วันลอยกระทง...วันที่พระสารีบุตรเข้าสู่นิพพาน

Discussion in 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' started by คนมีกิเลส, Nov 9, 2008.

  1. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Oct 19, 2006
    Messages:
    3,973
    Ratings:
    +19,432
    พระสารีบุตรเถระ

    <TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=1 width=450><TBODY><TR><TD rowSpan=2 width=300>





    </TD><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=bottom>
    [​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    พระอรหันตธาตุ "สัณฐานกลมเป็นปริมณฑลบ้าง รีเป็นไข่จิ้งจกบ้าง เป็นดังรูปบาตรคว่ำบ้าง
    พรรณขาวดังสีสังข์ สีพิกุลแห้ง สีหวายตะค้า"

    ประวัติ พระสารีบุตร เอตทัคคอัครมหาสาวกผู้เลิศทางปัญญา


    พระสารีบุตรถือกำเนิดในครรภ์ของนางสารีพราหมณีในบ้านอุปติสสคาม ณ หมู่บ้านนาลกะ (นาลันทะ) ไม่ไกลกรุงราชคฤห์ เดิมชื่อ อุปติสสะ บิดาคือ วังคันตพราหมณ์ มารดาคือ สารีพรามหณี มีน้องชาย ๓ คนชื่อ

    อุปเสนะ (เอตทัคคมหาสาวกผู้นำความเลื่อมใสมาโดยรอบ),
    จุนทะ (พระมหาสาวกจุนทะ แต่พระส่วนใหญ่ชอบเรียกท่านว่า สามเณรจุนทะ จนติดปาก),

    เรวตะ (เอตทัคคมหาสาวกเลิศทางผู้อยู่ป่าเป็นวัตร),

    มีน้องสาว ๓ คน นามว่า จาลา, อุปจาลา และสีสุปจาลา ซึ่งต่อมาได้บวชเป็นภิกษุณีและสามารถบรรลุธรรมขั้นสูง เป็นพระอรหันต์ทั้งหมด แม้สหายของท่านคือ พระโมคคัลลานะ ก็ถือกำเนิดในครรภ์ของโมคคัลลีพราหมณีในวันเดียวกัน บ้านโกลิตคาม อันไม่ไกลกรุงราชคฤห์


    วัยหนุ่มตอนเป็นคฤหัสถ์

    ในกรุงราชคฤห์มีงานมหรสพประจำปีบนยอดเขา ซึ่งมาณพทั้งสองก็นั่งรวมกันดูมหรสพเป็นประจำ จนกระทั่งถึงวันหนึ่ง ท่านทั้งสองเริ่มมีความเบื่อหน่ายในงานมหรสพ ด้วยต่างคิดว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่ควรดูในมหรสพเหล่านี้ เพราะคนทั้งหมด ต่างก็จะล้มหายตายจากกันไป เราควรแสวงธรรมซึ่งเป็นเครื่องหลุดพ้น ดังนี้ ขณะนั้นโกลิตะเห็นเพื่ออุปติสสะใจลอยจึงกล่าวถาม อุปติสสะจึงบอกความในใจ ที่เบื่อหน่ายต่อมหรสพและความต้องการแสวงหาธรรมอันเป็นเครื่องหลุดพ้นแล้วจึงถามกลับบ้าน ซึ่งโกลิตะก็ตอบโดยมีเนื้อความเช่นเดียวกัน เมื่อต่างคนต่างทราบความในใจแล้ว จึงชวนกันไปบวชในสำนักของสัญชัยปริพาชก พร้อมกับมาณพอีก ๕๐๐ คน เมื่อบวชแล้วท่านทั้งสองได้เรียนจบลัทธิของสัญชัยปริพาชกทั้งหมด โดยใช้เวลาเพียง ๒-๓ วันเท่านั้น เมื่อหมดความรู้ที่จะศึกษาแล้ว และยังไม่เห็นถึงธรรม ท่านจึงอำลาและแสวงหาอาจารย์ท่านอื่นๆต่อไป ซึ่งท่านทั้งสองได้ตกลงกันว่า หากใครบรรลุอมตะก่อน ผู้นั้นจงบอกแก่กัน

    สมัยนั้น พระอัสสชิเถระหนึ่งในภิกษุปัญจวัคคีย์ ได้ถือบาตรและจีวรเข้าไปบิณฑบาตยังกรุงราชคฤห์แต่เช้าตรู่ อุปติสสปริพาชกทำภัตกิจแต่เช้ามืดแล้วเดินไปอารามปริพาชก ได้เห็นพระเถระจึงตั้งใจเข้าไปสอบถามคำถามต่างๆ แต่เนื่องจากพระเถระกำลังบิณฑบาตอยู่ จึงติดตามไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงสถานที่แห่งหนึ่ง จึงเข้าไปอุปัฏฐากพระเถระ เมื่อเสร็จจากภัตกิจแล้วจึงได้สนทนาธรรมกัน โดยการสนทนาธรรมในครั้งนี้ทำให้ท่านได้บรรลุธรรมขั้นโสดาบัน เมื่อสอบถามถึงสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านจึงกลับไปตามโกลิตปริพาชก เมื่อท่านได้กล่าวคาถาที่พระเถระได้มอบให้ไว้ โกลิตปริพาชกก็บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันเช่นเดียวกัน ท่านทั้งสองจึงนับถือพระอัสสชิเป็นอาจารย์ และไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าที่พระเวฬุวัน แต่ก่อนไป ท่านทั้งสองได้ไปชักชวนอาจารย์เก่า คือสัญชัยปริพาชก แต่อาจารย์ท่านปฏิเสธ แต่มีอันเตวาสิก ๒๕๐ คนได้ติดตามไปด้วย

    เมื่อพระศาสดากำลังทรงแสดงธรรมอยู่ท่ามกลางบริษัท ๔ เห็นชนเหล่านั้นแต่ไกล จึงตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า ๒ คนนั้น คือโกลิตะและอุปติสสะกำลังเดินมา ทั้งสองนี้แหละจักเป็นคู่สาวกที่เลิศที่เจริญ ครั้นแล้วทรงขยายพระธรรมเทศนา เนื่องด้วยจริยาแห่งบริษัทของ ๒ สหายนั้น ในครั้งนั้นบรรดาผู้ติดตามทั้งหมดต่างได้บรรลุอรหัตผล ยกเว้นพระอัครสาวกทั้งสอง เมื่อนั้นพระศาสดาจึงประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทาให้


    การบรรลุธรรม
    หลังจากพระสารีบุตรเถระบวชได้ครึ่งเดือน ก็เข้าไปอาศัยอยู่ในถ้ำสุกรขาตากับพระศาสดา กรุงราชคฤห์ ขณะที่พระสารีบุตรถวายงานพัดอยู่นั้น เมื่อพระศาสดาทรงแสดงเวทนาปริคหสูตรแก่ทีฆนขปริพาชก ผู้เป็นหลานของพระสารีบุตร ท่านได้ส่งญาณไปตามกระแสพระสูตร ก็ได้บรรลุถึงที่สุดสาวกบารมีญาณ สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ในวันขึ้น ๑๕ เดือน ๓ เวลาบ่ายในเวลาต่อมา พระศาสดาจึงทรงสถาปนาพระมหาสาวก้ทั้งสองไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะว่า สารีบุตรเป็นยอดของภิกษุสาวกของเราผู้มีปัญญามาก มหาโมคคัลลานะเป็นยอดของภิกษุสาวกของเราผู้มีฤทธิ์มาก แม้ว่าพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะจะเกิดพร้อมกัน แต่ด้วยพระสารีบุตรสำเร็จเป็นพระโสดาบันก่อน พระผู้มีพระภาคจึงถือให้พระสารีบุตรเป็นผู้พี่ของพระโมคคัลลานะ.

    [​IMG]

    ถ้ำสุกรขาตา สถานที่พระสารีบุตรบรรลุพระอรหันต์ เขาคิชฌกูฏ เมืองราชคฤห์



    นิพพาน
    เมื่อพระสารีบุตรอาพาธ ท่านจึงทูลลาพระพุทธเจ้ากลับไปนิพพานยังบ้านเกิด ก่อนนิพพานท่านได้ทำให้โยมมารดาเปลี่ยนใจ หันมายอมรับนับถือพระพุทธศาสนา โดยแสดงธรรมแก่มารดาจนบรรลุธรรมขั้นโสดาบัน หลังจากท่านนิพพานแล้วพระจุนทะจึงนำพระธาตุของพระสารีบุตรไปถวายพระพุทธเจ้าพระสารีบุตรปรินิพพานก่อนพระพุทธเจ้าประมาณ ๖ เดือน คือ วันเพ็ญ เดือน ๑๒(ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒) เวลาใกล้รุ่ง ที่บ้านตนเอง.




    วันเพ็ญ เดือนสิบสอง วันคล้ายวันนิพพานของพระสารีบุตร



    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->[​IMG]


    พระสารีบุตร นิพพานเมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ที่บ้านของท่านเอง ด้วยโรคปักขันทิกาพาธ (ถ่ายจนเป็นเลือด) ดังมีเรื่องเล่าว่า

    วันหนึ่ง ท่านเข้าผลสมาบัติอยู่ในที่พักกลางวันของท่านในวัดเชตวัน เมืองสาวัตถี แคว้นโกศล ออกจากผลสมาบัติแล้วพิจารณาเห็นว่าพระอัครสาวกย่อมนิพพานก่อนพระพุทธเจ้า ดังนั้นท่านจึงได้ตรวจดูอายุสังขารของตนเองและเห็นว่าจะมีชีวิตอยู่ไปได้อีก ๗ วันเท่านั้น ท่านได้พิจารณาต่อไปถึงสถานที่ที่จะไปนิพพาน ก็เห็นว่าควรจะไปนิพพานที่บ้านเกิด ทั้งนี้เพื่อจะได้โปรดโยมมารดาซึ่งยังเป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่ให้ได้เลื่อมใสในพระรัตนตรัย อีกทั้งยังเห็นด้วยว่าโยมมารดามีอุปนิสัยสามารถที่จะบรรลุมรรคผลได้เมื่อได้ฟังธรรมที่ท่านแสดง

    เมื่อปลงใจได้ดังนั้นแล้ว ท่านจึงแจ้งพระจุนทะผู้เป็นน้องชายให้ทราบ และบอกพระจุนทะให้แจ้งแก่บรรดาศิษย์ของท่านให้ทราบด้วย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วท่านได้เก็บกวาดเสนาสนะ แล้วออกมายืนอยู่ที่หน้าเสนาสนะนั้น ท่านมองดูทุกสิ่งทุกอย่างเป็นครั้งสุดท้าย แล้วพาพระจุนทะและพระบริวาร ๕๐๐ รูปเดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
     

    Attached Files:

    Last edited: Nov 9, 2008
    • ถูกใจ ถูกใจ x 149
    • List
  2. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    Joined:
    Mar 9, 2007
    Messages:
    24,969
    Featured Threads:
    2
    Ratings:
    +91,132
    อ นุ โ ม ท น า ส า ธุ

    ขอบคุณครับ...ที่นำบทความดีดีมีมงคลมาให้อ่านครับ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 29
    • List
  3. chodchoi

    chodchoi เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Mar 23, 2008
    Messages:
    2,288
    Ratings:
    +148
    ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ
    และขอกราบขอขมาและอโหสิกรรมด้วยครับ สาธุ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 25
    • List
  4. C.ไปมาหลายวัด

    C.ไปมาหลายวัด Active Member

    Joined:
    Sep 8, 2008
    Messages:
    147
    Ratings:
    +49
    เป็นการทดแทนคุณบิดามารดา ...ได้อย่างถึงที่สุดตามที่พุทธองค์ทรงสอนไว้
    คือ...ชักชวนแนะนำให้บิดามาดาเป็นสัมมาทิฐิ หรือชักชวนแนะนำให้มาทำบุญ ถือศีล ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
    สาธุ ๆ ๆ อนุโมทามิ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 28
    • List
  5. โป๊ยเซียนสาว

    โป๊ยเซียนสาว เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jul 18, 2008
    Messages:
    1,543
    Ratings:
    +2,279
    สาธุ สาธุ สาธุ

    [​IMG]
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 23
    • List
  6. 888cisser

    888cisser Active Member

    Joined:
    Aug 18, 2008
    Messages:
    31
    Ratings:
    +38
    ด้วยอำนาจกุศลจริยาสัมมาปฏิบัติที่บำเพ็ญมาแล้วนี้ ขอทุกท่านจงประสบแต่ความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผล และจงเจริญไปด้วยจตุรพิธพรชัย ทั้ง 4 ประการ มีอายุ วรรณะ สุขะ พละปฏิภาณ ธรรมใดที่องค์พระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบรรลุธรรมแล้ว ขอบรรดาท่านพุทธบริษัท จงบรรลุธรรมนั้นในชาติปัจจุบันนี้เถิด (18 ธ.ค. 2520)

    (((( ที่มา : พ่อรักลูก ))))
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 24
    • List
  7. ปริยาภัทร

    ปริยาภัทร เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jun 23, 2008
    Messages:
    171
    Ratings:
    +307
    อ่านแล้วเกิดความปีติในคุณธรรมของท่านเป็นอย่างยิ่งค่ะ..
    ขออนุโมทนาในบุญบารมีที่ได้บำเพ็ญมาแล้วอย่างดียิ่งของพระสารีบุตรตราบเท่าข้าพเจ้าได้เข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ..สาธุ สาธุ สาธุ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 22
    • List
  8. KUNTUMDEE

    KUNTUMDEE สมาชิก

    Joined:
    Feb 16, 2008
    Messages:
    20
    Ratings:
    +17
    ขออนุโมทนาสาธุ เมื่อไหร่หนอ วิญญาณของเราถึงจะไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดในสัมปรายภพอีก
    เมื่อถึง เมื่อนั้น ถ้าดวงวิญญาณเราไม่ได้เกิดก็คงจะถึงทางแห่งการพ้นทุกขื ทางแห่งนิพพาน
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 17
    • List
  9. Add-on

    Add-on Active Member

    Joined:
    Sep 22, 2008
    Messages:
    383
    Ratings:
    +64
    ดีแล้ว
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 17
    • List
  10. GARU

    GARU เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Nov 2, 2005
    Messages:
    320
    Ratings:
    +1,283
    ถ้อยคำที่นางสารีแม่พระสารีบุตรพูดกับลูก(พระสารีบุตร) ยังไม่ละเอียดพอ แต่ขอโมทนาด้วย
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 8
    • List
  11. natspdo

    natspdo เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    May 30, 2008
    Messages:
    1,041
    Ratings:
    +1,505
    เป็นการชี้ทางให้กับมารดา นับว่าประเสริฐอย่างยิ่ง อนุโมทนาครับ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 8
    • List
  12. aluntum

    aluntum เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Mar 9, 2008
    Messages:
    321
    Ratings:
    +105
    อนุโมทามิ...
    ขอให้ทุกๆท่าน ได้ดวงตาเห็นธรรมของพระพุทธองค์และเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะครับ...
    " สว่างตาด้วยแสงไฟ สว่างใจด้วยแสงธรรม "
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 8
    • List
  13. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Sep 8, 2008
    Messages:
    1,112
    Ratings:
    +525
    โมทนาเจ้าของกระทู้และผู้อ่านทุกท่านด้วยค่ะ อ่านแล้วซาบซึ้งน้ำตาท่วมเลยค่ะ ขอบพระคุณมากๆนะคะที่นำเสนอเรื่องดีๆอย่างนี้
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 8
    • List
  14. ถนอม021

    ถนอม021 เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Sep 27, 2008
    Messages:
    2,098
    Ratings:
    +3,164
    อนุโมทนาสาธุด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ

    และขออุทิศบุญกุศลทั้งปวงแด่เจ้ากรรมนายเวรทุกภพทุกชาติ
    ให้ทุกท่านมีความสุขกายสุขใจตลอดไป ขอให้อโหสิรรมและ
    ขออโหสิกรรมกับทุกรูปทุกนามด้วยเถิด ให้ทุกท่านได้พระนิพพาน
    ในชาตินี้ด้วยเถิด

    ถนอม สุพัตรา ถกนธ์ พร้อมครอบครัวและญาติมิตร

    หลังจากสวดบูชาพระรัตนตรัยเสร็จเรียบร้อยแล้วสำหรับท่านที่ไม่ค่อยมีเวลามาก แนะนำบทสวดพุทธมนต์แบบย่อ ๆ แต่มีพลานุภาพมาก มีอานิสงส์มาก สวดไม่เกิน 5 นาทีจบ ดังนี้

    นะโม 3 จบ


    หัวใจ อิติปิโส ว่า
    อิสะวาสุ

    นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะพะกะสะ นะมะอะอุ

    หัวใจพาหุง
    พา มา นา อุ กะ สะ นะ ทุ
    หัวใจพระเจ้าสิบชาติ
    เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว
    หัวใจบารมี 30 ทัส
    ทา สี เน ปะ วิ ขะ สะ อะ เม อุ
    หัวใจพระอาการวัตตาสูตร
    มุนินทะ วะทะนัมโพชะ คัพพะสัมภาวะ สุนทะรีปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะ ยะตัง มะนัง
    หัวใจพระธารณะปริตร
    ทิฏฐิลา ทัณฑิลา มันติลา โรคิลา ขะระรา ทุพพิลา เอเตนะ สัจจะ วัชเชนะ โสตถิ เม โหตุ สัพพะทา
    หัวใจพระไตรปิฎก
    จิเจรุนิ
    หัวใจพระคาถาชินบัญชร
    ชะ จะ ต ะ สะ สี สัง หะ โก ทะ กะ เก นิ กุ โส ปุ เถ เส เอ ชะ ระ ธะ ขะ อา ชิ วา อะ ชิ สะ อิ ตัง
    คาถาบูชาพระพุทธเจ้า 16 พระองค์
    นะมะนะอะ นอกอนะกะ กอออนออะ นะอะกะอัง อุมิอะมิ มะหิสุตัง สุนะพุทธัง สุอะนะอะ

    [​IMG]สวดจบควรแผ่เมตตาทุกครั้ง[​IMG]

    แผ่เมตตาจิต
    ...ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะสัมฤทธิ์ผลนั้น เกิดจากกรรม 3 อย่าง คือ มโนกรรม เป็นใหญ่ แล้วค่อยแสดงออกมาทางวจีกรรม หรือกายกรรมที่เป็นรูป การบำเพ็ญสมาธิจิตเป็นกุศลดีกว่า เพราะว่า การแผ่เมตตา 1 ครั้ง ได้กุศลมากกว่าสร้างโบสถ์ 1 หลัง ขณะจิตที่แผ่เมตตานั้น จะเกิดอารมณ์แจ่มใส สรรพสัตว์ไม่มีโทษภัย ตัวท่านก็ไม่มีโทษภัย ฉะนั้น เขาจึงว่านามธรรมมีความสำคัญกว่า

    อานิสงส์การแผ่เมตตา
    ...ผู้ปฏิบัติธรรมนั้น ต้องรู้จักคำว่า แผ่เมตตา คือต้องเข้าใจว่า ความวิเวกวังเวงแห่งการคิดนึกของเราแต่ละบุคคลนั้น มีกระแสแห่งธาตุไฟผสมอยู่ในจิตและวิญญาณกระจายออกไปเ มื่อจิตของเรามีเจตนาบริสุทธิ์ เมื่อจิตของเราเป็นมิตรกับทุกคน เมื่อนั้นเขาก็ย่อมเป็นมิตรกับเรา เสมือนหนึ่งเราให้เขากินอาหาร คนที่กินอาหารนั้นย่อมคิดถึงคุณของเราหรืออีกนัยหนึ่งว่า เราผูกมิตรกับเขาๆก็ย่อมเป็นมิตรกับเรา แม้แต่คนอันธพาล เราแผ่เมตตาจิตให้ทุกๆวัน สักวันหนึ่งเขาก็ต้องเป็นมิตรกับเราจนได้ เมื่อจิตเรามีเจตนาดีต่อดวงวิญญาณทุกๆดวง ดวงวิญญาณทุกๆดวงย่อมรู้กระแสแห่งจิตของเรา เรียกว่ามนุษย์เรานี้มีกระแสธาตุไฟออกจากสังขาร เพราะเป็นพลังแห่งการนั่งสมาธิจิต วิญญาณจะสงบ ธาตุทั้ง 4 นั้น จะเสมอแล้วจะเปล่งเป็นพลังงานออกไป

    ฉะนั้น ผู้ที่นั่งสมาธิปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ จิตแน่วแน่แล้ว โรคที่เป็นอยู่มันจะหายไป ถ้าสังขารนั้นไม่ใช่จะพังเต็มทีแล้ว คือไม่ถึงวาระสิ้นอายุขัย หรือว่าสังขารนั้นร่วงโรยเกินไปแล้ว ก็จะรักษาให้มันกระชุ่มกระชวยได้หรือจะให้มันสบายหาย เป็นปกติดั่งเดิมได้

    ประโยชน์จากการฝึกจิต
    ...ผู้ที่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จนมีสมาธิแน่วแน่ เมื่อจิตนิ่งก็รู้ตน เริ่มพิจารณาตน รู้ตนเองได้ ปัญญาก็เกิดขึ้น ปัญญานี้เรียกว่า ปัญญาภายในจากจิตวิญญาณ ซึ่งเราจะใช้ปัญญานี้ได้แน่นอน เมื่อเกิดมีปัญหาขึ้นในชีวิตตลอดระยะเวลาอันยาวนานข้างหน้า

    นี่คือประโยชน์ของการฝึกจิตแล้ว คุณของสมาธิยังเป็นพลังป้องกันไม่ให้เกิดโรคภัย เจ็บป่วยได้ กล่าวคือ การบำเพ็ญจิต จนจิตสงบนิ่งแล้ว ระบบต่างๆทางประสาทจะได้รับการพักผ่อน เป็นการปรับธาตุในกายให้เกิดพลังจิตเข้มแข็ง กายเนื้อก็จะแข็งแรงกระชุ่มกระชวยด้วย โลหิตในร่างกายจะหมุนเวียนสะดวกขึ้น ความตึงเครียดตามร่างกายและประสาทต่างๆ จะผ่อนคลายเป็นปกติ โรคต่างๆจะลดน้อยลงโดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นโรคความดัน โลหิตสูง หายป่วยได้ด้วยการฝึกจิตและเดินจงกรม



    จากหนังสือ เรียน ธรรมะบูชาพระสุปฏิปันโน เล่มของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ โตพรหมรังสี

     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 9
    • List
  15. TaeyoLySiS

    TaeyoLySiS เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Nov 2, 2007
    Messages:
    383
    Ratings:
    +278
    "ข้าแต่พระบรมศาสดา ข้าพระองค์สู้สร้างบารมีมาช้านานนับได้ ๑ อสงไขยกับ ๑๐๐.๐๐๐ กัป ก็ด้วยตั้งใจจะได้ถวายบังคมพระบรมบาท"

    ซึ้ง จนน้ำตาคลอ
    สาธุ อนุโมทนาค่ะ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 9
    • List
  16. ตุ้มตุ้ย

    ตุ้มตุ้ย เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    May 11, 2007
    Messages:
    93
    Ratings:
    +113
    ไม่ว่าจะอ่านเมื่อใด ก็ยังซาบซึ้งทุกครั้งไป
    ขออนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 9
    • List
  17. ขอปัญญาญาณ

    ขอปัญญาญาณ เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Oct 25, 2008
    Messages:
    69
    Ratings:
    +142
    ขอบคุณและขออนุโมทนาด้วยค่ะ
    นิพพาน งดงาม ไม่เปลี่ยนแปลง
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 11
    • List
  18. Nyan Vitee

    Nyan Vitee Active Member

    Joined:
    Oct 12, 2008
    Messages:
    138
    Ratings:
    +73
  19. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Oct 25, 2009
    Messages:
    1,347
    Ratings:
    +2,619
    สาธุๆ แซ่ซ้องสรรเสริญ

    <ruby style="">南無<rp></rp><rp></rp></ruby><ruby style=""><rp></rp><rp></rp></ruby><ruby style="">子! </ruby>
    <ruby style=""><rp></rp></ruby><ruby style="">南無<rp></rp><rp></rp></ruby><ruby style=""><rp></rp></ruby><ruby style="">子!</ruby>
    <ruby style="">南無<rp></rp></ruby><ruby style=""><rp></rp></ruby><ruby style="">子!</ruby>
     
    Last edited: Nov 1, 2009
    • ถูกใจ ถูกใจ x 9
    • List
  20. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Apr 29, 2008
    Messages:
    2,863
    Ratings:
    +14,471
    เราคนไทยเรา ต่างรู้กันดีว่า วันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๒ คือ "วันลอยกระทง"
    อันเป็นประเพณีที่สืบทอดมาแต่โบราณ โดยมีวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย เช่น ลอยเคราะห์ บูชาพระพุทธเจ้า
    แต่ปัจจุบันนิยมทำเพื่อขอขมาและระลึกถึงคุณแม่พระคงคาที่ได้อำนวยประโยชน์ต่างๆ แก่มนุษย์



    หากมีน้อยคนนักที่จะรับทราบว่า ในคืนวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ดังกล่าวนี้นอกจากพวกเราจะได้สนุกสนานใจกับการการได้บูชาพระคุณพระแม่คงคาแล้ว

    ในฐานะพุทธศาสนิกชน เราควรจะได้รำลึกอนุสติ นอบน้อม "ปัญญาญาณ" ถึงพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรพระอัครสาวก แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงปลงสังขาร ดับขันธนิพพานในวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ เพื่อนอบน้อมปัญญาบารมี แสดงกตัญญุตา พระคุณพระองค์ท่านด้วย


    [​IMG]

    เทศน์โปรดโยมแม่แล้วนิพพาน

    ในราตรีนั้น พระเถระเกิดอาพาธอย่างแรงกล้า ถึงกับอาเจียนและถ่ายออกมาเป็นโลหิต
    แต่ก็อดกลั้นด้วยขันติธรรม ได้แสดงธรรมโปรดมารดาพรรณา พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ

    และพระสังฆคุณ ยังมารดาให้ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา ได้ชื่อว่ากระทำปฏิการะสนองคุณมารดาดังที่ตั้งใจมา ปิดประตูนรก เปิดประตูสวรรค์ ให้แก่มารดาได้สำเร็จลำดับนั้น พระเถระบอกให้โยมมารดาออกไปข้านอกแล้วถามพระจุนทะน้องชายว่า “ขณะนี้เวลาล่วงราตรีสู่ยามที่เท่าไร ?”
    พระจุนทะน้องชายตอบว่า “ใกล้รุ่งสว่างแล้ว

    จึงสั่งให้ไปบอกแก่ภิกษุทั้งหลายให้มาประชุมพร้อมกัน เมื่อทุกท่านมาพร้อมแล้ว ขอให้พระจุนทะช่วยพยุงกายลุกขึ้นนั่งแล้วกล่าวว่า:-

    ดูก่อนอาวุโส ท่านทั้งหลายติดตามข้าพเจ้ามาเป็นเวลา ๔๔ พรรษา แล้ว กายกรรม และวจีกรรมอันใดของเรา ที่ท่านทั้งหลายมิชอบใจหากจะพึงมีขอท่านทั้งหลาย จงงดอดโทษกรรมอันนั้นแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด

    ภิกษุทั้งหลาย ผู้เป็นศิษย์ ตอบพระเถระว่า:-
    ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าทั้งหลาย ติดตามท่านดุจเงาตามตัว มาตลอดกาลประมาณเท่านี้ กรรมอันใดของท่านที่มิชอบใจแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายนั้นไม่มีเลย แต่หากว่าข้าพเจ้าทั้งหลายมีความประมาทพลาดพลั้ง ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งต่อพระผู้เป็นเจ้าแล้ว ขอท่านจงงดอดโทษานุโทษนั้น แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วยเถิด

    เมื่อแสงเงินแสงทอง อันเป็นสัญญาณแห่งรุ่งอรุณปรากฏขึ้น พระธรรมเสนาบดีสารีบุตร ก็ดับขันธปรินิพพาน ในวันปุรณมีขึ้น ๑๕ ค่ำ เพ็ญเดือน ๑๒

    ครั้นเมื่อสว่างดีแล้ว พระจุนทะพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์และหมู่ญาติ ประกอบพิธีคารวะศพพระเถระแล้วนำไปสู่เชิงตะกอนทำพิธีฌาปนกิจ เมื่อเพลิงดับแล้วพระจุนทะได้นำอัฐิธาตุ และบริขารคือบาตรและจีวรของพระสารีบุตร ไปถวายแด่พระพุทธองค์ ซึ่งก็รับสั่งให้สร้างเจดีย์บรรจุอัฐิพระเถระที่ซุ้มประตู แห่งพระเชตะวันมหาวิหารนั้น
     

    Attached Files:

    Last edited: Nov 2, 2009
    • ถูกใจ ถูกใจ x 12
    • List

Share This Page

Loading...