จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

Discussion in 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' started by ภูภู, Apr 6, 2012.

Tags: Add Tags
  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    Joined:
    Jul 14, 2010
    Messages:
    53,352
    Featured Threads:
    170
    Ratings:
    +33,094
    LpPramoshP.jpg
     
    • อนุโมทนา อนุโมทนา x 2
    • List
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    Joined:
    Jul 14, 2010
    Messages:
    53,352
    Featured Threads:
    170
    Ratings:
    +33,094
    LpJarmKnowSelf.jpg
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • อนุโมทนา อนุโมทนา x 1
    • รักเลย รักเลย x 1
    • List
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    Joined:
    Jul 14, 2010
    Messages:
    53,352
    Featured Threads:
    170
    Ratings:
    +33,094
    อ.สมภพ โชติปัญโญ โลกาวินาศเมื่อขาดธรรม

    JajaLala :-
    Published on Jun 22, 2013
    ธรรมบรรยาย เรื่อง โลกาวินาศเมื่อขาดธรรม โดย พระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ วัดไตรสิกขาทลามลตาราม
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    Joined:
    Jul 14, 2010
    Messages:
    53,352
    Featured Threads:
    170
    Ratings:
    +33,094
    ปี 2563 น้ำท่วมกรุงเทพฯ? (24 พ.ค.60)

    BECTERO.TV
    Streamed live on May 24, 2017

    จากกรณีที่สถาบันเวิลด์วอทช์เปิดเผยผลการศึกษาของสหประชาชาติ (UN) และอีกหลายสถาบัน ระบุถึงเมืองที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลทั่วโลก ซึ่งกำลังเผชิญกับอันตรายจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น และพิบัติภัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก พร้อมทั้งเปิดเผยรายชื่อเมืองที่ความเสี่ยงต่อการจมอยู่ใต้น้ำ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 จำนวนทั้งสิ้น 30 เมือง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 11,584,700 คน เนื่องจากพื้นแผ่นดินทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ระดับน้ำทะเลในอ่าวไทยกลับเพิ่มขึ้น ศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล ภาควิชาธรณีวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า ตลอดระยะเวลา 35 ปีที่ผ่านมา กรุงเทพฯ ค่อยๆ จมลง แผ่นดินเริ่มกลายเป็นน้ำทะเลที่เข้าท่วมถาวร รวมทั้งงานวิจัยที่ทำร่วมกับประเทศญี่ปุ่น ยังพบด้วยว่าน้ำขึ้นมาถึง 2 เมตร และแผ่นดินหายไป 2 กิโลเมตร โดยมีภาพและหลักฐานชัดเจน อย่างไรก็ดีในปัจจุบันประเทศไทยได้มีการพูดคุยกับองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อทำการหาวิธีการป้องกัน เนื่องจากหากว่ายังไม่มีการดำเนินการบางอย่าง คาดว่าภายใน 20 ปี แผ่นดินจะถูกกัดเซาะเข้ามาอีกถึง 1.3 กิโลเมตร ในขณะที่ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัย และประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย ชี้แจงว่า ป่าไม้โกงกางที่เคยมีอยู่บางส่วนได้หายไป ส่งผลให้พื้นแผ่นดินบางส่วนหายไป ไม่ใช่เพราะน้่ำซัดเข้ามาแต่อย่างใด อยากให้มองว่าแผ่นดินไม่ได้ถูกกัดเซาะเท่านั้น แต่ยังมีการงอกออกมาด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ตนเองมีโอกาสได้เดินทางไปยังหลายประเทศซึ่งตั้งอยู่ติดริมชายฝั่ง พบว่าไม่มีนักวิชาการหรือนักวิทยาศาสตร์ท่านใดตื่นตระหนกหรือเชื่อประเด็นน้ำท่วมดังกล่าว ซึ่งถือเป็นประเด็นที่อาจสร้างความตกใจให้แก่ประชาชนได้
    "เชื่อหรือไม่ ปี 2563 น้ำท่วมกรุงเทพ?" ความคิดเห็นจากผู้ชมรายการ ระบุว่า เชื่อ 43% และ ไม่เชื่อ 57%
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • List
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    Joined:
    Jul 14, 2010
    Messages:
    53,352
    Featured Threads:
    170
    Ratings:
    +33,094
    HouseBoat.jpg
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • รักเลย รักเลย x 1
    • List
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    Joined:
    Jul 14, 2010
    Messages:
    53,352
    Featured Threads:
    170
    Ratings:
    +33,094
    HouseBoat2.jpg
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • List
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    Joined:
    Jul 14, 2010
    Messages:
    53,352
    Featured Threads:
    170
    Ratings:
    +33,094
    วันออกพรรษาวัดป่าเขาช่องลม เพชรบูรณ์ ปี๒๕๖๐ (ที่มา)

    urai1791
    Published on Oct 6, 2017

    ทำบุญวันออกพรรษาวัดป่าเขาช่องลม บ้านกุฏิพระ ต.ท่าข้าม อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ปี๒๕๖๐ กับพระอธิการศิริโชค ชิตมาโร(ครูบาต้นบุญ) ผลิตเผยแพร่โดยครูอุไร น่าบัณฑิต ครูวีระ น่าบัณฑิต คุณภควัต น่าบัณฑิต
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • อนุโมทนา อนุโมทนา x 1
    • รักเลย รักเลย x 1
    • List
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    Joined:
    Jul 14, 2010
    Messages:
    53,352
    Featured Threads:
    170
    Ratings:
    +33,094
    ประวัติประเพณีตักบาตรเทโว วันพระพุทธเจ้าเปิดสามโลก

    ปู่จ๋านลองเล่า
    Published on Sep 26, 2017

    เทโวโรหณะ แปลว่า การเสด็จลงจากเทวโลก (ของพระพุทธเจ้า) เป็นเหตุการณ์ตอนหนึ่งของพระพุทธเจ้า คือในพรรษาที่ 7 ได้เสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนเทวโลกคือบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อแสดงธรรมโปรดพุทธมารดา ครั้นถึงวันมหาปวารณา เสด็จลงจากเทวโลกในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11
    ตำนานเล่าว่า พระอินทร์ทรงนิมิตบันได 3 อย่างถวาย คือ บันไดทอง บันไดแก้วมณี บันไดเงิน หัวบันไดพาดอยู่ที่ยอดเขาสิเนรุ เชิงบันไดอยู่ที่ประตูเมืองสังกัสสนคร เวลาเสด็จลงทรงใช้บันไดแก้วมณี เหล่าเทวดาลงทางบันไดทอง เหล่ามหาพรหมลงทางบันไดเงิน เรียกการเสด็จครั้งนั้นว่า เทโวโรหณะ เหตุการณ์ในพุทธประวัติ พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเทศนาแก่ประชาชนอยู่เป็นประจำ ณ นครสาวัตถี จนมีประชาชนจำนวนมากหันมาเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา จึงเป็นเหตุทำให้เหล่าเดียรถีย์เสื่อมลง (เดียรถีย์ หมายถึง นักบวชประเภทหนึ่งมีมาก่อนพระพุทธศาสนาและเป็นปฏิปักษ์ต่อพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง มีพุทธบัญญัติว่า หากเดียรถีย์จะมาขอบวชในพระพุทธศาสนาต้องมารับการฝึก เพื่อตรวจสอบว่ามีความเลื่อมใสแน่นอนเสียก่อน เรียกว่า ติตถิยปริวาส)
    พวกเดียรถีย์เดือดร้อนจึงคิดหาวิธีที่จะทำลายพระพุทธศาสนาโดยการกล่าวร้ายพระพุทธเจ้า สาวก แต่ประชาชนก็ยังเลื่อมใสศรัทธาเหมือนเคย ในที่สุดเดียรถีย์จึงใช้อุบายทำลายพระพุทธศาสนาโดยการใช้พุทธบัญญัติที่ว่า “พระพุทธเจ้าและเหล่าสาวกสิ้นท่าหมดอิทธิฤทธิ์ แล้วงดการแสดง ตรงข้ามกับเหล่าคณาจารย์เดียรถีย์ ซึ่งมีปาฏิหาริย์อบรมมั่นคงเต็มที่และมีความพร้อมที่จะแสดงให้เห็นได้ทุกเมื่อ ถ้าไม่เชื่อก็เชิญพระพุทธเจ้ามาแสดงปาฏิหาริย์แข่งกันก็ย่อมได้ เพื่อพิสูจน์ว่าใครจะเก่งกว่าใคร “ ฝ่ายพระพุทธเจ้าและสาวกก็เงียบเฉย เดียรถีย์จึงกล่าวร้ายหนักอีกว่า “พระพุทธเจ้าไม่มีความสามารถในการแสดงอิทธิฤทธิ์”
    เมื่อพระพุทธเจ้าทรงทราบจึงคิดใคร่ครวญ และตัดสินใจที่จะแสดงปาฏิหาริย์ให้พวกเดียรถีย์ได้ประจักษ์เพื่อไม่ให้พระพุทธศาสนาโดนย่ำยี โดยพระองค์ได้ประกาศว่าจะแสดงยมกปาฏิหาริย์ ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ณ ใต้ต้นมะม่วง เมื่อฝ่ายเดียรถีย์รู้ ความดังนั้นจึงแบ่งพวกให้ไปทำลายต้นมะม่วงทุกต้นในเมืองสาวัตถี อีกพวกก็ช่วยกันสร้างมณฑปเพื่อแสดงปาฏิหาริย์ของตน และประกาศให้ประชาชนมาชมความล้มเหลวของพระพุทธองค์ เมื่อถึงกำหนดก็เกิดพายุใหญ่ ทำให้มณฑปของเดียรถีย์พังหมดสิ้นส่วนพระพุทธเจ้ายังมิได้แสดงปาฏิหาริย์แต่อย่างใด
    ในวันนั้นเอง คนเฝ้าพระราชอุทยานของพระเจ้าปเสนทิโกศล ชื่อว่า นายคัณฑะ ได้ถวายมะม่วงผลหนึ่งแก่พระพุทธเจ้าเนื่องจากมีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธองค์ พระพุทธองค์จึงสั่งให้พระอานนท์นำมะม่วงไปทำน้ำปานะ (ปานะ หมายถึง น้ำ ของสำหรับดื่ม) มาถวายและเอาเมล็ดมะม่วงวางบนดิน เมื่อทรงฉันน้ำปานะเสร็จ ก็ทรงล้างพระหัตถ์โดยให้น้ำรดลงบนเมล็ดมะม่วง ทันใดนั้นเอง ก็กลายเป็นต้นมะม่วงที่งอกเงยขึ้นมาและต้นใหญ่ หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าก็แสดงปาฏิหาริย์เนรมิตช่อไฟ ช่อน้ำเนรมิต บุคคลที่เหมือนพระองค์ทุกประการ ทรงแสดงธรรม จงกรม พระพุทธนิมิตให้ประชาชนได้ประจักษ์แก่สายตาจึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธาโดยทั่วกัน
    วันรุ่งขึ้นเป็นวันเข้าพรรษา พระองค์ประกาศว่าจะไปจำพรรษาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อเทศนาโปรดเทพบุตร อดีตพระนางสิริมหามายา พระพุทธมารดา เพื่อเป็นการสนองพระคุณ ดังนั้นพระองค์จึงได้เทศนาพระอภิธรรมปิฎกโปรดพระพุทธมารดาในช่วงเข้าพรรษา 3 เดือน
    เมื่อถึงวันออกพรรษาพระพุทธองค์จึงเสด็จกลับสู่โลกมนุษย์ทางประตูเมืองสังกัสสนคร เป็นการลงจากเทวโลก (เทโวโรหณะ) เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จลงมาในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 แล้ว ในวันรุ่งขึ้น (วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11) ประชาชนต่างพร้อมใจกันมารับเสด็จและนำอาหารมาเพื่อทำบุญตักบาตรเป็นจำนวนมาก ประชาชนบางพวกอยู่ห่างไม่สามารถที่จะถวายอาหารใส่ลงบาตรได้ จึงนำข้าวสาลีมาปั้นเป็นก้อนแล้วโยนใส่ลงในบาตร จนกลายมาเป็นประเพณีนิยมที่ว่าจะต้องทําข้าวต้มลูกโยนชึ่งเป็นข้าวเหนียวห่อด้วยใบมะพร้าวไว้หางยาว เพื่อไว้ใส่บาตรในวันเทโวโรหณะ
     
    • อนุโมทนา อนุโมทนา x 1
    • List
  9. Rama bodhisattva

    Rama bodhisattva Active Member

    Joined:
    Nov 3, 2016
    Messages:
    158
    Ratings:
    +63
    ลองเปิดอ่านกันดูนะครับ
     
    • อนุโมทนา อนุโมทนา x 1
    • List
  10. Rama bodhisattva

    Rama bodhisattva Active Member

    Joined:
    Nov 3, 2016
    Messages:
    158
    Ratings:
    +63
    ลองอ่านกันดูนะครับ ผมคิดว่าน่าสนใจ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • List
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    Joined:
    Jul 14, 2010
    Messages:
    53,352
    Featured Threads:
    170
    Ratings:
    +33,094
    คาถาโพธิบาท (ป้องกันภัย ๑๐ ทิศ)

    photo.jpg
    dhamma2513
    Published on Jun 26, 2010
     
  12. Rama bodhisattva

    Rama bodhisattva Active Member

    Joined:
    Nov 3, 2016
    Messages:
    158
    Ratings:
    +63
    ถ้าสนใจลองเปิดอ่านดูนะครับ เพื่อจะได้เป็นการเตรียมตัวและเตรียมการสำหรับในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นข้างหน้าอันใกล้ ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร นั่นเป็นสิ่งที่บุคคลจะรับข้อมูล เป็นสิทธิส่วนบุคคลในการรับข่าวสารข้อมูล ผมหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับบุคคลที่สนใจนะครับ ไม่มากก็น้อย
     
  13. Rama bodhisattva

    Rama bodhisattva Active Member

    Joined:
    Nov 3, 2016
    Messages:
    158
    Ratings:
    +63
    ถ้าสนใจลองเปิดอ่านดูนะครับ เพื่อจะได้เป็นการเตรียมตัวและเตรียมการสำหรับในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นข้างหน้าอันใกล้ ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร นั่นเป็นสิ่งที่บุคคลจะรับข้อมูล เป็นสิทธิส่วนบุคคลในการรับข่าวสารข้อมูล ผมหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับบุคคลที่สนใจนะครับ ไม่มากก็น้อย
     
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    Joined:
    Jul 14, 2010
    Messages:
    53,352
    Featured Threads:
    170
    Ratings:
    +33,094
    หลักความเชื่อ ๑๐
    หลักนี้มีที่มาใน กาลามสูตร และสูตรอื่นๆ ที่ตรัสไว้สำหรับให้ทุกคน มีความเชื่อ
    ในเหตุผลของตนเอง ในเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นว่า สิ่งที่มีผู้นำมากล่าวหรือสั่งสอนนั้น
    ตนควรจะเชื่อถือเพียงไรหรือไม่ มีผู้ไปทูลถามว่า เขาได้รับความลำบากใจ ในการ
    ที่สมณะพราหมณ์พวกหนึ่ง ก็สอนไปอย่างหนึ่ง สมณะพราหมณ์พวกอื่นก็สอนไป
    อย่างอื่น หลายพวกหลายอย่างด้วยกัน จนไม่รู้ว่า จะเชื่อใครดี ในที่สุด พระองค์
    ตรัสหลักสำหรับ ทำความเชื่อแก่คนพวกนั้น มีใจความว่า

    ๑. มา อนุสฺสาเวน อย่าเชื่อโดยฟังตามกันมา
    ๒. มา ปรมฺปราย อย่าเชื่อโดยเหตุสักว่าตามสืบๆ กันมา
    ๓. มา อิติ กิราย อย่าเชื่อโดยตื่นข่าว
    ๔. มา ปิฎกสัมฺปทาเนน อย่าเชื่อโดยอ้างปิฎก
    ๕. มา ตกฺกเหตุ อย่าเชื่อโดยนึกเดาเอาเอง
    ๖. มา นยเหตุ อย่าเชื่อโดยคาดคะเน
    ๗. มา อาการปริวิตกฺเกน อย่าเชื่อโดยการตรึกตรองตามอาการ
    ๘. มา ทิฎฐินิชฺฌานกฺขนกฺขนฺติยา อย่าเชื่อโดยเห็นว่าถูกตามลัทธิของตน
    ๙. มา ภพฺพรูปตาย อย่าเชื่อโดยเห็นว่า ผู้พูดควรเชื่อได้
    ๑๐. มา สมโฌ โน ครุ อย่าเชื่อโดยถือว่า สมณะนี้เป็นครูของเรา

    แต่ให้เชื่อ การพิจารณาของตนเอง ว่า คำสอนเหล่านั้น เมื่อประพฤติ กระทำตาม
    ไปแล้ว จะมีผลเกิดขึ้นอย่างไร ถ้ามีผลเกิดขึ้น เป็นการทำตนเองและผู้อื่น ให้เป็น
    ทุกข์ เดือดร้อน ก็เป็นคำสอน ที่ไม่ควรปฏิบัติตาม ถ้าไม่เป็นไป เพื่อทำตนเอง และ
    ผู้อื่นให้เดือดร้อน แต่เป็นไปเพื่อ ความสุข ความเจริญ ย่อมเป็นคำสอน ที่ควรทำ
    ตาม ตัวอย่างเช่น เมื่อมีการพูดถึง ราคะ โทสะ โมหะ ว่าเป็นสิ่ง ควรละหรือไม่
    ผู้ฟังจะต้องพิจารณา ให้เห็นชัด ด้วยตนเองว่า ราคะ โทสะ โมหะ เป็นสิ่งที่นำมา
    ซึ่ง ความทุกข์ หรือ ความสุข ให้เห็นชัดแก่ใจ ของตนเสียก่อน เมื่อเห็นว่า ราคะ
    โทสะ โมหะ เป็นของร้อน จึงละเสีย ตามคำสอน ถ้ายังพิจารณา ไม่เห็นแม้แต่เล็ก
    น้อย ก็เป็นสิ่งที่ให้รอไว้ก่อน ยังไม่ปฏิบัติตาม จนกว่า จะได้พิจารณาเห็นแล้ว จึง
    ปฏิบัติตาม โดยสัดส่วน ของการพิจารณาเห็น ไม่ยอมเชื่อ และปฏิบัติตาม สักว่า
    โดยเหตุ ๑๐ อย่าง ดังกล่าวแล้วข้างต้น

    หลักนี้ เป็นการแสดงถึงความที่พระพุทธศาสนา ให้ความเป็นอิสระ ในความเชื่อ
    อย่างถึงที่สุด พึงรู้ไว้ในฐานะ เป็นอุปกรณ์ แห่งการควบคุม ความเชื่อของตน ให้
    เป็นไปในทาง ที่จะปฏิบัติ ให้เป็นผลสำเร็จได้จริงๆ

    คำว่า ฟังตามกันมา หมายถึง สิ่งที่บอกเล่า ต่อๆ กันมาตาม ธรรมเนียม เป็นต้น
    คำว่า ทำตามสืบๆ กันมา หมายถึง การทำตามสืบๆ กันมา โดยไม่ต้องคำนึง ถึง
    เหตุผล แต่ถือเอาการที่ทำสืบๆ กันมานั้นเองเป็น เหตุผล ลักษณะเช่นนี้เรียก
    กันว่า เถรส่องบาตร
    คำว่า ตื่นข่าว หมายถึง สิ่งน่าอัศจรรย์ ที่กำลังลือกระฉ่อน กันอยู่ในขณะนั้น
    คำว่า อ้างปิฎก หมายถึง มีหลักฐานที่อ้างอิงในตำรับตำรา หรือแม้แต่ในพระ
    ไตรปิฎก
    คำว่า นึกเดาเอาเอง คำว่า คาดคะเนเอาเอง และ คำว่า ตรึกตรองตามอาการ ทั้ง
    สามนี้ คล้ายกันมาก หากแต่ว่า หนักเบากว่ากัน ตามลำดับ คำว่า เดา หมาย
    ถึง การใช้เหตุผลชั่วแล่น ชั่วขณะ ตามวิสัยของคนธรรมดาทั่วไป คำว่า
    คาดคะเน ก็มีลักษณะอย่างนั้น หากแต่ว่ามีการเทียบเคียงโดยนัยต่างๆ ที่
    รัดกุมกว่า ซึ่งเป็นวิสัยของผู้มีปัญญา คำว่า ตรึกตามอาการ คือการใช้เหตุ
    ผล หรือใช้สิ่งแวดล้อมเป็นเหตุผลตามที่มีปรากฏ อยู่เฉพาะหน้า ในที่นั้นๆ
    ซึ่งรัดกุมยิ่งไปกว่า การคาดคะเน
    คำว่า ต้องตามลัทธิของตน หมายความว่าเข้ากันได้กับ ความคิดเห็นของตน หรือ
    เข้ากับลัทธิ ที่ตนถืออยู่แล้วแต่ก่อน
    คำว่า ผู้พูดควรเชื่อได้ หมายความว่า ผู้พูดเป็นผู้ที่ใครๆ พากันเชื่อถือ เพราะเป็น
    บัณฑิต นักปราชญ์เป็นคนเฒ่าคนแก่เป็นคนเคยไปในที่นั้นๆ มาแล้ว เป็นต้น
    คำว่า ถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา หมายความถึง ครูบาอาจารย์โดยตรง

    :- http://www.buddhadasa.com/rightstudydham/kalamasuta.html
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • List
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    Joined:
    Jul 14, 2010
    Messages:
    53,352
    Featured Threads:
    170
    Ratings:
    +33,094
    LpKritNimmalo.jpg
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • List
  16. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Mar 22, 2017
    Messages:
    549
    Featured Threads:
    1
    Ratings:
    +707
    เกิดทีไรทุกข์จริงๆฮะแต่ยังไงผมก็จำเป็นต้องเกิดครับงานมันเยอะขออนุโมทนากับทุกท่านทีพ้นทุกข์นะครับ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • อนุโมทนา อนุโมทนา x 1
    • List
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    Joined:
    Jul 14, 2010
    Messages:
    53,352
    Featured Threads:
    170
    Ratings:
    +33,094
    LpAvantKemago.jpg
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • อนุโมทนา อนุโมทนา x 1
    • List
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    Joined:
    Jul 14, 2010
    Messages:
    53,352
    Featured Threads:
    170
    Ratings:
    +33,094
     

    Attached Files:

  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    Joined:
    Jul 14, 2010
    Messages:
    53,352
    Featured Threads:
    170
    Ratings:
    +33,094
    SodabunOnFire.jpg
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • List
  20. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Mar 22, 2017
    Messages:
    549
    Featured Threads:
    1
    Ratings:
    +707
    ยังไม่เคยเลยครับนั่งสมาธิผมได้1-2ชั่วโมงเองจงกรมประมาณ2-3ช่วงนี้อากาศหนาวไหมครับพี่ต้อยมีอะไรดีก็อัพเดทมาฝากด้วยนะครับ
     
    • รักเลย รักเลย x 1
    • List

Share This Page

Loading...