Featured เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๘

Discussion in 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' started by iamfu, Aug 12, 2025 at 7:34 PM.

Thread Status:
Not open for further replies.
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด Staff Member ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    Joined:
    Sep 25, 2008
    Messages:
    22,739
    Featured Threads:
    2,835
    Ratings:
    +26,693
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๘


     

    Attached Files:

    • อนุโมทนา อนุโมทนา x 1
    • List
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด Staff Member ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    Joined:
    Sep 25, 2008
    Messages:
    22,739
    Featured Threads:
    2,835
    Ratings:
    +26,693
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเจริญพระชนมายุเต็ม ๙๓ พรรษา ย่างเข้า ๙๔ พรรษา ในนามของคณะสงฆ์และคณะศิษย์วัดท่าขนุน ขอถวายพระพรให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

    ทุกท่านจะเห็นว่าในงานทำบุญวันแม่ปีนี้ ญาติพี่น้องของกระผม/อาตมภาพลดน้อยลงไปอีกแล้ว จะว่าไปแล้ว การพลัดพรากจากกันเป็นเรื่องธรรมดา พี่ชายใหญ่กับพี่สาวใหญ่ ซึ่งเกิดกับแม่ใหญ่ที่เมืองจีน ก็เสียชีวิตไปแล้วทั้งคู่ พี่สะใภ้ใหญ่กับพี่เขยใหญ่ที่เมืองจีน ก็เสียชีวิตไปแล้วเช่นกัน

    ทางด้านเมืองไทย โยมแม่ของกระผม/อาตมภาพมีลูกทั้งหมด ๑๓ คน พี่ชายคนโตของแม่นี้คือพี่วิเชียรเสียชีวิตไปแล้ว พี่สาวคนโตคือพี่อรทัยเสียชีวิตไปแล้ว ถัดจากนั้นมาก็ยังมาพี่ประสิทธิ์เสียชีวิตไปอีกเช่นกัน ส่วนพี่บุญมานั้นเสียชีวิตเพราะว่าป่วยตั้งแต่ยังเด็ก ก็แปลว่าญาติพี่น้องหลัก ๆ แล้ว เหลือน้อยลงไปทุกวัน

    เขาถึงได้กล่าวกันว่าเด็กกับคนแก่จะมีวัยวิกฤตของตนเอง เด็กจะมีวัยวิกฤตช่วยเข้าสู่วัยรุ่น ส่วนผู้ใหญ่จะมีวัยวิกฤตช่วงเข้าสู่วัยร่วง..! ก็คือผู้คนรอบข้างลดน้อยถอยลงไปเรื่อย ๆ แม้กระทั่งตนเอง สังขารก็แก่ชราไปทุกวัน

    แม้ว่าเรื่องพวกนี้จะเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่น้อยคนที่จะมีปัญญามองเห็น แล้วบุคคลที่มีปัญญามองเห็น ก็ไม่ใช่ว่าจะยอมรับได้ทุกคน เนื่องเพราะว่าสติ สมาธิ ปัญญาจะต้องสมบูรณ์พร้อมจริง ๆ เมื่อเห็นความเป็นจริงของร่างกาย เห็นความเป็นจริงของโลกแล้ว ถึงจะยอมรับได้ ก็แปลว่าในงานทำบุญวันแม่ทุกปี ก็คงจะมีญาติรุ่นใกล้เคียงกันลดลงไปเรื่อย ๆ

    สิ่งหนึ่งที่กระผม/อาตมภาพระลึกรู้อยู่เสมอก็คือตนเองพร้อมที่จะตายตลอดเวลา เพราะว่าตอนนี้ก็ ๖๖ ปีเต็ม ย่าง ๖๗ ปี มาหลายเดือนแล้ว บรรดาญาติพี่น้องตอนนี้ก็ไม่มีคนไหนอายุต่ำกว่า ๖๐ ปี น้องสาวคนเล็กสุดอายุ ๖๐ ปีถ้วน ย่าง ๖๑ ปีแล้ว คนแก่ก็เหมือนกับผลไม้สุก รอวันที่จะหลุดร่วงจากขั้วไปเท่านั้น ดังนั้น..สิ่งเดียวที่จะเหลืออยู่ก็คือคุณงามความดี ที่เราจะสร้างสมไว้ให้คนรุ่นหลังได้ระลึกถึง
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด Staff Member ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    Joined:
    Sep 25, 2008
    Messages:
    22,739
    Featured Threads:
    2,835
    Ratings:
    +26,693
    พวกท่านทั้งหลายที่เป็นพระภิกษุสามเณร ถ้าหากว่าบวชเข้ามา ก็จะมีจำนวนหนึ่งที่เข้ามาเพราะว่าอยากดี อยากเด่น อยากดัง เหมือนครูบาอาจารย์ ซึ่งนั่นไม่ใช่ความผิด แต่ว่าเราต้องดี เด่น ดัง แบบบุคคลผู้มีปัญญา ก็คือค่อยเป็นค่อยไป เพราะว่าบรรดาบุคคลที่เด่นดังขึ้นมาในขณะที่กำลังใจของตนเองยังสู้กิเลสไม่ได้นั้น ท่านทั้งหลายก็เห็นอยู่แล้วว่าไปไม่รอดสักราย..!

    อย่างบรรดาอดีตพระเถระที่เสียท่า "สีกากอล์ฟ" แล้วต้องสึกหาลาเพศออกไปเป็น ๑๐ ราย คาดว่าเรื่องวุ่นวายในหมู่คณะสงฆ์ของเรา พรุ่งนี้น่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เพราะว่าสำนักงานเลขาธิการมหาเถรสมาคม ซึ่งคณะทำงานก็คือข้าราชการในสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ออกข้อสรุปออกมาให้พวกเราดำเนินการ ก็จะนำข้อสรุปนี้ไปกราบเรียนกรรมการมหาเถรสมาคม คาดว่าจะได้มีมติออกมาอย่างเป็นทางการ

    คราวนี้จากที่กระผม/อาตมภาพได้รับข่าวคราวมาจากสารพัดทิศทาง เมื่อกรองข่าวทั้งหมดแล้ว ปรากฏว่าที่บรรดารัฐมนตรีก็ดี ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ก็ดี ข้าราชการในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ตาม "ได้รับงานมา" เพื่อให้ดำเนินการตรงนี้..!

    เรื่องราวนั้นเริ่มจากเจ้าคุณ (ก.) ต้องใช้ชื่อสมมติ ในวัดใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งใกล้ชิดพระมหาเถระผู้มีอำนาจในมหาเถรสมาคม ต้องอาบัติปาราชิก โดนตัดตอนให้สึกหาลาเพศไป ประมาณว่าหายสาบสูญไปแบบเงียบ ๆ แต่ปรากฏว่าท่านเจ้าคุณ (ข.) มีปัญหาขึ้นมาอีก ก็ได้รับคำสั่งแบบเดียวกัน ก็คือตัดตอนด้วยการให้สึกหาลาเพศไป

    แต่ผู้ร่วมงานของท่านเจ้าคุณ (ข.) คือ ท่านเจ้าคุณ (ค.) กับ ท่านเจ้าคุณ (ง.) เกรงว่าเรื่องนี้จะจบง่ายไป เพราะทำงานร่วมกันมา แล้วโดนท่านเจ้าคุณ (ข.) บี้มาเยอะ..! จึงส่งข้อมูลให้กับทางด้านตำรวจและผู้สื่อข่าว ก็เลยกลายเป็นโยนระเบิดลงในส้วม..! ทำเอาเรื่องลุกลามใหญ่โต จนกระทั่งอดีตพระมหาเถระระดับเจ้าคณะภาค รองเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด หรือเจ้าอาวาสพระอารามหลวง สึกหาลาเพศไปนับ ๑๐ รูป กลายเป็นเรื่องสะเทือนขวัญของพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนา..!

    ก็เลยมีผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งเห็นว่า โดยปกติแล้วฝ่ายตนเองนั้นบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่ในเมื่อเกิดเหตุแบบนี้ ก็ต้องอยู่ในลักษณะที่ว่า "ถ้ากูชั่ว พวกมึงก็เลว" จึงได้คบคิดกับดร.(จ.) กับดร.(ฉ.) ออกกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ออกมา แล้วก็ไปเสนอท่านรัฐมนตรี (ช.) พร้อมกับตำรวจผู้ดำเนินการ ก็คือท่าน (ซ.)
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด Staff Member ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    Joined:
    Sep 25, 2008
    Messages:
    22,739
    Featured Threads:
    2,835
    Ratings:
    +26,693
    พูดง่าย ๆ ว่าดำเนินการในลักษณะที่ตนเองมั่นใจว่า ฝ่ายของตนมีไวยาวัจกรดูแลเรื่องการเงิน โอกาสกระทบกระเทือนมีน้อยมาก ก็คือถ้าหากว่าตนเองเสียหาย อีกฝ่ายก็ต้องเสียหายมากกว่า จนกระทั่งกลายเป็นเรื่องใหญ่ สะเทือนไปทั้งวงการคณะสงฆ์ไทย โดยที่สมเด็จพระสังฆราชท่านก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย กว่าจะรู้ไฟก็ไหม้บ้านหนักแล้ว..! พระองค์จึงต้องออกมาระงับยับยั้งเรื่องราว จนกระทั่งกลายเป็นปาหี่เล่นขายของ ก็คือเรื่องต่าง ๆ จบลงเร็วกว่าที่คิด ถ้าอยู่ในลักษณะนี้แปลว่าผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้นชั่วสุด ๆ..! เพราะว่าเท่ากับเอาไฟเผาพวกเดียวกันเอง แต่จะว่าไปแล้ว เราเห็นเขาเป็นพวก เขาจะเห็นเราเป็นพวกหรือเปล่า !?

    เพียงแต่ว่าในระหว่างการดำเนินการนั้น ท่านรัฐมนตรี (ช.) ก็ต้องหาเสียงตามแบบนักการเมือง สัมภาษณ์อะไรก็ "เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น" ส่วนท่านนายตำรวจ (ซ.) เห็นว่าเป็นโอกาสที่กูจะหาแสงได้ กูก็เปิดให้แถลงข่าวกับผู้สื่อข่าวแทบทุกวัน..! แต่ความจริงการกระทำโง่ ๆ แบบนี้ก็ดีไปอย่าง ก็คือทำให้เรื่องใหญ่กว่าที่คิด เมื่อเกิดไฟไหม้บ้านขึ้นมา ท่านผู้ยิ่งใหญ่ก็คงจะรู้ว่าเกินกำลังที่กูจะรับไหวแล้ว ถึงได้กราบทูลสมเด็จพระสังฆราช จนพระองค์ท่านต้องออกมายับยั้งเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

    เราจะเห็นว่าแม้สถานการณ์ละเอียดอ่อนอย่างของพระพุทธศาสนา ก็ยังมีการฉวยโอกาส เหยียบกัน กระทืบกัน ข้ามหัวคนอื่นขึ้นไปเพื่อความเด่นดังของตนเอง จึงไปนึกถึงข้อเปรียบเทียบซึ่งมีผู้รู้กล่าวไว้ว่า พระพุทธศาสนาของเราเหมือนไก่ในเข่งตรุษจีน ก็คือพร้อมที่จะโดนเชือดอยู่แล้ว ก็ยังจิกยังตีกันอีก ทั้ง ๆ ที่อยู่ในกรงเดียวกันนั่นแหละ..! จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายต้องตั้งสติให้ดี ระลึกถึงพุทธพจน์ที่ว่า "ถ้าฝ่ามือไม่มีบาดแผล ย่อมสามารถที่จะจับยาพิษได้โดยไม่ต้องกลัวเกรงอะไร"

    ก็แปลว่าเราท่านทั้งหลายต้องเร่งปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญาให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป จนกระทั่งคนเขายอมรับในคุณงามความดีนั้น ๆ และขอร้อง..! ให้เขายอมรับเพราะว่าเราดีจริง ไม่ใช่ให้เขายอมรับเพราะแรงโฆษณาหรือเหยียบหัวคนอื่นขึ้นไป..! เพราะว่าลักษณะนั้นน่าจะไม่ใช่ภาวะของภิกษุสามเณร พูดง่าย ๆ ก็คือว่าถ้าเป็นนักการเมืองหรือฆราวาสก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าหากว่าอยู่ในผ้าเหลือง แถมยังมีตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โต แบบนั้นก็คาดว่า
    ท่านจะมีทุคติของเป็นที่ไปอย่างแน่นอน..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันังคารที่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
Thread Status:
Not open for further replies.

Share This Page

Loading...