สวัสดีค่ะคุณสันโดษ ดิฉันก็นั่งสมาธิแผ่เมตตาและสวดมนต์เหมือนหลายท่าน ดิฉันไม่รู้จะถามอะไร ชอบคำตอบของคุณสันโดษมาก...
ขอแสดงความคิดเห็นสักเล็กน้อยนะคะ ผิดถูกอย่างไรขอท่านผู้รู้อภัยด้วย องค์พระพุทธรุปนี้ไม่ว่าใครจะมองเป็นแค่วัตถุก็ดี องค์สมมุติพระพุทธเจ้าก็ดี...
การให้ทานคือการสละแล้ว ให้กลับคนหรือสัตว์ก็ได้ตามเวลาที่เหมาะสม ไม่เอาอานิสงค์มาเป็นตัวกำหนด...
ขอแสดงความคิดเห็นเล็กน้อยนะคะ ผิดถูกอย่างไรขอท่านผู้รู้อภัยให้ด้วย ดิฉันคิดว่ามีพุทธสานิกชนจำนวนมากที่สวดมนต์โดยไม่รู้คำแปล แต่ถึงจะไม่รู้คำแปล...
เคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งเป็นของคนจีน มีอาจารย์อยู่คนหนึ่งสั่งสอนวิทยายุทธให้ลูกศิษย์ พร้อมอบรมให้ลูกศิษย์เป็นคนดี...
ให้อภัยตัวเองก่อนในสิ่งที่เราบังคับความคิดอกุศลของเราไม่ได้ เมื่อให้อภัยตัวเองแล้วใจเราจะเบาขึ้น น้อมนำสัจธรรมว่า ไม่ว่าเราจะชมหรือตำหนิ...
คนมีทุกข์เหมือนกับคนหัวยุ่งที่ยืนมองอยู่หน้ากระจก เราไม่สามารถเอื้อมมือเข้าไปในกระจกเพื่อจัดแต่งทรงผมของเราได้...
สำหรับดิฉันก่อนนำเงินใส่ในบาตรหน้าพระพุทธรูป ดิฉันจะตั้งจิตอฐิฐานขอถวายเงินนี้ที่ลูกได้มาด้วยความสุจริตจากน้ำพักน้ำแรงของลูก...
จะเล่าเรื่องให้ฟังเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เมื่อก่อนดิฉันเปิดร้านเสริมสวยอยู่แถวมหาวิทยาลัยหอการค้า ดิฉันมีลูกน้องเป็นเด็กสระอยุ่คนหนึ่ง...
ถึงอ้างว่าไม่ให้ยึดมั่นในวัตถุแต่ต้องอยู่บนพื้นฐานอะไรควรไม่ควรนะคะ ไม่ฟังความเห็นของคนอื่นนั่นแหละตัวยึดมั่นของจริง
คนไหว้พระพุทธรูป จิตในขณะนั้นน้อมระลึกบูชาถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพูทธเจ้า ไม่มีใครนึกถึงอิฐหิน ปูนทรายหรือทองเหลืองที่สร้างเป็นองค์พระหรอก...
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค เช่น พลังจิต, พุทธศาสนา