พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คำสวดบูชาพระสยามเทวาธิราช<O:p</O:p

    ระตะนัตตะยัปปะภาวาภิยาจะนะคาถา<O:p</O:p

    พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ( รัชกาลที่ ๔ )<O:p</O:p

    นโม ๓ จบ<O:p</O:p

    อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ อุตตะมัง ธัมมะมัชฌะคา มะหาสังฆัง ปะโพเธสิ อิจเจตัง ระตะนัตตะยัง พุทโธ ธัมโม สังโฆ จาติ นานาโหนตัมปิ วัตถุโต อัญญะมัญญาวิโยคาวะ เอกีภูตัมปะนัตถะโต พุทโธ ธัมมัสสะ โพเธตา ธัมโม สังเฆนะ ยาริโต สังโฆ จะ สาวะโก พุทธัสสะ อิจเจกา พัทธะเมวิทัง วิสุทธัง อุตตะมัง เสฏฐัง โลกัสมิง ระตะนัตตะยัง สังวัตตะติ ปะสันนานัง อัตตะโน สุทธิกามินัง สัมมา ปะฏิปัชชันตานัง ปะระมายะวิสุทธิยา วิสุทธิ สัพพะเกลเส
    <O:p</O:p
    หิ โหติ ทุกเขหิ นิพพุติ นิพพานัง ปะระมัง สุญญัง นิพพานัง ปะระมัง สุขัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ สุวัตถิ โหตุ สัพพะทา ระตะนัตตะยานุภาเวนะ ระตะนัตตะยะเตชะสา อุปัททะวันตะรายา จะอุปะสัคคา จะ สัพพะโส มา กะทาจิ สัมผุสิงสุ รัฏฐัง สยามานะเมวิทัง อาโรคิยะสุขัญเจวะ ตะโต ทีฆายุตาปิ จะ ตัพพัตถูนัญจะ<O:p</O:p

    สัมปัตโย สุขัง สัพพัตถะ โสตถิ จะ ภะวันตุ สัมปะวัตตันตุ สยามานัง รัฏฐะปาลินัง เต จะ รัฏฐัญจะ รักขันตุ สยามะรัฏฐิกะเทวะตา สยามานัง รัฏฐะปาลีหิ ธัมมามิเสหิ ปูชิตา สิทธะมัตถุ สิทธะมัตถุ สิทธะมัตถุ อิทัง ผะลัง เอตัสมิง ระตะนัตตะยัสมิง สัมปะสา ทะนะเจตะโส<O:p</O:p

    ******************************************************************

    <TABLE class=a4 style="WIDTH: 680px" borderColor=#0000ff cellSpacing=0 cellPadding=5 width=680 background=../../images/bg01.gif border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=650>[SIZE=+1]พระสยามเทวาธิราช[/SIZE]
    http://www.soonphra.com/content/viewtopic/viewtopic.php?topicid=116&topicdetailid=139


    <TABLE class=a4 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="14%"><TABLE class=a4 cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#000000>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>พระสยามเทวาธิราช</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top width="86%">พระสยามเทวาธิราช
    • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •

    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีความเชื่อในเทวดา ผู้คุ้มครองพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์จักรี ตลอดจนประเทศชาติให้อยู่รอดปลอดภัยจากภยันตรายต่าง ๆ อย่างใหญ่หลวงมาทุกครั้งทุกยุคทุกสมัย จึงได้เกิดมีการหล่อพระสยามเทวาธิราชขึ้น เพื่อเป็นเทพารักษ์คุ้มครองพระบรมราชวังและประเทศไทย
    พระสยามเทวาธิราชะนี้เป็นเทวรูปหล่อยืน ทรงเครื่องกษัตริย์ สวมมงกุฎ พระหัตถืขวาทรงพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายยกขึ้นจีบ พระดรรชนีเสมอพระอุระ องค์พระสยามเทวาธิราชสถิตอยู่ในเรือนแก้วที่ทำด้วยไม้จันทน์ แบบวิมานเก๋งจีน แล้วมีคำจารึกที่เบื้องหลังเป็นอักษรจีน ซึ่งถ้าแปลเป็น ภาษาไทยจะได้ความว่า "ที่สิงสถิตแห่งพระสยามเทวิราช"
    ในเรือนแก้วนี้ ถ้าท่านทั้งหลายเข้าไปในพระบรมมหาราชวัง จะเห็นว่า ประดิษฐานในพระวิมานไม้แกะสลัก ปิดทอง พระวิมานตรงกลาง ตรงหน้าพระสยามเทวาธิราชเป็นที่ตั้งเทวารูปคือพระสรัสวดี หรือพระพราหมี เทพเจ้าแห่งดนตรีและขับร้อง พระวิมานองค์ด้านตะวันออก ตั้งเทวรูปพระอิศวรและพระอุมา พระวิมานทางด้านทิศตะวันตก ตั้งพระนารายณ์ทรงครุฑลักษณะของการตั้งรูปเคารพเช่นนี้ ตามเค้าเงื่อนประสงค์จะให้พระสยามเทวาธิราชมีผู้ช่วยเหลือเป็นตรีเทพ หรือที่เรียกว่า "ตรีมูรติ" คือเทพเจ้าทั้งสามซึ่งเป็นสยัมภูอันเป็นที่เคารพสู.สุดของฝ่ายศาสนาฮินดูนั่นเอง
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=a4 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="100%">ส่วนองค์พระสยามเทวิราชนั้นทรงมีมเหศักดิ์สูงเยี่ยมเทียบสยัมภูนั้นแต่ในภาคหนึ่ง องค์พระสยามเทวาธิราชทรงเป็นเทวดาคุ้มครองราชย์วงศ์จักรีด้วย ซึ่งสีของราชวงศ์จักรี คือ สีเหลืองทองดอกบวบ อันเป็นสีพระราชอิสริยาภรณ์สูงสุด คือสายสะพานตราจักรี ธงมหาราชขององค์พระมหากษัตริย์เป็นสีเหลือง คือ ดาวเคราะห์พฤหัสบดีที่เราพูดตามหลักโหราศาสตร์ว่าประเทศไทยของเรานี้ อยู่ในอิทธิพลของดาวพระเคราะห์คือดาวพฤหัสบดี ซึ่งเป็นดาวประจำเมืองไทยและดาวพฤหัสบดีคือภาคหนึ่งของพระสยามเทวาธิราช
    การสร้างรูปพระสยามเทวาธิราชชิ้นนี้ก็เพื่อประสงค์ให้มีพระภูมิคุ้มบ้านคุ้มเมืองนั่นเอง พระบามสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสถาปนาขึ้นด้วยทรงระลึกว่าบ้านเมืองย่อมมีเทวดาคุ้มครองรักษา รวมทั้งพระราชวงศ์จักรีด้วย ทั้งนี้เป็นความเชื่อถือของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้ทรงสร้างพระสยามเทวาธิราชนี้ขึ้นมาเพราะทรงเชื่อว่าเทวดาเป็นสิ่งที่มีจริง
    [​IMG] หลักฐานที่เป็นพระราชหัตถเลขาถึงกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาศ เมื่อปีชวด
    พุทธศักราช 2400 มีข้อความตอนหนึ่งว่า
    "ถ้าเทวดามีเทวดาคงเข้าใจด้วยในหลวงคนที่ไม่ได้เป็นคุณแก่ในหลวง เป็นแต่
    ผู้รับบุญรับคุณของในหลวง มาเนรคุณทรยศอย่างนี้ เทวดาคงชังมาก

    แต่เราขอบพระสยามเทวาธิราชเทวดาใหญ่รักษาแผ่นดินไทย และพระเสื้อเมือง
    ทรงเมืองพระกาฬไชยศรี บรรดาที่มีอยู่ในคำประกาศนี้พิพัฒสัตยานั้น ดูเหมือนยัง
    เข้าด้วยในหลวงอยู่ หาเข้าด้วยใครไม่

    ในหลวงมีตระกูลบิดามารดาเป็นผู้สูงศักดิ์มาแต่ก่อนสิ้นวาสนาเหมือนจมดิน
    จมทราย แต่บ่าวไพร่ของตัวมิได้หมายว่าจะได้เป็นใหญ่เป็นโต (ทรงหมายถึงพระองค์
    ในสมัยยังมิได้เสด็จขึ้นครองราชย์) ก็ชะรอยเทวดาจะเที่ยวดลจิตดลใจผู้หลักผู้ใหญ่ว่า
    ไปขุดคุ้ยเอามาตั้งขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน แต่ที่ได้เป้นพระเจ้าแผ่นดิน ทั้งนี้ครั้นจะว่า
    ไปด้วยอำนาจเทวดาก็จะเป็นการลบหลู่บุญคุณของท่าน ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ท่านพร้อมใจ
    กันอุปถัมภ์ค้ำชู ให้พระเจ้าแผ่นดินนั้นเป็นด้วยว่าความที่ได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน
    ก็เพราะผู้ใหญ่ค้ำชูอุดหนุนนั้น รู้อยู่กับตา เห็นอยู่กับตาของคนเป็นอันมากตรง ๆ ไม่อ้างว่าอำนาจของเทวดาแล้ว ย่อมว่าตามว่าได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินเพราะขัดขวาง
    ทางที่พระเจ้าแผ่นดินปัจจุบันนี้ จะเป็นเจ้าแผ่นดินจะมีตัวตนหรือหาไม่"

    มูลเหตุที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเชื่อ ในเทวดา
    ผู้คุ้มครองพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์จักรี และการที่ประเทศของเรา
    รอดปลอดภัยจากภยันตรายต่าง ๆ มาได้ถึงทุกวันนี้ น่าจะเป็นเหตุมาจาก เทวดาคุ้มครองชาติไทย และพระราชวงศ์
    องค์เดียวกันนี้
    จึงได้บังเกิดการหล่อพระสยามเทวิราชขึ้นไว้เป็นเทพารักษ์ คุ้มครองพระบรมราชวังแประเทศไทยด้วย
    จะเห็นว่าในรัชสมัยแห่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ประเทศต่าง ๆ ในภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ เช่น พม่าก็ดี มาเลเซียก็ดี หรือประเทศเวียดนามก็ดีต่างก็ถูกชนชาวยุโรปเข้ามายื้อแย่งไปอยู่ในอำนาจจนหมดสิ้น เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษบ้าง ของฝรั่งเศสบ้าง มีแต่เพียงประเทศไทย ชาติเดียวเท่านั้นที่อยู่รอดปลอดภัยมาได้ทุกวันนี้
    ฉะนั้น จึงทำให้พระองค์มีพระราชดำริว่า พระปรีชาสามารถในการรักษาประเทศนี้ชะรอยจะมีเทพยดาองค์ใดองค์หนึ่ง คอยพิทักษ์รักษาบ้านเมืองไว้เป็นแน่แท้ จึงได้มีพระราชประสงค์จะทำรูปเทพองค์นั้นไว้บูชาด้วยพระกตัญญูกตเวที จึงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าประดิษฐานวรการ ซึ่งขณะดำรงพระยศเป็นหม่อมเจ้า รับราชการในกรมช่างสิบหมู่ ปั้นหล่อรูปสมมติเทพองค์นั้นขึ้นตามรูปลักษณ์ดังกล่าวข้างต้น แล้วทรงถวายพระนามว่า พระสยามเทวาธิราช และโปรดให้อัญเชิญไปประดิษฐาน ณ พระที่นั่งทรงธรรมในหมู่พระพุทธมณฑลเฑียร โดยมีลักษณะเป็นเทวรูปประทับยืนทรงเครื่องต้นพระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายยกเสมอพระดุระในท่าประทานพร มีขนาดสูง 8 นิ้วฟุต มีความงดงามได้สัดได้ส่วนมาก หล่อขึ้นด้วยทองคำทั้งองค์
    [SIZE=+1]พระราชพิธีบวงสรวงพระสยามเทวิราช[/SIZE]
    ในปัจจุบันนี้คนไทยเป็นจำนวนมากยังมีความเชื่อในเรื่องเทพยดา โดยเฉพาะในเรื่องพระสยามเทวิราช เมื่อมีเหตุการณ์ณ์ไม่ปกติเกิดขึ้นก็มักจะวิงวอนขอให้พระสยามเทวิราชคุ้มครองประเทสชาติให้รอดพ้นอันตราย
    เป็นที่เชื่อกันว่า พระสยามเทวิราชเป็นเทพยดาศักดิ์สิทธิ์ที่อภิบาลรักษาประเทศไทย องค์พระสยามเทวิราช ปัจจุบันประดิษฐาน ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง มีลักษณะเป็นเทวรูปหล่อยืนทรงเครื่องกษัตริยาธิราช พระหัตถ์ขวาทรงพระแสงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายยกขึ้นจีบ ดรรชนีเสมอพระอุระ องค์พระสยามเทวาธิราชสถิตในเรือนแก้ว ทำด้วยไม้จันทน์แบบวิมานเก๋งจีน มีคำจารึกที่ผนังเบื้อหลังเป็นอักษรจีนแปลความว่า ที่สิงสถิตแหงพระสยามเทวิราช เรือนแก้วนี้ประดิษฐานในพระวิมานไม้แกะสลักปิดทอง องค์กลาง ตรงหน้าพระสยามเทวิราชเป็นที่ตั้งเทวรูปพระสรัสวดีหรือพระพราหมี เทพเจ้าแห่งการดนตรีและขับร้อง พระวิมานองค์ด้านทิศตะวันออก ตั้งเทวรูปพระอิศวรและพระอุมา พระวิมานองค์ด้านทิศตะวันตก ทั้งเทวรูปพระนารยณ์ทรงครุฑ
    [SIZE=+1]พระราชพิธีบวงสรวงพระสยามเทวิราชในรัชกาลปัจจุบัน[/SIZE]
    <TABLE class=a4 cellSpacing=0 cellPadding=2 width="28%" align=center border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#000000>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>พระสยามเทวาธิราช</TD></TR></TBODY></TABLE>พระราชพิธีบวงสรวพระสยามเทวาราชาธิราชในปัจจุบัน กำหนดไว้ในปฏิทินหลวงในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ตาม ประเพณีนิยมว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติแบบโบราณอนุวัติ ตามราชประเพณีที่ทำในรัชกาลที่ 4 ที่ 5 และรัชกาลต่อ ๆ มา เจ้าหน้าที่ สำนักพระราชวังจะเชิญพระสยามเทวาธิราช เทวรูป พระสรัสวดี หรือพระพราหมี พระอิศวร พระอุมา พระนารายณ์ ทรงครุฑ จากพระวิมานลงมาประดิษฐานที่โต๊ะสังเวยหน้าพระเจ้าที่กับเจว็ดมุกรูปเจ้ากรุงพาลี จากหอแก้วพระภูมิมาประดิษฐานที่โต๊ะร่วมสังเวยด้วย
    เครื่องสังเวยประกอบด้วย หัวหมู เป็ด ไก่ เมี่ยงส้ม ทองหยิบ ฝอยทอง ส้มเขียวหวาน องุ่น มะตูมเชื่อม มะพร้าวอ่อน กล้วยหอมจันทร์ ขนมต้มแดง ขนมต้มขาว ผลทับทิม เทียนเงิน เทียนทอง พระราชพิธีบวงสรวงสังเวยพระสยามเทวิราชในปัจจุบันนี้ ถ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ทรงมีพระราชกรณียกิจอื่นไม่สามารถเสด็จพระราชดำเนินในพระราชพิธีนี้ได้ จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอหรือพระราชวงศ์ผู้ใหญ่เสด็จมาทรงสังเวยพระสยามเทวิราชแทนพระองค์ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงจุดธูปเทียนถวายสักการะพระสยามเทวิราช แล้วทรงจุดธูปหางปักที่เครื่องสังเวย เสร็จแล้วเสด็จไปทรงจุดธูปเทียนบูชาเทวดา และทรงจุดธูปหางปักที่เครื่องสังเวยเทวดา (เครื่องสังเวยเทวดาเหมือนกับเครื่องสังเวยพระสยามเทวาธิราช) ที่โต๊ะหน้าหอพระสุราลัยพิมาน ขณะที่ทรงจุดธูปเทียนถวาย สักการะพระสยามเทวาธิราช และทรงจุดธูปเทียนที่โต๊ะเครื่องสังเวยเทวดานั้น ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร ดุริยางค์ทำเพลงสาธุการ ศิลปินกรมศิลปากรรำถวายมือ จบแล้วแสดงละครเมื่อถวายแสดงจบแล้ว พระราชทานรางวัลแก่ผู้แสดง แล้วเสด็จกลับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=right></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=650>www.soonphra.com
    ศูนย์พระดอทคอม
    คลังข้อมูลพระเครื่องออนไลน์
    </TD></TR></TBODY></TABLE><O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2006
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ศาสนกิจ<O:p</O:p
    ผู้เขียน สมบูรณ์ จอจันทร์ <O:p</O:p
    บทความ ชาวพุทธควรรู้ นิตยสารโลกลี้ลับ<O:p</O:p
    พิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา ซึ่งนิยมใช้กันปฏิบัติกันในปัจจุบันนี้ ส่วนมากเจือด้วยลัทธิพราหมณ์ คือ พุทธ กับ พราหมณ์ ปะปนคละกันไป จะแยกออกจาก กันได้ยาก เนื่องจากพุทธศาสนิกชนนิยมปฏิบัติสืบต่อกันมาหลายร้อยปีแล้ว ถึงแม้จะมีลัทธิพราหมณ์แทรกอยู่ก็ตาม เมื่อไม่ขัดต่อกฎหมายบ้านเมือง หรือวัฒนธรรมศีลธรรมแล้ว ก็เป็นอันใช้ได้ตลอดมา<O:p</O:p
    ศาสนกิจของชาวพุทธหมายถึงการปฏิบัติตนเกี่ยวกับระเบียบประเพณีทางพุทธศาสนา ที่นิยมปฏิบัติกันเป็นประจำ <O:p</O:p
    ระเบียบประเพณีนี้ เราเป็นชาวพุทธควรจะรู้และจดจำไว้ปฏิบัติสืบต่อไป เมื่อได้ไปพบงานศาสนกิจที่จำเป็น จะได้ปฏิบัติได้ถูกต้องตามระเบียบประเพณีของชาวพุทธ เพื่อยึดเป็นหลักปฏิบัติต่อไป<O:p</O:p
    การนิมนต์พระ<O:p</O:p

    ผู้ประสงค์จะทำบุญควรนิมนต์พระไว้ก่อนวันงาน ยิ่งเนิ่นๆ ได้เป็นดี เผื่อพระจะไม่ว่างถ้านิมนต์เป็นลายลักษณ์อักษรด้วยจะดีมาก<O:p</O:p
    งานพิธีเกี่ยวกับฤกษ์ ต้องบอกเวลาฤกษ์ให้พระท่านทราบ จะได้ไม่ขลุกขลักเรื่องเวลา ซึ่งทำให้เสียฤกษ์ได้ อาจทำให้เจ้าภาพเองต้องเสียใจหรือกังวลใจภายหลังอย่างใดอย่างหนึ่งได้<O:p</O:p
    การนิมนต์พระ ห้ามระบุชื่อภัตตาหารที่จะถวายพระเป็นอันขาด เพราะผิดวินัย<O:p</O:p

    ทานที่จะให้มี ๒ อย่าง<O:p</O:p

    . บุคลิกทาน ให้เจาะจงผู้รับ<O:p</O:p
    . สังฆทาน ให้โดยไม่เจาะจงผู้รับ<O:p</O:p

    การจัดอาสนะ<O:p</O:p

    อาสนะสำหรับพระที่นั่งนั้น จะใช้เสื่อ พรม หรือผ้าขาวอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ แล้วแต่จะสะดวก แต่ต้องจัดให้สูงกว่าฆารวาส ที่พระสงฆ์นั่งต้องอยู่ด้านซ้ายของพระพุทธรูปเสมอไป<O:p</O:p
    นอกจากอาสนะแล้ว ยังมีพานหมาก พลู บุหรี่ ขันน้ำ กระโถน (ปัจจุบันไม่นิยมหมาก พลู บุหรี่)<O:p</O:p
    ที่เห็นมาส่วนมากแล้วจะเป็นลูกอมต่างๆ ถวายแทนหมาก พลู บุหรี่ ของเหล่านี้ ควรตั้งไว้ด้านขวามือของพระสงฆ์ ส่วนกระโถนพระท่านจะยกไว้ข้างหลังเอง ไม่ต้องประเคน
    <O:p</O:p
    การจัดโต๊ะบูชา<O:p</O:p

    โต๊ะบูชานั้น ใช้โต๊ะหมู่ ๕ หมู่ ๗ หรือหมู่ ๙ ถ้าไม่มีโต๊ะหมู่จะใช้โต๊ะอย่างอื่นที่เหมาะสมแทนก็ได้ <O:p</O:p
    เมื่อไม่สามารถจะหาโต๊ะหมู่และเครื่องตั้งบูชาได้ครบ ก็พึงจัดหาเท่าที่หาได้ คือ พระพุทธรูป ๑ องค์ ตั้งไว้ที่โต๊ะตัวสูง ผินหน้าไปทางทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ ถ้าสถานที่ไม่อำนวย ก็ให้ตั้งผินหน้าไปทางที่เหมาะสม <O:p</O:p
    การที่นิยมตั้งพระพุทธรูปผินหน้าไปทางทิศตะวันออกนั้น นิยมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เพราะพระองค์ผินหน้าไปทางทิศตะวันออก รวมไปถึงตั้งหิ้งพระบูชาที่บ้าน หรือตามสถานที่ราชการทั่วไป ก็นิยมปฏิบัติตามในทิศดังกล่าวนี้ ถือกันว่าผินหน้าไปทางทิศอื่นหรือทิศตรงกันข้าม จะไม่เป็นมงคลทำนองนี้
    <O:p</O:p
    ด้ายสายสิญจน์<O:p</O:p

    ด้ายสายสิญจน์ไม่ควรใช้ด้ายหลอด ควรใช้ด้ายดิบจับเก้าเส้น จึงจะน่าดูและถูกต้อง และด้ายสายสิญจน์ควรใช้เฉพาะงานมงคล<O:p</O:p
    บ้านที่ทำงานมงคล จะต้องโยงด้ายสายสิญจน์ไว้บริเวณรอบบ้าน ควรจัดหาด้ายสายสิญจน์ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง อย่ายืมของผู้อื่น การยืมของผู้อื่นมาโยงไว้รอบบ้านตน พองานเสร็จไม่รื้อออกส่งเขาน่ากระไรอยู่
    <O:p</O:p
    วิธีโยงด้ายสายสิญจน์<O:p</O:p

    ให้ตั้งต้นที่พระพุทธรูป เวียนมาทางขวามือ (แบบเลข ๑ ไทย) โยงออกไปรอบบ้านหรือรั้วบ้านแล้ววนกลับเข้ามาตรงเสาเรือนเข้าสู่ที่บูชา แล้ววงรอบฐานพระพุทธรูป โยงรอบบาตรหรือขันน้ำมนต์กลุ่มด้ายสายสิญจน์ที่เหลือวางไว้บนพาน ตั้งไว้ในที่อันควร<O:p</O:p
    เวลาวางด้ายสายสิญจน์ พึงพยายามสำรวมจิตรำลึกถึง คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ ขออำนาจช่วยปกปักรักษาปัดเป่าสรรพภยันตราย และให้เกิดความสุข ความเจริญด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ตลอดกาล
    <O:p</O:p
    อย่าข้ามด้ายสายสิญจน์<O:p</O:p

    สายสิญจน์ที่โยงมาจากพระพุทธรูปแล้วถือว่าเป็นของสูง ไม่ควรเดินข้ามหรือยกสิ่งหนึ่งสิ่งใดข้าม ถ้าข้ามถือว่าเป็นการดูถูกพระพุทธเจ้า คือ เท่ากับเดินข้ามหรือยกข้ามพระเศียรของพระองค์
    <O:p</O:p
    บาตรน้ำมนต์<O:p</O:p

    บาตรน้ำมนต์ใช้บาตรดินหรือขันสัมฤทธิ์ ถ้าไม่มีจะใช้ขันทองเหลืองก็ได้แล้วแต่จะหาได้ใส่น้ำพอควร และของใส่บาตรน้ำมนต์ตั้งไว้ด้านขวามือของพระสงฆ์ที่เป็นหัวหน้าในพิธี แต่อย่าให้ห่างนัก เพราะพระจะจับเทียนไม่ถึงเวลาทำน้ำมนต์ และขันน้ำมนต์ต้อง ประเคนพระด้วย
    <O:p</O:p
    เทียนสำหรับทำน้ำมนต์<O:p</O:p

    เทียนที่จะทำน้ำมนต์ ควรใช้เทียนขี้ผึ้งแท้อย่างดี หนัก ๑ บาท ติดไว้ที่ปากบาตรหรือที่ปากขันที่จะทำน้ำมนต์ เพื่อสะดวกแก่พระท่านเวลาจะจับทำน้ำมนต์
    <O:p</O:p
    ของใส่บาตรน้ำมนต์<O:p</O:p

    สิ่งของที่นำมาใส่บาตรน้ำมนต์ คือ ๑. ผิวมะกรูด ๒. ฝักส้มป่อย<O:p</O:p
    ของที่ใช้มัดประพรมน้ำมนต์<O:p</O:p

    ๑. ใบมะตูม ๒. ใบสันพร้าหอม<O:p</O:p
    ๓. ใบเงิน ๔. ใบทอง<O:p</O:p
    ๕. ใบนาก ๖. หญ้าแพรก<O:p</O:p
    ๗. แฝก ๘. หญ้าคา<O:p</O:p
    ใน ๘ อย่างนี้ ถ้าหาได้ครบเป็นการดียิ่ง ถ้าหาไม่ได้หรือไม่ครบก็ใช้เท่าที่หาได้
    <O:p</O:p
    การจุดธูปเทียนที่บูชา<O:p</O:p

    คนจุดธูปเทียนกับคนอาราธนาศีลต้องเป็นคนละคนกัน ไม่ใช่คนคนเดียวกันกับที่จุดธูปเทียนแล้วมาอาราธนาศีล พึงปฏิบัติดังนี้<O:p</O:p
    ผู้ถือเทียนชนวนให้เชิญผู้เป็นประธานในพิธีมาจุดธูปเทียน เมื่อถึงที่บูชาแล้ว ผู้ถือเทียนชนวนพึงยืนหรือนั่งอยู่ทางด้านขวามือของผู้จุด หรือแล้วแต่สถานที่
    <O:p</O:p
    การส่งเทียนชนวน<O:p</O:p

    เมื่อส่งเทียนชนวนแล้วต้องรอรับเทียนก่อน อย่าเพิ่งกลับ ในเมื่อจุดธูปเทียนยังไม่เสร็จ และเวลากลับอย่าเดินผ่านหน้าผู้จุดธูปเทียน เว้นแต่สถานที่จำกัด เดินทางอื่นไม่ได้
    <O:p</O:p
    ผู้จุดเทียน<O:p</O:p

    ผู้จุดเทียนเมื่อจุดเสร็จแล้วพึงกราบพระ ๓ ครั้ง ตรงที่จัดไว้สำหรับกราบ และควรกราบด้วยแบบเบญจางคประดิษฐ์ ทั้ง ๕ คือ ๑. เข่าทั้งสองจรดพื้นดิน ๒. ฝ่ามือทั้งสองราบอยู่ที่พื้น ๓. หน้าผากจรดพื้นเวลากราบลง รวมเป็น ๕ ( เข่า ๒ ฝ่ามือ ๒ หน้าผาก ๑) และ เวลากราบระวังอย่าให้ส่วนตะโพกสูงโด่งขึ้น ดูน่าเกลียดและไม่ทอดตัวลงไปเหมือนจะนอน กราบให้เป็นจังหวะพอดูงาม อย่าให้ช้าหรือเร็วเกินไป เมื่อกราบเสร็จแล้วพึงกลับมานั่งที่เดิม
    <O:p</O:p
    อาราธนาศีล<O:p</O:p
    เมื่อจุดธูปเทียนและมานั่งที่เดิมแล้ว ผู้มีหน้าที่อาราธนาศีลเริ่มอาราธนาทันที เมื่อพระให้ศีลจบ ก็ให้อาราธนาพระปริตรต่อไป<O:p</O:p
    จุดเทียนบาตรน้ำมนต์<O:p</O:p
    ตอนพระกำลังสวดมนต์ ให้ผู้ที่เป็นประธานนั่งอยู่ใกล้ๆ บาตรน้ำมนต์ พอพระสวดถึงบท
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ชุมนุมเทวดา<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    ( สวดเจ็ดตำนานใช้ )<O:p</O:p


    สะรัชชัง สะเสนัง สะพันธุง นะรินทัง ปะริตตานุภาโว สะทา รักขะตูติ ผะริตตะวานะ เมตตัง สะเมตตา ภะทันตา อะวิกชิตตะจิตตา ปะริตตัง ภะณันตุ<O:p</O:p


    ( สวดสิบสองตำนานใช้ )<O:p</O:p


    สะมันตา จักกะวาเฬสุ อัตตะราคัจฉันตุ เทวะตา สัทธัมมัง มุนิราชัสสะ สุณันตุ สัคคะโมกขะทัง ฯ<O:p</O:p
    สัคเค กาเม จะ รูเป คิริสิขะระตะเฏ จันตะลิกเข วิมาเน ทีเป รัฏเฐ จะ คาเม ตะรุวะนะคะหะเน เคหะวัตถุมหิ เขตเต ภุมมา จายันตุ เทวา ชะละถะละวิสะเม ยักขะคันธัพพะนาคา ติฏฐันตา สันติเก ยัง มุนิวะระวะจะนัง สาธะโว เม สุณันตุ ฯ ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา ฯ<O:p</O:p


    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ<O:p</O:p
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ<O:p</O:p
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ฯ<O:p</O:p
    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ<O:p</O:p
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ<O:p</O:p
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ<O:p</O:p
    ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ<O:p</O:p
    ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ<O:p</O:p
    ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ<O:p</O:p
    ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ<O:p</O:p
    ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ<O:p</O:p
    ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ<O:p</O:p


    ( ถ้าสวดให้คนไข้ฟัง หรือสวดในงานทำบุญสะเดาะเคราะห์ ต่อชะตาอายุ สวดดังนี้ )<O:p</O:p


    พุทธัง ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ<O:p</O:p
    ธัมมัง ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ<O:p</O:p
    สังฆัง ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ<O:p</O:p
    ทุติยัมปิ พุทธัง ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ<O:p</O:p
    ทุติยัมปิ ธัมมัง ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ<O:p</O:p
    ทุติยัมปิ สังฆัง ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ<O:p</O:p
    ตะติยัมปิ พุทธัง ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ<O:p</O:p
    ตะติยัมปิ ธัมมัง ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ<O:p</O:p
    ตะติยัมปิ สังฆัง ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p


    บทอัญเชิญเทวดากลับ<O:p</O:p
    ทุกขัปปัตตา จะ นิททุขาภะยัปปัตตา จะ นิพภะยา โสกัปปัตตา จะ นิสโสกา โหนตุ สัพเพปิ ปาณิโน เอตตาวะตา จะ อัมเหหิ สัมภะตัง ปุญญะสัมปะทัง สัพเพ เทวานุโมทันตุ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา ทานัง ทะทันตุ สัทธายะ สีลัง รักขันตุ สัพพะทา ภาวะนาภิระตา โหนตุ คัจฉันตุ เทวะตาคะตา ฯ สัพเพ พุทธา พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญจะ ยัง พะลัง อะระหันตานัญจะ เตเชนะ พันธามิ สัพพะโส<O:p</O:p

    <O:p</O:p

    [b-wai]
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 1.5pt; mso-padding-alt: 0cm 0cm 0cm 0cm" cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0"><TD style="BORDER-RIGHT: #e0dfe3; PADDING-RIGHT: 0.75pt; BORDER-TOP: #e0dfe3; PADDING-LEFT: 0cm; BACKGROUND: #f1e9df; PADDING-BOTTOM: 0.75pt; BORDER-LEFT: #e0dfe3; PADDING-TOP: 0.75pt; BORDER-BOTTOM: #e0dfe3" vAlign=top>
    <TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 1.5pt; mso-padding-alt: 0cm 0cm 0cm 0cm" cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff; PADDING-RIGHT: 0.75pt; BORDER-TOP: #ffffff; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0.75pt; BORDER-LEFT: #ffffff; WIDTH: 100%; PADDING-TOP: 0.75pt; BORDER-BOTTOM: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: transparent" vAlign=top width="100%">เงิน ซื้อเตียงนอนได้ แต่ซื้อการหลับเป็นสุขไม่ได้

    เงิน ซื้อกระดาษปากกาได้ แต่ซื้อความเป็นกวีไม่ได้

    เงิน ซื้ออาหารดีๆ ได้ แต่ซื้อความอยากรับประทานไม่ได้

    เงิน ซื้อความประจบสอพลอได้ แต่ซื้อความจริงใจไม่ได้

    เงิน ซื้อการตามใจได้ แต่ซื้อความจงรักภักดีไม่ได้

    เงิน ซื้อเพชรนิลจินดาได้ แต่ซื้อความงามไม่ได้

    เงิน ซื้อความสนุกชั่วคราวได้ แต่ซื้อความสุขไม่ได้

    เงิน ซื้อเพื่อนร่วมเดินทางได้ แต่ซื้อเพื่อนแท้ไม่ได้

    เงิน ซื้ออำนาจราชศักดิ์ได้ แต่ซื้อปัญญาไม่ได้

    เงิน ซื้ออาวุธยุทธภัณฑ์ได้ แต่ซื้อสันติสุขไม่ได้

    เงิน ซื้อเมียที่สวยได้ แต่ซื้อแม่ที่ดีให้ลูกไม่ได้


    ** เงิน จะสำคัญเมื่อจำเป็นต้องใช้เท่านั้น**<O:p</O:p


    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    <O:p</O:p

    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 1; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #e0dfe3; PADDING-RIGHT: 0.75pt; BORDER-TOP: #e0dfe3; PADDING-LEFT: 0cm; BACKGROUND: #f1e9df; PADDING-BOTTOM: 0.75pt; BORDER-LEFT: #e0dfe3; PADDING-TOP: 0.75pt; BORDER-BOTTOM: #e0dfe3" vAlign=top><O:p</O:p
    <TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 1.5pt; mso-padding-alt: 0cm 0cm 0cm 0cm" cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff; PADDING-RIGHT: 0.75pt; BORDER-TOP: #ffffff; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0.75pt; BORDER-LEFT: #ffffff; WIDTH: 100%; PADDING-TOP: 0.75pt; BORDER-BOTTOM: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: transparent" vAlign=top width="100%">โดย พระราชสุทธิญาณมงคล<O:p</O:p

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <O:p</O:p


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ส่วนไฟล์ที่ซิปมา ลองไปเปิดดูนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • dot.zip
      ขนาดไฟล์:
      368 KB
      เปิดดู:
      78
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอแจ้งอีกครั้งนะครับ เรื่องการทำบุญกับวัดบ่อเงินบ่อทอง หากท่านใดทำบุญ 1,000.-บาท จะมอบพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่าให้ 1 องค์ (มีการลงรัก 3 แบบ คือ 1.รักสมุหรือรักพม่า สีน้ำเงิน 2.ชาดหรือรักจีน สีแดง 3.รักไทย สีดำ) โดยแจ้งความประสงค์ที่คุณนักเดินทางครับ
    [​IMG]



    หรือ
    เป็นพระพิมพ์อุ้มบาตรเล็กรวม5พระธรรมทูต ยังเหลืออีก 4 องค์ครับ โดยแจ้งความประสงค์กับผมนะครับ

    [​IMG]

    ให้แจ้งด้วยว่าต้องการพระพิมพ์ สีอะไร (ยกเว้นสีชมพูนะครับ เนื่องจากไม่มีพระครับ)

    โดยแจ้งความประสงค์ว่า
    ขอบริจาคเงินทำบุญกับสำนักสงฆ์ บ่อเงินบ่อทอง จำนวนเงิน 1,000.-บาท โดยขอรับพระพิมพ์อุ้มบาตรเล็ก รวม 5 พระธรรมทูต (ที่หลวงปู่ทั้ง 5 องค์เสก)

    สามารถบริจาคโดยการโอนเงินเข้าบัญชีต่อไปนี้
    ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
    ชื่อบัญชี นางสาวฐิติวรรณ คุณานพรัตน์ (สังฆทานบิณฑบาท-ข้าวสาร-อาหารแห้ง)
    สาขา บางนา
    เลขที่บัญชี 015-4 32192-6
    ประเภทบัญชี ออมทรัพย์


    ให้แจ้งทั้งสองกระทู้นะครับ
    1.กระทู้ขอความเมตตาช่วยต่ออายุพระเณร (ที่อยู่ผู้รับพระให้แจ้งกับคุณนักเดินทาง ทางข้อความส่วนตัวก็ได้นะครัย) สำหรับขอรับพระสมเด็จเจ้ากรมคุณท่า

    ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิตพระเณร<O:p</O:p
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=21733<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ขอมอบพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่าคะแนนร้อยแก่ผู้ร่วมทำบุญ สนส บ่อเงินบ่อทอง<O:p</O:p
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=27127<O:p</O:p

    และ
    2.กระทู้พระวังหน้านะครับ ส่วนที่อยู่ให้แจ้งผ่านข้อความส่วนตัวมาให้ผมก็ได้ ถ้าไม่ต้องการแจ้งลงที่กระทู้ครับ สำหรับขอรับพระอุ้มบาตรเล็ก รวม 5 พระธรรมทูต
    เฉพาะพระอุ้มบาตรเล็กรวม5พระธรรมทูต ถ้าหลังจากสิ้นเดือนมีนาคม 2549 แล้วยังไม่มีผู้ที่ทำบุญแล้วมีความประสงค์จะรับพระอุ้มบาตรเล็กรวม 5 พระธรรมทูต ผมขออนุญาตหยุดมอบพระพิมพ์อุ้มบาตรเล็กรวม5 พระธรรมทูตให้ผู้ทำบุญครับ
    พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....<O:p</O:p
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=22445<O:p</O:p


    ขออนุโมทนาในกุศลทุกท่านที่ได้ทำบุญกับวัดบ่อเงินบ่อทอง ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2006
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระอิติปิโสรัตนมาลา<O:p</O:p

    นโม ๓ จบ
    <O:p</O:p

    <O:p</O:p
    (อิ) อิฎโฐ สัพพัญญุตะญาณังอิจฉันโต อาสะวักขะยัง<O:p</O:p
    อิฎฐัง ธัมมัง อนุปปัตโตอิทธิมันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ติ) ติณโณ โญ วัฎฎะทุกขัมหาติณณัง โลกานะมุตตะโม<O:p</O:p
    ติสโส ภูมี อะติกกันโตติณณัง โอฆัง นะมามิหัง
    (ปิ) ปิโย เทวะมะนุสสานังปิโย พรหมา นะมุตตะโม<O:p</O:p
    ปิโย นาคะสุปัณณานังปิณินทริยัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (โส) โสกา วิระตะจิตโต โยโสภะมาโน สะเทวะเก<O:p</O:p
    โสกัปปัตเต ปะโมเทนโตโสตะวัณณัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ภะ) ภัชชิตา เยนะ สัทธัมมาภัคคะปาเปนะ ตาทินา<O:p</O:p
    ภะเย สัตเต ปะหาเสนโตภะยะสันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (คะ) คะมิโต เยนะ สัทธัมโมคะมาปิโต สะเทวะกัง<O:p</O:p
    คัจฉะมาโน สิวัง รัมมังคัมยะธัมมัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (วา) วานา นิกขะมิ โย ตัณหาวาจัง ภาสะติ อุตตะมัง<O:p</O:p
    วานะ นิพพาปะนัตถายะวายะมันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    (อะ) อะนัสสาสะกะสัตตานังอัสสาสัง เทติ โยชิโน<O:p</O:p
    อะนันตะคุณะสัมปันโนอันตะคามิง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ระ) ระโต นิพพานะสัมปัตเตระโต โส สัตตะโมจะเน<O:p</O:p
    รัมมาเปตีธะ สัตเตโยระณะจาคัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (หัง) หัญญะเต ปาปะเก ธัมเมหังสาเปติ ปะรัง ชะนัง<O:p</O:p
    หังสมานัง มาหาวีรังหันตะปาปัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (สัม) สังขะตาสังขะเต ธัมเมสัมมาเทเสสิ ปาณินัง<O:p</O:p
    สังสารัง สังวิฆาเฏติสะสัมพุทธัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (มา) มาตะวา ปาลิโต สัตเตมานะถัทเธ ปะมัททิโน<O:p</O:p
    มานิโต เทวะสังเฆหิมานะฆาฏัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (สัม) สัญจะยัง ปาริมิง สัมมาสัญจิตวา สุขะมัตตะโน<O:p</O:p
    สังขารานัง ชะยัง กัตวาสันตะคามิง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (พุท)พุชฌิตวา จะตุสัจจานิพุชฌาเปติ มะหาชะนัง<O:p</O:p
    พุชฌาเปนตัง สิวัง มัคคังพุทธะเสฏฐัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (โธ) โธติ ราเคจะ โทเสจะโธติ โมเหจะ ปาณินัง<O:p</O:p
    โธตาสะวัง มะหาวีรังโธตะกะเลสัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (วิช) วิวิจเจวะ อะสัทธัมมาวิจิตวา ธัมมะ เทสะนัง<O:p</O:p
    วิเวเก ฐิตะจิตโต โยวิทิตันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ชา) ชาติธัมโม ชะราธัมโมชาติอันโต ปะกาสิโต<O:p</O:p
    ชาติเสฏเฐนะ พุทเธนะชาติโมกขัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (จะ) จะยะเต ปุญญะสัมภาเรจะเยติ สุขะ สัมปะหัง<O:p</O:p
    จะชันตัง ปาปะ กัมมานิจะชาเปนตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ระ) ระมิตัง เยนะ นิพพานังรักขิตัง โลกะสัมปะทัง<O:p</O:p
    ระชะ โทสาทิ กะเลเสหิระหิตัง ตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ณะ)นามิโตเยวะ พรหเมหินระเทเวหิ สัพพะทา<O:p</O:p
    นะทันโต สีหะนาทัง โยนะทันตัง ตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (สัม) สังขาเร ติวิธโลเกสัญชานาติ อะนิจ จะโต<O:p</O:p
    สัมนิพพานะ สัมปัตโตสัมปัสสันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ปัน)ปันนะกะเต โพธิสัมภาเรปะสัฏโฐ โสสะเทวะเก<O:p</O:p
    ปัญญายะ อะสะโมโหติปะสันนัง ตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (โน) โน เทติ นิระยัง คันตุงโน จะปาปัง อะการะยิง<O:p</O:p
    โน สะโมอัตถิ ปัญญายะโนนะ ธัมมัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (สุ) สุนทะโร วะระรูเปนะสุสสะโร ธัมมะ ภาเนสะ<O:p</O:p
    สุทุททะสัง ทิสาเปติสุคะตันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (คะ) คัจฉันโตโลกิยัง ธัมมังคัจฉันโต อะมะตัง ปะทัง<O:p</O:p
    คะโต โต สัตตะ โมเจตุงคะตัญ ญาณัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    (โต) โตเสนโต วะระธัมเมนะโตสัฎฐาเน สิเว วะเร<O:p</O:p
    โตสัง อะกาสิ ชันตูนังโตละจิตตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (โล) โลเภ ชะหะติ สัมพุทโธโลกะเสฏโฐ คุณากะโร<O:p</O:p
    โลเภ สัตเต ชะหาเปติโลภะสันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (กะ) กันโต โย สัพพะสัตตานังกัตวา ทุกขังขะยัง ชิโน<O:p</O:p
    กะเถนโต มะธุรัง ธัมมังกะถา สัณหัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (วิ) วินะยัง โย ปะกาเสติวิทธังเสตวา ตะโยภะเว<O:p</O:p
    วิเส สัญญาณะสัมปัญโนวิปปะสันนัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ทู) ทูเส สัตเต ปะหาเสนโตทูรัฏฐานัง ปะกาสะติ<O:p</O:p
    ทูรัง นิพพานะมาคัมมะทูสะหานัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (อะ) อันตัง ชาติชาราทีนังอะกาสิ ทีปะ ทุตตะโม<O:p</O:p
    อะเน กุสสาหะจิตเตนะอัสสาเสนตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (นุต) นุเทติ ราคะจิตตานินุหาเปติ ปะรัง ชะนัง<O:p</O:p
    นุนะอัตถัง มะนุสสานังนุสาสันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ตะ) ตะโนติ กุสะลัง ธัมมังตะโนติ ธัมมะเทสะนัง<O:p</O:p
    ตัณหายะ วิจะรันตานังตัณหาฆาตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    (โร) โรเสนเต เนวะโกเปติโรเสเหวะ นะกุชฌะติ<O:p</O:p
    โรคานัง ราคะอาทีนังโรคะสันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ปุ) ปุณันตัง อัตตะโน ปาปังปูเรนตัง ทะสะ ปาระมิง<O:p</O:p
    ปุญญะวันตัสสะ ราชัสสะปุตตะภูตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ริ) ริปุราคาทิภูตังวะริทธิยา ปะฏิหัญญะติ<O:p</O:p
    ริตตัง กัมมังนะ กาเรตาริยะวังสัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (สะ) สัมปันโน วะระสีเลนะสะมาธิปะ วะโรชิโน<O:p</O:p
    สะยัมภูญญาณะสัมปันโนสัณหะวาจัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ทัม)ทันโต โย สะกะจิตตานิทะมิตวาปิ สะเทวะกัง<O:p</O:p
    ทะทันโต อะมะตัง เขมังทันตินทริยัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (มะ) มะหุสสาเหนะ สัมพุทโธมะหันตัง ญาณะมาคะมิ<O:p</O:p
    มหิตัง นะระเทเวหิมะโนสุทธัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (สา) สารัง เทตีธะ สัตตานังสาเรติ อะมะตังปะทัง<O:p</O:p
    สาระถิวิยะ สาเรติสาระธัมมัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ระ) รัมมะตาริยะ สัทธัมเมรัมมาเปติ สะสา วะกัง<O:p</O:p
    รัมเมฐาเน วะสาเปนตังระณะหันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ถิ) ถิโต โย วะระนิพพาเนถิเร ฐาเน สะสาวะโก<O:p</O:p
    ถิรัง ฐานัง ปะกาเสติถิตะธัมมัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (สัต) สัทธัมมัง เทสะยิตวานะสันตัง นิพพานะ ปาปะกัง<O:p</O:p
    สะมาหิตัง สะสาวะกังสันตะจิตตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ถา) ถามัง นิพพานะ สังขาตังถาเมนาธิ คะโตมุนิ<O:p</O:p
    ถาเนสัคคะสิวะ รัมเมถาเปนตัง ตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (เท) เทนโต โย สัคคะนิพพานังเทวะ มะนุสสะ ปาณินัง<O:p</O:p
    เทนตัง ธัมมะวะรัง ทานังเทวะ เสฏฐัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (วะ) วันตะราคัง วันตะโทสังวันตะโมหัง อะนาสะวัง<O:p</O:p
    วันทิตัง เทวะพรหเมหิวะรัง พุทธัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (มะ) มะนะตา วิริเยนาปิมะหันตัง ปาระมิงอะกา<O:p</O:p
    มะนุสสะเทวะพรหเมหิมหิตัง ตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (นุส)นุนะธัมมัง ปะกาเสนโตนุทะนัตถายะ ปาปะกัง<O:p</O:p
    นุนะทุกขาธิปันนานังนุทาปิตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (สา) สาวะกานัง นุสาเสติสาระธัมเมจะปาณินัง<O:p</O:p
    สาระธัมมัง มะนุสสานังสาลิตัง ตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (นัง) นันทันโต วะระสัทธัมเมนันทาเปติ มะหามุนิ<O:p</O:p
    นันทะภูเตหิ เทเวหินันทะนียัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (พุท)พุชฌิตาริยะสัจจานิพุชฌาเปติ สะเทวะกัง<O:p</O:p
    พุทธะญาเณหิ สัมปันนังพุทธัง สัมมา นะมามิหัง<O:p</O:p
    (โธ) โธวิตัพพัง มะหาวีโรโธวันโต มะละมัตตะโน<O:p</O:p
    โธวิตตา ปาณินัง ปาปังโธตะกเลสัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ภะ) ภะยะมาปันนะสัตตานังภะยัง หาเปตินายะโต<O:p</O:p
    ภะเว สัพเพ อะติกกันโตภะยะสันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (คะ) คะธิโต เยนะ สัทธัมโมคะตัญญา เณนะปาณินัง<O:p</O:p
    คัณหะนียัง วะระธัมมังคัณหาเปนตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (วา) วาปิตัง ปะวะรัง ธัมมังวานะโมกขายะ ภิกขูนัง<O:p</O:p
    วาสิตัง ปะวะเร ธัมเมวานะมานัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ติ) ติณโณ โส สัพพะปาเปหิติณโณ สัคคา ปะติฏฐิโต<O:p</O:p
    ติเร นิพพานะ สังขาเตติกขะญาณัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    จบห้อง พระพุทธคุณ ๕๖ คาถา<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    (สวาก)สวากตันตัง สิวัง รัมมังสวากหะเนยยัง ธัมมะ เทสันตัง<O:p</O:p
    สวากหะเนยยัง ปุญญักเขตตังสวากสะภัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ขา) ขาเทนโต โส สัพพะปัชชังขายิตัง มะธุรัง ธัมมัง<O:p</O:p
    ขายันตัง ติวิธัง โลกังขายิตันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (โต) โตเสนโต สัพพะสัตตานังโตเสหิ ธัมมะเทสะนัง<O:p</O:p
    โตมะหิ จิตตัง สะมิชณันตังโตเสนตันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ภะ) ภัคคะราโค ภัคคะโทโสภัคคะโมโห อนุตตะโร<O:p</O:p
    ภัคคะกิเลเส สัตตานังภะคะวันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (คะ) คัจฉันโต รัมมะเกสิเวคะหะะจิตโต สะเทวะเก<O:p</O:p
    คัจฉันเต พรหมะ จะติเยคัจฉันตัง ปะ นะมามิหัง<O:p</O:p
    (วะ) วันตะราคัง วันตะโทสังวันตะโมหัง ปุญญะ ปาปัง อนุตตะรัง<O:p</O:p
    วันตะพาละมิจฉาทีนังวันตันตัง ปะ นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ตา) ตาเรสิ สัพพะสัตตาตาเรติ โอระมีติรัง<O:p</O:p
    ตาเรนตัง โมกขะ สังสารังตาเรนตันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ธัม) ธะระมาเนปิ สัมพุทเธธัมเมเทสัง นิรันตะรัง<O:p</O:p
    ธะเรยยะ อะมะระถานังธะเรนตันตัง ปะ นะมามิหัง<O:p</O:p
    (โม) โมหัญเญ ทะมันโต สัตเตโมหะตีเต อะการะยิ<O:p</O:p
    โมหะชาเต ธัมมะจาริโมหะตีตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (สัน)สัพพะสัตตะตะโมนุโทสัพพโสกาวินาสะโก<O:p</O:p
    สัพพะสัตตะจิตตะโกสัพพะสันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ทิฏ)ทิฏเฐ ธัมเม อะนุปปัตเตทิฏฐิกังขา ราคะลุตเต<O:p</O:p
    ทิฏฐิทะวาสัฏฐี ฉันทันเตทิฏฐิธัมเม ปะ นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ฐิ) ฐิตีสีละสะมาจาเรฐิติ เตระสะธุตังเค<O:p</O:p
    ฐิติธัมเม ปะฏิปัตติฐิตังปะทัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (โก) โกกานัง ราคะปิฬิโตโกธัมโม ปาฏิหัญญะติ<O:p</O:p
    โกกานัง ปูชิโต โลเกโกกานะ ปะ นะมามิหัง<O:p</O:p
    (อะ) อัคโคเสฏโฐ วะโรธัมโมอัคคะปัญโญปิ พุชฌะติ<O:p</O:p
    อัคคะธัมมัง สุนิปุณังอัคคันตัง ปะ นะมามิหัง<O:p</O:p
    (กา) กาเรนโต โส สิเวรัชเชกาเรยยะ ธัมมะจาริเย<O:p</O:p
    กาตัพเพ สุลิกขากาเมกาเรนตันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ลิ) ลิโต โย สัพพะทุกเขสุลิกขิโตปิฏะ กัตตะเย<O:p</O:p
    ลิมปิเตปิ สุวัณเณจะลิขันเต ปะ นะมามิหัง<O:p</O:p
    (โก) โก ปุคคะโล สะทิโสมังโก ธัมมัง อะภิปูชะยิ<O:p</O:p
    โกวิทู ธัมมะสาระทังโกสาลาตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (เอ) เอสะติ พุทธธะวะจะนังเอสะติ ธัมมะมุตตะมัง<O:p</O:p
    เอสะติ สัตตะโมกขัญจะเอสาสันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (หิ) หิเน ถาเน นัชฌายันเตหิเน เปติ สุคะติง<O:p</O:p
    หิเน โมหะสะเม ชาเลหิตันตัง ปะ นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ปัส)ปักกะโต โพธิสัมภาเรปะเสฏโฐ โสสะเทวะเส<O:p</O:p
    ปัญญายะ อะสะโม โหติปะสันตานัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (สิ) สีเลนะ สุคะติง ยันติสีเลนะ โภคะสัมปะทา<O:p</O:p
    สีเลนะ นิพพุติงยันติสีละธะนัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (โก) โก โย อัคคะสุปุญโญ ปุพเพโกฑะชะเห อะธิ คัจฉิ<O:p</O:p
    โกธัมมัญจะ วิชานาติโกวันตัง ปะ นะมามิหัง<O:p</O:p
    (โอ) โอนะโต สัพพะกิเลสังโอนะโต สัพพะ มะมะลัง<O:p</O:p
    โอนะโต ทิฏฐิชาลัญจะโอนะโตตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ปะ) ปัญญา ปาเสฏโฐ โลกัสมิงปัญญาอัปปะฏิ ปุคคะโล<O:p</O:p
    ปัญญายะ อะสะโม โหติปะสันโนตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (นะ) นะรานะระ หิตังเทวังนะระเทเวหิ ปูชิตัง<O:p</O:p
    นะรานัง กัมมะปักเขหินะมิตันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ยิ) ยิชชะโต สัพพะสัตตานังยิชชะตัง เทวะ พรหเมหิ<O:p</O:p
    ยิชชะสะติ จะ ปาณินังยิชชะตันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (โก) โกธัง ชะหะติ ปาปะกังโกธัง โกธะนัง นาสสะติ<O:p</O:p
    โกธัง ชะเหวิ ปัชชะติโกธะ นุทธัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ปัจ) ปัจจาภิระตา ปะชาปัชชะหิตา ปาปะกาโย<O:p</O:p
    ปัปโปติ โชติวิปุโลปะโชตันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (จัต) จะริตวา พรหมะจะริยังจัชชันตัง สุวิหัญญะติ<O:p</O:p
    จัชชันตัง สัพพะทาเนนะจัชชะตันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ตัง) ตังโนติ กุสะลังธัมมังตังโนติ สัพพะวิริยัง<O:p</O:p
    ตังโนติ สีละสะมาธิงตังตะวายัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (เว) เวรานิปิ นะ พันธันติเวรัง เตสูปะสัมมะติ<O:p</O:p
    เวรัง เวเรนะ เวรานิเวระสันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ทิ) ทีฆายุโก พะหูปุญโญทีฆาระโต มะหาสาโล<O:p</O:p
    ทีฆังเตเชนะ ปุญเญนะทีฆะรัตตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ตัพ) ตะโต ทุกขา ปะมุญจะโสตะโตโมเจติ ปาณิโน<O:p</O:p
    ตะโน ราคาทิ กิเลเสตะโตโมกขัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (โพ) โพนโต เทวะสังฆาโย โกโพธิเสฏ เฐจะ ปะกะโต<O:p</O:p
    โพธินา ปะริปุณโณโสโพธิสันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (วิญ)วิระติ สัพพะทุกขัสมาวิริยะนาปี ทุลละภา<O:p</O:p
    วิริยะ ทุกขสัมปันนาวิริยันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ญู) ญูตัญญาเญหิ สัมปันนังญูตะโยคะสะมัปปิตัง<O:p</O:p
    ญูตัญญาณะทัสสะนัญจะญูตะโยคัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (หิ) หิสันตัง สัพพะโทสานิหิสันตา สัพพะภยาติ<O:p</O:p
    หิสะโมหา สัตตาคะตาหิสะสันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    จบห้องพระธรรมคุณ ๓๘ คาถา

    (สุ) สุทธิสีเลหิ สัมปันโนสุฏฐะปัตโตจะโย สังโฆ<O:p</O:p
    สุนทะโร สาสะนะธะโรสุนทะรัง ปะ นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ปะ) ปฎิสัมภิทา จะตัสโสปะเสฏโฐ โสอนุตตะโร<O:p</O:p
    ปัญญา อนุตตะโร โลเกปะสัฏฐัง ปะ นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ฏิ) ฏิตถิปะราชิโต สัตถาฏิตถาฏิยา ทัสสะนะเม<O:p</O:p
    ฏิตถิ พุทธะวิเสนะฏิตถันตันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ปัน)ปะเสฏโฐ ธัมมะคัมภีโรปัญญะวันโต อะลังกะโต<O:p</O:p
    ปะเสนโต อัตถะธัมมัญจะปะสัฏฐัง ปะ นะมามิหัง<O:p</O:p
    (โน) โนเจติ กุสะลัง กัมมังโนจะปาปัง อาการะยิ<O:p</O:p
    โนนะตัง พุชฌะ ธัมมัญจะโนทิสันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (ภะ) ภัคคะราโค ภัคคะโทโสภัคคะโมโหจะ ปาณินัง<O:p</O:p
    ภัคคะกิเสสะสัตตานังภัคคะตันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (คะ) คัจฉันโต โลกิยัง ธัมมังคัจฉันโต โลกุตตะ รัมปี<O:p</O:p
    คัจฉะเทวะ กิเลเสหิคะมิตันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (วะ) วัณเณติ กุสะลัง ธัมมังวัณเณติสีละสัมปันนัง<O:p</O:p
    วัณเณติกขะติ รักขิตังวัณเณนะตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (โต) โตเสนโต เทวะมะนุสโสธัมมะยะลิ โตเสติ<O:p</O:p
    ทุฏฐะ จิตตานิโตเสนตันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (สา) สาสะนัง สุปะฏิจฉันนังสาสะยันตังลิวัง รัมมัง<O:p</O:p
    สาสะนัง อะนุสาเสนยังสาสะยันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (วะ) วันตะราคัง วันตะโทสังวันตะโมหัง ทิฏฐิ ฉันทัง<O:p</O:p
    วันตานัง สัพพะปาณินังวันตะกิเลสัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (กะ) กะโรนโต สีละสะมาธิงกะโรนโต สาระมัตตะโน<O:p</O:p
    กะโรนโต กัมมัฏฐานานิกะโรนโต ตันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    (สัง) สังสาเร สังสะรันโต โสสังสาระโต วิมุญจิโส<O:p</O:p
    สังสาระ ทุกขโมเจสิสังเสฏฐัง ปะ นะมามิหัง<O:p</O:p
    (โฆ) โฆรัง ทุกขะยัง กัตวาโฆสาเปติ สุรังนะรัง<O:p</O:p
    โฆสะยิตวา ติปิฏะกังโฆระตันตัง นะมามิหัง<O:p</O:p
    จบห้องพระสังฆคุณ ๑๔ คาถา<O:p</O:p

    <O:p</O:p
    สะตะอัฏฐะธัมมะคาถา รัตตะนัตตะยะคุณาสะมัตตา เอเตนะ ชะยะเตเชนะ โสตถิเม ชะยะมังคะลัง ฯ<O:p</O:p
    ปุตโต ตะยาหัง มะหาราชัง ตะวัง มังโปสะชานาที อัญโญ กิญจิ เทโว โทเสติ สะมัง ปัชชะ ฯ<O:p</O:p
    อิติปาระมิตา ติงสา อิติ สัพพัญญุมาคะตา อิติ โพธิมะ นุปปัตโต อิติ ปิโสจะเต นะโม ฯ<O:p</O:p
    ภะคะวา ภะคะวา นามะ ภะโค กิเลสะ พาหะโน ภะโคสังสาระจักกานัง ภะคะวา นามะ เตนะโม ฯ<O:p</O:p
    รวม ๓ ห้อง ๑๐๘ คาถา อิติปิโสระตะนะมาลา นิฏฐิตัง<O:p</O:p

    <O:p</O:p

    ***พระพุทธภาษิตธะชัคคะสูตรแสดงไว้ดังนี้ ภิกษุทั้งหลาย ถ้าว่าความกลัวหรือความหวาดเสียว หรือขนพองสยองเกล้า เกิดขึ้นแก่ท่านทั้งหลาย ผู้ไปสู่ที่ว่างเปล่า อันเป็นที่เงียบสงัดอันจะพึงกลัว เป็นตันว่า ไปสู่ป่าก็ดี สู่โคนต้นไม้ก็ดี สู่เรือนเปลี่ยวก็ดี สมัยนั้นท่านทั้งหลายพึงระลึกถึงเราผู้ตถาคตอย่างนี้ว่า <O:p</O:p
    ***“ อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโณ สุคะโต โลกะวิทู อนุตตะโรปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถาเทวะมนุสสานัง พุทโธภะคะวาติ ”***<O:p</O:p

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    อิติปิโสเต็ม<O:p</O:p
    อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง
    <O:p</O:p
    อิติปิโส ภะคะวา สัมมาสัมพุทโธ<O:p</O:p
    อิติปิโส ภะคะวา วิชชาจะระณะสัมปันโน<O:p</O:p
    อิติปิโส ภะคะวา สุขะโต<O:p</O:p
    อิติปิโส ภะคะวา โลกะวิทู<O:p</O:p
    อิติปิโส ภะคะวา อะนุตตะโร ปุริสะธัมมะสาระถิ<O:p</O:p
    อิติปิโส ภะคะวา สัตถา เทวะมะนุสสานัง<O:p</O:p
    อิติปิโส ภะคะวา พุทโธ ภะคะวาติ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    <O:p</O:p

    อิติปิโสธงชัย<O:p</O:p

    นะโม ๓ จบ<O:p</O:p

    พุทธัง ชีวิตัง ยาวะนิพานัง สะระนัง คัจฉามิ<O:p</O:p
    อิติปิโส ภะคะวา อะระหังสัมมา สัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุขะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะธัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ<O:p</O:p
    ธัมมัง ชีวิตัง ยาวะนิพานัง สะระนัง คัจฉามิ<O:p</O:p
    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฎฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติ<O:p</O:p
    สังฆัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระนัง คัจฉามิ<O:p</O:p
    สุปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อุฎฐะ ปุริสะปุคคลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเนยโย อัญชลีกะระณีโย อนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ<O:p</O:p
    <O:p</O:p




    พระคาถาอิติปิโส ๘ ทิศ<O:p</O:p

    นโม ๓ จบ<O:p</O:p

    . อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา<O:p</O:p
    ชื่อ กระทู้ ๗ แบก ประจำอยู่ทิศบูรพา ( ทิศตะวันออก )<O:p</O:p
    . ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง<O:p</O:p
    ชื่อ ฝนแสนห่า ประจำอยู่ทิศอาคเนย์ ( ทิศตะวันออกเฉียงใต้ )<O:p</O:p
    . ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท<O:p</O:p
    ชื่อ นารายณ์เกลื่อนสมุทร ประจำอยู่ทิศทักษิณ ( ทิศใต้ )<O:p</O:p
    . โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ<O:p</O:p
    ชื่อ นารายณ์ถอดจักร ประจำอยู่ทิศหรดี ( ทิศตะวันออกเฉียงใต้ )<O:p</O:p
    . ภะ สัม สัม วิ สา เท ภะ<O:p</O:p
    ชื่อ นารายณ์ขว้างจักรตรึงไตรภพ ประจำอยู่ทิศประจิม ( ทิศตะวันตก )<O:p</O:p
    . คะ พุท ปัน ทู ทัม วะ คะ<O:p</O:p
    ชื่อ นารายณ์พลิกแผ่นดิน ประจำอยู่ทิศพายัพ ( ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ )<O:p</O:p
    . วา โธ โน อะ มะ มะ วา<O:p</O:p
    ชื่อ ตวาดฟ้าป่าหิมพานต์ ประจำอยู่ทิศอุดร ( ทิศเหนือ )<O:p</O:p
    . อะ วิช สุ นุต สา นุ ติ<O:p</O:p
    ชื่อ นารายณ์แปลงรูป ประจำอยู่ทิศอีสาน ( ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ )<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    อิติปิโส ถอยหลัง<O:p</O:p
    ติ วา คะ ภะ โธ พุท นัง สา นุส มะ วะ เท ถา สัต ถิ ระ สะ มะ ทัม สะ ริ ปุ โร ตะ นุต อะ ทู วิ กะ โล โต คะ สุ โน ปัน สัม ณะ ระ จะ ชา วิช โธ พุท สัม มา สัม หัง ระ อะ วา คะ ภะ โส ติ อิ<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    อิติปิโส แปลงรูป<O:p</O:p
    กะ วิ โล ทู โต อะ คะ นุต<O:p</O:p
    สุ ตะ โน โร ปัน ปุ สัม ริ<O:p</O:p
    ณะ สะ ระ ทัม จะ มะ ชา สา<O:p</O:p
    วิช ระ โธ ถิ พุท สัต สัม ถา<O:p</O:p
    มา เท สัม วะ หัง มะ ระ นุส<O:p</O:p
    อะ สา วา นัง คะ พุท ภะ<O:p</O:p
    โธ โส ภะ ปิ คะ ติ วา อิ ติ<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    อิติปิโส ตรึงไตรภพ<O:p</O:p
    อิ ติ ติ วา ปิ คะ โส ภะ<O:p</O:p
    ภะ โธ คะ พุท วา นัง อะ สา<O:p</O:p
    ระ นุส หัง มะ สัม วะ มา เท<O:p</O:p
    สัม ภา พุท สัต โธ ถิ วิช ระ<O:p</O:p
    ชา สา จะ มะ ระ ทัม ณะ สะ<O:p</O:p
    สัม ริ ปัน ปุ โน โร สุ ตะ<O:p</O:p
    คะ นุต โต อะ โล ทู กะ วิ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พระพุทธมนต์บทนี้ เรียกอิติปิโสตรึงไตรภพ ไตรภพคือมนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลก ถ้าต้องการให้คนในสามโลกนี้ เคารพนับถือ เราให้เสกคาถานี่เป็นกิจวัตรประจำวัน ทั้งเทวดา และพระพรหมจะมากราบไหว้บูชาเรา ก่อนจะไปสังคมใดให้เสกคาถานี้กี่จบก็ได้ จะเป็นที่เคารพนับถือ กราบไหว้บูชาของคนในสังคมนั้น เราจะพูดสนทนา หรือสั่งเสียอะไรเขาจะเชื่อฟัง คนหรือสัตว์มีทิฐิมานะกล้าแข็ง ถ้าต้องการให้หายพยศ ให้เสกคาถาบทนี้ก่อน หรือจะเสกทำน้ำมนต์ให้อาบให้กินก็ได้<O:p</O:p
     
  7. roy04

    roy04 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +350
    ขอสอบถามเพิ่มเติมครับ
    พระที่คุณsithiphongส่งมาให้ 2 องค์เป็นพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า 1 องค์ อีก 1 องค์ไม่ทราบว่าเป็นพระอะไรครับ อยากทราบเพื่อจะได้ไว้ระลึกเป็นพุทธานุสติครับผม
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เป็นสมเด็จวังหน้าครับ มีหลายท่านที่ได้รับไปแล้ว ปรากฎว่ามีพระธาตุเสด็จมาที่องค์พระพิมพ์ครับ หากมีพระธาตุเสด็จมา ผมแนะนำให้หาโถเบญจรงค์หรือที่ใส่พระธาตุ มาใส่พระพิมพ์และนำไปไว้ในที่เหมาะสมครับ
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้ ผมมีพระขรรค์และกฤช ของวังหน้ามาให้ชมกันนะครับ
    พระขรรค์และกฤช นี้ ทำขึ้นมาใช้ในการผสมผงพระพิมพ์ เวลาที่จะคนผงพระและผงทองเข้าด้วยกันนั้น จะใช้พระขรรค์และกฤชนี้ มาเป็นสิ่งที่ใช้คนผงพระและผงทองให้เข้ากันก่อนนำไปกดพิมพ์ พระขรรค์และกฤช ทำมาจากสังฆวานร โลหะสังฆวานร ส่วนใหญ่จะทำเป็นตะปูเพื่อไว้ตอกพระปรางค์ต่างๆครับ ส่วนพระขรรค์เล็กนั้นทำด้วยทองเหลือง ด้ามเป็นรูปหลวงปู่อิเกสาโร ครับ แต่ให้ระวังของปลอมด้วยนะครับ

    ผมไม่ได้ให้บูชานะครับ เนื่องจากผมมีอย่างละด้ามเท่านั้นเองครับ จะขอไว้เป็นตัวอย่างนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1020314.JPG
      P1020314.JPG
      ขนาดไฟล์:
      539 KB
      เปิดดู:
      154
    • P1020315.JPG
      P1020315.JPG
      ขนาดไฟล์:
      525.1 KB
      เปิดดู:
      158
    • P1020316.JPG
      P1020316.JPG
      ขนาดไฟล์:
      349.7 KB
      เปิดดู:
      128
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คำแนะนำการกราบไหว้พระ<O:p</O:p
    หนังสือนวกานุศาสนีอนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพพุทธศักราช๒๕๒๒พระธรรมเจดีย์อดีตเจ้าอาวาสวัดทองนพคุณกรุงเทพฯ<O:p</O:p
    ( หนังสือพิมพ์ข่าวสดคอลัมน์รายงานพิเศษวันที่กรกฎาคม๒๕๔๒ )<O:p</O:p

    ในเวลานั่งสวดสรรเสริญพระคุณพระรัตนตรัยนั้นเป็นการสวดเพื่อระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าพระธรรมเจ้าพระสงฆ์เจ้าเพราะพระคุณของพระรัตนตรัยนี้เราจะพรรณนาสักเท่าใดก็ไม่มีหมด<O:p</O:p
    การไหว้พระพุทธก็เพราะพระพุทธเจ้าเป็นพระศาสดาผู้มีปรีชามีพระปัญญาเลิศพระองค์เป็นผู้เล็งรู้ความจริงของโลกทุกอย่างพระองค์เป็นผู้ปราศจากความโลภความโกรธความหลงพระองค์เป็นผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาพระกรุณาเราจึงพากันระลึกถึงพระคุณท่าน<O:p</O:p
    การไหว้พระธรรมเพราะพระธรรมเป็นคำสั่งสอนอันดีเลิศคุณของพระธรรมคือความสงบทำให้ใจผ่องแผ้วบริสุทธิ์<O:p</O:p
    การไหว้พระสงฆ์เพราะพระสงฆ์เป็นผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบและเป็นผู้ปฎิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นผู้นำศาสนามา<O:p</O:p
    การกราบไหว้ต้องตั้งใจด้วยความเคารพจริงๆนิยมกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์เบญจางคประดิษฐ์นั้นได้แก่การกราบไหว้โดยนั่งคุกเข่าทั้งสองลงห่างกันประมาณ 1 ฟุตประนมมือเสมออกแล้วก้มลงยื่นฝ่ามือทั้งสองลงพื้นให้ข้อศอกทั้งสองข้างเสมอหัวเข่าอย่าให้กางออกไปนอกหัวเข่าและให้ชิดหัวเข่าฝ่ามือทั้งสองให้นิ้วมิดชิดกันอย่ากางนิ้วฝ่ามือห่างกันประมาณ 4 - 5 นิ้วฟุตเว้นช่องให้หน้าผากก้มลงถึงพื้นแล้วเงยขึ้นตั้งต้นเหมือนเดิมกราบไหว้นี้มีองค์ 5 คือหัวเข่า 2 ฝ่ามือ 2กับหน้าผาก 1จะให้เรียบร้อยตามแบบต้องดูตัวอย่างและทำจนตัวเวลากราบไหว้แบบนี้ร่างกายเป็นไปเองไม่ต้องตั้งใจและเกร็งตัวเวลาทำ<O:p</O:p
    การสวดสรรเสริญและระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าเป็นการอบรมหน่วงเหนี่ยวคุณงามความดีอันพระองค์ทรงสั่งสอนนั้นมาล้างดวงใจที่ซ่านให้สงบที่ขุ่นมัวให้ผ่องแผ้ว<O:p</O:p
    การทำวัตรค่ำก็เหมือนกันทิ้งการสรรเสริญและระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยเสียไม่ได้การทำวัตรค่ำมีการหมอบกราบแล้วกล่าววาจาว่า
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ของดี...ที่ชาวพุทธมองข้าม<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    หนังสือญาณทิพย์ ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๘ เดือนเมษายน ๒๕๔๓<O:p</O:p
    พุทธบูชา ช้าง กจ. ผู้แต่ง<O:p</O:p
    sithiphong ผู้พิมพ์และพิมพ์แจกเป็นทาน<O:p</O:p

    <O:p</O:p
    ปัจจุบันชาวพุทธฯ ส่วนใหญ่มักจะมีหิ้งพระหรือโต๊ะหมู่เพื่อวางพระพุทธรูป รูปเหมือนพระสงฆ์ รูปเจ้าพ่อเจ้าแม่ พระบรมรูปรัชกาลต่างๆ ไว้สักการะบูชา การตั้งหิ้งไม่ควรตั้งสูงเกินไป ให้อยู่ในระดับที่สามารถเอาธูปปักลงในกระถางธูปได้โดยไม่ต้องต่อเก้าอี้ ง่ายต่อการรักษาความสะอาดและสะดวกในการบูชาพระความสูงต่ำของหิ้งขึ้นอยู่กับความสูงต่ำของท่านเจ้าของบ้าน<O:p</O:p
    การวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนหิ้งพระหรือโต๊ะหมู่<O:p</O:p
    ควรวางตามลำดับความสำคัญดังนี้ คือ<O:p</O:p
    . พระพุทธรูป<O:p</O:p
    . พระสังกัจจายน์ พระสิวลี ( อริยสงฆ์ )<O:p</O:p
    . รูปเหมือนหลวงปู่ หลวงพ่อ ( สมมติสงฆ์ )<O:p</O:p
    . ฤาษี ( ถ้ามี )<O:p</O:p
    . นางกวัก แม่โพสพ เสด็จพ่อรัชกาลที่ ๕ กรมหลวงชุมพร ฯ เจ้าพ่อเจ้าแม่<O:p</O:p
    <<<<< ตามความคิดของข้าพเจ้า ( ผู้พิมพ์ ) ในการวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนโต๊ะหมู่บูชานั้น ควรวางตามลำดับความสำคัญ ดังนี้<O:p</O:p
    . พระพุทธรูป <O:p</O:p
    . พระปัจเจกพุทธเจ้า<O:p</O:p
    . พระอรหันต์ <O:p</O:p

    เป็นพระสงฆ์ในสมัยพุทธกาลหรือมีประวัติอยู่ในพระสูตรหรือพระปริตร ต่างๆ หรือ พระอรหันต์ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน เช่น พระโกทัณโญ , พระกัสสะโป , พระสารีบุตร , พระโมคคัลลาน์ , พระอุบาลี , พระอานนท์ , พระราหุล , พระควัมปติ ( พระปิดตา ) , พระสิวลี , พระสังกัจจายน์ , พระบัวเข็มหรือพระอุปคุต ฯลฯ<O:p</O:p

    . พระอริยสงฆ์<O:p</O:p
    เป็นพระสงฆ์ในปัจจุบัน เช่น หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ , หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส , เจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต วัดเทพศิรินทราวาส เป็นต้น <O:p</O:p
    . รูปเหมือนสมมติสงฆ์ <O:p</O:p
    เป็นพระที่พุทธศาสนิกชนเคารพนับถือกันในสมัยปัจจุบัน ( หลวงปู่ หลวงตา หรือ หลวงพ่อต่างๆ )<O:p</O:p
    . พระสยามเทวาธิราช<O:p</O:p
    . เสาหลักเมือง<O:p</O:p
    . พระบรมรูปพระมหากษัตริย์ไทย<O:p</O:p
    ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤติในช่วงเวลาต่างๆมาได้ ถึงแม้ในช่วงที่ประเทศชาติถูกรุกรานจากต่างชาติ และอยู่เย็นเป็นสุข เนื่องมาจากพระบารมี พระปรีชาสามารถ ของพระมหากษัตริย์ไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน อีกทั้งพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคประสพกับความสันติสุขมาจนทุกวันนี้ เช่น พ่อขุนรามคำแหงมหาราช , สมเด็จพระนารายณ์มหาราช , สมเด็จพระนเรศวรมหาราช , สมเด็จพระเอกาทศรถ , สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช , พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช , พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว , พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว , พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ฯลฯ<O:p</O:p
    . วีรบุรุษ และวีรสตรี ของคนไทยในอดีต <O:p</O:p
    วีรบุรุษและวีรสตรีผู้กล้าของคนไทยเหล่านี้ ได้ยอมลำบาก ยอมเสียเลือด เสียเนื้อ เสียสละทุกๆอย่าง เพื่อให้ประเทศไทยมีเอกราช อยู่รอดปลอดภัยและประชาชนชาวไทยได้อยู่เย็นเป็นสุขมาจวบจนทุกวันนี้ เช่นพระยาพิชัยดาบหัก , กรมบวรมหาสุรสิงหนาท , กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ , ชาวบ้านบางระจัน , พระนางศรีสุริโยทัย , ท้าวสุรนารี (คุณหญิงโม) , ท้าวเทพสตรี ท้าวศรีสุนทร (คุณหญิงมุก คุณหญิงจัน) , สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชนนี (สมเด็จย่า) ฯลฯ<O:p</O:p
    ๑๐. แม่โพสพ , แม่ธรณี , พระแม่กวนอิม ,พระโพธิสัตว์องค์ต่างๆ , เทพเจ้าต่างๆ , ฤาษี <O:p</O:p
    ในกรณีที่มีเทพเจ้าต่างๆ พระโพธิสัตว์องค์ต่างๆ แม่โพสพ แม่ธรณี ฤาษี ควรจะจัดชั้นอีกต่างหากในโต๊ะหมู่บูชานั้น เช่น พระศิวะ , พระนารายณ์ , พระพรหม , พระพิฆเนศ , เจ้าแม่อุมา , เจ้าแม่กาลี , พระอินทร์ , ท้าวเวสสุวรรณ , ฤาษี , ฮก ลก ซิ่ว , โป๊ยเซียน , พระโพธิสัตว์กวนอิม เป็นต้น ในด้านเทพเจ้านั้น ต้องจัดตามลำดับดังนี้ ๑.พระศิวะ , เจ้าแม่อุมา , เจ้าแม่กาลี ๒.พระนารายณ์ , พระลักษมี ๓.พระพรหม , พระสุรัสวดี ๔.พระพิฆเนศ ๕.พระอินทร์ ๖.ท้าวเวสสุวรรณ , .ฤาษี ฯลฯ อีกด้านหนึ่งต้องจัดเรียงตามลำดับคือ ๑.พระโพธิสัตว์กวนอิม ๒.ฮก ลก ซิ่ว , .โป๊ยเซียน ฯลฯ ส่วนแม่โพสพ แม่ธรณี จัดไว้รวมกัน เหตุที่ต้องจัด แม่โพสพ แม่ธรณี พระโพธิสัตว์ต่างๆ เทพเจ้าต่างๆ มาไว้ในชั้นนี้นั้นเนื่องจาก แม่โพสพ แม่ธรณี พระโพธิสัตว์ต่างๆ เทพเจ้าต่างๆ ได้เข้ามาอยู่ในประเทศไทย อยู่ใต้พระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทย อยู่ใต้ความเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตของวีรบุรุษและวีรสตรีของไทย จึงได้มีโอกาสในการบำเพ็ญบารมีของแต่ละองค์ได้ หากไปอยู่ยังประเทศอื่นๆ เช่น กลุ่มประเทศอาหรับ อิสราเอล ปาเลสไตล์ หรือแม้แต่ในประเทศอังกฤษ เยอรมัน สหรัฐอเมริกา ฯลฯ ก็คงไม่มีโอกาส หรือถ้ามีก็มีน้อยโอกาสในการบำเพ็ญบารมีของแต่ละองค์นั้น<O:p</O:p
    ๑๑. พระยามัจจุราช <O:p</O:p
    ๑๒. พันท้ายนรสิงห์ ( เป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์ต่อสมเด็จพระเจ้าเสือ กษัตริย์สมัยกรุงศรีอยุธยา ซื่อสัตย์ต่อกฎมณเฑียรบาล ซื่อสัตย์ต่อกฎหมายบ้านเมือง ) เจ้าพ่อเจ้าแม่ต่างๆ เจ้าพ่อเสือ , เห้งเจีย , หนุมาน , นางกวัก , เจ้าพ่อกวนอู ฯลฯ<O:p</O:p
    ๑๓. กุมารทอง ลักยม นกคุ้ม เสือ สิงห์ มังกร วัวธนู ควายธนู ฯลฯ >>>>><O:p></O:p>
    <O:p</O:p

    หากมีความจำเป็นที่จะต้องวางรวมบนหิ้งเดียวกัน ก็ควรจะยกพื้นให้พระพุทธรูปสูงกว่าพระ พระองค์อื่นๆ นอกจากนี้รูปภาพพระสงฆ์ไม่ควรแขวนสูงกว่าพระพุทธรูป เพราะพระสงฆ์ยังไหว้พระพุทธ
    <O:p</O:p
    การหันหน้าของหิ้งพระหรือโต๊ะหมู่<O:p</O:p
    ปกติควรหันไปทางทิศตะวันออก หากสถานที่ไม่อำนวยจะหันไปทางทิศเหนือหรือทิศใต้ก็ได้ ยกเว้นทิศตะวันตก<O:p</O:p

    การสร้างพระพุทธรูปและสัญลักษณ์ต่างๆ ในพระพุทธศาสนา เป็นการสร้างเพื่อเตือนสติให้ระลึกถึงคุณงามความดีที่ท่านได้สร้างไว้ เมื่อมีรูปแทนคือ พระพุทธรูปก็ดี พระเครื่องก็ดี เหรียญหลวงพ่อ หลวงปู่ต่างๆ อยู่กับตัวหรือบูชาไว้ก็ควรระลึกว่า มีของดีอยู่กับตัว ความชั่วไม่ควรทำ ควรน้อมนำเอาคำสั่งสอนของท่านมาประพฤติปฎิบัติ ก็จะได้รับความสุขกายสุขใจตามสมควรแก่ธรรมนั้นๆ
    <O:p</O:p
    เมื่อมีพระพุทธรูป และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่บนหิ้งหรือโต๊ะหมู่ จึงมีการบูชาพระ หากมีพระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วไม่บูชาก็เหมือนเอาตุ๊กตามาประดับบ้าน<O:p</O:p
    การบูชาพระ<O:p</O:p
    มี ๒ ประการ คือ<O:p</O:p
    อามิสบูชาบูชาด้วยดอกไม้ ธูป เทียน สิ่งของต่างๆ<O:p</O:p
    ปฏิบัติบูชาการปฎิบัติตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ การให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เป็นสิ่งที่พระพุทธองค์สรรเสริญว่า เป็นการบูชาพระองค์โดยแท้จริง<O:p</O:p
    การสวดมนต์บูชาพระ เป็นการปฏิบัติธรรม เป็นการทำความดีอย่างง่ายๆ อยู่กับบ้าน<O:p</O:p
    ทานการบริจาคซื้อดอกไม้ ธูป เทียน สิ่งของมาบูชา<O:p</O:p
    ศีลระหว่างการสวดมนต์ของท่านเป็นผู้ที่มีศีล ๕ บริบูรณ์<O:p</O:p
    ภาวนาการสวดมนต์ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า<O:p</O:p
    การจุดธูป เทียน บูชาพระ<O:p</O:p
    ให้ใช้ ปัญญา พิจารณาดังนี้<O:p</O:p
    . ก้านธูปที่จุดบูชาพระ อย่าสะสม นั่นคือเชื้อไฟอย่างดี เป็นเหตุให้ไฟไหม้บ้านเรือนที่อยู่อาศัย<O:p</O:p
    . การปักธูปลงในกระถาง ระวังธูปล้มหรือเอียง<O:p</O:p
    . วัสดุในกระถางธูป ควรจะเป็นทรายละเอียด ล้างน้ำแล้วตากแห้ง แทนที่จะเป็นข้าวสาร หรือวัสดุอื่นๆ เพราะจะปักธูปได้แน่นกว่า<O:p</O:p
    . ดับเทียน เมื่อท่านสวดมนต์ไหว้พระเสร็จแล้ว อย่าปล่อยให้หมดโดยไม่มีคนเฝ้า อาจเป็นชนวนเหตุให้ไฟไหม้ <<<<<การดับเทียน ตามความคิดเห็นของผู้พิมพ์ ควรจะใช้มือหรืออุปกรณ์อื่นเช่น พัด ฯลฯ พัดเทียนให้ดับ ไม่ควรใช้ปาก เป่าเทียนให้ดับ >>><O:p></O:p>

    ๕. ใช้ภาชนะรองรับกระถางธูป เชิงเทียนไว้จะเป็นการดี เป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราท่านก็ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน เพราะพระท่านสอนให้ใช้ปัญญา<O:p</O:p

    . การบูชาพระด้วยพวงมาลัย ควรใส่พาน จาน หรือถาด นำไปวางที่หิ้งหรือหน้าที่บูชาพระ ไม่ควรคล้องคอ ดูไม่งาม ไม่เหมาะสม เพราะพระไม่ใช่นักร้อง<O:p</O:p
    . หากท่านออกนอกเคหะสถาน ไม่สะดวกในการจุดธูปเทียนบูชาพระ ก็ให้สวดมนต์ภาวนาในใจ เมื่อกลับบ้านในตอนเย็นหรือค่ำ ก็ควรจะสักการะท่านด้วยธูปเทียน ถ้าหากเดินทางไปค้างแรมต่างถิ่นต่างที่ ก็ให้สวดมนต์ภาวนาเอาเถิด<O:p</O:p
    . ควรจุดเทียนทั้งสองเล่มก่อน แล้วจึงเอาธูปจุดที่เทียน<O:p</O:p

    การบนบานศาลกล่าว<O:p</O:p

    ชาวพุทธฯ บางท่านที่ยังเข้าไม่ถึงพระรัตนตรัย ก็มักจะขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ช่วย ทั้งเจ้าที่เจ้าทาง ผีสาง นางไม้ เจ้าพ่อ เจ้าแม่ หลวงพ่อ หลวงปู่ ตลอดจนพระพุทธปฎิมากรต่างๆ จะพบเห็นได้ทั่วไป<O:p</O:p

    ตัวท่านผู้ไปบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยเป็นเสมือนผู้ไปทำสัญญาผูกมัดตนเอง คือ ถ้าสำเร็จผลตามที่บนไว้ ก็จะเอาของมาแก้บน แต่ถ้าไม่สำเร็จ ก็จะไม่นำของมาแก้บนให้ ในกรณีที่ไม่สำเร็จแล้วไม่แก้บน ถือว่าท่านยังติดสินบนอยู่ เพราะโดยทั่วไป บนบานไว้ไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอน ไม่มีการยกเลิกสินบน จึงยังติดสินบนอยู่ ทำให้ขัดข้องในการดำเนินชีวิต การงาน การเงิน ตลอดจนที่อยู่มีปัญหา<O:p</O:p

    ฉะนั้น การบนบานควรกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน และบอกยกเลิกสินบนเมื่อไม่ได้ตามที่ประสงค์<O:p</O:p
    ยกตัวอย่างการบนบานที่มีกำหนดเวลาและการยกเลิก<O:p</O:p
    ข้าฯ ขอบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ( เจ้าแม่ เจ้าพ่อ หลวงพ่อ หลวงปู่ ) ขอให้ข้าฯ ขายบ้าน ( เลขที่เท่านั้นเท่านี้ ) สำเร็จในราคา ๕ แสนบาทได้ ระยะเวลา ๑ ปี ถ้าสำเร็จข้าฯจะถวายหัวหมู ๑ หัว ไก่ ๑ ตัว เหล้า ๑ ขวด มาลัย ๑๐ พวง ประทัด ๑๐๐ กล่อง หากพ้นกำหนดเวลา ๑ ปีแล้ว ข้าฯขอยกเลิกสินบน ” <O:p</O:p
    บางท่านบอกว่า จำไม่ได้ว่าบนอะไรไปบ้าง<O:p</O:p

    วิธีแก้ให้เอาโต๊ะวางกลางแจ้ง ๑ ตัว ผ้าขาวปู แล้วจัดของไหว้มีผลไม้ ๕ อย่างๆละ ๒ กิโลกรัม ของหวาน ๕ อย่างๆละ ๑ จาน หัวหมู ๑ หัว ไก่ ๑ ตัว เป็ด ๑ ตัว ปู ๔ ตัว กุ้ง ๑/๒ กิโลกรัม ปลาช่อนนึ่งไม่ขอดเกล็ด ๑ ตัว เหล้าขาว ๑ ขวด น้ำ ๑ ขัน น้ำชา ๑ ที่ หมากพลู ๑ จาน <O:p</O:p
    แล้วจุดธูป ๑๖ ดอก บอกกล่าวถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าฯ ได้บนบานศาลกล่าวไว้ ระลึกได้ก็ดี ระลึกมิได้ก็ดี ขอให้มารับเครื่องสังเวยที่จัดตั้งไว้ ณ ที่นี้ เมื่อรับแล้ว ขอให้ยกเลิกสินบนที่ได้บนบานไว้ในครั้งก่อน และขอให้อโหสิกรรมแก่ตัวข้าฯ ด้วย<O:p</O:p
    เมื่อหมดธูปแล้ว ลาเอาของสังเวยไปแจกคนอื่นให้หมด เฉพาะคนที่ติดสินบนอย่าได้กินของแก้บนที่ตนเองนำไปแก้บนเป็นอันขาด ถือว่ายังติดสินบนอยู่
    <O:p</O:p
    การจัดพิธีแก้บน<O:p</O:p

    ควรเป็นเวลาเช้าไม่เกินเที่ยง และไม่ควรแก้บนวันพระ ถ้านำไปถวายตามศาลเจ้าในเทศกาลตรุษสารท ลาเอากลับมากินได้ไม่มีโทษ ข้าฯ ผู้เขียนได้รับการถ่ายทอดมาจากปู่สนั่น ( ตือ ) สุนทร อายุ ๑๐๐ ปี ทั้งนี้เพื่อเป็นการบรรเทาอุปสรรคอันเกิดจากการติดสินบนไว้
    <O:p</O:p
    น้ำมนต์<O:p</O:p

    เมื่อได้รับน้ำมนต์จากที่ต่างๆ มา เช่น วัด หรือ ศาลเจ้า ควรตั้งหน้าหิ้งพระ และสวดมนต์เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ ที่ครูบาอาจารย์แต่ละท่านได้อธิษฐานจิตไว้ เพราะน้ำเป็นธาตุหนึ่งในสี่ธาตุของโลก ย่อมเสื่อมสภาพเป็นน้ำธรรมดาดังเดิม<O:p</O:p
    เมื่อต้องการจะนำมาอาบด้วยตนเอง ให้เอาน้ำมนต์ใส่ลงในน้ำ แต่อย่าเอาน้ำธรรมดามาเติมลงในน้ำมนต์<O:p</O:p
    การอาบน้ำมนต์ด้วยตนเอง ข้าฯ ได้รับการถ่ายทอดมาจาก พระอาจารย์อินทร์ ( เสนาะ ) อินทโชโต มีดังนี้<O:p</O:p
    ท่านให้อาบ ๒ วัน วันแรกตอนที่ดวงอาทิตย์กำลังจะตก ยกถังใส่น้ำค่อนถังเติมน้ำมนต์ลงไป จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย บิดามารดา ครูบาอาจารย์ ดังนี้<O:p</O:p
    ข้าพเจ้า ขออาราธนาบารมีคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ คุณบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าพเจ้าเคารพนับถือ ขอให้ประสิทธิ์แก่ข้าพเจ้า<O:p</O:p

    ข้าพเจ้าจะอาบน้ำมนต์ในวันเวลาวันนี้ ขอให้ทุกข์โศก โรคภัย เคราะห์ อุบาทว์ เสนียดจัญไรทั้งหลายของข้าพเจ้า จงตกไปพร้อมกับตะวัน ขอความปรารถนาของข้าพเจ้า จงสำเร็จด้วยเทอญ”<O:p</O:p

    เวลาอาบน้ำมนต์ให้หันหน้าไปทางทิศตะวันตก แล้วอาบให้หมดถัง<O:p</O:p

    และในวันรุ่งขึ้น ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น ยกถังใส่น้ำค่อนถัง เติมน้ำมนต์ลงไป จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย บิดามารดา ครูบาอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อธิฐานดังนี้<O:p</O:p

    “ข้าพเจ้า ขออาราธนาบารมีคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ คุณบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าพเจ้าเคารพนับถือ ขอให้ชะตาชีวิตของข้าพเจ้า จงรุ่งเรีองสดใส ดังตะวันที่ขึ้นมาวันนี้ด้วยเถิด ขอความปรารถนาของข้าพเจ้า จงสำเร็จด้วยเทอญ”<O:p</O:p




    เวลาอาบน้ำมนต์ให้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ให้ดูวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ปราศจากเมฆหมอกบดบังดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นมา แล้วอาบน้ำมนต์ให้หมดถัง
    <O:p</O:p
    ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความตั้งใจมั่นของแต่ละท่าน เพื่อจะได้เป็นกำลังใจและขจัดปัดเป่าอุปสรรคให้บรรเทาเบาบางลงไป เราทั้งหลายยังเป็นโลกียบุคคลอยู่ สิ่งนี้เป็นโลกียวิชา จะยังผลสำเร็จแก่เราได้ในระดับหนึ่ง
    <O:p</O:p
    พรมน้ำมนต์เคหะสถาน<O:p</O:p


    แม้เคหะสถานบ้านเรือนที่เราอาศัยอยู่ จะอยู่นานแล้วหรือเพิ่งจะอาศัยอยู่ เอาน้ำมนต์ใส่ขันจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อธิษฐานว่า<O:p</O:p

    ข้าพเจ้า ขออาราธนาบารมีคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ <<< คุณบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าพเจ้าเคารพนับถือ >>> เจ้าที่ที่ข้าพเจ้าพักอาศัย ขอให้มาประสิทธิ์แก่ข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้าจะพรมน้ำมนต์เคหะสถานบ้านเรือนแห่งนี้ ขอให้สิ่งไม่ดีทั้งหลายให้ออกไปจากบ้านของข้าพเจ้า ขอความปรารถนาของข้าพเจ้า จงสำเร็จ”<O:p</O:p

    แล้วพรมน้ำมนต์จากหลังบ้านออกไปหน้าบ้าน และพรมจากหน้าบ้านเข้าไปในบ้าน พร้อมกับอธิษฐานอาราธนาบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวข้างต้นว่า “……… ขอให้มาประสิทธิ์แก่ข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้าจะประพรมน้ำมนต์เคหะสถานบ้านเรือนแห่งนี้ ขอให้ข้าวของ เงิน ทอง โชคลาภ ความสุข ความเจริญ จงเข้ามาสู่บ้านที่ข้าพเจ้า อาศัยอยู่ด้วยเทอญ”<O:p</O:p

    ทำให้ได้ดังนี้ ก็จะบังเกิดเป็นสิริมงคลแก่บ้านที่เราอยู่อาศัยดีนักแลฯ
    <O:p</O:p
    ความรู้เกี่ยวกับการตั้งศาลพระภูมิ<O:p</O:p

    . ห้ามไม่ให้เงาบ้านทับศาล<O:p</O:p
    . ห้ามไม่ให้เงาศาลทับบ้าน<O:p</O:p
    . ห้ามหันหน้าศาลเข้าหน้าต่าง ประตู กระไดบ้าน<O:p</O:p
    . ห้ามตั้งใกล้ห้องส้วม กองขยะ ท่อระบายน้ำ <O:p</O:p
    . ตั้งศาล อย่าให้ศาลเอียง<O:p</O:p
    . ตัวศาล ควรเป็นแบบโบสถ์มหาอุด คือมีทางเข้าออกประตูเดียว ด้านหลังทึบ ด้านข้างมีหน้าต่าง<O:p</O:p
    . ตั้งวันที่มีฤกษ์เป็นมงคล<O:p</O:p
    ทำดังนี้เพื่อความสุขความเจริญของท่านเจ้าบ้าน ร้านค้า อาคารที่อยู่อาศัย กันผลกระทบอันเกิดจากอาถรรพณ์ของการตั้งศาลที่ผิดธรรมเนียมปฏิบัติ<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    อานิสงส์ของความดีที่เขียนนี้ ขออุทิศถวายเป็นพุทธบูชา แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สำหรับท่านผู้นำไปจัดพิมพ์หรือเผยแพร่ ก็ขอให้อานิสงส์แห่งธรรมทานของท่านติดตัวเป็นภูมิรู้แก่ท่าน เป็นผู้ฉลาดรอบรู้อุดมไปด้วยทรัพย์สินเงินทอง ตลอดจนเป็นผู้เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ด้วยเทอญ<O:p</O:p

    <O:p</O:p


    หมายเหตุคำในเครื่องหมาย <<< ……… >>> และ <<<<< ……………. >>>>> เป็นสิ่งที่เพิ่มเติมในความคิดเห็นของข้าพเจ้าเอง หากมีสิ่งใดที่ไม่ถูกต้องตามทัศนะคติของท่านหนึ่งท่านใด ข้าพเจ้าต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ขอบคุณครับ
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แบบทดสอบทายนิสัยกัน แต่ห้ามดูเฉลยก่อนนะ เดี๋ยวไม่แม่น
    เลือกข้อที่ใกล้เคียงมากที่สุดนะ

    1.บุคคลิกภาพของคุณเป็นอย่างไร?
    I) ชอบสันโดษ , คิดก่อนทำ , มีแรงบันดาลใจหรือความคิดจากตัวเองเป็นใหญ่
    E) ชอบเข้าสังคม , ชอบไปงานสังสรรค์ , ทำก่อนคิด , มีแรงบันดาลใจหรือความคิดจากคน.
    สิ่งของ , สิ่งแวดล้อมเป็นส่วนใหญ่

    2.เมื่อคุณมีข้อมูลที่ต้องพิจารณา คุณจะพิจารณาข้อมูลเหล่านั้นอย่างไร?
    S) ดูถึงรายละเอียดของข้อมูล , ดูถึงปัญหาปัจจุบัน , ดูถึงหลักความเป็นจริง
    N) ดูถึงภาพรวมหรือข้อสรุปของข้อมูล , คาดการณ์ล่วงหน้า , ดูถึงความน่าจะเป็นที่จะเกิด
    ขึ้น

    3.คุณใช้อะไรในการตัดสินใจกับปัญหา? (โดยสัญชาตญาณของคุณ)
    T) ใช้เหตุผลในการตัดสินใจ , ใช้หลักตรรกวิทยาความถูกต้อง , คิดถึงผลที่จะตามมาจาก
    การตัดสินใจ
    F) ใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจ , ตัดสินใจจากความชอบ , ความต้องการ ,
    คิดถึงความต้องการ และการตอบสนองของตน

    4.คุณมีวิธีการดำเนินชีวิตอย่างไร?
    J) ชอบวางแผนในการใช้ชีวิตประจำวัน , ชอบตั้งเป้าหมาย ระยะเวลา วันที่ในการทำ ,
    ชอบตัดสินใจเพื่อให้จบปัญหา
    P) ยอมรับการเปลี่ยนแปลงกับสิ่งรอบตัว , ไม่ยึดติด , มีความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ , รับฟัง
    ความคิดผู้อื่น

    วิธีการ : เลือกตัวอักษรภาษาอังกฤษหน้าข้อที่เลือก แล้วนำมาเรียงกัน
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ลองทำกันดูหรือยังครับ








































    ขอเฉลยนะครับ

    คำเฉลย :

    ISTJ - The Duty Fulfiller " ผู้สำเร็จ "
    - มีสมาธิสูง , เงียบ , เป็นคนรักครอบครัว
    - ละเอียด , จริงจัง และ ไว้ใจได้
    - ทำงานหนัก , เจ้าระเบียบ และ มีความรับผิดชอบสูง
    - อาจจะทำให้ถูกเอาเปรียบได้ เพราะความที่เขา ซื้อสัตย์และเป็นที่พึ่งได้
    - ไม่เก่งเรื่องของความรู้สึก

    ISTP - The Mechanic " ช่างเครื่อง "
    - เงียบ , ชอบผจญภัย และ กีฬา
    - ชอบเสี่ยง , เป็นตัวของตัวเอง , แก้ปัญหาเก่ง
    - มองโลกในแง่ดี แต่อาจโกรธง่ายตอนเครียด
    - ปกติไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรให้คนอื่นอยู่ ทั้งดีและไม่ดี

    ISFJ - The Nurturer " ผู้ดูแล "
    - เงียบ , ใจดี , มีสติ
    - มีความรับผิดชอบ แก่ภาระและหน้าที่
    - คิดถึงคนอื่นก่อนตัว , จำคนเก่ง
    - เสียกำลังใจเมื่อถูกวิจารณ์
    - ชอบเก็บความรู้สึกไว้กับตัวเอง

    ISFP - The Artist " ศิลปิน "
    - เงียบ , ใจดี , จริงจัง และ อ่อนไหว
    - ไม่ชอบการโต้แย้ง , ไม่ชอบระเบียบ
    - ความคิดสร้างสรรค์ และ ไม่เหมือนใคร , รักขอบสวยของงาม - เข้าใจยาก , เปิดเผยตัวเอง
    กับคนใกล้ชิดเท่านั้น
    - ใช้ชีวิตอย่างจริงจัง

    INFJ - The Protector " ผู้ป้องกัน "
    - ความคิดสร้างสรรค์ , อ่อนไหว , เป็นตัวของตัวเอง
    - เก่งเรื่องคน และ สถานการณ์
    - เป็นคนลึกซึ้ง ,ซับซ้อน , ชอบความเป็นส่วนตัว
    - เข้าใจยาก , มีความมั่นใจในตัวเองสูง , ดื้อรั้นต่อความคิดของผู้อื่น
    - ไม่ชอบการโต้แย้ง

    INFP - The Idealist " นักอุดมการณ์ "
    - เงียบ , ซื่อสัตย์ , ชอบอุดมการณ์
    - ชอบช่วยเหลือ และ เข้าใจคนอื่น
    - ไม่ชอบการโต้แย้ง
    - ซื่อสัตย์ต่อตนเอง
    - มีความคิดสร้างสรรค์

    INTJ - The Scientist " นักวิทยาศาสตร์ "
    - ฉลาด . มุ่งมั่น , ไม่เหมือนใคร
    - เป็นผู้นำที่ดี , มีความมั่นใจสูง , มองการณ์ไกล
    - ชอบคิดคนเดียว และ ชอบอยู่คนเดียว , ชอบด่วนสรุป ,
    ไม่ชอบรายละเอียด , คิดว่าตนเองถูกเสมอ
    - บอกความรู้สึกไม่เก่ง , จะมีปัญหากับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด

    INTP - The Thinker " นักคิด "
    - ความคิดสร้างสรรค์ , เป็นตัวของตัวเอง , มีเหตุมีผล และ มีความสามารถสูง
    - ไม่อยากถูกนำหรือนำคนอื่น , ไม่ชอบระเบียบ
    - ใช้เวลาในหัวตัวเองมาก , ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
    - เงียบ , ไม่ค่อยรู้ว่าคนอื่นรู้สึกยังไง
    - มีอารมณ์ซับซ้อน , ไม่อยู่นิ่ง และ แปรปรวน

    ESTP - The Doer " ผู้กระทำ "
    - เป็นมิตร , ยืดหยุ่นง่าย , เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นเก่ง - ไม่ชอบคำอธิบาย แต่ต้องการแค่
    ผลลัพธ์
    - ใช้ชีวิตที่สนุกสนาน จึงทำให้ผ่านไปเร็ว
    - รักสนุก , สามารถทำร้ายจิตใจผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว
    - ไม่ชอบเคารพกฎระเบียบ
    - เบื่อง่าย

    ESTJ - The Guardian " ผู้พิทักษ์ "
    - มีระเบียบ , ซื่อตรง , ตรงไปตรงมา
    - มีความมั่นใจในตัวเอง , มีความสามารถ . ทำงานหนัก ,เป็นผู้นำ
    - ชอบความปลอดภัย และ ความสงบสุข
    - บอกความรู้สึก และ ความห่วงใยไม่เก่ง

    ESFP - The Performer " ผู้แสดง "
    - อยู่คนเดียวในโลกไม่ได้ , มีมนุษยสัมพันธ์ดี , รักสนุก และ ทำงานเป็นทีมได้ดี
    - มองโลกในแง่ดี , ต้อนรับทุกคน แต่ก็เกลียดทุกคนได้เหมือนกัน
    - ไม่ชอบงานประจำ , คิดมากเวลาเครียด
    - รักสวยรักงาม

    ESFJ - The Caregiver " นักใส่ใจ "
    - มีน้ำใจ , คนชอบ , มีสติ , มีความรับผิดชอบ
    - เก่งเรื่องคน , เข้าใจ , สนใจ และ ปรับตามคนได้
    - ชอบให้คนชอบ , ชอบบริการผู้อื่นก่อนตนเอง
    - รักสงบ และ ความปลอดภัย , ไว้ใจได้ , กระตือรือร้น - อ่อนไหว , ต้องการการเห็นด้วย
    จากผู้อื่น

    ENFP - The Inspirer " ผู้มีแรงบันดาลใจ "
    - มีความคิดสร้างสรรค์ , กระตือรือร้น , ยืดหยุ่น
    - ต้อนรับไอเดียใหม่ ๆ เสมอ แต่จะเบื่อกับรายละเอียด
    - มีมนุษยสัมพันธ์ดี , ชอบให้คนชอบ แต่ก็สามารถหลอกใช้ผู้อื่นได้ด้วย
    - เป็นคนร่าเริง และ ชอบเป็นอิสระ

    ENFJ - The

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  14. Chayaporn

    Chayaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +4,641
    อนุโมทนาค่ะ ที่นำข้อความดีๆมาให้อ่าน

    ฉัตรพร..
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อานิสงส์ของการให้ทานด้วยตนเองและชวนผู้อื่น
    http://www.pratatlanna.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&Category=pratatlannacom&thispage=1&No=131570<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>


    พระพุทธพจน์
    "บุคคลบางคนในโลกนี้ให้ทานด้วยตน (แต่) ไม่ชักชวนผู้อื่น, เขาย่อมได้โภคสมบัติ
    (แต่) ไม่ได้บริวารสมบัติ ในที่แห่งตนเกิดแล้วๆ,
    บางคนไม่ให้ทานด้วยตน ชักชวนแต่คนอื่น, เขาย่อมได้บริวารสมบัติ (แต่)
    ไม่ได้โภคสมบัติ ในที่แห่งตนเกิดแล้วๆ;
    บางคนไม่ให้ทานด้วยตนด้วย ไม่ชักชวนคนอื่นด้วย,
    เขาย่อมไม่ได้โภคสมบัติไม่ได้บริวารสมบัติ ในที่แห่งตนเกิดแล้วๆ;
    เป็นคนเที่ยวกินเดน
    บางคนให้ทานด้วยตนด้วย ชักชวนคนอื่นด้วย, เขาย่อมได้ทั้งโภคสมบัติและบริวารสมบัติ
    ในที่แห่งตนเกิดแล้วๆ."


    บริวาร ความหมายคือ ผู้แวดล้อม, ผู้ห้อมล้อม ติดตาม, ผู้รับใช้

    คนบางคนมีสมบัติมาก แต่เพื่อนแท้ไม่มี ลูกน้องไม่ดี ไม่เชื่อฟัง (คนที่แวดล้อม
    ไม่ได้เข้ามาด้วยความผูกพันในบุญกุศล บางทีอาจจะรู้สึกว่าไม่มีใครที่จริงใจเลย)
    คนบางคนไม่ได้ร่ำรวย แต่พร้อมไปด้วยเพื่อนดีๆ
    และผู้ที่คอยรับใช้ช่วยเหลืออย่างจริงใจ
    คนบางคนไม่รวยด้วย ไม่มีเพื่อนด้วย
    คนบางคนพร้อมด้วยสมบัติและเพื่อนที่ดี ผู้คอยช่วยเหลือ บริวารทั้งหลายดี
    ด้วยกำลังของบุญกุศล การที่เคยร่วมบุญกันมา



    วัตถุสิ่งของใดๆที่นำไปทำทาน จะเกิดผลบุญมากน้อยอย่างไร ก็เกิดที่ใจ
    ไม่ได้เกิดตามวัตถุที่มากน้อยนั้นๆเลย
    วัตถุที่เราหวงแหน สมบัติที่หามาได้ยากลำบาก
    เรายอมแบ่งส่วนสละออกให้ผู้อื่นไปใช้ประโยชน์บ้าง ใจอย่างนี้จึงประเสริฐ
    หลักการให้ทานพึงให้ทานโดยเคารพ ให้ทานด้วยมือของตน ให้ทานด้วยความนอบน้อม
    มิได้ให้ทานอย่างทิ้งให้

    การทำทานด้วยจิตอนุเคราะห์ ให้ แม้ของเพียงเล็กน้อยแล้วชื่นหัวใจ
    ความชื่นหัวใจนี่หล่ะเป็นยาบำรุงใจชั้นดีเชียว
    ผมเคยเห็นเด็กพิการคนหนึ่งที่หูหนวก บ้านอยู่ลึกในป่า ความเป็นอยู่อัตคัต
    เห็นพระและเณรผ่านมา ได้ตักน้ำเปล่าประเคนให้
    พระเณรท่านฉันแล้วชื่นใจคลายร้อน ผมยังปลื้มถึงบุญของเขาไม่หายเชียว

    บางคนทำบุญด้วยเงิน สมบัติต่างๆ อยากได้ผลอะไรเหมือนการลงทุน ซื้อสวรรค์
    ชื้อความปลอดภัยจากเจ้ากรรมนายเวร ฯลฯ ไม่ได้ทำด้วยทานจิต
    ผลบุญนั้นได้น้อยมาก
    เพราะความโลภซึ่งเป็นขั้วตรงข้ามกับความสละออกความโลภเอาไปกินหมด
    ทำทานด้วยความเข้าใจผิดๆ
    เคยมีเจ้าของซ่องโสเภณี บริจาคสร้างวัด(ชื่อวัดคณิกาผล) สมัยสมเด็จพระพุฒาจารย์โต
    วัดระฆัง
    สมัยนั้นเป็นแฟชั่น คนมีเงินจริงต้องแสดงออกด้วยการสร้างวัด
    เจ้าของซ่องโสเภณีก็อยากมีหน้ามีตา
    สมเด็จฯ ท่านเทศน์สอนในงานที่ฉลองวัดใหม่ว่า ได้บุญเพียงสลึงเฟื้อง

    แม้บุญเล็กน้อยก็อย่าประมาท ค่อยๆสะสมบุญที่เกิดจากใจสละที่ถูกต้อง
    ผ่านกาลเวลาไปกองบุญย่อมเพิ่มพูน ต่อยอดอย่างคาดไม่ถึง
    เหมือนคนจีนเสื่อผืนหมอนใบ ขยันประหยัดสร้างตัวมาเป็นเศรษฐี
    ด้วยความที่เคารพในการเก็บเงินแม้เงินเล็กน้อยก็ตาม


    ผู้ตั้งกระทู้ นันทภพ ::วันที่ลงประกาศ 07-01-2006 21:20:25


    ********************************************************
    ขอแถมด้วยรูปมหามงคล ครับ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image001.jpg
      image001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      11.4 KB
      เปิดดู:
      71
    • image002.jpg
      image002.jpg
      ขนาดไฟล์:
      14.3 KB
      เปิดดู:
      67
    • image003.jpg
      image003.jpg
      ขนาดไฟล์:
      15.9 KB
      เปิดดู:
      67
    • image004.jpg
      image004.jpg
      ขนาดไฟล์:
      10.1 KB
      เปิดดู:
      59
    • image005.jpg
      image005.jpg
      ขนาดไฟล์:
      10.6 KB
      เปิดดู:
      66
    • image006.jpg
      image006.jpg
      ขนาดไฟล์:
      25.1 KB
      เปิดดู:
      59
    • image007.jpg
      image007.jpg
      ขนาดไฟล์:
      10.7 KB
      เปิดดู:
      61
    • image008.jpg
      image008.jpg
      ขนาดไฟล์:
      16.9 KB
      เปิดดู:
      58
    • image009.jpg
      image009.jpg
      ขนาดไฟล์:
      17.1 KB
      เปิดดู:
      55
    • image010.jpg
      image010.jpg
      ขนาดไฟล์:
      18.4 KB
      เปิดดู:
      65
    • image011.jpg
      image011.jpg
      ขนาดไฟล์:
      15.7 KB
      เปิดดู:
      82
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มาสร้างบุญบารมีกันเถอะ<O:p</O:p

    1.นั่งสมาธิอย่างน้อยวันละ15นาที(หรือเดินจงกรมก็ได้)
    อานิสงส์---เพื่อสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดขึ้นทั้งภพนี้และภพหน้า
    เพื่อจิตใจที่สว่างผ่อนปรนจากกิเลส ปล่อยวางได้ง่าย
    จิตจะรู้วิธีแก้ปัญหาชีวิตโดยอัตโนมัติ
    ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันอับจน
    ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพกายและจิตแข็งแรง
    เจ้ากรรมนายเวรและญาติมิตรที่ล่วงลับจะได้บุญกุศล

    2.สวดมนต์ด้วยพระคาถาต่างๆอย่างน้อยวันละครั้งก่อนนอน
    อานิสงส์---เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง
    ชีวิตหน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า
    เงินทองไหลมาเทมา แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง จิตจะเป็นสมาธิได้เร็ว
    แนะนำพระคาถาพาหุงมหากา,พระคาถาชินบัญชร,<O:p</O:p

    พระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก เป็นต้น
    เมื่อสวดเสร็จต้องแผ่เมตตาทุกครั้ง

    3.ถวายยารักษาโรคให้วัด,ออกเงินค่ารักษาให้พระตามโรงพยาบาลสงฆ์
    อานิสงส์---ก่อให้เกิดสุขภาพร่มเย็นทั้งครอบครัว โรคที่ไม่หายจะทุเลา
    สุขภาพกายจิตแข็งแรง อายุยืนทั้งภพนี้และภพหน้า
    ถ้าป่วยก็จะไม่ขาดแคลนการรักษา

    4.ทำบุญตักบาตรทุกเช้า
    อานิสงส์---ได้ช่วยเหลือศาสนาต่อไปทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ขาดแคลนอาหาร
    ตายไปไม่หิวโหย อยู่ในภพที่ไม่ขาดแคลน ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์

    5.ทำหนังสือหรือสื่อต่างๆเกี่ยวกับธรรมะแจกฟรีแก่ผู้คนเป็นธรรมทาน
    อานิสงส์---เพราะธรรมทานชนะการให้ทานทั้งปวง ผู้ให้ธรรมจึงสว่างไปด้วยลาถยศ
    สรรเสริญ ปัญญา และบุญบารมีอย่างท่วมท้น เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้
    ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่คาดฝัน

    6.สร้างพระถวายวัด
    อานิสงส์---ผ่อนปรนหนี้กรรมให้บางเบา ให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง ครอบครัวเป็นสุข
    ได้เกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนาตลอดไป<O:p></O:p>


    7.แบ่งเวลาชีวิตไปบวชชีพรามณ์หรือบวชพระอย่างน้อย9วันขึ้นไป
    อานิสงส์---ได้ตอบแทนคุณพ่อแม่อย่างเต็มที่
    ผ่อนปรนหนี้กรรมอุทิศผลบุญให้ญาติมิตรและเจ้ากรรมนายเวร
    สร้างปัจจัยไปสู่นิพพานในภพต่อๆไป ได้เกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนาจิตเป็นกุศล


    8.บริจาคเลือดหรือร่างกาย
    อานิสงส์---ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพแข็งแรง ช่วยต่ออายุ
    ต่อไปจะมีผู้คอยช่วยเหลือไม่ให้ตกทุกข์ได้ยาก เทพยดาปกปักรักษา
    ได้เกิดมามีร่างกายที่งดงามในภพหน้า ส่วนภพนี้ก็จะมีราศีผุดผ่อง

    9.ปล่อยปลาที่ซื้อมาจากตลาดรวมทั้งปล่อยสัตว์ไถ่ชีวิตสัตว์ต่างๆ
    อานิสงส์---ช่วยต่ออายุ ขจัดอุปสรรคในชีวิต
    ชดใช้หนี้กรรมให้เจ้ากรรมนายเวรที่เคยกินเข้าไป ให้ทำมาค้าขึ้น
    หน้าที่การงานคล่องตัวไม่ติดขัด ชีวิตที่ผิดหวังจะค่อยๆฟื้นคืนสภาพที่สดใส
    เป็นอิสระ

    10.ให้ทุนการศึกษา,บริจาคหนังสือหรือสื่อการเรียนต่างๆ,อาสาสอนหนังสือ
    อานิสงส์---ทำให้มีสติปัญญาดี ในภพต่อๆไปจะฉลาดเฉลียวมีปัญญา
    ได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนอย่างรอบรู้ สติปัญญาสมบูรณ์พร้อม

    11.ให้เงินขอทาน,ให้เงินคนที่เดือดร้อน(ไม่ใช่การให้ยืม)

    อานิสงส์---ทำให้เกิดลาภไม่ขาดสายทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ตกทุกข์ได้ยาก
    เกิดมาชาติหน้าจะร่ำรวยและไม่มีหนี้สิน ความยากจนในชาตินี้จะทุเลาลง
    จะได้เงินทองกลับมาอย่างไม่คาดฝัน

    12.รักษาศีล5หรือศีล8
    อานิสงส์---ไม่ต้องไปเกิดเป็นเปรตหรือสัตว์นรก
    ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐครบบริบูรณ์ ชีวิตเจริญรุ่งเรือง
    กรรมเวรจะไม่ถ่าโถม ภัยอันตรายไม่ย่างกราย เทวดานางฟ้าปกปักรักษา
    <O:p</O:p

    <O:p</O:p

    อานิสงส์10ข้อของการไม่กินเนื้อสัตว์<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    1.เป็นที่รักของบรรดาเทพ พรหม ตลอดจนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย<O:p</O:p
    2.จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิดขึ้น
    3.สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์เหี้ยมโหดเครียดแค้นในใจลงได้
    4.ปราศจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย
    5.มีอายุมั่นขวัญยืน
    6.ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากเทพทั้งปวง
    7.ยามหลับนิมิตเห็นแต่สิ่งที่ดีงามเป็นสิริมงคล
    8.ย่อมระงับการจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ่งกันและกัน
    9.สามารถดำรงอยู่ในกระแสพระนิพพาน ไม่พลัดหลงตกลงสูอบายภูมิ
    10.ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตจะมุ่งสู่สุคติภพ

    อานิสงส์การจัดสร้างพระพุทธรูปหรือสิ่งพิมพ์อันเกี่ยวกับพระธรรมคำสอนเป็นกุศลดังนี้<O:p</O:p


    1.อกุศลกรรมในอดีตชาติแต่ปางก่อน จะเปลี่ยนจากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นสูญ
    2.สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง สรรพภยันตรายสลาย ปวงภัยไม่มีคนคิดร้ายไม่สำเร็จ
    3.เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติแต่ปางก่อน เมื่อได้รับส่วนบุญไปแล้วก็จะเลิกจองเวรจองกรรม
    4.เหล่ายักษ์ผีรากษส งูพิษเสือร้าย ไม่อาจเป็นภัยอยู่ในที่ใดก็แคล้วคลาดจากภัย
    5.จิตใจสงบ ราศีผ่องใส สุขภาพแข็งแรง กิจการงานเป็นมงคล รุ่งเรืองก้าวหน้าผู้คนนับถือ
    6.มั่นคงในคุณธรรม ความอุดมสมบูรณ์ปรากฏ (เกินความคาดฝัน) ครอบครัวสุขสันต์
    วาสนายั่งยืน
    7.คำกล่าวเป็นสัจจ์ ฟ้าดินปราณี ทวยเทพยินดี มิตรสหายปรีดา หนี้สินจะหมดไป
    8.คนโง่สิ้นเขลา คนเจ็บหายได้ คนป่วยหายดี ความทุกข์หายเข็ญ
    สตรีจะได้เกิดเป็นชายเพื่อบวช
    9.พ้นจากมวลอกุศล เกิดใหม่บุญเกื้อหนุน มีปัญญาล้ำเลิศ บุญกุศลเรืองรอง
    10.สิ่งที่สร้างจะบังเกิดเป็นกุศลจิตแก่ทุกคนที่ได้พบเห็นเป็นเนื้อนาบุญอย่างเอนกทุกชาติของ ผู้สร้างที่เกิดจะได้ฟังธรรมจากพระอริยเจ้าปัญญาในธรรมแก่กล้าสามารถได้อภิญญาหก สำเร็จโพธิญาณ

    อานิสงส์การบวชพระบวชชีพรามณ์
    ( บวชชั่วคราวเพื่อสร้างบุญ,อุทิศให้พ่อแม่เจ้ากรรมนายเวร )
    1.หน้าที่การงานจะเจริญรุ่งเรือง ได้ลาภ ยศ สรรเสริญตามปรารถนา
    2.เจ้ากรรมนายเวรจะอโหสิกรรม หนี้กรรมในอดีตจะคลี่คลาย
    3.สุขภาพแข็งแรง สติปัญญาแจ่มใส ปัญหาชีวิตคลี่คลาย
    4.เป็นปัจจัยสู่พระนิพพานในภพต่อๆไป
    5.สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง โพยภัยอันตรายผ่อนหนักเป็นเบา
    6.จิตใจสงบ ปล่อยวางได้ง่าย มองเห็นสัจธรรมแห่งชีวิต
    7.เป็นที่รักที่เมตตามหานิยมของมวลมนุษย์มวลสัตว์และเหล่าเทวดา
    8.ทำมาค้าขึ้น ไม่อับจน การเงินไม่ขาดสายไม่ขาดมือ
    9.โรคภัยของตนเอง ของพ่อแม่ และของคนใกล้ชิดจะเบาบางและรักษาหาย
    10.ตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ได้เต็มที่สำหรับผู้ที่บวชไม่ได้เพราะติดภาระกิจต่างๆ
    ก็สามารถได้รับอานิสงส์เหล่านี้ได้ด้วยการสร้างคนให้ได้บวชสนับสนุนส่งเสริมอาสาการ<O:p</O:p

    ให้คนได้บวช<O:p</O:p

    ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างบุญที่ยกขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงอานิสงส์ที่ท่านพึงจะได้รับจงเร่งทำบุญเสียแต่วันนี้ เพราะเมื่อท่านล่วงลับท่านไม่สามารถสร้างบุญได้อีกจนกว่าจะได้เกิด หากท่านไม่มีบุญมาหนุนนำแรงกรรมอาจดึงให้ท่านไปสู่ภพเดรัจฉาน ภพเปรต ภพสัตว์นรกที่ไม่อาจสร้างบุญสร้างกุศลได้ต่อให้ญาติโยมทำบุญอุทิศให้ก็อาจไม่ได้รับบุญ ดังนั้นท่านจงพึ่งตนเองด้วยการสร้างสมบุญบารมีซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ท่านจะนำติดตัวไปได้ทุกภพทุกชาติเสียแต่วันนี้ด้วยเทอญ
    <?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shapetype class=inlineimg id=_x0000_t75 title="Tongue out" alt="" border="0" src="images/smilies/tongue-smile.gif" stroked="f" filled="f" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" o:p</v:shapetype>referrelative="t" o:spt="75" coordsize="21600,21600"><v:stroke joinstyle="miter"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"></v:f><v:f eqn="sum @0 1 0"></v:f><v:f eqn="sum 0 0 @1"></v:f><v:f eqn="prod @2 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @0 0 1"></v:f><v:f eqn="prod @6 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="sum @8 21600 0"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @10 21600 0"></v:f></v:formulas><V:path o:connecttype="rect" gradientshapeok="t" o:extrusionok="f"></V:path><?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com /><o:lock aspectratio=</o:lock><v:shape id=_x0000_i1025 style="WIDTH: 36.75pt; HEIGHT: 17.25pt" alt="Toy888" type="#_x0000_t75"></v:shape>***ส่งต่อก็ได้บุญครับ การให้ธรรมเป็นทานชนะการให้ทั้งปวง<O:p</O:p
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มูลค่าของชีวิต<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    "อย่าหนีนะ ไอ้เด็กขี้ขโมย" <O:p</O:p
    เสียงผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกนลั่น พร้อมกับมีเด็กคนหนึ่งกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งวิ่งผ่านฉันกับแม่ที่กำลังซื้อเนื้อหมูในตลาดไปอย่างรวด เร็ว ทั้งแม่และฉันหันไปดูทันเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นแค่แวบเดียว แม่ถามฉันว่า <O:p</O:p
    "อ้าว นั่นป้าร้านขายของไม่ใช่เหรอ" <O:p</O:p
    "ใช่จ้ะแม่ แกวิ่งไล่ใครกันละ" <O:p</O:p
    ป้าคนนั้นชื่อว่า 'ป้าหนอม' เป็นแม่ค้าขายของชำสารพัดอย่างในตัวตลาดในอำเภอที่ฉันอยู่ มีฐานะจัดว่าดีกว่าแม่ค้าคนอื่นๆ ในละแวกเดียว กัน และเป็นที่รู้จักกันว่าแกเป็นคนที่ขี้เหนียวอย่างร้ายกาจ แถมปากจัดที่สุดในตลาดอีกด้วย ใครต่อราคาของมากเกินไป หรือถามราคาแล้ว ไม่ซื้อ ป้าแกจะโวยวายชนิดต้องรีบเผ่นออกจากร้านแทบไม่ทันทีเดียว<O:p</O:p
    เสียงเอะอะดังมากขึ้น ฉันหันไปมองป้าหนอมจับข้อมือเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 12-13 ขวบ ไล่เลี่ยกับฉันซึ่งกำลังดิ้นรนอยู่ และป้า แกกำลังจะลงไม้ลงมือ แม่จึงเดินเข้าไปถาม<O:p</O:p
    "พี่หนอม มีไรหรอคะ" <O:p</O:p
    "ก็ไอ้เด็กเวรนี่นะสิ มันมา ทำทีขอซื้อยาแก้ปวดกับยาธาตุ พอฉันหยิบส่งให้ มันก็วิ่งหนีมาเลย เงินก็ไม่จ่าย" <O:p</O:p
    พูดจบป้าหนอมก็ตบหัวเด็กคนนั้นอย่างแรงหนึ่งที และคงจะมีตามมาอีกหลายทีแน่ถ้าแม่ฉันไม่ห้ามไว้ <O:p</O:p
    "ตายแล้วพี่หนอม อย่าถึงกับลงไม้ลงมือกันเลยนะ แล้วนี่จะทำไงต่อ" <O:p</O:p
    แม่รีบตัดบทเพราะเห็นว่าเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่ <O:p</O:p
    "เรียกตำรวจมาเอามันไปเข้าคุกนะสิ เสียนิสัย พ่อแม่ไม่สั่งสอน ยังเด็กตัวแค่นี้ก็ริจะเป็นขโมยซะแล้ว ต่อไปก็คงต้องปล้นเขากินหละ"<O:p</O:p
    ฉันสะกิดแม่ทันทีพร้อมกับมองพลางส่ายหัวน้อยๆ ทำนองว่าอย่าไปยุ่งดีกว่า แม่มองฉันแล้วมองเด็กคนนั้น ซึ่งท่าทางเหมือนกำลังจะร้องไห้ แม่นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปพูดกับป้าหนอมว่า<O:p</O:p
    "อย่าให้ถึงอย่างนั้นเลยนะพี่หนอม เด็กมันคงอยากซื้อยาแต่ไม่มีเงินนะ เอาเป็นว่าฉันจ่ายให้ละกันนะ กี่บาทกันละ" <O:p</O:p
    ในที่สุดเรื่องก็จบลง โดยการที่แม่ยอมจ่ายเงินค่ายาแก้ปวดกับยาธาตุ แล้วแม่ก็จูงเด็กคนนั้นออกมาจากตลาด แต่ป้าหนอมยังไม่วายเตือนแม่<O:p</O:p
    "ใจดีกับเด็กขี้โขมยแบบนี้ ระวังจะเสียใจทีหลังนะเธอ" <O:p</O:p
    แม่ไม่ได้ตอบอะไร แต่พอเดินห่าง จากร้านพอสมควรแล้วก็ถามว่า <O:p</O:p
    "ทำไมหนูขโมยของป้าเขาละ" <O:p</O:p
    เด็กคนนั้นเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมองแม่ แล้วตอบสะอึกสะอื้นว่า <O:p</O:p
    "แม่ผมปวดท้องมากเลยครับ แล้วแม่ก็ไม่มีเงินไปหาหมอ ผมก็เลยต้อง..." <O:p</O:p
    แม่มองหน้าเด็กคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยื่นผลไม้ที่ซื้อมาให้เด็กคนนั้นถุงหนึ่ง แล้วบอกว่า <O:p</O:p
    "ทีหลังอย่าโขมยของใครนะ ถ้าไม่มีเงินมาขอเงินน้าไปซื้อก็ได้นะ น้าชื่อสมพรเปิดร้านเย็บผ้าอยู่ใกล้ๆ นี่เอง ถามคนแถวนี้ก็ได้ รู้จักน้าแทบ ทุกคนเลยแหละ เอ้า...เอา ส้มไป ฝากคุณแม่ซิ คนป่วยนะต้องกินผลไม้มากๆ จะได้หายไวๆ รู้มั้ย"<O:p</O:p
    แม่เสริมพร้อมกับยิ้ม เด็กคนนั้นอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะรับส้มพร้อมกับพูดขอบคุณแม่แล้วเดินจากไป <O:p</O:p
    หลังจากนั้นพอกลับมาถึงบ้าน ฉันก็ถามแม่ทันที <O:p</O:p
    "ทำไมแม่ต้องช่วยเด็กคนนันด้วยละ รู้จักกันหรอจ้ะ" <O:p</O:p
    แม่ยิ้ม แล้วตอบฉันว่า <O:p</O:p
    "ไม่รู้จักหรอก แต่แม่เห็นเด็กคนนั้นรับจ้างหาบขนมขายอยู่แถวบ้านเราน่ะลูก แต่แกคงจำแม่ไม่ได้หรอก แม่ซื้อขนมแกอยู่ไม่กี่ครั้งเอง"<O:p</O:p
    "แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องช่วยเหลือเขาถ้าเขาเป็นขโมยนี่แม่" <O:p</O:p
    ฉันถามต่อ แม่มองหน้าฉันแล้วพูดว่า <O:p</O:p
    "แม่เชื่อว่าเด็กที่เคยหาเงินด้วยตัวเองมาก่อนตั้งแต่อายุเท่าๆ กับลูก จะต้องเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบ รู้คุณค่าของเงินทุกบาททุกสตางค์ว่า กว่าจะได้มามันเหนื่อยยากขนาดไหน และคนที่มีความรับผิดชอบนะ จะไม่มีทางขโมยของใครนอกจากจะจำเป็นจริงๆ เมื่อเขาไม่มีทางอื่นให้ เลือกแล้วเท่านั้น"<O:p</O:p
    ฉันฟังแล้วก็ถามแม่ต่อว่า <O:p</O:p
    "แล้วต่อไปถ้าเขามาขอเงินแม่ไปซื้อยาอีก แม่จะให้เขารึเปล่า" <O:p</O:p
    "ให้สิลูกถ้ามันไม่มากไม่มายอะไร" <O:p</O:p
    "แล้วแม่ไม่เสียดายเงินหรอ บ้านเราก็ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนบ้านป้าหนอมเขานะแม่" <O:p</O:p
    "ถึงแม่จะไม่มีเงินทองมากนัก แต่การที่ได้ช่วยเหลือคนที่กำลังลำบากน่ะ มันทำให้แม่มีความสุข แล้วยังได้บุญอีกด้วยนะ แค่นี้แม่ก็พอใจแล้ว ไม่อยากได้อะไรตอบแทนหรอก"<O:p</O:p
    แล้วแม่ก็พูดต่ออีกว่า <O:p</O:p
    "จำไว้นะลูก คนเรานะ ต้องรู้จักให้อภัยและให้โอกาสคนอื่นแก้ตัวเสมอ อย่างเด็กคนนั้น..แม่มั่นใจว่าแกทำไปเพราะรักคุณแม่ของแกจริงๆ แม่ ถึงช่วยแกเอาไว้" <O:p</O:p
    แล้วแม่ก็พูดต่อว่า <O:p</O:p
    "ลูกอาจจะบอกว่าขโมยเป็นสิ่งที่ผิด ใช่...แม่ไม่เถียง แต่บางครั้งคนเราก็ต้องมองด้านอื่นๆ บ้าง อย่าคิดแต่เรื่องทรัพย์สินเงินทอง ตอนนี้ลูก อาจจะยังฟังไม่เข้าใจ แต่แม่เชื่อว่าสักวันลูกจะเข้าใจเองแหละ" <O:p</O:p
    หลังจากนั้น ฉันกับแม่ก็หันไปคุยเรื่องอื่นๆ กันต่อ ฉันเองไม่เคยคิดเรื่องนี้อีกเลย จนเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น ทำให้ฉันต้องย้อนกลับมาคิดถึง เรื่องนี้อีกครั้งทั้งน้ำตาว่าคำพูดของแม่ในครั้งนี้ถูกต้องที่สุดจริงๆ<O:p</O:p
    หลังจากนั้นฉันเรียนจบระดับปริญญาตรีจากสถาบันราชภัฏแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด แล้วฉันก็ได้งานทำในโรงงานแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดนั้นเอง เงินเดือนก็พอประมาณ สามารถเลี้ยงดูแม่ได้โดยไม่ขัดสนนัก ฉันก็เลยขอร้องให้แม่หยุดรับจ้างเย็บผ้า เพราะอยากให้แม่พักผ่อนบ้างหลัง จากทำงานหนักมาเกือบ 20 ปีเพื่อส่งฉันเรียน แม่ยอมปิดร้าน แต่ก็ยังรับงานเล็กๆ น้อยๆ ของเพื่อนบ้านมาทำบ้างโดยไม่คิดเงิน แม่ บอกว่าถ้าไม่ได้ทำอะไรเลยจะรู้สึกเบื่อ ฉันก็เลยต้องยอมตามใจแม่<O:p</O:p
    ฉันทำงานอยู่ประมาณ 2-3 ปี แม่ก็เริ่มรู้สึกไม่สบาย เริ่มจากปวดหัวบ่อยขึ้น ช่วงแรกๆ ไม่กี่วันก็หาย หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนานขึ้นเรื่อยๆ ฉันบอกให้แม่ไปหาหมอ แล้วฉันก็พาแม่ไปหาหมอในเมือง หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่ทำงานหนักมากเกินไป หมอให้ยามาชุดหนึ่ง พร้อมกำชับให้พักผ่อนมากๆ จะได้หายเร็วๆ<O:p</O:p
    หลังจากกินยาตามที่หมอสั่ง อาการปวดหัวของแม่ก็หายไป ฉันเริ่มสบายใจขึ้น แต่หลังจากไปหาหมอได้ประมาณหนึ่งเดือน แม่ก็เริ่มกลับ มาปวดหัวอีก คราวนี้เป็นหนักมากกว่าครั้งที่แล้ว ยาที่เคยกินแล้วได้ผลมาก่อนก็ไม่ได้ผลเลย ฉันกังวลใจมาก พอถามหมอ หมอก็บอกว่าต้อง ไปตรวจที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เพราะว่าเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมกว่าโรงพยาบาลต่างจังหวัด<O:p</O:p
    หลังจากนั้นฉันรีบพาแม่ไปกรุงเทพฯ ทันที ไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง หลังจากหมอตรวจแล้วบอกว่ามีเนื้องอกในสมองต้องผ่าตัด โดยด่วน หากปล่อยทิ้งไว้อาจไปทับเส้นประสาททำให้เป็นอัมพาตได้ หรือถ้าผ่าตัดไม่ทันก็อาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต ฉันตกใจมากขอให้ หมอผ่าตัดให้ทันที แต่หมอบอกว่าโรงพยาบาลที่มีหมอผ่าตัดสมองที่มีความพร้อมที่จะผ่าตัดเนื้องอกในสมองเป็นอีกโรงพยาบาลหนึ่ง ซึ่งมี ชื่อเสียงมากกว่า ดังนั้นหมอจึงต้องส่งตัวคนไข้ไปยังโรงพยาบาลนั้น ฉันก็ตกลง<O:p</O:p
    หลังจากถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลดังกล่าวแล้ว แม่ก็ถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดทันที ขณะที่ฉันรออย่างกังวลใจอยู่ด้านนอก ทั้งเรื่องอาการป่วย ของแม่ และจากคำพูดของหมอที่ทิ้งท้ายไว้ก่อนส่งตัวแม่มาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ หมอบอกให้ทำใจไว้บ้าง เพราะการผ่าตัดสมองเป็นการผ่า ตัดที่เสี่ยงมาก โอกาสที่คนไข้จะเสียชีวิตมีมาก แม้การผ่าตัดจะประสบความสำเร็จก็ตาม อีกเรื่องก็คือค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดสมองค่อนข้างสูง เป็นหลักแสนบาท เมื่อรวมกับค่ายา ระหว่างพักฟื้น คิดแล้วน่าจะต้องใช้เงินราวๆ ห้าแสนบาท<O:p</O:p
    ฉันได้ยินแล้วแทบลมจับ ฉันจะไปหาเงินห้าแสนบาทมาจากไหน ลำพังเงินเก็บของฉันกับแม่ยังมีไม่ถึงห้าหมื่นบาทเลย แต่ยังไงฉันก็ต้อง รักษาแม่ให้หาย ส่วนเรื่องเงินไว้คิดทีหลัง<O:p</O:p
    หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้นลง เป็นโชคดีของแม่ที่การผ่าตัดประสบผลสำเร็จ และไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆ ทางโรง พยาบาลบอกให้พักฟื้น ประมาณหนึ่งเดือนก็สามารถไปพักฟื้นที่บ้านได้ ทางโรงพยาบาลแจ้งรายการค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาให้ฉัน ปรากฎว่าเป็นเงินจำนวนไม่ถึง หนึ่งพันบาท เป็นค่าติดต่อประสานงานเท่านั้น<O:p</O:p
    ฉันแปลกใจมาก จึงสอบถามกับนางพยาบาล นางพยาบาลบอกว่าคุณหมอที่เป็นคนผ่าตัด และเป็นเจ้าของไข้บอกไม่ให้คิดเงินกับฉันและแม่ โดยที่ทางโรงพยาบาลก็ไม่ทราบสาเหตุ ฉันจึงขอพบคุณหมอคนนั้นเพื่อขอบคุณ นางพยาบาลบอกว่าหลังจากเสร็จคุณหมอก็ถูกส่งตัวไป ต่างประเทศทันทีเพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผ่าตัดสมองที่อเมริกา แต่คุณหมอได้ฝากจดหมายไว้ให้ฉันกับแม่ โดยกำชับกับทางโรง พยาบาลให้ฝากให้ฉันพร้อมกับใบเสร็จค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของทางโรงพยาบาลในวันที่แม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้<O:p></O:p>
    เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันกับแม่ก็เปิดอ่านจดหมายของคุณหมอคนนั้น เมื่ออ่านจบทั้งฉันและแม่ก็ร้องไห้ออกมาพร้อมกัน เนื้อความในจดหมายมี ดังนี้<O:p</O:p

    'ข้าพเจ้านายแพทย์เดชา ทองวิจิตร แพทย์ผู้ผ่าตัด นางสมพร ภู่จันทร์ ขอสรุปค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดทั้งหมดดังนี้ <O:p</O:p
    ค่าผ่าตัด 0 บาท
    ค่ายาทั้งหมด 0 บาท
    ค่าใช้จ่ายอื่นที่เหลือ 0 บาท
    รวมเป็นเงินทั้งหมด 0 บาท <O:p</O:p

    ป.ล. ค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้รับแล้ว เมื่อยี่สิบปีก่อนด้วยยาแก้ปวด ยาธาตุ ส้มหนึ่งถุง <O:p</O:p
    ขอให้สุขภาพแข็งแรงไปอีกนานๆ นะครับคุณน้า <O:p</O:p
    นายแพทย์เดชา ทองวิจิตร'

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++



    เห็นว่ามีประโยชน์ กับเพื่อนๆ<O:p</O:p
    <O:p> </O:p>
    >>> ระวัง... พวกขี้เมาตามตู้ ATM เหตุเกิดที่ ตู้ ATM ธนาคาร กสิกรไทย
    >>>สาขาแยกลาดพร้าว-รัชดา วันที่
    ffice:smarttags" /><ST1:date Month="6" Day="12" Year="2005">12/06/05</ST1:date> เวลา ประมาณ <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com /><st1:time Hour=20:30</st1:time> น. ผมนั่งรถเมล์
    >>>ผิดสาย มาโดยตั้งใจ
    >>>เพราะช่วงเวลานั้น หารถเมล์กลับมาจาก Big C
    >>>ลาดพร้าวยากมากและตั้งใจจะมุดลงรถไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อกลับ
    >>>มาที่พักหลังสถานีตำรวจสุทธิสาร จากต้นทางแยกของถนน ลาดพร้าว-รัชดา บังเอิญ
    >>>เงินในกระเป๋ามีน้อย
    >>>เพราะปกติผมไม่ชอบพกเงินมากเกินไป ในการเดินทางระยะใกล้ๆ
    >>>จึงเดินแวะไปที่ธนาคารดังกล่าว แรกเริ่มก็
    >>>สังเกตุเห็น ชายสามคนรูปร่างใหญ่โตกว่าผมมาก สูงประมาณ 180 ขึ้นไป 2 คน
    >>>และร่างผอมบาง 1 คน สูง
    >>>ประมาณ 170 (พอๆกับผมแต่รูปร่างบางกว่าผม) ชายร่างบางคนนี้รีบลุกขึ้น
    >>>และไปยืนกั๊กที่ตู้ อยู่นานพอ
    >>>สมควร ผมจึงมองจากกระจกที่ยื่น ออกมาจากตัวตู้ ซึ่งสะท้อนไปยังหน้า ของมัน
    >>>ก็เห็นว่ามันไม่ได้กดอะไร
    >>>เลย ผมรออยู่ตั้งเกือบ 10 นาที พอผมแสดงท่าทีจะเดินออก
    >>>เพราะไม่อยากรอและไม่อยากมีเรื่อง (ผมเข้าใจ
    >>>ว่าพวกมันคงจะหาเรื่องผม) แต่ท้ายที่สุดมันก็เปิดทางให้ผมเข้าไปกด
    >>>ผมกดเงินออกมา 500 บาท พอเงิน
    >>>ไหลออกจากตู้ เท่านั้นแหละ
    >>>ไอ้คนตัวผอมสูงเท่าๆกับผมเดินดิ่งๆพร้อมกับยื่นมือ จะหยิบเงินของผม
    >>>พร้อมกับ
    >>>พูดว่า "เงินกูๆ บัตร ATM กูด้วย" ผมซึ่งระวังตัวอยู่แล้วรีบคว้าเงิน พร้อม
    >>>บัตรATM ใส่ประเป๋า อย่างรวด
    >>>เร็ว และรีบก้าวเบียงตัวหลบฉากออกมา ทำให้มันหัวพุ่ง เข้าไปในตู้ แต่...
    >>>เพื่อนมันอีกสองคนที่รูปร่างใหญ่โต
    >>>ยืนขวาง พร้อมกับพูดว่า..."พี่เอาบัตร ATM เพื่อนผมคืนมาก่อน"
    >>>
    >>> ผมจึงพูดย้อนกลับไปว่า... "ไปเอาที่โรงพัก ถ้าบัตร ATM
    >>>นี้เป็นของเพื่อนคุณจริงอย่างงัย ผมก็ไม่มีทางกด
    >>>เงินออกหรอกไปคุยที่โรงพักจะยุติธรรมกว่า" มันสองคนพูดพร้อมกัน...
    >>>"งั้นมึงก็... ไม่ต้องไป"
    >>>
    >>> ผมรีบควัก ไขควงปากแฉกยาวประมาณครึ่งฟุตที่ไปซื้อมาจาก Big C
    >>>ออกมาพร้อมกับยืนแบบหนุมานถือ ตรี
    >>>และพูดว่า "งั้นพวกมึงกับกูจะเอาอย่างงัยก็ได้...มา(ผมพยักหน้า)"
    >>>ไอ้ตัวผอมมองหน้าเพื่อน และวิ่งหนีคน
    >>>แรก และตามด้วยร่างใหญ่ๆ อีกสองค่อยๆ เดินหนีไปโดยทิ้งเหล้ากับแกล้มไว้
    >>>นี่ เป็นเหตุการณ์ จริงที่ผมพึ่ง
    >>>ประสพมา ที่นำมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้ระวังตัวกันหน่อย ถ้าพบเหตุการณ์
    >>>แบบผม "ขอให้รีบหนีไปอยู่ในที่ ที่มี
    >>>คนมากๆ" ไม่ต้องทำเก่งเหมือนผม (หากเพื่อนๆ ไม่มุทะลุบ้าบิ่นพอ)
    >>>เพราะอาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดก็ได้
    >>>เมื่อผมทบทวนดูจาก เหตุกาณ์ ที่ผ่านมา แต่ผมก็รอดมาได้โดยไม่เสียอะไรเลย
    >>>แต่ก็ได้ประสพการณ์มาบอก
    >>>เพื่อนๆ เพราะหากพวกมันมีปืน ผมไม่รู้ว่าผมจะมีโอกาส มานั่งพิมพ์ข้อความมา
    >>>Post ให้... เพื่อนๆ ในบริษัท
    >>>ได้อ่านหรือเปล่า แต่ใจผม คิดว่า... หากรัฐบาลอนุญาตให้ผมพกปืน ผมจะ
    >>>"ยิงพวกมันให้ตาย...เหมือนหมาข้างถนน"
    >>>
    >>> เทพศาสตรา หมึกทองคำ<O:p</O:p


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




    ขอแถมรูป วัดเจดีย์ชัยมงคล จังหวัดร้อยเอ็ด นะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      89.7 KB
      เปิดดู:
      111
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      131.8 KB
      เปิดดู:
      117
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      141.7 KB
      เปิดดู:
      90
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      176.7 KB
      เปิดดู:
      111
    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      161.5 KB
      เปิดดู:
      121
    • 6.jpg
      6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      168 KB
      เปิดดู:
      110
    • 7.jpg
      7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      140.5 KB
      เปิดดู:
      97
    • 8.jpg
      8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      102.3 KB
      เปิดดู:
      83
    • 9.jpg
      9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      135.4 KB
      เปิดดู:
      117
    • 10.jpg
      10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88 KB
      เปิดดู:
      95
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    บทสวดประจำวันทั้งวัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    มนต์ประจำวันเกิด<O:p</O:p

    <O:p</O:p

    สำหรับผู้เกิดวันอาทิตย์<O:p</O:p


    อุเทตะยัญจักขุมา เอกะราชา<O:p</O:p

    หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส<O:p</O:p

    ตัง ตัง นะมัสสามิ หะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง<O:p</O:p
    ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ ทิวะสัง<O:p</O:p

    เย พราหมะณา เวทะคุ สัพพะธัมเม<O:p</O:p

    เต เม นะโม เต จะ มัง ปาละยันตุ<O:p</O:p

    นะมัตถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยา<O:p</O:p
    นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา<O:p</O:p

    อิมัง โส ปะริตตัง กัตวา โมโร จะระติ เอสะนา ฯ<O:p</O:p
    อะเปตะยัญจักขุมา เอกะราชา<O:p</O:p
    หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส<O:p</O:p
    ตัง ตัง นะมัสสามิ หะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง<O:p</O:p
    ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ รัตติง<O:p</O:p
    เย พราหมะณา เวทะคุ สัพพะธัมเม<O:p</O:p
    เต เม นะโม เต จะ มัง ปาละยันตุ<O:p</O:p
    นะมัตถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยา<O:p</O:p
    นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา<O:p</O:p
    อิมัง โส ปะริตตัง กัตวา โมโร วาสะมะกัปปะยีติ ฯ <O:p</O:p

    สวดวันละ ๖ จบ<O:p</O:p
    (อาจารย์บางท่านแนะว่า)<O:p</O:p
    ผู้เกิดกลางวันควรสวด อุเทตะยัญจักขุมา<O:p</O:p
    ผู้เกิดกลางคืนควรสวด อะเปตะยัญจักขุมา<O:p</O:p
    หรือเช้าสวน อุเท เย็นสวด อะเป ก็ได้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สำหรับผู้เกิดวันจันทร์
    <O:p</O:p
    ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ<O:p</O:p
    โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท<O:p</O:p
    ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง<O:p</O:p
    พุทธานุภาเวนะ วินาสะเมนตุ ฯ<O:p</O:p
    ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ<O:p</O:p

    โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท<O:p</O:p
    ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง<O:p</O:p
    ธัมมานุภาเวนะ วินาสะเมนตุ ฯ<O:p</O:p
    ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ<O:p</O:p
    โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโธ<O:p</O:p
    ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง<O:p</O:p
    สังฆานุภาเวนะ วินาสะเมนตุ ฯ<O:p</O:p
    สวดวันละ ๑๕ จบ<O:p</O:p
    <O:p


    สำหรับผู้เกิดวันอังคาร<O:p</O:p

    ยัสสานุสสะระเณนาปิ อันตะลิกเขปิ ปาณิโน<O:p</O:p
    ปะติฐะมะธิคัจฉันติ ภูมิยัง วิยะ สัพพะทา<O:p</O:p
    สัพพูปัททะวะชาลัมหา ยักขะโจราทิสัมภะวา<O:p</O:p
    คะณะนา นะ จะ มุตตานัง ปะริตตันตัมภะณามะ เห ฯ<O:p</O:p
    สวดวันละ ๘ จบ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สำหรับผู้เกิดวันพุธ (กลางวัน)
    <O:p</O:p
    สัพพาสีวิสะชาตีนัง ทิพพะมันตาคะทัง วิยะ<O:p</O:p
    ยันนาเสติ วิสัง โฆรัง เสสัญจาปิ ปะริสสะยัง<O:p</O:p
    อาณักเขตตตัมหิ สัพพัตถะ สัพพะทา สัพพะปาณินัง<O:p</O:p
    สัพพะโสปิ นิวาเรติ ปะริตตันตัมภะณามะ เห ฯ<O:p</O:p
    สวดวันละ ๑๗ จบ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สำหรับผู้เกิดวันพุธ (กลางคืน)
    <O:p</O:p
    กินนุ สันตะระมาโน วะราหุ สุริยัง ปะมุญจะสิ<O:p</O:p
    สังวิคคะรูโป อาคัมมะ กินนุ ภีโต วะ ติฏฐะสีติ<O:p</O:p
    สัตตะธา เม ผะเล มุทธา ชีวันโต นะ สุขัง ละเภ<O:p</O:p
    พุทธะคาถาภิคีโตมหิ โน เจ มุญเจยยะ สุริยันติ.<O:p</O:p
    กินนุ สันตะระมาโน วะราหุ จันทัง ปะมุญจะสิ<O:p</O:p
    สังวิคคะรูโป อาคัมมะ กินนุ ภีโต วะ ติฏฐะสีติ<O:p</O:p
    สัตตะธา เม ผะเล มุทธา ชีวันโต นะ สุขัง ละเภ<O:p</O:p
    พุทธะคาถาภิคีโตมหิ โน เจ มุญเจยยะ สุริยันติ.<O:p</O:p
    สวดวันละ ๑๒ จบ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สำหรับผู้เกิดวันพฤหัสบดี
    <O:p</O:p
    ปูเรนตัมโพธิสัมภาเร นิพพัตตัง วัฏฏะชาติยัง<O:p</O:p
    ยัสสะ เตเชนะ ทาวัคคิ มะหาสัตตัง วิวัชชะยิ<O:p</O:p
    เถรัสสะ สารีปุตตัสสะ โลกะนาเถนะ ภาสิตัง<O:p</O:p
    กัปปัฏฐายิ มะหาเตชัง ปะริตตันตัมภะณามะ เห ฯ<O:p</O:p
    สวดวันละ ๑๙ จบ<O:p</O:p
    <O:p
    สำหรับผู้เกิดวันศุกร์
    <O:p</O:p
    ยัสสานุภาวะโต ยักขา เนวะ ทัสเสนติ ภิงสะนัง<O:p</O:p
    ยัมหิ เจวานุยุญชันโต รัตตินทิวะมะตันทิโต<O:p</O:p
    สุขัง สุปะติ สุตโต จะ ปาปัง กิญจิ นะ ปัสสะติ<O:p</O:p
    เอวะมาทิคุณูเปตัง ปะริตตันตัมภะณามะ เห ฯ<O:p</O:p
    สวดวันละ ๒๑ จบ<O:p</O:p
    (อาจารย์บางท่านให้สวด)<O:p</O:p
    อัปปะสันเนหิ นาถัสสะ สาสะเน สาธุสัมมะเต<O:p</O:p
    อะมะนุสเสติ จัณเฑหิ สะทา กิพพิสะการิภิ<O:p</O:p
    ปะริสานัญจะตัสสันนะ มะหิงสายะ จะ คุตติยา<O:p</O:p
    ยันเทเสสิ มะหาวีโร ปะริตตันตัมภะณามะ เห ฯ<O:p</O:p
    สวดวันละ ๙ จบ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p
    </O:p
    สำหรับผู้เกิดวันเสาร์<O:p</O:p

    ยะโตหัง ภะคินิ อะระยายะ ชาติยา ชาโต นาภิชานามิ สัญจิจจะ ปาณัง ชีวิตา โวโรเปตาฯ เตนะ สัจเจนะ โสตถิ เต โหตุ โสตถิ คัพภัสสะฯ<O:p</O:p

    สวดวันละ ๑๐ จบ

    </O:p
    มนต์ประจำวันเกิด ( อย่างย่อ )<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    วันอาทิตย์ คาถาพระนารายณ์แปลงรูป<O:p</O:p
    อะวิสุนุสสานุสติอะ สวด ๖ จบ<O:p</O:p
    วันจันทร์ คาถากระทู้เจ็ดแบก<O:p</O:p
    อิระชาคะตะระสาอิ สวด ๑๕ จบ<O:p</O:p
    วันอังคาร คาถาเรียกฝนแสนห่า<O:p</O:p
    ติหังจะโตโรถินังติ สวด ๘ จบ<O:p</O:p
    วันพุธ คาถาพระนารายณ์กลืนสมุทร<O:p</O:p
    ปิสัมระโลปุรัตพุทปิ สวด ๑๗ จบ<O:p</O:p
    วันพฤหัส คาถาพระนารายณ์คลายจักร<O:p</O:p
    ภะสัมสัมวิสะเทภะภะ สวด ๑๙ จบ<O:p</O:p
    วันศุกร์ คาถาตรึงไตรภพ<O:p</O:p
    วาโธโนอะมะมะวาวา สวด ๒๑ จบ<O:p</O:p
    วันเสาร์ คาถาพระนารายณ์พลิกแผ่นดิน<O:p</O:p
    โสมานะกะริถาโธโส สวด ๑๐ จบ<O:p</O:p
    บทสวดประจำวันทั้ง ๗ วันนี้ สวดบูชาได้ทุกคืน ก่อนนอน ทำให้แคล้วคลาด โชคดี มีอายุยืนนาน ชนะศัตรูคู่อริทั้งปวง แล<O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เมื่อร่างกายประท้วงว่าคุณกินอาหารไม่เหมาะสม

    <O:p</O:p

    เมื่อร่างกายประท้วงว่าคุณกินอาหารไม่เหมาะสม สัญญาณ 10 ประการต่อไปนี้ ร่างกายอาจกำลังบอก
    คุณว่า คุณกินอาหารไม่เหมาะสม

    1. ผิวหนังมีปัญหา เช่น มีอาการคัน หรือลอกเป็นขุยแม้จะไม่ใช่ช่วงหน้าหนาว อาการเช่นนี้อาจเป็น ลักษณะของการขาดวิตามิน A

    ผักและผลไม้ ที่มีสีเหลือง สีส้ม หรือสีเขียวเข้ม ล้วนแต่อุดมไปด้วยวิตามิน Aเพียงพอที่จะทำให้ผิวคุณ เป็นปกติ ไม่ควรทานวิตามิน Aเสริมที่อยู่ในรูปแบบเม็ดเพราะการได้รับโดยตรงเช่นนี้มากเกินไปจะเป็นอันตรายได้

    2. ผมไม่เงางาม ในกรณีที่รุนแรง ผมของคุณจะไม่สามารถจัดทรงได้เลยเป็นผลมาจากการขาดโปรตีนและธาตุเหล็ก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เป็นมังสวิรัติหรือคนที่จำกัดอาหารอย่างมาก

    แม้ว่าจะอยากผอมแค่ไหน ก็ไม่ควรอดอาหารจนเกินไปให้กินอาหารให้มีส่วนผสมของธาตุอาหารอย่างเหมาะสม เน้นอาหารที่มีกากใย พร้อมไปกับการออกกำลังกาย สำหรับคนที่เป็นมังสวิรัติ ต้องได้สาร อาหารจาก พืชผัก ข้าว และ ถั่วในอัตราส่วนที่เหมาะสม เพื่อที่จะได้โปรตีนทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่ขาดไปและเพิ่มเติมด้วยกะหล่ำดอก และผลไม้เปลือกแข็ง เช่น เกาลัด ถั่วแขกและถั่วเหลือง ซึ่งอุดม ไปด้วยไบโอติน

    3. ท้องผูก เป็นอีกอาการหนึ่งที่บอกถึงการรับประทานอาหารอย่างไม่เหมาะสม คุณต้องได้สารอาหารพวกไฟเบอร์ หรืออาหารที่มีกากใย เช่น ผักผลไม้ต่างๆ อย่างน้อยวันละ 25 กรัม และดื่มน้ำให้มากขึ้นด้วย

    4. ผายลมบ่อย แม้ว่าไฟเบอร์จะมีประโยชน์ แต่ถ้ากินมากเกินไปหรือได้รับสารอาหารประเภทนี้เร็วเกินไป เช่น กินถั่ว หรือไม้จำพวกที่มีฝัก เช่น กระถิน ทองหลาง ร่างกายของคุณจะผลิตแก๊สตาม ออกมามากกว่าอาหารที่ย่อยง่ายตามปกติ
    วิธีแก้ปัญหาคือค่อยๆ เพิ่มสารอาหารพวกไฟเบอร์อย่างช้าๆ ถ้าคุณเคยกินแค่เพียงวันละ 10 กรัม อย่า เพิ่มเป็น 25 กรัมในวันรุ่งขึ้น ในสัปดาห์แรกเพิ่มแค่เพียง 5 กรัม แล้วสัปดาห์ต่อมาค่อยเพิ่มอีก 5 กรัม


    5. ข้อต่อมีเสียงดังหรือปวดบริเวณข้อต่อ อย่าเพิ่งไปโทษโรคข้ออักเสบ อาจเป็นไปได้ว่าคุณกินปลาน้อยเกินไปกรดไขมันประเภทโอเมก้า-3 ที่พบมากในปลา เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า จะทำให้ข้อต่อ
    ของคุณเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น ซึ่งจะช่วยให้กระแสโลหิตไหลเวียนดีขึ้น ลดอาการบวมและปวดบริเวณข้อต่อ

    6. สเปิร์มน้อยลงไปมาก ถ้าคุณกำลังพยายามที่จะมีลูก และมีปัญหาระดับของสเปิร์มต่ำกว่าปกติ อาจเป็นไปได้ว่าคุณขาดวิตามิน C ซึ่งเป็นตัวสำคัญในการกระตุ้นการทำงานระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย จากการศึกษาพบว่า วิตามิน C ยังช่วยในการรักษาปริมาณและความสมบูรณ์ของตัวสเปิร์มด้วย

    Earl Dawson, Ph.D., ที่
    ffice:smarttags" /><ST1:place><?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com:place> ที่ <st1:City><ST1:place>Galveston</ST1:place></st1:City> แนะนำว่าให้ผู้ชายดื่มน้ำส้มอย่างน้อยวันละประมาณ 1 ลิตรทุกวัน โดยบอกว่าวิตามิน C มีส่วนช่วยป้องกัน สเปิร์มจากอันตรายและความเสียหายในทุกๆ ด้าน

    7. หัวใจเต้นผิดปกติ หัวใจของคนเราเป็นกล้ามเนื้อที่มีการบีบตัวมากกว่า 100,000 ครั้งต่อวันคงไม่สามารถทำงานอย่างสมบูรณ์แบบได้ตลอดเวลา แต่ถ้าอยู่ๆ คุณรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ หรือเต้นๆ หยุดๆ โดยไม่มีเหตุผล ถ้ามีอาการเจ็บปวด หรือหน้ามืด เวียนศีรษะด้วย ให้รีบไปพบแพทย์ทันที แต่ถ้าแพทย์พบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ แต่หัวใจคุณก็ยังมีอาการเต้นผิดปกติในบางครั้ง คุณอาจจะ ขาดสารอาหารพวกแม็กนีเซียมหรือโปแตสเซียม

    สำหรับโปแตสเซียม ให้ดื่มน้ำส้มวันละ 2-3 แก้ว ช่วงอาหารเช้าให้เพิ่มกล้วยเข้าไปในส่วนหนึ่งของ เมนู สำหรับแม็กนีเซียม ให้ทานอาหารว่างที่เป็นพวกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดทานตะวัน หรือเมล็ดฟักทองและผักโขม เป็นอีกตัวหนึ่งที่มีแร่ธาตุช่วยในการทำงานของหัวใจ


    8. ปวดเหงือก ถ้าการเจ็บปวดเกิดจากการอักเสบ ก่อให้เกิดความเจ็บปวดและปัญหาของเหงือก
    แสดงว่าปากของคุณกำลังต้องการแบคทีเรียที่มีประโยชน์ ให้มาช่วยจัดการกับแบคทีเรียในปากที่มี อันตราย ให้กินโยเกิร์ตที่มีแบคทีเรียที่เราต้องการเป็นอาหารว่างในช่วงเช้าของทุกวัน

    9. กระดูกแตก ถ้ากระดูกคุณแตกมากกว่า 2-3 ครั้งตั้งแต่โตเป็นผู้ใหญ่ อาจเป็นไปได้ว่ากระดูกของคุณอยู่ในภาวะอ่อนแอ อาจมีสาเหตุมาจากการขาดวิตามินD และแคลเซียม ซึ่งเป็นตัวประกอบที่สำคัญใน
    การสร้างกระดูก ผู้ชายก็ต้องการแคลเซียมมากเหมือนๆ ผู้หญิง เพราะผู้ชายมักจะกินเนื้อมากกว่า ซึ่งอุดมไปด้วยฟอสฟอรัส ยิ่งร่างกายได้รับฟอสฟอรัสมากเท่าไร ก็ยิ่งต้องการแคลเซียมมากขึ้นเท่านั้น
    อาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ได้แก่ ปลาเล็กปลาน้อย กุ้งแห้ง โยเกิร์ต นมและเนยแข็ง (ไขมันต่ำได้ก็ดี)

    10.ขี้ลืม อาจเป็นได้ว่าคุณขาดวิตามิน B ในการศึกษาที่ USDA Human Nutrition Research Center in Boston นักวิจัยพบว่าผู้ชายที่มีระดับของวิตามิน B6 B12 และ B folate สูงในเลือด
    จะมีความทรงจำที่ดีกว่า จากการทดสอบพบว่าสารอาหารพวกนี้ช่วยให้สมองทำงานได้เต็มที่ และยังช่วยควบคุม homocysteine ซึ่งเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่อยู่ในร่างกายซึ่งเป็นตัวขัดขวางการที่เลือดจะไปหล่อเลี้ยงสมอง

    ถั่วเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน B6 และโฟเลต มากที่สุด และไม่ต้องกังวลกับการขาดวิตามิน B12เพราะมีมากในเนื้อสัตว์และอาหารทะเล

    หมั่นสังเกตตัวเองสักนิด แล้วจะรู้ว่าร่างกายตัวเองต้องการอะไร<O:p</O:p
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คำบูชาสมเด็จพระนเรศวรมหาราช<O:p</O:p

    นโม ๓ จบ<O:p</O:p


    นเรศวรมหาราชจุติ สิทธิสังโฆ นโมพุทธายะ ( ๓ จบ )<O:p</O:p

    อิติ จิตตัง เอหิ เทวะตาหิ จะมหาเตโช นะระปูชิโต โสระโส ปัจจะยา ทิปปะติ นะเรโส จะมหาราชา เมตตา จะกะโรติ มหาลาภัง จะ ทาโสตถี ภะวันตุเม ฯ<O:p</O:p
    คำแปล ข้าพระพุทธเจ้า
     

แชร์หน้านี้

Loading...