เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 9 สิงหาคม 2025 at 19:38.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,740
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,836
    ค่าพลัง:
    +26,693
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,740
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,836
    ค่าพลัง:
    +26,693
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ เท่ากับว่าพระเณรของเราเข้าพรรษามา ๑ เดือนเต็มแล้ว เพียงแต่ว่าสามเณรหรือว่าแม่ชี ไม่ได้มีข้อกำหนดว่าจะต้องอยู่ประจำที่เหมือนกับพระภิกษุสงฆ์ ภาษาชาวบ้านเรียกง่าย ๆ ว่า "ไม่นับพรรษา"

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ลำบากแต่พระเรา ถึงเวลาก็ต้องขออนุญาต ที่เรียกว่า "สัตตาหะกรณียะ" คือ ถ้ามีเหตุจำเป็นในช่วงพรรษา สามารถที่จะออกจากวัดได้ แต่ต้องไม่เกิน ๗ วัน ซึ่งพรุ่งนี้กระผม/อาตมภาพก็ต้องเดินทางอีกแล้ว เพราะว่ามีงานประชุมอบรมพระนวกะ ๒ อำเภอ ก็คือของอำเภอพนมทวน และอำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรีรออยู่ พร้อมกับงานปลุกเสกวัตถุมงคลอีก ๑ งาน ก็ต้องขอสัตตาหะฯ เช่นกัน

    ในส่วนนี้ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของพระที่จะดูแลหรือว่าประพฤติปฏิบัติกันเอง แต่ว่าญาติโยมฟังไว้เป็นข้อมูลก็ดี อย่างเช่นช่วงสงคราม ๕ วันที่ไทยรบกับเขมรที่ผ่านมา ทางราชการไปขอร้องให้พระท่านย้ายออกจากวัดไปที่ศูนย์อพยพ พระท่านบอกว่าในเมื่อไม่แน่ใจว่าจะต้องย้ายนานเท่าไร เกรงว่าจะขาดพรรษา จึงขออยู่กับวัด พูดง่าย ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นจะรับผิดชอบชีวิตของท่านเอง..!

    แล้วมีคนสงสัยว่า ถ้าหากว่าไปเกินเวลาลักษณะแบบนั้น ถือว่าขาดพรรษาหรือไม่ ? อันดับแรกเลย ถ้าหากว่ามีการขอสัตตาหะกรณียะ กลับมาก่อนสว่างของคืนที่ ๗ ไม่ขาดพรรษา

    ประการที่สอง ถ้าหากว่าขอสัตตาหะฯ ไม่ทัน อย่างเช่นว่าวิ่งหนีลูกระเบิด ออกพ้นเขตที่ตนเองจำพรรษาไป แล้วไม่สามารถที่จะกลับมาได้ เพราะว่ามีการรบติดพันอยู่ ขาดพรรษาแต่ไม่ต้องอาบัติ ก็คือพระสงฆ์ของเราถ้าไม่จำพรรษา จะโดนปรับอาบัติปาจิตตีย์ข้อ "ไม่เอื้อเฟื้อพระวินัย" แต่ถ้าเป็นเหตุจำเป็นดังที่ได้กล่าวมา ถึงขาดพรรษาก็ไม่ต้องอาบัติ
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,740
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,836
    ค่าพลัง:
    +26,693
    อีกส่วนหนึ่งก็คือ ถ้าหากว่าอยู่ในลักษณะนั้น ก่อนพ้นคืนนี้เราไปอธิษฐานจำพรรษาในที่ใหม่ได้เลย เขาเรียกกันง่าย ๆ ว่า "จำพรรษาหลัง" บุคคลจำพรรษแรกก็คือตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ถึงขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ เขาเรียกว่า "จำพรรษาแรก"

    แต่ถ้าเป็นการ "จำพรรษาหลัง" จะเริ่มตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๙ คือพรุ่งนี้เป็นต้นไป ไปออกพรรษาวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ คือวันลอยกระทง ถ้าลักษณะนี้ ท่านได้อานิสงส์จำพรรษาเช่นกัน พรรษาไม่ขาด แต่ไม่สามารถที่จะรับกฐินได้ เพราะว่าวันทอดกฐินวันสุดท้ายก็คือวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ก็คือวันลอยกระทง ตนเองกว่าที่จะปวารณาได้ก็ต้องพ้นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ไปแล้ว ทำให้ไม่มีโอกาสที่จะได้รับกฐิน

    ในส่วนนี้จะว่าไปแล้ว พวกเรารับทราบไว้เป็นข้อมูลก็พอ เนื่องเพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นภาระของพระภิกษุสามเณรของเรา ยกเว้นญาติโยมบางท่านที่มีปฏิปทาเลียนแบบพระภิกษุสงฆ์ จะะจำพรรษาตูก็ลองจำบ้าง อย่างนั้นก็ไม่เป็นไร เพราะว่าอย่างเช่นโคปกะอุบาสก เป็นฆราวาสแต่รักษาศีล ๑๐ เหมือนสามเณร ก็ถือว่าเป็นอานิสงส์ส่วนตัวที่ปฏิบัติเคร่งครัดกว่าผู้อื่น แต่อย่าถึงขนาดรักษาศีล ๒๒๗ ข้อแบบพระ เนื่องเพราะว่าเป็นการหาความลำบากใส่ตัวเปล่า ๆ

    อีกส่วนหนึ่ง ช่วงนี้บรรดาพระภิกษุสงฆ์ ตลอดจนกระทั่งตำรวจ ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง ตำรวจได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชามาขอข้อมูลวัด ส่วนพระภิกษุสงฆ์ก็ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้มอบข้อมูลกับทางตำรวจ แต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่ามีปัญหาขึ้นมาก็ต้องแก้ไขกันไม่รู้จบ..!

    เนื่องเพราะว่ามีบุคคลที่โดนฟ้องร้องอยู่สองราย รายแรกเป็นตำรวจยศพันตำรวจโท ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของประชาชนได้ ก็คือสามารถเข้าไปดูข้อมูลที่ทางกระทรวงมหาดไทยเก็บเอาไว้ได้ แล้วก็เข้าไปดูจนนับครั้งไม่ถ้วน คัดลอกข้อมูลไปขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อีกท่านหนึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลบัญชีเงินฝากของทุกคนได้ ก็คัดลอกข้อมูลไปขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เช่นกัน ทั้งสองรายถูกจับและส่งฟ้องศาล แต่จนป่านนี้เรื่องยังเงียบฉี่..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,740
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,836
    ค่าพลัง:
    +26,693
    คราวนี้ข้อมูลส่วนตัวของพระภิกษุ ของไวยาวัจกร และของกรรมการวัด ก็อยู่ในลักษณะข้อมูลส่วนตัว ที่อาจจะโดนขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เช่นกัน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เมื่อถึงเวลา ถ้าหากว่ามีปัญหาเกิดขึ้น ใครจะรับผิดชอบตรงส่วนนี้ ? ต่อให้ทุกคนรู้เท่าทันก็ต้องรำคาญที่พวกนั้นโทรมาไม่แล้วไม่เลิก แล้วอีกอย่างหนึ่ง ในสมัยนี้แค่รู้ข้อมูลบัญชีเงินฝากก็พอแล้ว ที่เหลือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สามารถที่จะเข้าถึงเงินฝากของเรา และโยกย้ายไปให้ตัวเองได้เลย..!

    จะว่าไปแล้ว เรื่องเหล่านี้ถ้าหากว่าพระเราไว้ใจไม่ได้ ถึงขนาดกลายเป็นภัยคุกคาม ต้องตามเก็บข้อมูลกันแบบนี้ แล้วจะให้เราไว้ใจบุคคลที่เก็บข้อมูลไปได้อย่างไร ? จึงกลายเป็นปัญหาแบบงูกินหาง ก็คือวนไปวนมา ไม่รู้จบ ประมาณ "พายเรือในอ่าง..!"

    โดยเฉพาะหลวงปู่หลวงตาพระบ้านนอก ไม่มีความรู้อะไร ก็มักจะโดนข่มขู่ ไม่ใช่ในลักษณะไปขอแบบให้เกียรติ คำพูดชุ่ย ๆ ประเภทที่ว่า "ถ้าไม่ได้ทำผิดต้องกลัวอะไร ?"
    ก็ลองอยู่ ๆ ตำรวจบุกบ้านมึงไป ๗ คน ๘ คนขอข้อมูลดู ต่อให้มึงไม่ผิดอะไร ชาวบ้านเขาก็มองในแง่ไม่ดีไปแล้ว สารพัดที่เขาจะคิด สารพัดที่เขาจะพูด กลายเป็นจำเลยสังคมไป ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำผิดอะไรเลยนั่นแหละ..!

    เรื่องพวกนี้ จริง ๆ แล้วต้องปล่อยให้คณะสงฆ์จัดการกันเอง เพราะว่าคณะสงฆ์ของเรามีทั้งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ที่เป็นกฎหมาย มีทั้งระเบียบ มีทั้งมติของมหาเถรสมาคม ซึ่งเป็นกฎหมายลูกออกมาอีก แล้วยังมีกฎนิคหกรรม เอาไว้สำหรับจัดการพระภิกษุสามเณรที่กระทำผิดอีก แต่ว่าตอนนี้พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ก็ดี ระเบียบ มติ คำสั่งมหาเถรสมาคมก็ดี กฎมหาเถรสมาคมก็ดี ไม่มีความหมายทั้งสิ้น เพราะว่าทางคณะสงฆ์เราไปยื่นดาบให้เขาฟันหัวตัวเอง..! สิ่งที่ตนเองกำหนดเอาไว้ก็เลยกลายเป็น "เขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า" มีระเบียบปฏิบัติอยู่แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะตั้งใจที่จะมองข้ามไปด้วยตนเอง..!

    กระผม/อาตมภาพสงสารบรรดาพระเถระในมหาเถรสมาคมเป็นอย่างยิ่ง คงต้องประชุมวาระพิเศษกันในวันสองวันนี้อีก แล้วก็มาแก้ปัญหาที่ตนเองสร้างขึ้นอีก แต่ละรูปแต่ละท่านล้วนแล้วแต่อายุมาก ๆ ไม่ทราบว่าสุขภาพร่างกายจะแข็งแรงพอที่จะรับแรงเสียดทานได้หรือไม่ ? ก็ต้องปล่อยแล้วแต่เวรแต่กรรมของท่านไปก็แล้วกัน..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...