คุณนับถือ ศาสนาอะไร เพราะอะไร

Discussion in 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' started by สุรีย์บุตร, Nov 26, 2007.

Tags: Add Tags
  1. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    Joined:
    May 26, 2006
    Messages:
    1,559
    Ratings:
    +2,122
    อยากถามคุณทั้งหลาย3ข้อว่า
    1.คุณนับถือศาสนาอะไร
    2.เพราะอะไรจึงนับถือศาสนานั้น
    3.คุณใช้เวลากี่นาทีในการตอบข้อที่2

    น่าเสียดาย สำหรับศาสนาพุทธ ที่เราต้องยอมรับว่า ชาวพุทธในประเทศจำนวนมาก อาจจะส่วนไหญ่ซะด้วย ตอบคำถามในข้อที่2ไม่ได้ หรือตอบได้ก็ทำเอาอึ้งๆๆและใช้เวลาคิดนาน อีกทั้งยังนับถือโดยขัดกับหลักคำสอนของศาสนาพุทธซะอีกด้วย คือนับถือเพราะ>นับถือตามๆกันมา<

    แต่ ถ้าถามว่าทำไมจึงนับถือเจ้าแม่กวนอิม กลับตอบได้ดีกว่า
    หรือกับบางคน ถ้าถามว่าทำไมจึงนับถือองค์จตุคาม ก็ตอบได้ดีกว่า มั่นใจที่จะตอบมากว่า
     
    Last edited: Mar 24, 2010
    • ถูกใจ ถูกใจ x 10
    • List
  2. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jan 30, 2007
    Messages:
    1,163
    Ratings:
    +3,739
    ตอบ

    1. พุทธ

    2. เป็นศาสนาเดียวที่สอนวิธีปฏิบัติเพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดของชีวิตซึ่งเป็นการดับทุกข์อย่างสิ้นเชิง คือ นิพพานคือการไม่เกิดซ้ำอีก และเป็นศาสนาที่สอนให้เข้าใจถึงสัจธรรมความเป็นจริงของสรรพสิ่งอย่างถ่องแท้ แต่เน้นที่ กาย กับจิต คือรูปกับนาม นั่นเอง มันเป็นสภาวะธรรม(ชาติ)ความเป็นจริงล้วน ๆ ไม่ใช่การอุปโลก หรือ เทวองค์การ ที่นึกเอาเดาเอา อย่างหาเหตุผลไม่ได้ ศาสนาพุทธสอนให้มีศรัทธาในเบื้องต้น และปฏิบัติให้เกิดปัญญาด้วยตนเอง ไม่ใช่การดลบรรดาล และไม่ใช่ให้มีแต่ศรัทธาเพราะจะทำขาดปัญญา กลายเป็นศาสนางมงาย

    3. เสี้ยววินาที
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 9
    • List
  3. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Oct 27, 2006
    Messages:
    2,709
    Ratings:
    +3,236
    การจะนับถือศาสนา ก็ต้องมีกระบวนการเรียนรู้
    จะเอาด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า ก็แหม๋...

    ศาสนาพุทธเป็นเรื่องที่ค่อนข้าง เข้าใจได้ยากในตอนแรก
    เพราะฉะนั้นไม่แปลกที่ชาวพุทธจะตอบช้าไปนิดนึง

    มวยที่น๊อกด้วยหมัดแย๊บ หาได้ยากมาก
    หมัดแย๊บ เค้าเอาไว้รบกวนจังหวะเท่านั้น
    ไม่มีใครกะน๊อก ด้วยหมัดแย๊บหรอกครับ
    มวยมีตังหลายยก จะให้น๊อกยกแรกเลย เสียดายตังค์ค่าตั๋วแย่...
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 11
    • List
  4. ahantharik

    ahantharik เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Dec 23, 2005
    Messages:
    1,594
    Ratings:
    +6,347
    1. นับถือศาสานาพุทธ ตลอดกาล

    2. เพราะศาสนาพุทธสอนให้รู้จักสัจธรรม ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของไม่เที่ยง มีเกิด และก็มีดับ สอนให้รู้จักพ้นทุกข์แบบมีหลักการและเหตุผล สอนให้รู้จักมีปัญญาอยู่เสมอ สอนให้รู้จักศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 ข้อ ว่ามันดีอย่างไร บุคคลใดละเมินศีล จักเป็นอย่างไร (เช่น ดื่มเหล้าขาดสติ ขับชนคนตาย เราไม่ตายก็พิการ ศีลข้อที่ 5) สอนให้รู้จักปล่อยว่าง สอนให้ขัดจิตใจให้สะอาด มีสมาธิ มีปัญญา พ้นจากกิเลสทั้งปวง เพื่อมุ่งสู่นิพพาน...

    3.เสี่ยววินาที เพราะได้ท่องจนเป็นญาณ เช้า กลางวัน และก่อนนอน

    หมายเหตุ เจ้าแม่กวนอิม และองค์จตุคาม ก็นับถือ ถามว่าทำไมถึงนับถือ ก็เพราะว่า ผมจะนับถือคุณงามความดีที่มีอยู่ มาปรับใช้ชีวิตประจำวัน แต่ไม่ของมงาย (deejai)
     
    Last edited: Nov 26, 2007
    • ถูกใจ ถูกใจ x 9
    • List
  5. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Aug 20, 2007
    Messages:
    5,943
    Ratings:
    +24,698
    1. ศาสนาพุทธค่ะ

    2.1 เมื่อตอนเด็ก ๆ คิดว่า นับถือเพราะต้องทำตามพ่อแม่ค่ะ
    2.2 เมื่อตอนเด็ก ๆ คิดว่า นับถือเพราะเป็นศาสนาประจำชาติ

    2.3 ปัจจุบันที่นับถือศาสนาพุทธอยู่นี้ เพราะ ไม่มีศาสนาไหนจะสอนให้เราพ้นทุกข์ได้เหมือนอย่างศาสนาพุทธค่ะ ไม่มีศาสนาไหนในโลกที่จะสอนให้หลุดพ้นเหมือนศาสนาพุทธค่ะ

    3.จิตคิดได้เร็วมาก ๆ ค่ะ อาจจะเร็วกว่าแสงค่ะ อิอิ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 10
    • List
  6. Nefertity

    Nefertity เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jul 24, 2006
    Messages:
    128
    Ratings:
    +634

    ขออนุโมทนากับคำตอบที่ลัดสั้นตรงใจข้าพเจ้าเป็นอย่างยิ่ง
    ที่น่าประทับใจคือการอุปมาที่เข้าใจได้ง่านด้วยเชิงมวย การโยนิโสนมสิการ (การคิดพิจารณาโดยแยบคายซึ่งสมบูรณ์ครบถ้วนด้วยสติ และสัมปชัญญะ) ต้องใช้เวลาในการพิจารณาไตร่ตรอง มิใช่ศัทราธรรมดาที่ชักจูงได้ง่ายเกินจนมองดูเหมือนไร้สติยั้งคิด ฉะนั้น เวลาในการค้นหาคำอธิบายในเรื่องของคุณประโยชน์ของพระพุทธศาสนานั้น จไม่อาจใช้เวลาเพียงเล็กสั้น หากแต่ต้องอาศัยเวลา และความสมบูรณ์พร้อมของ ไตรสรณคมณ์,ไตรสิกขา และ ไตรลักษณ์ จึงกล่าวได้ว่าสมบูรณ์พร้อมในทุกคำตอบของพระพุทธศาสนา ขอแค่เพียงเราชาวพุทธร่วมใจกันศึกษาและพัฒนาศัทธาของผองเราทั้งหลายให้ยั่งยืนเพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนาจวบจนสิ้นพุทธันดรนี้ได้ ตราบนั้นพระไตรรัตน์ก็จนปรากฎรวมภายในใจชาวพุทธได้อย่างแน่นอน
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 6
    • List
  7. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jan 4, 2005
    Messages:
    4,780
    Ratings:
    +7,482
    ตอบข้อ1. พุทธ
    ตอบข้อ2. เป็นศาสนาที่ตกทอดมาแต่บรรพบุรุษ ก็นับถือตามๆกันไป
    ตอบข้อ3. ไม่ถึงวินาที
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 8
    • List
  8. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Nov 15, 2007
    Messages:
    2,013
    Featured Threads:
    1
    Ratings:
    +3,332
    นับถือศาสนา พุทธ
    เป็นเส้นทางเดียวที่จะนำพาชีวิตไปสู่ความสงบสุข
    ใช้เวลา 1 นาที
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 7
    • List
  9. จันทร์เจ้า

    จันทร์เจ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Nov 19, 2004
    Messages:
    830
    Ratings:
    +1,948
    1. นับถือศาสนาพุทธ (นับถือศาสนาอื่นด้วยแต่ไม่ได้ปฎิบัติตามทั้งหมดเหมือนศาสนาพุทธ)
    2. เพราะเหมือนธรรมชาติในตัวผมมากที่สุด
    3. อ่านคำถามข้อ 1 จบก็มีคำตอบแบบนี้เกิดขึ้นในหัวทันทีครับ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 7
    • List
  10. whitenaga

    whitenaga เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jan 4, 2007
    Messages:
    796
    Ratings:
    +2,752
    1.ศาสนาพุทธ
    2.เพราะพ่อแม่พาเข้าวัดแต่ยังเล็ก โตมาศึกษามากขึ้นยิ่งซาบซึ้ง ยิ่งเข้าใจเป็นศาสนาที่มีเหตุผล เข้าใจชีวิต รู้ถึงทุกข์ หาทางพ้นทุกข์ได้โดยเด็ดขาด

    ใช้เวลาประมาณ 1-2 หรือ 3 วินาทีนี่หล่ะค่ะ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 7
    • List
  11. fujin

    fujin เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Nov 11, 2007
    Messages:
    154
    Ratings:
    +344
    1. พุทธ
    2. เพราะเลื่อมใสศรัทธา ทำให้รู้สึกอบอุ่น อุ่นใจ หลักการปฏิบัติสอดคล้องกับความเป็นจริง
    3. 1 วินาที
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 7
    • List
  12. ชายเสรี

    ชายเสรี เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Aug 2, 2006
    Messages:
    394
    Ratings:
    +1,950
    1. พุทธ
    2. นิพพาน
    3. คำตอบข้อ 2 มาพร้อมกันกับข้อ 1 ครับ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 6
    • List
  13. แจ้งให้ทราบ

    แจ้งให้ทราบ เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jun 22, 2007
    Messages:
    189
    Ratings:
    +691
    อนุโมทนาครับ

    นับถือศาสนาพุทธครับ นับถือพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งทางปัญญา จะขอพึ่งพระปัญญาของพุทธองค์ตลอดนิรันดร์ เวลานี้พระพุทธเจ้าไม่ต่างไปจากเจ้านาย ท่านจะสั่งไปซื้อน้ำชากาแฟก็สุดแล้วแต่จะบัญชา แม้ร้านค้านั่นหนาอยู่ไกลถึงต้องข้ามฝั่งคลอง ก็จะยอมต่อเรือข้ามฝั่งไป

    ( ประโยคหลังพูดเล่นครับ หวังว่าคงไม่ทำให้ท่านผู้มีใจศรัทธาในพระศาสนาอย่างแรงกล้า ต้องโกรธเคืองสาปแช่ง )
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 6
    • List
  14. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    Joined:
    May 26, 2006
    Messages:
    1,559
    Ratings:
    +2,122
    น่ายินดีครับ อ่านแล้วผมก็ยิ้ม รู้สึกน่ายินดี(good)
    ก็นี่เป็นเว็ปศาสนานินะ
    ที่ผมอึ้ง จนมาตั้งคำถามก็เพราะผมไปถามแฟน อายุ30
    แฟนตอบว่าที่นับถือก็เพราะ ก็ ๆ ๆไม่รู้สิก็เขานับถือกัน จะถามทำมาย -*-

    ถามแม่ อายุ58 แม่ตอบว่าก็นับถือตามๆกันมาตั้งแต่สมัยอากง อาม่า - -"

    (b-wow)
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 5
    • List
  15. aonwit01

    aonwit01 เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Dec 6, 2005
    Messages:
    681
    Ratings:
    +1,025
    1. ตอนนี้ยังไม่มีครับ

    2. ความจริงอยากตอบว่าศาสนาพุทธ แต่ผมในตอนนี้ยังไม่เข้าใจสิ่งต่างๆในศาสนาพุทธดีนัก แถมยังถือศีล 5 ได้ไม่ครบอีก เลยไม่อยากนับตัวเองเป็นชาวพุทธก่อน เดี๋ยวศาสนาเสื่อมหมด

    3. ใช้เวลาคิด 3 วินาที เขียนอีก 20 วินาที
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • List
  16. Chaiyaboon

    Chaiyaboon เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Sep 25, 2007
    Messages:
    419
    Ratings:
    +1,803
    เปิดปูมความคิดความเชื่อ หลักธรรมคำสอนของแต่ละศาสนา
    - จากนสพ.ธรรมลีลา กค.๒๕๔๕ -<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>



    พระธรรมปิฎก(ป.อ.ปยุตฺโต) ให้คำจำกัดความของคำว่า“ศาสนา”ไว้ดังนี้ ศาสนาคือ คำสอน คำสั่งสอน ปัจจุบันใช้หมายถึงลัทธิความเชื่อถืออย่างหนึ่งๆ พร้อมด้วยหลักคำสอน ลัทธิพิธี องค์การ และกิจการทั่วไปของหมู่ชนผู้นับถือลัทธิความเชื่อถืออย่างนั้นๆ ทั้งหมด

    ‘ธรรมลีลา’ ได้ประมวลข้อมูลเบื้องต้น ในด้านความคิดความเชื่อและหลักธรรมคำสอนของแต่ละศาสนา เพื่อเป็นความรู้พอสังเขปในการทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน อันจะนำมาซึ่งความรักและความ สามัคคีของหมู่ชน

    <o:p></o:p>

    <?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shape id=_x0000_s1036 style="WIDTH: 29.25pt; HEIGHT: 31.5pt" coordsize="21600,21600" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://omsakthi.org/gifs/hinduism.gif" src="tree8-filer/image002.gif"></v:imagedata></v:shape>

    ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู <o:p></o:p>


    ผู้ตั้ง ไม่มีนามปรากฏ พระเจ้าในศาสนา คือ พระพรหมและอื่นๆ ศาสนานี้เกิดที่ประเทศอินเดีย มีคัมภีร์พระเวทเป็นคัมภีร์สำคัญ เวลาเกิดประมาณก่อน พ.ศ.2,000-2,500 ปี
    ศาสนาพราหมณ์เป็นมูลฐานของฮินดู มีการนับถือแยกกันไปคนละตอนคนละสมัย คือตอนต้นเป็นพราหมณ์แท้ จนถึงตอนต้นพุทธกาล และตอนหลังเป็นฮินดู
    แม้ว่าประชากรที่นับถือศาสนาฮินดูจะมีทัศนะและความเชื่อทางศาสนาแตกต่างกันออกไป แต่หลักสำคัญที่รวมฮินดูทั้งหลายเข้าด้วยกันคือ หลักแห่งการแสวงหาสัจจะ ผู้ที่นับถือศาสนาฮินดู ถือว่า การแสวงหาสัจจะนี้คือ วิถีแห่งชีวิตโดยแท้ หนังสือคัมภีร์ของฮินดูเป็นที่รวมของความเชื่อ และหลักปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งมีแนวผิดแปลกกันออกไป ทั้งโบสถ์วิหารอันเป็นที่สถิตของบรรดาเทพเจ้า และเทวี ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะสืบต่อกันมา นับแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ศาสนานี้เจริญขึ้นมาเป็นลำดับและแพร่หลายไปทั่ว รวมเอาความเชื่อหลายประการเข้าด้วยกัน
    ยะวาหระลาล เนห์รู นายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดียเขียนเอาไว้ว่า “คำว่า ฮินดู กินความหมายกว้างมาก เพราะเป็นศูนย์รวมของความเชื่อถือและวัตรปฎิบัตินานาประการ ตั้งแต่ต่ำสูดจนถึงสูงสุด และมีบ่อยๆ ที่ความเชื่อและวัตรปฏิบัติเหล่านี้เป็นปฎิปักษ์ต่อกันหรือขัดแย้งกัน สาระสำคัญของฮินดู ดูเหมือนจะอยู่ที่ว่า จงมีชีวิตอยู่และจงให้ผู้อื่นมีชีวิตอยู่ด้วย”
    มหาตมะคานธี ให้นิยามไว้ว่า “หากข้าพเจ้าถูกขอร้องให้อธิบายความหมายของฮินดู ข้าพเจ้าขอพูดแต่เพียงว่า : จงดั้นด้นค้นหาสัจธรรมด้วยวิถีทางแห่งอหิงสา (การไม่เบียดเบียนประทุษร้าย กันด้วยกาย วาจา และใจ) คนที่ไม่เชื่อในพระผู้เป็นเจ้าก็อาจจะเรียกตนเองว่าเป็นฮินดูได้ ศาสนาฮินดูก็คือการเสาะแสวงหาสัจธรรมโดยไม่หยุดยั้ง.. ศาสนาฮินดูเป็นศาสนาแห่งสัจธรรม สัจธรรมคือพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้านั้นมีผู้ปฏิเสธไม่ยอมรับนับถือ แต่เรายังไม่เคยเห็นใครปฏิเสธสัจธรรม”


    --------------

    <o:p></o:p>

    <v:shape id=_x0000_s1035 style="WIDTH: 29.25pt; HEIGHT: 34.5pt" coordsize="21600,21600" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://omsakthi.org/gifs/judaism.gif" src="tree8-filer/image003.gif"></v:imagedata></v:shape>

    ศาสนายิว(ยูดาย) <o:p></o:p>


    ผู้ตั้งคือโมเสส พระเจ้าในศาสนาคือ ยะโฮวา ศาสนานี้เกิดที่ปาเลสไตน์ หรือดินแดนแถบนั้น คัมภีร์สำคัญของศาสนาคือ ทัลมุด, ดทราห์ และไบเบิล(เก่า) เวลาเกิดประมาณก่อน พ.ศ.1,700-2,000 ปี
    คติทางศาสนาของยิว แบ่งได้ 3 พวกคือ 1. ฟาริซี เป็นพวกเชื่อมั่นในลัทธิและจารีตเก่าแก่ตามโบราณประเพณีที่ยึดถือกันมาอย่างเข้มงวด เชื่อความไม่ตาย การกลับมาเกิด ความคงอยู่ของดวงวิญญาณและเทพบริวาร 2. ซาดู 5 เป็นพวกที่แตกแขนงออกไป คติทางศาสนาของนิกายนี้เรียกว่า ศาสนายิวปฏิรูป ไม่สนใจการปฏิบัติและพิธีกรรมโบราณ มั่นคงอยู่ในบัญญัติ 10 ประการของโมเสส ไม่แตะต้องเรื่องคงอยู่ของวิญญาณ และเรื่องเทพเจ้าอื่น นอกจากพระยะโฮวาองค์เดียว 3.เอสเซเนส ศาสนิกนิกายนี้ประพฤติพรหมจรรย์อย่างเคร่งครัด ชอบอยู่โดดเดี่ยว เชื่อในเทพบริวาร ไม่นิยมพลีกรรม แต่กลับนิยมบูชาแสงสว่าง
    เมื่อศตวรรษที่ 11 นักประพันธ์ยิวคนหนึ่งเขียนสรุปคำสอนอันเป็นจริยธรรมของยิวไว้ว่า “พูดแต่ความจริง เป็นคนถ่อมตัว มีความเป็นอยู่สามัญ พึ่งตัวเอง หลีกการคบคนชั่ว ไม่ซ้ำเติมศัตรู หลีกความโกรธ ฯลฯ และในคัมภีร์ ทัลมุดของยิวตอนหนึ่งสอนเป็นความว่า “การปฏิบัติตามบัญญัติ เหมือนกับเดินบนถนน 2 สาย สายหนึ่งเต็มไปด้วยไฟ อีกสายหนึ่งเต็มไปด้วยหิมะ เดินบนถนนสายแรกร้อนตาย เดินบนถนนสายหลังหนาวตาย เพื่อความปลอดภัย ให้เดินไประหว่างทาง 2 สายนั้น”


    --------------

    <o:p></o:p>

    <v:shape id=_x0000_s1034 style="WIDTH: 28.5pt; HEIGHT: 25.5pt" coordsize="21600,21600" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://omsakthi.org/gifs/shinto.gif" src="tree8-filer/image004.gif"></v:imagedata></v:shape>

    ศาสนาชินโต <o:p></o:p>


    ผู้ตั้งไม่มีนามปรากฎ พระเจ้าในศาสนามีมากมาย ศาสนานี้เกิดที่ประเทศญี่ปุ่น คัมภีร์ของศาสนาคือ โคยิกิ และ นิฮองงิ เวลาเกิดประมาณก่อน พ.ศ.117 ปี
    ชินโต เป็นศาสนาพื้นเมืองเดิมของญี่ปุ่น ที่มีรูปขึ้นมาจากเทพนิยายอันสลับซับซ้อน ลักษณะของชินโตคือ แนวความเชื่อถือขั้นพื้นฐานในเรื่องของอำนาจธรรมชาติ และเชื่อว่าในธรรมชาติมีกามิ (เทพ)อยู่ และพระเจ้าที่สูงสุดกว่าพระเจ้าองค์ใดของชินโตคือ พระอาทิตย์
    มีตำนานเรื่องหนึ่งที่คนญี่ปุ่นรู้จักดี และเขียนเป็นภาพไว้เป็นจำนวนมากมายหลายแห่ง ตำนานเรื่องนี้เป็นที่มาของศาสนวัตถุที่สำคัญของชินโต เรื่องมีว่า อมาเตระสุตกใจและกลัวเทพแห่งพายุน้องชายของเธอ ซึ่งเดินทางเข้าไปในถ้ำแหง่หนึ่ง กามิทุกองค์บนสรวงสวรรค์พากันวิตกกังวล เมื่อเทพีองค์นี้หายไป และมีความงุนงงว่า จะทำอย่างไรดี แล้วบรรดากามิก็พากันวางอุบายเอากระจก เงาบานหนึ่งวางที่ปากถ้ำซึ่งจะสามารถใช้แผ่นหินเปิดปากถ้ำได้ แล้วกามิสตรีชื่อ อุทสุเม (Utsume) กามิแห่งการฟ้อนรำ ตีกลองให้ความบันเทิงแก่กามิองค์อื่นๆ แล้วบรรดากามิพากันส่งเสียงหัวเราะเสียงดัง อมาเตระสุได้ยินเสียงประหลาดดังอยู่นอกถ้ำเช่นนั้น ก็อยากรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นจึงเดินออกมานอกถ้ำ ขณะเมื่อพ้นปากถ้ำ กามิถือเชือกหย่อนจากแผ่นหินลงมาปิดปากถ้ำ เมื่ออมาเตระสุมองเห็นใบหน้าของตนเองในกระจก ก็ประหลาดใจ แล้วอมาเตระสุก็ถูกนำมายังที่ประชุมของกามิ
    กระจกเงาบานนี้ ในศาสนาชินโต พร้อมกับลูกปัดอิซานากิ บิดาของนางและดาบศักดิ์สิทธิ์ซึ่งตัดออกมาจากหางมังกร กลายเป็นศาสนวัตถุที่สำคัญยิ่ง ศาสนวัตถุเหล่านี้เรียกว่าชินไต หรือวัตถุอาถรรพ์ ถูกเก็บไว้ในห้องพิเศษในพระราชวัง เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์จนต้องห่อไว้ด้วยความระมัดระวัง ชินไตหรือวัตถุศักดิ์สิทธิ์ และกึ่งศักดิ์สิทธิ์มีอยู่มากมายหลายชนิดทั่วประเทศญี่ปุ่น มีทั้งในบ้านส่วนตัว และในศาลเจ้า มีศาลชินโต 100,000 แห่ง เป็นที่เคารพสักการะของชาวญี่ปุ่น และโรงเรียนเกือบทุกแห่งจะมีศาลชินโตเล็กๆ ตั้งอยู่
    ชาวญี่ปุ่นนั้นมีความรู้สึกผูกพันกับธรรมชาติ ความรักธรรมชาติ ความรักชาติ และศาสนาอยู่มาก เรื่องเหล่านี้จึงไม่สามารถแยกออกจากกันได้จริงๆ ในความ รู้สึกของคนญี่ปุ่น เพราะศาสนาชินโตเติบโตจากสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติรอบๆ คนญี่ปุ่น ในศาสนาชินโตได้แสดงความรู้สึกดังกล่าวออกมาในรูปของการแปลความหมายและการศึกษาธรรมชาติ ในตอนแรกๆ พิธีกรรมในศาสนาชินโตเป็นพิธีกรรมแบบง่ายๆ แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปนานๆ ก็กลายเป็นพิธีกรรมซับซ้อน มากยิ่งขึ้น

    --------------

    <o:p></o:p>

    <v:shape id=_x0000_s1033 style="WIDTH: 52.5pt; HEIGHT: 33pt" coordsize="21600,21600" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://omsakthi.org/gifs/zoroastrianism.gif" src="tree8-filer/image005.gif"></v:imagedata></v:shape>

    ศาสนาปาร์ชี หรือ ศาสนาโซโรอัสเตอร์ <o:p></o:p>


    ผู้ตั้งคือ โซโรอัสเตอร์ พระเจ้าในศาสนาคือ อาหุรมัสดาและอื่นๆ ศาสนานี้เกิดที่ประเทศเปอร์เชีย คัมภีร์สำคัญของศาสนาคืออเวสตา เวลาเกิดประมาณก่อนพ.ศ.117 ปี
    ชาวเปอร์เซียถือเป็นมนุษย์พวกแรกบนโลกที่โน้มเข้าสู่ลัทธิเอกเทวนิยม ไม่นิยมสร้างรูปเคารพแทนเทพเจ้า และไม่มีแท่นบูชาทิ้งไว้ให้ปรากฎ
    โซโรอัสเตอร์ประกาศว่า พระเจ้าอหุรมาสดา เป็นผู้ทรงความบริสุทธิ์ เป็นผู้ ทรงแสงสว่างยิ่งกว่าแสงสว่างอันใด เป็นผู้ประทานความอบอุ่นแก่มวลมนุษย์ทั้งหลาย ดังนั้น ไฟ จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งเทพเจ้า ด้วยว่า เมื่อมีไฟอยู่ที่ใด ไฟย่อมจะเผาผลาญสิ่งสกปรกโสมมทั้งหลาย ให้เหลือแต่ความบริสุทธิ์ ข้อนี้ฉันใด เทพเจ้าอาหุรมาสดา ประทับอยู่ในที่ใด ที่นั้นย่อมจะมีแต่ความบริสุทธิ์ โดยเหตุนี้ ศาสนิกชนของศาสนานี้จึงได้ชื่อว่าผู้บูชาไฟ และศาสนานี้จึงได้ชื่อว่า ศาสนาของผู้บูชาไฟ ด้วย
    ศาสนิกทุกคนถือว่าจะต้องมีสถานที่จุดไฟเพื่อการบูชาไว้ไม่ขาดสาย จะต้องคอยระวังไม่ให้ไฟดับ คติของศาสนิกมีว่า ทุกครอบครัวมีสถานที่บูชาไฟ อย่างน้อยที่สุดต้องบูชาเวลาพระอาทิตย์ตกดิน มุ่งให้แสงไฟเป็นเครื่องหมายแสดงอำนาจของมหาเทพว่ายังคงอยู่ตลอดกาล
    ศาสนานี้ถือหลักเรื่องความเมตตากรุณาเป็นหลักใหญ่ และศาสนิกต้องไม่พูดเท็จเด็ดขาด ศาสนิกทุกคนต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา ใจ และรักษาธรรม ชาติ เช่น ดิน น้ำ ลม ไฟ ให้บริสุทธิ์ ด้วย


    --------------

    <o:p></o:p>

    <v:shape id=_x0000_s1032 style="WIDTH: 29.25pt; HEIGHT: 29.25pt" coordsize="21600,21600" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://omsakthi.org/gifs/taoism.gif" src="tree8-filer/image006.gif"></v:imagedata></v:shape>

    ศาสนาเต๋า <o:p></o:p>


    ผู้ตั้งคือ เล่าจื๊อ พระเจ้าในศาสนาไม่มี ศาสนานี้เกิดที่ประเทศจีน คัมภีร์คือ เต้าเต้เก็ง(เต๋าเต้ชิง) เวลาเกิดประมาณ ก่อน พ.ศ.61 ปี
    เต๋า แปลว่า มรรคา หรือ ทาง โดยนัยแล้วหมายถึง สภาพอันเป็นไปโดยธรรมชาติ เต๋าเป็นพลังในการสร้างสวรรค์และสร้างโลก พลังนั้นมีมาก่อนความเป็นไปของฟ้าและดิน เต๋าสอนให้มนุษย์มีความสงบ มีความเป็นธรรมดา สอนให้มนุษย์ดำเนินชีวิตอันเป็นจุดสุดท้ายของตนเองด้วยการปฏิบัติตนไปในทางที่เป็นธรรมดาเข้ากันได้กับธรรมชาติที่เป็นไปทุกวิถีทาง
    เล่าจื๊อผู้เป็นศาสดาของเต๋ามีลักษณะเจียมเนื้อเจียมตัว อ่อนน้อมถ่อมตน และรู้กินรู้ใช้อยู่เสมอ ดังความตอนหนึ่งในคัมภีร์เต๋าเต้ชิงที่ว่า
    “คนในโลก นับถือว่าข้าพเจ้าเป็นปราชญ์ แต่ข้าพเจ้าหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ข้าพเจ้ามีสมบัติติดตัวเพียง 3 อย่าง และเป็น 3 อย่างที่ข้าพเจ้าจะต้องรักษาและทำให้มีอยู่เสมอ คือความเมตตากรุณา ความกระเหม็ดกระแหม่ และความอ่อนน้อมถ่อมตน จงสุภาพเพื่อความกล้าหาญ จงกระเหม็ดกระแหม่เพื่อความเป็นอยู่ และอย่าชิงออกหน้าคนอื่น เพื่อจะได้เป็นผู้นำคนอื่น ด้วยสมบัติ 3 สิ่งนี้ ทำให้ข้าพเจ้าไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของคนอื่น”
    ตลอดชีวิตของเล่าจื๊อได้ยึดถือสมบัติอย่างดังกล่าวอย่างเหนียวแน่น จนสมบัติดังกล่าวกลายเป็นแก้วหรือคุณธรรม 3 ประการของผู้ที่นับถือปรัชญาลัทธิเต๋าสืบต่อมา


    --------------

    <o:p></o:p>

    <v:shape id=_x0000_s1031 style="WIDTH: 20.25pt; HEIGHT: 33.75pt" coordsize="21600,21600" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://omsakthi.org/gifs/jainism.gif" src="tree8-filer/image007.gif"></v:imagedata></v:shape>

    ศาสนาเชน <o:p></o:p>


    ผู้ตั้งคือ วรรธมาน (มหาวีระ) พระเจ้าในศาสนาไม่มี ศาสนานี้เกิดที่ประเทศอินเดีย คัมภีร์ในศาสนาคืออังคะ(อาคม) เวลาเกิดประมาณก่อนพ.ศ.57 ปี
    ศาสนาเชนแบ่งเป็นสองนิกายใหญ่ๆ คือ เศวตัมพร (นุ่งขาวห่มขาว) เชื่อว่าเครื่องนุ่งห่มสีขาวไม่เป็นอุปสรรคต่อการหลุดพ้น และทิฆัมพร (นุ่งลมห่มฟ้า-เปลือยกาย) ไม่สนใจต่อสรรพวัตถุ ผู้ที่นับถือศาสนาเชนนี้จะระมัดระวังมาก ที่จะไม่ทำลายสิ่งมีชีวิตแม้แต่สิ่งมีชีวิตที่เล็กที่สุด (ดังในงานประชุมผู้นำศาสนาโลก นักบวชของเชนนิกายเศวตัมพรจะมีผ้าปิดปากเพื่อระวังไม่ให้มีแมลงหรือสิ่งมีชีวิตใดๆ เข้าปากได้) อย่างในอินเดียนั้น นักบวชจะมีพู่หนึ่งอันไว้คอยปัดมด แมลง เวลาที่จะนั่ง เดิน หรือนอน เพื่อไม่ให้เผลอไปทำร้ายทำลายชีวิตของสิ่งมีชีวิต อื่นๆ สำหรับนักบวชนิกายทิฆัมพร ซึ่งเปลือยกายเดินนั้น กว่าจะมาเป็นนักบวชในนิกายนี้ได้ต้องผ่านการฝึกฝนควบคุมร่างกายและจิตใจอย่างหนักและเข้มในทุกๆ ด้าน เช่นเรื่องราคะความกำหนัดในกามารมณ์ เป็นต้น
    ศาสนาเชนเชื่อว่าความเชื่อถือศรัทธาที่ถูกต้อง ความรู้ ความประพฤติที่ถูกต้อง และการรักษาพรหมจรรย์จะนำไปสู่การหลุดพ้น เป็นศาสนาที่ยึดถือศรัทธาความเลื่อมใสเป็นที่ตั้ง มีทั้งฆราวาส บรรพชิต และชี ส่วนใหญ่จะอยู่ทางตอนกลางและตอนใต้ของประเทศอินเดีย


    --------------

    <o:p></o:p>

    <v:shape id=_x0000_s1030 style="WIDTH: 34.5pt; HEIGHT: 34.5pt" coordsize="21600,21600" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://omsakthi.org/gifs/buddhism.gif" src="tree8-filer/image008.gif"></v:imagedata></v:shape>
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 3
    • List
  17. Chaiyaboon

    Chaiyaboon เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Sep 25, 2007
    Messages:
    419
    Ratings:
    +1,803
    <?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shape id=_x0000_s1030 style="WIDTH: 34.5pt; HEIGHT: 34.5pt" coordsize="21600,21600" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://omsakthi.org/gifs/buddhism.gif" src="tree8-filer/image008.gif"></v:imagedata></v:shape>

    ศาสนาพุทธ <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>


    ผู้ตั้งคือ พระสมณโคดม พระเจ้าในศาสนาไม่มี ศาสนานี้เกิดที่ประเทศอินเดีย คัมภีร์คือพระไตรปิฎก เวลาเกิดประมาณก่อนพ.ศ.45 ปี
    พุทธ หมายถึง ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน องค์ประกอบของศาสนาพุทธ คือ พระรัตนตรัย หมายถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คัมภีร์สำคัญ คือ พระไตรปิฎก นั้นแบ่งเป็น หนึ่ง พระวินัยปิฎก มีสาระเกี่ยวกับข้อปฏิบัติของพระภิกษุสงฆ์ สอง พระสุตตันตปิฎก มีสาระเกี่ยวกับพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้าและพระสาวก สาม พระอภิธรรมปิฎก มีสาระเกี่ยวกับหลักธรรมขั้นสูงทางด้านวิชาการ
    พระพุทธศาสนาสอนให้มองโลกตามความเป็นจริงว่า โลกที่เราเป็นอยู่นี้ เป็นความจริงอย่างนี้ ชีวิตของมนุษย์มีความเป็นจริงอย่างนี้ หากเราไม่ยอมรับความจริงเท่าที่ปรากฏอยู่ เราจะแก้ปัญหาไม่ถูกจุดและแก้ไม่ได้ตลอดกาล และความทุกข์เป็นสิ่งพึงเรียนรู้และทำความเข้าใจเพื่อหาทางดับทุกข์นั้น
    หลักคำสอนที่สำคัญในศาสนาพุทธ ได้แก่ ไตรลักษณ์, ขันธ์ 5, อริยสัจ 4 และมรรคมีองค์ 8 เป็นต้น ส่วนความเชื่อ ที่เป็นหลักในพุทธศาสนาคือเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม
    พุทธศาสนาถือเอาพระธรรมเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า เพราะพระธรรมจะนำพาบุคคลผู้ประพฤติปฏิบัติตามไปสู่ชีวิตที่เที่ยงธรรมและสันติ ดังนั้น พระธรรมจึงเป็นเครื่องครองชีวิตและครองโลก เป็นสรณะแห่งชีวิตและแห่งโลก เป็นศาสตร์ที่รวมศาสตร์ทั้งหลาย พุทธศาสนา จึงเป็นมนูศาสตร์ คือเป็นศาสตร์สำหรับมนุษย์และสำหรับโลก และเป็นธรรมศาสตร์ คือเป็นธรรมสามารถคุ้มครองโลก ได้ด้วย ทั้งนี้เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้ปราศจากแล้วซึ่งกิเลสที่ร้อยรัด เป็นผู้รู้ความจริงอันประเสริฐ เป็นผู้รู้แจ้งซึ่งโลก ธรรมของพระองค์ช่วยปลดเปลื้องความเป็นทาสของกิเลสทั้งปวง ให้กับสังคมและโลก
    พุทธศาสนาแบ่งเป็น 2 นิกายสำคัญ คือ นิกายหินยาน หรือเถรวาท อันเป็นนิกายดั้งเดิม เป็นหลักพุทธศาสนาตามแบบเดิม มีความเชื่อว่าพระวินัยแก้ไขไม่ได้ เน้นชีวิตสงฆ์ว่าเป็นอุดมเพศ เป็นเพศที่บริสุทธิ์ ส่วนนิกายมหายาน หรืออาจาริยวาท เป็นนิกายที่แยกออกมา มีความเชื่อว่าพระวินัยแก้ไขได้ตามความจำเป็น ไม่เน้น ชีวิตสงฆ์ โดยเชื่อว่าภิกษุชั่วจะดีไปกว่าฆราวาสที่มีศีลธรรมไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีนิกายอื่นๆ เช่น นิกายตันตรยาน นิกายวัชรยาน เป็นต้น


    --------------

    <o:p></o:p>

    <v:shape id=_x0000_s1029 style="WIDTH: 30pt; HEIGHT: 30pt" coordsize="21600,21600" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://omsakthi.org/gifs/confucianism.gif" src="tree8-filer/image009.gif"></v:imagedata></v:shape>

    ศาสนาขงจื้อ <o:p></o:p>


    ผู้ตั้งคือ ขงจื๊อ พระเจ้าในศาสนาไม่มี ศาสนานี้เกิดที่ประเทศจีน คัมภีร์คือ วรรณคดีชั้นสูง ซึ่งเรียกว่า เก็ง ทั้ง 5 และ ซู ทั้ง 4 เวลาเกิดประมาณก่อน พ.ศ. 7 ปี
    ขงจื๊อสอนให้ปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความเมตตา แต่ทว่าเมตตานั้นต้องเป็นไปด้วยความยุติธรรม ผู้ทำชั่วร้าย ต้องได้รับผลตอบแทนตามสมควรแก่การกระทำ ขงจื๊อไม่ยอมปล่อยให้ผู้มีความผิดลอยนวลไปได้ ด้วยเมตตาอันเกินขอบเขต เน้นเรื่องความกตัญญูกตเวที ไม่ส่งเสริมไสยศาสตร์ ไม่ส่งเสริมการกระทำใดๆ ที่ฟุ่มเฟือย อีกประการหนึ่ง ขงจื๊อยังมุ่งหมายที่จะชำระสังคมที่ไม่สะอาด ความเหลวแหลกในการปกครองให้เรียบร้อย เพื่อความสันติของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลักใหญ่
    ศาสนาขงจื๊อได้กลายเป็นส่วนหนึ่งแห่งสังคม และความคิดของคนจีนทั้งมวล อย่างแยกไม่ออกทีเดียว คัมภีร์ของขงจื๊อจึงมิได้ถือว่าเป็นคัมภีร์ของนิกายใดนิกายหนึ่งโดยเฉพาะ แต่ถือว่าเป็นมรดกทางวรรณกรรมของประชาชนชาวจีนทั้งมวล
    ขงจื๊อเป็นเสมือนเทพเจ้าของชาวจีน บรรดาผู้ที่เคารพเลื่อมใสได้รวบรวมคำสอนของขงขื๊อสร้างขึ้นเป็นตำราเป็นหลักวิชาทางการปกครองและศาสนามาจนถึงปัจจุบัน

    --------------

    <o:p></o:p>

    <o:p></o:p>
    <v:shape id=_x0000_s1028 style="WIDTH: 27pt; HEIGHT: 31.5pt" coordsize="21600,21600" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://omsakthi.org/gifs/christianity.gif" src="tree8-filer/image010.gif"></v:imagedata></v:shape><o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ศาสนาคริสต์ <o:p></o:p>


    ผู้ตั้งคือ เยซู พระเจ้าในศาสนาคือ พระบิดาและอื่นๆ ศาสนานี้เกิดที่ประเทศปาเลสไตน์ คัมภีร์ คือ ไบเบิล (ใหม่) เวลาเกิดประมาณ พ.ศ.547
    ศาสนาคริสต์มีรากฐานมาจากศาสนายิว มีคำจำกัดความอธิบายโดยย่อว่า“ศาสนาแห่งความรักของพระเจ้า ศาสนาแห่งความรักของมนุษย์ อันพระเยซูได้ทรงเป็นผู้นำมาเผยแผ่แก่โลก”
    พิธีกรรมสำคัญทางศาสนาคริสต์ ได้แก่ ศีลล้างบาป กระทำเพียงครั้งเดียวเมื่อเข้าเป็นคริสต์ศาสนิกชน เพื่อล้างบาปกำเนิด ศีลกำลัง ทำเพื่อตัวเองและยึดมั่นความเป็นคริสต์ ศีลมหาสนิท ทำเพื่อระลึกถึงชีวิตและคำสอนของพระเยซู ศีลแก้บาป ทำเพื่อสารภาพบาปด้วยความสำนึกผิด ศีลเจิมคนไข้ ทำเพื่อให้สติและกำลังใจแก่ผู้ป่วยหนัก ศีลบวช สำหรับชายที่มีคุณสมบัติจะบวช และต้องการอุทิศตนบวชเพื่อศาสนา ศีลสมรส คือ พิธีแต่งงานต่อหน้าพระเจ้า
    นิกายของศาสนาคริสต์ ที่สำคัญมี 3 นิกายคือ นิกายคาทอลิค เน้นว่าต้องเป็นผู้สืบทอดคำสอนจากพระเยซู ประมุข คือ สันตะปาปา และมีพระที่เรียกว่า บาทหลวง เป็นนิกายเดียวที่เชื่อเรื่องนักบุญ และแดนชำระวิญญาณผู้ตาย มีรูปเคารพ คือ ไม้กางเขนที่พระเยซูถูกตรึงอยู่ นิกาย ออร์ทอดอกซ์ เป็นนิกายที่แยกจากคาทอลิคเพราะเหตุผลทางการเมือง เคารพนับถือพระแม่มารี นิกายโปรเตสแตนท์ เช่น ลัทธิลูเธอร์น และแอกลิแคน กลุ่มนี้แยกออกมาเพราะไม่พอใจการกระทำคำสอนบางประการของสันตะปาปา เน้นคัมภีร์ ไม่มีนักบวช
    นอกจากนี้ ยังมีนิกายที่แตกแยกออก มาเป็นนิกายน้อยใหญ่อีกมากมาย ทั้งนี้เพราะศาสนาคริสต์เป็นศาสนาใหญ่ มีความสำคัญในสังคม ชาวคริสต์ทุกนิกายรวมกันแล้วมีกว่า 1,000 ล้านคน กระจายอยู่ทั่วโลก
    <o:p></o:p>


    --------------

    <o:p></o:p>

    <v:shape id=_x0000_s1027 style="WIDTH: 30.75pt; HEIGHT: 30.75pt" coordsize="21600,21600" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://omsakthi.org/gifs/islam.gif" src="tree8-filer/image011.gif"></v:imagedata></v:shape><o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ศาสนาอิสลาม <o:p></o:p>


    ผู้ตั้งคือ มะหะหมัด พระเจ้าในศาสนา คือ อัลเลาะห์ ศาสนานี้เกิด ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย คัมภีร์คือ อัลกุรอาน(โกหร่าน) เวลาเกิดประมาณ พ.ศ.1113
    “อิสลาม” เป็นภาษาอาหรับ แปลว่า “สันติ” ตามความหมายทางศาสนามีนัยสำคัญถึง การถวายตัวต่อพระเจ้า เพื่อ สันติ ผู้นับถือศาสนานี้เรียกว่า“มุสลิม” แปลว่า ผู้รักสันติ ตามความหมายทางศาสนาว่า ผู้ยอมมอบกายถวายชีวิตต่อพระเจ้าเพื่อสันติ
    ดังนั้น คำสอนอันเป็นองค์สำคัญเบื้อง แรกของอิสลาม ได้แก่ ศรัทธา คือ การยอม มอบกายถวายชีวิตแก่พระเจ้า ศรัทธาใน ที่นี้เป็นเรื่องของใจ สถานที่แสดงศรัทธาใน อิสลาม จึงไม่ต้องมีแท่นบูชา ไม่ต้องมีรูปเคารพ
    ในศาสนาอิสลามไม่มีคำสอนเรื่องกรรม เรื่องเวียนว่ายตายเกิด แต่ถือว่าโลก นี้มีผู้สร้าง โลกนี้จึงมีวันแตกดับ วัน แตกดับของโลก เรียกว่า “วันสุดท้าย” ในคัมภีร์โกหร่าน (อัลกุรอาน) บอกไว้ว่า ในวันสุดท้ายนั้น จะมีเสียงกัมปนาทและสรรพสิ่งในโลกจะหายไปหมด น้ำทะเลจะเหือดแห้ง ภูเขาจะลอย ระบบของโลกจะสับสนมาก
    พระมะหะหมัดเคร่งครัดมากในเรื่องการสวดมนต์ภาวนา โดยสอนว่า“จงสวดมนต์ภาวนาให้เป็นนิจ เพราะการสวดมนต์ภาวนารักษามนุษย์ให้พ้นจากความชั่วร้าย และจงจำไว้ว่า หน้าที่สำคัญอันจำเป็นต้องปฏิบัติแก่พระเจ้า คือหน้าที่สวดมนต์”
    ดังนั้น ผู้นับถือศาสนาอิสลามจะต้องทำ นมาซ คือ การเคารพหรือนมัสการวัน ละ 5 ครั้ง คือ ในเวลาเช้าก่อนพระอาทิตย์ ขึ้น เวลาราวบ่ายโมงครึ่ง เวลาประมาณ บ่าย 3 โมงครึ่งหรือบ่าย 4 โมง เวลาหลังพระอาทิตย์ตกดิน และเวลาค่ำราว 2 ทุ่ม
    นอกจากนั้นก็มีการถือศีลอดหรือถือ บวช ปีหนึ่งมี 29-30 วัน ซึ่งผู้ที่ถือศาสนา อิสลามไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์หรือยาจกจะ ต้องถือเช่นเดียวกันหมด การถือศีลอดนี้ ห้ามบริโภคอาหาร น้ำ ห้ามใช้เครื่องลูบไล้ ของหอมและประพฤติในด้านกามารมณ์ ห้ามล่วงเกินกัน ไม่ว่าจะทางกาย ทางวาจา หรือทางใจ ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก การถือศีลอดเป็นการทดลองและฝึกหัดร่างกายเมื่อยามหิวให้หวนระลึกถึงสภาพของผู้ยากจน เป็นการขัดเกลาจิตให้ผ่องใส ให้มีคุณธรรม
    ศาสนาอิสลามมีนิกายสำคัญ อาทิ นิกายซุนนี นิกายชีอะห์ นิกายวาฮาบี นิกายคอวาริจ นิกายอิสมาอีลลี นิกายซูฟี เป็นต้น


    --------------

    <o:p></o:p>

    <v:shape id=_x0000_s1026 style="WIDTH: 27pt; HEIGHT: 34.5pt" coordsize="21600,21600" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://omsakthi.org/gifs/sikhism.gif" src="tree8-filer/image012.gif"></v:imagedata></v:shape><o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ศาสนาสิกข์ (ซิกข์) <o:p></o:p>


    ผู้ตั้งคือ คุรุนานัก พระเจ้าในศาสนาไม่มี ศาสนานี้เกิดที่ประเทศอินเดีย คัมภีร์คือ คันถ-ซาหิป(คันถะ) เวลาเกิดประมาณพ.ศ.2043
    คำว่า สิกข์ ในภาษาสันสกฤตเรียกว่า ศิษย์ หมายถึง ผู้เจริญรอยตาม เป็นศาสนา ที่มีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้ชาวอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดูและศาสนาอิสลาม มีความสมัครสมานสามัคคีกัน โดยตั้งเป็นลัทธิศาสนาใหม่ขึ้นมา โดยเป็นที่รวม ความสามัคคีเพื่อประเทศชาติ ศาสนิกทุกคนเท่ากับเป็นทหาร เป็นกำลังป้องกันชาติ
    ศาสนาสิกข์แยกออกเป็น นิกายใหญ่ๆ 2 นิกายด้วยกัน คือ นิกายนานักปันถี หมายถึง ผู้ปฏิบัติตามคำสอนของคุรุนานักซึ่งเป็นคุรุองค์แรก และนิกายนิลิมเล หมายถึง นักพรตผู้ปราศจากมลทิน นับถือคุรุโควินทสิงห์ซึ่งเป็นคุรุองค์สุดท้าย คำสอนของคุรุนานัก มีลักษณะโจมตีความหลอกลวง การเอาศาสนาเข้าบังหน้าของคนบางจำพวก ความไม่ยุติธรรม เรื่องชั้นวรรณะ ไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ เน้นในเรื่องความเสมอภาคและเสรีภาพ เช่น ในโบสถ์ชาวสิกข์นั้นทุกคนจะนั่งอยู่ที่พื้นเหมือนกันหมด ในโรงทานก็จะนั่งพื้นทานอาหารเหมือนกัน ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ ทุกคน เท่าเทียมกันเมื่อเข้ามาที่นี่
    ในศาสนาสิกข์ไม่มีนักบวช หรือนักบุญ มีผู้ประกอบพิธีกรรม ทางศาสนาเรียกว่า ครัณถี่ หรือศาสนาจารย์ เป็นผู้นำสวด และร้องเพลงบทสวด
    คุรุโควินสิงห์ ได้รวบรวมพวก สิกข์เข้าเป็นหน่วยแบบกองทัพ และได้ริเริ่มให้ศาสนิกยึดถือและปฏิบัติตามข้อบัญญัติห้าประการ อันเสมือนสัญลักษณ์ของตนโดยเฉพาะ คือ หนึ่ง สวมกำไลเหล็ก ประสงค์ให้เป็นข้อเตือนใจทหารว่าเหล็กเป็นโลหะมีค่ามากที่สุด สอง สวมกางเกงขาสั้น เพื่อเป็น การสะดวกและเตรียมพร้อมในการรบ สาม ไว้ผมยาว เพื่อเป็นเกราะสำหรับศีรษะและให้ดูน่าเกรงขาม ทำลายขวัญข้าศึก สี่ มีหวีเสียบผมขนาดเล็ก เพื่อหวีผม ห้า มีดาบสะพายที่สีข้าง (แต่สิกข์ที่อยู่ในต่างประเทศได้ทำดาบจำลองอันเล็ก สอดไว้ในมวยผม พอเป็นเครื่องหมาย)
    คำทักทายของพวกสิกข์คือ สัจ สิริ อกาล หมายถึง ความจริงจะดำรงอยู่ตลอดกาล


    --------------

    <o:p></o:p>

    <v:shape id=_x0000_s1025 style="WIDTH: 34.5pt; HEIGHT: 34.5pt" coordsize="21600,21600" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://omsakthi.org/gifs/bahai.gif" src="tree8-filer/image013.gif"></v:imagedata></v:shape><o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ศาสนาบาไฮ <o:p></o:p>


    ผู้ตั้งคือ บาฮาอุลลาห์ พระเจ้าในศาสนาคือพระ บ๊อบ ศาสนานี้เกิดที่ประเทศอิหร่าน คัมภีร์คือคีตาบี-อัคดัส เวลาเกิดประมาณ พ.ศ.2405
    บาฮาอุลลาห์ ซึ่งเดิมเคยเป็นอิสลามิกชนได้ประกาศความมุ่งหมายในการรวมศาสนาทั้งหลายให้เป็นหนึ่งเดียวกัน มีสันติร่วมกัน และมีความเสมอภาคกันระหว่างชายหญิง หลักธรรมที่สำคัญของบาไฮคือ มนุษยชาติเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน และยุคแห่งการรวมตัวเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งในสังคมโลกได้มาถึงแล้ว โดยพระบาฮาอุลลาห์ ได้ลิขิตว่า “โลกนี้เป็นเพียงประเทศเดียว และมนุษยชาติเป็นพลเมืองของประเทศนั้น” คำสอนของบาไฮเน้นความสำคัญของการสวดมนต์และการทำสมาธิทุกวัน โดยระบุว่า “งานที่ทำด้วยจิตเพื่อการรับใช้นับเป็นรูปแบบการบูชาระดับสูงสุด” และให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัวในฐานะที่เป็นพื้นฐานของสังคม นอกจากนี้ยังห้ามเครื่องดื่มและอาหารที่มีแอลกอฮอล์ และการใช้ยาเสพติด
    ศาสนาบาไฮ ไม่มีนักบวช บาไฮศาสนิกชนมาจากทุกพื้นฐานความเชื่อทางศาสนา และบรรดาผู้ที่ไม่นับถือศาสนาใดๆ รวมทั้งผู้ที่มีความเชื่อว่าสิ่งที่ไม่ มีชีวิตก็มีวิญญาณสถิตอยู่ บาไฮ มีชุมชนกระจายอยู่ทั่วโลก มีการจัดตั้งธรรมสภาบาไฮแห่งชาติ และธรรมสภาบาไฮแห่งท้องถิ่นในแต่ละประเทศ นอกจากนี้บาไฮ ยังมีสำนักงานประจำอยู่ในสหประชาชาติ กรุงนิวยอร์ก มีชื่อเรียกว่า ชุมชนบาไฮนานาชาติ เป็นที่ปรึกษาให้องค์กรหลายแห่งของสหประชาชาติ


    --------------

    <o:p></o:p>

    ศาสนาพื้นเมือง <o:p></o:p>


    คือ ลัทธิศาสนาของกลุ่มชนเฉพาะที่ เฉพาะเมือง เป็นกลุ่มเล็กๆ ในแต่ละประเทศ ซึ่งยังไม่มีการยอมรับกันอย่างแพร่หลาย โดยมีลัทธิพิธีกรรมความเชื่อต่างๆ ที่สืบต่อกันมาในแต่ละท้องถิ่น อาทิ ลัทธินับถือผี นับถือปรากฏการณ์ต่างๆ ในธรรมชาติ เป็นต้น


    ข้อมูลจาก : หนังสือศาสนาเปรียบเทียบ ของ เสฐียร พันธรังษี, พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ของพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต), พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับนักเรียนนักศึกษา ของ รศ.ดนัย ไชยโยธา, สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนเล่ม 4 และเวปไซต์ทางศาสนา
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 5
    • List
  18. กิเลศเยอะ

    กิเลศเยอะ เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Aug 11, 2007
    Messages:
    192
    Ratings:
    +676
    ตอนแรก ผมก็นับถือตามๆกันมาครับ
    นั้นก็คือคำตอบของผม คือ นับถือตามพ่อ แม่ เพราะเป็นเหตุผลแรก ที่ผมนับถือศาสนาพุทธ เพราะ เด็กๆน้อยคนนักที่จะมีปีญญาไตร่ตรองว่าธรรมมีความหมายแค่ไหน แต่พอเริ่มโต เริ่มรู้จักศาสนาพุทธ ก็เริ่มรู้ว่า เป็น ศาสนา ที่สอนให้คนเป็นคนดีไม่งมงาย ให้คนเข้าถึงธรรมก่อนแล้วค่อยเข้าถึงเรื่องอื่นๆ
    ถ้าจะถามคำถามว่า นับถือเพราะอะไร ผมก็ตอบว่า นับถือ ตาม พ่อ-แม่
    แต่ถ้าถามว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้นับถือได้ดีที่สุด ก็คงจะตอบว่า สอนให้เห้นถึงหลักความจริงของธรรมชาติและมีนิพพานเป็นจุดสูงสุด
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 4
    • List
  19. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jan 4, 2005
    Messages:
    4,780
    Ratings:
    +7,482
    เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนาแล้ว โปรดจงเร่งศึกษาเถิด ชีวิตของคนเรามันสั้นยิ่งนัก

    ของจริง.
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 4
    • List
  20. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Feb 13, 2005
    Messages:
    1,479
    Ratings:
    +1,830
    1.พุทธ
    2.เป้นศาสนาแห่งความจริงที่พิสูจน์ได้ และสามารถนำเราไปสู่ทางแห่งแสงสว่าได้ดีที่สุด
    3.เวลา17ปีเต็ม เพราะก่อนหน้านั้นเป็นเพียงพุทธบัตรประชาชน หลังจากมาเจอมโนมยิทธิของหลวงพ่อ จึงเชื่ออย่างจิงจังตั้งแต่นั้นมา
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 5
    • List

Share This Page

Loading...