วัดในอยุธยาติด1 ใน 10 อันดับสถานที่น่าหวาดกลัวที่สุดในเอเชีย

วัดในอยุธยาติดอันดับสถานที่น่าหวาดกลัวที่สุดในเอเชีย​

(ปล.ผมผู้ดูแล แปะภาพไว้ให้นะครับ ผมถ่ายไว้ตอนไปเที่ยววัดพระศรีสรรเพชร)

วัดพระศรีสรรเพชญ์ในจังหวัดอยุธยาของไทย ติดอันดับ 1 ใน 10 สถานที่น่ากลัวที่สุดในเอเชีย ซึ่งร่ำลือกันว่ามีผีสิงวิญญาณเฮี้ยน จนผู้คนไม่กล้าย่างกรายเข้าใกล้ (ขออภัยค่ะรูป ไม่ขึ้น)

สำหรับท่านที่ชื่นชอบสถานที่น่ากลัว ๆ ลี้ลับ เพิ่งไปเจอมา โดย เว็บไซต์สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น ได้รายงานการจัดอันดับ 10 สถานที่น่าหวาดกลัวที่สุดในอเชีย

จากรายการสารคดีเอเชียชุด "ฉันจะไม่เข้าไปในสถานที่นั้นเด็ดขาด" หรือ I Wouldn"t Go In There ของ เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก

ปรากฏว่า ไปสะดุดตาตรงที่มีรายชื่อวัดพระศรีสรรเพชญ์ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาของไทยเรา อยู่ในอันดับที่ 8 (พอดีชอบเรื่องที่เกี่ยวกับอยุธยาอยู่แล้วด้วย แต่จะว่าไปแล้ว ในอยุธยา มีสถานที่น่ากลัวๆ อีกเพียบ )

สำหรับอันดับ 1 ถึง 10 มีที่ไหนบ้าง ลองดู

1. สุสานตั๊ด ตั๊ค ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงของจีน สถานที่แห่งนี้ร่ำลือกันว่าผีดุที่สุดแห่งหนึ่งของฮ่องกง ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ร้าง และมีฮวงซุ้ยฝังศพ ประชาชนกล่าวขานกันถึงวิญญาณหลอน และเกิดเหตุอาเพทหลายอย่างที่นี่ รวมถึง การฆ่าตัวตาย และวิญญาณผู้หญิงในชุดเสื้อผ้าสีแดง คนขับรถแท็กซี่ในฮ่องกงส่วนใหญ่ปฏิเสธที่จะรับผู้โดยสาร ที่เรียกใช้บริการเดินทางผ่านสุสานแห่งนี้ในยามค่ำคืน


2. ตึกโบราณ ลาวัง เซวู อินโดนีเซีย อาคารผีสิงในเมืองเซมารัง จังหวัดชวากลาง ที่ผู้คนขยาดกลัวไม่กล้าเข้าไปเยือน สร้างในยุคอาณานิคม ช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดการสู้รบดุเดือดระหว่างทหารกองทัพญี่ปุ่น กับกองทัพอินโดนีเซีย บริเวณด้านหน้าอาคารหลังนี้ และด้านล่างชั้นใต้ดินของอาคาร เคยถูกใช้เป็นที่กักขังทรมาน และสังหารเชลยศึกด้วย


3. ถ้ำชิบิชิรี เกาะโอกินาวา ช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นถูกผู้บังคับบัญชาสั่งให้ฆ่าตัวตาย แทนการยอมจำนนต่อกองทัพสหรัฐฯ และทหารกองทัพลูกพระอาทิตย์หลายสิบคนทำตามคำสั่ง ภายในถ้ำหลายแห่งทั่วเกาะโอกินาวา ทางใต้สุดของญี่ปุ่น นอกจากนั้นยังมีพลเรือนเสียชีวิตอีกเป็นจำนวนมาก มีทั้งถูกฆ่าและฆ่าตัวตาย โครงกระดูกของทหารและพลเรือนภายในถ้ำต่างๆ ยังมีให้พบเห็น โดยเฉพาะถ้ำชิบิชิรี ที่ประชาชนท้องถิ่นลือกันว่า วิญญาณเฮี้ยนมาก

4. โรงพยาบาลคลาร์ก ฟิลิปปินส์ อดีตโรงพยาบาลของกองทัพสหรัฐ กล่าวกันว่า มีผู้พบเห็นวิญญาณทหารที่เสียชีวิตในโรงยาบาลบ่อยครั้ง เมื่อปี พ.ศ. 2534 เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงของภูเขาไฟปินาตูโบ กองทัพสหรัฐฯ จึงโยกย้ายกองกำลังออกจากฐานทัพอากาศคลาร์ก และโรงพยาบาลถูกทิ้งร้างจนถึงปัจจุบัน


5. คุกบากัว อยู่บนเกาะกรีน ในไต้หวัน หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม นอกชายฝั่งทางใต้ของเกาะใหญ่ไต้หวัน สถานที่แห่งนี้ในอดีตเคยเป็นที่คุมขัง และสังหารนักโทษการเมือง ร่ำลือกันว่าเป็นอีกแห่งที่ผีดุมาก


6. บ้านผีสิง เยืองเดือก เกาหลีใต้ ดังที่สุดในเรื่องบ้านผีสิงของเกาหลีใต้ อยู่ในจังหวัดเกียงซังเหนือ เล่ากันว่า หญิงสาววัยรุ่นฆ่าตัวตายภายในบ้านหลังนี้ หลังถูกชายหนุ่มคนรักทอดทิ้ง ดวงวิญญาณของเธอหลอกหลอนผู้คน จนกลายเป็นเรื่องดังไปทั่วประเทศ นอกจากนั้นยังมีวิญญาณของกลุ่มทหารที่เสียชีวิต ระหว่างการยกพลขึ้นบกในสงครามโลกครั้งที่ 2 และศพถูกฝังไว้ที่เนินเขา ไม่ไกลจากบ้านหลังดังกล่าว ปรากฏให้คนเห็นบ่อยครั้งด้วย


7. เนินเขาปีศาจ มาเลเซีย พิพิธภัณฑ์สงครามผีสิง บนยอดเนินเขาที่เคยเป็นค่ายทหารอังกฤษ เล่ากันว่าดวงวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ในที่แห่งนี้ เป็นอดีตทหารญี่ปุ่นที่เคยประหารชีวิต ตัดศีรษะนักโทษในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และต่อมาเมื่อทหารรายนี้เสียชีวิตร่างจึงถูกฝังไว้ที่นั่น

8. วัดพระศรีสรรเพชญ์ จ.อยุธยา ซีเอ็นเอ็น ระบุว่า จากการเล่าขานของประชาชนท้องถิ่น เมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้ว กลุ่มหัวขโมยลักลอบเข้าไปขุดหาสิ่งของมีค่า ทองคำและเพชรนิลจินดา ตามลายแทง ภายในบริเวณวัดโบราณแห่งนี้ ต่อมาแต่ละคนต้องคำสาปอาถรรพ์ มีอันเป็นไปเสียชีวิตด้วยอาการน่าสยดสยองทุกคน

9. คุกฟู บิน อยู่บนเกาะกงเด่า เวียดนาม สร้างโดยทหารกองทัพฝรั่งเศส และกองทัพสหรัฐ ในอดีตใช้เป็นที่คุมขังและทรมานนักโทษชาวเวียดนาม และต่อมาทหารกองทัพเวียดนามใต้ ใช้เป็นที่ทรมานเชลยศึกเวียดกง ประชาชนท้องถิ่นกล่าวว่า คุกแห่งนี้ผีดุไม่แพ้ที่ไหนในโลก

10. หอแห่งความเงียบ เมืองดิอู ริมฝั่งทะเลทางภาคตะวันตกของอินเดีย เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า ดัคมา ในอดีตเป็นสถานที่สำหรับนำศพผู้ตายไปวางไว้ สำหรับให้ฝูงนกแร้งมากินซาก เป็นอีกแห่งที่มีผู้กล่าวขานถึงความเฮี้ยนของดวงวิญญาณ.

อีกสถานที่ที่น่าจะน่ากลัว คือคุก โตน สเลง ในเขมร เพื่อนที่ไปมาแล้วบอกว่า สามารถสัมผัสได้ถึงความสลดหดหู่ วังเวง สยองๆ ยังไงไม่รู้ คิดว่าคงยังมีดวงวิญญาณชาวเขมรอีกไม่รู้เท่าไร ที่ยังไม่ได้ไปผุดไปเกิด

ที่มาเดลินิวส์ - อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

สำหรับวัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นวัดสำคัญที่สุดของราชสำนักอยุธยา (เป็นพระอารามหลวง) มีฐานะเป็นวัดส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ ซึ่งอยู่ในเขตพระราชฐาน จึงไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ในวัด

ว่ากันว่าเป็นต้นแบบการสร่างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้วของกรุงรัตนโกสินทร์


เดิมเป็นที่ตั้งของพระราชมณเฑียรอันเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ พระบรมไตรโลกนาถได้ทรงยกพื้นที่นี้ให้เป็นเขตพุทธาวาส เมื่อปี พ.ศ.1991 เรียกว่า วัดพระศรีสรรเพชญ์

วัดพระศรีสรรเพชญ์ใช้ประกอบพระราชพิธีสำคัญต่างๆ เช่น พระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา (ปีละ 2 ครั้ง) ตลอดจนใช้เป็นที่เก็บพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์อยุธยาเกือบทุกพระองค์

ภายในพระวิหารเคยมีพระพุทธรูปหุ้มทองคำหนัก 286 ชั่ง (หรือหนักเท่ากับ 12,880 บาท) ประทับยืนสูงถึง 8 วา มีพระนามว่า พระศรีสรรเพชญ์ ถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปที่สำคัญที่สุดในสมัยอยุธยา

วัดนี้ถูกเผาไปเมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยาให้พม่า ครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ.2310 พม่าได้ปล้นสะดมทรัพย์จำนวนมาก ทั้งที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาและที่ได้มาจากการที่สยามยึดมาจากพระนครธม

ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ พม่าได้เอาไฟสำรอกทองหุ้มองค์พระศรีสรรเพชญ์ คงเหลือแต่แกนในพระซึ่งทำด้วยสำริด

เมื่อคราวตั้งกรุงเทพฯ นั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้อัญเชิญแกนในพระศรีสรรเพชญ์ลงไปด้วย ทรงสร้างพระเจดีย์หุ้มแกนพระองค์นี้เอาไว้ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)

แล้วถวายพระนามตามท่านว่า เจดีย์พระศรีสรรเพชญ์ดาญาณ

ʶҺѹ��ظ���֡�� - �Ѵ���������ྪ��

 

ไม่ชั่วจนเกินไปก็ไม่น่ากลัวหรอก

 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ

 

ขอบคุณมากๆเลยครับ.ที่นำรูปมาลง.คิดเล่นๆเมื่อคืนว่าจะเม้นพอดี
บังเอิญว่าหลับก่อน.ว่าถ้ามีภาพประกอบคำบรรยายจะดีมากๆเลยครับ.

หลังจากดูรูปแล้วนะครับ..ก็เล่าให้ฟังอย่างนี้นะครับ.ถือว่าฟังหูไว้หู..
มีสมบัติอยู่แน่นอนครับ..เพราะว่ามีฝ่ายภพภูมิที่ดูสมบัติเก่าอยู่ครับ.
ยิ่งตรงอาคารที่เป็นหลังคาชันๆแล้วมีคล้ายๆเจดีย์ขึ้นตรงกลางนั้น
ที่จะเชื่อมเจดีย์ใหญ่นั้นข้างล่างลงมาตรงๆ...
ยังมีอดีตผู้ที่มีกำลังจิตหรือคาถาอาคมระดับสูง.
ที่ตอนนี้คอยเฝ้าดูแลสมบัติร่วมด้วยครับ
.ถ้ากรณีที่เราไม่ใช่เจ้าของเดิมแล้วไปนำสมบัติออกมาด้วยความโลภ.โอกาสที่
จะเปลี่ยนภพภูมิสูงครับ.และไม่ใช่ว่าใครพอกำลังจิตหรือคาถาอาคมก็จะ
เข้าไปเอาง่ายๆนะครับ..ยังมีฝ่ายป้องกันเรื่องนี้ที่มีกำลังจิตสูงเหมือนกันครับ
กรณีจะคล้ายกรณีที่ กรมหลวงมีชื่อในอดีตท่านหนึ่งกับฆารวาสห่มขาวท่านหนึ่ง
ที่ประกอบอาชีพล่องเรือสำเภา.เคยคิดจะปราบเพื่อทำการบูรณะ.และนำสมบัติ
ขึ้นมาเพื่อนำมาแสดงให้ผู้คนเข้าชม.ก็ยังต้องถอย.ณ เจดีย์แห่งหนึ่งข้างๆวัดมี
ชื่อเสียงทางภาคเหนือ..
ส่วนตรงเจดีย์ใหญ่.ก็มีฝ่ายดูแลสมบัติเก่า.ถ้านับพื้นทางเข้าเจดีย์และถอย
หลังลงบรรไดมาประมาณ ๔-๕ ขั้น บอกได้ว่ามีสมบัติชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่รอบๆเหมือนกันครับ..
แต่ก็อย่างว่าหละครับ..ถ้าไม่ใช่หรือเคยเป็นของๆเราก็ไม่ควรคิดไปนำว่าไว้ครอบครอง
หรือเพื่อนำไปเปลี่ยนสภาพเป็นทรัพย์สินอื่นๆ.
แต่ถ้าเคยเป็นของๆเรามาก่อน.แม้ว่าจะมีคนครอบครองไว้อยู่
ถึงเวลาเราก็จะได้มาโดยง่ายๆ..และใครก็เอาไปถือเป็นของส่วนตัวไม่ได้ครับ..
ปล.แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง โปรดใช้วิจารญานในการอ่านนะครับ..​

 

ประสบการณ์แปลกๆ ที่เจอเมื่อปลายปีพ.ศ. 2554 ที่น้ำท่วมใหญ่ เคยพากลุ่มเด็ก ๆ วัยรุ่นนั่งรถตู้ไปตระเวนทำความสะอาดวัดในอยุธยาหลังน้ำลด

บังเอิญ เข้าไปวัดเก่าแก่แห่งหนึ่ง(ขอสงวนชื่อวัด) ในเกาะตัวเมือง ยังปรากฎซากปรักหักพังของเจดีย์โบราณอยู่รอบวัด เห็นร่องรอยช่วงน้ำท่วมสูงมาก (ประมาณ 2 เมต)

วันนั้น เทศบาล นำรถน้ำมาฉีดล้างวัดพอดี ท่านเจ้าอาวาสให้พระลูกวัด ไปเปิดศาลาให้ ตั้งแต่หลังน้ำท่วมยังไม่ได้เปิดใช้เลย เพราะสกปรกเลอะเทอะมาก เด็กๆ วัยรุ่น โดยเฉพาะสาวๆ ที่ไปด้วย เค้าคุยกันเล่นๆ ว่าอยากทำความสะอาดห้องน้ำวัด เกิดมาชาติหน้าจะได้สวย

ขณะที่ทำความสะอาดศาลา (หลังใหญ่เหมือนกัน ) ตัวเองก็เดินสำรวจหลังศาลา และดูว่ามีอุปกรณ์ทำความสะอาดเหลืออยู่อีกมั้ย ทั้งไม้กวาด กระป๋องน้ำ ฯลฯ ก็ไปเจอห้องน้ำอยู่หลังศาลา 4 ห้องปิดหมด มีอยู่ห้องนึงล็อคกุญแจด้านนอก

เมื่อได้อุปกรณ์เพิ่มเติม ก็เลยขึ้นไปชวนเด็กๆ ว่าถ้าทำความสะอาดศาลาเรียบร้อยแล้ว เกิดมาชาติหน้าอยากสวยยังมีห้องน้ำอีก 4 ห้อง ซึ่งสกปรกเลอะเทอะพอกัน

ในจำนวนเด็กวัยรุ่น มีอยู่คนนึง แกมีเซ้นส์เรื่องพวกนี้ (ผี) ขณะเพื่อนๆ อยู่บนศาลากัน แกก็เดินลงมาก่อน ช่วงกำลังจะเลี้ยวหัวมุมด้านล่างของศาลา แกก็ได้ยินเสียงเหมือนคนคุยกันประมาณ 3-4 คน (ดังพอประมาณ)

แต่พอเดินเลี้ยวมุมถึงหน้าห้องน้ำเพียงชั่วเสี้ยววินาที แกกลับไม่เห็นใครเลย เด็กเล่าให้ฟังว่า ตอนแรกคิดว่า เพื่อนๆ ลงมาก่อนแล้ว ก็ไมได้คิดอะไร กลับขึ้นไปบนศาลาใหม่อีกรอบ ก็เห็นเพื่อนอยู่ข้างบนทั้งหมด ก็ยังไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร

หลังจากทำความสะอาดศาลาเกือบเสร็จ กลุ่มเด็กสาวก็ลงมาด้านล่าง เพื่อทำความสะอาดห้องน้ำ เพื่อนๆ ก็บ่นกันว่า ทำไมห้องน้ำมันสกปรกอย่างนี้(วะ)เนี่ย มีแต่คราบขี้โคลนสูงท่วมหัว วันนี้จะทำเสร็จรึป่าวก็ไม่รู้

เด็กคนแรกก็ถามว่า พวกแกยังไม่ได้ลงมาที่นี่หรอกเหรอ ??? เพื่อนๆ ก็บอกว่า เออ....gru เพิ่งจะลงมากันเนี่ยแหละ ว่าแล้วก็ช่วยกันเปิดประตูห้องน้ำเพื่อเข้าไปทำความสะอาด

ส่วนห้องที่ล็อค พระท่านไม่ยอมให้กุญแจ เด็กคนแรกก็สงสัยว่า แล้วใคร(วะ) ที่มาคุยกัน อยู่ตรงห้องน้ำ ปรากฎว่าขณะกำลังทำความสะอาด เด็กคนแรกแกเหมือนได้ยินเสียงคนคุยกัน เบาๆ ดังมาจากห้องน้ำห้องที่ล็อค แต่เพื่อนคนอื่น ไม่มีใครได้ยิน เพราะมัวแต่ขะมักเขม้น ขัดถูห้องน้ำกันยกใหญ่

เด็กคนนั้นมาเล่าให้ฟังตอนหลัง (ขณะที่ยังทำความสะอาดไม่เสร็จเลย) ว่าได้ยินเสียงเหมือนคนคุยกัน แถวๆ ห้องน้ำ แต่ไม่เห็นตัวตน เล่นเอาเพื่อนๆ รวมทั้งตัวเอง ทำความสะอาดไปเหลียวมองไป (โชคดีว่าเป็นช่วงกลางวัน) โดยเฉพาะไอ้ห้องน้ำที่ล็อค มันช่างน่าสงสัย จริงๆ นี่ขนาดกลางวันแสกๆ นะเนี่ย

ส่วนที่วัดพระศรีสรรเพชรญ์ ก็เพิ่งไปร่วมทำกิจกรรมอนุรักษ์โบราณสถาน มาเมื่อตอนต้นปีนี่เอง (เป็นกิจกรรมของที่ทำงาน ) เช่น ถอนหญ้าที่ขึ้นอยู่ตามเจดีย์ บ้าง กวาดขยะบ้าง ฯลฯ (แต่ต้องอยู่ในข้อแนะนำของจนท.)

เพราะ จนท. ของกรมศิลป์ บอกว่า ถ้าทิ้งไว้ ให้ต้นหญ้า หรือวัชพืชที่ขึ้นอยู่ตามพระเจดีย์เจริญเติบโต อาจจะทำให้พระเจดีย์หรือโบราณสถานพังเร็วขึ้น(รากมันจะชอนไชเข้าไปตามรอยแยก รอยแตกของอิฐ )

ปรากฎว่ามีผู้คนไปเที่ยวกันเยอะมาก ช่วงกลางวันๆ ถึงแม้จะไม่น่ากลัว แต่บริเวณรอบๆ เจดีย์ ก็ยังดูขลัง อลังการ และสลดหดหู่อยู่ดี ถ้านึกย้อนกลับไปในช่วงปวศ.ตอนเสียกรุง ฯ

 

รู้สึกว่า อยากไปมากขึ้นอีก

 

จริงๆมีวัดที่น่ากลัวกว่าในอยุธยาอีกมากมายหลายวัด ครับ

ลองไปวัดโพธิ์เก้าต้นที่บางระจัน จ.สิงห์บุรี ดูนะครับ
ใครไม่เชื่อว่าผีมีจริง ให้ไปตะโกนท้าทายที่ป่าแดงในวัด
แล้วนอนเล่นแถวนั้นสักคืนหนึ่ง

เดี๋ยวรู้เอง......

 

เรื่องเกี่ยวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์เพื่อนเคยเล่าให้ฟังเหมือนกันค่ะ

ครั้งนึงเพื่อนไปออกทริปวาดรูปสีน้ำมัน ก็ได้มีโอกาสแวะที่วัดพระศรีสรรเพชญ์ ต่างคนก็แยกย้ายไปวาดรูป พอหัวหน้าทริปเรียกรวมกลุ่มทุกคนก็เอารูปมาอวดกัน ก็ไปสะดุดที่รูปวาดของฝรั่งคนหนึ่งมีผู้หญิงใส่ชุดนาฏศิลป์ไทย สวมชฎาด้วย ตอนแรกทุกคนก็ชมกันว่าจินตนาการดี บอกฝรั่งว่าคุณความจำดีนะ วาดซะละเอียดเชียว ทั้งเครื่องประดับทั้งลายผ้าแสดงว่าต้องเคยดูรำไทยมาหลายครั้งแล้ว

ฝรั่งตอบว่าไม่เคยดูนาฏศิลป์ไทยหรอก แต่ตอนที่วาดผู้หญิงคนนี้มายืนรำให้ดูเห็นว่าสวยดีเลยวาดลงไปด้วย

สมาชิกคนอื่น ๆ ถึงกับเหวอไปเลยเพราะมีคนที่วาดอยู่ใกล้ ๆ ฝรั่งคนนี้เหมือนกันแต่ไม่มีใครเห็นนางรำเลยสักคน >.<

 

พี่เคยไปตะโกนท้าทายมาหรือยังคะ....
จะได้มีข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ

 

ตายกันหลายหมื่น ไม่เฮี้ยนก็แปลกแล้วจร้า

 

แหม.....คุณครูติงติง นี่ชอบหางานเข้ามาเรื่อยเรย นะครับ

เอาเป็นว่าคุณครูไปลองเองดีก่า....ม้าง
เพราะ Nirvana ไม่เคยสงสัยในเรื่องนี้แล้วแระ ครับ

คุณครูไปหาประสพการณ์ที่นั่น
เผื่อจะได้มีข้อมูลมาสอนเด็กๆในเรื่องลี้ลับ
รับรองเด็กติดคุณครูกัน.....ตรึม

ถ้าจะไปก็อย่าลืมหาหมวกใบใหญ่ๆ
มาคลุมผมแล้วผูกไว้แน่นๆ นะครับ
เดี๋ยวผมของคุณครูที่มันตั้งชี้ขึ้น จะได้ไม่ร่วง

 

ขอบคุณค่ะ
ตรงวัดพระศรีสรรเพชญ์ ตอนเรียนเคยเอาหนังสือไปอ่าน
เงียบสงบดีค่ะ แอบงีบไปหนึ่งตื่น มันจะมีช่วงที่คนไม่ค่อยเดินไป

 

ชอบอยุธยามากค่ะ เวลาไปเหมือนได้กลับบ้านเก่า น่าเสียดายเดี๋ยวนี้น้ำท่วมทุกปี

 

.. แห๊ม แซวคุณติง ติง แรงจังคะ ... น่าจะเป็นสุภาพบุรุษไปลองก่อนนะคะ .. คริ ๆ แซวเล่นคะ ..