เพื่อการกุศล กลับมาอีกครั้งเชิญบูชาวัตถุมงคล เพื่อร่วมบุญสร้างกุฏิสงฆ์ และรูปเหมือนพระพี่หลวงป่าบง เริ่มหน้า 31

ขอจอง 1 หลอดครับ

 

ร่วมบุญผงมหาพุทธคุณสัมฤทธิ์ 3 ชุด

 

จอง 2 หลอดครับ

 

ขอจองผงมหาพุทธคุณสัมฤทธิ์ 1 หลอดครับ

 

พระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ (ชาญณรงค์ ศิริสมบัติ)

ผู้สำเร็จวิชาจากในดงแดนลี้ลับ ผู้มีพลังจิตแก่กล้าพิสดาร ศิษย์น้องหลวงปู่เทพโลกอุดร ผู้สร้างความอัศจรรย์เสกใบไม้ให้กลายเป็นนก ต่อหน้านักหนังสือพิมพ์จนเป็นข่าวโด่งดังในอดีต
เรื่องราวลี้ลับไร้คำตอบในโลกเรานี้ยังมีอยู่อีกมากมาย เรื่องบางเรื่องมีอยู่จริงแต่กลับถูกเก็บเป็นความลับด้วยเหตุผลบางประการต่างกันไป ในบ้านเรายังมีเรื่องลี้ลับอัศจรรย์อยู่อีกมากที่ยังไม่ถูกเปิดเผย บางเรื่องเคยถูกเปิดเผยแล้วแต่กระแสสังคมสนใจมาก จนภายหลังสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายแก่ผู้เป็นต้นเรื่อง ดังเรื่องราวของพระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ (ชาญณรงค์ ศิริสมบัติ) ที่ครั้งหนึ่งเรื่องราวของท่านเคยเป็นที่กล่าวขานมากในสังคม เนื่องจากหนังสือพิมพ์นำเรื่องพระสงฆ์ผู้แสดงฤทธิ์เสกใบไม้ให้กลายเป็นนก เสกผ้าเช็ดหน้าจนกลายเป็นงูเห่าตัวเขื่องไปตีพิมพ์เป็นข่าวหน้าหนึ่ง สำหรับผู้ที่มีอายุเลขห้านำหน้าคงเคยผ่านหูผ่านตามาบ้าง เกี่ยวกับเรื่องราวการแสดงฤทธิ์ของพระอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ ด้วยมีหนังสือพิมพ์และนิตยสารหลายฉบับนำเรื่อราวของท่านมาเผยแพร่ต่อสังคม โดยเริ่มเผยแพร่ต่อสังคมจริงจังเท่าที่สืบทราบได้ดังนี้
๑. เป็นข่าวใหญ่หน้าหนังสือพิมพ์เดลิเมล์ ฉบับวันจันทร์ที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๖
๒. เรื่องราวของท่านลงตีพิมพ์อีกครั้งในหนังสือพิมพ์บางกอกไทม์ ฉบับวันจันทร์ที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๖
๓. มีการรวบรวมเรื่องราวของท่านลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐถึง ๓ ฉบับ คือ ฉบับวันอาทิตย์ที่ ๒๘ - วันจันทร์ที่ ๒๙ - วันอังคารที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๙ ผู้คนต่างส่วนใจสืบหาท่านอย่างมากแต่เวลานั้นท่านมรณภาพไปแล้วนานปี
เรื่องราวการเสกแปลงธาตุนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้จากพลังจิต อันเป็นจิตที่ผ่านการฝึกฝนเคี่ยวกรำมาอย่างดี หาใช้วิชามายาศาสตร์ใช้เล่ห์กลใดมาตบตาก็หาไม่ ด้วยผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์การแปลงธาตุหลายท่านเป็นผู้ทรงคุณทางสมาธิจิต เป็นผู้เจนจบในไสยเวทย์วิทยาคุณ บางท่านเป็นผู้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกว้างขวางในวงสังคมสมัยนั้น ถึงจุดนี้หลายท่านคงอยากทราบเรื่องราวการเสกแปลงธาตุ ตลอดจนเรื่องราวสาเหตุการที่ท่าน พระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ ต้องมาเปิดเผยตนเองต่อสาธารณชนเพราะเหตุผลใด
สร้างความอัศจรรย์ด้วยวิชาแปลงธาตุ
อันวิชาแปลงธาตุมีการกล่าวถึงมาแต่โบราณเห็นได้จากเรื่องราว “ขุนช้าง ขุนแผน” มีการกล่าวถึงการเสกใบมะขามเป็นตัวต่อตัวแตน เสกดอกไม้เป็นแมงภู่ เป็นต้น ทั้งมีการกล่าวในประวัติพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณหลายรูปในอดีตสามารถเสกแปลงธาตุได้เช่น เรื่องการเสกหัวปลีเป็นกระต่าย เสกคนให้กลายเป็นจระเข้ มีกล่าวถึงชัดเจนในประวัติหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า กับเสด็จในกรมหลวงชุมพร ฯ แต่ผู้ที่พบเห็นอยู่ในเหตุการณ์ต่างล่วงลับไปหมดสิ้น เหตุนี้คนรุ่นใหม่จึงคิดว่าเรื่องราวเหล่านี้เป็นเรื่องงมงายเหลวไหล จวบจนในยุคใกล้กึ่งพุทธกาลมีพระสงฆ์หนุ่มน้อยรูปหนึ่งนาม พระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ ผู้หาญกล้าแสดงความอัศจรรย์ของพลังจิตด้วยวิชาแปลงธาตุ จนผู้คนต่างเห็นเป็นประจักษ์ได้จริง บางท่านไม่เข้าใจคิดในด้านลบว่าท่านอวดอุตริแสดงฤทธิ์ผิดข้อศีล แต่ในความเป็นจริงหาใช่เช่นนั้นไม่ สาเหตุที่ท่านจำใจต้องแสดงฤทธิ์ให้ผู้คนเห็นแจ้งประจักษ์ด้วยมีเหตุดังเรื่องราวที่จะขอนำเสนอต่อไปนี้
สาเหตุที่ต้องแสดงฤทธิ์
ก่อนอื่นขอกล่าวถึงศิษย์เอกท่านอภิชิโต ภิกขุ ท่านหนึ่งผู้เป็นศิษย์นอกดงรุ่นที่ ๑ ได้รับการครอบครูอย่างถูกต้องจากท่านอภิชิโต ภิกขุ ท่านผู้นี้คือ พ.อ. (พิเศษ) ชม สุคันธรัต (วท.บ.) ท่านเป็นคนแรกที่นำเรื่องราวของพระอาจารย์ในดง ตลอดจนคำสั่งสอนและวิชาของท่านอภิชิโต ภิกขุ มาเผยแพร่แก่คนทั่วไปที่สนใจ โดยเรียกว่าความรู้นี้ว่า “วิทยาศาสตร์ทางใจ” ออกเผยแพร่ความรู้ทางสื่อวิทยุและโทรทัศน์ ทั้งอุทิศตนเป็นวิทยากรไปพูดในสถานที่ต่าง ๆ ทั้งยังแสดงผลแห่งการฝึกจิตของท่านตามแนวทาง “วิทยาศาสตร์ทางใจ” จนเกิดผลพิสูจน์ได้จริง เช่น ทดสอบความคงกระพันของผิวหนัง ดับพิษไฟโดยการเอามือล้วงหม้อน้ำมันเดือด เอามือรูดโซ่เหล็กที่เผาไฟจนแดงได้ดังนี้เป็นต้น การเป็นวิทยากรช่วงแรกผู้คนเขายังไม่รู้จักท่านเท่าใดนัก ราวปี พ.ศ. ๒๔๙๖ ในการพูดเรื่องพลังอำนาจจิตที่หอประชุมมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง พ.อ. ชม ท่านพูดถึงวิชาแปลงธาตุโดยใช้อำนาจจิตเปลี่ยนสสารอย่างหนึ่ง ให้กลายเป็นอีกอย่างหนึ่งได้ด้วยพลังจิต ในคราวนี้มีผู้สนใจสอบถามท่าน (ลองดี) ขอให้ท่านใช้พลังจิตเสกแปลงธาตุให้ทุคนในหอประชุมได้เห็นจริง เพราะหากว่าท่านไม่สามารถทำได้ดังที่พูดก็ให้เชื่อว่าเรื่องราวของพลังจิต ตลอดจนเรื่องราวที่ผู้มาเป็นเรื่องยากจะเชื่อถือ เมื่อ พ.อ. ชม ท่านเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ท่านจึงชี้แจงแก่ผู้ถามก่อนว่า “วิชาแปลงธาตุนี้ตัวท่านได้เคยเรียนรู้มา แต่ยังไม่เคยเสกทำอย่างจริงจังเกรงว่าอาจจะทำไม่ได้ เมื่อมีผู้ต้องการให้ทำท่านตัวท่านจะลองทำดู แต่ไม่รับประกันว่าจะสำเร็จหรือไม่อย่างไร” เมื่อกล่าวจบ พ.อ. ชม ท่านขอใบไม้สดมาหนึ่งใบ ต่อมาท่านสำรวมจิตเสกแปลงธาตุตามวิชาที่เคยเรียนรู้มา เวลาผ่านไปครู่หนึ่งใบไม้นั้นยังคงสภาพอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ผู้คนในหอประชุมต่างพากันหัวเราะและส่งเสียงวิจารณ์กันทั่วหอประชุม เมื่อเป็นเช่นนี้ พ.อ. ชม จึงชี้แจงอีกครั้งว่า “ตัวท่านเองยอมรับว่าไม่สามารถทำวิชานี้ได้ ด้วยวิชาแปลงธาตุต้องใช้พลังจิตระดับสูง แต่ยังมีผู้ทำได้จริงคืออาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชาให้แก่ท่าน ซึ่งเวลานี้พระอาจารย์ท่านมาจำพรรษาอยู่ ณ วัดลาดบัวขาว ถนนเจริญกรุง (เป็นช่วงเข้าพรรษา) หากผู้ใดมีความแคลงใจต้องการพิสูจน์เชื่อว่าพระอาจารย์ท่านสามารถทำได้อย่างแน่นอน ด้วยท่านเสกแสดงให้ศิษย์เห็นมาแล้วหลายคราว เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้อยู่ในหอประชุมจึงลงความเห็นว่าควรเดินทางมาพิสูจน์ให้เห็นจริง จึงคัดเลือกเฉพาะอาจารย์ตลอดจนผู้ใหญ่ในที่นั้นเดินทางมายัง วัดลาดบัวขาว เพื่อพิสูจน์ให้เห็นจริง
แสดงฤทธิ์จนเป็นข่าวดังครึกโครม
เมื่อคณะเดินทางมาถึงยัง วัดลาดบัวขาว ถนนเจริญกรุง ท่าน พ.อ. ชม ขอให้คณะผู้เดินทางมารอท่านก่อน เพื่อท่านจะได้ขึ้นไปชี้แจงบอกกล่าวกับพระอาจารย์ท่านให้ทราบก่อน เมื่อ พ.อ. ชม บอกเจตนารมณ์ที่เดินทางมาคราวแรกท่านไม่ยอมรับเงือนไข พ.อ. ชม จึงอ้อนวอนขอให้ท่านช่วยเพราะหากไม่ช่วยแก้ไขคราวนี้ เชื่อว่าผู้คนต้องสบประมาทว่าเป็นเรื่องเหลวไหลหลอกลวง แต่หากท่านช่วยก็ถือเป็นการปลูกศรัทธาแก่ผู้คนได้อีกทาง เมื่อพระอาจารย์ได้ฟังจบท่านยังไม่รับปาก ท่านขอเวลาเพื่อติดต่อขออนุญาตพระอาจารย์ในดงก่อน อีกประการท่านยังอาพาธเป็นไข้หวัดร่างกายไม่สมบูรณ์ จึงขอผลัดไปก่อนให้ท่านพร้อมแล้วจึงค่อยมาพิสูจน์ภายหลัง เมื่อถึงเวลาที่กำหนดคณะผู้มาพิสูจน์เดินทางมาถึงสองครั้ง จนในครั้งที่สองนี้เองที่เป็นครั้งที่พระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์พร้อม คณะผู้มาพิสูจน์ฤทธิ์ในคราวนี้เป็นคณะใหญ่มีนักหนังสือพิมพ์มาพร้อมเพื่อบันทึกภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวแต่ถึงเวลาจริงกระแสไฟฟ้าบริเวณนั้นไม่พอ จึงบันทึกได้แต่ภาพนิ่งโดย คุณบรรจง มีแสงพราว โดยคณะผู้มาพิสูจน์ล้วนเป็นผู้มีชื่อเสียงในสังคมทั้งนางสาวไทยสมัยนั้น ตลอดจนบุคคลสำคัญส่วนหนึ่งมีการบันทึกสืบทราบได้ดังนี้
๑. พระพุทธทาสภิกขุ (พุทธทาส อินทปัญโญ)
๒. พระยาสารกิจพิลาส และครอบครัว
๓. อาจารย์บุญมี เมธากูร
๔. อาจารย์ชุม ไชยคีรี
๕. อาจารย์แนบ มหานีรานนท์
เมื่อเริ่มทำการพิสูจน์พระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ ท่านสั่งให้ศิษย์เด็ดใบมะม่วงแห้งมา ๑ ใบ จากนั้นท่านฉีกใบมะม่วงครึ่งหนึ่งใส่ในอุ้งมือ ท่านนั่งสงบนิ่งเสกอยู่ราว ๑๐ นาที จึงลืมตาขึ้นสั่งให้ศิษย์นำเชือกเส้นเล็กส่งให้ท่าน ครู่ต่อมาท่านเผยมือออกมีนกตัวน้อยสีสันสวยงามแปลกตา เป็นนกที่ไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน พระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ ท่านกล่าวว่านกชนิดนี้มีอยู่ทั่วไปในดงลี้ลับสถานที่ฝึกจิตของท่าน ท่านจึงจดจำภาพนกนี้ได้เพื่อเสกแปลงธาตุดังนี้ ท่านนำเชือกผูกขานกนั้นไว้แล้วส่งเชือกให้ท่านพระพุทธทาสภิกขุที่นั่งอยู่ใกล้ท่าน จากนั้นท่านได้เสกนกน้อยอีกตัวจากใบมะม่วงที่เหลือ ต่อจากนั้นท่านจึงเสกคางคกจากกลีบบัว และสุดท้ายท่านนั่งหันหลังเสกผ้าอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันมาบอกให้ทุกคนในที่นั้นถอยหลังออกไปให้ที่กว้างขึ้น ทั้งสั่งให้ทุกคนระวังตัวอย่าเข้าใกล้ กล่าวจบท่านหันมาโยนผ้าในอุ้งมือลงกลางวง พลันเกิดอัศจรรย์ผ้าผืนนั้นเวลานี้กลายเป็นงูเห่าตัวเขื่องชูคอแผ่แม่เบี้ยอยู่ต่อหน้าคณะผู้พิสูจน์ เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ท่านเป็นที่ยอมรับจากคณะผู้มาพิสูจน์ว่าท่าน คือ ของจริงมีพลังจิตเป็นอัศจรรย์ที่สำคัญสามารถพิสูจน์ได้จริง ต่อมาเรื่องราวของท่านถูกนำเสนอในหนังสือพิมพ์จนเป็นข่าวใหญ่

 

ขอบูชา ผงมหาพุทธคุณสัมฤทธิ์
ประกอบด้วย 1.ผงอิทธิเจวัดสัมฤทธิ์ 2.ผงพุทธคุณ (มวลสารรวมพระอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโต ) 3.ผงจักรพรรดิ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
จำนวน 1 หลอดครับ

 

จอง 2 หลอดครับ
ผงมหาพุทธคุณสัมฤทธิ์
ประกอบด้วย 1.ผงอิทธิเจวัดสัมฤทธิ์ 2.ผงพุทธคุณ (มวลสารรวมพระอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโต ) 3.ผงจักรพรรดิ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
รายละเอียดความวิเศษของผงแต่ละชนิดจะนำเสนอต่อไป

บูชาหลอดละ 300 บาท ลงชื่อจองและจำนวนได้เลยไม่จำกัด

 

จองผงพุทธคุณ 1 หลอด

 

ผงมหาพุทธคุณสัมฤทธิ์
ประกอบด้วย 1.ผงอิทธิเจวัดสัมฤทธิ์ 2.ผงพุทธคุณ (มวลสารรวมพระอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโต ) 3.ผงจักรพรรดิ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก จอง 1 หลอดครับ

 

โอน 350 บาท 10/2/59 23.00 น.

 

วิธีบูชาผงพุทธคุณศักดิ์สิทธิ์

พระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ (ชาญณรงค์ ศิริสมบัติ)

ผงพุทธคุณศักดิ์สิทธิ์ของพระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ เป็นผงเก่าหลายชนิดที่ท่านเขียนแล้วลบสะสมเอาไว้ ส่วนหนึ่งเป็นผงของพระอาจารย์ในดงไม่ว่าจะเป็นท่านพระครูเทพโลกอุดร, พระอาจารย์ท่านเจ้า (กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ), หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า (อาจารย์ของหลวงพ่อกบ – หลวงพ่อแช่ม – หลวงพ่อโอภาสี), หลวงปู่ทุย (อาจารย์หลวงพ่ออี๋) พระอาจารย์ในดงเหล่านี้ท่านสำเร็จวิชาลบผงศักดิ์สิทธิ์ พระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ เคยเล่าว่า “ยามว่างพระอาจารย์ในดงท่านไม่ปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์ ท่านมักฝึกจิตโดยการเขียนผงลบผงด้วยสูตรต่าง ๆ การเขียนผงต้องภาวนาคาถาตลอดแต่ต้นจนจบห้ามหยุด ผงวิเศษที่พระอาจารย์ในดงลบสำเร็จท่านไม่สนใจใยดี ท่านทิ้งไว้ให้กองเป็นหย่อม ๆ ภายในถ้ำที่พำนักของพระอาจารย์ท่านนั้น ๆ ด้วยท่านลบผงเพียงเพื่อฝึกจิตและทบทวนวิชาเท่านั้น” ผงวิเศษเหล่านี้ถือเป็นของวิเศษแต่มีค่ามหาศาลในเมืองมนุษย์ ว่ากันว่าผงนี้มีคุณวิเศษสูงหากนำมาบูชาท่านว่า “อย่าได้คร้ามเกรงภัยใดเลยอย่าว่าแต่ศึกมนุษย์เลย ต่อให้ศึกเทวดาเหาะลงจากสวรรค์ก็อย่าได้คร้ามเกรงเลย” พระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ ท่านทราบถึงคุณค่าของผงวิเศษนี้ภายหลังท่านกราบขออนุญาตพระอาจารย์ในดง เพื่อนำผงวิเศษบางส่วนออกมาจากในดง เพื่อสร้างพระเครื่องขึ้นรุ่นหนึ่งเพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระอาจารย์ในดง คือ พระสมเด็จผงครูฝึก (สมเด็จน้ำตาล) ผงอีกส่วนหนึ่งท่านนำมาเก็บรักษาเอาไว้ โดยต่อมาท่านยังนำมารวมเข้ากับผงของพระอาจารย์คณาจารย์ผู้ทรงคุณวิเศษ โดยทั้งหมดเป็นผู้ทรงอิทธิฤทธิ์จริงท่านเคยเดินทางไปขอลองวิชาวจนมั่นใจว่าเก่งแท้จริง เมื่อท่านยอมรับนับถือจะขอผงวิเศษและขอต่อวิชา ทั้งนี้ทราบว่าท่านยังนำเอาผงของครูบาอาจารย์ อาทิเช่น ผงชีปะขาวของหลวงปู่พลอย และผงนะลือชาของหลวงปู่เต็ม วัดเงิน คลองบางพรม มารวบรวมสะสมไว้ด้วย อันผงวิเศษนี้เป็นผงเก่าล้วนที่ได้รับตกทอดมา ผงเหล่านี้ไม่มีมวลสารใหม่ใดอื่นมาเจือปนเลย ถือเป็นของวิเศษหายากยิ่งเกินจะตีค่าเป็นราคาได้ ด้วยเป็นผงพุทธคุณล้วน ๆ ที่ขลังศักดิ์สิทธิ์สูงค่าในทางพุทธคุณ หาใช่คุณค่าเชิงราคาเช่าหาสะสมเพื่อโอ้อวด

ผู้เขียนหนังสือมีเจตนาแต่เริ่มจัดทำหนังสือเพียงเพื่อเผยแพร่เกียรติคุณของ พระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ เพียงเท่านั้น จึงเห็นสมควรว่าควรนำของวิเศษนี้มอบให้ผู้เคารพในพระอาจารย์ในดง และเคารพในท่านพระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ ได้นำไปบูชาย่อมเกิดมงคลแก่ผู้ศรัทธาในองค์ท่านอย่างแน่นอน ด้วยในปัจจุบันพระเครื่องวัตถุมงคลต่าง ๆ ของพระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ มีราคาสูงบางรุ่นมีราคาแพงทั้งหาได้ยากยิ่ง ซึ่งพระเครื่องวัตถุมงคลเหล่านั้นล้วนมีผงวิเศษนี้ผสมอยู่ทั้งสิ้น และตามคำบอกเล่าที่พระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ เคยกล่าวกับศิษย์ไว้ว่า “ผงวิเศษของท่านที่สะสมไว้เหล่านี้เมื่อนำไปผสมสร้างพระเครื่องหรือวัตถุมงคลใด วัตถุมงคลเหล่านั้นสามารถกันจะคุณไสยได้ถึง ๑๘ ภาษา คือ คาถาที่สามารถทำคุณไสยในโลกมนุษย์ ในทุกชาติศาสนาที่สามารถกระทำต่อกันได้นั้นมี ๑๘ ภาษา (ตำราในดง) ด้วยผงของพระอาจารย์ในดงที่ถือเป็นผงหลัก ท่านได้เสกผูกเสกกันครอบคลุมไว้ทั้งหมดทุกทาง ด้วยท่านสำเร็จวิชาลบผงขั้นสูงมีคุณวิเศษไร้ขอบเขตเหนือเส้นแบ่งชาติศาสนาไปแล้ว อีกประการพระอาจารย์ในดงท่านสำเร็จวิชาภาษาโบราณทั้ง วิชาภาษาเทวะนาครี, วิชาภาษาคูโบส, วิชาภาษาดาโบส, วิชาภาษากรูตาฟ ที่ล้วนเป็นภาษารากฐานในทางไสยเวทย์ชั้นสูงทั้งสิ้น” นี้เป็นคุณค่าและคุณวิเศษส่วนหนึ่งที่ทราบมาพอหยิบยกมาเล่าสู่กันฟังได้ ผงวิเศษนี้มีคุณนานาประการตามอธิษฐานด้วยผงนี้สำเร็จศักดิ์สิทธิ์แล้วในตัวเอง ด้วยเป็นผงที่เขียนและรวบจนสำเร็จตามตำราชั้นสูงทุกขั้นตอน ทั้งผู้เสกผงวิเศษก็ล้วนเป็นผู้มีอำนาจจิตสูงส่ง โดยเฉพาะพระอาจารย์ในดงทุกท่านล้วนเป็นผู้อยู่เหนือโลกเหนือกาลเวลา

วิธีบูชาและอาราธนาผงพุทธคุณ

ผู้ศรัทธาปรารถนาบูชาผงพุทธคุณนี้ให้บังเกิดผลอันเป็นมงคลสูง ให้สำรวมจิตให้มั่นคงอย่าวอกแวกหวั่นไหว ส่งพลังจิตให้มีความรู้สึกที่ตรงกลางระหว่างหัวคิ้วทั้งสอง ระลึกนึกถึงพระอาจารย์ในดงอันมีท่าน หลวงตาดำ เป็นที่สุดตลอดจนพระอาจารย์ในดงทั้ง ๕๐๐ องค์ หลวงปู่พลอย หลวงปู่เต็ม และพระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ คุณบิดา คุณมารดา คุณพระอุปัชฌาย์ครูบาอาจารย์ทุกท่าน คุณพระฤๅษีทั้ง ๑๐๘ ตน คุณเทพเทวาทั้งหลายมาประสิทธิ์แล้วว่าคาถาเชิญดังนี้

คาถาอาราธนาอัญเชิญบารมี

พระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสะ ฯ. (๓ จบ)
อิติ อะระหัง สุคะโต อภิชิโต ชาญณรงค์
นามะเต อาจาริโย เม ภันเต
อายัสมา อาจาริโย เม ภันเต โหหิ ฯ.
------------------------------------------------------
คาถาเสกผงทางเมตตา

อิติปาระมิตาติงสา อิติสัพพัญญูมาคะตา อิติโพธิ มนุปปัตโต อิติปิโส จะตมะโน อิทธิเจติงโสคันหัง คันหาหิ นะเมตา โมกรุณา พุทปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู นะโมพุทธายะ พุทธังงามนักเป็นที่รักของฅนทั่วทั้งเมือง พระธัมมังรุ่งเรืองหอมฟุ้งทั่วทั้งจักรวาล พระสังฆังงามทั่วโลก ยิ่งแลยิ่งงาม เดินตามมาแผ่เมตตา อุณาโลมเป็นศรี อิกะวิติ ประสิทธิเม ฯ.
------------------------------------------------------
คาถาเสกผงทางคุ้มครองป้องกัน

อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิอิโสตัง พุทธปิติอิ ฯ.
ผงพุทธคุณศักดิ์สิทธิ์บูชาไว้ในบ้านเรือนหรือรถยนต์เป็นสิริมงคล อาราธนาติดตัวไปเป็นคงกระพันชาตรีคุ้มครองป้องกันภัยอันมาจากทิศทั้งสิบ (ทิศทั้งแปดรวมกับทิศเบื้องบน และเบื้องล่าง) ดั่งกำแพงแก้วคุ้มครองทั่วสรรพางค์กาย หากเดินทางไปที่ใดเมื่อไปได้ต้องได้กลับ “ไม่ไปตายกลางทางแบบศพไร้ญาติ” แม้นกรรมส่งผลอย่างน้อยที่สุดต้องได้สั่งเสียครอบครัว ด้วยยกเว้นเพียงเหตุอันเกิดจากกรรมเท่านั้นที่ไม่ว่าของวิเศษใดก็ไม่สามารถป้องกันได้ สามารถช่วยได้แค่เพียงทำให้หนักเป็นเบาที่เบาก็จะหายไม่เกิดขึ้นเป็น “เพชรหลีก เพชรกลับ” อีกด้วย
หากขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการร้านค้าใหม่ ออกรถยนต์ยานพาหนะใหม่ก็ดี เมื่อปรารถนาให้เกิดสิริมงคลเพิ่มพูนยิ่งขึ้น ให้นำเอากระแจะจันทร์ หรือดินสอพองมาผสมเข้ากับน้ำปรุง นำผงพุทธคุณแค่เพียงติดปลายเล็บหรือปลายเข็ม นำผงใส่ลงในแป้งผสมเครื่องหอมแล้วตั้งจิตอัญเชิญตามข้างตน แล้วจึงว่าคาถาอัญเชิญบารมีแล้วว่า คาถาเสกผงทางเมตตา ต่อด้วยเสกทางคุ้มครองป้องกันเสกอย่างละ ๓ – ๗ – ๙ จบ. ตามแต่สะดวกแล้วตั้งจิตอธิษฐานตามต้องการ เสร็จแล้วนำแป้งเจิมได้ทุกสิ่งเป็นมงคลยิ่งนัก หากต้องปรารถนาให้เกิดเมตตามหานิยมให้นำผงผสมเข้าดังวิธีข้างต้น หรือผสมแป้งผัดหน้าตั้งจิตให้ชุ่มเย็นสดใสแล้วเสกคาถาเมตตา ๓ – ๗ – ๙ จบ. ตามแต่สะดวกแล้วตั้งจิตอธิษฐานตามต้องการ เจิมหน้า ผัดหน้าไปเป็นเมตตามหานิยมแก่ชนทั้งหลาย หากเสกแป้งทางคุ้มครองทำจิตให้หนักแน่นอัดลมหายใจ แล้วกระทำดังเช่นวิธีข้างต้นแล้วเสกด้วยคาถาคุ้มครอง ๓ – ๗ – ๙ จบ. ตามแต่สะดวกแล้วตั้งจิตอธิษฐานตามต้องการ เป็นคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายคงกระพันชาตรี ภูตผีปีศาจคร้ามเกรงถอยหนีไม่กล้ากร่ำกราย กันคุณไสยนานาชนิด หากสงสัยว่าผู้ใดโดนคุณโดนไสยเวทย์กระทำเอาให้นำผงติดปลายเล็บ อาราธนาด้วยคาถาข้างต้นแล้วผสมปนน้ำให้อาบกินหายสิ้นแล
เมื่อแป้งที่เสกไว้ใกล้หมดให้เตรียมแป้งใหม่ใส่ภาชนะเอาไว้ แล้วนำแป้งผสมผงที่เสกทำไว้ส่วนที่เหลืออยู่นั้น ให้ใส่ลงทับแป้งใหม่ในภาชนะใหม่แล้วเสกดังวิธีการเดิม แป้งที่ทำขึ้นใหม่จะศักดิ์สิทธิ์ดังแป้งเสกชุดเดิม โดยไม่ต้องเติมผมวิเศษใส่เพิ่มลงไปให้สิ้นเปลือง แต่หากเผอเรอแป้งเก่าหมดไม่เหลือแป้งเก่าอยู่เลยต้องผสมทำขึ้นใหม่ดังวิธีเดิม

ข้อควรจดจำ

ผสมผงใส่แป้งเสกใช้เจิมทางเมตตาให้ทำใน วันจันทร์ หรือ วันศุกร์ ข้างขึ้นจะดีที่สุด
ผสมผงใส่แป้งเสกใช้เจิมทางคุ้มครองให้ทำใน วันอังคาร, วันพฤหัสบดี, วันเสาร์ ดีที่สุด
ห้ามนำแป้งใหม่เททับแป้งผสมผงเสกอันเก่า หากเททับถือว่าเสียแล้วต้องทำใหม่
ห้ามทำผงตกหล่นเหยียบย่ำเด็ดขาดเป็นอาถรรพ์แก่ผู้เหยียบย่ำ หากเหยียบย่ำต้องอาบน้ำมนต์เสกด้วยคาถาถอนเสมา ๗ คาบ
ให้วางในที่สูงที่บูชาอันเหมาะสมด้วยเป็นของมีคุณครูบาอาจารย์แรง มีเทพอารักษ์คอยรักษาอยู่อย่ากระทำลบหลู่จะเกิดโทษ

 

รายการนี้ยังมีอีกไหมครับ ?
ถ้ามีขอบูชา 1 ชุดครับ.
ขอบคุณครับ.

 

ขอจองผงพุทธคุณ 1 หลอดครับ

 

รายการนี้หมดแล้วครับ

 

พระอาจารย์ ชาญณรงค์ อภิชิโตภิกขุ
​

นามเดิม ชาญณรงค์ ศิริสมบัติ
เกิด เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ เมษา ๒๔๖๗ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๕ ปีชวด จุลศักราช ๑๒๘๕
การศึกษา วิชาแพทย์ศาสตร์ หลักสูตรเร่งรัด ๒ ปี จาก โรงพยาบาลศิริราช
มรณภาพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๓๖
มรณภาพอย่างสงบด้วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ณ รพ.บำรุงราษฎร์ กรุงเทพฯ.
บิดา - พระยาศิริสมบัติ ต้นสกุลศิริสมบัติ
มารดา – มารดาของทั่นทราบเพียงว่าเป็นฅน จ.นครราชสีมา

พระอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโต ภิกขุ ท่านเป็นลูกชายของมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งที่สุดในประเทศไทย ในยุคสงครามโลกครั้งที่ ๒ บิดาท่านทำการค้าขายมั่งคั่งที่สุด จัดเป็นคหบดีใหญ่จะพูดว่าร่ำรวยที่สุดก็อาจจะดูเกินพอดี จึงขอกล่าวว่าติด ๑ ใน ๓ ของประเทศก็คงพองาม ด้วยการที่เป็นลูกชายของคหบดีผู้มั่งคั่งนี้เอง ทำให้ท่านใช้ชีวิตฆารวาสวิสัยอย่างเต็มที่ มีเพื่อนฝูงมากมายเป็นที่นับหน้าถือตาในหมู่คณะ และด้วยอุปนิสัยส่วนตัวของท่านเป็นฅนใจใหญ่ ใครเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือกับทั่นแล้ว ไม่เคยมีคำว่า”ไม่ได้” หรือ ปฏิเสธเลยแม้นสักครั้ง ทั้งยังเป็นฅนใจนักเลงโลดโผน ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดมาตั้งแต่วัยเยาว์ จัดเป็นฅนเก่ง ฅนจริง หาใช่ใช้เพียงเงินทองข้าวของล่อใจมิตรสหาย เหตุการณ์หลายคราวทั่นได้ยืนมือเข้าช่วย เอาตัวเข้าแลก ช่วยมิตรสหายจากอันตรายด้วยใจจริง จัดเป็นฅนใจนักเลงแต่มีเมตตาสูง เหตุนี้ทำให้ท่านเป็นที่รักของเพื่อนฝูงอย่างมาก แต่มิตรสหายที่จัดว่ารักใครชนิดตายแทนกันได้ มักไปไหนมาไหนได้กันเสมอ

อาจารย์หม่อม หรือ หม่อมเจ้าไชยเดช พัฒนเดช
อาจารย์เหลียว หรือ นายเฉลียว ศิริสมบัติ (ญาติของทั่นอาจารย์ โตมาด้วยกัน)

หากกล่าวถึงอาจารย์ผู้เมตตาถ่ายทอดวิชาความรู้ ในชั้นต้นให้ท่านอาจารย์ชาญณรงค์หากจะจัดเรียงโดยยังไม่กล่าวถึงครูสายในดง ด้วยขอยกไปกล่าวในส่วนของเรื่องราวในดง สำหรับครูผู้เมตตาถ่ายทอดวิชาความรู้เบื้องต้น อีกทั้งวิชาความรูปทั่วไปเป็นครูอาจารย์ปกติ เท่าที่สามารถสืบถามมาได้มีดังต่อไปนี้
๑. หลวงปู่พลอย พรหมโชโต วัดเงิน คลองบางพรหม
๒. หลวงปู่เต็ม ธมฺมทินโน วัดเงิน คลองบางพรหม
๓. หลวงปู่ขำ วัดแก้ว
๔. หลวงพ่อเลียบ วัดเลา (นับถือตั้งแต่ก่อนบวช เป็นพระอาจารย์ที่บิดาทั่นนับถือ)
๕. หลวงพ่อสุข วัดห้วยจระเข้ จ.นครปฐม (เป็นสหธรรมิกกับ หลวงปู่พลอย)

 

ผงมหาพุทธคุณสัมฤทธิ์
ประกอบด้วย 1.ผงอิทธิเจวัดสัมฤทธิ์ 2.ผงพุทธคุณ (มวลสารรวมพระอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโต ) 3.ผงจักรพรรดิ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก จองเพิ่ม 1 หลอดครับ

 

ขอจอง 4 หลอดครับ

 

บูชา ๑ หลอดครับ

 

ขอจองผงมหาพุทธคุณสัมฤทธิ์ 2 หลอดครับ

 

ขอจองผงมหาพุทธคุณสัมฤทธิ์ 2 หลอดครับ