เรื่องเด่น ประสบการณ์ การเข้าฌาน 4 ครั้งแรก

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย solardust, 7 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    249
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,770
    เรื่องเก่ามาเล่าใหม่นะครับ เผื่อมีคนยังไม่เคยอ่าน
    ยังคงย้ำอยู่เหมือนเดิมนะครับ ว่าไม่ได้รู้อะไรมาก เจออะไรมาก็เอามาเล่าสู่กันฟังเฉยๆ

    เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสมัยยังหนุ่มๆเหมือนเคย อยู่นะครับ
    ถ้าใครเคยอ่านเรื่องของผมมาบ้างแล้ว จะรู้นะครับว่าผมฝึกสมาธิแบบจับฉ่าย ฝึกเกือบทุกกอง

    คือไม่มีครูมาสอนนะครับ ซื้อหนังสือมาอ่านเองที่บ้าน
    หนังสือที่เอามาอ่าน แทนที่จะไปเจอเล่มที่ท่านสอนว่า กรรมฐานกองเดียวเอาให้จบก่อน แล้วค่อยไปต่อกองอื่น
    ก็ดันไปหยิบเอาเล่มที่ท่านสอนว่า กรรมฐานกองนี้เป็นปฏิปักษ์กับกิเลสกองโน้น กรรมฐานกองโน้นเป็นปฏิปักษ์กับกิเลสกองนั้น
    ทีนี้คนมันกิเลสหนาจัด เดี๋ยวตัวนั้นโผล่ เดี๋ยวตัวนี้โผล่ เราก็ว่าไปตามหนังสือเรื่อย กว่าจะรู้ตัวก็หลายกองเข้าไปแล้ว

    ยังไงก็ตามตัวที่ผมใช้บ่อยๆ เป็นประจำก็จะมีอยู่ตัวเดียวที่ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร ตอนที่เอามาเล่าให้ฟังก็เลยเรียก กรรมฐานตัวนี้ว่า กรรมฐานนอกรีต
    เนื่องจากว่ามันไม่ได้อยู่ในสารระบบ ของกรรมฐาน 40 วิธี ถึงแม้ว่ามันจะดูคล้ายๆกับ อากิญจัญญายตนฌาน สำหรับผมก็ตาม

    ปรกติแล้วเวลาเข้าสมาธิ จะไปแป้ก อยู่แค่ฌาน 3 ซึ่งเมื่อก่อนก็ไม่เคยรู้นะครับว่ามันคืออะไร (เพิ่งจะมารู้ตอนแก่ไม่นานมานี่แหละ)
    รู้แต่ว่าปรกติเรานิ่งสุดได้แค่นี้ ก็อยู่แค่นี้แหละ ไม่ได้สนใจอะไร เอาแค่สบายตัวสบายใจก็พอแล้ว

    ทีนี้มาวันนึง ตอนที่กำลังเข้าสมาธิตามปรกติ
    อยู่ๆก็ไม่รู้สึกว่ามีร่างกาย เหมือนความรู้สึกทั้งหมดมันวิ่งรวมเข้าไปในศูนย์กลางของอะไรซักอย่างภายในตัว
    สติทั้งหมด ความรู้สึกทั้งหมด เหมือนโดนอัดรวมเป็นก้อน หรือเป็นจุดเล็กๆ
    ไม่รับรู้อะไรอีกนอกจากสภาพความรู้สึกแค่ว่า นี่เรา ไม่รู้สึกแม้แต่การมีอยู่ของร่างกาย แต่สติมีอาการควบแน่นชัดเจนมาก
    ตอนนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรนะครับ ก็ปล่อยมันนิ่งอยู่อย่างนั้น จนจิตถอนออกมาเอง

    พอจิตถอนออกมาปุ๊บ....
    3 วันนะครับ
    3 วันเต็มๆ นั่งมองฟ้าอย่างเดียว ในหัวว่างเปล่า ไม่หือไม่อืออะไร
    ไม่อยากทำอะไร มีความรู้สึกอย่างเดียว คือ นิ่ง สงบ
    อารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ไม่มีอะไรไหวติงแม้แต่น้อย
    กิน นั่ง นอน ยืน เดิน อาบน้ำ ก็ทำไปงั้นๆ เพราะรู้สึกว่าต้องทำ แค่นั้น
    ถ้าขี้เกียจขวนขวายเรื่องการกิน ก็แค่ระลึกถึงปิติแล้ว กำหนดใจเลื่อนอาการฟูของปิติเข้าไปในช่องท้อง เพื่อดับความหิว
    แล้วก็นั่งนิ่งๆไปเรื่อยๆ (นั่งเล่นนะครับ ไม่ได้นั่งสมาธิ คือมันนิ่งไปทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องทำความดีมันก็ไม่เอา)

    ถึงวันที่ 4 ก็มานั่งรำพึงกับตัวเอง
    4 วันนะครับ กว่าจะเริ่มรำพึงได้ว่า
    เออ...ความเป็นพระอรหันต์ทั้งๆที่อยู่ในเพศฆราวาสนี่ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง...
    กิจในโลกไม่มีอะไรให้ห่วงอีกแล้ว...อีกไม่กี่วันเราก็คงตาย แต่ทุกอย่างจบสมบูรณ์แล้ว...
    โลกนี้ โลกไหน ก็ไม่ต้องดิ้นรนขนขวายไปทำอะไรอีกแล้ว ความสงบของพระนิพพานเป็นอย่างนี้นี่เอง...
    ตอนนั้น...คิดไปได้ขนาดนั้นนะครับ
    (คืออ่านมาจากในหนังสือว่า ถ้าบรรลุอรหันต์แล้ว จะอยู่ในเพศฆราวาสได้ไม่เกิน 7 วัน นี่อยู่มา 4 วันแล้ว อีก 3 วันตายแน่นอน)

    ประมาณซัก 15 นาทีให้หลัง อยู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ว่า
    เอ๊...จริงๆแล้วเรามันพวกเด็กมีปัญหา เข้านิพพานไม่ได้นี่หว่า...!!! แล้วจะมาบรรลุอรหันต์แถวนี้ได้ไงวะ

    ตอนนั้น...หลังจากฉุกคิดได้ ก็ไปหาหนังสือโป๊มาดูตั้งใหญ่ เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ถ้าเป็นพระอรหันต์ไปแล้วจริงๆ กามราคะต้องไม่กำเริบ...

    หลังจากค่อยๆละเลียดดูไปทีละหน้า จนหมดไปหลายเล่ม
    ความที่เจริญสติปัฏฐาน 4 ควบกับฝึกกรรมฐานไปด้วย ก็รู้สึกว่าในความนิ่ง มีอะไรไหวตัวอยู่
    ตอนนั้นก็มองเห็นไอสีแดงๆ คล้ายควันจางๆไหวไปมาที่ท้องน้อย เหนือบริเวณหัวหน่าวขึ้นมาหน่อย ความรู้สึกในตอนนั้น บอกว่าที่มองเห็นคือไอราคะ

    คืออาการตอบสนองทางกายยังไม่ปรากฏนะครับ แต่ไอสีแดงมันเป็นตัวบอกว่า ราคะละเอียดมันทำงานแล้ว
    แปลว่า กามราคะกำเริบขึ้นมาแล้ว
    ที่นิ่งไป 3 วัน ไม่ใช่อาการที่เนื่องจากการบรรลุธรรมใดๆ แค่กำลังฌานมันกดอารมณ์ต่างๆเอาไว้เฉยๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2014
  2. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    249
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,770
    พอรู้ว่ายังต้องอยู่อีกนาน...ก็เลยออกไปเดินเล่น
    ความสงบยังกดอยู่นะครับ ไอราคะก็ดับเงียบไปแล้ว

    เรื่องที่น่าสนใจในขณะนั้นก็คือ
    อยู่กลางแดดไม่ร้อน ตอนเที่ยงนะครับ รู้สึกเหมือนทุกอย่างที่มองเห็นถูกเคลือบด้วยแสงเหลืองๆ
    มองไปทางไหนก็เย็นตา สบายตาไปหมด ทั้งที่ยืนอยู่กลางแดดตอนเที่ยง
    คือเดินออกไปกลางแดดนี่ ไม่รู้เรื่องเลยนะครับ แต่ตอนที่กำลังสังเกตุอยู่ว่าทำไมอะไรๆรอบๆตัวมันเหมือนโดนเคลือบด้วยแสงเหลืองๆ
    ก็สังเกตุเห็นแสงกับเงาของตัวตึก ที่ตัดกันอย่างชัดเจน เลยรู้ว่ากำลังอยู่กลางแดดเปรี้ยงๆ

    อีกเรื่องก็คือ เวลาเดินผ่านคน จะมีอาการสองอย่าง
    อย่างแรกกลิ่น...
    ทุกคนจะมีกลิ่นลอยออกมาจากตัว เวลาเดินสวนกัน พอได้กลิ่น จะรู้สึกเหมือนนึกรู้
    (มีอาการเหมือนอยู่ดีๆก็มีข้อมูลที่ไม่ได้คิดอยากจะรู้โผล่ขึ้นมาเองลอยๆในหัว) ว่า คนๆนี้มีนิสัยอย่างไร ชอบอะไร

    ตัวอย่างเช่น ผู้ชายคนแรกที่เดินผ่าน ระยะห่างประมาณ 1 เมตรได้
    จะได้กลิ่นเหมือนน้ำกามพลุ่งออกมา แล้วจะมีภาพรางๆแว๊บมาในหัว พร้อมกับอาการเหมือนนึกรู้ว่า คนๆนี้มีนิสัยชอบเรื่องแบบนี้
    หรือบางคนจะได้กลิ่นเหมือนเลือด แล้วมีภาพรางๆเหมือนกำลังฆ่าปลาอยู่ พร้อมกับมีอาการเหมือนนึกรู้ว่า ทำเรื่องแบบนี้ประจำ

    อย่างที่สอง
    ทุกคนจะมีภาพซ้อนเป็นภาพกึ่งขาวดำ เป็นคนอีกคนซ้อนกันอยู่
    ทีแรกจะงงมาก คนทั้งซอย มีภาพซ้อนเป็นคนก็ไม่ใช่ สัตว์ก็ไม่เชิง มองดูทรุดโทรมซอมซ่อ ผิวหนังเหี่ยวแห้ง ผมกับขนเป็นกระจุกๆตามตัว
    เวลามองต้องมองแบบผ่านๆนะครับ ถ้าพยายามจ้อง ประมาณว่าจะเก็บดีเทลให้ชัดๆซักหน่อย ว่าที่เห็นน่ะเห็นอะไรแน่ มันก็ไม่เห็นซะงั้น

    ระหว่างที่กำลังมองอยู่ ก็มีคนสองคนเดินสวนมา มีภาพซ้อนเป็นคนแต่งตัวดี แต่รูปร่างหน้าตา ไม่เหมือนตัวจริง
    อยู่ๆก็มีอาการเหมือนนึกรู้ขึ้นมาในหัวว่า ถ้าระเบิดลงตอนนี้ คนตายกันทั้งซอย
    มีแค่สองคนจะได้ไปเกิดเป็นคน
    ที่เหลือทั้งหมด แม้แต่สัตว์เดรฉานก็ไม่มีโอกาสได้เป็น ต้องลงต่ำกว่านั้นทั้งหมด

    อาการนิ่งแบบไม่หือ ไม่อิออะไรเลยเนี่ยเป็นอยู่ประมาณ 7 วัน กิเลสก็เอาไปกินเหมือนเดิม
    เนื่องจากตอนนั้น มันไม่เอาอะไรเลยแม้แต่นั่งสมาธิต่อ มันก็ไม่เอา
    ก็เลยรู้ว่าครั้งแรกของเรา โดนกำลังฌานกดไปซะ 7 วัน แล้วเป็นที่ฌานนี้ตัวเดียวนะครับ ตัวที่ต่ำกว่านี้ก็ไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน
     
  3. ชินนา

    ชินนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +248
    ผมประทับใจประสบการณ์นี้ของ จขกท. จัง

    ใครไม่เชื่อ..ผมเชื่อครับ
     
  4. pcman

    pcman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +287
    แล้วตอนนี้ยังเห็นเงาคนต่างๆ อยู่ไหมครับ อยากทราบอาการต่อจากนั้น และเดี๋ยวนี้ปฏิบัติต่อแล้วได้ประสบการณ์อะไรอีกไหมครับ ผมก็ปฏิบัติเหมือนกันแต่ไม่เคร่งมาก พยายามปฏิบัติตามโอกาสวันพระ แต่เนื่องจากงานรัดตัวมาก ก็จะพยายามกำหนดรู้ในสิ่งที่ทำไปทดแทนการปฏิบัติในรูปแบบ และใช้วิธีทำสมาธิแบบสั้นๆ มากๆ แต่บ่อยๆ ในช่วงว่างระหว่างวัน ที่ไม่ค่อยมีเวลาทำมากนักครับ อย่างน้อยก็พอคลายเครียดได้บ้างเพราะส่วนใหญ่ผมกำหนดให้มีปิติได้ในเวลาสั้นๆ แต่ยังไม่เคยมีประสบการณ์พิเศษใดๆ แบบท่าน จขกท. นะครับ
     
  5. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    249
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,770
    ขออนุญาตไม่ตอบนะครับ มันบาดใจ ถ้าตามอ่านซีรีย์ผมครบแล้วจะเดาได้เองครับ
     
  6. ความตาย-1

    ความตาย-1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +44
    เก่งจัง....ได้ฌานสี่ด้วย ผมปฏิบัติมาสองปีสิบเอ็ดเดือนแถมปฏิบัติทุกวัน วันละหลายชั่วโมงแล้ว แค่ฌานหนึ่งผมยังไม่ได้เลย
     
  7. phutsa

    phutsa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    261
    ค่าพลัง:
    +852
    ผมว่านั่งมาขนาดนี้อาจจะได้แล้วนะครับ นั่งเป็นชั่วโมงถ้าจิตไม่ถึงฌานคงทนปวดเมื่อยไม่ได้แน่ ผมเดาว่าถึงแล้วเพียงแต่ไม่รู้ว่าเข้าฌานขั้นไหน
     
  8. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +1,844
    ฌาน๔นิ่งดิ่งเป็นอารมณ์(เอกคัตตา)ยังมีรูปร่างกายเพราะเป็นรูปฌาน
    ของคุณเข้าฌานที่๕ครับเป็นอรูปฌานที่๑ มีความว่างหรืออากาศเป็นอารมณ์ ที่คุณเข้าใจเป็นลักษณะของนิพพานนั้นความจริงเป็นความว่าง ซึ่งก็มีผู้เข้าใจผิดในเรื่องนี้เช่นคุณมาก่อนเช่นกัน
    อารมณ์ของฌานที่๕นี้เมื่อออกจากฌานจะมีอารมณ์เบื่อโลก เบื่อคน ประกอบด้วย
    "สติทั้งหมด ความรู้สึกทั้งหมด เหมือนโดนอัดรวมเป็นก้อน หรือเป็นจุดเล็กๆ"
    การปฏิบัติต่อไปก็คือเพ่งมองตัวสติจนสติรวมลงเป็นจุด ต่อไปจะดับ และเกิดดับ เกิดนิมิตรต่างๆสลับและดับ และเกิดดับ ถี่ยิบ เกิดความรู้ในสภาพนิมิตรต่างๆอย่างมากมายเป็นฌานที่๖ จนเบื่อหน่ายจึงอยากหนีในนิมิตรเหล่านี้เป็นฌานที่ ๗ แต่หนีไปไม่ได้จิตจึงวางอุเบกขาเป็นฌานที่๘ สุดท้ายทั้งสติและนิมิตรดับทั้งหมดฌานที่๙ ความดับนี้มีหลายระดับหากดับไม่เกิดญาณอะไรเรียกว่าเป็นมรรค หากดับแล้วเกิดญาณเรียกว่าเป็นผล ซึ่งผลก็มีอยู่ ๔ ระดับตามอนุภาพของการดับ ๑.โสดาปฏิผลดับประมาณ ๓ นาที ๒.สกิทาคามิผลดับประมาณ๔นาที ๓.อนาคามิผลดับประมาร๕นาที ๔.อรหันตผลดับประมาณตั้งแต่ ๑ ชั่วโมงขึ้นไป
    ธรรมหลวงปู่สาวกโลกอุดร ธมมะปาโล
    เจริญในธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2014
  9. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    249
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,770
    ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ได้มีอาจารย์สอนมโนมยิทธิท่านนึง (ท่านเป็นครูฝึกฆราวาสที่ไม่ได้สอนมโนมยิทธิที่วัดท่าซุง หรือที่บ้านสายลมนะครับ ใช้ชื่อในอินเตอร์เน็ตว่า คนเมืองบัว)
    อธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเน็ตว่า

    องค์ฌานของ รูปฌานที่ 4 จะเหมือนกับ อรูปฌาน คือมีแค่
    -อุเบกขาแบบสุดขั้ว ที่นิ่งแบบไม่สนใจอะไรอีก ไม่เอาอะไรเลย
    -เอกัคตาแบบสุดขีด ที่สนใจรับรู้อยู่เรื่องเดียวในโลก คือองค์กรรมฐาน เรื่องอื่นไม่สนใจ จะวอกไปรับเรื่องนั้นนิด จะแวกไปรู้เรื่องนี้หน่อย เป็นไม่มี
    เพราะฉนั้น มันจะไม่รับรู้การมีอยู่ของกาย ตั้งแต่ที่นี่แล้ว

    ถ้าอย่างนั้น รูป ต่างจาก อรูปตรงไหน
    ทีนี้ ท่านก็อธิบายต่อ
    ต่างกันที่
    รูป มี อุเบกขา เอกัคตา และรูปนิมิต ปรากฏอยู่
    อรูป มี อุเบกขา เอกัคตา แต่ไม่มีรูปนิมิต มีแต่อารมณ์ที่เป็นอรูป ปรากฏอยู่ (บรรทัดนี้จำไม่ค่อยได้ แต่ออกแนวประมาณว่า ไม่มีรูป มีแต่อารมณ์ เลยเรียก อรูป นี่แหละ)

    ผมเองก้เข้าใจว่า กรรมฐานที่ผมใช้เป็นอรูปกรรมฐาน เพราะอารมณ์ได้ องค์ฌานได้ แต่ไม่มีรูปนิมิตปรากฏอยู่
    แต่เนื่องจาก องค์ประกอบของมัน มีแค่ อุเบกขา กับเอกัคตา เหมือนกัน
    อีกทั้งอารมณ์กรรมฐานที่ใช้ ก็ไม่ได้อยู่ในกรรมฐาน 40 วิธี
    เพียงแค่ดูคล้ายกับ อรูปกรรมฐานตัวที่ 3 เฉยๆ

    เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองสับสน ผมก็เลยเรียกมันว่าฌาน 4 ที่เอาความว่างเป็นอารมณ์ เพราะไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2014
  10. Mre

    Mre สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +7
    ผมเข้าณานได้หรือยัง

    ผมนั่งเช้า1 ชั่วโมง เย็น 1 ชั่วโมง ทำอย่างนี้มาประมาณ 2ชั่วโมง
    อยากรู้เหมือนกันว่าเข้าถึงณาน 1หรือยัง จะได้เป็นกำลังใจทำต่อไป
    นี้ข้อแนะนำเพิ่มไหมครับ สำหรับผมจะได้นำไปปฏิบัติต่อ
     
  11. อินทรี

    อินทรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +562
    ทำได้ดีมากครับ สำคัญแต่ว่า นั่งไป1 ชม เช้าและเย็นนี้ นั่งหลับหรือป่าว หรือใจลอยไปคิดเรื่องอื่นที่ ไม่ใช่คำภาวนาป่าว ถ้าเปนไปอย่างที่พูดนั่งแล้วยังไม่ได้อะไรครับ ให้ตั้งใจนั่งใหม่

    แต่ถ้านั่งแล้ว รู้ตัวตลอดเวลาจนครบเวลา1 ชม หรือใจลอยไปตอนไหน หรือสัปหงกตอนไหนดึงตัวเองกลับมาในอารมณ์ๆเดียวของสมาธิต่อไปยังงี้ถือว่าทำได้ดีครับให้ทำลักษณะนี้ต่อไป
    อีกอย่างคนที่นั่งเปนชมๆ จริงๆสมาธิไม่ได้วัดเปน ชม. อะไรหรอก เพียงแต่ว่าการได้นั่งถึงชม. ในแต่ละวันนั้นจะทำให้เหนอะไรที่ผ่านเข้ามาในจิตเยอะ บางอย่างก้ปล่อยวาง บางอย่างก้ปล่อยวางมันไม่ได้ แต่เมื่อไรที่เข้าถึงธรรมชาติของจิตจริงๆ จิตที่ว่างจากอารมณ์ทั้งหลายนั่นแหละครับ จะเหนอาการที่จิตเปนสมาธิด้วยตัวเราเอง ที่เรียก "เข้าถึงฌาน" จะฌานไหนก้แล้วแต่ นั่นก้คือ ฌาน ครับ ไม่มีไรให้ต้องสงสัยอีกต่อไป
     
  12. thanaratprawee

    thanaratprawee สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2015
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +3
    ผมฝึกมา4ปี ได้แค่ฌาน2 นี่คุณครั้งเดียวฌาน4เลยเหรอ นับถือ แต่ไม่น่าปล่อยให้เพชรหลุดมือเลย
     
  13. คุณตุ๊ก

    คุณตุ๊ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +131
    ของผมเน้นเปรี้ย.. เพ้งไม่ยอมหลุด พอมากเข้าก็พรึ๊บ .. ว่างทุกสิ่งไม่มีอะไรในจักวาล แม้แต่ตัวเรา

    อารมฌ์นั้นเบื่อทุกอย่าง ไม่สนอะไรเลย ไม่อยากพูดกับใคร จิตมันจะไปจับลมหายใจมากกว่า แต่ถ้าเอากำลังตัวนั้นมาจับวิปัสนาจะดีมากครับ

    ของผมปล่อยร่างกายพัก แต่จิตไปจับที่ร้างกายปรากฎว่า ได้รู้จักกับคำว่า"วิปัสนา" ครับ
     
  14. ฺburijai

    ฺburijai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +614
    ขอถาม ภาวะนี้เรียกอะไรเหรอครับ คือเริ่มจากเจริญอานาปาณสติ คู่กับการมองความว่างในอากกาศซึ่งปลายทางคือเมฆ หรือดวงจันทร์ จิตมีความสงบ สงัด ไม่มีความคิดอะไรมาปน ไม่มีอาการรับรู้สิ่งต่างๆๆรอบตัว บางครั้งลมหายใจก็หายไป มีแต่ความว่างและคงอยู่แบบนั้น ในขณะนั้นปราศจากความคิดและอารมณ์ทุกอย่าง จนกระทั่งจิตถอนออกมาเอง ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชม.
     
  15. อินทรี

    อินทรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +562
    ผมอยากให้ K.burijai เข้าไปอ่านในลิงค์นี้ให้เยอะๆนะคับ จะเปนประโยชน์ต่อตัวท่านเอง (โดยส่วนตัวผมเน้นคำว่าสมาธิและปัญญา มากกว่าคำว่าฌาน ครับเพราะสองอย่างนี้เพียงพอแล้ว เหลือเฟือแล้ว) แต่ถ้าเข้าถึงเอกัคตาจิต จะทรงอารมณ์ฌานด้วย ก้ยิ่งดี ไม่ห้าม อีกอย่างที่ขาดไม่ได้ เพราะทำให้ศีล สมาธิ ปัญญา มีพละกำลัง นั่นคือพรหมวิหาร4 ขอฝากไว้ครับ

    *****
    http://palungjit.org/threads/สติปัฏฐานภาวนา-หลวงปู่เทสก์-เทสรังสี.549605/****

    และก็ลิงค์นี้ครับ
    https://www.youtube.com/watch?v=RHJhcnBNdp0
     
  16. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014






    อาการอย่างนี้ เรียก อากิญจัญญายตนฌาน ครับ
    คือ อาการไม่รับรู้อารมณ์อะไร
    จะนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่หือไม่อือ
    รับอารมณ์อะไรไม่ได้เลย
    มันตื้อๆ อื้อๆ มึนๆไปหมด

    ญานนี้ จะเป็นญานที่ ปิดวิญญานทั้งห้า ไว้
    ไม่รับรู้สัมผัส หรือ ผัสสะ จากภายนอกตัวเรา
    จึงไม่เกิดความรู้สึกต่างๆ เกิดขึ้น

    จะเหมือนกับ การบรรลุอรหันต์
    เพราะไม่รู้สึกว่า มีอารมณ์อะไรเกิดขึ้น
    มีแต่ตื้อๆ อย่างเดียว
    จนบางครั้ง มีการเข้าใจผิดว่า
    ญานขั้นนี้ ทำให้บรรลุอรหันต์ได้
    ฤาษีสมัยก่อน จะเป็นกันเยอะ
    พอฝึกถึงขั้นทีไร ก็จะประกาศตนว่า
    ตนเองบรรลุอรหันต์แล้ว ทันที
    แต่พอไปเทียบกับ สังโยชน์
    ก็ยังตัดอะไรไม่ได้อยู่ดี
    พอออกจากสมาธิ
    ก็จะบริโภค กามราคะ เหมือนเดิม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 พฤษภาคม 2016
  17. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014





    ผมยืนยันว่า
    ท่านฝึก อรูปญานที่สามได้จริงๆ
    หากท่านสนใจ จะฝึกอรูปญานที่สี่
    ก็ทิ้งข้อความไว้ ที่กระทู้ของผม
    แล้วผมจะแนะนำต่อให้


    http://palungjit.org/threads/ใครฝึก-อรูปญาน-ได้บ้าง-แชร์ประสพการณ์หน่อยครับ.545871/
     
  18. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014



    อาการจับความว่าง
    เป็นอารมณ์ของ อากาสาฯ
    หรือ อรูปญานที่หนึ่ง
    หรือ ญานที่ห้า
    เวลาทรงญานนี้ จะมีความรู้สึกเหมือน
    อากาสธาตุ หรือ ความว่างเปล่า
    เป็นญานที่ต่อจาก รูปญานที่สี่ หรือ ญานสี่ นั่นเอง
    เมื่อเข้าญานสี่ จนถึง สุข แล้ว
    ต่อไปก็จะเจอความว่าง

    ด้วยความที่ ญานสุข กับ ญานว่าง
    อยู่ใกล้กันมาก สลับกันไปสลับกันมา
    บางครั้งนักปฏิบัติ ที่ไม่ช่ำชอง
    จะไม่สามารถแยกญานเหล่านี้
    ออกจากกันได้
    จนคิดว่า เป็นญานเดียวกัน
    จึงเรียก อรูปญานที่หนึ่ง
    เป็น รูปญานที่สี่
     
  19. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014




    อย่างนี้เรียกว่า
    การทรงอรูปญานที่หนึ่ง
    ขั้น อากาสาฯ
    ที่เรียกว่า ทรง
    ก็เพราะว่า เมื่อทำแล้ว
    รู้สึกถึงความว่าง หรือ ความว่างเปล่าได้
    รู้สึกว่า ทุกสิ่งเป็นเพียงอากาส
    ไม่ได้มีความหมายอะไรกับเรามากนัก
     
  20. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    ชาญ4 อารมเป้นแบบไหนครับ เเละเวลาจิตเเยกกายเป้นอย่างไรครับ

    ชาญ4 อารมเป้นแบบไหนครับ เเละเวลาจิตเเยกกายเป้นอย่างไรครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...