ขอเชิญพี่ๆน้องๆ ที่ศรัทธา หลวงปู่โต๊ะ มาพูดคุยกันหน่อยครับ

พระสงฆ์หนุ่มผู้เป็นกำลังหลัก ของวัดถ้ำสิงโตทององค์หนึ่งที่ผมนับถือ ที่ผมเรียกนามท่านว่า หลวงพี่ต่าย หลวงพี่ต่ายเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง ช่วยจัดแจงหากุฏิเพื่อให้นายช่างพักระหว่างบูรณะกุฏิ หลวงพี่ต่ายบอกว่า งานนี้หลวงพี่ขอร่วมขนไม้ด้วย เพื่อถวายหลวงปู่ที่หลวงพี่เคารพรักยิ่ง

 

ขั้นตอนตัดเปลี่ยนไม้เสาคู่หน้า ขั้นตอนนี้ลุ้นที่สุด วัดแล้ววัดอีกว่าบากมุมรับไม้ถูกต้องหรือเปล่า ถ้าเสา ๒ ต้นนี้ตัดผิดพลาดการบูรณะกุฏิคงต้องเลื่อนไปอีกยาว

 

ภาพเสก็ตคร่าวๆที่วาดขึ้นเมื่อบูรณะเสร็จแล้ว ที่จะให้นายช่างทำตามนี้ กุฏิหลังเดิมหลวงปู่จะไม่มีลายที่ชายหลังคา แต่ท่านเจ้าอาวาสขอให้ช่วยใส่ลายเชิงหลังคา จึงทำตามที่ท่านเจ้าอาวาสดำหริขึ้น

 

จนปลายเดือนกรกฎาคม ด้วยบารมีของหลวงปู่ปัจจัยของศิษย์ที่ร่วมทำบุญกันโดยปากต่อปากมากอย่างที่ผมคิดไม่ถึง จากครั้งแรกผมก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง ในตอนนี้การบอกบุญไหลไปเองอย่างเหลือเชื่อ จนได้ปัจจัยในขณะนั้นรวมได้ ห้าแสนสองพันบาทแล้ว เมื่อผมไปตรวจงานอีกครั้ง งานคืบหน้าไปมากนายช่างนนท์แจ้งว่า ก่อนวันทอดผ้าป่าที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๔ บูรณะเสร็จก่อนแน่ๆ ผมก็ว่า ถ้าเแป็นเช่นนั้นก็สุดยอดดีเลย เพราะวันที่ทอดผ้าป่าจะได้เป็นวันที่ลูกศิษย์หลวงปู่มางานบุญทุกคนจะได้ให้ส่งมอบกุฏิของหลวงปู่ที่บูรณะเรียบร้อยแล้ว ให้แก่ท่านเจ้าอาวาสวัดถ้ำสิงโตทองไปเลย และทุกท่านจะได้ดีใจว่าเงินที่ทุกคนทำบุญมาทุกบาททุกสตางค์ ได้เห็นเป็นรูปธรรมแล้ว ไปคราวนั้นผมได้ซื้อพรรณไม้ต่างๆ และหญ้าไปปรับภูมิทัศน์ใหม่ด้วย โดยซื้อที่แยกเขางู พอเขารู้ว่าจะไปปลูกที่กุฏิของหลวงปู่เขาจึงนำต้นไม้ไปส่งให้ฟรี มีพระเณรและศิษย์ไปร่วมปลูกหลายท่านหลายรูป จึงเป็นบรรยากาศของความสามัคคีของลูกศิษย์หลวงปู่โดยแท้

 

ขณะบูรณะต่อ

 

ขณะบูรณะและปลูกพรรณไม้ต่อ

 

ท่านพระครูภาวนาโชติคุณ ท่านเจ้าอาวาสวัดถ้ำสิงโตทอง มาเยี่ยมชมงานบูรณะ พรรณไม้ร่วมช่วยกันปลูกเสร็จภายใน ๒ วัน

 

ในวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ นายช่างนนท์โทรมาให้ผมไปตรวจงานอีกครั้งเพราะงานเสร็จได้ ๘๐ เปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือชั้นตอนการทายูนิเทรนแค่นั้นเอง

 

วันนั้นผมไปถึงวัดก็ประมาณสี่โมงเย็นพระอาจารย์ก็ว่าง จึงเดินขึ้นมาชมกุฏิด้วยกัน และในวันนั้นเองท่านมีเวลา ท่านจึงนั่งเล่าเรื่องหลวงปู่ในอดีตในขณะมาจำวัดและปฏิบัติธรรมที่วัดถ้ำสิงโตทองให้ฟังมากมาย ก่อนการบูรณะฐานของรูปหล่อพระโพธิสัตว์กวนอิมหน้าถ้ำแก้ว เดิมเป็นปูนขัดมันธรรมดา เมื่อตากแดดตากฝนก็มีตะไคร่น้ำเกิดขึ้น เวลาญาติโยมนำผลไม้มาไหว้ จึงให้ความรู้สึกไม่น่าดู เมื่อมีปัจจัยเหลือจึงได้ซื้อหินแกรนิตสีแดงมาปู เพื่อให้ดูสะอาดตาเรียบร้อยยิ่งขึ้น

 

โมทนาบุญกับเฮียกิมด้วยครับ ที่ได้บูรณะกุฏิหลวงปู่ ผมไปกราบท่านที่นี่สองครั้งแล้วครับ และถ้ามีโอกาสก็จะไปอีก เอาไว้ถ้ามีงานบุญอีกช่วยแจ้งให้ทราบด้วยน่ะครับ

 

ไม่ได้เข้ามาหลายวัน ได้ฟังเรื่องเล่าดีๆแล้วชื่นใจครับ
อนุโมทนาในบุญกุศลด้วยนะครับเฮียกิม ^^

 

ขอบคุณและยินดีด้วยครับที่มีโอกาสมีเวลาได้ไปกราบหลวงปู่บ่อยๆ มีบุญวาสนาเยอะแท้ๆครับ ผมก็ขออนุโมทนาบุญกับศิษย์ทุกท่านที่มาร่วมบุญด้วยนะครับ ผมเป็นเพียงทรายเม็ดหนึ่งของเจดีย์ที่ทุกท่านไม่มีเวลาแล้วให้ผมช่วยเป็นตัวแทนในงานนี้ครับ ขอบคุณคุณ kikkik99 อีกครั้งครับ

 

ขอบคุณครับ และอนุโมทนาบุญกับคุณเอกอีกครั้งที่มีโอกาสร่วมบุญถวายดีวีดีคำเทศนาของหลวงปู่ด้วยกันนะครับ

 

สวัสดีครับเฮียกิมครับ
และสวัสดีพี่ ๆ น้อง ๆ ทุกท่านครับ...

 

สวัสดีครับ

 

กราบหลวงปู่ กราบ กราบ กราบ

สวัสดีพี่น้องทุกท่านครับ

พี่กิมครับ อ่านเพลิน ได้รับรู้เรื่องราวดีๆมากมายครับพี่
บางตอนอ่านไปขนลุกไป ลูกศิษย์รุ่นพ่อรุ่นพี่มากมายเลยครับ
ที่วันนึงได้ตอบแทนบุญคุณพระอาจารย์

 

ใช่ครับ ผมก็อนุโมทนากับศิษย์รุ่นพ่อรุ่นพี่เราที่มาทำคุณประโยชน์ พัฒนาวัดให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมากมายให้กับวัดถ้ำสิงโตทอง วัดของหลวงปู่ที่หลวงปู่สร้างขึ้นมากับมือครับ

 

จนวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๔ ก่อนจะถึงงานวันทอดผ้าป่าสามัคคี ๓ วัน ผมก็เป็นตัวแทนลูกศิษย์ของหลวงปู่ทุกท่านที่สละทรัพย์มาทำบุญ มาตรวจงานและรับส่งมอบงานครั้งสุดท้าย ที่นายช่างนนท์ให้ไปตรวจความเรียบร้อยก่อนที่นายช่างจะกลับ สรุปว่างานนี้ศิษย์ที่มาร่วมบุญคณะนี้ได้ทำเพิ่มเติมไปหลายอย่าง ๑. กุฏิ ๒. ปรับปรุงสถานที่ปลูกพรรณไม้ ๓. ฐานแกรนิตพระโพธิสัตว์กวนอิมหน้าถ้ำ ๔. ประตูยืดทางเข้าถ้ำที่หลวงปู่ขึ้นไปปฏิบัติธรรมด้านบน ๕. ประตูยืดทางเข้าถ้ำแก้ว ๖. หลังคาทางเข้าถ้ำแก้ว ๗. ห้องเก็บของขวามือทางบันไดที่ไม้ที่บูรณะกุฏิเหลือจึงมาทำเพิ่มเพราะของเก่าก็ผุแล้ว เมื่อทำทุกอย่างตามที่ว่าแล้ว ก็ยังมืปัจจัยเหลืออีก ผมเห็นรูปหล่อพระโพธิสัตว์กวนอิมหน้าถ้ำมีแค่ร่มเล็กๆกางกันแดดอยู่ ซึ่งเห็นร่มเล็กแบบนั้นไม่สามารถกันแดดกันฝนได้แน่นอน จึงปรึกษากันว่าจะทำหลังคาแบบจีนกันฝนกันแดดเพิ่มหรือเปล่า ก็ได้รับคำตอบจากคุณแม่บังอร (แม่ชีบังอร) คุณแม่บังอรปัจจุบันท่านอยู่ที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ผมทราบประวัติคุณแม่จากเฮียปรีดา ศิษย์ที่มาร่วมทำบุญว่า คุณแม่บังอรในอดีตเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่อยู่ที่วัดประดู่ฉิมพลี คอยช่วยงานที่หลวงปู่ให้ไปทำทุกอย่าง ก่อนหลวงปู่มรณภาพหลวงปู่สั่งคุณแม่ว่า ถ้าหลวงปู่มรณภาพให้ไปอยู่วัดปากน้ำ และตอนหลวงปู่มาปฏิบัติธรรมที่วัดถ้ำสิงโตทองกับคณะศิษย์หลายๆคน คุณแม่บังอรก็มักตามหลวงปู่มาปฏิบัติธรรมด้วย จนถึงปัจุบันนี้คุณแม่บังอรก็ยังมาดูแลวัดถ้ำสิงโตทองอยู่เสมอ ไม่ว่างานครบวันมรณภาพของหลวงปู่ ก็จะชวนคณะของท่านหาปัจจัยมาบำรุงวัดถ้ำสิงโตทองของหลวงปู่ไม่เคยขาด เมื่อข่าวว่าจะมีการทำหลังค่าเพิ่มไปถึงคุณแม่ คุณแม่บังอรจึงแจ้งแก่เฮียปรีดาให้มาบอกกับผมว่า เรื่องหลังคานี้ก็มีความคิดตั้งแต่ในสมัยนั้นแล้วว่าจะทำคลุมองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม แต่หลวงปู่ท่านไม่ให้ทำ เพราะพระโพธิสัตว์กวนอิมปางนี้เป็นปางโปรดสัตว์ จึงต้องให้อยู่กลางแจ้งแบบนี้ ผมจึงล้มเลิกไป จึงสรุปค่าใช้จ่ายในการบูรณะที่คณะศิษย์ทั้งหมดมอบหมายให้ผมช่วยทำหน้าที่แทนทุกท่าน ผมกับคณะกรรมการก็พยายามควบคุมการใช้จ่ายให้คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์อย่างที่สุด บิลค่าใช้จ่ายทั้งหมดผมก็ให้ทางวัดช่วยหาบอร์ด ผมก็ติดไว้ตรงทางบันไดขึ้นถ้ำ เพื่อความโปร่งใส เพื่อให้ศิษย์ที่จะมาวันทอดผ้าป่าที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๔ สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน จึงรวมค่าใช้จ่ายในงานนี้ทั้งสิ้น ๓๗๓,๐๓๙.๕๐ บาท (สามแสนเจ็ดหมื่นสามพันสามสิบเก้าบาทห้าสิบสตางค์)

 

ประตูทางเข้าอีกทางหนึ่งที่อยู่ข้างๆกุฏิ ถ้ามีโอกาสไปงวดหน้าจะขออนุญาตท่านเจ้าอาวาสเปิดเข้าไปชมภายใน ว่า หลวงปู่จำวัดนั่งปฏิบัติธรรมในอดีตบรรยากาศภายในเป็นอย่างไร แล้วบ่อน้ำมนต์ตามธรรมชาติที่ท่านเล่าให้ฟังเป็นอย่างไร

 

และแล้วในวันทอดผ้าป่าที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๔ ก็มาถึง ลูกศิษย์บางท่านทราบข่าวก็เดินทางมาจากสุพรรณบุรี นครปฐม มารอกันแต่เช้า ศิษย์ที่มาในวันนั้นได้มีการเลี้ยงพระเพล แก่พระภิกษุสงฆ์และสามเณรทั้งวัดถ้ำสิงโตทอง ผู้ที่มาก่อนจะถึงฤกษ์ชักผ้าป่าสามัคคี ก็ทยอยกันชมกุฏิที่เขาเหล่านั้นถวายปัจจัยมาบูรณะ และถ่ายภาพไว้คู่กับกุฏิเป็นที่ระลึกเป็นสิริมงคล บางท่านก็ขอถ่ายภาพคู่กับรถวีลแชร์ของหลวงปู่ ประหนึ่งว่าเหมือนมีหลวงปู่นั่งอยู่บนรถวีลแชร์ด้วย บรรยากาศในวันนั้นคึกครื้นยิ่ง ศิษย์ที่มารวมตัวกันในวันนั้น ต่างไม่รู้จักกันเลย แต่เมื่อมารวมกันในงานมงคลนี้โดยที่มีหลวงปู่เป็นศูนย์รวมจิตใจ ต่างจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างออกรส เหมือนกับรู้จักกันมาเป็นแรมปี หัวเราะกันครื้นเครงสบายใจแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก งัดพระเครื่องของหลวงปู่ออกจากคอมาดูมาศึกษากัน ต่างพูดคุยถึงประสบการณ์ที่แต่ละคนเล่า ว่าทำไมถึงศรัทธาหลวงปู่ ในวันนั้นผมเป็นแม่งานจึงลงไปแจมได้ไม่มากนัก ต้องเตรียมงานอยู่ตลอด แต่เมื่อได้ยินศิษย์ที่จับกลุ่มหัวเราะเฮเสียงดังมาที ผมก็อดที่จะมองแล้วยิ้มกับศิษย์หลวงปู่เหล่านั้นไม่ได้