ติดตามสถานะการณ์

#LONGREAD ‘Dead Zone’ เขตแดนแห่งความตายของสิ่งมีชีวิตในน้ำ เมื่อมนุษย์ปล่อยมลพิษจำนวนมากลงทะเล จนทำให้สัตว์หายใจไม่ออก และเกิดความตายนับล้าน
.
เมื่อช่วงหลายวันที่ผ่านมาใครหลายคนคงได้เห็นข่าวทะเลบางแสนและที่อื่น ๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียว ซึ่งเกิดจากแพลงก์ตอนพืชเพิ่มจำนวนขึ้นมากจนทำให้น้ำทะเลใสกลายเป็นสีเขียวที่ไม่น่ามองเลยสร้าง Dead Zone ขึ้นมา แต่ปรากฎการณ์นี้คืออะไร? และส่งผลยังไง?
.
#คืออะไร? Dead Zone หรือสิ่งที่ทางกรมควบคุมมลพิษแห่งประเทศไทยเรียกว่า ‘เขตแดนแห่งความตาย’ นั้นเป็นพื้นที่ที่มีออกซิเจนเหลือน้อยมากหรือไม่มีเลย โดยเกิดจากแพลงก์ตอนพืชที่กล่าวไปข้างต้นสร้างของเสียจำนวนมาก
.
จนสัตว์มีออกซิเจนไม่พอให้หายใจจนตาย สัตว์ทะเล ปลา ปู หรือแม้แต่พืชในทะเลส่วนใหญ่จะตาย ‘เกลื่อน’ เขตเหล่านี้จึงมีแต่ความตายกลายเป็นชื่อของมัน สัตว์ที่เคลื่อนที่ได้รวดเร็วจะรีบย้ายออกมาแต่มีส่วนน้อยเท่านั้นที่รอด ปลาที่ตายจะลอยขึ้นมา แต่ก็มีอีกมากที่ตายอยู่ข้างล่าง
.
#เกิดจากอะไร? Dead Zone มักเกิดขึ้นเมื่อมีสารอาหารไหลลงสู่ทะเลจำนวนมาก และสารอาหารเหล่านั้นก็คือมลพิษที่มนุษย์ปล่อยลงไป ไม่ว่าจะเป็นขยะอาหาร หรือ Food waste สารเคมีจำนวนมาก ปุ๋ย สิ่งปฏิกูล และขยะต่าง ๆ ที่ทิ้งลงแม่น้ำและทะเล
.
สิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นแร่ธาตุโดยเฉพาะไนโตรเจนและฟอสฟอรัสให้แพลงก์ตอนพืชกินและใช้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมโหราฬ ปรากฎการณ์นี้เรียกอีกอย่างว่า ‘แพลงก์ตอนบลูม’ (Plankton Bloom) และแน่นอนว่าเมื่อมันเป็นแพลงก์ตอนพืช มันก็มีครอโรฟิลล์ เราจึงเห็นเป็นสีเขียว
.
#กระบวนการที่เกิดขึ้น อันที่จริงแล้วแพลงก์ตอนพืชสังเคราะห์แสงและสร้างออกซิเจนด้วยซ้ำ แต่อะไรที่มากเกินไปก็ไม่ดี เมื่อมีแพลงก์ตอนจำนวนมาก สัตว์หรือปลาก็กินเยอะขึ้น แต่ก็สร้างของเสียอย่างอุจาระและซากแพลงก์ตอนมากขึ้นด้วยเช่นกัน
.
เมื่อแพลงก์ตอนตายลงและของเสียของสัตว์จมลง แบคทีเรียที่ย่อยซากพวกนี้จะมีเพิ่มขึ้น แต่ปัญหาคือพวกมันใช้ออกซิเจนในการย่อยซาก ส่งผลให้ออกซิเจนถูกดูดออกจากน้ำมากกว่าที่เติมเข้าไป จนสัตว์หายใจไม่ออก
.
#ภาวะโลกร้อนกำลังทำให้ปัญหาแย่ลง ปัจจุบันมีข้อมูลจากภาพดาวเทียมชี้ให้เห็นว่าทะเลเกือบครึ่งโลกกำลังเปลี่ยนเป็นสีเขียวมากขึ้น นั่นหมายความว่ามีแพลงก์ตอนพืชเพิ่มขึ้น และที่น่าเศร้าคือน้ำทะเลที่อุ่นขึ้นจากภาวะโลกร้อนมีออกซิเจนน้อยกว่าน้ำเย็นตามธรรมชาติ
.
ไม่เพียงเท่านั้นการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศส่งทำให้ฝนตกมากขึ้นโดยเฉพาะพื้นที่ภูมิภาคอ่าว ซึ่งฝนที่ตกนี้จะชะล้างสารอาหาร แร่ธาตุ และมลพิษจากแผ่นดินให้ลงสู่ทะเลมากขึ้น เราจึงเห็น Dead Zone บ่อยขึ้นในโลกที่ร้อนขึ้น
.
#เราจะทำอะไรได้บ้าง? แม้เราจะเป็นคนทั่วไป แต่สิ่งที่เราทำได้มีเยอะเลยล่ะ แยกขยะ-ลดใช้ขยะเพื่อลดปริมาณมลพิษที่จะไหลลงสู่ทะเล ลดใช้พลังงานเพราะพลังงานส่วนใหญ่สร้างจากถ่านหินซึ่งทำให้โลกร้อนขึ้น ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างคาร์บอนไดออกไซด์จากการขับรถ
.
ติดอุปกรณ์ดักจับสารเคมีที่เครื่องซักผ้า หรือขยะเศษอาหารจากอ่างล้างจาน และที่สำคัญร่วมกันผลักดันกฎระเบียบที่สร้างสิ่งแวดล้อมให้สะอาด ลดมลพิษ ส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน ไม่งั้นทะเลหัวหิน กระบี่ ภูเก็ต พังงา หรืออ่าวไทยทั้งหมดของเราจะกลายเป็นสีเขียว เราคงไม่อยากมีทะเลสีเขียวให้ลูกหลานเล่นใช่ไหม?
.
ข้อมูลจาก
.
https://www.nationalgeographic.com/env.../article/dead-zones
.
https://www.chesapeakebay.net/.../threats-to.../dead-zone....
.
...
.
https://www.epa.gov/.../effects-dead-zones-and-harmful...
.
Photo : รูปภาพจาก จส.100

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ย.66 เวลา 16.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ) ณ โรงแรมคอนราด นิวยอร์ก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง พบหารือทวิภาคีกับดาโตะ เซอรี่ อันวาร์ อิบราฮิม (H.E.YAB Dato 'Seri anwar Bin ibrahim) ในโอกาสเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่ 78 (UNGA78) ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญดังนี้
.
นายกรัฐมนตรี ขอบคุณนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย สำหรับสารแสดงความยินดีในโอกาสเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทยมั่นใจในอนาคตที่สดใสระหว่างความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ โดยพร้อมที่จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อเพิ่มพูนความสัมพันธ์บนพื้นฐานของความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน โดยไทยตอบรับคำเชิญที่จะเดินทางเยือนมาเลเซียในโอกาสแรก ซึ่งฝ่ายไทยเสนอให้มีการพบหารือของคณะภาคธุรกิจเพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกันด้วย
.
ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า ไทยและมาเลเซีย ยังมีศักยภาพที่จะร่วมมือกันเพิ่มเติมได้อีกมากด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ซึ่งฝ่ายมาเลเซียชื่นชมการพลิกฟื้นด้านการท่องเที่ยวของไทย ทั้งสองฝ่ายเห็นควรให้จัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมไทย-มาเลเซีย ครั้งต่อไปโดยเร็วเพื่อผลักดันความร่วมมือ นอกจากนี้ จะส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว โดยไทยยินดีที่นักท่องเที่ยวมาเลเซียมาท่องเที่ยวไทยในลำดับต้น และพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียเพิ่มมากขึ้น
.
ด้านความร่วมมือในประเด็นสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และความมั่นคง นายกรัฐมนตรียินดีที่มาเลเซียให้การสนับสนุนการส่งเสริมสันติภาพเเละการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมกัน ซึ่งรัฐบาลจะติดตามเเละประสานความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ทั้งสองประเทศจะผลักดันความร่วมมือเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านความมั่นคง เช่น ยาเสพติด

------------------------------
แหล่งข่าว

https://siamrath.co.th/n/479259
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

เมื่อไม่นานที่ผ่านมา ระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้า (MRT) ของมาเลเซีย ได้เปิดให้บริการโบกี้เฉพาะผู้หญิง ในความพยายามมอบพื้นที่ที่ปลอดภัยแก่สตรี ทว่าโครงการนี้ดูเหมือนจะล้มเหลวในเวลาอันสั้น ด้วยล่าสุดมีคนถ่ายคลิปแฉว่ามีผู้ชายจำนวนมากไม่สนใจอ่านป้ายข้อความใดๆ และใช้บริการโบกี้ดังกล่าว
.
สื่อมวลชนท้องถิ่นมาเลเซีย รายงานว่า หลังจากก่อนหน้านี้ขบวนรถไฟมาลายา (KTM) ถูกละเมิดกฎซ้ำๆ ล่าสุดดูเหมือนระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าก็กำลังเผชิญชะตากรรมแบบเดียวกัน โดยที่คลิปวิดีโอหนึ่งบน TikTok ซึ่งโพสต์โดย @shueeewen ระบุว่าภาพที่ปรากฏบ่งชี้ว่ามันใช้เวลาไม่นานนักที่การรุกรานเข้าสู่โบกี้เฉพาะสตรีกำลังเกิดขึ้นแบบเดียวกับ KTM
.
ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์รายนี้ ระบุว่า พวกที่ใช้บริการ MRT น่าจะสังเกตเห็นป้ายข้อความที่เขียนอย่างชัดเจนว่ามันเป็นโบกี้สำหรับผู้หญิง ซึ่งติดอยู่แม้กระทั่งภายในขบวนรถไฟเอง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากแก้ตัวสำหรับผู้ชายคนไหนที่เข้าไปอยู่ในโบกี้รถไฟที่จัดไว้สำหรับสตรีเท่านั้น
.
ในคลิปวิดีโอที่โพสต์โดย @shueeewen เธอบันทึกภาพพวกผู้ชายหลายคนกำลังนั่งอย่างสบายใจเฉิบในโบกี้ที่จัดไว้เฉพาะผู้หญิง ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นในระหว่างชั่วโมงที่ไม่เร่งด่วน ขบวนรถไฟมีผู้โดยสารไม่มากนัก นั่นหมายความว่าทุกโบกี้ของขบวนรถไฟฟ้ามีที่ว่างเหลือพอสำหรับพวกผู้ชาย
.
ซาแมนธา ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชี @shueeewen ให้สัมภาษณ์กับเวิลด์ออฟบัซ ว่าเธอบันทึกภาพเหตุการณ์บนรถไฟฟ้าตอนเวลาราว 9.50 น.ของวันอังคาร (19 ก.ย.) ซึ่งนั่นหมายความว่ามันไม่ใช่ช่วงเวลาเร่งด่วนใดๆ
.
เมื่อสอบถามว่ามีตำรวจมาไล่พวกผู้ชายออกไปหรือไม่ ซาแมนธา ตอบว่า เธอไม่เห็นเจ้าหน้าที่รายไหนที่อยู่ ณ ที่เกิดเหตุ จะร้องขอให้พวกผู้ชายออกจากโบกี้ของผู้หญิงแม้แต่น้อย

-----------------------------
แหล่งข่าว
https://mgronline.com/around/detail/9660000085177
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

โปแลนด์ประกาศกร้าวในวันพุธ (20 ก.ย.) จะไม่จัดหาอาวุธป้อนแก่ยูเครนอีกต่อไปแล้ว และจะหันมามุ่งเน้นด้านป้องกันตนเองแทน หลัง "เซเลนสกี" กล่าวบนเวทียูเอ็น เหน็บแนมโปแลนด์กรณีแบนนำเข้าธัญพืชว่าเป็นการแอบช่วยรัสเซีย
.
ท่ามกลางประเด็นโต้เถียงที่เผ็ดร้อนขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับการส่งออกธัญพืช โปแลนด์ได้เรียกเอกอัครราชทูตยูเครนเข้าพบ เพื่อประท้วงความเห็น ณ เวทีประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน
.
ผู้นำยูเครนกล่าวว่า มีบางประเทศแสร้งทำเป็นสนับสนุนประเทศของเขา ในขณะที่เคียฟกำลังเปิดปฏิบัติการโจมตีตอบโต้เพื่อทวงคืนดินแดนจากรัสเซีย คำพูดที่ก่อความขุ่นเคืองแก่วอร์ซอ ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่าง 2 ชาติเกี่ยวกับการนำเข้าธัญพืชจากยูเครน หลังโปแลนด์ ฮังการี และสโลวะเกียขยายขอบเขตการแบนการนำเข้าธัญพืชจากยูเครน
.
โปแลนด์ เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนตัวยงของยูเครน หลังถูกรัสเซียรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 และเป็นหนึ่งในผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่ป้อนแก่เคียฟ
.
อาวุธที่สหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ จัดหาแก่ยูเครน ส่วนใหญ่แล้วเป็นการส่งผ่านโปแลนด์ ซึ่งมีชายแดนทางตะวันออกติดกับยูเครน นอกจากนี้ โปแลนด์ยังเป็นแหล่งพักพิงของพวกผู้ลี้ภัยยูเครนมากกว่า 1 ล้านคน ซึ่งได้ประโยชน์จากความช่วยเหลือของภาครัฐในรูปแบบต่างๆ
.
ความตึงเครียดโหมพระพือขึ้นจากคำสั่งแบนของโปแลนด์ ที่ห้ามนำเข้าธัญพืชของยูเคน เพื่อปกป้องเกษตรกรของพวกเขา ทั้งนี้เมื่อถูกถามว่าประเทศของเขาจะเดินหน้าให้การสนับสนุนเคียฟต่อไปหรือไม่ แม้เกิดความขัดแย้งนี้ ทางนายกรัฐมนตรี มาแตอุช มอราวีแยตสกี ตอบว่า "เราไม่ถ่ายโอนอาวุธแก่ยูเครนต่อไปอีกแล้ว เพราะเวลานี้เรากำลังติดอาวุธแก่โปแลนด์เอง ด้วยอาวุธที่ล้ำสมัยมากกวาเดิม"
.
ยูเครนเคยเป็นหนึ่งในชาติผู้ส่งออกธัญพืชรายใหญ่ที่สุดของโลกก่อนจะถูกรัสเซียเปิดฉากรุกรานเมื่อเดือน ก.พ. ปี 2022 ซึ่งทำให้ศักยภาพในการส่งออกผลผลิตธัญพืชสู่ตลาดโลกลดลงไปมาก
.
เกษตรกรชาวยูเครนต้องพึ่งพาการส่งออกผ่านทางประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากท่าเรือในทะเลดำซึ่งเคยเป็นเส้นทางส่งออกหลักถูกกองทัพรัสเซียปิดล้อมมานานกว่า 18 เดือน
.
อย่างไรก็ตาม การไหลเข้าของธัญพืชและน้ำมันเมล็ดพืชจากยูเครนซึ่งมีราคาถูกกว่าก็ส่งผลให้ราคาในท้องตลาดตกต่ำลง และกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรในท้องถิ่น ด้วยเหตุนี้รัฐบาลยุโรปตะวันออกหลายประเทศจึงได้กำหนดมาตรการแบนธัญพืชและผลผลิตทางการเกษตรที่นำเข้าจากยูเครนเพื่อปกป้องเกษตรกรของตัวเอง
.
เมื่อเดือนพฤษภาคม สหภาพยุโรป (อียู) ตัดสินใจเข้าแทรกแซงด้วยการห้ามไม่ให้รัฐสมาชิกแต่ละประเทศสั่งแบนธัญพืชยูเครนฝ่ายเดียว โดยอียูอนุญาตให้ 5 สมาชิกในยุโรปตะวันออก ซึ่งได้แก่ บัลแกเรีย ฮังการี โปแลนด์ โรมาเนีย และสโลวะเกีย สามารถห้ามการจำหน่ายข้าวสาลี ข้าวโพด และเมล็ดทานตะวันที่นำเข้าจากยูเครนได้ ทว่ายังคงอนุญาตให้ธัญพืชจากยูเครนถูกขนส่งผ่านดินแดนของทั้ง 5 ชาติเพื่อส่งต่อไปจำหน่ายประเทศอื่นๆ
.
อย่างไรก็ตาม ในวันศุกร์ (15 ก.ย.) โปแลนด์ สโลวะเกีย และฮังการี ประกาศมาตรการจำกัดการนำเข้าธัญพืชจากยูเครน หลังคณะกรรมาธิการยุโรปไม่ขยายคำสั่งห้ามนำเข้าธัญพืชยูเครนสู่ 5 ชาติในยุโรปตะวันออกที่มีพรมแดนติดกับยูเครน
.
แคทเธอรีน โคลอนนา รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี ณ สหประชาชาติ ว่าการตัดสินใจของโปแลนด์ที่แบนธัญพืชของยูเครนนั้นไม่ชอบธรรม
.
เรื่องราวเกี่ยวกับการนำเข้าธัญพืชเป็นประเด็นที่อ่อนไหวอย่างยิ่งในโปแลนด์ ประเทศที่กำลังมีการจัดเลือกตั้งในเดือนหน้า ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลฝ่ายขวาของพรรคกฎหมายและความยุติธรรม (Law and Justice party) มีฐานเสียงที่แข็งแกร่งในภูมิภาคเกษตรกรรมทั้งหลาย
.
"เราเป็นชาติแรกที่ทำอะไรต่างๆ เพื่อยูเครนมากมาย และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงคาดหวังว่าพวกเขาจะเข้าใจถึงผลประโยชน์ของเราบ้าง" มอราวีแยตสกี กล่าว "แน่นอนว่า เราเคารพทุกปัญหาของพวกเขา แต่สำหรับเรา ผลประโยชน์ของเกษตรกรของเราคือสิ่งสำคัญที่สุด"
.
เคียฟตอบโต้ความเคลื่อนไหวของโปแลนด์ ฮังการี และสโลวะเกีย ด้วยการแถลงว่าพวกเขาจะยื่นคำร้องไปยังองค์การการค้าโลก (WTO)
.
อย่างไรก็ตาม ทาง มอราวีแยตสกี เตือนก่อนหน้านี้ในวันพุธ (20 ก.ย.) ว่าเขาอาจจะขยายรายชื่อผลิตภัณฑ์จากยูเครนที่อยู่ในบัญชีห้ามนำเข้า หากว่าเคียฟโหมกระพือความขัดแย้งเกี่ยวกับธัญพืชให้ลุกลามบานปลาย
.
กระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์ ระบุว่า "การกระพือแรงกดดันใส่โปแลนด์ในเวทีประชุมนานาชาติ หรือส่งคำร้องเรียนไปยังศาลระหว่างประเทศ ไม่ใช่วิธีการที่เหมาะสม สำหรับคลี่คลายความเห็นต่างระหว่าง 2 ประเทศของเรา"
-----------------------------
แหล่งข่าว
https://mgronline.com/around/detail/9660000085162
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

วันที่ 20 ก.ย. 2566 สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานว่า หนี้สาธารณะของสหรัฐพุ่งทะลุ 33 ล้านล้านดอลลาร์เป็นประวัติการณ์ครั้งแรก ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ก่อนที่รัฐบาลกลางสหรัฐมีแนวโน้มจะต้องปิดหน่วยงานของรัฐบาล เนื่องจากขาดงบประมาณในการดำเนินงาน
.
กระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า หนี้สาธารณะของสหรัฐซึ่งเป็นจำนวนเงินที่รัฐบาลกลางกู้ยืมมาเพื่อใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ระดับ 33.04 ล้านล้านดอลลาร์ ณ วันจันทร์ (18 ก.ย.)
.
กระทรวงฯ ระบุว่า การใช้จ่ายของรัฐบาลกลางเพิ่มขึ้นประมาณ 50% ระหว่างปีงบประมาณ 2562-2564 ส่งผลให้หนี้สาธารณะพุ่งแตะ 33 ล้านล้านดอลลาร์
.
การปรับลดภาษี, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และรายได้จากภาษีที่ลดลง อันเนื่องมาจากภาวะว่างงานเป็นวงกว้างในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นปัจจัยที่ผลักดันให้การกู้ยืมของรัฐบาลพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
.
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ปัญหาหนี้สาธารณะเป็นปัจจัยที่ทำให้สภาคองเกรสเผชิญกับภาวะชะงักงันในการผลักดันร่างกฎหมายการใช้จ่ายที่จะทำให้รัฐบาลสามารถดำเนินงานได้จนถึงช่วงงบประมาณหน้า โดยสภาคองเกรสมีเวลาจนถึงวันที่ 30 ก.ย.ในการผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่าย
.
ทั้งนี้ แบบจำลองงบประมาณของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียบ่งชี้ว่า สมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรครีพับลิกันกำลังเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐลดการใช้จ่าย ขณะที่พรรคเดโมแครตสนับสนุนโครงการของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เช่น กฎหมายการปรับลดเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act) ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า

-------------------------------
แหล่งข่าว
https://www.infoquest.co.th/2023/336302
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

สื่อต่างประเทศรายงานว่า จีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุวานนี้ (19 ก.ย.) ว่า สหรัฐฯ ยังไม่เห็นหลักฐานยืนยันว่าหัวเว่ย (Huawei) สามารถผลิตสมาร์ทโฟนที่ใช้ชิปขั้นสูงระดับ 7 นาโนเมตรได้ในปริมาณมากๆ
.
ท่าทีของวอชิงตันมีขึ้น หลังจากที่ หัวเว่ย ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมของจีนได้เริ่มวางจำหน่าย Huawei Mate 60 Pro สมาร์ทโฟนเรือธงตัวใหม่ ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนเรียกว่าเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีครั้งสำคัญ (technology breakthrough) เพราะใช้ชิประดับ 7 นาโนเมตรที่ผลิตในจีนเองโดยบริษัท เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง อินเทอร์เนชันแนล คอร์ป (SMIC) “เรายังไม่เห็นหลักฐานว่าพวกเขาสามารถผลิตชิป 7 นาโนเมตรได้ในปริมาณมากๆ” ไรมอนโด แถลงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ
.
ซึ่งตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา สหรัฐฯ เริ่มใช้มาตรการกีดกันหัวเว่ยไม่ให้เข้าถึงเครื่องมือผลิตชิปขั้นสูง โดยอ้างว่าบริษัทจีนแห่งนี้เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ และอาจเป็นช่องทางให้จีนสอดแนมเครือข่ายโทรคมนาคมของสหรัฐฯ ได้ ซึ่งหัวเว่ยเองยืนกรานปฏิเสธมาโดยตลอด กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศในเดือนนี้ว่ากำลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะและองค์ประกอบของชิป 7 นาโนเมตรของหัวเว่ยว่ามีการละเมิดข้อจำกัดทางการค้าหรือไม่ เพราะเชื่อว่าอาจจะมีการลักลอบนำเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ไปใช้
.
ไรมอนโด ยอมรับต่อคณะกรรมการด้านวิทยาศาสตร์ของสภาผู้แทนราษฎรว่า เธอรู้สึก “ไม่สบายใจ” หลังจากที่ได้รับรายงานเรื่องความก้าวหน้าของสมาร์ทโฟนหัวเว่ย ขณะที่สมาชิกพรรครีพับลิกันบางคนถึงขั้นเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระงับการส่งออกเทคโนโลยี “ทุกประเภท” ให้แก่หัวเว่ย และ SMIC สัปดาห์ที่แล้ว ประธานคณะกรรมการด้านกิจการต่างประเทศ คณะกรรมการด้านพลังงานและพาณิชย์ คณะกรรมการด้านกิจการทหาร และคณะกรรมการด้านจีนของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้รวมตัวเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์หยุดออกใบอนุญาตให้หัวเว่ย และ SMIC อีกทั้งยังต้องการให้สหรัฐฯ เพิ่มแรงกดดัน และ “มีมาตรการควบคุมการส่งออกสินค้าไปยังประเทศฝ่ายตรงข้าม (adversaries) ให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้”
.
อย่างไรก็ตาม ไรมอนโด ยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็น เมื่อถูกตั้งคำถามว่าจะมีการพิจารณางดออกใบอนุญาตหัวเว่ยทั้งหมดหรือไม่ ด้าน ดาร์เรลล์ อิสซา ส.ส.รีพับลิกันในที่ประชุม ตั้งข้อสังเกตว่าหัวเว่ยจงใจเปิดตัวโทรศัพท์ Mate 60 Pro ในช่วงที่ ไรมอนโด ไปเยือนปักกิ่งพอดี “การที่พวกเขาเปิดตัวโทรศัพท์ 5G ถือเป็นการบีบให้คุณ (ไรมอนโด) พูดอะไรไม่ค่อยออก” อิสซา กล่าว
.
ส่วน เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของทำเนียบขาว ระบุในเดือนนี้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพยายามศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชิปของหัวเว่ย ขณะเดียวกัน ไรมอนโด ยังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้วยว่า การที่จีนดูเหมือนจะสั่งห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้โทรศัพท์ iPhone จากค่ายแอปเปิลของสหรัฐฯ เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ “น่ากังวล”

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.reuters.com/.../us-has-no-evidence-huawei.../

https://mgronline.com/around/detail/9660000084831
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของสำนักงานความปลอดภัยด้านคมนาคมขนส่ง (OTS) แห่งฟิลิปปฟินส์ ตามคำกล่าวหาขโมยเงินผู้โดยสารรายหนึ่ง 300 ดอลลาร์สหรัฐฯ(ราว 10,000 บาท) ที่อาคารผู้โดยสาร 1 สนามบินนินอย อากีโน อินเตอร์เนชันแนล เมื่อไม่นานที่ผ่านมา

ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 18 กันยายน สำนักงานความปลอดภัยด้านคมนาคมขนส่ง เปิดเผยว่าสามารถระบุตัวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องได้แล้ว และอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน

"ครั้งที่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับคำกล่าวหาขโมยเมื่อเร็วๆนี้ ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่คัดกรองด้านความปลอดภัยรายหนึ่ง ณ อาคารผู้โดยสาร 1 ของสนามบินนินอย อากีโน อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเงินสดจำนวน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯสูญหายไป ทาง OTS ได้ดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและเปิดการสืบสวนค้นหาข้อเท็จจริง" สำนักงานความปลอดภัยด้านคมนาคมขนส่งระบุ

ถ้อยแถลงบอกต่อว่า OTS กำลังทำงานร่วมกับการท่าอากาศยานนานาชาติมะนิลาและหน่วยงานรักษาความปลอดภัยด้านการบิน สังกัดตำรวจแห่งชาติฟิลิปปินส์ ในคดีนี้ และจะมีการลงโทษหากว่าคำกล่าวอ้างดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริง

"สำนักงานความปลอดภัยด้านคมนาคมขนส่ง ขอเน้นย้ำว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้สะท้อนจรรยาบรรณของข้าราชการพลเรือนโดยรวม ซึ่งมีค่านิยมหลักๆมากมายที่เหล่าข้าราชการพลเรือนต่างยึดถือ" ถ้อยแถลงกล่าว

คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ สนามบินนินอย อากีโน อินเตอร์เนชันแนล ถูกเผยแพร่ผ่านทางทวิตเตอร์ของสำนักข่าว CNN ฟิลิปปินส์ ซึ่งเผยให้เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหญิงรายหนึ่ง เอาเงินเข้าปากตัวเอง พยายามกลืน แล้วก็ดื่มน้ำตามเข้าไป

รายงานข่าวระบุว่า เงินที่เจ้าหน้าที่พยายามกลืนลงท้องเป็นเงินที่ขโมยมาจากผู้โดยสารชาวจีนที่มาใช้บริการสนามบิน ซึ่งรู้จำนวนในภายหลังคือ 300 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ข่าวเกิดขึ้นนี้ สร้างความไม่พอใจต่อรัฐบาลฟิลิปปินส์ เนื่องจากรัฐบาลกำลังพยายามโปรโมตการท่องเที่ยว และเชิญชวนชาวต่างชาติให้เดินทางเข้ามาฟิลิปปินส์ โดยสนามบินเป็นประตูสู่การเข้าประเทศ ในขณะที่เจ้าหน้าที่หญิงคนดังกล่าว ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา และถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ระหว่างถูกสอบสวน

(ที่มา:ซีเอ็นเอ็น)

ชมคลิปที่นี่ : https://mgronline.com/around/detail/9660000085574

 

สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรรายหนึ่งของโปแลนด์ ออกใบแจ้งหนี้ 23,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งถึงสถานทูตยูเครนเมื่อวันอังคาร(19ก.ย.) เหน็บแนมว่าเคียฟควรชำระคืนเงินช่วยเหลือที่พวกเขาได้รับไปจากโปแลนด์ หลังจากยูเครนฟ้องร้องวอร์ซอ ต่อกรณีกำหนดมาตรการห้ามนำเข้าธัญพืชจากเคียฟ

นักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังการแสดงประชดประชันครั้งนี้ ได้แก่นายครีสซตอฟ โบซัค สมาชิกพรรค National Movement ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มก้อนการเมืองฝ่ายขวา Confederation Liberty and Independence โดยใบแจ้งหนี้ดังกล่าว ได้ระบุรายการต่างๆนานาที่รัฐบาลโปแลนด์มอบความช่วยเหลือโดยตรงแก่เคียฟ รวมถึงผลประโยชน์ทางสังคมที่จ่ายให้กับพวกผู้ลี้ภัยชาวยูเครน และเงินบริจาคเป็นการส่วนตัวของเหล่าประชาชนชาวโปแลนด์ "ซึ่งจากการคำนวนของสถาบัน Kiel Institute for the World Economy ดูเหมือนว่าเงินจำนวน น่าจะยังเป็นแค่ตัวเลขขั้นต่ำและยังไม่ครบสมบูรณ์" โบซัคระบุ

ยูเครน เพิ่งฟ้องร้อง โปแลนด์ ต่อองค์การการค้าโลก(WTO) และขู่กำหนดข้อจำกัดทางการค้า ตอบโต้กรณีวอร์ซอแบนการนำเข้าธัญพืชของเคียฟ ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นเรื่องต้องห้ามของอียู แต่ข้อกำหนดชั่วคราวดังกล่าวได้หมดอายุไปแล้วเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ วอร์ซอ เลือกที่จะแบนนำเข้าธัญพืชของยูเครน โดยอ้างว่ามีความจำเป็นเพื่อปกป้องเกษตรกรชาวโปแลนด์ จากคู่แข่งยูเครนที่มีราคาถูกกว่า

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน วิพากษ์วิจารณ์ โปแลนด์ ฮังการีและสโลวะเกีย ที่ใช้นโยบายเดียวกัน อย่างดุเดือด ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ โดยพาดพิงว่ามีชาติยุโรปบางประเทศ ต่อหน้าทำตัวเป็นมิตรกับยูเครน เล่นบทแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ขณะเดียวกันกลับจัดฉากช่วยเหลือรัสเซียทางอ้อม

กระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์ เรียกเอกอัครราชทูตยูเครน เข้าพบเมื่อวันพุธ(20ก.ย.) เพื่อทำการประท้วงเกี่ยวกับคำพูดที่ไม่ชอบธรรมดังกล่าวของเซเลนสกี ในขณะที่ในวันเดียวกันนั้น นายกรัฐมนตรี มาแตอุช มอราวีแยตสกี บอกว่าวอร์ซอ จะไม่มอบอาวุธแก่เคียฟอีกต่อไป เพราะว่าพวกเขาจำเป็นต้องให้ความสำคัญลำดับต้นๆไปที่การปรับปรุงกองทัพของตนเองให้มีความทันสมัย

เรื่องราวเกี่ยวกับการนำเข้าธัญพืชเป็นประเด็นที่อ่อนไหวอย่างยิ่งในโปแลนด์ ประเทศที่กำลังมีการจัดเลือกตั้งในเดือนหน้า ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลฝ่ายขวาของพรรคกฎหมายและความยุติธรรม (Law and Justice party) มีฐานเสียงที่แข็งแกร่งในภูมิภาคเกษตรกรรมทั้งหลาย ในขณะที่ Confederation Liberty and Independence ต้องแข่งขันกับพรรรค Law and Justice สำหรับแย่งชิงฐานเสียงชาตินิยม

กลุ่มการเมือง Confederation Liberty and Independence วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลมาตลอด ต่อการสานสัมพันธ์กับเคียฟ ท่ามกลางความขัดแย้งติดอาวุธกับรัสเซีย โดยชี้ว่านโยบายของรัฐบาลนั้น รังแต่จะก่อเปลวไฟย้อนศรกลับมาเล่นงานโปแลนด์เอง

(ที่มา:อาร์ทีนิวส์)

 

ประธานาธิบดีอันด์แชย์ ดูดา แห่งโปแลนด์ในวันพฤหัสบดี(21ก.ย.) อ้างว่าความเห็นก่อนหน้านี้ของ นายกรัฐมนตรีมาแตอุช มอราวีแยตสกี เกี่ยวกับการไม่จัดหาอาวุธป้อนแก่ยูเครนอีกต่อไป ถูกตีความผิดๆ ท่ามกลางประเด็นถกเถียงหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆระหว่าง 2 ชาติ

โปแลนด์ เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนตัวยงของยูเครน หลังถูกรัสเซียรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 และเป็นหนึ่งในผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่ป้อนแก่เคียฟ

นายกรัฐมนตรี มาแตอุช มอราวีแยตสกี กล่าวเมื่อวันพุธ(20ก.ย.) ว่า "เราไม่ถ่ายโอนอาวุธแก่ยูเครนต่อไปอีกแล้ว เพราะเวลานี้เรากำลังติดอาวุธแก่โปแลนด์เอง ด้วยอาวุธที่ล้ำสมัยมากกวาเดิม"

ล่าสุดในวันพฤหัสบดี(21ก.ย.) โฆษกรัฐบาลออกมาชี้แจงว่า วอร์ซอจะทำตามคำสัญญาในข้อตกลงจัดหาอาวุธที่มีอยู่ในปัจจุบันกับยูคเรน "โปแลนด์จะแค่ทำตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ ในการจัดหากระสุนและอาวุธ ในนั้นรวมถึงอาวุธและกระสุนที่เป็นผลจากการลงนามในสัญญากับยูเครน"

ดูดา โต้แย้งว่าคำพูดของนายกรัฐมนตรี ถูกตีความในแนวทางที่แย่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ "ในความเห็นของผม นายกรัฐมนตรีหมายความว่า เราจะไม่ถ่ายโอนอาวุธใหม่แก่ยูเครน ที่ปัจจุบันเรากำลังสั่งซื้อเพื่อปรับปรุงกองทัพโปแลนด์ให้ความทันสมัย"

วอร์ซอ ลงนามในข้อตกลงอาวุธหลายฉบับ ในนั้นรวมถึงกับสหรัฐฯและเกาหลีใต้ ที่พวกเขาสั่งซื้อรถถัง K-2 แบล็คแพนเธอร์ และ ปืนใหญ่อัตตาจร K9 "ในขณะที่เราได้รับอาวุธใหม่จากสหรัฐฯและเกาหลีใต้ เราจะปล่อยอาวุธปัจจุบันที่ใช้งานโดยกองทัพโปแลนด์ และบางทีเราอาจจะถ่ายโอนมันสู่ยูเครน" ดูดาระบุ

นอกเหนือจากส่งมอบอาวุธของตนเองแล้ว โปแลนด์ยังเป็นประเทศทางผ่านสำคัญ สำหรับอาวุธที่สหรัฐฯและบรรดาผู้สนับสนุนตะวันตกอื่นๆ ส่งไปช่วยเหลือยูเครน ขณะเดียวกัน โปแลนด์ ยังเป็นแหล่งพักอาศัยของผู้ลี้ภัยชาวยูเครนราวๆ 1 ล้านคน ที่ได้ประโยชน์จากความช่วยเหลือจากภาครัฐในรูปแบบต่างๆนานา

ความตึงเครียดโหมพระพือขึ้นจากคำสั่งแบนของโปแลนด์ ที่ห้ามนำเข้าธัญพืชของยูเครน เพื่อปกป้องเกษตรกรของพวกเขา

ยูเครนเคยเป็นหนึ่งในชาติผู้ส่งออกธัญพืชรายใหญ่ที่สุดของโลกก่อนจะถูกรัสเซียเปิดฉากรุกรานเมื่อเดือน ก.พ. ปี 2022 ซึ่งทำให้ศักยภาพในการส่งออกผลผลิตธัญพืชสู่ตลาดโลกลดลงไปมาก

เกษตรกรชาวยูเครนต้องพึ่งพาการส่งออกผ่านทางประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากท่าเรือในทะเลดำซึ่งเคยเป็นเส้นทางส่งออกหลักถูกกองทัพรัสเซียปิดล้อมมานานกว่า 18 เดือน

อย่างไรก็ตาม การไหลเข้าของธัญพืชและน้ำมันเมล็ดพืชจากยูเครนซึ่งมีราคาถูกกว่าก็ส่งผลให้ราคาในท้องตลาดตกต่ำลง และกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรในท้องถิ่น ด้วยเหตุนี้รัฐบาลยุโรปตะวันออกหลายประเทศจึงได้กำหนดมาตรการแบนธัญพืชและผลผลิตทางการเกษตรที่นำเข้าจากยูเครนเพื่อปกป้องเกษตรกรของตัวเอง

เมื่อเดือนพฤษภาคม สหภาพยุโรป (อียู) ตัดสินใจเข้าแทรกแซงด้วยการห้ามไม่ให้รัฐสมาชิกแต่ละประเทศสั่งแบนธัญพืชยูเครนฝ่ายเดียว โดยอียูอนุญาตให้ 5 สมาชิกในยุโรปตะวันออก ซึ่งได้แก่ บัลแกเรีย ฮังการี โปแลนด์ โรมาเนีย และสโลวะเกีย สามารถห้ามการจำหน่ายข้าวสาลี ข้าวโพด และเมล็ดทานตะวันที่นำเข้าจากยูเครนได้ ทว่ายังคงอนุญาตให้ธัญพืชจากยูเครนถูกขนส่งผ่านดินแดนของทั้ง 5 ชาติเพื่อส่งต่อไปจำหน่ายประเทศอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ในวันศุกร์ (15 ก.ย.) โปแลนด์ สโลวะเกีย และฮังการี ประกาศมาตรการจำกัดการนำเข้าธัญพืชจากยูเครน หลังคณะกรรมาธิการยุโรปไม่ขยายคำสั่งห้ามนำเข้าธัญพืชยูเครนสู่ 5 ชาติในยุโรปตะวันออกที่มีพรมแดนติดกับยูเครน

เรื่องราวเกี่ยวกับการนำเข้าธัญพืชเป็นประเด็นที่อ่อนไหวอย่างยิ่งในโปแลนด์ ประเทศที่กำลังมีการจัดเลือกตั้งในเดือนหน้า ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลฝ่ายขวาของพรรคกฎหมายและความยุติธรรม (Law and Justice party) มีฐานเสียงที่แข็งแกร่งในภูมิภาคเกษตรกรรมทั้งหลาย

"เราเป็นชาติแรกที่ทำอะไรต่างๆ เพื่อยูเครนมากมาย และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงคาดหวังว่าพวกเขาจะเข้าใจถึงผลประโยชน์ของเราบ้าง" มอราวีแยตสกี กล่าว "แน่นอนว่า เราเคารพทุกปัญหาของพวกเขา แต่สำหรับเรา ผลประโยชน์ของเกษตรกรของเราคือสิ่งสำคัญที่สุด"

เคียฟตอบโต้ความเคลื่อนไหวของโปแลนด์ ฮังการี และสโลวะเกีย ด้วยการแถลงว่าพวกเขาจะยื่นคำร้องไปยังองค์การการค้าโลก (WTO)

อย่างไรก็ตาม ทาง มอราวีแยตสกี เตือนก่อนหน้านี้ในวันพุธ (20 ก.ย.) ว่าเขาอาจจะขยายรายชื่อผลิตภัณฑ์จากยูเครนที่อยู่ในบัญชีห้ามนำเข้า หากว่าเคียฟโหมกระพือความขัดแย้งเกี่ยวกับธัญพืชให้ลุกลามบานปลาย

กระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์ ระบุว่า "การกระพือแรงกดดันใส่โปแลนด์ในเวทีประชุมนานาชาติ หรือส่งคำร้องเรียนไปยังศาลระหว่างประเทศ ไม่ใช่วิธีการที่เหมาะสม สำหรับคลี่คลายความเห็นต่างระหว่าง 2 ประเทศของเรา"

(ที่มา:เอเอฟพี)

 

ตรึงเครียด!! อินเดียยกเลิกออกวีซ่าให้ “พลเมืองแคนาดา” กดดัน "ทรูโด" ต้องลดจำนวนนักการทูต-เตือนปชช.ภารตะระมัดระวังเดินทางไปแดนเมเปิล
.
.
.
.
.
รอยเตอร์/เอเจนซีส์/เอพี/เอเอฟพี – นิวเดลีแถลงวันพฤหัสบดี(21 ก.ย)ว่า สั่งระงับการให้บริการวีซ่าให้กับพลเมืองแคนาดาชั่วคราว รวมกดดันออตตาวาให้สั่งลดจำนวนนักการทูตแคนาดาในอินเดียลง เกิดขึ้น 1 วันหลังกระทรวงต่างประเทศอินเดียประกาศขึ้นคำเตือนพลเมืองแดนภารตะระมัดระวังเดินทางไปแดนเมเปิล เสื่อมทรามหนักตั้งแต่นายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด แถลงต่อรัฐสภาชี้ นิวเดลีอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารผู้นำแบ่งแยกดินแดนชาวซิกข์ ฮาร์ดีป ซิงห์ นิจจาร์
.
รอยเตอร์รายงานวันนี้(21 ก.ย)ว่า โฆษกกระทรวงต่างประเทศอินเดียแถลงในวันพฤหัสบดี(21) อินเดียระงับการให้บริการวีซ่าให้พลเมืองแคนาดาโดยอ้างไปถึงภัยคุกคามทางความปลอดภัยต่อเจ้าหน้าที่สถานทูตอินเดียในแคนาดา และทำให้ตั้งแต่วันนี้(21)จะไม่มีการบริการออกวีซ่าให้กับชาวแคนาดาในกรุงออตตาวา
.
เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังสถานทูตแคนาดาประจำกรุงนิวเดลีประกาศผ่านทางโซเชียลมีเดียจะปรับจำนวนนักการทูตในอินเดียหลังพบมีนักการทูตแคนาดาจำนวนหนึ่งถูกคุกคามทางโซเชียลมีเดีย
.
รอยเตอร์เปิดเผยว่า BLS InternationalBLSN.NS บริษัทอินเดียให้บริการความสะดวกทางวีซ่าให้ข้อมูลว่า ได้รับแจ้งจากสถานทูตอินเดียในแคนาดาโดยอ้างไปถึงเหตุผลด้านปฎิบัติการ ในการยุติให้บริการทางวีซ่าจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
.
ความสัมพันธ์ระหว่างกันเสื่อมทรามหนักนับตั้งแต่นายกรัฐมนตรีแคนาดา จัสติน ทรูโด ที่ติดอยู่ที่กรุงนิวเดลีนานถึง 2 วันเนื่องมาจากเครื่องบินประจำตำแหน่งเสียหลังจากเดินทางร่วมการประชุมกลุ่มชาติ G-20 ที่นั่นได้เปิดเผยต่อรัฐสภาแคนาดาในวันจันทร์(18)ว่า
.
หน่วยข่าวกรองแคนาดาเชื่อว่า นิวเดลีอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารผู้นำแบ่งแยกดินแดนชาวซิกข์ ฮาร์ดีป ซิงห์ นิจจาร์ (Hardeep Singh Nijjar) วัย 45 ปี ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่ด้านนอกวิหารซิกข์ในเขตเซอร์รีย์ (Surrey) ซึ่งเป็นย่านหนึ่งในเมืองแวนคูเวอร์ที่มีชาวซิกข์อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
.
ส่งผลทำให้เขาหลังจากนั้นตัดสินใจสั่งขับนักการทูตอินเดียที่เชื่อว่าเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองลับต่างประเทศอินเดียให้ออกนอกประเทศและฝ่ายนิวเดลีกระทำตอบโต้สั่งขับนักการทูตแคนาดาเช่นเดียวกัน
.
ทั้งนี้เนชันแนล โพสต์ของแคนาดารายงานว่า โฆษกกระทรวงต่างประเทศแคนาดา ณอน-ปิแอร์ ก็อดบูต์ (Jean-Pierre Godbout) เปิดเผยในค่ำวันพุธ(20)ว่า รัฐบาลออตตาวากำลังอยู่ระหว่างการนำเจ้าหน้าที่การทูตบางส่วนออกไปจากอินเดีย
.
อย่างไรก็ตามเขายืนยันว่า สถานทูตแคนาดาและสถานกงสุลแคนาดาทุกที่ในอินเดียยังคงเปิดทำการต่อไปตามปกติ
.
โฆษกกระทรวงต่างประเทศแคนาดายืนยันว่า “ภายใต้ภาระเงื่อนไขอนุสัญญากรุงเวียนนา ทางเราคาดหวังว่าอินเดียจะให้ความปลอดภัยแก่นักการทูตสาส์นตราตั้งและเจ้าหน้าที่กงสุลในอินเดียเหมือนเช่นที่พวกเรากระทำต่อพวกเขาที่นี่”
.
เอเอฟพีรายงานว่า สอดคล้องกับการออกมาแถลงของนิวเดลีในวันพฤหัสบดี(21) ที่ระบุว่ารัฐบาลนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ต้องการให้ออตตาวาลดจำนวนนักการทูตแคนาดาประจำในอินเดีย
.
โดยโฆษกกระทรวงต่างประเทศแคนาดา อรินดัม บักชี (Arindam Bagchi) แถลงต่อนักข่าวว่า “ทางเราได้แจ้งต่อรัฐบาลแคนาดาว่าสมควรจะมีความเท่าเทียมในการปรากฎทางการทูต”
.
และเสริมต่อว่า “จำนวนตัวเลขของพวกเขาที่นี่สูงกว่ามากเมื่อเทียบกับของทางเราในแคนาดา..ผมสันนิษฐานว่าจะต้องมีการลดลง”
.
นอกจากนี้ยังพบว่ากระทรวงต่างประเทศอินเดียในวันพุธ(20)ได้ออกคำแนะนำทางการเดินทางแก่พลเมืองอินเดียและนักศึกษาอินเดียที่กำลังศึกษาอยู่ในแคนาดาให้ระมัดระวังตัว โดยชี้ไปถึงภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นในการต่อต้านอินเดียและภัยเกิดมาจากความเกลียดชังทางการเมือง
.
เอพีรายงานว่า เนื้อหาแถลงการณ์กระทรวงต่างประเทศอินเดียกล่าวว่า “พลเมืองอินเดียสมควรต้องหลีกเลี่ยงในสถานที่ในแคนาดาที่มีภัยคุกคามที่เป้าหมายโดบเฉพาะไปที่นักการทูตอินเดียส่วนบางส่วนของชุมชนอินเดียที่ต่อต้านนโยบายรัฐบาลอินเดีย”

 

Sep 22, 2023 เตรียมรับทรัพย์ ! กบข. เตรียมจ่ายเงิยคืนสมาชิกเกษียณ รวมกว่า 2.7 หมื่นล้านบาท พร้อมเสนอ “บริการออมต่อ” ลงทุนให้ต่อเนื่อง

ดร.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 30 กันยายน 2566 มีสมาชิก กบข. ที่จะเกษียณอายุราชการ จำนวน 21,223 ราย และ กบข. ได้เตรียมเงินสำหรับจ่ายคืนให้กับสมาชิกที่สิ้นสุดสมาชิกภาพและทำเรื่องขอรับเงินคืน ประมาณ 27,000 ล้านบาท โดย กบข. ได้คาดการณ์ยอดเงินที่สมาชิกจะได้รับเฉลี่ยประมาณ 1.3 ล้านบาทต่อราย ซึ่งจะสามารถดำเนินการจ่ายเงินคืนสมาชิกภายใน 7 วันทำการ หลังจากที่ กบข. ได้รับเอกสารที่ครบถ้วนถูกต้อง และประกาศเกษียณอายุราชการมีผลบังคับใช้

ทั้งนี้ สมาชิก กบข. ที่จะเกษียณอายุราชการ หากยังไม่มีแผนใช้เงินก้อน สามารถพิจารณาใช้บริการออมต่อกับ กบข. ได้ เพื่อให้ กบข. บริหารเงินลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้อย่างต่อเนื่อง โดยจากสถิติมีจำนวนอดีตสมาชิกสนใจใช้บริการออมต่อเพิ่มขึ้นทุกปี ข้อมูล ณ 31 ส.ค. 66 มีอดีตสมาชิกที่ยังใช้บริการออมต่อจำนวน 6,230 ราย และมีการออมต่อนานสุดอยู่ที่ 15 ปี สมาชิกที่สนใจบริการออมต่อ สามารถแจ้งความประสงค์ได้ 2 ช่องทาง คือ 1) แจ้งความประสงค์ทางระบบบำเหน็จบำนาญและสวัสดิการรักษาพยาบาล (Digital Pension) ของกรมบัญชีกลาง และ 2) แจ้งความประสงค์ผ่านหน่วยงานต้นสังกัด พร้อมกรอกแบบ กบข. รง 008/1/2555

สำหรับ บริการออมต่อมี 4 รูปแบบ คือ 1. ออมต่อทั้งจำนวน 2. ทยอยรับเงินเป็นงวด ๆ อาทิ รายเดือน รายสามเดือน รายหกเดือน หรือรายปี 3. ขอรับเงินบางส่วน ที่เหลือให้ กบข. บริหารต่อ และ 4. ขอรับเงินบางส่วน ที่เหลือทยอยรับเงินเป็นงวด ๆ โดยสมาชิกสามารถเลือกใช้บริการได้ตามความจำเป็นและรูปแบบที่เหมาะสมตามความต้องการของสมาชิก พร้อมทั้งสามารถแจ้งเปลี่ยนรูปแบบการออมต่อได้ปีละ 2 ครั้ง ผ่าน My GPF Application เมนู “ออมต่อ”

สมาชิกสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook กบข. หรือ LINE กบข. @gpfcommunity หรือศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก โทร. 1179
.

ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
Facebook: https://m.facebook.com/btimesch3/
YouTube: https://m.youtube.com/c/MisterBan
X: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
Website: https://btimes.biz
Podcast : https://btimes.podbean.com/

#กบข #เกษียณ #ลงทุน #เงินออม #BTimes

 

เมื่อวานนี้ (20 ก.ย. 66) ทีมวิจัยมหาวิทยาลัยขอนแก่น นำทีมนักวิจัย ลงพื้นที่สำรวจพบ #บึ้งประกายสายฟ้า ชนิดใหม่ของโลก สวยระดับอัญมณีแห่งป่า ทั้งยังเป็น #บึ้ง ชนิดแรกของไทยที่พบในบริเวณที่เป็นป่าชายเลน
.
--------------------------
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ #ThaiPBSSciAndTech
.
อ่านต่อ : www.thaipbs.or.th/news/content/331911 #ThaiPBS

 

วันนี้ (21 ก.ย. 66) มาแล้ว ! ไทยเข้าสู่ช่วง #เอลนีโญ กำลังปานกลาง พีคสุดเดือน พ.ย. 66 - ม.ค. 67 โดยคาดการณ์ #ฝนตก น้อยกว่าค่าปกติ 14% สทนช. ชงแผนปรับมาตรการรับมือรับ #ฤดูแล้ง เสนอ ครม. เดือน ต.ค. นี้
.
--------------------------
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ #ThaiPBSSciAndTech
.
อ่านต่อ : www.thaipbs.or.th/news/content/331904 #ThaiPBS

 

#SciTechVocab
#ไทเทเนียม #Titanium
.
Titanium ไม่ใช่ชื่อเพลง แต่เป็นโลหะ สีเทาเงิน น้ำหนักเบา แข็งแรง ทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดี และมีจุดหลอมเหลวที่สูงถึง 1,668 °C จึงทนต่ออุณหภูมิ และสภาพแวดล้อมได้ดี
.
สิ่งที่ทำให้ไทเทเนียมนั้นโดดเด่นที่สุด อยู่ที่ความแข็งแรง หากเราเปรียบเทียบกันแล้ว แม้ว่าไทเทเนียมจะทนแรงเค้นได้น้อยกว่าเหล็กที่ขนาดเท่ากัน แต่ก็มีน้ำหนักเบากว่ามาก และแม้ว่าไทเทเนียมจะหนักกว่าอะลูมิเนียม แต่กลับมีความแข็งแรงมากกว่าถึง 2 เท่า ทั้งหมดนี้จึงทำให้โลหะผสมไทเทเนียม (titanium alloy) เป็นโลหะที่มีความแข็งแรงต่อน้ำหนักที่สูงที่สุดที่มนุษย์รู้จักในปัจจุบัน
.
ดังนั้น หากเราต้องการสร้างโครงสร้างหนึ่งที่ทนทานต่อแรงที่เกิดขึ้นในการใช้งาน โครงสร้างที่สร้างจากโลหะไทเทเนียมจะมีน้ำหนักเบาที่สุดในหมู่โลหะทั้งหมดที่มนุษย์รู้จัก และด้วยคุณสมบัติที่ทนทานต่อการกัดกร่อน และอุณหภูมิสุดขั้วอีกเช่นกัน จึงทำให้ไทเทเนียมเป็นวัสดุในฝันวัสดุหนึ่งของวิศวกรรมการบินอวกาศ
.
แม้ว่าไทเทเนียมจะเป็นโลหะที่พบได้มากที่สุดในเปลือกโลกเป็นอันดับ 4 ของโลก และหาได้ในหินและดินแทบทุกก้อน แต่สินแร่ไทเทเนียมที่มีเยอะเพียงพอจะสามารถนำไปใช้เชิงอุตสาหกรรมได้นั้นก็หาได้ค่อนข้างยาก ปัจจุบันจึงมีประเทศที่มีเหมืองแร่ไทเทเนียมอยู่เพียงไม่กี่ประเทศ
.
และสิ่งที่ทำให้ยากขึ้นไปอีกก็คือกระบวนการผลิตและถลุงจากสินแร่ให้กลายมาเป็นโลหะบริสุทธิ์ ที่จะต้องผ่านกระบวนการอันสลับซับซ้อนอาศัยความร้อนสูง ห้องสูญญากาศ แก๊สคลอรีน และเทคโนโลยีที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ในแต่ละปีนั้น แร่ไทเทเนียมที่ขัดได้ทั่วโลกส่วนมากนั้นถูกใช้ไปในรูปของไทเทเนียมออกไซด์ ซึ่งเป็นสารประกอบที่มีสีขาวบริสุทธิ์ที่ทนทาน ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในสีทาบ้าน ผสมในพลาสติก หรือแม้กระทั่งครีมกันแดด ในขณะที่ไทเทเนียมประมาณ 5% เพียงเท่านั้นที่ถูกนำไปถลุงจนกลายเป็นโลหะ
.
คุณสมบัติที่ดีเยี่ยมของไทเทเนียมก็ทำให้มันกลายเป็นวัสดุที่สามารถนำไปแปรรูปได้ค่อนข้างยาก ไทเทเนียมที่ถูกหลอมจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ไม่สามารถนำมาหล่อหรือเชื่อมได้ในสภาพบรรยากาศปกติ นอกไปจากนี้ สว่านหรือเครื่องมือที่จะขึ้นรูปใดๆ จะเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็วด้วยความร้อนสูงที่เกิดขึ้น อันเนื่องมาจากคุณสมบัติการนำความร้อนต่ำของมัน
.
ด้วยสาเหตุนานับประการเหล่านี้ จึงทำให้โลหะไทเทเนียมเป็นวัสดุที่มีต้นทุนแพงที่สุดชนิดหนึ่ง การใช้งานจึงมักจำกัดอยู่ที่อุตสาหกรรมการบินที่มีความต้องการในการทนความร้อน และน้ำหนักที่ลดได้ทุกกรัมนั้นหมายถึงต้นทุนเชื้อเพลิงที่จะลดลงตามมา
.
ที่มาข้อมูลจาก : ดร. มติพล ตั้งมติธรรม - นักวิชาการดาราศาสตร์ สดร.
.
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ #ThaiPBSSciAndTech #ThaiPBS #iPhone #iPhone15

 

ปลูกถ่ายกระจกตาจากสเต็มเซลล์ ช่วยฟื้นฟูการมองเห็นให้ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บ
.
กระจกตาเป็นส่วนด้านหน้าของดวงตาที่มีความโปร่งใส หากได้รับความเสียหายจากการบาดเจ็บอาจส่งผลต่อการมองเห็นของบุคคลได้ ซึ่งโดยปกติแล้วแพทย์จะทำการปลูกถ่ายกระจกตาโดยใช้กระจกตาที่ได้รับบริจาคซึ่งเป็นขั้นตอนทั่วไปในการรักษา แต่ในกรณีที่มีสารเคมีไหม้ดวงตา เนื้อเยื่อโดยรอบอาจเสียหายเกินกว่าที่จะปลูกถ่ายได้
.
การทดลองทางคลินิกครั้งนี้ได้ทำการทดลองการรักษาแบบใหม่ที่สามารถช่วยผู้ป่วยเหล่านี้ได้ ซึ่งเรียกว่าการปลูกถ่ายเซลล์เยื่อบุผิวแบบเพาะเลี้ยง (Cultivated Autologous Limbal Epithelial Cells :CALEC) และการนำสเต็มเซลล์จากตาอีกข้างของผู้ป่วยเองไปทดลองในห้องปฏิบัติการ ซึ่งไม่กี่สัปดาห์ถัดมาการปลูกถ่าย CALEC ใหม่นี้ก็พร้อมที่จะปลูกถ่ายไปยังดวงตาที่ได้รับบาดเจ็บ จึงเป็นการช่วยฟื้นฟูการมองเห็นของผู้ป่วย และยังกระตุ้นเซลล์ใหม่ให้เติบโตอีกด้วย ซึ่งอาจช่วยเอื้อต่อการปลูกถ่ายกระจกตาตามปกติในภายหลัง
.
ในการศึกษาระยะที่ 1 มีผู้ป่วย 2 จาก 5 รายที่มองเห็นการปรับปรุงด้านสายตาอย่างเห็นได้ชัดโดยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาอื่นเพิ่มเติม โดยผู้ป่วยทั้ง 2 รายได้รับการขยายการมองเห็นเป็น 20/30 โดยรายหนึ่งการมองเห็นดีขึ้นจาก 20/40 และอีกรายก่อนหน้านี้มองเห็นเพียงการเคลื่อนไหวของมือ ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมอีก 2 คนมีสิทธิ์ได้รับการปลูกถ่ายกระจกตา แต่ผู้ป่วยรายที่ 5 ไม่สามารถรับการปลูกถ่ายได้ เนื่องจากเซลล์ต้นกำเนิดไม่สามารถขยายตัวได้เพียงพอในห้องปฏิบัติการ
.
ผลลัพธ์ที่ได้ถือเป็นแนวโน้มที่ดีสำหรับผู้ป่วยรายอื่น ๆ ที่อาจทำให้มีทางเลือกใหม่ในการฟื้นฟูการมองเห็นที่สูญเสียไปจากการได้รับการบาดเจ็บ ซึ่งการทดลองในระยะต่อไปกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการโดยมีผู้ป่วยที่เข้าร่วม 15 รายที่ได้รับการปลูกถ่าย CALEC ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามผลนานกว่า 18 เดือน
.
--------------------------
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ #ThaiPBSSciAndTech #ThaiPBS
อ่านต่อ : https://thaip.bs/8jSMUqy

 

แว่นตาฝึกประสาทการมองเห็นนักกีฬา ช่วยให้ฝึกซ้อมได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
.
นักกีฬาแถวหน้าที่ประสบความสำเร็จมักมีพร้อมทั้งพรสวรรค์และพรแสวง การเป็นนักกีฬาที่ดีต้องหมั่นฝึกซ้อม พัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ โดยการฝึกซ้อมของนักกีฬาแต่ละคนหรือแต่ละทีมก็มีเทคนิคที่แตกต่างกันออกไป และวงการกีฬาก็พัฒนาอยู่เสมอ ทำให้มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยทั้งในการฝึกซ้อม และดูแลสุขภาพของนักกีฬา ล่าสุดเทคโนโลยีใหม่แว่นตาฝึกประสาทการมองเห็น มีส่วนช่วยต่อการฝึกซ้อมของนักกีฬาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยช่วยให้นักกีฬาตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้อย่างรวดเร็ว
.
สตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีเพื่อการกีฬา บริษัท โอคิวเรย์ ร่วมกับ John McEnroe Tennis Academy สถาบันสอนเทนนิสในนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา พัฒนาแว่นตาที่จะช่วยยกระดับการฝึกซ้อมของนักกีฬาเทนนิส ให้มีประสาทสัมผัสการมองเห็นที่ดียิ่งขึ้น ช่วยให้นักกีฬาตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้รวดเร็วมากขึ้น
.
แว่นตาฝึกประสาทการมองเห็นของนักกีฬาได้รับการออกแบบที่ทันสมัย คล้ายแว่นกันแดดแบบโค้งมนที่ตัดกรอบส่วนด้านบนออก มีแถบไฟ LED หลากสีด้านล่าง และด้านข้างของขอบแว่น ยังมีเซนเซอร์ติดตามการจ้องมอง 2 ตัว ซึ่งจะคอยติดตามทิศทางที่ผู้สวมใส่มองอยู่ตลอดเวลา
.
ขณะที่ฝึกซ้อมกีฬา ข้อมูลการมองเห็นของดวงตานักกีฬาจะถูกส่งไปยังแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนที่เชื่อมต่อบลูทูท เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพระหว่างการมองลูกเทนนิสและไฟ LED ที่คอยดึงดูดความสนใจ เพื่อพัฒนาจุดบกพร่องต่อไป
.
ตัวอย่างการทำงานของแว่นตา เช่น ในขณะที่นักกีฬาสวมใส่แว่นตาพร้อมกับกำลังฝึกซ้อมโดยตามองไปที่ลูกเทนนิส ไฟ LED จะสุ่มส่องสว่างขึ้นมาเพื่อดึงความสนใจออกจากลูกเทนนิส แว่นตาจะทำหน้าที่เก็บข้อมูลไปพร้อมกันเพื่อวิเคราะห์ประสาทสัมผัสการมองเห็นของนักกีฬา ซึ่งหากได้รับการฝึกซ้อมด้วยวิธีนี้เป็นเวลานาน ๆ จะทำให้สายตาตอบสนองต่อลูกเทนนิสได้รวดเร็วขึ้น แม้ว่าจะมีสิ่งเร้าที่คอยรบกวนอยู่ตลอดเวลาในสนามแข่งขันจริง
.
แว่นตาฝึกประสาทการมองเห็นยังไม่ได้กำหนดวันวางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ ทั้งนี้อาจถูกจำกัดไว้ใช้แค่การฝึกซ้อมเท่านั้น เนื่องจากหากสวมใส่เพื่อทำการแข่งขันจริงอาจเข้าข่ายทุจริตในการแข่งขันได้
.
--------------------------
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ #ThaiPBSSciAndTech #ThaiPBS
อ่านต่อ : https://thaip.bs/pWmxyoC

 

เอากับเขาจนได้
(... ที่จริง เพจเดือดฯ ก็โพสต์วิกฤติอสังหาริมทรัพย์เวียดนามอยู่เนืองๆ เป็นระยะนะครับ)
ที่น่ากลัวคือแบบนี้ครับ พอมันล้มแล้วลุกยาก --- ตรงนี้ต่างจากจีน จีนหลักไม่แย่ซะทีเดียวนะครับ ล้มแล้วก็พอฝืนประคองตัวเอง ลุกมายกการ์ด ชกต่อ เพราะปัญหาคือ "สภาพคล่อง" หรือว่าง่ายๆ คือ หมุนไม่ทัน แต่สถานะโดยรวม ไม่ได้โคลงเคลงขนาดสาหัส (แต่ก็แน่ล่ะว่าไม่สู้ดี ไม่งั้นมีจ่ายไปละค่ะ)
แต่กับเวียดนามนี่ต่าง ล้มแล้วเมาหมัดสะลึมสะลือ ไม่ใช่ล้มเพราะจังหวะโดนหมัดเหวี่ยง แต่อาการไม่ดีสะสม พร้อมจะไปอยู่แล้วครับ
เทียบงี้ครับ จีนพอเบี้ยวหนี้ แต่เจรจากับกลุ่มผู้ถือหุ้นกู้แล้วลงตัว ผู้ถือหุ้นกู้ยังมีความเชื่อมั่น นำไปสู่การปรับโครงสร้างหนี้ และกระบวนการต่างๆ ที่ติดตามมา เช่น ยื่นล้มละลายเพื่อพิทักษ์ทรัพย์ขณะปรับโครงสร้างหนี้
ดิ้นรนกันไป
แต่เวียดนาม อย่างกรณี "โนวาแลนด์" นี้ คือ ผิดนัดชำระดอกเบี้ยของหุ้นกู้ (มูลค่าหุ้นกู้ 300 ล้านดอลลาร์ * ย้ำว่าไม่ใช่มูลค่าดอกเบี้ย) ตั้งแต่ 2 เดือนก่อนแล้วนะครับ แต่ที่ไล่หลังมานี่สิครับ ... "กลัดหนอง"เลยเชียว ผู้ถือหุ้นกู้โวยแหลก ไม่ให้โอกาส "โนวาแลนด์" ได้ขยับหาทางนัก กดดันให้จ่ายท่าเดียว
แบบนี้ลำบากครับ
... ที่ทาง "โนวาแลนด์" พยายามทำ คือ ยืดอายุหุ้นกู้ให้นานออกไปหน่อย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าด้านผู้ถือหุ้นกู้เกรงว่าจะบิดพลิ้วหรือเปล่า ก็จึงพยายามกดดัน จี้ให้รีบมาคุยให้รู้เรื่อง ... หาว่าทาง "โนวาแลนด์" บ่ายเบี่ยง ไม่เคาะสักที (อ้าว ตัว "โนวาแลนด์" ก็พยายามคุยอยู่นี่แล้วไง)
ก็เหมือนว่าที่ "โนวาแลนด์" พยายาม จะไม่โดนใจผู้ถือหุ้นกู้ล่ะครับ
ลองถ้าใจมันติดขัดแล้ว ก็ไปต่อยากครับ
https://www.bloomberg.com/news/arti...p-again-with-novaland-creditor-spat#xj4y7vzkg

 

ไม่ปล่อยให้ลอยนวลนะครับ
หลังจากล้มละลายไปแล้ว ที่เหลือก็เป็นการเก็บให้สะอาด กวาดให้เสร็จ
ขึ้นชื่อว่าจีนแล้ว ไม่ค่อยปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปกับสายลมนะครับ ตามล่าตามล้างตามเช็ดทุกเม็ด
ล่าสุด สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ประธานบริษัท "เหิงต้า" Evergrande อันลือลั่น โดนหมาต๋ารวบตัวไปเรียบร้อยแล้วล่ะครับ --- อยู่ในการควบคุมตัวของตำรวจ
โดนไปตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย. นี้แล้ว แต่ยังไม่อาจระบุแน่ชัดว่าใช่กักบริเวณหรือไม่ (แต่ยังไม่ได้เข้าซังเต)
โดนไม่โดนจับ ยังไม่รู้นะครับ แต่ที่แน่ๆ คือ ออกนอกประเทศไม่ได้แล้ว ทั้งพาสปอร์ตและบัตรประชาชนถูกตำรวจริบ
ตัวก็ไปไหนไม่ได้ คล้ายถูกจองจำ เจอใครก็ไม่ได้ ติดต่อใครก็ไม่ได้ เว้นแต่ได้รับการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่
คงอยู่ระหว่างการสืบสวนนะครับ ว่ามีนอกมีในหรือเปล่า ที่ล้มเพราะธุรกิจจริง หรือมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรไม่ชอบมาพากล
สาวไปถึงไส้ใน
"สวี่เจียอิน" เป็นชื่อภาษาจีนกลาง แต่ชื่อที่ปรากฏในสื่อฝรั่ง คือ Hui Ka Yan "โหยก๊ายัน" ก็ชัดเลยครับ ว่าเชื้อสายกวางตุ้ง เพราะฐานของ "เหิงต้า" ก็อยู่กวางเจา (ก่วงโจว) นี่แหละครับ
https://www.bloomberg.com/news/arti...s-under-police-surveillance?srnd=premium-asia

 

{อย่า 7 นะ}
"น้ำลด เปลือยผุด" วอร์เรน บัฟเฟตต์ ปรมาจารย์หุ้น เคยกล่าวไว้เช่นนั้น
บัดนี้ เจมี ดิมอน CEO "เจพี มอร์แกน" วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ของอเมริกา หยิบยกท่อนนี้มาเปลื้องขยี้
ชี้ว่าหาก "เฟด" ทะลึ่งขึ้นดอกเบี้ยดุ่ยๆ ตะบี้ตะบันไปถึง 7% ล่ะก็ ... ได้ป่นปี้กันถ้วนหน้าแน่
แล้วมันเกี่ยวกับ "บิกินี" ยังไง???

เจมี ดิมอน แจงว่า ... (ก่อนแจง ขอเท้าความนิดนะครับท่าน
"เฟด" ใช้เวลา "ปีครึ่ง" นับจาก มี.ค. 2022 ถึงปัจจุบัน ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เบ็ดเสร็จรวม 5.25% --- จาก 0-0.25% ล่อไปถึง 5.25-5.5% ในวันนี้ สถิติสูงสุดรอบ 22 ปี)
*** คิดง่ายๆ ... จากไม่มีมีดอก กลายเป็นกู้ 100 ต้องจ่ายดอกตั้ง 5
.
2 ไม่เท่ากับ 2
หัวเรือใหญ่ "เจพี มอร์แกน" ทักดักว่า "ขึ้นดอก จาก 0% ไป 2% น่ะผลไม่เท่าไหร่ เหมือนไม่ได้ขึ้นด้วยซ้ำ"

"ขึ้นจาก 3% ไป 5% นี่มีสะอึกนะ มีบ้างที่ไม่ทันตั้งตัว โดนฮุกเข้าเต็มเปา แต่เอาเข้าจริง ก็ไม่มีใครที่ไม่ระแวงไว้ก่อนหรอก ว่าจะขึ้นถึง 5%" ... ยังมี "ปิดคาง" ไว้ อะไรทำนองนั้น

"แต่ถ้าจาก 5% เป็น 7% นี่อาจถึง 'ร่วง' (น็อก) เลยนะ ไม่รู้จริงๆ มันจะมีใคร ธุรกิจไหน เตรียมไว้เผื่อสำหรับไปถึง 7%"
.
จุก เจ็บกว่ากันแยะนะครับท่าน --- เจมี ดิมอน แทงให้เห็นว่า {2 ไม่เท่ากับ 2}
จาก 5 ไป 7 นั้น หนักกว่า จาก 3 ไป 5
คนละเรื่อง
โลกเราไม่พร้อมสำหรับสิ่งนี้!! !!

นายแบงก์ระดับบิ๊ก นำคำกล่าวของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่ว่า "เมื่อเกลียวคลื่นม้วนตลบ แล้วลาลับไป เราจักเห็นตำตา ว่าใครที่ 'ล่อนจ้อน' แก้ผ้าอยู่ในน้ำ" --- you find out who is swimming naked when the tide goes out.

ใครโดนคลื่นหอบปล้นไป จน "เหลือแต่ตัว" ... ว่างั้น

เจมี ดิมอน ย้ำทฤษฎี {7% เห็นโป๊}
"7% คือ คลื่นลูกนั้น"

อย่า 7 เชียวนะ

 

เก็บ “เงินสด” ดีกว่าลงทุน??? เวลานี้ เป็นเช่นนั้น!?!?!?
ล่าสุด yield ของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ระยะสั้น อายุ 6 เดือน สูงกว่า earning yield ของดัชนี S&P 500 แห่งตลาดหุ้น “วอลล์ สตรีท” ของอเมริกา --- แปลว่าอะไร?
CASH IS TRASH vs CASH IS KING เป็นประเด็น “วิวาทะ” เสมอ --- เงินสด ฝากแบงก์ไว้ ดอกเบี้ยขึ้นไม่ทันเงินเฟ้อหรอก กลายเป็นค่าของเงินด้อยลง เท่ากับว่า “เสีย” / แต่ถ้ายามวิกฤติ ลงทุนอะไรก็เสี่ยงเจ๊งสูง กลับกลายเป็นเก็บเงินสด กองไว้เฉยๆ กินดอกเล็กๆ ยังจะดีกว่า
เหรอ?
แล้วภาพปัจจุบัน โลกเรา “พ้น” วิกฤติไปแล้วหรือยัง? เศรษฐกิจหลักของโลกอย่างอเมริกา จะเข้าสู่ภาวะ recession บรรลัยกัลป์จริงหรือไม่? (หรือว่าตกอยู่ในภาวะนี้ไปแล้วกันแน่?)

ตอนนี้ ดอกเบี้ยสูงขึ้นมากนะครับท่าน (ต้นปี 2022 ดอกเบี้ยนโยบายของอเมริกา 0-0.25% แต่ขณะที่พิมพ์อยู่นี้ ปาเข้าไป 5.25-5.5% แล้ว --- ไม่ใช่เล่น)

เงินเฟ้อ ก็บรรเทาลงมากแล้ว (กลางปี 2022 กระชากขึ้นไปซัด +7% สถิติสูงสุดรอบ 4 ทศวรรษ แต่ตอนนี้ ผ่อนลงมาที่ +3.3% แล้ว --- เป้าของ “เฟด” แบงก์ชาติ คือ กดให้เหลือไม่เกิน +2% ; Personal Consumption Expenditures Price Index)

ดอกสูงขึ้น เงินเฟ้อต่ำลง --- แบบนี้ น่าเก็บเงินสด (ฝากแบงก์) ดีกว่ามั้ย ? ในขณะที่หุ้นยังโคลงเคลงอยู่ และมรสุมข้างหน้ายังกวักมือเรียกอยู่ไหวๆ

พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้น 6 เดือน นี่ไม่ใช่ถือเป็น “ออม” นะครับท่าน --- มันจัดเป็น CASH “เงินสด” ที่เอามาหมุนได้ (และไม่มีความเสี่ยง)
ต่างจากพันธบัตรระยะยาว อย่าง 2 ปี หรือ 10 ปี --- นี่จะนับเป็น safe haven “เครื่องยึดเหนี่ยว/ที่พึ่งทางการลงทุน” : ได้น้อย แต่ได้แน่ หรือว่าง่ายๆ คือ ไม่เสี่ยงจะเสียเงินต้น
เวลานี้ ไม่เอาหุ้นไปเทียบ safe haven แล้ว แต่มาเทียบ CASH นี่ล่ะครับท่าน (เพราะ yield ของ safe haven นั้นสูงสะบัด จนไม่ต้องเทียบอะไรอีกแล้ว!!!)
ตอนนี้ yield ของพันธบัตร 6 เดือน ล่อไป 5.5% สถิติสูงสุดในรอบ 12 ปี เมื่อลองมาเทียบกับ earning yield ของดัชนีหุ้น S&P 500 แล้ว มันแค่ 4.7% เท่านั้น
ไม่บ่อยเลยนะครับที่ yield ของ CASH จะเหนือ S&P 500 --- โน่นครั้งหลังสุด ต้องย้อนไปถึงปี 2001 โน่นเลย
(สำหรับ earning yield นั้น ง่ายๆ ก็คือ ส่วนกลับของ P/E ratio --- คล้ายๆ เทียบเป็นอัตราผลตอบแทนทำนองนั้น ; ส่วนมากมักเอาไปเทียบ yield ของ safe haven)

ทรงแบบนี้ เรียกว่า CASH IS KING
เงินสดคือราชัน