หัวใจของพระพุทธศาสนา.... ความแตกต่างกับศาสนาอื่น ๆ

Discussion in 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' started by มหาหินทร์, Dec 4, 2005.

Tags: Add Tags
  1. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    Joined:
    Sep 5, 2005
    Messages:
    21,454
    Ratings:
    +181,786
    [​IMG]

    พระพุทธรูปทองคำ วัดไตรมิตร กรุงเทพมหานคร






    หากมีชาวต่างชาติ ที่มีความสนใจที่จะศึกษา พระพุทธศาสนา....

    1. หากเขาถามว่า ข้อแตกต่าง(ที่ดี ๆ กว่า) ของพระพุทธศานา กับ ศาสนาอื่น ....
    (เราจะตอบเขาว่า อย่างไร....)

    2. หากเขาถามว่า.... แล้ว "หัวใจ" ของพระพุทธศาสนา คือ อะไร....
    (เราจะตอบว่า อย่างไรดี เขาจึงจะเข้าใจ ได้ดี....)


    วันนี้ ผมเป็นคนต่างชาติ(ที่แล้ว)....

    ช่วย ๆกันตอบ อย่างสร้างสรร เพื่อความเข้าใจของมวลมนุษยชาติ....
    เพื่อเป็นประโยชน์ ต่อการเผยแผ่ธรรม สู่ชาวโลก....
    ที่จะได้เข้าใจ ในพระพุทธศาสนา....

    มหาวิทยาลัย ในต่างประเทศ ก็เริ่มสนใจ ที่จะทำการศึกษาพระพุทธศาสนา กันแล้ว...

    อ้างอิงถึง....หัวเรื่อง.... คริสต์ชนเรียนรู้พุทธศาสนิกชนเพื่ออะไร ?
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=19137
    ที่คุณแป้งฯ ได้โพสไว้....


    ผมก็เลยสงสัย เหมือนกัน ว่า....
    หาก ไม่มีอะไร ที่ดี ๆ แล้ว เขาจะมาเรียนกัน ทำไม ?

    ...................................................
     

    Attached Files:

    Last edited: Dec 4, 2005
    • ถูกใจ ถูกใจ x 29
    • List
  2. PalmPlamnaraks

    PalmPlamnaraks เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jan 21, 2005
    Messages:
    764
    Ratings:
    +5,790
    นิพพาน การดับทุกข์โดยสิ้นเชิงครับ ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 12
    • List
  3. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Sep 14, 2005
    Messages:
    2,183
    Ratings:
    +18,403
    เชื่อกรรม เชื่อกฏแห่งกรรม...

    หัวใจคือ ทำความดี ละเว้นชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส

    ข้อสุดท้ายนี้เป็นข้อเด่นของพระพุทธศาสนาครับ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 12
    • List
  4. dongtan

    dongtan เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jul 14, 2005
    Messages:
    118
    Ratings:
    +100
    1.ทุกอย่างของพุทธเป็นความจริง พิสูจน์ได้ เป็นสัจธรรม และเป็นวิทยาศาสตร์
    2.การมองโลกด้วยความเป็นจริง และมีจุดมุ่งหมายให้หลุดพ้นจากความทุกข์ ซึ่งก็คือสุขแท้จริง
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 10
    • List
  5. PyDE

    PyDE เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    May 9, 2005
    Messages:
    811
    Ratings:
    +1,319
    -ศาสนาพุทธมีศาสดาซึ่งถือกำเนิดโดยมนุษย์ ในขณะที่ศาสนาอื่นอ้างว่าเทพเจ้าเป็นผู้ก่อตั้งศาสนาของตน

    -หัวใจของศาสนาพุทธคือ เกรงกลัวและละอายในบาป
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 11
    • List
  6. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Apr 28, 2005
    Messages:
    9,492
    Featured Threads:
    1
    Ratings:
    +34,329
    ขออนุญาติหยิบยกหลักพุทธศาสนามาให้พิจารณากันนะคะ

    การกระทำด้วยความเพียรของตนเอง เป็นหลักสำคัญที่ควรปฏิบัติ ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีทางได้มาโดยที่เราไม่ลงมือทำ ต้องการให้บ้านเราสะอาด แต่ถ้าเราไม่ลงมือทำความ สะอาด ก็ไม่มีทางที่บ้านจะสะอาดไปได้ ต้องการให้ได้ผลผลิตทางการเกษตรดี ก็ต้องมั่นดูแล บำรุงรักษา และก็ควรทำด้วยความพากเพียรหรือวิริยะ คือ ทำให้สม่ำเสมอตลอดไป และก็เหมือนกัน นักเรียน นักศึกษา ทั้งหลาย ที่ต้องการสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ตนต้องการให้ได้ แต่ไม่อ่านหนังสือ ไม่ทำความเข้าใจในวิชานั้นๆ แล้วคิดหรือว่าจะสามารถสอบได้ดังที่ปรารถนา ก็คอยแต่จะให้ผู้อื่นช่วยอยู่ล่ำไป ใช้เส้นสายบ้าง หรือแม้กระทั้งการทุจริตก็สามารถทำได้ โดยที่ไม่มีความรู้สึกละอายใดๆเลย และส่วนใหญ่หรือเกือบจะทั้งหมด ต้องมีการบน ขอกับสิ่งที่เขาเชื่อว่าสามารถช่วยได้ หรือที่เขาเรียกกันว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เราต้องเชื่อหลักกรรม (การกระทำ) เมื่อกรรมดีผลกรรมก็ย่อมดี ไม่มีทางนอกเหนือไปจากนี้ได้ เราทำดีก็ดีอยู่แล้ว ในการกระทำ ทำชั่วก็ชั่วอยู่แล้วในการกระทำ เราไม่ต้องคิดถึงผลกรรมว่าจะเป็นอย่างไร เพราะทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเป็นไปตามปัจจัย เราทำดีผลย่อมดี ทำชั่วผลย่อมชั่วหรือไม่ดี ตามเหตุที่ทำ หรือ เรียกว่าอิทัปปัจจยตา ถ้ายังไม่รู้จักกันก็ขอให้ไปหาศึกษาดู จะยังไม่ขอกล่าวในตอนนี้ น้อยนักที่จะมีคนที่ยึดมั่นในการกระทำของตนเอง เพื่อนำไปสู่ การพัฒนาตนเองให้สูงยิ่งๆขึ้น

    หลักการพัฒนาตามหลักไตรสิกขาก็เป็นหลักสำคัญของพุทธศาสนาอีกหลักหนึ่ง เราต้องพัฒนาตนเองให้ดียิ่งๆขึ้น อย่าให้ย่ำอยู่กับที่ เกิดมาทั้งทีไม่มีการพัฒนา ย่ำอยู่กับที่ ตลอดตั้งแต่เกิดจนตาย อย่างนี้ก็ไม่ไหว ชีวิตก็ไร้ค่า เกิดมาเป็นมนุษย์ใช่ว่าจะเป็นสัตว์ประเสริฐ โดยทันทีตามที่เข้าใจกัน แต่มนุษย์ประเสริฐได้ด้วยการฝึกผนพัฒนาตนเอง ถ้าไม่ฝึก หาประเสริฐไม่ ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ทนฺโต เสฏโฐ มนุสฺเสสุ ในหมู่มนุษย์ ผู้ประเสริฐสุดคือ ผู้ฝึกตนดีแล้ว

    มนุษย์ถ้าไม่ฝึกฝนพัฒนาตนเอง ก็สู้สัตว์บางชนิดยังไม่ได้ ดูตอนแรกเกิด มนุษย์เกิดมา ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ต้องอาศัยพ่อแม่ค่อยดูแลเป็นเวลาหลายปี กว่าจะสามารถช่วยตัวเอง หรือดำรงชีพอยู่ได้ด้วยตัวเอง บางคน ๒๐ ปียังช่วยตัวเองไม่ได้เลย แต่สัตว์เกิดมาใช้เวลา เพียงชั่วครู่ ก็สามารถเดินตามพ่อแม่ไปไหนต่อไหนได้แล้ว เช่น ม้า วัว ควาย ฯลฯ หรือลูกเป็ด เกิดมาเดี๋ยวเดียว พอแม่มันลงน้ำ มันก็วิ่งตามแม่ลงน้ำได้ ถ้าเป็นมนุษย์ล่ะก็ตาย สถานเดียว

    แต่เมื่อมนุษย์มีการฝึกฝนพัฒนาตนแล้ว สัตว์ทั้งหลายหรือแม้แต่ เทวดา พรหม ก็สู้ไม่ได้ มนุษย์สามารถพัฒนาตนให้เป็นเลิศทางปัญญา หรือแม้กระทั้งการพัฒนา หรือประดิษฐ์สิ่งต่างๆมาใช้ได้ ดูอย่างเทคโนโลยีต่างๆ สุดที่สัตว์อื่นๆ จะสามารถทำได้ เพราะสัตว์นั้นอยู่ได้ด้วยสัญชาตญาณ ไม่สามารถฝึกฝนตนเองได้ จะมีบ้างบางชนิดที่ฝึกได้ แต่ก็ต้องอาศัยมนุษย์ฝึกให้ เช่น ช้าง ลิง นก ฯลฯ แต่ก็สามารถฝึกได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เหมือนมนุษย์ สามารถฝึกฝนพัฒนาตนเองได้อย่างไม่มีขีดจำกัด

    หลักความไม่ประมาท "วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่" วันเวลาที่ผ่านไป อย่าให้ผ่านไปเปล่า วันหนึ่งๆไม่มากก็น้อยควรได้อะไรบ้าง ที่เป็นประโยชน์แก่ตนเองและ แก่ผู้อื่น เกิดมาทั้งทีไม่สร้างประโยชน์ ไม่สร้างคุณงามความดี ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่นเลย ก็เสียชาติเกิด เรียกว่าชีวิตที่ไร้คุณค่า แม้ผู้นั้นจะมีอายุตั้ง ๑๐๐ ปีก็ตาม ก็สู้ผู้มี อายุเพียงวันเดียว แต่ทำประโยชน์อย่างที่สุดไม่ได้ ฉะนั้นเราควรไม่ประมาทกับเวลาที่ผ่านไป ควรทำเวลาให้มีประโยชน์อย่างที่สุด ด้วยการทำลายกิเลสของตนเอง ให้เบาบางลงไปที่ละเล็ก ทีละน้อย เมื่อทำเช่นนี้ ผู้อื่นก็ได้รับประโยชน์ด้วย เช่น เราลดความตะหนี่ลง เราก็มีการให้ เพิ่มขึ้น ผู้อื่นก็ได้รับประโยชน์จากของที่เราให้ เราไม่คิดเบียดเบียนผู้อื่น ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ผู้อื่นก็ได้รับประโยชน์ เพราะไม่ถูกเบียดเบียน ถ้าได้ฝึกตนอยู่อย่างนี้ แม้รู้ว่าจะต้องตายในวันพรุ่งนี้ ก็ไม่รู้สึกกลัว ไม่รู้สึกเสียดายเวลา เพราะเราได้ทำประโยชน์ อย่างที่สุดแก่เวลาที่ผ่านไปแล้ว แม้จะต้องตายก็ขอตายอยู่ด้วยการฝึกอบรมจิต การตายมันก็เป็น "เช่นนั้นเอง" (ตถาตา) จึงขอให้เราทุกคนดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท ดังที่พระผู้มี พระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ก่อนเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานว่า "ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราจักเตือนพวกเธอ ทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็น ธรรมดา. พวกเธอทั้งหลาย จงยังประโยชน์ ตนและท่าน ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ ประมาทเถิด ดังนี้. นี่เป็นวาจาครั้งสุดท้ายของ ตถาคต."

    หลักการพึ่งตนเอง พึ่งอะไรก็ไม่ดีเท่าการพึ่งตนเอง คนส่วนมากหรือเกือบจะทั้งหมด ไม่มีความเชื่อมั่นในตนเอง จะทำอะไรทีก็ต้องเที่ยวบนบาน อ้อนวอน กับสิ่งที่ทึกทักเอาเองว่า ศักดิ์สิทธิ์ ให้ช่วยทำให้สำเร็จด้วย ถ้าสำเร็จจะมีของมาตอบแทน ก็เหมือนกับติดสินบน นั่นแหละ บางคนมีความรู้สึกว่ารับไม่ได้กับการไม่ยอมรับของผู้อื่น(มีปัญญา) ก็เลยบอกว่า "ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่" ก็ควรบอกเขาไปว่าไม่ได้ลบหลู่แต่อย่างใด แต่หลักของพระพุทธศาสนานั้น ไม่ได้ให้ความสนใจหรือให้ความสำคัญเลยว่าสิ่งศักดิ์จะมีหรือไม่มี เพราะไม่คิดหวังพึ่งอยู่แล้ว

    ถ้าเชื่อกันว่ามีจริงๆ ก็อยากจะให้คิดพิจารณาเรียนรู้ ด้วยว่าถ้ามีจริงแล้วช่วยอะไร เราได้บ้าง มีสักครั้งหนึ่งไหมที่ช่วยทำในสิ่งที่เราต้องการ ให้เป็นผลสำเร็จได้ โดยที่เราไม่ต้อง ออกแรงทำเองเลย

    คนดีจะพยายามช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ก็เหมือนกัน ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงและดีจริง ก็เป็นที่แน่นอนว่า โดยคุณธรรมแล้วจะต้องช่วยเรา โดยไม่ต้องรอให้เราอ้อนวอน หรือติด สินบนเลย ถ้าเราหวังแต่จะให้ผู้อื่นช่วยอยู่ล่ำไปแล้ว ตัวเราเองจะมีค่าอะไรกับความ สำเร็จนั้นๆ จะทำอะไรเองก็ไม่ได้เลย ไม่มีความเข้มแข็ง ไม่มีความกล้าหาญพอที่จะทำเองได้ เป็นคนใจเสาะเปราะบาง แล้วจะดำรงชีพอยู่ด้วยตัวเองอย่างไรได้ ไม่มีทางที่ใครๆจะให้เราพึ่งได้ ตลอดไป ฉะนั้นขอให้ฝึกฝนการกระทำด้วยตัวเอง เชื่อมั่นตัวเอง ว่าสามารถทำสิ่งต่างๆได้ เชื่อมั่นในคุณธรรมของตัวเอง ถ้าเรามีคุณธรรมจริง ใครๆก็เชิดชูบูชา ยินดีให้การช่วยเหลือ โดยที่เราไม่ต้องปริปากขอเลย


    สรุปหลักพุทธศาสนาที่กล่าวมา คือ หลักการกระทำด้วยความเพียร หลักการพัฒนา ตนตามหลักไตรสิกขา หลักความไม่ประมาท และหลักการพึ่งตนเอง

    แล้วมาลองพิจารณากันดูอีกทีว่าหัวใจของพระพุทธศาสนาคืออะไรกันแน่??
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 18
    • List
  7. veenon

    veenon สมาชิก

    Joined:
    Oct 2, 2005
    Messages:
    6
    Ratings:
    +13
    หัวใจของพุทธศาสนา คือการก้าวพ้นทุกข์ทั้งปวง คิดว่าอย่างนั้น
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 12
    • List
  8. แคท

    แคท เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Apr 9, 2005
    Messages:
    616
    Ratings:
    +1,666
    เป็นสิ่งที่ต้อง เรียนรู้ด้วยตนเอง
    อยาก พ้นทุกข์ ก้อ ต้องปฏิบัติเอง
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 9
    • List
  9. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    Joined:
    Sep 5, 2005
    Messages:
    21,454
    Ratings:
    +181,786


    ขอได้รับการโมทนา ครับ....
    ก็เป็นจริงอยู่ ตามที่ คุณPalmnarks ได้กล่าวไว้....

    แต่ผม(ซึ่งสมมติว่ายังเป็นชาวต่างประเทศ..ที่แล้วมา) ก็เคยได้ยิน ได้รับฟังมาว่า....
    นิพพานเป็นอัตตา บ้าง เป็น อนัตตา บ้าง....
    นี่คนที่นับถือศาสนาพุทธ ก็ยังเถียงกันอยู่เลย แล้วผมจะเชื่อใครดีกันละเนี่ย....

    และ ผมจะปฏิบัติอย่างไรได้....
    จึงจะได้ชื่อว่า.... เป็นการปฏิบัติที่ถูฏต้องตามหัวใจของพระพุทธศาสนา ครับ....
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 6
    • List
  10. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    Joined:
    Sep 5, 2005
    Messages:
    21,454
    Ratings:
    +181,786
    ขอได้รับการโมทนา ครับ....
    ก็เป็นจริงอยู่ ตามที่ คุณหมอ Attawat_Rx ได้กล่าวไว้....

    แต่ผม(ซึ่งสมมติว่ายังเป็นชาวต่างประเทศ..ที่แล้วมา) ก็เคยได้ยิน ได้รับฟังมาว่า....

    เขากล่าวกันมาว่า หัวใจของพระพุทธศาสนา คือ....

    มีคำสอน 84,000 พระธรรมขันธ์ ..... ย่อลงมาเหลือเป็นมรรคมีองค์ 8
    ย่อลงมาเป็น อริยสัจ 4..... ย่อลงมาอยู่ในกฏของพระไตรลักษณ์ 3 ประการ
    ย่อลงมาเหลือเป็น ละความชั่ว ทำความดี ทำใจให้บริสุทธิ์ บ้าง....
    และย่อให้เหลือเพียง 1 ตามปัจฉิมโอวาส ว่า ทุกท่านจงดำรง ด้วยความไม่ประมาท บ้าง

    นี่ ก็ยังสรุปกันไม่ได้เลย แล้วผมจะเชื่อใครดีกันละเนี่ย....

    และ ผม(ซึ่งยังคงเป็นชาวต่างประเทศ) จะปฏิบัติอย่างไรได้....
    จึงจะได้ชื่อว่า.... เป็นการปฏิบัติที่ถูฏต้องตามหัวใจของพระพุทธศาสนา ครับ....
     
    Last edited: Dec 27, 2005
    • ถูกใจ ถูกใจ x 7
    • List
  11. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    Joined:
    Sep 5, 2005
    Messages:
    21,454
    Ratings:
    +181,786

    ขอได้รับการโมทนา เช่นกันครับ....
    ก็เป็นจริงอยู่ ตามที่ คุณ dongtan กล่าวไว้....

    แต่ผม(ซึ่งเป็นชาวต่างประเทศ..) ก็เคยได้ศึกษาศาสนาอื่น มาแล้วเช่นกัน ว่า....
    ทั้ง 2 ข้อที่กล่าวถึง เป็นสัจจธรรม(ทุกศาสนาต่างก็สอนให้คนทำความดี) กันทั้งนั้น

    และเรื่องพระพุทธศาสนาเป็นวิทยาศาสตร์ นี่....
    ผมก็เชื่อถืออย่างยิ่งครับ....

    เพียงแต่....
    วิทยาศาสตร์ ยิ่งศึกษา ยิ่งกว้างไกล ออกไปเรื่อย ๆ ค้นคว้า ค้นหา สิ่งที่ยังไม่มี ไม่รู้
    แต่เดิม ก็จับสัตว์มาเลี้ยงให้เชื่อง มาใช้เป็นพาหนะ มาใช้แรงงาน....
    ต่อมาก็พัฒนา มีล้อเลื่อน เกวียน....
    มีเคื่องจักรไอน้ำ มีรถไฟไอน้ำ....
    มีเครื่องดีเซล....
    มี ไอพ่น....
    มีจรวด....
    ท่องเที่ยวดวงจันทร์ ต่างดาว...

    แต่ทว่า พระพุทธศาสนา นี่....
    สอนให้รู้โดยกว้างไกล แล้วย้อนกลับมาสรุปมาดูตัวของเราเอง
    น้อมมาดูจิต ดูใจ ของเราเท่านั้น เอง
    จบกิจ ก็อยู่ที่จิตของเราเอง เท่านั้น

    แล้ว ผมจะปฏิบัติอย่างไรได้....
    จึงจะได้ชื่อว่า....
    เป็นการปฏิบัติได้ตรง ตามหัวใจของพระพุทธศาสนา ครับ....
     
    Last edited: Dec 24, 2005
    • ถูกใจ ถูกใจ x 9
    • List
  12. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    Joined:
    Sep 5, 2005
    Messages:
    21,454
    Ratings:
    +181,786
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 7
    • List
  13. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    Joined:
    Sep 5, 2005
    Messages:
    21,454
    Ratings:
    +181,786
    ครับ ก็ขอโมทนายิ่งกับคุณแป้งฯ นะครับ....

    และ ที่คุณแป้งสรุปไว้ว่า....

    หลักพุทธศาสนาที่กล่าวมา คือ หลักการกระทำด้วยความเพียร หลักการพัฒนา ตนตามหลักไตรสิกขา หลักความไม่ประมาท และหลักการพึ่งตนเอง

    แล้วก็บอกว่า มาลองพิจารณากันดูว่า หัวใจของพระพุทธศาสนาคืออะไรกันแน่

    ............................................................................

    อันนี้ เมื่อสรุปก็อาจจะคล้ายกับ โพสที่ 10
    ที่ชาวต่างประเทศ จะทำความเข้าใจได้ไม่ชัดเจนนัก....

    ดังนั้น ผมซึ่งเป็นนักศึกษาชาวต่างประเทศ ที่มาเรียนกับ....
    คริสต์ชน ที่เข้าเรียนรู้พุทธศาสนิกชน
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=19137
    ที่คุณแป้งฯ ได้โพสไว้....

    แล้วผมจะเอาหัวข้อชัด ๆ มาพิจารณานา โดยถูกต้องตามหัวใจของพระพุทธศาสนา
    อย่างไรดี ครับ....
     
    Last edited: Dec 23, 2005
    • ถูกใจ ถูกใจ x 8
    • List
  14. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    Joined:
    Sep 5, 2005
    Messages:
    21,454
    Ratings:
    +181,786


    ขอได้รับการโมทนากับ คุณ veenon ครับ....

    แต่ผม(ซึ่งยังสมมติว่า เป็นชาวต่างประเทศ ก็อาจจะยังเข้าใจได้ยาก)
    เพราะว่าศาสนาของผม ที่เคารพอยู่นี่ ก็สอนให้ทำความดี เพื่อล่วงจากความทุกข์ ให้มีแต่ความสุข หลังจากเมื่อตายไปแล้ว เหมือนกัน

    แล้วจะก้าวทางไหน ซ้าย หรือขวา อย่างไร....
    จึงจะตรงกับการปฏิบัติตามข้อไหน ที่จะให้เข้าถึง ตรงกับหัวใจของพระพุทธศาสนา ครับ
    (ดื้อไปหน่อยมั๊ย.... แต่ ดื้อ ก็เพราะว่ามันยังไม่เข้าใจ นี่ครับ)
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 7
    • List
  15. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    Joined:
    Sep 5, 2005
    Messages:
    21,454
    Ratings:
    +181,786
    ขอโมทนากับ คุณแคท อย่างยิ่งครับ....

    แต่ว่า ผมเป็นชาวต่างประเทศ ก็ย่อมจะเอนเอียงไปว่า ที่ผมนับถืออยู่นี่ ก็ดีอยู่แล้ว

    หิว ก็ต้องกิน / อยากได้เงิน ก็ต้องทำงาน / ก็ต้องเรียนรู้เอง ปฏิบัติเอง อยู่แล้ว....

    เพียงว่า จะทำอย่างไร ปฏิบัติข้อไหน ที่จะตรงกับหัวใจของพระพุทธศาสนา....

    ที่เด่น เหนือกว่าศาสนา อื่น ๆ อย่างชัดเจน
    และเข้าใจได้ง่าย ๆ เป็นรูปธรรม ครับ....
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 7
    • List
  16. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Sep 14, 2005
    Messages:
    2,183
    Ratings:
    +18,403
    ฮ่า ๆๆๆ สุดยอดครับคุณมหาหิน ลึกซึ้งมาก... ผมถืออุเบกขาละครับ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 7
    • List
  17. stefa

    stefa เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Nov 27, 2005
    Messages:
    1,240
    Ratings:
    +1,790
    เพียงว่าจะทำอย่างไร ปฏิบัติข้อไหน ที่จะตรงกับหัวใจของพระพุทธศาสนา
    ที่เด่นเหนือกว่าศาสนาอื่นๆอย่างชัดเจน

    "ที่เด่นเหนือกว่าศาสนาอื่นๆอย่างชัดเจน"
    ข้อความนี้อ่านแล้วไม่ค่อยจะเหมาะสม ฟังดูไม่ไพเราะเอาซะเลย
    ความขัดแย้งทางด้านศาสนาก่อให้เกิดสงครามอย่างที่เห็นๆอยู่
    ดูเหมือนจะเน้นย้ำเกินเหตุ
    คนที่นับถือศาสนาอื่นมาอ่าน เขาจะไม่พอใจอย่างแน่นอน

    "อย่างสร้างสรร เพื่อความเข้าใจของมนุษยชาติ"
    ประโยคนี้จึงขัดกับประโยคแรก

    ศาสนาต่างๆไม่เหมาะที่จะนำมาอวดข้อดีข้อเด่นระหว่างกัน
    ที่สำคัญ"เหนือ"กันและกัน
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 8
    • List
  18. vichian

    vichian เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Sep 8, 2005
    Messages:
    8,164
    Ratings:
    +41,921
    คำสอนของศาสนาพุทธที่ศาสนาอื่นไม่มีคือ
    1.สอนให้พึ่งตนเอง ทั้งในแง่รูปธรรม(สิ่งที่เป็นอามิส) และ นามธรรม(สิ่งที่มิใช่เป็นอามิส)
    2.มีระดับผลของการปฏิบัติธรรมอย่างชัดเจน พิสูจน์ด้วยตนเองได้ เข้าถึงด้วยตนเองได้

    ส่วนหัวใจของศาสนาพุทธคือ
    การดับกิเลสโดยไม่มีเชื้อ หรือ การพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง โดยอยู่เหนือบุญและบาป

    สวัสดีมากครับ
    จากคนที่ยังไม่เต็มบาท
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 10
    • List
  19. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    Joined:
    Sep 5, 2005
    Messages:
    21,454
    Ratings:
    +181,786
    วันนี้ พบกระทู้ ตามรอยพุทธภูมิ ของ คุณ WebSnow ที่....
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?p=161983

    ก็มีรายละเอียดที่ดีมาก และได้กราบโมทนาไปแล้วครับ....

    หรือว่า จะเป็นคำตอบ ที่ดี เพื่อให้ชาวต่างประเทศ ได้เข้าใจ ได้ดีแล้ว กระมังหนอ....
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 5
    • List
  20. PyDE

    PyDE เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    May 9, 2005
    Messages:
    811
    Ratings:
    +1,319
    หากมีข้อสงสัยก็สามารถถามได้ครับ ^_^

    เพียรทำความดีของศาสนาพุทธต่างจากศาสนาอื่นตรงที่ว่า ศาสนาอื่นมีกฎระเบียบเคร่งครัดในการทำความดี เช่นว่าต้องเป็นสถานที่นั้น เวลานั้น มีสิ่งของเท่านี้เท่านั้น เป็นต้น แต่ศาสนาพุทธ สามารถทำความดีที่ไหน เมื่อไหร่ ก็ย่อมได้


    เหตุที่เกรงกลัวและละอายต่อบาปในทางของศาสนาต่างจากกฎหมาย หากมองเพียวผิวเผินอาจจะไม่เห็นความต่าง เพราะแต่ละประเทศชาติก็ย่อมมีกฎหมายบ้านเมือง และมีศาสนาที่ต่างกันไป แต่หากมองให้ลึกซึ้งถึงบทลงโทษจะยังต่างกัน เช่นดังตัวอย่างที่ว่า ผู้ใหญ่ที่อายุมากกว่า 18 ปีซื้อเหล้าให้เด็กที่อายุไม่ถึง 18 ปี นี่คือช่องว่างทางกฎหมาย เพราะกฎหมายเพียงบอกไว้ว่าห้ามจำหน่ายให้เด็กที่อายุไม่ถึง 18 ปีบริบูรณ์ จึงไม่สามารถจะลงโทษได้ตามกฎหมาย แต่ในทางศาสนา การดื่มเหล้าย่อมถือว่าผิด
    ดังนั้น การเกรงกลัวและละอายต่อบาป ในทางศาสนาจึงมีความละเอียดมากกว่ากฎหมายอีกมาก
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 7
    • List

Share This Page

Loading...