ขอคำชี้แนะเรื่องกสิณไฟด้วยครับ ด่วนๆ

Discussion in 'อภิญญา - สมาธิ' started by brian_bell, Jul 24, 2012.

Tags: Add Tags
  1. brian_bell

    brian_bell Active Member

    Joined:
    Jul 3, 2012
    Messages:
    17
    Ratings:
    +48
    สวัสดีครับทุกท่านกระผมเองฝึกกสิณไฟมาได้ประมาณเดือนหนึ่ง แต่แรกเริ่มนั้นก็ฝึกแบบอานาปาณสติมาประมาณแรมปีครับ เลยหันมาฝึกกสิณ พอลองศึกษาจากตำราต่างๆแล้วจึงได้ปฏิบัติจริง ผลบังเกิดขึ้นดังตำราคือ
    - เกิดอุคหนิมิตจริงๆ เห็นเป็นดวงไฟสีแดงสีแสดดวงเล็กๆกว่าเทียนที่เพ่ง บางครั้งนิมิตจะเริ่มชัดขึ้นแลเห็นกระพริบๆคล้ายเปลวไฟจริงๆ คงอยู่นานพอควรก้เริ่มหรี่ลงๆแต่ไม่จางหายไปเสียทีเดียว แต่เหลือดวงเล็กๆบางๆครับ
    - จากนั้นลองฝึกไปเรื่อยๆ เกิดเป็นดวงไฟสีชมพูสดใส มีดวงไฟสีน้ำเงินสว่างไสวมาล้อมรอบ ในตำราท่านลองให้ฝึกกำหนดให้เล็กใหญ่ตามใจชอบ ก้ยังไม่บังเกิดผล ทำได้มากสุดคือขยับซ้ายขวาขึ้นลง หรือหมุนวน จากนั้นนิมิตก็จะเลือนไปแต่ไม่หายสนิท พอฝึกมาถึงจุดนี้สักพักใหญ่ๆ ด้วยไม่มีครูอาจารย์คอยตรวจดูแก้ไขให้จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรมากกว่านี้ จึงมีคำถามมาเรียนถามนะครับว่า
    ๑ เมื่อเพ่งนิมิตไปเรื่อยๆ แรกเริ่มทำก้เห็นชัดเจนสว่างไสวคล้ายไฟจริง แต่พอทำไปเรื่อยๆ จิตเริ่มนิ่ง จับอยู่ที่ไฟ พอลืมตามองไฟ หนังตามันคอยแต่จะปิดลงและเคิ้มคล้ายจะหลับเสียให้ได้ แม้ยุงมากัดมันยังไม่ไปสนใจเลย มันจะเอาอยู่ที่ดวงไฟอย่างเดียวเลย แต่พอเพ่งไปเรื่อยๆแล้ว กลับไม่เห็นดวงไฟ อาจเพราะเพ่งกำหนดเกินไปหรือเปล่าก็เลยลองปรึกษาเพื่อนที่เคยฝึก เขาบอกว่าอย่าไปกำหนดให้ปล่อยวางเฉยๆ เราก็เพ่งแบบปล่อยวางแค่เอาอารมณ์ไปกำหนดไว้เท่านั้น ปรากฏว่าดวงไฟนั้นหายไปเสียอย่างนั้นทั้งๆที่ฝึกโดยไม่ได้นอกเหนือตำราอย่างใด แต่กลับปรากฏเป็นดวงไฟสีน้ำเงินสว่างไสวดวงกลมๆแทน ไม่มีดวงไฟสีแดงเล็กๆเกิดตรงกลางแล้ว ถามว่ามันเป็นผลหรืออุปทานจากการฝึกหรือไม่ครับ
    ๒ พอเรากำหนดออกจากสมาธิ เราก้ค่อยๆถอน แต่มีอาการเหมือนกันทุกครั้งคือ มึนๆ ตานิ่งๆ ไม่ค่อยอยากรับอารมณืใดๆเลย เหมือนใจมันนิ่งไปเสียอย่างนั้นไม่อยากคิดไม่อยากถามไม่อยากคุยกะใครเลย และก็ยังมึนอย่างนั้น ผู้ปฏิบัติท่านแนะนำว่าต้องรู้วิธีออกจากสมาธิ เพราะไม่งั้นก้ออกไม่เป็นก็จะมีอาการแย่นะ เลยอยากถามว่า เราจะออกจากสมาธิอย่างไรครับ เพราะผมเองฝึกเองที่บ้านไม่มีครูสอนเลย
    ๓ ผมควรจะหยุดไว้ที่ตรงนี้เพราะไม่รู้จะไปต่ออย่างไร หรือควรจะทำต่อไปแต่กระนั้นก็ยังไม่มีใครมาชี้แนะกลัวว่าฝึกไปแล้วหลงทางอ่ะครับ รบกวนผู้รู้ช่วยตอบให้ด้วยนะครับ ขอเป็นภาษาเข้าใจง่ายๆเพราะผมเองไม่ค่อยเก่งครับ ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 5
    • List
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jan 14, 2007
    Messages:
    8,436
    Ratings:
    +35,488
    ใช้สติตามจนกว่านิมิตรที่เห็นจะเป็นประกายครับ..ถึงจะเป็นจุดที่ใช้งานได้จากการอฐิษฐานครับ...
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 4
    • List
  3. brian_bell

    brian_bell Active Member

    Joined:
    Jul 3, 2012
    Messages:
    17
    Ratings:
    +48
    อืมครับ เป็นประกายคือเปล่งแสงหรือครับ หรือระยิบระยับ แล้วแสงที่เปล่งเป็นสีน้ำเงินสว่างไสวนี้ใช่ประกายไหมครับ แต่ผมก็เอาสติกำหนดมันหายไปเสียอย่างนั้น แต่เป็นแสงสว่างสีฟ้าน้ำเงินเป็นดวงไฟขนาดใหญ่แทนครับ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 3
    • List
  4. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Mar 24, 2006
    Messages:
    1,213
    Ratings:
    +3,770
    ๑ ผมฝึกกสิณแสงสว่างนะครับ เลยไม่แน่ใจนัก
    แต่ถ้าตามที่รับรู้มา สีของกสิณจะค่อยๆ นวลเหลืองไปจนขาว แล้วก็กลายเป็นใส เป็นประกาย
    แต่หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยสอนว่า ถ้าเราเพ่งกสิณสีใดอยู่ แล้วมีสีอื่นมาแทน
    ให้เพิกทิ้งเสีย แล้วตั้งจิตใหม่ เพราะสีอื่นที่ลอยมาแทนนั้นเป็นกสิณโทษ
    แต่ผมก็ไม่เคยทำกสิณไฟ เลยไม่แน่ใจนัก ถ้าเป็นผมเอง ผมจะกำหนดจิตใหม่ครับ

    ๒ เป็นอาการปกติครับ ผู้ทำสมาธิจะรู้สึกนิ่งอารมณ์นิ่งสงบไปสักระยะ
    จึงมีการสอนการสั่งว่า ควรทำกรรมฐานตอนเช้ามืด เพื่อให้อารมณ์ฌาน(หรือเฉียดฌาน)
    อยู่ในอารมณ์ไปตลอดทั้งวัน เพื่อกันกิเลสนิวรณ์มาสิงใจ
    ออกจากสมาธิ ถ้าชำนาญแล้วก็ค่อยๆคลายอารมณ์มาอยู่อุปจารฌานนั่นแหละครับ
    จริงๆแล้วคุณก็ออกได้ เพราะออกทุกวัน ไม่งั้นมาพิมพ์อะไรอย่างนี้ไม่ได้หรอก
    แต่อารมณ์ของฌานมันยังส่งผลอยู่ก็เท่านั้น ไม่ต้องไปกังวล คนที่เขาออกจากสมาธิไม่ได้
    (คือได้แต่ต้องใช้เวลานาน) เขาจะนั่งเป๋งอยู่อย่างนั้นนานเลยละครับ ออกไม่ได้ จิตจับดวงกสิณตลอด

    ๓ ก็ทำต่อไปนั่นแหละครับ ทำดีแล้ว ลองฟังที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านสอนสิครับ
    พระกรรมฐาน - สมาธิ - Buddhism Audio
    ฟังตรงกสิณ ๑๐ แล้วก็ตรงปฏิสัมภิทปัตโต ครับ ท่านสอนกสิณจนจบฌาน ๔
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • List
  5. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jan 3, 2012
    Messages:
    1,102
    Ratings:
    +2,136
    ขอแนะนำในส่วนสมาธิ เพราะผมไม่ได้ฝึกกสิณ

    1. ติดสุขในสมาธิเข้าแล้ว ถ้าไม่หลุดจากตรงนี้ ก็อยู่แบบนี้แหละครับ เสพสุขในสมาธิไปเรื่อยๆ ไม่ก้าวหน้า แถมบางทีอาจจะมีอาการหงุดหงิดในชีวิตประจำวันได้อีก เวลาไม่ได้เสพสุขจากสมาธิ อาการนี้มีผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันนะครับ คือ จิตของเราแทนที่จะพร้อมทำการทำงาน จิตของเรามันจะแอบไปอยู่ในสมาธิ เอาใจไปเสพอารมณ์ เอกัคคตา ทำให้ไม่รับรู้เรื่องราวภายนอกดีเท่าที่ควรครับ
    2. "ขอคำชี้แนะเรื่องกสิณไฟด้วยครับ-ด่วนๆ-" อยากได้ผล อย่าใจร้อน
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • List
  6. แสนสวาท

    แสนสวาท ชมรมสุวรรณภูมิธรรม

    Joined:
    Apr 29, 2007
    Messages:
    2,399
    Ratings:
    +2,488
    สีแดง บ่ใช่ ค่ะ เป็นกสิณโทษ
    สีเขียวก็ บ่ใช่อีกเช่นกัน กสิณโทษเหมือน ๆ กัน
    เอาตรงกลาง ๆ นะ ใส้เทียนก็ไม่เอา

    หากได้กสิณโทษ ก็ลืมตามามองใหม่ เพ่งไฟ ก็จะได้ไฟนะ
    พระมา หรือเทพมา ก็ไมเอานะ


    ทำไมคนชอบเริ่มที่กสิณไฟกันจัง
    ทั้งที่พระพุทธเจ้าให้ กรรมฐานกองแรกสุด นัมเบอร์วัน คือ กสิณดิน
    ไม่ยักกะฝึกกสิณดินก่อน ทำไม ไม่รู้ ใครบอกได้บ้าง
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • List
  7. แสนสวาท

    แสนสวาท ชมรมสุวรรณภูมิธรรม

    Joined:
    Apr 29, 2007
    Messages:
    2,399
    Ratings:
    +2,488
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • List
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jan 14, 2007
    Messages:
    8,436
    Ratings:
    +35,488
    ขอออกตัวล้อฟรีก่อนนะครับว่าผมไม่ใช่ผู้ชำนาญ ไอ้กลมๆที่เห็นที่มีขอบเป็นสีข้างในจะสีอะไรก็ไม่ต้องสนใจนะครับ ตัวที่ขี้นมาตอนที่เราเริ่มหลับตาตัวนั้นหละครับ ขนาดก็ไม่ต้องสนใจมันจะเล็กบ้างใหญ่บ้าง.แรกๆมันก็ไม่ได้อยู่นิ่งๆครับถ้านิ่งๆนั้นจะเป็นกรณีที่เราใช้ภาพพระครับ....ที่นี้มันจะไม่อยู่เฉยๆหรอกครับ ...เราใช้สติตามครับไม่ว่าเค้าจะไปอยู่ตรงไหน ตามเค้าตลอด
    บางทีขึ้นบนแล้วก็แว๊ปมาล่างเราก็ใช้สติตามดูให้ตลอด อย่าให้หลงตัวที่เราตามนะครับ..อย่างอื่นไม่ต้องสนใจ..อย่างนี้เค้าจะอยู่นานมากบางครั้งเราจะขี้เกียจตามด้วยซ้ำ ช่วงที่ตามสังเกตุว่าจิตเราจะไม่ละเีอียดเท่าไรหรอกครับ....ไม่ต้องสนใจว่าเราจะสั่งให้มันย่อ มันขยาย หรืออะไรก็ได้ เพราะส่วนนี้ไม่จำเป็นเท่าไร แต่ก็ทำได้แต่ว่าจิตก็ยังไม่ระเอียดพอที่จะใช้ประโยชน์ได้ครับ...ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้นว่ามันจะเปลี่ยนเป็นอะไร ตามดูจนมันเป็นประกายพลึกครับ..ตอนนั้นจิตเราจะละเอียดได้โดยที่เราก็ไม่รู้ตัว
    ถ้ามัวสนใจว่าจะต้องเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ตามตำราจะทำให้ไปได้ช้าครับเพราะเราจะเผลอไปติดสมมุติตามตำราและจะเกิดกิเลสเรื่องความอยากที่จะหวังผลให้มันต้องเป็นโน้นเป็นนี่จะทำให้ความละเอียดของจิตตกลงทันทีโดยที่เราไม่รู้ตัว..อย่างน้อยถ้ามันยังไม่ถึงจุดที่ใช้งานได้ เราก็จะได้กำลังสมาูิค่อนข้างมั่นคง ไม่เหมือนกำลังที่ได้จากการเจริญสติที่ขึ้นๆลงครับ..แต่ถ้าจุดใช้งานแบบนั้นสมาธิแบบไม่ใช่กสิณสิ่งที่เห็นจะใสและมองทะลุได้ครับ...
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • List
  9. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jun 11, 2012
    Messages:
    587
    Ratings:
    +4,500
    กสิณที่คุณเพ่งนั้น ใช่เปลวไฟจากเทียนไขหรือเปล่าครับ เท่าที่ทราบคือ กสิณโทษนะ แต่ก่อนผมก็เคยฝึกมาพักนึง อาการจะคล้าย ๆคุณ คือตาจะล้าหลับ ทั้ง ๆ ที่ยังมีสติอยู่ สักพักจะติดในอารมณ์นั้น ๆ เมื่อถอนออกแล้ว มืน ๆ ที่สำคัญสังเกตุไหมว่าใจเราร้อนกว่าเดิม

    ไม่รู้ว่าคุณปฏิบัติถึงจุดไหนแต่หากเกิดนิมิตขึ้นมาให้ดูเฉย ๆ ไม่ชอบ ไม่ยึดติด ไม่ต้องตกใจหากภาพที่เพ่งนั้นหาย ก็ลืมตาแล้วเพ่งต่อไป ใช้อุเบกขาพึงไว้เสมอ ๆ หรือไม่ก็ ตามที่คุณแสนสวาทแนะ คือ ฝึกวรรณกสิณ หรือปฐวีกสิณ ก่อนก็ได้ (เตโช หากแม้แต่ผู้มีบารมีเก่า เพียงมอง แค่เปลวเทียน ย่อมเกิดปฏิภาคขึ้นได้ )แต่หากได้แล้ว พิจารณาในประโยชน์และโทษ ด้วยนะครับ ขอให้ประสบความสำเร็จในเร็ววัน ด้วยจิตที่เย็น มิใช่จิตที่เร้าร้อน ครับ
    __________________
    อุปฺปทวยญฺญถตฺตภาวาหุตฺวาอภาวโตอภิณฺหปฏิปีฬนาอวสตฺตนโต
     
  10. brian_bell

    brian_bell Active Member

    Joined:
    Jul 3, 2012
    Messages:
    17
    Ratings:
    +48
    ขอบพระคุณทุกความเห็นครับ ผมเลยไม่ยึดติดเป็นแบนี้มาสองสามวันละครับ คือแรกเริ่มทำกสิณก้จะเห็นดวงไฟเหมือนเดิมโดยที่ไม่มีอะไรยุ่งยากเลย ผมก้เพ่งไปเรื่อยๆเอาแค่ว่าสงบพอ แต่มันก้เป็นเหมือนเดิม สักพักมีวงไฟสีฟ้าสว่างมาล้อมรอบ และก็สว่างจนดวงไฟสีแดงหายไป ผมก็เลยละไม่ยึดไม่เพ่ง ตามลมหายใจอยู่กับวิปัสสนาแทน สลับกันก็ดอเคนะครับ เอากสินเป็นตัวเริ่มแล้วก็ตามเป็นวิปัสสนา ก็สงบ นิ่ง สบายใจดีครับ
     
  11. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jan 3, 2012
    Messages:
    1,102
    Ratings:
    +2,136
    วิปัสสนา สงบนิ่งอย่างไรครับ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • List
  12. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jun 11, 2012
    Messages:
    587
    Ratings:
    +4,500
    เริ่ม งง ๆ ไหงมาแป๊ก! ตอนนี้ล่ะครับ

    วิปัสสนา ใช้การตามดูตามรู้ ไม่ใช่หรอ อย่างเช่น เปลวไฟที่คุณเพ่งนั้น หากเข้าสู่วิปัสสนาแล้ว ให้พิจารณาสภาพความจริง ดูไฟว่ามันเปลี่ยนแปลง เกิด ดับ เช่นไร รู้เท่าทันเสมอ ๆ
    มันต่างจากสมถะนะครับ ที่ใช้ ความสงบ นิ่ง เป็นอีกอารมณ์นึงครับ กสิณนี้ หากความเข้าใจเรายังไม่ถึงพร้อม ควรพึงความประมาทไว้ครับ มีทั้งคุณและโทษ ฝึกอานาปาณสติให้คล่องก่อนดีไหม เข้าใจว่าคุณมีความมุ่งมั่น แต่ว่าความไม่เข้าใจมันจะพาหลงไปไกลครับ
     
  13. brian_bell

    brian_bell Active Member

    Joined:
    Jul 3, 2012
    Messages:
    17
    Ratings:
    +48
    ผมเองก็ยังงงในตัวเองเพราะว่าขาดครูอาจารย์คอยสอบอารมณ์จริงๆ ปฏิบัติเองก็สงสัยเอง เป็นแบบนี้มาหลายคืนละครับ เพราะผมเองไม่อยากไปละปฏิบัตินะครับ เพราะมันได้สมาธิดีมาก จึงแค่เพ่งไปตามความวางเฉย ตอนแรกก้เห็นเด่นชัดเหมือนทุกๆทีที่ฝึกไม่หนักหนาสาหัสอะไร เป็นดวงไฟสีแดงสว่างไสว แล้วก้เริ่มเปลี่ยนสีบ้างเป็นสีชมพูสดๆ สักพักก็มีวงแสงสีฟ้ามาล้อมรอบเป็นรัศมี ผมก้เพ่งมองไปแต่ก้กำหนดอยู่ที่ลมหายใจมากกว่า มันจะเป็นอะไรก็ให้เป็นไป พิจารณาว่ามันเกิดมันก้ดับได้ ผมจึงไม่คาดหวังว่ามันจะเกิดหรือมันจะดับ ผมเอาแค่เป็นอุบายให้เข้าสมาธิพอ พอเข้าแล้วก็ทรงอารมณ์นั้นไว้ ส่วนมันจะเกิดมันจะดับผมก็แค่เพ่งมองด้วยการวางอุเบกขา และแล้วมันก็หายไปเหลือเพียงแค่ดวงไฟสีฟ้า ผมไม่ได้ไปจดจ้องจนเกินไปนะครับ พอหายก็เลยลองกำหนดใหม่ว่าจะเห็นอีกไหม มันก็ปรากฏว่าไม่เห็นดวงไฟสีแดงแล้วมันกลายเป็นอย่างอื่นแทนมากมายไปหมด บางทีเป็นดวงไฟสีฟ้านี่หล่ะวูบวาบๆไปมา บ้างก้เป็นเส้นสีดำพาดผ่านตรงกลางเหมือนอะไรสักอย่างก้ไม่ได้ใส่ใจเพราะไม่อยากไปสนใจ มันจะไม่เป็นดวงไฟตามเดิมก็สุดแล้วแต่เพราะผมเองไม่ได้ไปทำอะไรมันเลย มันหายไปของมันเอง พอในหัวไม่คิดอะไรแล้วก้เลยตามรู้เวทนาในสังขารไป รู้การเกิดดับ เอาไตรลักษณ์มาพิจารณาแทน ก้เป็นแบบนี้อ่ะครับ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • List
  14. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jan 3, 2012
    Messages:
    1,102
    Ratings:
    +2,136
    แสงสีมั่วๆ ที่เห็น อันนั้นฟุ้งซ่านครับ ซึ่งเป็นปกติของคนที่จิตเริ่มละเอียดขึ้นจะเห็น
    ผมแนะนำต่อในส่วนของกสิณไม่ได้ แต่แนะนำในส่วนวิปัสสนาต่อได้
    ตามดูให้เห็นจริง ตามลักษณะความเป็นจริงของทุกสิ่ง โดยไม่ต้องปรุงแต่งต่อ
    ไม่ต้องไปคิดว่ามันเป็นอะไร มันมีสีอะไร รูปร่างหน้าตาเหมือนอะไร ไม่ต้องไปคิดเรียกชื่อ ตั้งชื่อให้มัน ให้เห็นในลักษณะที่บริสุทธิ์ที่สุด เดิมๆ ที่สุดเลย เห็นแล้วก็ปล่อยทิ้งไป ไม่สนใจ ไม่คิดต่อ ดูความไม่เที่ยงตรงนี้ไปเรื่อยๆ เวลาได้ของแปลกๆ จากกสิณ จะได้ไม่ยึดติดเอามาเป็นอัตตา จะได้ใช้กสิณได้อย่างถูกต้องไม่โดนหลอกครับ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • List
  15. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Oct 26, 2008
    Messages:
    5,337
    Ratings:
    +6,847

    หากตั้งใจจริง เอาแค่ที่ขีดเส้นใต้ไว้ก็พอ

    เวลาเพ่งเทียน แล้วพอหลับตา

    ดวงกสิณจะเป็น สีเขียวๆแล้วก็เปลี่ยนมาเป็น สีส้มๆ ตรงใจกลางสีเขียว
    จนชัดขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เหมือนๆเราเพ่งมองเห็นที่เปลือกตาเลย ทำแค่นี้ครับ

    ทีนี้พอในระยะที่ ดวงกสิณเปลี่ยนมาเป็นลักษณะสีสันคล้ายเปลวเทียนที่เรามอง

    ก็ให้ทับบริกรรมไปว่า ไฟ ไฟ ไฟ ไฟ หรือจะใช้คำว่า เตโช เตโช ๆๆ

    เพ่งไปที่เปลือกตาที่เรามองเห็น ดวงกสิณที่เป็นรูปเปลวเทียนนั้น

    ฝึกจนกระทั่งว่า เรา สามารถ ย่อ ขยายดวงกสิณที่เราเห็นในขณะที่เราหลับตาแต่เรามองผ่านเปลือกตา เอาแค่นี้ก่อน

    ส่วนสีอะไรอื่นๆ โยนทิ้งให้หมด

    ย้ำอีกทีนะว่า เอาแค่ เห็นดวงกสิณที่เป็นเปลวเทียนชัดเจน แล้วสมารถ ย่อ ขยายได้ดั่งใจ เอาแค่นี้ก่อน

    ทำซ้ำๆ ทำเนืองๆ

    แหล่ะอีกอย่างนึง ก่อนจะขึ้นตั้งกสิณ

    ให้อาราธนาศีล 8 เรียกว่า ให้สัจจะเฉพาะเวลาฝึกสมาธิเวลานี้เท่านั้นไปก่อน

    บทสวดมนต์ที่ใช้ก็ บทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
    แล้วให้ สวดกรณียเมตราสูตร 12 จบ จากนั้นก็กล่าวบทกรวดน้ำไป

    จากนั้นก็เริ่ม ตั้งดวงกสิณได้

    หลังจากออกสมาธิในการเดินกสิณทุกครั้ง ก็กรวดน้ำไปอีกรอบนึง
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • List
  16. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Oct 26, 2008
    Messages:
    5,337
    Ratings:
    +6,847
    อ้อ ลืมไปอีกอย่างนึง

    หากตั้งใจจริงในการฝึก ก็ไปหา ดอกบัวขาว 12 ดอก เทียน8เล่ม

    พวงมาลัย ที่เขาร้อยรวมๆกันแล้ว มันมีหลายๆสี ให้ได้ซัก 7สี
    ไปจุดธุป 5 ดอก ที่ศาลที่อยู่ที่บ้านของเรา หรือ หากเป็นหมู่บ้าน
    ก็ให้ไปจุดที่ศาลพระพรหม บอกเขาว่าเราฝึกกสิณ เพื่อฝึกฝนตนในสัจจะ
    เพื่อเป็นฐานพลังในการพัฒนาปัญญา มิได้ฝึกไปเพื่อทำลาย
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • List
  17. brian_bell

    brian_bell Active Member

    Joined:
    Jul 3, 2012
    Messages:
    17
    Ratings:
    +48
    ขอขอบพระคุณข้อเสนอแนะจากทุกท่านครับ ผมเองคงจะตั้งใจทำเพียงสมาธิไม่ยึดรูปนามอะไรแล้วเพราะยิ่งไปยึดไปจับก้ยิ่งทุกข์ ขอปล่อยวางแล้วแต่ครูบาอาจารย์ที่ท่านได้มาดลจิตให้กระทำกสิณไฟ ผมเองได้ขึ้นพานครูถวายท่านอย่างถูกหลักวิธีไปแล้ว หลังจากนั้นก็สุดแล้วแต่เถอะครับ เพราะองค์สมาธิสำหรับผม คือความสงบไม่สนใจการปรุงแต่งใดๆก็พอละครับ ขออภัยคิดเองตอบเองครับ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • List
  18. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jan 3, 2012
    Messages:
    1,102
    Ratings:
    +2,136
    ลองศึกษาเพิ่มเติม เรื่องปัญญาในพุทธศาสนานะครับ
    เพราะการได้สมาธิชั้นสูง โดยไม่เห็นปัญญา เป็นอันตรายอย่างยิ่ง
    จิตที่ไม่ยินดีในรูปนาม และมีกำลังสมาธิสูง อาจจะไปติดกับดักอรูปพรหมได้
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 3
    • List
  19. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jun 11, 2012
    Messages:
    587
    Ratings:
    +4,500
    อนุโมทนาในการปฏิบัติ ไม่ว่าจะสำเร็จผลหรือไม่ เพียรความตั้งใจไว้เสมอ ๆ
    เส้นทางที่เดินนั้นอาจจะหลงไปบ้าง ไม่เป็นไร
    แต่เมื่อเดินหน้าแล้ว จะถอยหลังกลับ น่าเสียดายมากกว่า

    ไฟ ให้ความอบอุ่นและแสงสว่าง ขอให้มันเป็นแสงสว่างนำพาคุณไปสู่จุดมุ่งหมายนะครับ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • List
  20. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jan 3, 2012
    Messages:
    1,102
    Ratings:
    +2,136
    นายกสิณนี่ เห็นมือไม่พาย เอาเท้าราน้ำหลายรอบแล้ว
    หากประกาศตนว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกสิณ ทำไมไม่แนะนำผู้อื่นปฏิบัติในทางที่ถูกครับ?
     

Share This Page

Loading...