตควาที..ขอพรใดที่ท่านให้มาเนื่องในปี
    ใหม่...พรนั้นก็จงบังเกิดแก่ท่าน..ทุกท่านทุกคน..เทอญ

    สำหรับเรื่องอุบาสิกาที่ป่าช้าเกล้าฯก็ให้คาถา..อาฏานาฏิยะปริตร..กับคาถาสำเร็จลุนแห่งฝั่งลาวไปท่อง..ท่านก็โทรบอกเขามาเข้าฝัน..ว่าไม่รู้บ่นอะไร..รำคาญก็เลยหนีไป
    ตอนเป็นอุบาสกได้ถูกผีผูกคอตาย..กระทำอนาจารจับ(.....)..จนเย็นสะท้าน..๒...ครั้ง
    ในคืนที่สามสาเหตุไม่ได้เปิดเสียงแผ่เมตตา..จึงถูกผีบ้ากามรังควาญ..ไม่ตกใจ...แต่แก้ไขโดยสวดคาถากำแพงมนต์อิมัสมิง..คาหว่านทราย...
    รู้สึกอับอายอยู่ลึกๆ..จึงไม่ได้เล่า...แก่ผู้ใด..ในที่นั้น

    นานแล้ว.

    บางวันก็มีเสียงเด็กร้องให้ในป่าช้า..แต่จิตดันคิดว่า..มีชาวบ้านคงจะอุ้มลูกเดินผ่านไป...ก็เลยไม่รู้สึกกลัว...

    ....สำหรับอุบาสิกาท่านนั้น...เกล้าฯหรือพระประภัสโร..พึ่งช่วยอุบาสิกาเขาให้พ้นทุกข์..จากวิญญาณได้จริงๆ...ก็ไม่กี่วันตอนบวชมานี้เอง..อันนี้เป็นปัตจัดตัง..รู้เอง
    ตอนนั้นแค่บรรเทา...เฉยๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2016

แชร์หน้านี้

Loading...