Featured เรื่องเล่า "นักขุดกรุ"มือขลัง ขมังเวทย์ที่สุดในแผ่นดิน

สวัสดีวันจันทร์อันสดชื่น(หวังว่าชาจพลังเตรียมทํางานกันด้วยความผ่องใสทั้งกายใจ)ท่าน อ วันวิและWFCทุกๆท่านค่ะ
พาเที่ยวค่ะ Bryce canyon อยู่ Utah ส่วน Grand Canyon ->Arizonaค่ะ เอ เอามะพร้าวห้าวมาขายสวนมั้ง

 

สวัสดีคุณอาวันวิและ FCทุกท่านครับ

 

สวัสดี ครับ
ขอให้มีความสุขกับ การทำงานครับ

ตอนนี้
ตามอ่าน ยังไม่มีเวลามาละเมียดกวี
แต่
คิดถึง ครับ

 

ธรรมมะสวัสดีเช้าวันจันทร์ครับ ขอให้ทำงานอย่างมีความสุขครับ

 

ขอบคุณพี่วันมากๆครับ ได้รับของแล้วครับ

 

สวัสดีครับพี่ Wanwi น้องพีเองครับ ผมตามมาทันหน้าปัจจุบันแล้วครับและจะตามติดแบบหายใจรดต้นคอครับ กำลังสนุก ผมว่าคงถึง 1000 หน้าแน่ๆ ยังไงพี่ Wan ก็รักษาสุขภาพนะครับ ขอบคุณครับ

 

คาถาที่พราน X ใช้เป็นคาถาที่ดีมากครับ มงกุฏพระพุทธเจ้า ทุกท่านลองเอาไปใช้ดูนะครับ ท่องจำให้ขึ้นใจ แล้วคับขันเมื่อไหร่ก็เอามาใช้ได้ "ตั้งนะโม 3 จบ ตามด้วย" อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิอิโสตัง พุทธปิติอิ " ว่า 3 ,9 จบ แล้วอธิฐาน
ส่วนตัวผมจะท่องเป็นประจำ อธิฐานให้หลับฝันดี ครับ หรือบางครั้งเดินทางใกล้ไกลก็อธิฐาน เป็นคาถาที่ใช้ได้ทุกอย่างครับ

 

กราบสวัสดียามสายวันจันทร์ค่ะ คุณอา wanwi และเหล่าสมาชิกทุกท่าน
รออ่านคุณลุงเอ็กซ์อย่างใจจดจ่อ คุณลุงช่างถูกโฉลกกับสิ่งที่มองไม่เห็นเหลือเกินค่ะ แต่จิตใจเข้มแข็งมั่นคงมาก มีใจเต็มร้อยอย่างงี้ก็ชนะทุกครั้งแน่ๆค่ะ

 

สวัสดีค่ะคุณลุง

วันนี้มุจัดดรายการยาที่จะถวายพระพี่เลี้ยง และกำลังทยอยส่งหนังสือธรรมะให้สองท่าน ทุกวันนั่งรอผลจาก editor จนฟุ้งซ่านเลยระงับความกังวลด้วยการทำความดีแทน หรือจัดประสานงานบุญที่ทำค้างไว้ค่ะ สู้สุดกำลัง ช่วงนี้คงจะหายเงียบเนื่องจากเป็นช่วงส่งรายงาน การอ่านเรื่องของลุงเท่านั้นแหละที่ทำให้คลายเครียดลงได้บ้าง

จริงหรือไม่ที่พระเครื่องและของเก่าบางทีเลือกเจ้าของเองคะลุง?

 

CREDITนายยวง พึ่งกุศล (ปัจจุบันบวชเป็นพระภิกษุวัดสะแก) (สมัยเขียนเรื่อง-leo_tn)
เมื่อประมาณปี ๒๕๒๐
ขณะนั้นเป็นเวลาบ่ายเย็น
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แห่งวัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ได้ออกมานั่งคุยกับศิษย์ที่บริเวณระเบียงกุฏิของท่าน
เมื่อนั่งคุยกันชั่วครู่ใหญ่ หลวงปู่ดู่และศิษย์เห็นรถยนต์คันหนึ่งวิ่งเข้ามาในวัดแล้วจอด มีชาย ๔ คนลงจากรถ และเดินตรงมาที่กุฏิของท่าน
"เอ๊ะ..อ้ายพวกนี้มาแปลก..." หลวงปู่ดู่อุทาน
"มันเอาผีมาด้วย"
บรรดาศิษย์ของหลวงปู่ดู่ เมื่อได้ยินหลวงปู่พูดถึงผี
ก็พากันชะเง้อดูคนทั้งสี่
"เอ...ผมมองไม่เห็นผี"
ศิษย์คนหนึ่งบอกกับหลวงปู่
"ผมไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ มีอะไรหรือครับหลวงปู่..."
หลวงปู่ดู่หัวเราะกับศิษย์ และพูดกับศิษย์ว่า..
"ฉันเห็นผีมันล้อมรอบพวกสี่คนที่กำลังเดินมาเต็มไปหมด"
คนทั้งสี่ เมื่อเดินมาถึงหน้าบันได้กุฏิ ก็พากันถอดรองเท้า
แล้วพากันขึ้นบนกุฏิ คลานเข้ามากราบหลวงปู่ดู่..
"นี่...พวกเธอมาหาฉัน ทำไมจึงเอาผีมาด้วย"
หลวงปู่ดู่ถามชายทั้งสี่ พร้อมกับหัวเราะด้วยอารมณ์ดี
คนทั้งสี่มองหน้ากัน ตีหน้าเลิ่กลั่ก
เมื่อได้ยินหลวงปู่ดู่บอกว่า พวกตนที่มาหา...พาผีมาด้วย
"ผีที่ไหนครับหลวงปู่"
นายเบิ้ม พบร่มเย็น หนึ่งในสี่คนที่มาหาหลวงปู่
ถามขึ้นด้วยความสงสัย

"ยังไม่รู้อีกเรอะ"
หลวงปู่ดู่หัวเราะด้วยอารมณ์ดี
"ผีมันออกมาจากพระที่แขวนอยู่ที่คอน่ะสิ"
ทั้งสี่คนที่มาหาหลวงปู่ถึงบาง "อ้อ"
คนทั้งสี่ที่มาหาหลวงปู่ดู่
เป็นลูกศิษย์ของ หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดระหารไร่ จ.ระยอง
และทุกคนมีพระเครื่องที่หลวงปู่ทิมสร้าง แขวนอยู่บนคอ
เช่น พระพิมพ์สี่เหลี่ยมหัวโต...หรือพระเล็กๆ แบบสามเหลี่ยมเรียกนางพญาและพระขุนแผนเล็กและใหญ่
บรรดาพระเครื่องที่เอ่ยนามมานี้
นอกจากจะมีผงพระพุทธคุณแล้ว
ยังผสม "ผงผีพรายกุมาร"
ที่ได้มาจากเด็กที่ตายทั้งกลม....
คนทั้งสี่นำสร้อยคอที่แขวนพระที่มีส่วนผสมของผงพรายกุมาร
ให้หลวงปู่ดู หลวงปู่นั่งหลับตาชั่วครู่ใหญ่บอกว่า
"ของเขาแรงใช้ได้ดีทีเดียว แต่ดูเหมือนผู้สร้าง..ได้เสีย..เสียแล้ว"
"ครับ...เป็นพระเครื่องของท่านหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง ที่ได้สร้างขึ้นและหลวงปู่ทิมได้มรณภาพมากว่า ๒ ปีแล้ว..."
นายเบิ้ม พบร่มเย็น บอกแก่หลวงปู่ดู่...
คนทั้งสี่อัศจรรย์ใจที่หลวงปู่ดู่ท่านรู้ว่า
ที่คอของพวกตน มีพระเครื่องที่ท่านหลวงปู่ทิม
ใช้ผงพระพุทธคุณ และผงพรายกุมารผสมป่นลงไป
แล้วปลุกเสกสร้างเป็นองค์พระขึ้น
คนทั้งสี่ที่มาหาหลวงปู่ดู่ จึงเคารพหลวงปู่ดู่ยิ่ง
ทั้งสี่คนนั่งคุยกับหลวงปู่ดู่ครู่ใหญ่

ชินพร ศิษย์เอกของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ถามหลวงปู่ดู่ว่า...

"ท่านหลวงปู่ทิม อาจารย์ของผม เป็นพระเถระที่ยึดมั่นพระธรรม และพระวินัยของพระพุทธองค์อย่างเคร่งครัดไม่ยินดียินร้ายในรูป รส กลิ่น เสียง และถือสันโดษเป็นพระภิกษุที่มีศีลลาจริยาวัตรน่าเลื่อมใส หลวงปู่ทิมได้สร้างพระเครื่องโดยมีผงพรายกุมาร ที่ท่านทำมาจากเด็กตายทั้งกลมจากท้องมารดาการกระทำของหลวงปู่ทิม จะเป็นบาปหรือไม่"

หลวงปู่ดู่...

"ไม่บาป การที่ไม่บาปเป็นเพราะว่า เด็กที่อยู่ในท้องแม่ยังไม่เกิดเป็นตัวตน คือยังไม่มีธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ยังไม่มีวิญญาณ และแม่เด็กก็ได้ตายไปแล้วซึ่งแม่เด็กและเด็ก ก็จะกลับสู่สภาพเดิม คือ เป็นผงธุลีไป"

หลวงปู่หยุดเล็กน้อย...

"การที่ถามว่า เอาหัวกระโหลกเด็กที่อยู่ในท้องของแม่ที่ตายทั้งกลมมาทำของ จะบาปไหม...เรื่องนี้มันคนละเรื่องกัน เด็กที่อยู่ในท้องของแม่ที่ตายทั้งกลมนั้นอยู่ในลักษณะที่ว่า ไม่มีตัวตน ไม่มีวิญญาณที่จะไปเกิด สภาพของเด็กที่อยู่ในท้องของแม่ที่ตายทั้งกลม จึงเหมือนกับก้อนเนื้อก้อนหนึ่งและถ้านำเด็กที่อยู่ในท้องของแม่ที่ตายทั้งกลมมาปลุกเสกด้วยอาคมและปลุกเสกด้วยธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ

ก็จะอยู่ในลักษณะหนึ่งที่ทางไสยศาสตร์เรียกว่า
ภูติ หรือ มหาภูติ และถ้าเราเอาตัว ภูติ ที่ปลุกเสกด้วยอาคมและธาตุทั้งสี่มาทำของ ของนั้นก็จะมีอิทธิฤทธิ์ยิ่ง.."

คำอธิบายของหลวงปู่ดู่
ทำให้คุณชินพรและพวกหายข้องใจ
ในเรื่องที่นำเด็กในท้องของแม่ที่ตายทั้งกลมมาปลุกเสก
แล้วป่นทำเป็นผงนำไปผสมกับผงพระพุทธคุณ
แล้วนำไปสร้างพระ...หรืออุดผงนี้ลงที่ด้ามมีดหมอ
หรือนำผงนี้อุดที่องค์พระที่สร้างขึ้น
บรรดาคนทั่วไป มักจะเรียกผงนี้ว่า ผงพรายกุมาร

ก่อนจะกลับจากวัดสะแก
คุณชินพรกับพวก ได้เช่าบูชาพระกับเครื่องรางหลายอย่าง
แล้วนำไปให้หลวงปู่ดู่ท่านปลุกเสก

"ของฉันดี"
หลวงปู่ดู่พูดพร้อมกับหัวเราะ

"ของที่ฉันสร้าง..แรง
ถ้าไม่เชื่อ ก็ถามท่านอาจารย์คนนั้นดูสิ"

นายเบิ้ม พบร่มเย็น เป็นศิษย์ของ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
หลวงปู่โต๊ะ มักจะใช้ให้นายเบิ้มเขียนเลขยันต์และอักขระคาถา
ลงบนของที่ท่านจะปลุกเสกทำขึ้น
และได้สอนวิปัสสนาและวิทยาคมแก่นายเบิ้ม
นายเบิ้มเป็นคนมีนิสัยชอบนำพระเครื่อง
หรือเครื่องรางที่ตนได้มา หรือของเพื่อนฝูง
แล้วใช้จิตตรวจดูว่า พระเครื่องหรือเครื่องรางนั้น
มีพระพุทธคุณและอานุภาพแรงขั้นไหน
ถ้าเพื่อนฝูงหรือใคร ประสบโชคร้ายหรือเคราะห์ร้าย
ก็จะทำน้ำมนต์อาบให้...

ท่านผู้อ่านจะเห็นได้ว่า

หลวงปู่ดู่ แห่งวัดสะแก
เป็นพระเถระที่จิตกล้าแข็งสามารถที่จะล่วงรู้จิต
และความเป็นมาของผู้อื่นได้

(คัดจากหนังสือมหาโพธิ์ฉบับพิเศษ โดยใหญ่ท่าไม้)

 

สวัสดีคุณลุงและสมาชิกทุกๆท่านนะครับ
วันจันทร์อากาศร้อนๆ ขอส่งภาพมาคลายร้อนครับ

 

จริงอย่างที่คุณ p_compravon99 ว่ามาเลยครับ ผมเคยขับรถเพื่อไปนมัสการพระพุทธบาทที่เขาคิชกูฏ จันทบุรี โดยที่ผมต้องออกจาก กทม ตั้งแต่ตี 3 โดยใช้เส้นทางสาย 344 บ้านบึง-แกลง เส้นทางสายนี้ขึ้นชื่อเรื่องภัยอันตรายทั้งจากมนุษย์และอมนุษย์ พอผมขับเข้าเส้น 344 ตั้งแต่แยกจากสาย 361 ผมก็เริ่มสวดคาถามงกุฏพระพุทธเจ้าตลอดเวลาที่ขับรถโดยที่ภรรยาและเพื่อนของภรรยาหลับกันสนิท ตลอดเส้นทางตั้งแต่ชลบุรีจนถึง อ.วังจันทร์ ระยอง ทุกอย่างเรียบร้อยดีแม้ว่าหลายช่วงถนนจะไม่มีไฟและไม่มีรถอะไรขับตามมาหรือสวนทางกันมาเลยก็ตามครับ มีเจอด่าน ตร ที่ อ.วังจันทร์ เท่านั้นครับ และการเดินทางทริปนั้นก็เรียบร้อยปลอดภัยดีทั้งขาไปและขากลับครับ

 

ท่านอา Wanwi ผมเคยอ่านเจอเรื่องเล่าของทหารที่ไปลาดตระเวณแถบชายแดนกาญจนบุรีในส่วนที่ติดกับพม่า ทหารกลุ่มนั้นได้เผชิญหน้ากับวิญญาณร้ายแบบเดียวกับที่คุณตา X เจอครับเจ้าวิญญาญร้ายนั่นจะสูบวิญญาณของคนที่นอนหลับในป่าทำให้คนๆนั้นไหลตาย ทหารกลุ่มนั้นรอดมาได้เพราะหัวหน้าชุดมีพระเครื่อง (พระอะไรในเรื่องเล่าไม่ได้บอกไว้ครับ) ทำให้เขาตื่นขึ้นก่อนเจ้าวิญญาณร้ายจะเข้ามาและทำให้เจ้าวิญญาณร้ายต้องล่าถอยไปเพราะเข้ามาทำอะไรไม่ได้ครับ

 

จากประสบการณ์จริงเรื่องพระเครื่องหรือคาถา ทั้งหมดช่วยเราได้ประเภทเสี้ยววินาที(เส้นยาแดงผ่าแปด...) หรือแม้กระทั่งการใช้พลังจิตที่เข้มแข็งเอาชนะวิญญาณที่ไม่ประสงค์ดี ผมเคยประสบมาครั้งหนึ่งผมได้พบกับจิตวิญญาณตนหนึ่งมาเข้าร่างคนรู้จักและดูท่าทางดุร้าย ผมก็เลยจับมือเขาไว้และจ้องหน้าไม่ละสายตารวมพลังจิตทั้งหมดแล้วกล่าว " ขออาราธนาคุณพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงจงรวมกันณ.สถานที่แห่งนี้เพื่อขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไป!....ผมเน้นหนักที่น้ำหนักเสียงที่เข้ทแข็งและดุ..ดัง เป่าไปที่หน้าคนนั้น พบว่าวิญญาณออกจากร่างทันทีครับ...... ก็พอช่วยได้แต่ก็ไม่ได้กับทุกตนครับ ขอบคุณครับ

 

น้องแพนฯทักกันตั้งแต่เมื่อวาน
ตอบกลับช้านิดขออภัย งานยุ่งจริงๆ

พระมหาคาถามงกุฏพระพุทธเจ้า
หนูคงหาเจอแล้วเป็นคาถาง่ายๆ
แต่ครอบจักรวาล ไร้เทียมทาน
ใช้ไปเถอะ จิตดี ไม่มีสิ่งใดสู้!

พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน เห็นแต่วิวไม่เห็นตัวตำหนัก
คงถ่ายจากตำหนักออกไป ถ้ามีถาพวังให้เห็น น่าจะดีครับ

 

น้องปรายราตรีสวัสดิ์เมื่อคืน
ตามมาด้วยอรุณสวัสดิ์เช้านี้
ผมจับ2สวัสดี-ขอบคุณรวมไว้

 

ดีนะที่แก้ร้อนได้ ม่ายงั้นเจ้าหนูน้อย
โดนข้อหาอนาจารหน้าฝูงชน-ฮ่า

 

เป็นเรื่องเล่าที่เอามาเขียน "บอกต่อ"
แพร่หลายไปมากในหมู่ศิษย์สองลป.
ก็คงมี"เค้าจริง"อยู่บ้าง แต่อย่างว่า
หนังสือบางเล่มเป็นนักแต่งนิทาน
เรื่องบรรทัดเดียว เขียนได้เป็นเล่ม
อ่านแล้วต้องระวัง...กระนั้นอย่างที่ผม
ได้เขียนย้ำไว้ หากเชิดชูครูบาอาจารย์
ก็อนุโมทนากันไปเถิดครับ

ขอบคุณท่านชัยวัฒน์ เที่ยวนี้พิมพ์ได้ยาว
แสดงว่าเริ่มคล่องนิ้วขึ้น จิ้มมาเรื่อยๆครับ
เรื่องแบบนี้ อ่านเพลินดี ไม่เบื่อ

 

โมทนาบุญถวายยาครูอาจารย์หรือพระ
เป็นอานิสสงค์ยิ่งใหญ่ให้เราแข็งแรง
มีความสุขปลอดโรคปลอดภัย ทั้งการแจก
หนังสือธรรมะ ก็ถืิอเป็นสุดยอดธรรมทาน

กุศลเหล่านั้นต้องส่งให้หนูมุฯรับรางวัลที่ใฝ่ฝันไว้
อย่ากังวลมากมายให้จิตตกหรือเครียด อ่านเรื่องเล่า
ไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็หาย-ฮ่า

ส่วนที่พระเลือกเจ้าของ ก็มีส่วนจริงอยู่มาก
แล้วแต่มุมมอง ผม ขอตอบเป็นวิทยาศาสตร์
จริงครึ่ง-ไม่จริงครึ่ง แล้วแต่จะคิดเข้าข้างไหน?
อ่านแล้วอย่างงนะ ถ้าว่า"จริง" เราก็หาเหตุผล
มาสนับสนุนข้างจริงจนได้ หากค้านว่า"ไม่จริง"ก็สารพัด
ที่จะใช้คำถามกวนโอ้ยแบบโลกแตก ให้ทดสอบเดี๋ยวนั้น
พาลทะเลาะเบาะแว้ง ถกเถียงกันปลี้ๆเปล่าๆ...เอาเป็นว่า
ถ้าเรานับถือ และเชื่อ ก็ไม่ต้องมีวิจิกิจฉา-ลังเลสงสัย