หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

Discussion in 'หลวงปู่แหวน' started by psombat, Mar 18, 2010.

  1. potisatto

    potisatto เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Feb 16, 2009
    Messages:
    28
    Ratings:
    +171
    สวัสดีครับท่านภูเบศร์
    ท่านพิเชฐษ์
    และนรธ.ทุกท่าน
    ขอบคุณท่านทั้งสองและทุกท่านมากครับ
    ผมผู้มาใหม่มีอะไรโปรดสงเคราะห์อนุเคราะห์ด้วยนะครับ
    ยินดีรับคำแนะนำ
    อ้อผมเจอท่านดร.นนต์แล้ว ด้วยความดีใจครับ
    สาธุครับ
     
    Last edited by a moderator: Apr 16, 2012
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • List
  2. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Apr 9, 2011
    Messages:
    751
    Ratings:
    +1,308
    ระหว่างที่รอคอยชมวาระสรงน้ำพระวันสงกรานต์ณ.พุทธสถานภูดานไห.....ช่วงนี้ก็ชมภาพกิจกรรมวาระบำเพ็ญบุญ 8-9 เม.ย55 ไปเรื่อยๆก่อนครับ จนกว่าท่านสมบัติจักกลับและนำเรื่องราวมาบอกเล่าในโอกาสต่อไป ก็ขอบรรยายด้วยภาพไปก่อนนะครับ.....
     

    Attached Files:

    Last edited: Apr 17, 2012
    • ถูกใจ ถูกใจ x 3
    • List
  3. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Apr 9, 2011
    Messages:
    751
    Ratings:
    +1,308
    ด้วยความยินดีครับ.....ส่วนคำแนะนำนั้นมิกล้าครับ ผมเองต่างหากที่ต้องขอคำชี้แนะจากท่านเพราะทราบว่าท่านสมรชัยนั้นศึกษามาทางนี้และปฎิบัติมานานมากแล้ว พ่อแม่ครูอาจารย์ก็ชื่นชมท่านสมรชัยอยู่นะ.....ยังไงก็ขอความกรุณาชี้แนะดัวยนะครับ
     
  4. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Apr 9, 2011
    Messages:
    751
    Ratings:
    +1,308
    ด้วยความยินดีครับท่านอ๊อด.....หึหึ มณีนาคราชพญาเหล็กและชุดที่ท่านนำมาให้ชมบารมีนั้นสุดยอดครับ:cool:
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • List
  5. Phoobes

    Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    May 12, 2011
    Messages:
    361
    Ratings:
    +1,181
    ด้วยความอบอุ่นครับ จากที่ไม่เคยพบกันมาก่อนเมื่อมาพบเจอกัน ก็อบอุ่นคุ้นเคยเหมือนดังญาติมิตรนี้เป็นความจริงอย่างที่สุด ที่หลายท่านรวมถึงตัวผมได้สัมผัสรับรู้ความรู้สึกนั้นมาแล้ว
    นรธ.ทุกท่านต่างตระหนักว่าเราคือผู้ศึกษาธรรม มีองค์พ่อแม่ครูอาจารย์เป็นผู้ชี้แนะ สั่งสอน ในการประพฤติปฏิบัติธรรม ตามแนวทางบูรพาจารย์ พ่อแม่ครูอาจารย์สายกรรมฐาน
    ในส่วนของเราก็คงสนทนาปสาทะ แลกเปลี่ยนประสพการณ์ มุมมอง เล่าสู่กันฟัง มิกล้าชี้แนะ ธรรมปฏิบัติใด เพราะด้วยความยังเป็นผู้ไม่รู้ในอีกหลายสิ่งหลายอย่าง หรืออาจยังเป็นผู้รู้อย่างมีทิฐิในอัตตาตัวตน
    แต่อย่างไรก็ดีครับ เราเปรียบเสมือนเป็นหนึ่งเดียว เดินเคียงกันไปในแนวทางและจุดหมายเดียวกันครับ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • List
  6. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Apr 9, 2011
    Messages:
    751
    Ratings:
    +1,308
    "เบื้องหลัง" วันนี้ 10 เม.ย อากาศร้อนอบอ้าวมากๆ หลังจากถวายจังหันและรับประทานอาหารเสร็จ ในช่วงบ่ายได้ทดสอบกำลังใจในภาคสนาม.....เหนื่อยจริงครับ(วันนี้แม่ชมอนุโลมให้ทานมื้อเย็นได้ โดยฝีมือแม่ชมกับข้าวต้มร้อนๆ...อร่อยครับ) ลุยงานมาเหนื่อยๆตกกลางคืนนั่งภาวนากลับกลายเป็นดีที่สุดของวาระนี้เลยหล่ะครับ.....

    วันนี้ขออนุญาตใช้แรงงานครูหน่อยนะครับ(ใช้เด็กมาเยอะ) ครูชาติ ครูเล็ก ครูเยาว์ หลังเสร็จงานโชว์สองนิ้ว หมายถึงสองขั้น รึปล่าวหนอ.....อ.2-3 ทั้งนั้น หึหึ
     

    Attached Files:

    Last edited: Apr 19, 2012
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • List
  7. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Apr 9, 2011
    Messages:
    751
    Ratings:
    +1,308
    ชมภาพน่ารักๆของหนูน้อยรุ่นเยาว์.....ที่จักเติบโตเป็นกำลังในวันข้าง.....ขนาบโดยแม่ชมแล้วละก็หายห่วงครับ
     

    Attached Files:

    • ถูกใจ ถูกใจ x 3
    • List
  8. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Apr 9, 2011
    Messages:
    751
    Ratings:
    +1,308
    ด้วยความยินดีครับท่านอ๊อด.....
     
  9. potisatto

    potisatto เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Feb 16, 2009
    Messages:
    28
    Ratings:
    +171
    คัดลอกข้อความธรรมะเรื่องอตัมยตา ที่ท่านพุทธทาสนำมาสอน มาให้สมาชิกครับ

    ไปอ่านfile ที่แนบไว้แล้วในwebพลังจิตเรานี้แหละ
    ผมประทับใจมากก็เลยคิดว่าขอนำเอาบางตอนสั้นๆ
    มาโพสน่าจะมีความเหมาะสมเริ่มเลยนะครับ
    สาธุครับ

    ตอนนี้ทีนี้ก็จะมาดูกันถึงสหายธรรมหรือธรรมสหายโดยตรงของอตัมมยตาๆ ข้อนี้จะเรียกว่าเป็นที่น่าหัวหรือน่าขบขันก็ได้ โดยเผอิญมันมีคำว่าตา ตา นี่ลงท้ายด้วยกันทั้งนั้นแหละจึงขอเลือกเอามาสัก ๙ ตา เหมือนกับว่าเป็นแก้วตา ๙ ดวง ล้วนแต่ทำงานเนื่องกัน บางคนก็เคยได้ยินมาบ้างแล้ว บางคนก็ไม่เคยได้ยิน
    อนิจจตา – ความเป็นของไม่เที่ยง ทุกขตา – ความเป็นของมีทุกข์ อนัตตา – ความเป็นของไม่ใช่ตน ธัมมัฏฐิตตา – ความตั้งอยู่ตามกฎธรรมชาติตามธรรมดา ธัมมนิยามตา – เป็นของมีกฎธรรมชาติบังคับอยู่ อิทัปปัจจยตา – มีกฎเกณฑ์แห่งการเป็นไปตามปัจจัยนั้นๆ สุญญตา – ว่างจากความหมายแห่งตัวตน ตถาตา – มีความเป็นเช่นนั้นเอง เป็นอย่างอื่นไม่ได้ แล้วก็อตัมมยตา – ความที่อะไรๆ ปรุงแต่งจิตไม่ได้ในธรรมทั้งปวง นี่เรียกว่า ๙ ตา
    เรารู้จักตัวอตัมมยตาให้ทั่วถึงครบถ้วนชัดเจนกันเสียก่อนว่าอตัมมยตานั้นคืออะไร ถ้าจะเอาตามบาลีแท้ๆ มันก็แปลว่า ไม่สำเร็จมาจากสิ่งนั้นๆ แต่ใจความมันก็มีมากกว่านั้นก็คือว่าสิ่งนั้นน่ะคืออะไร ที่จะไม่สำเร็จมาจากสิ่งนั้น แปลว่า ไม่ถูกปรุงแต่งขึ้นมาด้วยสิ่งนั้น ไม่ว่าในกรณีใดๆ ตามธรรมดาจิตที่ไม่มีคุณธรรมอันนี้มันจะถูกปรุงแต่งด้วยสิ่งนั้นบ้าง ด้วยสิ่งโน้นบ้างสารพัดอย่างแล้วแต่อย่างใดจะมีเข้ามา ดังนั้นจึงพูดเป็นภาษาไทยว่าธรรมดาก็ว่า ความที่ไม่มีปัจจัยอะไรๆ มาปรุงแต่งจิตให้เป็นอะไรๆ ได้ในทุกๆ กรณี ไม่ว่าในกรณีของรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะก็ปรุงแต่งจิตไม่ได้ ปรุงแต่งจิตให้เป็นกาม ให้เป็นรูป ให้เป็นอรูป โดยหลักใหญ่ๆ นี้ไม่ได้ หรือว่าจะปรุงแต่งให้รู้สึกรัก รู้สึกเกลียด รู้สึกโกรธ รู้สึกกลัว รู้สึกตื่นเต้น อิจฉาริษยาอาลัยอาวรณ์ต่างๆ นานาเหล่านี้ก็ไม่ได้
    ถ้ามันมีการปรุงแต่งแล้วมันย่อมจะเกิดของใหม่เสมอ ไม่เช่นนั้นจะไม่เรียกว่าปรุงแต่งดอก เหมือนกับเราเอาอะไรมารวมกันเข้าแล้วทำให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้นกิริยาอันนี้เรียกว่าปรุงแต่ง ฉะนั้นจิตนี้มันถูกปรุงแต่งให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ เป็นอย่างโน้นอยู่เสมอ ถ้าหากว่ามันไม่มีอตัมมยตา ถ้าจิตนั้นมันมีอตัมยยตาก็ไม่มีอะไรจะมาปรุงแต่งให้มันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ได้ มันก็คงที่คือเป็นอิสระสงบเย็นไม่เป็นอะไรไม่เกิดใหม่ ไม่เปลี่ยนแปลงหรือไม่มีอะไรทุกๆ อย่าง นี่เป็นจิตที่หลุดพ้นเป็นจิตที่ลุถึงโลกุตตระอยู่เหนือโลกเหนือสิ่งที่ปรุงแต่ง แม้แต่พระนิพพานที่อยู่เหนือสูงสุดสิ่งใดๆ เมื่อได้ยินเรื่องนิพพานก็เกิดการปรุงแต่งขึ้นในใจก็อยากไปสู่นิพพานนั้น ตามความเข้าใจของตนๆ ว่านิพพานนั้นเป็นอย่างไร บางคนก็เข้าใจว่าเป็นบ้านเมืองไปอยู่เป็นสุขสนุกสบายรโหฐานเหลือที่จะกล่าว นิพพานอย่างนี้ก็มี มีคนเข้าใจ
    เรื่องของอตัมมยตามันมีแล้วมันคุ้มครองไม่ให้ถูกปรุงแต่ง อะไรๆ จะเข้ามาปรุงแต่งมันก็ปรุงแต่งไม่ได้เพราะอตัมมยตาคุ้มครองเอาไว้กูไม่เอากับมึง เรื่องปรุงแต่งทั้งหลายถึงมันจะเข้ามาผลักออกไปคือไม่รับ ไม่ยอมให้ปรุงแต่ง ใครจะมาป้อยอสรรเสริญเยินยออย่างนั้นอย่างนี้ไม่ทั้งนั้นใครจะด่าว่านินทาอะไรก็ไม่ต้องๆ ไม่มีความหมายอะไรนี่เรียกว่าไม่ถูกปรุงแต่งอย่างยิ่งก็สบายดี นี่ประโยชน์อานิสงฆ์ของอตัมมยตาว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมี แม้แต่ว่ายุงจะมาตอมข้างหูก็ไม่รำคาญดอก มดจะมากัดสักตัวหนึ่งก็ไม่รำคาญดอก มันไม่มีอะไรที่จะต้องไปวุ่นวายกับมันถ้ามี อตัมมยตามันเฉยได้ มันปรกติได้สบายไหมลองคิดดู
    ทีนี้ก็จะพูดถึงเพื่อนเกลอของอตัมมยตา เพื่อนเกลอที่ ๑ จะยกอนิจจตา ความเป็นของไม่เที่ยง มันมีเหตุปัจจัยปรุงแต่งอยู่ทั้งนั้น นอกจากพระนิพพานหรืออสังขตะมันก็ไม่เที่ยงอยู่ตลอดเวลา แต่เข้าใจว่าน่ารักน่าพอใจไปหลงว่าเที่ยงก็หลงใหลในของไม่เที่ยง เมื่อของที่ไม่เที่ยงมันไม่ฟังเสียงมันก็ทำความเจ็บปวดให้แก่คนนั้นมันก็เป็นทุกข์ ถ้าเห็นความไม่เที่ยงมันก็ไม่หลงใหลในสิ่งที่ไม่เที่ยงมันก็ไม่เกิดสิ่งเหล่านี้
    ที่ ๒ ทุกขตา มันมาจากความที่มันไม่เที่ยงมันก็ไม่ได้อย่างใจเรา บังคับมันไม่ได้มันก็เป็นทุกข์ ต้องอยู่กับสิ่งที่ไม่เที่ยงนั่นแหละคือตัวความทุกข์ เราถอยออกไปไม่ได้เพราะเรายึดมั่นถือมั่นมัน เราอยู่กับสิ่งที่ไม่เที่ยงมันก็ต้องเป็นทุกข์ อยู่ด้วยกันอย่างยากลำบากที่สุดแหละกับสิ่งที่ไม่เที่ยงมันก็เป็นทุกข์ ยิ่งรักมากมันก็ยิ่งเป็นทุกข์มาก ยิ่งยึดมั่นถือมั่นมากก็ยิ่งเป็นทุกข์มากถ้าเห็นว่าสิ่งที่ไม่เที่ยงมันเป็นทุกข์ แต่เรามักจะพูดกันว่าเราๆ ก็ขอให้รู้เถอะว่าพูดหมายถึงจิต ไม่เอามาประกอบกันเข้ากับเรา ก็คือว่าไม่เอามาประกอบกันเข้ากับจิตและก็ไม่เป็นทุกข์
    ที่ ๓ อนัตตา ความที่มันไม่มีตัวตน ไม่เป็นตัวตน ไม่ใช่ตัวตน ถ้าว่ามีอัตตาอย่างโง่อย่างหลงอย่างนี้ก็เรียกว่ามีอัตตา ถ้าว่าไม่มีอะไรเสียเลยก็เรียกว่านิรัตตา นี่มันผิดทั้งสองอย่างแหละ ที่ถูกเราต้องอยู่ตรงกลางว่ามีอัตตาซึ่งมิใช่อัตตา มีสิ่งที่ปากเราพูดหรือใจเราคิดว่าเป็นอัตตาแต่มันมิใช่อัตตานั้นเรียกว่าอนัตตา อนัตตาไม่มีสิ่งที่เป็นอัตตามันไม่ใช่อัตตา ถ้าเห็นอนัตตาก็สบาย ไม่ไปหลงรักอะไร ไม่ไปยึดมั่นอะไรมันก็ไม่มีอะไรปรุงแต่งได้ การที่มันจะปรุงแต่งเราได้ก็เพราะเราไปหลงรักไปยึดมั่นด้วยอุปาทาน เข้าใจผิดเป็นอัตตาก็อยากจะได้ขึ้นมาเป็นของตน
    ที่ ๔ ธัมมัฏฐิตตา เห็นสิ่งทั้งหลายทั้งปวงตั้งอยู่ตามกฎของธรรมชาติและเป็นธรรมดา มันตั้งอยู่ตามกฎของธรรมชาตินี้เรียกว่าเป็นธรรมดา เราจะไปบิดผันให้มันเป็นอย่างอื่นไม่ได้ดอกมันเป็นไปตามกฎของธรรมชาติจนเป็นธรรมดาของมันเองอย่างนั้นเอง
    ที่ ๕ ธัมมนิยามตา ความที่มันมีกฎธรรมชาติบังคับอยู่ เช่นมันต้องเกิด ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย มันต้องไม่เที่ยง มันต้องเป็นทุกข์เป็นอนัตตา เหล่านี้เรียกว่ากฎของธรรมชาติบังคับอยู่
    ที่ ๖ อิทัปปัจจยตา ความมีสิ่งนี้ๆ เป็นปัจจัยสิ่งนี้ๆ จึงเกิดขึ้น นี่ก็คือการที่ต้องเป็นไปตามปัจจัยที่เข้ามาปรุงแต่ง สิ่งใดมีปัจจัยสิ่งนั้นต้องเป็นไปตามปัจจัยที่ปรุงแต่งเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ทุกอย่างจะเป็นไปตามปัจจัย เพราะฉะนั้นอย่าได้เป็นทุกข์เป็นร้อนอะไรให้มากนัก จะแก้ไขก็แก้ไขไปโดยที่ไม่ต้องเป็นทุกข์ เห็นความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตายเป็นไปตามปัจจัย ถ้าไม่อยากเป็นทุกข์มากก็แก้ไขไปตามเรื่อง
    ที่ ๗ สุญญตา ว่างจากตัวตน ไม่ใช่ว่างไม่มีอะไรเลย เขาเอาไปพูดผิดๆ ที่จริงมันว่างได้ทุกอย่างมันมีเยอะแยะแต่มันไม่ใช่ตัวตนทั้งโลก  มันว่างจากตัวตนหรือของตน จิตนี้มันก็ว่างได้ถ้ามันไม่มีความรู้สึกว่าตัวตนหรือของตน เมื่อใดจิตมีความรู้สึกว่าของตนจิตนี้ก็ไม่ว่าง จิตมันต้องมีความรู้สึกคิดนึกรู้สึกมันอยู่นิ่งไม่ได้ แต่ถ้าพอเมื่อใดมันมีความคิดเป็นตัวกู – ของกูเมื่อนั้นเรียกว่าไม่ว่างแล้ว
    ที่ ๘ ตถาตา มันเป็นเช่นนั้นเอง มีเหตุปัจจัยก็ต้องเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ถ้าไม่มีเหตุไม่มีปัจจัยก็ต้องเป็นไปตามอะไร สิ่งที่เป็นสังขตธรรมก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย สิ่งที่เป็นอสังขตธรรมก็ไม่ต้องเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย กิริยาที่มันปรุงแต่งมันเป็นเช่นนั้นเอง อวิชชาให้เกิดสังขาร สังขารให้เกิดวิญญาณ วิญญาณให้เกิดนามรูป นามรูปให้เกิดอายตนะ อายตนะให้เกิดผัสสะ ผัสสะให้เกิดเวทนา เกิดตัณหาอุปาทาน มันเป็นเช่นนั้นเอง ถ้าเราไม่อยากจะเป็นทุกข์ก็อย่าเข้าไปในตัวเช่นนั้นเองที่เป็นทุกข์
    ทีนี้ก็จะดูกันให้ละเอียดลออยิ่งขึ้นไปอีกก็ดูกันเป็นแง่มุมไปก็ได้ สหายอย่างที่เป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้เกิดขึ้นมาโดยตรง อย่างนี้ก็คือการปฏิบัติสติปัฏฐานหรืออานาปานสติ ก็จะเห็นแจ้ง    อตัมมยตาเห็นข้าศึกของอตัมมยตา เห็นอุบายหรือว่าสหายของอตัมมยตา เจริญอานาปานสติข้อ   ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐานให้มาก หรือว่าญาณใดๆ ที่ทำให้เห็นโทษของความยึดมั่นถือมั่นทำให้เห็นว่าไม่น่ายึดมั่นถือมั่น ทำให้เกิดความรู้สึกไม่อยากจะเกี่ยวข้องกับมัน ทั้งหมดนี้มันเป็นปัจจัยแก่อตัมมยตาคือทำให้มีขึ้นมาหรือให้ยิ่งขึ้นไปมีขึ้นมาแต่น้อยๆ แล้วก็ทำให้มันยิ่งขึ้นไปจนกว่าจะเต็มรูปแบบ ธรรมะเหล่านี้เป็นปัจจัยแก่อตัมมยตา
    ทีนี้ก็จะดูว่าเป็นสหายอย่างที่เป็นไวพจน์ของกันและกัน คือเป็นชื่อเรียกแทนกันได้กับ อตัมมยตาอย่างคำว่าสังขารุเบกขาญาณในวิปัสสนาญาณ ๙ เมื่อได้เจริญวิปัสสนาญาณมาจนถึง     สังขารุเบกขาญาณอันเป็นเหตุให้ได้ในสังขารทั้งปวงนั้นก็เป็นอตัมมยตา หรือว่าสูงขึ้นไปกว่านั้นนิดหนึ่งเป็นสัจจานุโลมิกญาณ เดี๋ยวนี้พร้อมที่จะรู้อริยสัจจ์แล้วอันนี้ก็คืออตัมมยตาที่วสุกงอมยิ่งขึ้นไปอีก อตัมมยตาที่แก่กล้ายิ่งขึ้นไปอีกจนพร้อมที่จะรู้อริยสัจจ์  แม้ว่าในอาสวักขยญาณ ญาณที่ทำให้สิ้นอาสวะมันก็คืออตัมมยตาแทนชื่ออตัมมยตาได้ เมื่ออะไรปรุงแต่งไม่ได้มันก็สิ้นอาสวะเป็นเรื่องเดียวกัน อาสวักขยญาณนี้ก็เป็นไวพจน์ของอตัมยตา
    เอ้าทีนี้จะดูอย่างธัมมสโมธานกันบ้างคือพลอยมีอยู่ด้วยกันร่วมด้วยกัน ถ้าเกิดนิพพิทาความเบื่อหน่ายขึ้นมา เมื่อปฏิบัติไตรสิกขาสมบูรณ์ มีสมถะและวิปัสสนาสมบูรณ์ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งก็ว่ามีมรรคมีองค์ ๘ สมบูรณ์ในนั้นมีอตัมมยตามีสิ่งที่แทนชื่อกันได้มากมายหลายอย่าง จะเรียกว่านิพพิทาก็ได้ในสิ่งนั้นมีนิพพิทา จะเรียกว่าวิราคะก็ได้ ในนั้นมิราคะ จะเรียกว่าวิมุตติก็ได้ในนั้นมีวิมุตตินี้มันพลอยอยู่ด้วยกัน ในสิ่งที่ทำขึ้นด้วยความมุ่งหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง แม้เพียงอย่างเดียวก็มีธรรมะอย่างอื่นพลอยสมทบร่วมเข้ามาด้วย
    ในการปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญา สมถะ วิปัสสนา นั่นแหละ ที่พลอยร่วมเข้ามาด้วยในฐานะเป็นธัมมสโมธาน แล้วก็มีอตัมมยตาด้วย ในการเลื่อนชั้นของวิปัสสนาญาณก็มีอตัมมยตาทุกขั้นตอน ในการเลื่อนชั้นของวิปัสสนาญาณก็มีอตัมมยตาทุกขั้นตอน ในการเลื่อนชั้นของสมถะง่ายๆ ต่ำมันก็มีอตัมมยตาทุกขั้นตอนในการที่จะเลื่อนชั้นของศีลสูงขึ้นไปเป็นลำดับๆ มันก็มีอตัมมยตาทุกขั้นตอน มันรวมอยู่ในการปฏิบัติที่ถูกต้องของพรหมจรรย์
    เอ้าทีนี้เรื่องธรรมะหมดไปแล้วก็พูดถึงบุคคล บุคคลผู้มีอตัมยตา ผู้ใดมีอตัมมยตาผู้นั้นได้นามว่าอตัมมโย อตัมมโยคือผู้มีอตัมมยตา ถ้าเป็นธรรมะเรียกอตัมมยตา ถ้าเป็นบุคคลเรียกอตัมมโย ฉะนั้นอตัมมโยคือพระอรหันต์ แปลว่าผู้ที่ปัจจัยอะไรๆ ปรุงแต่งไม่ได้ในธรรมทั้งปวง ในสิ่งทุกสิ่งอะไรๆ มาปรุงแต่งไม่ได้ในทุกๆ กรณี มันคงที่คือว่างจากตัวตน หลุดพ้นจากตัวตนอยู่เป็นปรกติไม่มีอะไรมาปรุงแต่งให้ขุ่นมัวหวั่นไหวโยกโคลงขึ้นมาได้นี้เรียกว่าอตัมมโย
     
    Last edited by a moderator: Apr 19, 2012
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • List
  10. manopk

    manopk Active Member

    Joined:
    Jul 23, 2011
    Messages:
    73
    Ratings:
    +61
    สวัสดีครับพี่ๆทุกท่าน
    ผมกลับมาถึงบ้าน03.00น.เมื่อวานครับเรียบร้อยดีไม่มีปัญหาอะไร
    ไปปฏิบัติธรรมกลางปีรอบปีนี้ได้รับทั้งผลการปฏิบัติที่ดีขึ้นและได้รับความเมตตาอบรมสั่งสอนจากพ่อแม่ครูอาจารย์และแม่ชม
    พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านมีความเมตตาต่อศิษย์ของท่านทุกคนเป็นอย่างมาก
    ลองคิดดูได้ว่าลูกศิษย์ของท่านแต่ละคนล้วนแตกต่างกันมากมายมีหลายรูปแบบ
    มีทั้งสอนยากไปถึงสอนง่ายท่านก็ยังมีเมตตาฝึกอบรมให้อยู่ในแนวทางเดินที่ถูกต้องอย่างเดียวกันแม้กระทั่งอาการอาพาธของท่านรุนแรงมากเกินกว่าที่บุคคลธรรมดาทั่วไปจะทนรับได้ท่านก็ยังมีเมตตาฝึกอบรมสั่งสอนศิษย์ของท่าน
    ทำให้คิดขึ้นมาได้ว่าไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามต้องทำให้สมกับที่เป็นศิษย์ของพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช ต้องไม่ทำให้กระทบต่อองค์พ่อแม่ครูอาจารย์เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง
    ตอนแรกเรียนถามแม่ชมว่าจะถวายเครื่องทำน้ำอุ่นแต่ว่ามีผู้มาขอถวายไว้ก่อนแล้ว
    ผมก็เลยขอร่วมบุญถวายปัจจัยติดเครื่องปรับอากาศที่พี่สมรชัยได้เป็นเจ้าภาพ
    ส่วนเรื่องจะรวบรวมปัจจัยกันอย่างไรค่อยติดต่อกันอีกทีครับ
     
    Last edited: Apr 19, 2012
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • List
  11. D-Crew

    D-Crew เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jan 7, 2012
    Messages:
    141
    Ratings:
    +185
    อืม!! พยายามปรุงแต่งกันเข้าไป ... จะเอากลับที่เดิมให้ได้ว่างั้นเถอะ.
     
    Last edited: Apr 19, 2012
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • List
  12. potisatto

    potisatto เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Feb 16, 2009
    Messages:
    28
    Ratings:
    +171
    ขอถวายเครื่องปรับอากาศพ่อแม่ครูอาจารย์

    ด้วยจากการที่ได้ไปร่วมปฏิบัติธรรมที่ภูดานไห ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาเพื่อรับข้อธรรมน้อมนำมาปฏิบัติ จากพ่อแม่ครูอาจารย์ เห็นสภาพอากาศร้อนมากจริงๆ ตอนนั้นผมและคุณสมบัติได้ดูเทอร์โมมิเตอร์ขณะนั้นที่หน้าห้องท่าน อุณหภูมิ39.99 องศา และสูงสุด43องศา

    อีกประการท่านไม่สบาย เจ็บคอ ไอ อ่อนเพลียเนื่องจากทำงานหนักจากการทาสีที่มีสารเคมีในการผสมเป็นเวลานานๆต่อเนื่องท่ามกลางอากาศร้อนจัด

    กระผมและคุณสมบัติจึงหารือกับแม่ชม เห็นต้องกันแล้วจึงขออนุญาตพ่อแม่ครูอาจารย์เพื่อติดตั้งเครื่องปรับอากาศไว้ใช้ดังประสงค์และเพื่อเป็นการถนอมธาตุขันธ์ท่าน โดยกระผมขออนุญาตเป็นเจ้าภาพหลัก

    ล่าสุดจากการประสานกับแม่ชมเมื่อบ่ายห้าโมงเย็นวันที่19เมษายน55 น่าจะติดตั้งเครื่องปรับอากาศในวันที่20 เมษายน55 นี้ น่าจะขนาดประมาณ9000btu ราคารวมติดตั้งไม่เกิน15000 บาท

    ผู้ร่วมถวายปัจจัยแล้วดังนี้
    คุณสมบัติร่วมบุญถวาย 1000 บาท
    กระผมโอนปัจจัยเข้าบ/ชแม่ชม ออมทรัพย์ กรุงไทย 416-0-37173-6 จำนวน10003 บาท
    ญาติธรรม นรธ. ผู้ประสงค์ถวายเครื่องปรับอากาศพ่อแม่ครูอาจารย์ โอนเข้าบ/ช แม่ชมดังกล่าวข้างต้น
    ขอกุศลผลบุญเป็นเหตุปัจจัยให้ท่านสำเร็จดังปราถนาเถิด
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
    Last edited by a moderator: Apr 19, 2012
    • ถูกใจ ถูกใจ x 3
    • List
  13. manopk

    manopk Active Member

    Joined:
    Jul 23, 2011
    Messages:
    73
    Ratings:
    +61
    สวัสดีครับพี่สมรชัย
    ผมน้องเก๋ครับ
    ผมร่วมทำบุญด้วย 3000บาทครับ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • List
  14. potisatto

    potisatto เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Feb 16, 2009
    Messages:
    28
    Ratings:
    +171
    สาธุ สาธุ สาธุ โมทนากับน้องเก๋

    ขอโมทนาบุญกับน้องเก๋ด้วยครับ
    เครื่องปรับอากาศจะติดที่ห้องชั้นล่างกุฏินะครับ
    สาธุครับ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • List
  15. manopk

    manopk Active Member

    Joined:
    Jul 23, 2011
    Messages:
    73
    Ratings:
    +61
    โอนเงินร่วมทำบุญกับพี่สมรชัยเรียบร้อยแล้วนะครับ 3,000 บาท
    โอกาสหน้าคงได้ร่วมปฏิบัติธรรมกับพี่สมรชัยอีกนะครับ
    (มานพ)
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • List
  16. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Oct 30, 2011
    Messages:
    521
    Ratings:
    +1,157
    [FONT=Verdana, sans-serif]ปาฏิหาริย์การรอดตายของผู้หมวดศุภชัย[/FONT]​

    [FONT=Verdana, sans-serif]ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐนนต์ สิปปภากุล[/FONT]​


    [FONT=Verdana, sans-serif]เรื่องชี้แจงก่อนอ่าน[/FONT]​




    [FONT=Verdana, sans-serif]เรื่องราวปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ ร.ต.ท.ศุภชัย อุดหนองเลา ตำรวจทางหลวงประจำจังหวัดอุดรธานี ซึ่งผู้หมวดท่านนี้เป็นลูกศิษย์ธรรมที่มาบ้านผมแล้วหลายครั้ง เขาเป็นคนที่นอบน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ และได้เริ่มปฏิบัติธรรมหลังจากได้มาพบผมเมื่อประมาณสี่ห้าปีที่แล้ว ผมเองเคยมอบพระสมเด็จวัดระฆังให้เขาตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อพบกัน โดยไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ผมสัมผัสเขาได้ว่าเป็นผู้มีบุญ ผมจึงได้มอบพระสมเด็จอันล้ำค่าให้กับเขา และล่าสุด ผมก็ได้มอบสร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำของหลวงปู่โตแก่เขา 1 เส้น พร้อมทั้งพระสมเด็จประดับพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน จึงเรียกกันว่า องค์ TOP 4 ที่เหล่านักรบธรรมรู้จักกันดี (ผมเรียกตามท่านอื่น) [/FONT]


    [FONT=Verdana, sans-serif]ความจริงแล้ว ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้หมวดศุภชัย ที่ได้เล่าเหตุการณ์การรอดตายในครั้งนี้ให้ผมฟัง ขณะที่ผมกำลังธุดงค์ไปที่จังหวัดเชียงใหม่กับพระอรหันต์รูปหนึ่ง ตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา ดังข้อความจากบล็อกของ ดร.ณัฐชัยข้างล่าง[/FONT]


    [FONT=Verdana, sans-serif]อนึ่ง ผมมิได้มีเจตนาให้ผู้ใดลุ่มหลงในวัตถุทั้งหลาย หากท่านใดปรารถนาพระนิพพานในภพนี้ ก็จงโปรดละวางสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดไว้เบื้องหลังเสียนะครับ และผมไม่ขอรับรองความจริงทั้งหมด เพราะบางอย่างมันเกินวิสัยของผม จึงโปรดใช้วิจารณญาณเอาเองนะครับ[/FONT]


    [FONT=Verdana, sans-serif]ขอเจริญในธรรม[/FONT]
    [FONT=Verdana, sans-serif]ดร.นนต์[/FONT]
    [FONT=Verdana, sans-serif]19 เมษายน 2555[/FONT]


    ........................................................................

    ผมขอยกเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาจากเว็บบล็อกของ ดร.ณัฐชัย เลิศรัตนพล
    ตามลิงค์ http://dr-natachai.blogspot.com/
    ดังข้อความต่อไปนี้


    [FONT=Verdana, sans-serif]ลองดูเอาเองนะว่ารอดมาได้ไง[/FONT]

    [FONT=Verdana, sans-serif]ดร.ณัฐชัย เลิศรัตนพล [/FONT]


    [FONT=Verdana, sans-serif]เป็นเรื่องจริงของ [/FONT][FONT=Verdana, sans-serif]ร.ต.ท.ศุภชัย อุดหนองเลา (ผู้หมวด...คนซ้ายมือ)[/FONT]






    ร.ต.ท.ศุภชัย อุดหนองเลา และ ผศ.ดร.ณัฐนนต์ สิปปภากุล (10 มีนาคม 2555)​



    [FONT=Verdana, sans-serif]อ้างอิงคำพูด "ข้อความ" จากลิงก์....(คลิก)[/FONT]


    [FONT=Verdana, sans-serif]เรื่องนี้เจ้าของเรื่องได้มีวัตถุประสงค์เล่าเปิดเผยเพื่อเป็นวิทยาทานในบล๊อกนี้...ผู้เขียนขอกล่าวขอบคุณอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้[/FONT]​


    [FONT=Verdana, sans-serif]--- พึ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อวัน ที่ 5 เม.ย.55 เวลาประมาณ 15.30 น.ที่ผ่านมานี้เอง [/FONT]


    [FONT=Verdana, sans-serif]--- ซึ่งตอนนั้นผมกับแฟนกำลังกับจากสกลนคร พอรถวิ่งใกล้จะถึงอุดร[/FONT]

    [FONT=Verdana, sans-serif]--- ก็มีรถกระบะขับมาด้วยความเร็วสูงพุ่งเข้าชน
    [/FONT]

    [FONT=Verdana, sans-serif]***ท้ายรถยนต์ ของผม
    [/FONT]

    [FONT=Verdana, sans-serif]*** ยางหลังฝั่งขวามือระเบิด
    [/FONT]

    [FONT=Verdana, sans-serif]*** รถผมส่ายไปมา
    [/FONT]

    [FONT=Verdana, sans-serif]*** จากนั้นรถยนต์ก็ได้ไปชนกำแพงอิฐบล็อก พัง
    [/FONT]

    [FONT=Verdana, sans-serif]*** ส่วนรถของผมนั้นพอชนกำแพงแล้วรถก็ตะแครงขึ้น ออกได้ฝั่งเดียวคือฝั่งคนขับ
    [/FONT]

    [FONT=Verdana, sans-serif]*** หลังจากนั้นก็เรียกให้คนที่มามุงดูให้ช่วยออกมา ตอนแรกผู้คนเขาไม่กล้ามาช่วยเพราะกลัวรถของผมระเบิดเพราะรถผมติดแก๊สแอลพีจี
    [/FONT]

    [FONT=Verdana, sans-serif]*** พอผมออกมาได้ก็ช่วยแฟนออกมา
    [/FONT]

    [FONT=Verdana, sans-serif]*** ส่วนผมนั้นไม่มีบาดแผลหรืออาการเจ็บปวดแต่อย่างใด
    [/FONT]

    [FONT=Verdana, sans-serif]*** ส่วนแฟนผมนั้นเคล็ดขัดยอก บวม ช้ำตามแขนและขา
    [/FONT]

    [FONT=Verdana, sans-serif]*** และคนที่ขับรถยนต์ตามหลังผมมานั้นเขาถามว่ามีคนตายกี่คน ผมจึงบอกไปว่าไม่มีใครเป็นอะไรมาก
    [/FONT]

    [FONT=Verdana, sans-serif]*** และเขาก็เล่าให้ฟังว่ารถกระบะที่วิ่งตามหลังรถผมมานั้นวิ่งมาด้วยความเร็วสูง แล้วก็ชนรถของผม แล้วรถผมลอยละล่อง
    [/FONT]

    [FONT=Verdana, sans-serif]*** ตอนที่รถลอยอยู่นั้นผมคิดว่ายังไงก็ต้องตายแน่ๆ เพราะดูสภาพรถแล้วรอดยาก ด้วยเดชะบุญยังไม่ถึงที่
    [/FONT]





    <TABLE style="TEXT-ALIGN: center; MARGIN-LEFT: auto; MARGIN-RIGHT: auto" class=tr-caption-container cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center">[​IMG]


    </TD></TR><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center" class=tr-caption>หน้ารถ หรือนี่ โอ้.............


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]







    [FONT=Verdana, sans-serif]*** ผู้คนจึงถามว่าไม่เป็นอะไรแล้วห้อยพระอะไร [/FONT]

    [FONT=Verdana, sans-serif]*** ซึ่งในคอผมนั้นใส่
    [/FONT]

    [FONT=Verdana, sans-serif]1. /////พระสมเด็จวัดระฆังเกศบัวตูม
    [/FONT]

    [FONT=Verdana, sans-serif]2. ///// และสร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำ
    [/FONT]

    [FONT=Verdana, sans-serif]3. /////และพระท็อป4
    [/FONT]

    [FONT=Verdana, sans-serif]เจ้าของเรื่องผู้ประสบอุบัติเหตุ ตั้งชื่อเรื่องว่า "ลองดูเอาเองว่ารอดมาได้ไง"
    [/FONT]

    [FONT=Verdana, sans-serif]ผู้เขียนดูจากสภาพรถแล้วรอดยากถ้าพระ...ไม่สงเคราะห์ จากการสอบถามขอความเมตตาจากพระเบื้องบน...ได้ข้อมูล...พระฤาษีชั้นพรหม...ช่วยเหลือสงเคราะห์ในการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้จากหนักเป็นเบา
    [/FONT]


    [FONT=Verdana, sans-serif]สรุปวัตถุมงคล
    [/FONT]

    [FONT=Verdana, sans-serif]1. พระสมเด็จวัดระฆังคนรู้จักมากมายผู้เขียนไม่ขอกล่าวถึง
    [/FONT]
    [FONT=Verdana, sans-serif]อ้างอิงพระสมเด็จวัดระฆังเกศบัวตูม...องค์ดังราคา 100 ล้านของวงการ.....(คลิก)[/FONT]

    [FONT=Verdana, sans-serif]2. สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำ [/FONT]
    [FONT=Verdana, sans-serif]อ้างอิงลิงก์ สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำ 1.....(คลิก)[/FONT]
    [FONT=Verdana, sans-serif]อ้างอิงลิงก์ สร้อยประคำของฉัน.....(คลิก)[/FONT]

    [FONT=Verdana, sans-serif]3. พระท็อป 4
    [/FONT]
    [FONT=Verdana, sans-serif]อ้างอิงลิงก์ พระสมเด็จท็อป 4.....(คลิก)[/FONT]




    ...........................................ขอขอบคุณ ดร.ณัฐชัย เลิศรัตนพล...................................................






    [FONT=Verdana, sans-serif]ข้อความของ
    [FONT=Verdana, sans-serif]ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐนนต์ สิปปภากุล[/FONT]

    [/FONT]


    สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำ ที่อธิษฐานจิตโดยเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ว่ากันว่า สร้างมาตั้งแต่ในวาระแรกปี พ.ศ. 2407 จนถึงปี 2411 จึงมีจำนวนมากน่าจะถึงพันเส้น แต่สร้อยประคำส่วนใหญ่ได้ทยอยไปอยู่กับผู้ภาวนาและผู้มีบุญเกือบทั้งหมดแล้ว อาจจะมีเหลืออยู่บ้างตามท้องตลาดจำนวนหนึ่ง แต่คงไม่มากนัก


    ผู้ที่บังเอิญได้เข้ามาศึกษาในเว็บบล็อกของผมและของ ดร.ณัฐชัย เลิศรัตนพล ตั้งแต่แรกๆ แล้วเกิดศรัทธาและเชื่อตาม จึงได้ออกค้นหาตามแผงพระจึงได้มาจำนวนหนึ่ง ส่วนผู้ที่ยังลังเลสงสัยและไม่เชื่อจึงพลาดโอกาสไป ราคาในตอนนั้นก็ไม่แพง เนื่องจากไม่มีคนรู้จัก แต่ทุกวันนี้ ปรากฏมีหลายเว็บบล็อกได้นำออกไปให้ผู้บูชาว่ากันด้วยหลักหมื่นหลักแสน แต่ก็ควรระวังของปลอมด้วยนะครับ เพราะได้ยิน ดร.ณัฐชัย บอกว่าเห็นของปลอมบ้างแล้ว


    ความจริงแล้ว สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำนี้ ไม่เคยมีผู้ใดรู้เรื่องราวมาก่อน หรือทราบแต่ไม่อยากจะเปิดเผยก็เป็นไปได้ แม้แต่ผมเองก็ไม่ทราบที่มา แต่อยู่ๆก็ทำให้ได้พบกับสร้อยประคำชุดนี้ จึงพยายามสืบค้นจากผู้มีญาณหลายๆคน จึงมีข้อสรุปตรงกันว่า หลวงปู่โตเป็นผู้อธิษฐานจิต ผู้ที่นำมาเปิดเผยคนแรกก็คือ ดร.ณัฐชัย เลิศรัตนพล หลังจากนั้น นักภาวนาและผู้มีญาณทั้งหลาย จึงแสวงหากัน และโดยเฉพาะเหล่านักรบธรรมแห่งภูดานไห มีกันแทบทุกคน ส่วนผมได้รับมาจำนวนหนึ่ง(ไม่ขอเปิดเผยจำนวน) ในอนาคตอาจนำออกมาประมูลเพื่อทำบุญต่อไป


    อย่างไรก็ตาม ผมขอสันนิษฐานว่า องค์ผู้สร้างท่านมีเจตนาที่จะซ่อนเร้นไว้กระมัง เพื่อรอเวลาที่ภัยพิบัติกำลังจะเกิดขึ้น แล้วจึงถูกเปิดเผยขึ้นมา เพื่อใช้เป็นสิ่งมงคลให้แก่ลูกหลาน ทั้งช่วยในการภาวนา และที่สำคัญที่สุดคือ การป้องกันภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ความจริงทั้งหมดผมมิสามารถยืนยันได้ทั้งหมด แต่สร้อยประคำเหล่านี้ก็เป็นที่กล่าวขาน และกลายเป็นสิ่งที่ยอมรับกันของนักภาวนาเสียแล้ว ดังที่ปรากฏต่อทุกคน ซึ่งล้วนแต่สามารถสัมผัสถึงพลังอันหนักหน่วงได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด บางคนถึงกับต้องปรับธาตุขันธ์อยู่ถึง 7-15 วันก็มี ใครสวมใส่ครั้งแรก สร้อยประคำก็จะดึงเข้าสู่สมาธิอย่างรวดเร็ว อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน




    หมายเหตุ สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำอย่างน้อยมี 5 ขนาดดังภาพ





    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]




    [FONT=Verdana, sans-serif]พระสมเด็จประดับพระบรมสารีริกธาตุอีกองค์หนึ่ง (TOP4) ที่ผู้หมวดศุภชัยได้รับจากผม ดังตัวอย่างองค์ข้างล่าง[/FONT]​



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    พระสมเด็จประดับพระบรมสารีริกธาตุ องค์ TOP4




    มอบสร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำแก่ญาติธรรมแห่งภูดานไห


    เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2555 ในวาระวันสงกรานต์ ผมได้ถวายสร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำแด่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช แห่งวัดภูดานไห ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ จำนวน 3 เส้น เพื่อมอบให้กับคุณแม่ชม 1 เส้น (เส้นใหญ่) คุณสมร ทำงานที่กระทรวงศึกษาธิการ 1 เส้น พี่ชายของคุณสมร 1 เส้น ซึ่งทั้งคู่เป็นญาติธรรมใหม่ที่พึ่งเดินทางมากราบพ่อแม่ครูอาจารย์ และร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างวัดภูดานไห ดังนั้น สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำจึงเป็นสิ่งตอบแทนในน้ำจิตน้ำใจของท่าน และเป็นสัญลักษณ์ของเหล่านักรบธรรม เช่นเดียวกันกับพระพุทธปฐวีธาตุซึ่งเป็นสัญลักษณ์หลักของเหล่านักรบธรรมแห่งภูดานไห



    [​IMG]


    [​IMG]


    แม่ชมรับสร้อยประคำจากพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช​



    [​IMG]


    คุณสมร รับสร้อยประคำจากพ่อแม่ครูอาจารย์​
     
    Last edited: May 1, 2012
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • List
  17. ckj_tong

    ckj_tong เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Aug 25, 2011
    Messages:
    483
    Ratings:
    +869
    ผมขออนุโมทนาบุญด้วยครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • List
  18. sarutha

    sarutha เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Apr 25, 2008
    Messages:
    57
    Ratings:
    +180
    ผมขอเสริม นิดนึงครับ
    ในการสวมพระหรือสร้อยประคำ นั้นจะต้องถูกโฉลกและธาตุของตัวด้วย เพราะว่าผมได้รับสร้อยประคำมาจากท่าน ดร.แล้วปรับธาตุอยู่ประมาณอาทิตย์กว่าๆ ส่วนเรื่องของการภาวนานั้นได้รับผลเป็นไปตามลำดับขั้น แต่ผมมาสะดุดตรงที่ว่าผมนั้นจะใจร้อนกว่าปรกติ(ในภาษาของผมนั้นหมายถึง สู้ไม่ถอยยอมไม่ได้ มาแล้วต้องเอาให้จบ) หลังจากนั้นประมาณ ต้นเดือนเมษายน มีผู้มีญาณทักผมว่า สร้อยประคำเหล็กไหลไพล่ดำนั้นเหมาะกับงานบู้ๆๆ ถ้าเกี่ยวกับเมตตาท่านไม่แนะนำครับ เพราะว่าของเค้าแรงจริงๆๆๆ
    ผิดถูกประการใด เชิญแนะนำด้วยครับถือว่าแลกเปลี่ยนกันครับ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • List
  19. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Oct 30, 2011
    Messages:
    521
    Ratings:
    +1,157
    บ่วงนาคบาศแสดงฤทธิ์


    บ่วงนาคบาศ ก็นับเป็นอีกสิ่งหนึ่งสำหรับเชื้อสายพญานาคที่กำลังค้นหากัน เมื่อก่อนไม่มีใครรู้จัก แต่ประมาณสองสามปีที่แล้ว บังเอิญผมได้ไปพบเห็นบ่วงนาคบาศเสด็จมาทางอากาศที่อำเภอบรบือ จึงทราบเรื่องราวว่า เป็นสิ่งมงคลและมีความเชื่อเกี่ยวกับการป้องกันภัยพิบัติทั้งหลายที่กำลังจะเกิดขึ้น และที่เป็นไฮไลท์ก็คือ ผู้ใดมีบ่วงนาคบาศแล้ว จะมีกินมีใช้ไม่รู้จักหมด ส่วนรวยแค่ไหนผมไม่ทราบ ผมทราบแต่ว่า ขณะนั้น เจ้าของบ่วงนาคบาศสัมฤทธิ์ให้คนบูชาหลักแสน ขณะนั้นแพงมากสำหรับผม ก็เลยวางเฉย จนเมื่อปีที่แล้ว มีเหตุให้ต้องพบกับบ่วงนาคบาศหลายแบบอย่างบังเอิญ จึงได้นำออกมาเผยแพร่ จนมีผู้ติดต่อและติดตามมาขอแบ่งที่ผมจำนวนมาก รวมทั้งผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง(คุณหมอ)จากโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าก็ได้ขออัญเชิญจากผมไปหลายชิ้น และล่าสุด คุณอลิสาจากจังหวัดฉะเชิงเทรา ก็ได้ขอแบ่งจากผมไป 1 อัน เป็นบ่วงนาคบาศเนื้อทองเหลืองโบราณอายุมากกว่าร้อยปี ซึ่งท่าน ดร.ณัฐชัย บอกว่า หลวงปู่โตอธิษฐานจิต ก็แปลกดี (ผมไม่ขอรับรอง) แต่ที่รู้ๆคือ เมื่อคุณอลิสาได้รับเมื่อวาน ถึงกับทำให้เธอปีติมือไม้สั่น มีพลังมหาศาลวิ่งไปทั่วร่างของเธอ เธอได้โทรศัพท์มาขอบคุณผมพร้อมทั้งระล่ำระลักออกมาด้วยความปีติ ความจริงเกินกว่านั้นมันเกินวิสัยของผมครับ

    ปล. ผมรู้แล้วว่า ผมจะมอบบ่วงนาคบาศเนื้อทองเหลืองโบราณแก่ท่าน "ฉันทะธรรม" ตามที่ผมตั้งใจว่า จะมอบสิ่งมงคลแก่ท่าน เนื่องจากท่านเป็นผู้สนับสนุนการสร้างวัดภูดานไหรายหลักนับแสนบาทในคราวสร้างถนนและไฟฟ้า และอีกหลายแสนบาทก่อนหน้านั้น

    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
    20 เมษายน 2555


    [​IMG]
     

    Attached Files:

    Last edited: Apr 20, 2012
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • List
  20. sarutha

    sarutha เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Apr 25, 2008
    Messages:
    57
    Ratings:
    +180
    ตั๊กกะใจ อ่านบรรทัดแรกแล้วเกิดกิเลสว่า อยากจะได้ใว้ครอบครองเพราะว่าผมเห็นท่านบ่วงฯมาหลายครั้งที่เป็นรูปภาพแต่ของจริงนั้น ยังไม่ได้ชม แต่พออ่านมาถึงย่อหน้าที่สองก็เลย โอโห้ไม่น่าเชื่อเลยว่าท่านดร.จะมอบให้จริงๆ คงจะถึงวาระแล้วกะมั่ง

    โมทนาบุญกับท่านดร.ด้วยครับ สาธุ สาธุ
     
    Last edited by a moderator: Apr 20, 2012
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • List

Share This Page

Loading...