พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

Discussion in 'งานบุญอื่นๆ' started by sithiphong, Dec 23, 2005.

  1. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Nov 28, 2006
    Messages:
    4,139
    Ratings:
    +9,446
    อ่า...ท่านปา-ทาน ตัวใครตัวเขา...คนอื่นไม่ทราบหรอกครับแต่ยังไงตัวเขาเองรู้เอง และก็โกหกตัวเองไม่ได้ครับ
    nongnooo...
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 3
    • List
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Dec 4, 2005
    Messages:
    45,446
    Ratings:
    +141,949
    http://www.jarun.org/v6/board/viewtopic.php?t=1327&sid=e00c494daa4763373f497b0661ebf2dc

    กรรมของพระพุทธเจ้าสมณโคดม

    โพสโดย ลูก ผู้เยี่ยมชม
    ตอบเมื่อ: Thu Aug 04, 2005 9:30 am

    กรรมของพระพุทธเจ้าสมณโคดม
    พระพุทธเจ้าของเราทรงเผยพระประวัติกรรมและผลของกรรมของพระองค์ กับภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ขณะประทับเหนือพระศิลาอันน่ารื่นรมย์ใกล้สระอโนดาด

    ทรงกล่าวว่าครั้งหนึ่ง เห็นภิกษุผู้อยู่ป่ารูปหนึ่งจึงได้ถวายผ้าท่อนเก่า โดยตั้งปารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก ผลแห่งกรรมอันเนื่องด้วยผ้าท่อนเก่านั้น ได้สำเร็จในความเป็นพระพุทธเจ้า

    ครั้งหนึ่งเคยเป็นนายโคบาล ต้อนแม่โคไปสู่ที่หากิน เห็นแม่โคดื่มน้ำขุ่นจึงห้ามไว้ ด้วยผลแห่งกรรมนั้นในภพสุดท้ายนี้ พระองค์กระหายน้ำ จึงไม่ได้ดื่มตามต้องการ เพราะเคยให้พระอานนท์ไปตักน้ำมาถวาย พระอานนท์ไปแล้วไม่ตักมาบอกว่าน้ำขุ่น ต้องตรัสย้ำให้ไปตักใหม่เป็นครั้งที่สอง จึงได้น้ำใสกลับมาเพราะน้ำขุ่นนั้นกลับใส

    ชาติหนึ่งเคยเป็นนักเลงชื่อปุนาลี ได้กล่าวใส่ความพระปัจเจกพุทธเจ้า พระนามว่าสุรภิผู้มิได้ประทุษร้าย ด้วยผลแห่งกรรมนั้นต้องไปท่องนรกสิ้นกาลนาน เสวยทุกขเวทนาสิ้นพันปี ด้วยกรรมที่เหลือในภพสุดท้ายก็ถูกใส่ความ เพราะเหตุแห่งนางสุนทริกา ซึ่งเป็นนักบวชหญิงถูกพวกเดียรถีย์ใช้ให้ทำเป็นไปค้างคืนกับพระสมณโคดม ให้ใครต่อใครหลงผิดทั้งที่นางค้างที่อื่น แต่รุ่งเช้าก็ทำท่าโผเผมาจากเชตวนาราม อีกสองสามวันที่มีคนโจษจันกัน พวกเดียรถีย์ก็จ้างนักเลงไปฆ่านาง ป้ายความผิดว่านางถูกฆ่าปิดปาก คนสงสัยว่าอาจจะจริง ร้อนถึงพระราชาส่งราชบุรุษไปสืบดูตามร้านสุรา ก็จับนักเลงที่ฆ่ากับเดียรถีย์ที่จ้างฆ่ามาลงโทษทั้งหมด


    อีกชาติหนึ่งเป็นพราหมณ์ผู้มีความรู้ มีผู้เคารพสักการะ สอนมนต์แก่มานพ 500 ได้ใส่ความภีมฤษีผู้มีอภิญญา มีฤทธิ์มาก หาว่าฤษีนี้เป็นผู้บริโภคกาม มานพทั้งหลายก็พลอยชื่นชม เมื่อไปภิกขาจารในสกุลก็เที่ยวกล่าวแก่มหาชนว่าฤษีนี้เป็นผู้บริโภคกาม ผลของกรรมนั้นภิกษุ500 เหล่านี้ทั้งหมดก็พลอยถูกใส่ความด้วย เพราะเหตุแห่งนางสุนทริกาทีถูกนักเลงฆ่าป้ายความผิดให้พระพุทธองค์ ภิกษุทั้งหลายที่อยู่ในเชตวนาราม พลอยถูกหาว่าร่วมกันฆ่าปิดปากนางสุนทริกา และถูกด่าว่า กระทั่งพระราชาจับนักเลงและเดียรถีย์ที่ร่วมกันฆ่านาง จึงสงบ


    อีกชาติหนึ่งไปกล่าวใส่ความพระสาวกของพระสัพพาภิภูพุทธเจ้า มีนามว่านันทะ จึงต้องท่องไปในนรกหลายหมื่นปี เมื่อเกิดเป็นมนุษย์อีกก็ถูกใส่ความมาก และด้วยกรรมที่เหลือ ชาติสุดท้ายนี้จึงถูกนางจิณจมาณวิกา ใส่ความว่าพระองค์ทำให้นางตั้งครรภ์
    ชาติหนึ่งเคยฆ่าน้องชายต่างมารดาเพราะเหตุแห่งทรัพย์ ผลักลงในซอกเขา เอาหินทุ่ม ด้วยผลแห่งกรรมนั้นจึงถูกพระเทวทัตเอาหินทุ่มที่เขาคิช***ฏ จนสะเก็ดหินกระเด็นถูกหัวแม่เท้า ห้อพระโลหิตในชาติสุดท้าย

    อีกชาติหนึ่งเป็นเด็กเล่นอยู่ในทางใหญ่ เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า จึงเผาสิ่งต่างๆขวางทางไว้ ผลกรรมนั้น ในภพสุดท้ายจึงถูกพระเทวทัตส่งคนตามล่า

    ชาติหนึ่งเป็นนายควาญช้าง ไสช้างไล่กวดพระปัจเจกพุทธเจ้าผู้เที่ยวไปเพื่อบิณฑบาต ผลแห่งกรรมนั้น ชาติสุดท้ายถูกช้างนาฬาคิรีดุร้ายเมามัน วิ่งเข้ามาเพื่อทำร้ายในนครอันประเสริฐมีภูเขาเป็นคอกคือกรุงราชคฤห์ ซึ่งมีภูเขาห้าลูกแวดล้อม

    อีกชาติหนึ่งเป็นพระราชา เป็นหัวหน้าทหารเดินเท้า ฆ่าบุรุษหลายคนด้วยหอก ผลแห่งกรรมนั้นต้องหมกไหม้อย่างหนักในนรก ด้วยผลที่เหลือแห่งกรรมนั้น ในชาติสุดท้าย สะเก็ดแผลที่เท้ากลับกำเริบ กรรมยังไม่หมด

    ชาติหนึ่งเคยเป็นเด็กชาวประมง ในหมู่บ้านชาวประมง เห็นชาวประมงฆ่าปลาก็มีความชื่นชม ด้วยผลของกรรมนั้นจึงเกิดเจ็บที่ศรีษะ ในขณะที่วิทูฑภะฆ่าพวกศากยะในกรุงกบิลพัสด์

    อีกชาติหนึ่งเคยเป็นบริภาษพระสาวกในพระธรรมวินัยของพระผุสสพุทธเจ้า ว่าท่านจงเคี้ยว จงกินข้าวเหนียวเถิด อย่ากินข้าวสาลีเลย ผลแห่งกรรมนั้นในชาติสุดท้ายนี้ ต้องบริโภคข้าวเหนียวอยู่สามเดือน เมื่อพราหมณ์นิมนต์ไปอยู่เมืองเนรัญชา แล้วลืมถวายอาหาร ได้อาศัยพ่อค้ามาถวายข้าวเหนียวแดงที่มีไว้ให้ม้ากิน

    ชาติหนึ่งสมัยที่ไม่มีพระพุทธเจ้า เคยทำร้ายบุตรนักมวยปล้ำ ด้วยผลแห่งกรรมนั้นจึงเจ็บที่หลังเรื่อย

    ชาติหนึ่งเคยเป็นหมอ แกล้งให้ยาถ่ายแก่บุตรเศรษฐี เป็นยาถ่ายอย่างแรง ถึงแก่ชีวิต ผลแห่งกรรมนั้น ในชาติสุดท้ายนี้ จึงเป็นโรคปักขันทิกะลงพระโลหิต

    อีกชาติหนึ่งได้ชื่อว่าโชติปาละ เคยกล่าวกับพระสุคตพระนามกัสสปะว่า การตรัสรู้เป็นของได้โดยยาก ท่านจะได้จากควงไม้โพธิ์ที่ไหนกัน ด้วยผลแห่งกรรมนั้น ในชาติสุดท้ายนี้ต้องบำเพ็ญทุกกรกริยาเป็นอันมาก สิ้นเวลาถึงหกปี ต่อจากนั้นจึงได้บรรลุการตรัสรู้
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 5
    • List
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Dec 4, 2005
    Messages:
    45,446
    Ratings:
    +141,949
    http://community.thaiware.com/index.php?showtopic=278447

    ผู้โพส Vickies
    Aug 21 2006, 04:17 PM

    อานิสงส์การสร้างเจดีย์... ( โดยย่อ )

    การสร้างเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ หรือ อัฐิธาตุของบุคคลที่ควรบูชา
    ได้แก่ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ และพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นการสร้างมงคลให้กับตนเองอย่างสูงสุด เมื่อตายไปย่อมไปสู่สุคติโลกสวรรค์ย่อมได้ดวงตาเห็นธรรม และบรรลุมรรคผลนิพพานโดยง่าย การมีส่วนร่วมสร้างพระเจดีย์จะมากหรือน้อย ถ้าทำด้วยความเลื่อมใส ก็ย่อมได้อานิสงส์มากมาย ดังตัวอย่างที่หยิบยกมาให้ท่านได้อ่านต่อไปนี้

    พระเถระรูปนี้ในชาติก่อนมีส่วนร่วมสร้างเจดีย์ เพียงท่านใส่ก้อนปูนขาวลงใน
    ช่องแผ่นอิฐ ซื่งประชาชนกำลังก่ออิฐสร้างเจดีย์อยู่ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ด้วยจิตใจที่เลื่อมใส อำนาจแห่งบุญนั้นได้บันดาลให้ท่านไปเกิดในสวรรค์ และโลกมนุษย์ถึง ๙๔ กัปป์ พอมาถึงสมัยพระพุทธเจ้าสมณโคดม ท่านได้มาบวชในพระพุทธศาสนาท่านคือ พระสุธาบิณฑิยเถระ

    และยังมีเรื่องเล่าจาก พระมหาโมคคัลลานะเถระ ว่าท่านได้พบเทพบุตรตนหนึ่ง
    มีวิมานสวยงามวิจิตรตระการตา แวดล้อมด้วยนางฟ้าจำนวนมาก มาฟ้อนรำขับร้องให้เบิกบานใจ และเทพบุตรตนนี้มีอำนาจยิ่งใหญ่เหนือเทพบุตรทั้งปวง ท่านจึงถาเทพบุตรตนนั้นว่า เมื่อท่านเป็นมนุษย์ได้ทำบุญอะไรไว้หรือ ท่านถึงมีอานุภาพมากมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้ เทพบุตรตนนั้นตอบว่า แต่ก่อนเมื่อเป็นมนุษย์ได้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ได้ออกบวชอยู่ ๗ พรรษา และเป็นสาวกของพระศาสดานามว่า สุเมธ

    ต่อมาได้ดับขันธปรินิพพานแล้ว พระบรมสารีริกธาตุของท่านบรรจุไว้ในรัตนเจดีย์ซึ่งห่อหุ้มด้วยข่ายทองคำ ท่านได้ชักชวนประชาชนให้ไปสักการบูชาด้วยความเลื่อมใส กุศลจะส่งผลให้ขึ้นสวรรค์ ด้วยบุญนี้เองทำให้ข้าพเจ้าได้มาเสวยสุขอยู่ในทิพย์วิมานนี้เอง

    ส่วนพระมหากัสสปะเถระนั้น ท่านได้พบเปรตตนหนึ่งมีกลิ่นเหม็นเน่า มีหนอนกินปาก นอกจากนี้ยังถูกยมบาลเฉือนปาก แล้วลาดน้ำให้แสบร้อน จึงถามถึงผลกรรมของเปรตนั้น ทราบว่าแต่ก่อนตอนเป็นมนุษย์ ตนเป็นชาวนครราชคฤห์ได้ห้ามมิให้บุตร ภรรยา บูชาพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมกับเล่าถึงพวกที่มีความคิดและกระทำเหมือนตน ส่วนภรรยา และบุตรของตนได้ไปเสวยสุขอยู่บนสวรรค์ มีวิมานสวยสดงดงาม เพราอานิสงส์ที่ได้ไปใหว้พระบรมสารีริกธาตุ สำหรับตนเองนั้นตั้งใจไว้ว่า หากได้เกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง จะทำการบูชาพระสถูปเจดีย์ให้มากอย่างแน่นอน

    นอกจากนี้ในครั้งพุทธกาล พระเจ้าปัสเสนทิโกศล ได้เสด็จไปยังเมืองสาวัตถี
    พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชบริพารเป็นอันมาก ครั้นถึงหาดทรายริมฝั่งแม่น้ำ พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นทรายขาวผ่องบริสุทธิ์ยิ่งนัก ทรงมีพระทัยเลื่อมใสอย่างแรงกล้า ได้รับสั่งให้ช่วยกันก่อกองทรายให้เป็นรูปเจดีย์ถึง ๘๔,๐๐๐ องค์ มองดูเป็นทิวแถวสวยงาม เพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เสร็จแล้วได้เสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่บุบผารามมหาวิหาร แล้วได้ทูลถามถึงอานิสงส์ แห่งการก่อเจดีย์ทรายพระพุทธเจ้าตรัสว่า ขอถวายพระพรมหาบพิตร ผู้มีศรัทธาแรงกล้าได้ก่อเจดีย์ทรายถึง ๘๔,๐๐๐ องค์ หรือแม้แต่องค์เดียว ก็ย่อมได้รับอานิสงส์มาก จะไม่ตกนรกตลอดร้อยชาติ

    ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ จะอุดมสมบูรณ์ทุกอย่าง มีชื่อเสียงเกียรติยศไปทั่วทุกทิศ จากนั้นจะได้ไปสวรรค์เวยทิพย์สมบัติ การก่อเจดีย์ทรายเป็นเรื่องของผู้มีความฉลาด มีความคิดดี ได้ทำเป็นประเพณีมาแล้วในอดีต แม้พระตถาคตเองก็เคยทำมาแล้วในครั้งเป็นพระโพธิ์สัตว์

    ในครั้งนั้นตถาคตยากจนมาก มีอาชีพตัดฟืนขาย วันหนึ่งได้พบทรายขาวสะอาดมากในราวป่า ก็มีจิตใจศรัทธาผ่องใส วันนั้นได้หยุดตัดฟืนทั้งวัน ได้กวาดทรายก่อเป็นเจดีย์โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก แล้วเปลื้องผ้าห่มของตน ฉีกทำเป็นธงประดับไว้ เพื่อบูชาพระติสสะสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วอฐิษฐานจิตขอให้เป็นปัจจัยแห่งพระโพธิ์ญาณในอนาคตกาล ครั้นเมื่อตายไปแล้วได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อยู่ ๒ พันปีพิพย์ เมื่อสิ้นอายุขัย ได้อุบัติมาเกิดเป็นพระตถาคตนี้เอง สำหรับพระเจ้าปัสเสนทิโกศลนั้น ก็ได้รับพยากรณ์ว่า จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในภายภาคหน้า

    และพระมหากัสสปเถระ ยังได้กล่าวถึงประวัติและผลบุญแห่งการสร้างพุทธเจดีย์
    ของท่านไว้ดังนี้ ในครั้งที่พระพุทธเจ้ามีนามว่าปทุมมุตตระ พระองค์ได้ปรินิพพานแล้ว

    พระมหากัสสปเถระได้ชักชวนหมู่ญาติมิตร และประชาชน ให้มาร่วมกันสร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อบูชาพระพุทธเจ้ากันเถิด ทุกคนมีจิตเลื่อมใส ปิติอิ่มเอมใจ จึงได้ช่วยกันสร้างเจดีย์สูงค่าเสร็จลงด้วยความเรียบร้อย เจดีย์สูงร้อยศอก สร้างปราสาทห้าร้อยศอก สูงตระหง่านจรดท้องฟ้า ทุกคนมีจิตปิติเบิกบานในอานิสงส์บุญที่ได้พากันทำไว้ เมื่อท่านตายไปแล้วได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อยู่บนยานทิพย์เทียมด้วยม้าสินธพพันตัว วิมานของท่านสูงตระหง่านเจ็ดชั้น มีปราสาทหนึ่งพันองค์ ซึ่งสร้างด้วยทองคำ ศาลาหน้ามุขสร้างด้วยแก้วมณี ส่องแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วสารทิศ ทั้งยังมีอำนาจเหนือเทวดาทั้งปวง เมื่อลงมาเกิดในโลกมนุษย์ ในกัปป์ที่หกหมื่นในภัทรกัปป์นี้ ได้เป็น

    พระเจ้าจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ ครอบครองอานาเขตไปถึง ๔ ทวีป มีแก้วแหวนเงินทองมากมาย ประชาชนมีความสุขสำราญเหมือนดั่งเมืองบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และชาติสุดท้ายได้มาเกิดในสกุลพราหมณ์ที่ร่ำรวย แต่สละทรัพย์ออกบวช จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ผู้เลิศด้วยปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 5
    • List
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Dec 4, 2005
    Messages:
    45,446
    Ratings:
    +141,949
    http://www.thaiblogonline.com/supbhumin.blog?PostID=3617

    พระนิพพาน จากคำครูอาจารย์
    Last Updated On: 26 กันยายน 2550 - 18:14:00


    พระนิพพาน
    จากคำครูอาจารย์

    พระนิพพาน บรมสุข
    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    พระอรหันตเจ้าทั้งหลาย ณ เวลานี้
    ทรงสถิตอยู่ ณ ที่ใด
    บางท่านว่า พระองค์ดับสูญ
    หมดความนึกคิด ไม่เหลืออะไรเลย
    ความสงสัยนี้ ยากที่ปุถุชน ผู้ศึกษา
    จะทำให้กระจ่างได้
    เว้นแต่พระสงฆ์ผู้มีญาณ
    ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
    ตามพระธรรมคำสั่งสอน จึงพออธิบาย
    พระนิพพาน ให้กระจ่างได้
    ขอท่านจงเว้นการถกเถียง
    จนเกิดความหมอง เร่าร้อน ในดวงใจ
    โปรดจงสงบจิต ตั้งสติ
    อ่านคำสอนของพระครูอาจารย์ทั้งหลาย
    ที่มีจารึกลงในตำราหรือหนังสือ
    เป็นหลักฐาน ไว้ชัดเจนแล้ว ใช้ปัญญา
    พินิจพิจารณา
    ไม่มีอคติ ใน คำสอนของครูอาจารย์

    ********************************************

    ไว้ผมมาต่อนะครับ (ถ้าไม่ลืม)
     

    Attached Files:

    • ถูกใจ ถูกใจ x 6
    • List
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Dec 4, 2005
    Messages:
    45,446
    Ratings:
    +141,949
    คุณเพชรครับ

    ผมรบกวน ฝากดูให้ผมหน่อยว่า วันที่ผมขึ้นกระทู้นี้ เป็นฤกษ์อะไร มีอะไรที่เกี่ยวข้องบ้างครับ ขอบคุณมากครับ

    <TABLE class=tborder id=post167195 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">23-12-2005, 06:59 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#1</TD></TR></TBODY></TABLE>


    <TABLE class=tborder id=threadslist cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead colSpan=2></TD><TD class=thead width="100%">คะแนน ชื่อกระทู้ / ผู้ตั้งกระทู้ </TD><TD class=thead noWrap align=middle width=150>ข้อความล่าสุด [​IMG]</TD><TD class=thead noWrap align=middle>คำตอบ </TD><TD class=thead noWrap align=middle>เปิดอ่าน </TD></TR></TBODY><!-- show threads --><TBODY id=threadbits_forum_15><TR><TD class=alt1 id=td_threadstatusicon_22445 style="CURSOR: hand">[​IMG] </TD><TD class=alt2>[​IMG]</TD><TD class=alt1 id=td_threadtitle_22445 title="พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ถ้าต้องการที่จะได้......................<O:p</O:p<O:p</O:pแนะนำ พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้..... (4 คน กำลังดูอยู่) ([​IMG] 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ... หน้าสุดท้าย)
    [​IMG] sithiphong
    </TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 13,636, จำนวนอ่าน: 282,636">วันนี้ 07:07 PM
    โดย sithiphong [​IMG]

    </TD><TD class=alt1 align=middle>13,636</TD><TD class=alt2 align=middle>282,636</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 6
    • List
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Dec 4, 2005
    Messages:
    45,446
    Ratings:
    +141,949
    ไม่แน่ครับ

    อาจจะทั้งโกหกตัวเอง และหลงตัวเอง

    คงต้องร้องเพลง หลงตัวเอง ของคุณเอ (อนันต์ บุนนาค) แต่ไม่ใช้น้องเอ aries2947

    หุหุหุ

    (tm-love)

    .
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 3
    • List
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Dec 4, 2005
    Messages:
    45,446
    Ratings:
    +141,949
    ผมอยากจะรู้และลองวิเคราะห์ดูว่า ฤกษ์และดวงดาวตามตำราโหราศาสตร์ มีผลแค่ไหน ,ความเชื่อ ความศรัทธา มีผลแค่ไหน , สิ่งที่เราศรัทธาและมีความประสงค์ที่จะได้ไว้ มีผลแค่ไหน หรือมีสาเหตุอื่นๆที่เป็นองค์ประกอบด้วย

    คุณเพชร มีความเห็นอย่างไร ลองวิเคราะห์ให้หน่อยนะครับ ส่วนท่านอื่นๆ ลองแสดงความคิดเห็นกันด้วยครับ


    .
    ผมว่า งานนี้ไม่มีใครตอบแหง๋เลย
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 4
    • List
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Dec 4, 2005
    Messages:
    45,446
    Ratings:
    +141,949
  9. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Nov 28, 2006
    Messages:
    4,139
    Ratings:
    +9,446
    ล่อตะเข้จิงๆนะ...อุตสาห์ แซวผ่าน pm แล้วยังล่อ อีกนาท่านนะ(eek)
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 5
    • List
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Dec 4, 2005
    Messages:
    45,446
    Ratings:
    +141,949
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ผมอยากจะรู้และลองวิเคราะห์ดูว่า ฤกษ์และดวงดาวตามตำราโหราศาสตร์ มีผลแค่ไหน ,ความเชื่อ ความศรัทธา มีผลแค่ไหน , สิ่งที่เราศรัทธาและมีความประสงค์ที่จะได้ไว้ มีผลแค่ไหน หรือมีสาเหตุอื่นๆที่เป็นองค์ประกอบด้วย

    คุณเพชร มีความเห็นอย่างไร ลองวิเคราะห์ให้หน่อยนะครับ ส่วนท่านอื่นๆ ลองแสดงความคิดเห็นกันด้วยครับ


    .

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    คิคิคิ

    (||) (||) (||)

    :555: :555: :555: :555: :555: :555: :555: :555: :555: :555:
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 6
    • List
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Dec 4, 2005
    Messages:
    45,446
    Ratings:
    +141,949
    สัมมาทิฐิ

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

    (เปลี่ยนทางมาจาก สัมมาทิฏฐิ)
    ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
    <!-- start content -->

    สัมมาทิฐิ แปลว่า ความเห็นถูกต้อง หมายถึงความเห็นที่ถูกคลองธรรม เห็นตามความเป็นจริงเป็นความเห็นที่เกิดจากโยนิโสมนสิการ ประกอบด้วยปัญญา คำนี้ในวงวัดส่วนใหญ่เขียนตามของเดิมว่า สัมมาทิฏฐิ
    สัมมาทิฐิ ที่เป็นอริยมรรคมีองค์ 8 หมายถึง ความเห็นในอริยสัจ คือเห็นทุกข์ เห็นสมุทัย เห็นนิโรธ เห็นมรรค
    สัมมาทิฐิ ที่เป็นมโนสุจริตหมายถึง ความเห็นถูกต้อง 10 อย่าง คือเห็นว่าการให้ทานมีผลจริง การบูชามีผลจริง การเคารพบูชามีผลจริง ผลวิบากของกรรมดีกรรมชั่วมีจริง คุณของมารดามีจริง คุณของบิดามีจริง พวดโอปปาติกะ (พวกเกิดทันทีเช่นเทวดา) มีจริง สมณพราหมณ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจนบรรลุมรรคผลนิพพาน รู้แจ้งเห็นจริงด้วยตนเองแล้วสอนให้ผู้รู้ตามด้วยมีจริง

    [แก้] ข้อความอ้างอิง
    • <SMALL>จาก มหาสติปัฏฐานสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐</SMALL>
    ก็สัมมาทิฏฐิเป็นไฉน ความรู้ในทุกข์ ความรู้ในทุกขสมุทัย ความรู้ในทุกขนิโรธ ความรู้ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา อันนี้เรียกว่า สัมมาทิฏฐิ

    [แก้] ดูเพิ่ม

    สัมมาทิฏฐิสูตร - วิกิซอร์ซ

    [แก้] อ้างอิง
    <!-- Pre-expand include size: 3411/2048000 bytesPost-expand include size: 3409/2048000 bytesTemplate argument size: 0/2048000 bytes#ifexist count: 0/500--><!-- Saved in parser cache with key thwiki:pcache:idhash:43567-0!1!0!!th!2 and timestamp 20080109103532 -->ดึงข้อมูลจาก "http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%...B8%90%E0%B8%B4".
    หมวดหมู่: พุทธศาสนา | อภิธานศัพท์พุทธศาสนา | อริยสัจ
    <!-- / message --><!-- sig -->

    ***********************************************

    มิจฉาทิฐิ

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


    มิจฉาทิฐิ หรือ มิจฉาทิฏฐิ หมายถึง เห็นผิด ความเห็นที่ผิดจากคลองธรรม เช่น
    • ทานที่ให้แล้วไม่มีผล
    • ยัญที่บูชาแล้วไม่มีผล
    • การบวงสรวงไม่มีผล
    • ผลวิบากแห่งกรรมดี กรรมชั่วไม่มี
    • โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี
    • มารดาไม่มี บิดาไม่มี
    • สัตว์ทั้งหลายที่ผุดเกิดขึ้นไม่มี
    • สมณพราหมณ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ กระทำให้แจ้งซึ่งโลกนี้และโลกหน้าด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้ว สั่งสอนประชุมชนให้รู้ตาม ไม่มีในโลก
    [แก้] ปัจจัยให้เกิดมิจฉาทิฏฐิ

    ปัจจัยให้เกิดมิจฉาทิฏฐิ มี 2 อย่าง ได้แก่
    • ปรโตโฆสะ คือ การโฆษณาแต่บุคคลอื่น เสียงจากผู้อื่น ฟังคำบอกเล่าชักจูงของผู้อื่น
    • อโยนิโสมนสิการ คือ การทำในใจโดยไม่แยบคาย การไม่ใช้ปัญญาพิจารณา ความไม่รู้จักคิด การปล่อยให้อวิชาครอบงำ ตรงกันข้ามกับคำว่า โยนิโสมนสิการ
    [แก้] อ้างอิง
    <TABLE style="CLEAR: both; BORDER-RIGHT: #90a0b0 1px solid; BORDER-TOP: #90a0b0 1px solid; FONT-SIZE: 90%; BACKGROUND: #fcfcfc; MARGIN: 10px 0px 0px; BORDER-LEFT: #90a0b0 1px solid; WIDTH: 100%; BORDER-BOTTOM: #90a0b0 1px solid" cellSpacing=0 cellPadding=3><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=40>[​IMG]</TD><TD style="COLOR: #696969" align=left>มิจฉาทิฐิ เป็นบทความเกี่ยวกับ ศาสนา ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น
    <SMALL>ข้อมูลเกี่ยวกับ มิจฉาทิฐิ ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ</SMALL>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- Pre-expand include size: 6987/2048000 bytesPost-expand include size: 6546/2048000 bytesTemplate argument size: 109/2048000 bytes#ifexist count: 0/500--><!-- Saved in parser cache with key thwiki:pcache:idhash:40002-0!1!0!!th!2 and timestamp 20080110074044 -->
    ดึงข้อมูลจาก "http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%89%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%90%E0%B8%B4".
    หมวดหมู่: หลักธรรมในพุทธศาสนา | อภิธานศัพท์พุทธศาสนา | บทความเกี่ยวกับ ศาสนา ที่ยังไม่สมบูรณ์
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 7
    • List
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Dec 4, 2005
    Messages:
    45,446
    Ratings:
    +141,949
    โยนิโสมนสิการ

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


    โยนิโสมนสิการ (อ่านว่า โยนิโส-มะนะสิกาน)ประกอบด้วย 2 คำ คือ
    • โยนิโส มาจากคำว่า โยนิ ซึ่งแปลว่า เหตุ ต้นเค้า แหล่งเกิด ปัญญา อุบาย วิธี ทาง
    • มนสิการ หมายถึง การทำในใจ การคิด คำนึง นึกถึง ใส่ใจ พิจารณา<SUP class=reference id=_ref-0>[1]</SUP>
    ดังนั้น โยนิโสมนสิการ จึงหมายถึง "การทำไว้ในใจโดยแยบคาย, การพิจารณาโดยแยบคาย" นั่นคือ ความเป็นผู้ฉลาดในการคิด คิดอย่างถูกวิธีถูกระบบ พิจารณา ไตร่ตรองสาวไปจนถึงสาเหตุหรือต้นตอของเรื่องที่กำลังคิด คือคิดถึงรากถึงโคนนั่นเอง แล้วประมวลความคิดรอบด้านจนกระทั่งสรุปออกมาได้ว่าสิ่งนั้นควรหรือไม่ควร ดีหรือไม่ดี เป็นวิถีทางแห่งปัญญา เป็นธรรมสำหรับกลั่นกรองแยกแยะข้อมูลหรือแหล่งข่าว (ปรโตโฆสะ) อีกชั้นหนึ่ง เป็นบ่อเกิดแห่งสัมมาทิฐิ ทำให้มีเหตุผล ไม่งมงาย <SUP class=reference id=_ref-1>[2]</SUP>ซึ่งคัมภีร์ชั้นอรรถกถาและฎีกาได้แสดงไวพจน์แจกแจงความหมายเป็นแง่ต่างๆ คือ
    • อุบายมนสิการ เป็นการคิดหรือพิจารณาโดยอุบาย คือ การคิดอย่างมีวิธีหรือถูกวิธี ซึ่งหมายถึง การเข้าถึงความจริง สอดคล้องกบแนวสัจจะ ซึ่งทำให้รู้สภาวลักษณะและสามัญลักษณะของสิ่งทั้งหลาย
    • ปถมนสิการ เป็นการคิดถูกทาง ต่อเนื่องเป็นลำดับ หมายถึง ความคิดที่เป็นระเบียบตามหลักเหตุผล ไม่ยุ่งเหยิงสับสน จิตไม่แว๊บติดพันในเรื่องนี้ แต่เดี๋ยวกลับเตลิดไปคิดอีกเรื่องหนึ่ง จิตยุ่งเหยิงนี้กระโดดไปมา ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่รวมทั้งความสามารถในการชักความนึกคิดไปสู้แนวทางที่ถูกต้อง
    • การณมนสิการการคิดอย่างมีเหตุผล เป็นการสืบค้นตามแนวความสัมพันธ์สืบทอดแห่งเหตุปัจจัย พิจารณาสืบสาวหาสาเหตุ ให้เข้าใจถึงต้นเค้า หรือแหล่งที่มาซึ่งส่งผลต่อเนื่องตามลำดับ
    • อุปปาทกมนสิการ การคิดการพิจารณาให้เกิดกุศลธรรม เช่น การพิจารณาที่ทำให้มีสติ หรือทำให้จิตใจเข้มแข็งมั่นคง เป็นต้น
    ไขความทั้ง 4 ข้อนี้ เป็นเพียงการแสดงลักษณะด้านต่างๆ ของความคิดแบบโยนิโสมนสิการ ซึ่งการเกิดในแต่ละครั้ง อาจมีลักษณะครบทั้ง 4 ข้อ หรือเกิดครบทั้งหมด หรือเขียนลักษณะทั้ง 4 ข้อนี้สั้นๆ ได้ว่า คิดถูกวิธี คิดมีระเบียบ คิดมีเหตุผล คิดเร้ากุศล<SUP class=reference id=_ref-2>[3]</SUP>

    [แก้] อ้างอิง
    1. <LI id=_note-0> พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต). พุทธธรรม. (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2546), หน้า 669-670 <LI id=_note-1> *พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548
    2. พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต). พุทธธรรม. (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2546), หน้า 670-671
    <!-- Pre-expand include size: 3411/2048000 bytesPost-expand include size: 3409/2048000 bytesTemplate argument size: 0/2048000 bytes#ifexist count: 0/500--><!-- Saved in parser cache with key thwiki:pcache:idhash:43569-0!1!0!!th!2 and timestamp 20080109092907 -->ดึงข้อมูลจาก "http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3".
    หมวดหมู่: พุทธศาสนา | อภิธานศัพท์พุทธศาสนา | ภาวนา

    *********************************************

    แก้ไข อโยนิโสมนสิการ

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


    วิกิพีเดียยังไม่มีบทความชื่อ "อโยนิโสมนสิการ" (ค้นหา อโยนิโสมนสิการ ในวิกิพีเดีย)
    <HR>
    http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=อโยนิโสมนสิการ&action=edit
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 7
    • List
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Dec 4, 2005
    Messages:
    45,446
    Ratings:
    +141,949
    http://www.watkoh.com/forum/printer_friendly_posts.asp?TID=232

    โพสต์โดย: **wan**
    หัวข้อ: คำสอนพระสุพรหมยานเถร (ครูบาพรหมา พรหมจักโก)
    วันที่โพสต์: 11 ธ.ค. 2006 เวลา 20:28

    [​IMG]

    [FONT=Times New Roman, Times, serif]คนโง่เอาใจไว้ที่ปาก คนฉลาดเอาปากไว้ที่ใจ[/FONT]
    [FONT=Times New Roman, Times, serif]พระสุพรหมยานเถร (ครูบาพรหมา พรหมจักโก) [/FONT]​

    [FONT=Times New Roman, Times, serif]
    [FONT=Times New Roman, Times, serif]วัดพระพุทธบาทตากผ้า ต.มะกอก อ.ป่าซาง จ.ลำพูน[/FONT]​

    [/FONT]
    [FONT=Times New Roman, Times, serif]... คนโง่เอาใจไว้ที่ปาก คนฉลาดเอาปากไว้ที่ใจ
     

    Attached Files:

    • ถูกใจ ถูกใจ x 8
    • List
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Dec 4, 2005
    Messages:
    45,446
    Ratings:
    +141,949
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Dec 4, 2005
    Messages:
    45,446
    Ratings:
    +141,949
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Dec 4, 2005
    Messages:
    45,446
    Ratings:
    +141,949
    http://www.montfort.ac.th/mcs/dept/pr/camp/pre/waikru49/page_01.htm

    พิธีไหว้ครู : การแสดงความกตัญญูต่อผู้ให้ปัญญา

    <DD>“ครู” มีความหมายว่า ผู้สั่งสอนศิษย์ หรือผู้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ศิษย์ ซึ่งมีผู้กล่าวว่ามาจากคำว่า ครุ (คะ-รุ) ที่แปลว่า “หนัก” อันหมายถึง ความรับผิดชอบในการอบรมสั่งสอนของครูนั้น นับเป็นภาระหน้าที่ที่หนักหนาสาหัสไม่น้อย กว่าคนๆ หนึ่งจะเติบโตเป็นผู้มีวิชาความรู้ และเป็นคนดีของสังคม ผู้เป็น “ครู” จะต้องทุ่มเทแรงกายและแรงใจไม่น้อยไปกว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเลย

    <DD>ในชีวิตของคนๆ หนึ่ง นอกเหนือไปจากพ่อแม่ซึ่งเปรียบเสมือน “ครูคนแรก” ของเราแล้ว การที่เด็กๆ จะดำรงชีพต่อไปได้ในสังคม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมี “ครู” ที่จะประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ เพื่อปูพื้นฐานไปสู่หนทางทำมาหากินในภายภาคหน้าด้วย

    <DD>ดังนั้น ครู จึงเป็นบุคคลสำคัญเป็นที่สอง รองไปจากบิดามารดาที่เราทุกคนควรจะได้แสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อท่าน เพราะหากโลกนี้ไม่มีผู้ที่ทำหน้าที่เป็น “ครู” แล้ว สรรพวิชาต่างๆ ก็คงสูญหายจากไป

    <DD>ด้วยเหตุนี้เอง “การบูชาครู” หรือ “การไหว้ครู” จึงเป็นประเพณีสำคัญที่มีมาแต่โบราณ ถือเป็นพิธีกรรมที่แสดงความเคารพ และระลึกถึงพระคุณของบูรพาจารย์ ครูอาจารย์ผู้ประสิทธิ์วิชาความรู้ให้ ทำให้เราสามารถนำไปประกอบวิชาชีพ สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ตนเองและครอบครัวได้ในอนาคต

    <DD>ในความหมายของ “การไหว้ครู” ก็คือ การที่ศิษย์แสดงความเคารพ ยอมรับนับถือครูบาอาจารย์อย่างจริงใจว่า ท่านเป็นผู้เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมความรู้ ศิษย์ในฐานะผู้สืบทอดมรดกทางวิชาการ จึงพร้อมใจกันปวารณาตัวรับการถ่ายทอดวิชาความรู้ด้วยความวิริยะอุตสาหะ เพื่อให้บรรลุปลายทางแห่งการศึกษาตามที่ตั้งใจเอาไว้ ซึ่งการไหว้ครูนี้ นอกจากจะเป็นธรรมเนียมอันดีงามที่มีส่วนโน้มน้าวจิตใจคนให้รักษาคุณความดี และช่วยธำรงรักษาวิทยาการให้สืบเนื่องต่อไปแล้ว การที่ศิษย์แสดงความเคารพยอมรับนับถือครูตั้งแต่เบื้องต้น ก็มีส่วนทำให้ครูเกิดความรัก ความเมตตาต่อศิษย์ อยากมอบวิชาความรู้ให้อย่างเต็มที่ และศิษย์เองก็จะมีความรู้สึกผูกพันใกล้ชิด เกิดมั่นใจว่าตนจะมีผู้คุ้มครองดูแล สั่งสอนให้ไปสู่หนทางแห่งความดีงาม และความเจริญก้าวหน้าแน่นอน

    <DD>แต่โดยทั่วไปเมื่อเอ่ยถึงพิธีไหว้ครู เรามักจะหมายถึง การไหว้ครูในสถาบันการศึกษาต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะทำในช่วงเปิดภาคการศึกษา โดยในสมัยโบราณมักจะใช้ดอกมะเขือ ดอกเข็ม หญ้าแพรก และข้าวตอกเป็นเครื่องบูชาครู เพราะเป็นสิ่งที่หาได้ง่ายและมีความหมายที่ดี กล่าวคือ
    • ดอกมะเขือ ที่งอกงามได้อย่างรวดเร็ว ใช้เป็นสัญลักษณ์เสมือนให้เกิดปัญญาความคิดที่พร้อมจะรับความรู้ได้อย่างรวดเร็ว
    • หญ้าแพรก เปรียบเสมือนเด็กที่มาเล่าเรียน เมื่อได้รับการสั่งสอนก็พร้อมจะเรียนรู้ เหมือนดังหญ้าแพรกที่แม้บางครั้งจะเหี่ยวเฉาไป แต่เมื่อใดที่ได้รับน้ำก็พร้อมจะเติบโตทันที
    • ดอกเข็ม คือ การขอให้มีสติปัญญาแหลมคมดุจดอกเข็ม
    • ข้าวตอก เสมือนหนึ่งให้มีปัญญาความคิดแตกฉาน เพิ่มพูนอย่างรวดเร็วเหมือนข้าวตอกเมื่อได้รับความร้อน
    <DD>ปัจจุบันการหาดอกเข็ม ดอกมะเขือ และหญ้าแพรก อาจจะกลายเป็นสิ่งที่หายากขึ้น ดังนั้น เครื่องบูชาครูจึงมีการประยุกต์ใช้เป็นพานพุ่ม หรือดอกไม้อื่นๆ แทน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ปรับเปลี่ยนไปได้ตามยุคสมัย แต่ที่เป็นสาระสำคัญของการไหว้ครูก็คือ การแสดงถึงความเคารพ และความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ผู้ให้สติปัญญาแก่เรานั่นเอง

    <DD>โดยทั่วไปพิธีไหว้ครูมักจะจัดในวันพฤหัสบดี ด้วยถือว่าพระพฤหัสเป็นเทพที่ส่งเสริมวิทยาการและความเฉลียวฉลาด ซึ่งเป็นคุณสมบัติของครู จึงถือเอาวันนี้เป็นวันไหว้ครู เพื่อความเป็นสิริมงคล

    <DD>ในยุคปัจจุบันที่กระแสบริโภคนิยม และระบบทุนนิยมกำลังครอบงำทั้งโลก หลายๆ คนอาจจะมองว่าอาชีพ “ครู”เป็นเพียงผู้รับจ้างสอนหนังสือ ส่วนครูเองก็ตกอยู่ในภาวะท้อแท้ ถดถอย ขาดกำลังใจจากระบบที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจนตามแทบไม่ทัน แต่อย่างไรก็ดี ยังมี “ครู” อีกจำนวนไม่น้อยทั้งในและนอกระบบการศึกษา ที่ยังมีจิตวิญญาณของการเป็น “ครู” ทำหน้าที่สอนสั่ง พร้อมถ่ายทอดวิชาความรู้อยู่ในสังคมอย่างต่อเนื่อง และแม้ “พิธีไหว้ครู” จะกลายเป็นเพียงพิธีกรรมหนึ่งในการแสดงความเคารพนบนอบ ไม่ว่าจะเป็นอย่างทางการหรือไม่ก็ตาม แต่เชื่อว่าพิธีดังกล่าวก็ได้มีส่วนเชื่อมโยงสายใยแห่งความผูกพันระหว่าง“ผู้ให้” และ “ผู้รับ” คือ ครูและศิษย์ อย่างแน่นอน รวมทั้งยังช่วยให้เกิดความรู้สึกที่ดีๆ ต่อกันด้วย

    <DD>โลกที่ไร้พรมแดนและเทคโนโลยีที่ก้าวไกลเช่นปัจจุบัน แม้เราจะสามารถหาวิชาความรู้ได้เองจากหนังสือ เครื่องคอมพิวเตอร์ สื่ออิเลคทรอนิคส์ต่างๆ ฯลฯ แต่เชื่อว่าคนเราก็ยังปรารถนาจะได้ “ครูที่เป็นคน” ซึ่งสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับเรามากกว่า “ครูที่ไร้ชีวิต” เพราะโดยแท้จริงแล้ว หน้าที่ของครูมิเพียงเติมเต็ม “วิชาความรู้” แก่เราเพื่อประกอบสัมมาชีพเท่านั้น แต่ท่านยังได้จุด “ประทีปปัญญา” ส่องทางในการดำเนินชีวิตแก่ศิษย์ด้วย

    <DD>เรียบเรียงจาก : สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม <DD>www.culture.go.th/study </DD>​
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 6
    • List
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Dec 4, 2005
    Messages:
    45,446
    Ratings:
    +141,949
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ก.พลังงาน รณรงค์ใช้หลอดผอม T5 ลดโลกร้อน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>11 มกราคม 2551 19:34 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>รมว.พลังงาน รณรงค์ลดโลกร้อนชวนประชาชนใช้หลอดผอมใหม่เบอร์ 5 เผยประหยัดกว่าหลอดผอมเดิม ด้านปตท.พร้อมเปลี่ยนมาใช้หลอดผอมในปั๊มน้ำมัน 1,200 แห่ง และกลุ่มบริษัท ปตท. กว่า 100 แห่งทั่วประเทศ

    วันนี้(11ม.ค.) นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ลงนามความร่วมมือโครงการเครือข่ายร่วมลดโลกร้อนด้วยหลอดผอมใหม่เบอร์ 5 กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร และจ.สมุทรสาคร เพื่อรณรงค์ให้เกิดการเปลี่ยนมาใช้หลอดผอมใหม่เบอร์ 5 (ที 5) ทดแทนหลอดผอมเดิม (ที 8) จำนวน 200 ล้านหลอดทั่วประเทศ ภายใน 4 ปี ช่วยลดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด 2,000 เมกะวัตต์ ควบคู่กับการลดใช้พลังงานไฟฟ้า กว่า 9,000 ล้านหน่วยต่อปี

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า หลอดผอมใหม่เบอร์ 5 ต้องได้รับมาตรฐานฉลากเบอร์ 5 ผ่านประสิทธิภาพแสงไม่น้อยกว่า 90 รูมเมทต่อวัตต์ พร้อมรับประกันอายุการใช้งาน 20,000 ชั่วโมง เป็นเวลา 4 ปี สำหรับหลอดผอมเดิม (ที 8) จะใช้ไฟถึง 38 วัตต์ แต่หลอดผอมใหม่เบอร์ 5 (ที 5) ใช้ไฟเพียง 28 วัตต์เท่านั้น ซึ่งช่วยประหยัดไฟฟ้าได้ถึง 15 วัตต์ ด้าน ปตท.พร้อมเปลี่ยนมาใช้หลอดผอมใหม่เบอร์ 5 จำนวน 422,558 หลอด ในปั๊มน้ำมัน 1,200 แห่ง และกลุ่มบริษัท ปตท. กว่า 100 แห่งทั่วประเทศ

    อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หลอดผอมใหม่เบอร์ 5 เข้าร่วมโครงการเครือข่ายร่วมลดโลกร้อน รวม 1,192,182 หลอด ส่งผลให้สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ประมาณ 36,546 ตันต่อปี และลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้กว่า 72 ล้านหน่วยต่อปี

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 6
    • List
  18. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Sep 8, 2005
    Messages:
    1,574
    Ratings:
    +5,485
    กราบหลวงปู่ครับ ผมเคยมีโอกาสได้กราบท่านที่วัดพระพุทธบาทตากผ้า ตอนปิดเทอมใหญ่ ม.ศ.2 ไปทัศนศึกษาเชียงใหม่ครับ บูชาสร้อยประคำ 2เส้น
    แล้วคนที่วัดบอกให้ไปกราบท่าน ท่านนั่งหลับตาอยู่ เรานึกอยู่ว่าเมื่อไรท่านจะลืมตานะกลัวจะตกรถครับเพราะหายมาคนเดียว ท่านก็ลืมตารดน้ำมนต์ให้ครับ มารู้ตอนโตแล้วว่าท่านเป็นพระชื่อดังเหมือนกัน

    ข้อธรรมของท่านดีจริงๆเพิ่งจะได้เห็นนี่แหละครับ
    โมทนาสาธุ
     
    Last edited: Jan 11, 2008
    • ถูกใจ ถูกใจ x 7
    • List
  19. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Dec 27, 2005
    Messages:
    10,642
    Ratings:
    +42,113
    ขอเชิญร่วมทำบุญบูชาพระสมเด็จ 2408 ฝีพระหัตถ์สมเด็จพระปิ่นเกล้า ชุดแรก มีด้วยกัน 8 พิมพ์ อ.จเรให้ผมมามีจำนวน 2 ชุดเท่านั้น ให้บูชาชุดละ 5,600 บาท
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG]

    รายได้จัดสร้างพระพิมพ์ ถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อสิริ สิริวัฒโนไว้แจกเป็นทานบารมีในงานบุญต่างๆจำนวน 84,000 องค์ ราคาตกองค์ละ 2.50 บาท รวมบล็อกแล้ว เป็นเงิน 210,000 บาท มวลสารเดียวกันกับหลวงปู่ทวด รุ่น บารมีธรรม สิริ ทองดี

    ท่านอ.จเรและคณะศิษย์ขออนุญาตจัดสร้างแล้ว เพื่อแสดงความมุทิตาจิตและกตัญญูต่อองค์ครูบาอาจารย์

    สามารถร่วมทำบุญได้ที่


    ชื่อบัญชี กฤตพล เกิดผล
    ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางกระบือ ออมทรัพย์

    หมายเลขบัญชี 007-250-2248

    รายได้ทั้งหมดไม่มีหักค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น<!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig -->
     
    Last edited: Jan 11, 2008
    • ถูกใจ ถูกใจ x 7
    • List
  20. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Sep 8, 2005
    Messages:
    1,574
    Ratings:
    +5,485
    โมทนาครับ
    เสียดายจังช่วงนี้ตังไม่ค่อยมี ไม่งั้น
    ได้ทำบุญด้วยแถมได้พระดีๆไว้บูชา
    สาธุ
     
    Last edited: Jan 11, 2008
    • ถูกใจ ถูกใจ x 7
    • List

Share This Page

Loading...