ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    "คุชชิ่ง" Cushing สะดิ้งน้ำมันตลาดโลก
    ทำไม ทำไม ทำไม น้ำมันในถังที่อเมริกาเหือดหาย หวุดหวิดเกลี้ยง แล้วมันส่งผลกระทบหนักหนา ราคาตลาดโลกพุ่งฉิว เกือบหวิวไปแตะ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ???
    ตลาดกำลังจับตา ปริมาณน้ำมันดับในคลังที่ "คุชชิ่ง" รัฐโอกลาโฮมา ของอเมริกา ซึ่งตอนนี้ร่อยหรอ สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปี!!! --- แปลว่าคนถลุงใช้น้ำมันกันเทน้ำเทท่า ใช้จนแทบไม่เหลือเก็บ ?
    แล้วทำไมต้องจับจ้อง ที่ "คุชชิ่ง" ?

    1. โดยหลักแล้ว ในยุคนี้ ตลาดโลก ดูที่ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent ตลาดลอนดอน เป็นสากล
    ทั้งที่ ความจริงแล้ว สมัยบุกเบิกแรกเริ่ม ราคาน้ำมันดิบ NYMEX WTI ตลาดนิวยอร์ก เป็น benchmark มาก่อน
    กระทั่งปี 1975 รัฐบาลสหรัฐอเมริกา "แบน" ห้ามส่งออกน้ำมันดิบ นับจากนั้นมา ICE Brent ก็กลืนกิน สถาปนาตนเป็น benchmark ของโลกไปโดยปริยาย
    ส่วน NYMEX WTI ก็สะท้อนภาพในแผ่นดินอเมริกาเองซะมากกว่า
    ผ่านไป 40 ปี และแล้วปี 2015 อเมริกาก็ปลด "แบน" --- กลับมาส่งออกน้ำมันดิบได้อีกครั้ง
    NYMEX WTI เริ่มทวงคืนสถานะมาเรื่อยๆ

    ล่าสุด ปีนี้ ตลาด physical (ที่ซื้อขายน้ำมันดิบกันจริงๆ ไม่ใช่ฟิวเจอร์ส ในตลาด exchange อย่าง ICE หรือ NYMEX) ถึงขั้นประเมินราคาน้ำมันดิบ Brent ถิ่นยุโรปโดยคิดเอาเกรดน้ำมันดิบ WTI เข้าไปด้วย เพราะหลังๆ นั้น WTI จากอเมริกาส่งออกมายุโรปมาก)
    .
    2. แต่เอาเข้าจริง แต่ไหนแต่ไรมา สต็อกน้ำมันที่อเมริกาก็มีน้ำหนัก ส่งผลต่อราคาตลาดโลกอย่าง ICE Brent พอสมควร
    ก็อเมริกาเป็นผู้ใช้น้ำมันมากที่สุดในโลก
    ก็อเมริกาเก็บสต็อกน้ำมันมากที่สุดในโลก
    และยิ่งไปกว่านั้น นี่อาจเป็นเหตุผลสำคัญที่สุด คือ อเมริกาน่าจะเป็นชาติเดียวในโลกที่รายงานปริมาณสต็อกน้ำมันอย่างโปร่งใสทุกสัปดาห์!!! --- ติดตามกันได้ทั่วโลก

    (จีน คือ ผู้นำเข้าน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก แต่ไม่เคยรายงานสต็อกน้ำมันเลย --- นานทีปีหน อาจจะโพล่งมาสักคำ แล้วแต่อารมณ์)
    .
    3. ถ้าจะวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน fundamentals ของตลาดน้ำมัน จำพวก demand/supply/inventory ก็ย่อมต้องสอดส่องสต็อกน้ำมันอเมริกา เพื่อสะท้อนตลาดโลก
    นี้เป็นประการสำคัญอยู่แล้ว
    ยิ่งบทบาทของ WTI มากขึ้น ก็ยิ่งต้องดูสต็อกน้ำมันอเมริกาเพื่อเชื่อมโยง
    แล้วทำไมต้อง "คุชชิ่ง" ... ที่จริงต้องอธิบายยืดยาว ย้อนกลับไปไกลมาก แต่คร่าวๆ ละกัน --- เอาแค่ว่า มันคือ "ฮับ" รวมศูนย์ เพื่อแจกจ่ายน้ำมันดิบไปยังโรงกลั่นตามส่วนต่างๆ (และในปัจจุบันนี้ ก็แจกจ่ายไปยังท่าเรือส่งออก สู่ตลาดโลกด้วย)
    ยิ่งสต็อกระดับต่ำ ก็แปลว่าของตึงๆ เกือบๆ ขาด --- ยิ่งกระตุ้นเร้าให้ราคาขึ้น

    ซึ่งมันอาจจะดูย้อนแย้งอยู่บ้าง เพราะที่ของขาด ไอ้ที่เป็นหลักใหญ่ใจความที่สุด ไม่ใช่เพราะผลิตน้อย ไม่ใช่เพราะใช้เยอะ แต่เพราะส่งออกเยอะ
    ตั้งแต่เลิก "แบน" แล้วปล่อยให้ส่งออกได้ อเมริกาก็ทำสถิติใหม่ ส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์แทบจะไม่เว้นปี
    ล่าสุด ฟาดไปเกิน 4 ล้านบาร์เรล/วัน (เยอะแค่ไหน เอาง่ายๆ ไทยทั้งประเทศ ใช้แค่ราวๆ 1 ล้านบาร์เรล/วัน)
    .
    ส่งออกมาก มันน่าจะเป็นการกดดันราคาตลาดโลก (เพราะเพิ่ม supply) ขณะที่ในประเทศตัวเองจะผลักดันราคาขึ้น (เพราะลด supply ในบ้านตัวเอง)
    แต่อย่างที่บอก ด้วยกลไกความเป็น benchmark ของมันที่เพิ่มขึ้น ตัว WTI ก็ส่งผลต่อ Brent มากขึ้น (นี่ยังไม่ว่าเรื่อง spread --- เอาแค่การเชื่อมถึงกัน)
    มันจึงเป็นเช่นฉะนี้ สต็อกอเมริกาต่ำ ก็ลากจูงทั้ง Brent และ WTI ไปพร้อมๆ กัน (แม้หนักเบาไม่เท่ากัน)
    .
    สรุปแล้ว มิอาจวางตาจาก "คุชชิ่ง"
    หากสต็อกยังรุ่งริ่งร่วงลงไปอีก ราคาน้ำมัน 100 ดอลลาร์/บาร์เรลอยู่ไม่ไกล

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    #LIFE โฟรโด กลายเป็นวาฬหลังค่อมตัวใหม่ที่ทำลายสถิติการเดินทางไกลที่สุดในโลก จากหมู่เกาะมาเรียนาแถบมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือใกล้ฟิลิปปินส์ไปยังเม็กซิโก เป็นระยะทางกว่า 11,261 กิโลเมตร โดยสถิติเดิมเป็น 9,800 กิโลเมตร
    .
    เมื่อไม่กี่ปีก่อนนักชีววิทยา Nico Ransome จากมหาวิทยาลัยเมอร์ด็อก ประเทศออสเตรเลีย ได้เห็นวาฬหลังค่อมตัวหนึ่งที่ดูคุ้นหน้าคุ้นตาปรากฎตัวในเม็กซิโก เธอจึงพยายามระบุตัวตนของวาฬตัวนั้นผ่านฐานข้อมูลที่เรียกว่า Happywhale ซึ่งเก็บบันทึกรูปวาฬหลังค่อมกว่า 30,000 ตัว
    .
    “มันเหมือนกับ Facebook สำหรับวาฬ” Ted Cheeseman หนึ่งในทีมวิจัยกล่าวเปรียบเทียบ นักวิทยาศาสตร์หลายร้อยคน และบริษัทนำเที่ยววาฬหลายสิบแห่งต่างใช้ฐานข้อมูลนี้ซึ่งมีอัตราความแม่นยำถึง 97-99% ในการระบุตัว
    .
    โดย Ransome พบว่ามันตรงกับวาฬตัวหนึ่งที่ Marie Hill นักชีววิทยาของ NOAA ได้แบ่งปันเอาไว้ซึ่งถ่ายที่หมู่เกาะมาเรียนนาในปี 2015 นั่นทำให้หมายความว่าวาฬตัวนี้เดินทางไปกลับระหว่างหมู่เกาะกับเม็กซิโกใช่ไหรือไม่? เพื่อตอบคำถามพวกเขาจึงต้องตามหาวาฬตัวนี้และติดตามมัน
    .
    ไม่เพียงเท่านั้นเมื่อเมื่อทีมวิจัยเจาะลึกลงไปในข้อมูล เธอพบว่าวาฬตัวนี้มีชื่อว่า ‘โฟรโด’ โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียที่บันทึกรายงานการปรากฎตัวของมันใกล้เกาะของรัสเซียในปี 2010 และ 2013 บันทึกเหล่านี้ทำให้เห็นว่า โฟรโด เดินทางไปทั่วโลกจริง ๆ
    .
    “ฉันหมกหมุ่นอยู่กับการย้ายถิ่นฐานของวาฬมาหลายปีแล้ว” Ransome บอก “การได้รู้ว่าบางตัวไปรัสเซีย ฉันว่ามันน่าทึ่งมาก”
    .
    วาฬหลังค่อมส่วนใหญ่ประมาณ 7,500 ตัวที่ผสมพันธุ์ในเม็กซิโกมักจะอพยพขึ้นเหนือไปอลาสก้าและแคนาดาเพื่อหาอาหาร แต่กลับกันบางตัวไปรัสเซีย และมีเพียง 11 ตัวเท่านั้นที่ทีมวิจัยพบว่าปรากฎตัวทั้งในรัสเซียและเม็กซิโกในช่วงปี 1998 ถึง 2021 โฟรโด คือหนึ่งในนั้น
    .
    เมื่อรวบรวมข้อมูลแล้วทีมวิจัยสรุปว่า โฟรโดนั้นเดินทางไกลกว่า 11,261 กิโลเมตรในปี 2017-2018 ทำให้มันกลายเป็นวาฬหลังค่อมตัวใหม่ที่ทำลายสถิติ แต่ทำไมโฟรโดต้องว่ายน้ำไกลขนาดนั้น? ทีมวิจัยเชื่อว่าอาจเป็นผลกระทบมาจากยุคล่าวาฬจนใกล้สูญพันธุ์และเหลือวาฬหลังค่อมเพียง 1,200 ตัว
    .
    ด้วยจำนวนที่น้อยลงขนาดนั้น ทำให้วาฬต้องเดินทางไกลมากขึ้นเพื่อหาคู่ มันต้องข้ามหาสมุทรเป็นระยะทางไกล ๆ และแม้จะมาถึงแล้ว พวกมันก็ต้องมาต่อสู่กับตัวอื่น ๆ เพื่อแย่งคู่กันอีก ผลกระทบของการล่าวาฬได้หยั่งรากลึกไปถึงพฤติกรรมของวาฬหลังค่อม
    .
    ตอนนี้พวกเขาหวังว่า โฟรโด จะเดินตามทางของมันได้อย่างปลอดภัยต่อไป
    .
    ที่มา
    .
    https://www.int-res.com/prepress/n01263.html
    .
    https://www.nationalgeographic.com/...nimals-whalelongestmigration&linkId=237946657
    .
    Photo : RALPH PACE/WHALE TRUST
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    #NATURE ในที่สุดความลับของทวีปที่ 8 ก็ได้รับการเปิดเผย นักวิทยาศาสตร์ตีพิมพ์รายงานว่าได้ทำแผ่นที่ทวีปใหม่ล่าสุดของโลก ‘ซีแลนด์เดีย’ ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งกว่า 95% จมอยู่ใต้น้ำ
    .
    ซีแลนด์เดีย (Zealandia) นั้นมีตำนานมาอย่างยาวนาน โดยในปี 1642 Abel Tasman กะลาสีเรือชาวดัตช์คนหนึ่งมั่นใจว่ามีทวีปลึกลับอยู่ในซีกโลกใต้ แม้เขาจะพิสูจน์ไม่ได้เนื่องจากเสียชีวิตหลังจากออกทะเล แต่ต่อมาในปี 2017 นักวิทยาศาสตร์ที่มีเทคโนโลยีก็ระบุว่าทวีปใหม่นี้มีอยู่จริง และพวกเขากำลังตรวจสอบทำแผนที่อยู่
    .
    อย่างที่เราทราบกันดีว่าในโลกปัจจุบันนั้นมี 7 ทวีปได้แก่ เอเชีย แอฟริกา อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แอนตาร์กติกา ยุโรป และออสเตรเลีย/โอเชเนีย แต่ตอนนี้ทวีปใหม่ลำดับที่ 8 ได้รับการยืนยันเรียบร้อยแล้วโดยนักวิจัยจากสำนักงานธรณีของนิวซีแลนด์ (GNS Science of New Zealand)
    .
    ด้วยการตรวจสอบหินประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหินทราย หินกรวด หินเม็ดละเอียด หินปู หินบะซอลต์ รวมทั้งวิเคราะห์ค่าสนามแม่เหล็ก ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถสร้างแผนที่ทั่วนิวซีแลนด์ตอนเหนือได้ทั้งหมดซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของทวีปซีแลนด์เดีย
    .
    มันเป็นทวีปที่เล็กและบางมากเมื่อเปรียบเทียบกับทวีปอื่น ๆ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่ามันแยกตัวออกจากมหาทวีปโบราณกอนด์วานาเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน ส่วนใหญ่กว่า 94-95% จมอยู่ใต้น้ำ เนื่องจากหินระหว่างรอยต่อกับแผ่นทวีปอื่น ๆ มีอายุต่างกันทำให้นักวิทยาศาสตร์แยกได้ชัดเจน
    .
    โดยทั้งหมดมีอายุไม่เกิน 130 ล้านปีเท่านั้น รายงานยังระบุอีกว่าซีแลนด์เดียนั้นค่อนข้างมีรูปร่างที่ผิดปกติ การที่มันบางขนาดนี้อาจเป็นเพราะแผ่นทวีปแอนตาร์กติกาได้ยืดมันออกจนสร้างรอยแตกร้าวที่มีลักษณะมุดตัวรับน้ำทะเลด้านบนกลายเป็นทะเลแทสมัน กระบวนการนี้ทำให้ทวีปบางลงเป็นวงกว้าง
    .
    ยังไงก็ตามยังมีความลับอีกมาที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่รู้ เช่น ทำไมมันถึงไม่แตกเป็นทวีปเล็กทั้ง ๆ ที่บางขนาดนั้น แต่ดูเหมือนว่าต้องใช้เวลาอีกนานที่จะเปิดเผยและตอนนี้ก็เพิ่งสำเร็จในก้าวแรกคือการทำแผ่นที่
    .
    “มันค่อนข้างยากที่จะค้นพบเมื่อทุกอย่างอยู่ใต้น้ำลึก 2 กิโลเมตร และชั้นที่คุณต้องสุ่มตัวอย่างก็อยู่ลึกลงไปใต้ก้นทะเล 500 เมตร” Andy Tulloch นักธรณีวิทยาจาก New Zealand Crown Research Institute GNS Science บอก “การออกไปสำรวจทวีปแบบนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก ดังนั้นการออกเรือและสำรวจพื้นที่จึงต้องใช้ทั้งเวลา เงินและความพยายาม”
    .
    ที่มา
    .
    https://agupubs.onlinelibrary.wiley.com/doi/epdf/10.1029/2023TC007961
    .
    https://interestingengineering.com/science/mapped-microcontinent-zealandias-geology
    .
    https://www.iflscience.com/zealandi...etrieve-samples-from-the-lost-continent-70803
    .
    https://www.popularmechanics.com/science/environment/a45226285/eighth-continent-zealandia-mapped/
    .
    https://www.sciencealert.com/the-mysterious-origins-of-zealandia-have-finally-been-traced
    .
    Photo : NOAA, public domain
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    #IDEA สยามรัฐได้รายงานข่าวถึง ครูน้อย หรือนายทวีชัย ไกรดวง อายุ 33 ปี ที่ได้สกัดยางพาราเป็นน้ำมันสำหรับครื่องสูบน้ำและรถไถนา
    .
    โดยครูน้อยกล่าวว่า ได้ใช้เครื่องกรองน้ำในโรงเรียนรุ่นเก่าที่ไม่ใช้ มาประดิษฐ์เป็นเครื่องสกัดน้ำมัน 1 ลิตรใช้ต้นทุน 4 บาทในการกลั่นยางพาราเพื่อออกมาเป็นน้ำมันดีเซล b100 ในช่วงแรกต้องการผลิตขายให้กับชุมชนเพื่อสร้างชุมชน แต่ละชุมชนให้เกิดการเข้มแข็งตามหลักทฤษฎีป่าล้อมเมือง แต่ยังไม่ขายให้กับเอกชนที่จะนำไปทำกำไร เพราะจะทำให้เกษตรกรเสียโอกาสในการใช้น้ำมันที่มีราคาต่ำกว่าตลาด ถ้าหากขายเครื่องให้เอกชนเอกชนก็จะเอาเครื่องไปสร้างกำไร แล้วดึงราคาน้ำมันให้เท่ากัน หรือต่ำกว่าราคากลางเพียงเล็กน้อย
    .
    ซึ่งครูน้อยเผยอีกว่า ยังไม่จดสิทธิบัตร แต่ก็เปิด ให้กับนักพัฒนานักประดิษฐ์ของประเทศไทยได้ต่อยอดเพื่อเป็นการช่วยกันพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมยางพาราของประเทศไทยต่อไป
    .
    ครูน้อยได้สาธิตการใช้ เมื่อใส่เข้ารถไถนาและเครื่องสูบน้ำแล้วใช้ได้จริง เครื่องไม่มีสะดุดหรือมีปัญหากับเครื่องยนต์ ในวันนั้น นายชัยมงคล ไชยรบ ส.ส.สกลนคร เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ ได้เข้าร่วมสังเกตุการณ์การสาธิตด้วย นายชัยมงคล ไชยรบ กล่าวว่า ได้ให้คำแนะนำว่าควรไปขึ้นบัญชีนวัตกรรม กับกรมทรัพย์สินทางปัญญา จากนั้นนำแนวคิดนี้ไปหารือกับกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อจัดหางบประมาณลงมาให้ท้องถิ่นดำเนินการ อาจจะจัดซื้อเครื่องสกัดมาไว้ตำบลละ 1 เครื่อง แล้วเกษตรกรนำยางพารามาขายเพื่อนำไปผลิตเป็นน้ำมัน
    .
    ที่มา
    https://siamrath.co.th/n/479709
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    #POLLUTION Human Rights Watch (ฮิวเมนไรตส์วอตช์) องค์การด้านสิทธิมนุษยชนออกรายงานใหม่เผยว่า บริษัทในยุโรปทิ้งเรือเก่าที่มีสภาพผุพัง ที่ชายหาดบังกลาเทศ และให้แรงงานคอยแยกชิ้นส่วนเรือออก เพื่อนำไปขาย
    .
    บริษัทเหล่านั้นเป็นบริษัทเดินเรือสัญชาติยุโรป พวกเขาทิ้งซากเรือเก่าลงทะเล ที่ชายหาด Sitakunda ประเทศบังกลาเทศ ซึ่งที่นี่ก็เป็นหนึ่งในหาดที่มีคนเอาซากเรือมาแยกและทิ้งหรือขายมากที่สุด เหมือนเป็นสุสานของเรือเก่าเลยก็ว่าได้
    .
    รายงานยังระบุว่า อุตสาหกรรมทำลายเรือได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม ต่อระบบนิเวศชายฝั่ง อย่างรุนแรง เนื่องจากสารพิษจากเรือรั่วไหลลงสู่ดินและน้ำ บริษัทขนส่งในยุโรปใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ทางกฎระเบียบระหว่างประเทศ หลีกเลี่ยงที่จะรับผิดชอบกำจัดเรือที่หมดอายุการใช้งานด้วยวิธีที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยการส่งเรือไปทำลายที่หาดแบบนี้
    .
    ตั้งแต่ปี 2020 บริษัทเหล่านี้ส่งเรือไปที่หาดให้คนงานแยกชิ้นส่วนกว่า 520 ลำ โดยฮิวเมนไรตส์วอตช์เผยว่า คนงานที่ทำงานแยกชิ้นส่วนเรือก็ไม่ได้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันตัดเหล็กใด ๆ เวลาได้กลิ่นเหม็นจากซากเรือที่กำลังเผาไหม้ก็ต้องปิดจมูกด้วยเสื้อที่ตัวเองใส่อยู่ สูดคัวนพิษจากการเผาไหม้ ลากซากเรือหนัก ๆ เท้าเปล่า และบางครั้งก็ติดอยู่ในเรือที่กำลังไหม้อยู่ ทำให้งานนี้เป็นงานที่ทั้งอันตรายต่อมนุษย์และสร้างมลพิษสู่ทะเล เคยเกิดเหตุคนงานกว่า 62 คนเสียชีวิตในหาดเก็บเรือนี้ในปี 2019 จากอุบัติเหตุ
    .
    รายงานดังกล่าวเรียกร้องให้บริษัทขนส่งในยุโรปหยุดทิ้งเรือเก่าที่ปล่อยสารพิษนี้บนชายหาดบังกลาเทศ และยอมรับอนุสัญญาฮ่องกง ซึ่งเป็นสนธิสัญญาระดับโลกที่กำหนดมาตรฐานสำหรับการรีไซเคิลเรือที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รายงานยังเรียกร้องให้รัฐบาลบังกลาเทศบังคับใช้กฎหมายและข้อบังคับของตนเองเกี่ยวกับการทำลายเรือ เพื่อปกป้องสิทธิและความปลอดภัยของคนงานด้วย
    .
    ที่มา
    https://eurasiamedianetwork.com/eur...of-dumping-toxic-ships-on-bangladesh-beaches/

    https://www.aljazeera.com/news/2023...ng-toxic-ships-on-bangladesh-beaches-hrw-says
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    #NATURE นิยายวิทยาศาสตร์กำลังจะกลายเป็นจริง! เมื่อนักวิจัยพัฒนาอุปกรณ์ฉายแสงที่ไว้ใช้คุยกับพืช เพื่อให้พืชสร้างกลไกป้องกันตามธรรมชาติเตรียมพร้อมรับมือกับโรคระบาดหรือภัยคุกคามอะไรที่อาจเกิดขึ้น
    .
    “หากเราสามารถเตือนพืชถึงการระบาดของโรคหรือศัตรูพืชที่กำลังจะเกิดขึ้น พืชก็สามารถกระตุ้นกลไกการป้องกันตามธรรมชาติเพื่อจำกัดความเสียหายในวงกว้างได้” ดร. Alex Jones ทีมนักวิทยาศาสตร์ด้านพืชจากห้องทดลอง Sainsbury ในมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ กล่าว
    .
    ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์สามารถตรวจจับ ‘เสียงร้อง’ ของพืชในเวลาที่พวกมันขาดน้ำ ทำให้หลายคนคิดกันว่าจริง ๆ แล้วพืชก็ ‘คุย’ เป็น ดังนั้นจะเป็นไปได้ไหมที่มนุษย์จะคุยกับพืชได้ ทีมวิจัยจึงพัฒนาอุปกรณ์ที่เรียกว่า ‘Highlighter’ ขึ้นมา
    .
    มันเป็นเครื่องมือที่ใช้ฉายแสงเฉาพะเจาะจงเพื่อกระตุ้นยีนหรือระบบบางอย่างในพืชเช่น กลไกการป้องกันตัวของพวกมัน ลองจินตนาการถืงแสงแดดที่กระตุ้นให้พืชสังเคราะห์แสง (จริง ๆ แล้วพืชไม่ได้ใช้ช่วงคลื่นแสงสีเขียวสังเคราะห์แสง มันจึงสะท้อนออกมาให้เราเห็นพืชเป็นสีเขียว) ด้วยแนวคิดเดียวกันนี้เราก็สามารถสร้างแสงจำเพาะเพื่อบอกให้พวกมันเตรียมตัวได้
    .
    วิธีนี้มีประโยชน์อย่างมาก มันสามารถช่วยให้พืชเปิดปิดการทำงานได้ ไม่ทำร้ายพืช ไม่ต้องใช้สารเคมี และไม่ต้องใช้เงินเยอะ ๆ แค่ฉายแสง แต่ส่วนที่ยุ่งยากคือเซลล์รับแสง แล้วในพืชก็มีจำนวนมากมายมหาศาล แต่นักวิจัยต้องการคุยกับเซลล์บางเซลล์เท่านั้น
    .
    ดังนั้นพวกเขาจึงต้องใส่ยีนที่ไวต่อแสงเฉพา ๆ เข้าไป ในการทดลองนี้พวกเขาได้ตัดต่อพันธุกรรมของพืชยาสูบให้มีระบบที่เรียกว่า ‘Optogenetic’ สร้างเป็นต้นที่สามารถเปลี่ยนแปลงระบบภูมิคุ้มกัน เปลี่ยนเม็ดสี และสร้างโปรตีนเรืองแสงได้ด้วยการส่งสัญญาณแสงกับพวกมันเท่านั้น
    .
    “เรายังสามารถแจ้งให้พืชทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วเช่น คลื่นความร้อนหรือความแห้งแล้ว ช่วยให้พืชสามารถปรับรูปแบบการเจริญเติบโตหรือกักเก็บน้ำได้” ดร. Jones บอก “สิ่งนี้อาจนำไปสู่แนวทางการทำฟาร์มที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น รวมถึงลดสารเคมี”
    .
    ไม่แน่ ในอนาคตมนุษย์และพืชอาจพูดคุยโต้ตอบกันได้จริง ๆ ว่าพวกเขากำลังมีความสุขหรือเศร้าอย่างเช่น “น้ำแก้วนี้ไม่อร่อยเลย” หรือ “อากาศที่นี่ดีจัง” ด้วยงานวิจัยใหม่ ๆ เช่นงานนี้ช่วยให้เราเข้าใกล้สิ่งที่อยู่ในนิยายวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้นไปอีกหนึ่งก้าว
    .
    ที่มา
    .
    https://journals.plos.org/plosbiology/article?id=10.1371/journal.pbio.3002303
    .
    https://www.iflscience.com/talking-to-plants-could-help-them-prepare-for-attacks-70844
    .
    https://www.independent.co.uk/news/science/plants-humans-talk-weather-pests-b2416382.html
    .
    https://cosmosmagazine.com/news/talking-plants-light/
    .
    https://phys.org/news/2023-09-conversations-advance-impending-dangers.html
    .
    Photo : maxbelchenko/Envato

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    สื่อต่างประเทศรายงานว่า ตะวันตกกำลังผลักโลกเข้าใกล้ความขัดแย้งระดับโลก อย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 จากการป้อนอาวุธหนักเท่าที่เคยมีมาแก่ยูเครน และสรรเสริญระบอบนาซี จากคำเตือนของ ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ที่โพสต์บนเทเลแกรมเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
    .
    โดย เมดเวเดฟ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองปะธานสภาความมั่นคงของรัสเซีย โพสต์คำเตือนบนเทเลแกรม ในการแสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อกรณีที่รถถังประจัญบาน M1 เอบรามส์ ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ถูกส่งถึงมือยูเครน และเรื่องอื้อฉาวที่พบเห็นในรัฐสภาแคนาดา นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด และประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ลุกขึ้นปรบมือเชิดชู อดีตสมาชิกรายหนึ่งของกองทหารวัฟเฟิน-เอ็สเอ็ส ของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ในสงครามโลกครั้งที่ 2
    .
    อดีตประธานาธิบดีรัสเซียรายนี้ประณามการกระทำอื้อฉาวดังกล่าว ซึ่งโหมกระพือความเดือดดาลในโปแลนด์ รัสเซียและประชาคมชาวยิว เช่นกัน โดยเรียกมันว่าเป็นการเสวนาสนิทสนมกับนาซี "มันดูเหมือนว่า รัสเซีย กำลังแทบไม่เหลือทางเลือกอื่นเลย นอกเหนือจากความขัดแย้งโดยตรงกับนาโต" เขากล่าว เน้นย้ำถึงรายงานข่าวที่ระบุว่าวอชิงตันเตรียมจัดหาระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธีของกองทัพ (Army Tactical Missile System - ATACMS) ซึ่งเป็นขีปนาวุธพิสัยไกล ให้แก่เคียฟ
    .
    เมดเวเดฟ อ้างว่านาโต ได้เปลี่ยนเป็นกลุ่มก้อนฟาสซิสต์อย่างเปิดเผย คล้ายคลึงกับฝ่ายอักษะของฮิตเลอร์ แต่มีขนาดใหญ่กว่า และบอกว่ารัสเซียพร้อมเผชิญหน้ากับพันธมิตรทหารแห่งนี้ ถ้ามีความจำเป็น "ผลลัพธ์จะก่อความสูญเสียแก่มนุษยชาติหนักหน่วงกว่าปี 1945 มากมายหลายเท่า" เขากล่าวเตือน
    .
    รองปะธานสภาความมั่นคงของรัสเซียรายนี้ ใช้จุดยืนแข็งกร้าวมาตลอด ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับตะวันตก ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างมอสโกกับเคียฟ โดยเมื่อเดือนกันยายน เขาแนะนำให้ระงับความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหภาพยุโรป(อียู) หลังอียูสนับสนุนมาตรการห้ามคนสัญชาติรัสเซีย นำรถยนต์ส่วนตัวหรือสมาร์ทโฟน เข้าไปยังดินแดนของพวกเขา โดยอ้างว่าเป็นไปได้ที่จะละเมิดมาตรการคว่ำบาตร
    .
    ก่อนหน้านี้ เขาเคยประณามบรรดาผู้สนับสนุนตะวันตกของเคียฟ ว่าเป็นพันธมิตรฝักใฝ่นาซี และส่งเสียงเตือนซ้ำๆเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการเผชิญหน้าโดยตรงระหว่างรัสเซียกับนาโต ทั้งนี้ มอสโก เตือนเช่นกันว่าการที่ตะวันตกเดินหน้าจัดหาอาวุธแก่ยูเครน จะเท่ากับว่าบรรดารัฐสมาชิกของนาโตมีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเสี่ยงโหมกระพือสงครามเต็มรูปแบบระหว่างรัสเซียกับกลุ่มก้อนพันธมิตรทหารที่นำโดยสหรัฐฯ

    ------------------------------
    แหล่งข่าว

    https://shorturl.asia/2BVin

    https://mgronline.com/around/detail/9660000087766

    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ไม่เชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ แบบทำเอาหนุ่มๆ คนธรรมดาทั่วไปต้องชิดซ้ายกันไปเลย เมื่อปรากฏว่า บรรดาสาวเจ้าในเมืองผู้ดีอังกฤษ กลับชื่นชอบ ชนิดถึงขั้นหลงใหลได้ปลื้มต่อเหล่านักโทษชาย ยิ่งกว่าชายคนธรรมดาทั่วไปกันเสียอีก นี่! มิใช่กล่าวกันลอยๆ แต่มีตัวเลขการสำรวจความคิดเห็นมายืนยันการันตี
    .
    โดยการสำรวจโพลล์ ซึ่งจัดทำขึ้นโดย “อิลลิซิต เอ็นเคาน์เตอร์ส” เมื่อเร็วๆ นี้ ผลออกมาว่า ร้อยละ 54 ของสาวเมืองผู้ดีที่ตอบแบบสอบถาม ระบุว่า น่าพิจารณากันทีเดียวว่าจะ “ออกเดท” กับชายที่เป็นนักโทษ
    ตัวเลขข้างต้น ก็ถือว่า เกินครึ่งหนึ่งเลยทีเดียวของสาวเมืองผู้ดีที่คิดเห็นเช่นนี้
    .
    ในการสำรวจความคิดเห็นยังพบด้วยว่า ร้อยละ 39 ของสาวชาวผู้ดีเห็นว่า นักโทษชายเหล่านี้มีความเซ็กซี่
    นอกจากนี้ ร้อยละ 19 ก็ยังเห็นว่า การได้ออกเดทกับนักโทษเหมือนกับการเปิดมิติใหม่ไปสู่ความลี้ลับอะไรทำนองนั้น
    .
    ตัวเลขที่ออกมา ก็ทำเอาหนุ่มๆ อังกฤษพลเมืองดีหลายคนบ่นๆ ด้วยความอึ้งกันไปมิใช่น้อย
    -----------------------------
    แหล่งข่าว
    https://siamrath.co.th/n/481224
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย รายงานผลการศึกษาความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอาเซียน (ASEAN Consumer Sentiment Study – ACSS) ประจำปี 2566 สะท้อนความรู้สึกของผู้บริโภคต่อสภาวะเศรษฐกิจของไทย
    .
    พร้อมสำรวจแนวโน้มการนำบริการธนาคารดิจิทัลมาใช้ โดยรายงานการศึกษาพบว่า ผู้บริโภคคนไทยยังคงเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศ แต่ก็มีความระมัดระวังและปรับตัวให้เข้ากับภาวะเศรษฐกิจที่อาจจะชะลอตัว
    .
    - ทัศนคติโดยรวมของผู้บริโภคในประเทศไทยเป็นไปในทิศทางบวก
    .
    - ร้อยละ 72 ของผู้ตอบแบบสำรวจ แสดงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวที่อาจเกิดขึ้นในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า ส่งผลให้ผู้บริโภคใช้จ่ายอย่างระมัดระวังกว่าเดิม และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางการเงิน โดยเลือกกันเงินสำหรับการออมและการลงทุนมากขึ้น
    .
    - การใช้ธนาคารดิจิทัลและช่องทางการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันธนาคารบนมือถือและอีวอลเล็ตเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคพร้อมที่จะแบ่งปันข้อมูลส่วนตัวเพื่อรับข้อเสนอบริการเฉพาะบุคคลจากธนาคาร
    .
    'ยุทธชัย เตยะราชกุล' รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า 'รายงาน ACSS ที่จัดทำขึ้นโดยธนาคารยูโอบีฉบับนี้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญสำหรับทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจเพื่อให้เข้าใจถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน
    .
    ธนาคารมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้ทุกคนประสบความสำเร็จทางการเงินท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน โดยใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศของการบริการธนาคารดิจิทัลที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเปิดรับโอกาสทางเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน'
    .
    รายงาน ASEAN Consumer Sentiment Study (ACSS) เป็นรายงานศึกษาเพื่อวิเคราะห์แนวโน้มและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจาก 5 ประเทศในอาเซียน ประกอบด้วย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนิเซีย ไทย และ เวียดนาม เป็นประจำทุกปี รายงานปีที่ 4 ฉบับล่าสุดได้จัดทำขึ้นเมื่อเดือน มิ.ย. 2566 โดยในประเทศไทยเป็นการสำรวจคำตอบของผู้บริโภค 600 คนจากหลายกลุ่มประชากร
    .
    [ ความกังวลทางการเงินส่งผลให้ผู้บริโภคชาวไทยใช้จ่ายอย่างรัดกุมและวางแผนการลงทุน ]
    .
    ผลสำรวจพบว่าร้อยละ 57 ของผู้ตอบแบบสอบถามมีความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น โดยมีความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในครัวเรือนที่สูงขึ้นร้อยละ 14 เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และความกังวลเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เกี่ยวกับการออมที่ลดลง
    .
    นอกจากนี้ รายงานยังระบุแนวโน้มที่น่าสนใจของคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการออมและการลงทุน Gen Z เป็นกลุ่มที่ระมัดระวังที่สุด โดยร้อยละ 41 มีแผนออมเงินมากขึ้นในปีนี้ ในขณะที่ Gen Y มุ่งเน้นการลงทุนมากที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น
    .
    ความกังวลทางการเงิน ส่งผลให้ผู้บริโภคชาวไทยรัดกุมกับค่าใช้จ่ายและการลงทุนมากขึ้น ร้อยละ 57 ติดตามค่าใช้จ่ายของตนผ่านแพลตฟอร์มธนาคารดิจิทัล ผู้บริโภคจำนวนมากขึ้นให้ความสนใจกับเครื่องมือทางการเงินที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น เงินฝากออมทรัพย์ และเงินฝากประจำ อีกทั้งยังกระจายการลงทุนไปยังกลุ่มสินทรัพย์อื่นๆ ที่ไม่ใช่เครื่องมือทางการเงิน เช่น แผนประกัน อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
    .
    จากผลสำรวจ ธนาคารยูโอบีจึงเน้นถึงความสำคัญของการวางแผนความมั่งคั่งในระยะยาว อย่างรอบคอบและมีการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
    .
    'การวางแผนความมั่งคั่งที่เหมาะกับระดับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล และการเลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงินด้านความยั่งยืนเข้าไปเป็นกลยุทธ์การลงทุนจะช่วยสร้างความมั่งคั่งที่ยืนยาวให้แก่ผู้บริโภคได้'
    .
    [ ผู้บริโภคไทยใช้บริการธนาคารดิจิทัลมากที่สุด ]
    .
    ประเทศไทยมีผู้ใช้บริการธนาคารดิจิทัลมากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ในปีที่ผ่านมาร้อยละ 61 ใช้แอปพลิเคชันธนาคารบนมือถือ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค วิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ อีวอลเล็ตและการชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ด รายงานยังพบว่ากว่า 4 ใน 5 ของผู้บริโภคชาวไทยใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการลงทุนและการจัดการความมั่งคั่ง โดย Gen Y เป็นกลุ่มที่ใช้บริการด้านการลงทุนมากที่สุด
    .
    นอกจากการเปิดรับบริการธนาคารดิจิทัล ผู้บริโภคยังพร้อมแบ่งปันข้อมูลส่วนตัวกับธนาคารเพื่อรับบริการเฉพาะบุคคลมากขึ้นร้อยละ 89 ของผู้สำรวจเลือกที่จะแบ่งปันข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร มากกว่าแอปพลิเคชันแบบอื่นๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจของผู้บริโภค ในการเปิดรับข้อเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่คัดสรรเฉพาะจากธนาคาร
    .
    งยูโอบีมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเรื่องการธนาคารแบบเฉพาะบุคคล (Personalised Banking) ผ่านแอปพลิเคชัน UOB TMRW ที่ขับเคลื่อนด้วย AI วิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมทางการเงิน ทำให้เข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง และสามารถช่วยให้บริหารจัดการเงินในแบบที่ลูกค้าต้องการ
    .
    นอกจากนี้ ธนาคารกำลังพัฒนาแอปพิเคชัน UOB TMRW เพิ่มเติม เพื่อให้คำปรึกษาวางแผนด้านการลงทุนอัตโนมัติแบบเฉพาะบุคคล ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าบริหารจัดการการเงินได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น สอดคล้องกับข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากรายงานฉบับนี้'
    .
    #TODAYBizview
    #MakeTomorrowTODAY

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    Q:ทำไมDELTAร่วงแรงจังเกิดอะไรขึ้น จะตกถึงไหนครับ
    A:ตอบ ดูเขตแนวรับ 38.20 % RETRACEMENTก็ราวๆ85บาท+/-(83-85บาท)นะครับ

    เหตุที่ร่วงแรง ดูข่าวแนบมานะครับ
    ................
    DELTA ร่วงแรง รับทำบิ๊กล็อตราคาต่ำกว่ากระดานมาก โบรกฯมองเพิ่มฟรีโฟลตลุ้นยืนอยู่ใน SET50/SET100 ต่อ

    สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.ย. 66)--ราคาหุ้น DELTA ร่วงลง 19% หรือลดลง 20 บาท มาที่ 84 จากราควานนี้ (28 ก.ย.)ปิดที่ 104.00 บาท
    สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บริษัทแม่ของ บมจ. เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA) ได้ขายหุ้นจำนวน 89.2 ล้านหุ้นในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยในราคาหุ้นละ 94.75 บาทต่อหุ้น โดยเป็นการซื้อขายบิ๊กลอต (Big Lot)ราคาเสนอขายขั้นสุดท้ายมีส่วนลดอยู่ที่ประมาณ 8.9% จากราคาปิดตลาดของหุ้นเดลต้าเมื่อวานนี้ (28 ก.ย.) และมอบหมายให้ธนาคารเจพีมอร์แกนเป็นตัวแทนในการทำข้อตกลงขายหุ้นในครั้งนี้
    บล.ทรีนีตี้ ระบุ การปรับตัวลงเกิดจากดีลการทำ Placement หุ้น DELTA ที่ราคา 94.75 บาท เป็นจำนวน 89.2 ล้านหุ้น (0.72% ของหุ้นจดทะเบียน) เพื่อเพิ่มจำนวน Free float และเพื่อเพิ่มระดับ Turnover ratio เดือนนี้ของตัวหุ้นให้ขึ้นมาเกินกว่าเกณฑ์ 2% ขั้นต่ำสำหรับการดำรงอยู่ของตัวหุ้นในดัชนี SET50 และ SET100 ถือเป็นการต่อลมหายใจไปอีกเดือนหนึ่ง จากที่ก่อนหน้านี้เดือนสิงหาคม Turnover ratio ของหุ้น DELTA นี้สามารถขึ้นมาอยู่สูงกว่าเกณฑ์ 2% นี้ไปเพียงแค่ 0.2% และข้อมูลล่าสุดในเดือนนี้ ณ เมื่อวาน อยู่เพียงแค่ระดับ 1.29% เท่านั้น
    เราได้มีการคำนวณ Sensitivity ของราคาหุ้น DELTA ที่จะมีต่อดัชนี SET และ SET50 ในวันนี้ หากราคาหุ้นปรับตัวลงมาในแต่ละช่วง โดยหากราคา DELTA ลงมาแถวบริเวณ 95 บาทซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงกับราคาที่ทำดีลเมื่อคืนนี้ จะได้ว่าถ้าราคาหุ้นตัวอื่นๆ เท่าเดิม SET Index จะปรับลงในวันนี้ได้ 0.6% มาอยู่ที่ 1,473.0 จุด และ SET50 จะปรับลงได้ 0.9% มาอยู่ที่ 901.6 จุด ยังเหลือช่องว่างของดัชนี SET ในหุ้นอื่นๆลงมาอีก 10 จุด ทำให้เรามั่นใจในวันนี้ว่าดัชนี SET จะไม่หลุดจุดต่ำสุดเดิมที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ที่บริเวณ 1,460 จุด
    Valuation checkup: ยังคงมองว่าในช่วง 1 เดือนข้างหน้านี้ หากเห็น SET Index ต่ำกว่าบริเวณ 1,500 จุด ถือเป็นโซนที่น่าสนใจในการเข้าสะสมหุ้นได้ โดยในเชิงของ Valuation หากเราใช้มาตรวัด PE ของตลาดหุ้นไทยที่ตัดหุ้น DELTA ออกไป จะพบว่าได้มีการปรับลดลงมาสู่ค่าเฉลี่ยเรียบร้อยแล้ว
    ขณะเดียวกัน หากเราใช้มาตรวัด PBV ซึ่งมักมีเสถียรภาพในช่วงที่ตลาดปรับตัวลง โดยยึดสถิติในอดีตที่เราเคยทำการศึกษามาพบว่า ค่าเฉลี่ย PBV ตลาดหุ้นไทยที่จุดต่ำสุดในแต่ละรอบนั้น มักจะอยู่ที่ระดับ 1.39x ซึ่งหากนำมาคูณกับระดับ BVPS ของดัชนี SET ณ ปัจจุบันที่ 1055.8 จะได้ระดับ Downside ของ SET อยู่ที่ 1468 หรือเป็นระดับที่อยู่ต่ำกว่าปัจจุบันเพียงไม่ถึง 1% แล้ว
    สำหรับประเด็น DELTA นั้น เป็นที่น่าติดตามอย่างยิ่งว่าจำนวน Free float ในตลาดที่จะเพิ่มสูงขึ้น จะนำมาสู่ปริมาณการซื้อขายของตัวหุ้นที่สูงขึ้นด้วยในช่วงเดือนต.ค.และเดือนพ.ย.หรือไม่ หากสูงขึ้นและทำให้ Turnover ratio ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายอยู่สูงกว่าเดือนละ 2% ก็คาดว่าสุดท้ายแล้ว DELTA จะสามารถดำรงอยู่ต่อไปในดัชนี SET50 และ SET100 ได้
    ในทางกลับกัน หากมีเดือนใดเดือนหนึ่งที่ไม่สามารถทำ Turnover ratio ได้ถึง 2% ตัวหุ้น DELTA ก็จะหลุดออกจากดัชนีสำคัญในรอบถัดไปทันที เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีจำนวนทั้งหมด 3 เดือนแล้วที่ตัวหุ้นไม่ถูกนับข้อมูลการซื้อขาย นั่นก็คือเดือนเมษายน มิถุนายน และกรกฎาคม จากการติดเกณฑ์เชิงคุณภาพที่ตัวหุ้นถูกขึ้นบัญชี Trading alert list นั่นเอง
    ไม่ว่าสุดท้าย DELTA จะหลุดหรือไม่หลุดจากดัชนี SET50/SET100 ตัวหุ้นที่เราคำนวณแล้วพบว่ามีโอกาสเข้าสู่การคำนวณดัชนี SET50 ในรอบถัดไปแล้วแน่ๆ ก็คือหุ้น JMT ซึ่ง ณ วันนี้มี Market cap เฉลี่ยขึ้นมายืนแถวอันดับที่ 46 เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้ง Volume การซื้อขายที่หนาแน่นไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด หากสุดท้าย DELTA ไม่หลุด คาดว่าจะเป็นหุ้น TIDLOR ที่ถูกถอดออกจาการคำนวณดัชนี SET50 เพื่อหลีกทางให้ JMT เข้ามาแทน

    โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร ซิมาภรณ์
    .....

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    สหรัฐฯ มีแนวโน้มจะเดินหน้าเข้าสู่ภาวะ “ชัตดาวน์” ปิดหน่วยงานรัฐบางส่วนภายในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า หลังกลุ่ม ส.ส.ขวาจัดจากพรรครีพับลิกันคว่ำพยายามเฮือกสุดท้ายของสภาคองเกรสในการผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวก่อนถึงกำหนดเส้นตาย 30 ก.ย. ท่ามกลางความกังวลว่าการเบิกจ่ายงบที่สะดุดลงครั้งนี้อาจกระทบทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่การดำเนินงานของอุทยานแห่งชาติในสหรัฐฯ เรื่อยไปจนถึงวงเงินสนับสนุนสงครามยูเครน
    .
    หน่วยงานภาครัฐทั้งหมด ยกเว้นเฉพาะบริการที่สำคัญๆ จะยุติการปฏิบัติงานตั้งแต่เที่ยงคืนวันนี้ (30 ก.ย.) เป็นต้นไป หากสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงผ่านร่างงบประมาณได้ ซึ่งจะถือเป็นวิกฤตชัตดาวน์ครั้งแรกของสหรัฐฯ นับตั้งแต่ปี 2019 ขณะที่พนักงานของรัฐและทหารนับล้านๆ คนอาจต้องทำงานโดยได้รับเงินเดือนล่าช้า
    .
    สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐฯ ยังไม่สามารถผ่าทางตันเรื่องงบประมาณได้ หลังมี ส.ส.รีพับลิกันกลุ่มหนึ่งคัดค้านร่างงบประมาณระยะสั้น (stopgap measures) ที่เสนอโดย เควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาฯ ซึ่งก็เป็นคนของรีพับลิกันเอง โดยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้สะท้อนถึงความแตกแยกภายในพรรครีพับลิกันก่อนศึกเลือกตั้งปี 2024 ที่อดีตผู้นำสายขวาจัดอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ หวังจะกลับมาทวงบัลลังก์ทำเนียบขาว
    .
    ชาลันดา ยัง ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและงบประมาณของทำเนียบขาว (Office of Management and Budget – OMB) ระบุว่า “ยังพอมีโอกาส” ที่สหรัฐฯ จะหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์ได้หาก ส.ส.รีพับลิกันเลิกขัดแย้งกันเอง ขณะที่ คารีน ฌ็อง-ปิแอร์ เลขานุการฝ่ายมวลชนของทำเนียบขาว ออกมาประกาศชัดเจนว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ไม่ต้องการเข้ามาก้าวก่ายเรื่องนี้
    .
    ภาวะชัตดาวน์ปิดหน่วยงานรัฐจะส่งผลให้อุทยานแห่งชาติเกือบทุกแห่งในสหรัฐฯ ต้องปิดให้บริการตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป ขณะที่ ลาเอล เบรนาร์ด ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของทำเนียบขาว ออกมาเตือนผ่านสื่อ CNBC ว่า การชัตดาวน์จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ตกอยู่ในความเสี่ยง “โดยไม่จำเป็น”
    .
    เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เตือนว่าการปิดหน่วยงานรัฐจะกระทบต่องานซ่อมบำรุงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ขณะที่ศูนย์เพื่อยุทธศาสตร์และนานาชาติศึกษา (Center for Strategic and International Studies - CSIS) เผยแพร่รายงานเมื่อวันศุกร์ (29) ว่า “ในขั้นเฉพาะหน้านี้ การชัตดาวน์จะทำให้ GDP สหรัฐฯ ลดลง 0.2% ในทุกๆ สัปดาห์ที่ผ่านไป”
    .
    สถานการณ์ยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นยังจุดประเด็นคำถามเกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐฯ ในการสนับสนุนอาวุธและเงินทุนช่วยเหลือยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซีย เนื่องจาก ส.ส.รีพับลิกันสายฮาร์ดไลน์ที่ขวางร่างงบประมาณชั่วคราวนั้นต้องการบีบให้รัฐบาล ไบเดน หยุดมอบความช่วยเหลือแก่เคียฟด้วย
    .
    ที่มา: เอเอฟพี
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ยกเครื่อง ปรับปรุงกิจการ อะไรทำนองนั้น
    ได้รับตำแหน่งให้มาดูแลแทนพ่อ แต่ไม่จำเป็นต้อง "สานต่อ" เป๊ะๆ ... อาจจะ "ล้างบาง" แล้วปฏิรูปใหม่ก็ได้ ไปทางไหนล่ะ??? นี่ล่ะที่คนจับตา องค์กรการกุศลมันจะปฏิรูปอะไรได้นักหนา
    (เพจเดือดฯ เคยโพสต์เป็นข่าวครึกโครมไปแล้วนะครับ เมื่อเดือน มิ.ย. นี้เอง ว่า "จอร์จ โซรอส" ล้างมือในอ่างทองคำ ไม่ยุ่งเรื่องเงินๆ ทองๆ แล้ว และแม้แต่ทางการกุศลก็ไม่ยุ่ง ปล่อยให้ลูกทำหมด)
    "อเล็กซ์ โซรอส" เข้ามากุมบังเหียนมูลนิธิ "โอเพ่น โซไซตี้ ฟาวน์เดชั่นส์" Open Society Foundations มูลค่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และล่าสุด จ้าง "ดีลอยท์" เข้ามาเป็นที่ปรึกษาในการเปลี่ยนโฉมและเปลี่ยนไส้องค์กรใหม่
    ระหว่างที่กำลังแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ ก็งดบริจาคชั่วคราว 5 เดือน นับตั้งแต่ ต.ค. นี้ และจะ "เลย์ ออฟ" ปลดพนักงานออก 40%
    เราไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง ก็ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ ... แต่การจ้างงานก็ถือเป็นการทำกุศลอย่างหนึ่งหรือเปล่า ให้คนมีงานมีเงินมีกิน ก็ไม่รู้สินะ
    https://www.bloomberg.com/news/arti...-s-open-society-foundations?srnd=premium-asia

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ต้นกำเนิดของ เครป ( Crepe )

    เครป ( Crepe ) เป็นขนมที่มีต้นกำเนิดมาจาก ทางตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส ในยุคแรกเริ่ม ของเครปนั้น เป็นอาหารของชาวบริตตัน แคว้นบริตตานี ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งใช้ แป้งบัควีต ( Buck Wheat ) มายวดกับน้ำมัน และเกลือจนได้ แป้งโด ( dough ) แล้วนำมาอบด้วยหินร้อน ๆ ซึ่งเรียกขนมนี้ว่า “กาเล็ตต์ ( galettes )” กินกับเนยแข็งและมันฝรั่งแทนขนมปัง โดยเฉพาะในยามข้าวยากหมากแพงอย่าง ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 คำว่า เครป ( Crepe ) ในภาษาฝรั่งเศสมีความหมายว่า ผ้าแพร
    ส่วนคำว่า เครปมาจากคำว่า Crispus ในภาษาละตินซึ่งแปลว่า “ม้วน”

    รูปแบบดั้งเดิมของฝรั่งเศส มีลักษณะเป็นแป้งเนื้อนิ่ม ส่วนมากเสิร์ฟแบบพับสามเหลี่ยมเช่นกัน ในอดีตมีการทาเนย โรยน้ำตาล หรือใส่ไส้ด้วยผลไม้ เห็ด เนยแข็ง และแฮม แต่ปัจจุบันคิดปรับปรุงสูตรใหม่ให้เข้ากับยุคสมัยและความนิยมของคนในแต่ละท้องถิ่นหรือประเทศนั้น ๆ เครป ที่ทอดสุกแล้ว มีลักษณะเป็นวงกลมสีเหลืองทองคล้ายกับดวงอาทิตย์ จึงเป็นขนมที่ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของดวงอาทิตย์ ใช้ในการเสี่ยงทายของสังคมเกษตรในเทศกาลวัน ลา ฌองเดอเลอร์ ( La Chandeleur )

    https://www.mkunigroup.com/blog_mkunigroup.php?id=47

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    "เจียะป้าบ่อสื่อ," เป็นภาษาแต้จิ๋ว แปลตรงตัวคือ "กินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำ" นอกจากหาเรื่องไปเรื่อย”เป็นคำพูดที่ใช้ด่าว่าคนที่ขยันในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องพอกินอิ่มมีเรี่ยวมีแรงขึ้นก็ทำโน่นทำนี่ไปเรื่อยแต่เรื่องที่ควรทำกลับไม่ทำ ชอบทำแต่เรื่องที่ไม่เข้าท่า หรือสร้างเรื่องสร้างราวขึ้นมาว่าตัวเองเป็นคนทำงาน ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย

    ที่มา
    https://www.naewna.com/politic/columnist/29350

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    บี้ติด!!! "บีวายดี" EV จีน ฟัด "เทสลา" EV อเมริกา --- หายใจรดต้นคอแล้ว
    ยอดขายไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ปรากฏว่า "บีวายดี" ซัดไป 431,603 คัน ไล่จี้ "เทสลา" ซึ่งหดลงมา ที่ 435,059 คัน
    เท่ากับว่าห่างกันแค่ 3,456 คัน --- แคบมากนะครับท่าน!!! แคบที่สุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่แข่งซิ่งกันมา
    (โปรดดูภาพประกอบในคอมเมนต์)
    อีกนิดเท่านั้นเอง

    นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส ที่ยอดขาย "เทสลา" ตกลง --- พอดีกับจังหวะที่ "บีวายดี" พุ่งขึ้นแรง (เด้ง 23% จากไตรมาสก่อน)

    ลุ้นไตรมาสถัดไป --- เมื่อไหร่แซง!
    .
    *** หมายเหตุ นี่นับเฉพาะ BEV (Battery Electric Vehicle) คือ EV แท้ๆ ที่ใช้แบตเตอรี่ล้วนๆ นะครับท่าน แต่ถ้ารวม PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle : ไฮบริด 2 อย่าง - ใช้แบตฯ ก็ได้ สวิตช์ไปใช้น้ำมันก็ได้) เข้าไปด้วย ยอดขายของ "บีวายดี" จะเป็น 822,094 คัน
    .
    ทั้งนี้ "บีวายดี" กำลังสู้ ทำการตลาดแบบสุดๆ
    กวาดให้ทั่ว --- เล่นทั้ง "ไฮ-เอนด์" จับลูกค้ากลุ่มรถหรู ออกแบรนด์ใหม่ "หย่างว่าง" 仰望 Yangwang และ "ฟางเฉิงเป้า" 方程豹 Fang Cheng Bao (ระดับ คันละ 1 ล้านหยวนขึ้นไป)
    นี่คือแพงกว่ารุ่นหรูสุดของ "บีวายดี" เกิน 2 เท่าเลยนะครับท่าน

    และแน่นอน ตลาดราคาย่อมเยาก็ต้องเอาเน้นๆ --- เพิ่งออกรุ่นใหม่ Seagull (นกนางนวล) และ Dolphin (ปลาโลมา)
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    รู้ไว้ซะ นับตั้งแต่วันนี้ (1 ต.ค. 2023) จะไทยหรือจะชาติไหนก็ตาม ส่งออกไปยังสหภาพยุโรป (EU) จะไม่เหมือนเดิมต่อไปอีกแล้ว!!!
    “ภาษีคาร์บอน” เพื่อลดโลกร้อน มันมาหลอกหลอนซึ่งๆ หน้า --- นั่นหมายความว่า พ่อค้าแม่ค้าที่จะส่งออกไปยังยุโรป จักต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของเขา
    เก็บภาษีจริงน่ะ อีก 3 ปีข้างหน้า แต่ “วันนี้” ต้องเริ่มเข้าสู่กระบวนการแล้ว --- ผลกระทบ คือ พ่อค้าแม่ค้าต้องรายงาน {ปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์} ในกระบวนการผลิตสินค้าของท่าน หากสินค้า ได้แก่ ซีเมนต์ / สินแร่เหล็ก / เหล็กกล้า / อลูมิเนียม / ปุ๋ย / ไฟฟ้า / ไฮโดรเจน … นี่แค่เบื้องต้นเบาะๆ ไปก่อน
    ไม่ง่ายนะครับท่าน --- ปวดขมองกันไปตามๆ กัน
    … จะไปทำรายงานท่าไหนยังไง --- ก็ไม่แคล้วต้องจ้างขบวนการของฝรั่งอีก เสร็จมันทั้งขึ้นทั้งล่อง!!
    ถ้าอีก 3 ปีข้างหน้า บริษัทส่งออกต้องควบคุมโรงงานให้ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกินกำหนด มิฉะนั้น ก็นั่นล่ะครับท่าน ต้องจ่ายชดเชย offset เป็นค่า “คาร์บอน เครดิต” EU Allowance ในตลาด EU Emissions Trading System (EU ETS) --- สังเกตนะจ๊ะ มีคำ EU แปะหน้าทั้งนั้น นั่นคือสหภาพยุโรปจัดแจงไว้เสร็จสรรพ จ่ายมาซะดีๆ จ้ะพี่จ๋า!!
    มิฉะนั้น ก็จ่ายเป็น “ภาษีคาร์บอน” ไป
    (ทางที่ประเสริฐสุด พึงลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในการผลิตของท่าน เพื่อช่วยกันลดโลกร้อน --- ทำแบบนี้ได้ ก็ไม่ต้องจ่ายเลยนะ … แหม คนคิดนี่ช่างใจบริสุทธิ์ผุดผ่องจริงๆ)
    ก็เริ่มแล้วนะครับท่าน --- เริ่มเบาๆ เริ่มจากแค่ไม่กี่อุตสาหกรรมก่อน และเริ่มจากรายงาน ยังไม่เก็บจริง
    แต่ เดี๋ยวก็ไม่รอดแน่ --- มันจะขยายไปหลายหลากอุตสาหกรรม และเก็บจริงไม่ติงนังในอีกไม่นานเกินรอ
    กระทบต่อหลักการ “การค้าเสรี” หรือไม่ --- จีนกับรัสเซียก็ท้วงอยู่
    อเมริกาเองก็ฮึดฮัด กระทุ้งไปทาง EU … อย่างน้อยก็ขออย่าเพิ่งรวบการส่งออกเหล็กกล้าและอลูมิเนียมละกัน ได้มั้ย
    ก็ไม่รู้สินะ
    มันก็เป็นกลไกด้วยล่ะครับท่าน --- ตลาด “คาร์บอน เครดิต” ที่ EU จัดตั้งขึ้นนั้น คึกคักอย่างยิ่ง
    ปี 2020 ราคา “คาร์บอน เครดิต” แถวๆ 20 ยูโร/ตัน เท่านั้นเอง … แต่มาตอนนี้ วิ่งราวๆ 80-100 ยูโร/ตัน
    ยิ่งคนจำเป็นต้องซื้อหา ราคาก็ยิ่งดี
    ที่แล้วมา แค่ประเทศใน EU ที่ต้องซื้อ … แต่เมื่อบังคับประเทศที่จะส่งออกมายัง EU ด้วยแล้ว ก็จะมีแรงซื้อ demand ทบเข้ามาอีก
    ใสๆ
    มามะ มาช่วยลดโลกร้อนกันเถิดจ้า
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    Oct 2, 2023 ต้านไม่ไหว! ตรึงราคาดีเซลจนใช้เงินกู้ก้อนแรก 55,000 ล้านบาทหมด จ่อกู้เพิ่มอีกหวังตรึงดีเซลลิตรละ 30 บาท กองทุนน้ำมันติดลบแล้วกว่า 64,000 ล้าน
    .
    แหล่งข่าวในสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า ปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใช้วงเงินกู้ 55,000 ล้านบาท ซึ่งกู้มาเติมในกองทุนดังกล่าวโดยพิจารณาเป็นประเภทหนี้สาธารณะหมดแล้ว เนื่องจากใช้วงเงินจำนวนนี้กับการอุดหนุนราคาดีเซลที่ประมาณ 6-7.30 บาทต่อลิตร มูลค่าอุดหนุนดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ประมาณ 5 บาทต่อลิตร ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกในประเทศมีราคาไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร
    .
    ราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกที่แท้จริงทุกวันนี้อยู่ที่ลิตรละ 32 บาท หากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับสูงขึ้นไปมากกว่านี้อีก จะถือว่าฉุกเฉินแล้ว กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอาจต้องนำเรื่องเข้าเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบเกี่ยวกับสถานการณ์แท้จริง เนื่องจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใช้เงินกู้เต็มเพดานแล้ว จึงอาจจำเป็นที่ต้องใช้วงเงินอุดหนุนเพิ่มเติม โดยจะเป็นเงินส่วนที่เหลืออีกประมาณ 55,000 ล้านบาท จากวงเงินกู้ก้อนแรกทั้งหมด 110,000 ล้านบาท จากการพิจารณาสถานการณ์นั้น น่าจะเพียงพอในการดูแลราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ในกรอบวงเงินกู้ทั้งสิ้น 150,000 ล้านบาท
    .
    ปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลสำเร็จรูปตลาดสิงค์โปร์ปรับตัวสูงขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 120-125 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งถือสูงเกินกว่าที่คาดไว้ จากเดิมเคยประเมินว่าราคาจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 115 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
    .
    ทั้งนี้ สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงถึงวันที่ 24 กันยายน 2566 มีมูลค่า -64,419 ล้านบาท ประกอบด้วยบัญชีน้ำมัน -19,570 ล้านบาท บัญชีก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) -44,849 ล้านบาท
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://shorturl.asia/XUNof
    .
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/c/MisterBan
    X: https://twitter.com/BTimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/
    .
    #กองทุนน้ำมัน #ดีเซล #ราคาน้ำมัน #เศรษฐกิจ #หนี้สาธารณะ #พลังงาน #BTimes

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    Oct 3, 2023 คนไทยอ่วม! กองทุนน้ำมันแอ่นอกใช้เงินกู้เพิ่มกว่า 50,000 ล้านบาท หลังเห็นสัญญาณราคาดีเซลโลกพุ่งถึง 130 ดอลลาร์

    นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง กล่าวว่า ได้ประมาณการราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกจะอยู่ที่ 115 -130 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ราคาเชื้อเพลิงยังคงเผชิญความเสี่ยงจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลัก คือ การปรับลดอัตราการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกและโอเปกพลัส ดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงสูง ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ จะยังคงเป็นเครื่องมือหลักในการบริหารจัดการเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้เหมาะสมโดยเฉพาะน้ำมันดีเซล และก๊าซ LPG ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงสำคัญมีผลกระทบต่อค่าครองชีพประชาชน

    คาดว่าจะสามารถนำวงเงินกู้ยืมที่ยังเหลืออีก 50,333 ล้านบาท มาช่วยรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันในประเทศได้ตามวัตถุประสงค์ที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกำหนดไว้

    นอกจากนี้ จะทบทวนแผนยุทธศาสตร์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 5 ปี (พ.ศ.2568-2572) เพื่อปรับปรุงยุทธศาสตร์การรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ในกรณีที่เกิดวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงว่า หลักเกณฑ์ระดับราคาที่เหมาะสมของเชื้อเพลิงควรอยู่ที่เท่าใดเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

    สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันฯสุทธิ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2566 พบว่า - 65,732 ล้านบาท ประกอบด้วย บัญชีน้ำมัน -20,806 ล้านบาท บัญชีก๊าซธรรมชาติแอลพีจี -44,926 ล้านบาท

    ในช่วงปี 2565 ที่ผ่านมา ฐานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเคยติดลบสูงสุดถึงกว่า -130,000 ล้านบาทได้ทยอยลดลง หลังจากรัฐบาลมีมาตรการนำกลไกลดภาษีสรรพสามิตดีเซลเข้ามาช่วยพยุงราคาน้ำมัน และกองทุนทยอยลดการอุดหนุนน้ำมันดีเซล

    นอกจากนี้ การออกพระราชกำหนดผ่อนผันให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2565 ได้มีส่วนช่วยทำให้สภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯ ปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ โดยสถานะการกู้ยืมเงินของ สกนช. ได้ทยอยกู้ยืมเงินโดยสอดคล้องกับแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปี 2566 โดยลงนามในสัญญากู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินรวม 105,333 ล้านบาท ปัจจุบัน สกนช. เบิกเงินกู้ยืมแล้วจำนวน 55,000 ล้านบาท และมีวงเงินกู้ยืมที่เบิกได้อีก 50,333 ล้านบาท

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    Facebook: https://m.facebook.com/btimesch3/
    YouTube: https://m.youtube.com/c/MisterBan
    Twitter: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/

    #ราคาน้ำมัน #ราคาน้ำมันวันนี้ #ดีเซล #กองทุนน้ำมัน #เศรษฐกิจ #กู้เงิน #BTimes
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    Oct 2, 2023 พยุงค่าไฟ! กฟผ.นำเข้า LNG ราคาถูกใช้ในโรงไฟฟ้าบางปะกง 1.2 ล้านตันต่อปี ช่วยพยุงราคาค่าไฟ
    .
    นางจิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการธุรกิจเกี่ยวเนื่อง รักษาการในตำแหน่ง ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ. ดำเนินการจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) สัญญาระยะสั้น ตั้งแต่ปี 2566 จนถึงปี 2570 ปริมาณ 1.2 ล้านตันต่อปี ตามมติของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2566 ด้วยวิธีแข่งขันราคา เพื่อใช้ในโรงไฟฟ้าบางปะกงของ กฟผ. รองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเรือขนส่ง LNG ลำแรกเข้าเทียบท่าสถานี LNG มาบตาพุด แห่งที่ 2 จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2566
    .
    การจัดหาและนำเข้า LNG ครั้งนี้ กฟผ. ได้ดำเนินการตาม (ร่าง) แนวปฏิบัติการจัดหา LNG ที่กำหนดโดย กกพ. สำหรับกลุ่มผู้จัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติที่จัดหา LNG เพื่อนำมาใช้กับภาคไฟฟ้าที่ขายเข้าระบบ และกลุ่มที่จัดหา LNG เพื่อใช้กับโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้ขายไฟฟ้าเข้าระบบ ภาคอุตสาหกรรม และกิจการของตนเอง ซึ่งได้ราคาต่ำกว่าราคาเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดโดยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)
    .
    ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา กฟผ. ได้นำเข้า LNG ในราคาที่เหมาะสมตามสถานการณ์ตลาดโลก อีกทั้งเป็นไปตามแนวทางการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซธรรมชาติระยะที่ 1 และ 2 เพื่อใช้ในโรงไฟฟ้า ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าต่อหน่วยต่ำลง ช่วยลดภาระประชาชนได้จริง
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://shorturl.asia/sM21h
    .
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/c/MisterBan
    X: https://twitter.com/BTimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/
    .
    #LNG #กฟผ #โรงไฟฟ้าบางปะกง #ค่าไฟฟ้า #BTimes
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    Oct 3, 2023 ทิ้งหุ้นไทย! หาจุดต่ำสุดดัชนีหุ้นไทยไม่เจอ แห่เทขายฉุดดัชนีหุ้นดิ่งเหวลึกกว่า -26 จุด ปิดครึ่งวันนนี้หลุด 1,450 จุด คาดเปิดบ่ายแห่เทขายหนักต่อไป

    ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รายงานสภาพการลงทุนในดัชนีหุ้นไทย ปิดครึ่งวันนี้ 3 ตุลาคม 2566 เมื่อเวลา 12.30 น. พบว่า ดัชนีหุ้น SET Index ปิดที่ระดับ 1,448.46 จุด ทรุดแรงถึง -21.00 จุด หรือ -1.43% มีมูลค่าซื้อขายสุทธิ 33,027 ล้ายบาท อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้น SET Index ทรุดหนักระหว่างวันที่ระดับ 1,443.24 จุด หรือร่วงหนักลึกสุดถึง -26.22 จุด

    สภาพการลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่ย่ำแย่ต่อเนื่องมาถึงช่วงครึ่งวันนี้ ยังส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงค่าดัชนีหุ้นไทย SET Index ในแต่ละระยะเวลาที่ตกต่ำด้วย โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา หรือระหว่างวันที่ 4 กันยายน ถึงวันที่ 2 ตุลาคม 2566 พบว่า ดัชนี SET Index ดำดิ่งเหวถึง -79.22 จุด หรือทรุดหนักมากถึง -5.12% สำหรับในรอบ 3 เดือนผ่านมา ตกต่ำถึง -2.24% ในรอบ 6 เดือนผ่านมา ทรุดแรงถึง -8.68% และนับตั้งแต่ต้นปีนี้ พบว่า ดิ่งเหวลึกกว่า 11.94% หรือ -209.51 จุด

    สาเหตุจากนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยโดยเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศไม่มั่นใจในการลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง โดยเทขายหุ้นไทยอย่างรุนแรงตลอดเวลาผ่านมา โดยมีมูลค่าขายสุทธิเมื่อวานนี้ 2 ตุลาคม 2566 จำนวน -669 ล้านบาท ที่สำคัญ ตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2566 นักลงทุนต่างประเทศเทขายหุ้นไทยรวมทั้งสิ้น -157,840 ล้านบาท นอกจากนี้ เฉพาะเดือนกันยายนที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว พบว่า นักลงทุนต่างประเทศแห่เทขายหุ้นไทยไปกว่า 21,972.88 ล้านบาท

    ด้านบริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีฯ เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้อ่อนตัวแนวรับ 1,460-1,465 จุด เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน โดยแรงกดดันหลักยังคงเป็นเงินลงทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นไทยไม่สิ้นสุด เป็นผลจากความกังวลเกี่ยวกับธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาคงดอกเบี้ยระดับสูงเป็นเวลานานเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อให้กลับเข้าสู่เป้าหมายที่ 2% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    Facebook: https://m.facebook.com/btimesch3/
    YouTube: https://m.youtube.com/c/MisterBan
    Twitter: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/

    #หุ้น #หุ้นไทย #ตลาดหลักทรัพย์ #ต่างชาติ #เทขายหุ้น #เศรษฐกิจแย่ #เงินบาท #เศรษฐกิจ #BTimes

     

แชร์หน้านี้

Loading...