การที่พระเปลี่ยนจากจีวร มาใส่ชุดฆราวาสเพื่อถ่ายรูปผิดหรือไม่

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Nu_Ni, 22 กันยายน 2008.

  1. Nu_Ni

    Nu_Ni เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +2,782
    ไม่รู้จะถามห้องไหน ขอถามห้องนี้ก็แล้วกัน
    เรื่องมีอยู่ว่า มีพระเข้าเรียน ในภาคพิเศษ ม ต่าง ๆ ไม่ใช่
    มหาจุฬาฯ แล้วเมื่อใกล้สำเร็จการศึกษา
    ปกติก็จะให้ยื่นเรื่องเพื่อทำ transcirpt ส่วนใหญ่ก็จะให้นักศึกษา
    ใส่ชุดนักศึกษาหรือครุยก็แล้วแต่ หรือ ป โทก็ชุดสุภาพถ่ายรูปมายื่นเพื่อทำ transcript

    มีพระรูปหนึ่งนำรูปที่ใส่ชุดฆราวาสมายื่น ยังไม่ได้สึกนะ รูปเพิ่งถ่ายด้วย
    วันมายื่นก็ยังใส่จีวรมา
    ถามว่าทำไมใส่ชุดแล้วได้รับคำตอบว่า.........
    ใส่จีวร ถ่ายติด transcipt ไปแล้ว ไปสมัครงานลำบาก!!!!!!!!!!!!!!

    เฮ้อ พูดไม่ออก แต่ที่จะถามคือ อย่างนี้ผิดไหม ถ้าผิด ๆ ขนาดไหน
    ขาดจากความเป็นพระหรือไม่
    แบบว่าเวลาจะเม้าก็กลัวเม้าพระ กลัวตกนรก
    แต่เรื่องนี้มันคันปากจริง ๆ หนา
    เคยคุยกับพุทธศาสนิกชนทั้งหลายเค้าเสื่อมศรัทธา ไปมากไม่อยากทำบุญตักบาตร ถ้าเป็นอย่างนั้นมาก ๆ พระดี ๆ ก็จะลำบากสิ
    แล้วจะทำอย่างไรกัน

    ขอคำตอบหน่อยเถอะว่า ผิดหรือไม่ผิดนี่
     
  2. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,131
    พระภิกษุ รักษาศีล ๒๒๗ ข้อ

    ดังนั้น ก็เอาศีลของท่านมาดูซิว่ามี ข้อไหนที่เข้าข่ายผิดศีลไหม

    ผมว่า ผิดครับอยู่โดยปราศจาก จีวร

     
  3. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    สมัยนี้โปรแกรมโฟโตช็อป ตัดเอาเฉพาะหน้ามาใส่ในครุยได้ครับ
    มีร้านรับทำทั่วไปครับ

    อย่าอะไรมากกับเรื่องแค่นี้เถอะครับ พระที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่จีวร หรือการห่มจีวรหรอกครับ

    พระอริยะเจ้า ท่านเป็นฆารวาส ที่เป็นพระ แต่เป็นพระอริยะบุคคล นี้คือ ข้อยืนยันว่าพระที่แท้จริงไม่ใช่ที่ห่มจีวร

    คุณไปเพ่งโทษท่านเข้านะสิ อโหสิกรรมต่อกันและกันเถิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2008
  4. Nu_Ni

    Nu_Ni เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +2,782
    ยืนยันว่าไม่ได้ทำ photoshop เพราะเจ้าหน้าที่เรียนถามพระคุณเจ้า ท่านก็ตอบมาเองด้วยเหตุผลข้างต้นว่าต้องใส่ชุดปกติเพราะอะไร
    เรื่องที่ถามนี่เพราะสงสัยส่วนหนึ่ง
    เพราะไม่รู้และสงสัยจริง ๆ ว่ามันผิดหรือไม่ผิด
    ถ้าผิดก็ผิด ก็จะได้รับรู้ไว้ แต่ถ้าไม่ผิดก็แล้วไป
    เรื่องเพ่งโทษน่ะ คงไม่ได้อะไรมากหรอกก็รู้สึกนิดหน่อยแต่ถามว่าจะไปโกรธอะไรมากมายคงไม่ใช่ แต่มองในภาพรวม ๆ ก็รู้ว่าแบบนี้มีเยอะ แต่พอเจอกับตา
    ถามว่าเป็นคุณจะทำใจได้จริง ๆ หรือ มันก็ต้องมีบ้างเป็นธรรมดาของคนแหละ
    ยังไม่ได้เป็นมนุษย์ที่ประเสริฐอะไรหนักหนา

    เรื่องที่บอกว่าอย่าอะไรมากน่ะ ถ้าคุณมาอยู่ที่จุดนี้ก็ไม่แน่ใจว่าคุณจะทำใจได้หรือไม่ เพราะทุกวันที่เห็นมีเยอะกว่านี้อีกลองถามคนไปเรียนที่อินเดียสิ
    เค้ากลับมาเล่าว่าพระไทยบางรูปที่ไปเรียนอินเดียน่ะประพฤติอย่างไร
    บางคนเรียนจบปุ๊บสึกแต่งเมีย ปั๊บ แถมเมียก็เจอกันที่ไปเรียนที่อินเดียนั่นแหละ
    เจอกันตอนเป็นพระนั่นแหล่ะ (เรื่องนี้เคยถามไปในกระทู้หนึ่งแล้ว)
    พระที่ดี ๆ ก็มี อย่างพระที่มาเรียนที่นี่แล้วเคยสอนมีหลายรูป แต่มีรูปหนึ่งเห็นท่านอายุมากแล้วสักสี่สิบกว่า ก็รู้ว่าเรียนจบไปท่านคงไม่สึกแน่ ๆ
    ก็เรียนถามท่านตรง ๆ มาเรียนสาขา (สิ่งแวดล้อม) นี้เพราะอะไรมันไม่ค่อยเกี่ยว
    ท่านตอบมาว่าสมัยนี้โลกมันเปลี่ยน สิ่งแวดล้อมแย่ลง จะเทศน์สอนชาวบ้านจะไปบอกเค้าถ้าไม่รู้จริงจะสอนเค้าได้อย่างไร ท่านว่าอย่างไรชาวบ้านอีกหลายกลุ่มยังศรัทธาวัด การเอาวัดเข้าไปช่วยตรงนี้ ได้บ้างก็ยังดีกว่าไม่ได้เลย
    เราฟังก็ได้แต่ยิ้มก็ยังดีเพราะจะวัดกันจริง ๆ ท่านอาจสอบไม่ผ่านตามเกณฑ์ก็ได้ แต่เหตุผลที่ท่านให้นะ เกิน A ไปแล้ว
    อย่างที่บอกไป ว่าคนรู้จักรอบ ๆ ข้างเค้าบ่นแล้วก็เสื่อมศรัทธาไปกันหมดแล้วบางคนพาลเปลี่ยนศาสนาไปแล้วด้วย บางคนก็ว่าจะทำบุญอะไรบอกนะทำด้วยยกเว้นทำกับพระ (เพราะเค้าเห็นเราทำบ่อย) เป็นท่านจะอึ้งไหม

    ที่เราเพราะอยากแชร์ประสบการณ์ที่เจอมาเท่านั้น
     
  5. teeo79

    teeo79 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +96
    อย่าไปยึดติดกับการกระทำของคนอื่นเลยครับ
    การกระทำอยู่ที่เจตนา ถ้าพระ่ ที่ใจท่านไม่อยากเป็นพระแล้ว ก็ไม่เป็นพระ

    การทำำบุญกับใครก็มีอานิสงค์ อยู่ที่เจตนาของเรา
    ถึงแม้แต่ว่าเราทำบุญกับพระอรหันต์ แต่พะวงว่าเป็นพระปลอม ก็บาป
    แต่ว่าเราทำบุญกับพระปลอม แต่เลื่อมใสว่าเป็นพระอรหันต์ ก็ได้บุญ
     
  6. Sujinno

    Sujinno Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +90
    กรรม เป็นเครื่องบอก เจตนา
    คุณโยม เฮียปอ ตำมะลัง

    อาตมาขอชี้แจง กรณี การอยู่ปราศ มาจาก พระวินัย นิสสัคคียปาจิตตีย์ จีวรวรรค สิกขาบทที่ 2<O:p</O:p
    ความว่า นิฏฐิตะจีวะรัสมิง ภิกขุนา อุพภะตัสมิง กะฐิเน เอกะรัตตัมปิ เจ ภิกขุ ติจีวะเรนะ <O:p</O:pวิปปะวะเสยยะ , อัญญัตตระ ภิกขุสัมมะติยา , นิสสัคคิยัง ปาจิตติยัง <O:p</O:p
    แปลว่า ภิกษุอยู่ปราศจากไตรจีวร แม้คืนหนึ่ง ต้องนิสสัคคีย์ ปาจิตตีย์ เว้นไว้แต่ได้สมมุติ<O:p</O:p
    ไตรจีวร หมายถึง ผ้าไตรที่รับจากอุปัชฌาย์ ในวันบวช ประกอบด้วย สบง จีวร สังฆาฏิ <O:p</O:pซึ่ง ภิกษุต้องอธิษฐานใช้ผ้านั้น ส่วนจีวรอื่น ๆ เป้นอติเรกจีวร หรือ จีวรอาศัย<O:p</O:p
    การรักษา ผ้าไตรจีวร อธิษฐาน จะต้องอยู่ในหัตถบาศ ของภิกษุรูปนั้นตลอดคืน จนได้<O:p</O:pเวลารุ่งอรุณ(นับแต่แสงเงินแสงทองจับขอบฟ้า มองเห็นลายมือตนเองได้แม้<O:p</O:pดับไฟแล้ว) จึงจะถือว่าครองจีวรได้ราตรี
    แต่ถ้าไม่อยู่กับพระภิกษุ จนถึงเวลา<O:p</O:pรุ่งอรุณ นั่น คือ การอยู่ปราศ<O:p</O:p
    การสมมุติ คือการที่ภิกษุ สมมุติเอาสถานที่ เป็นที่เก็บรักษาไตรจีวร เช่นในสำนักหรือ <O:p</O:pวัดที่อยู่รูปเดียว ก็สมมุติเอาทั้งบริเวณเป็นที่ไว้ไตรจีวรได้ จะอยู่ที่ใดก็ได้ใน<O:p</O:pบริเวณ ถือว่ารักษาไตรจีวรแล้ว
    ส่วนที่อยู่ที่มีภิกษุมาก ก็อธิษฐาน กุฏิ หรือ<O:p</O:pห้องของตนเป็นที่รักษา เมื่อใกล้รุ่งอรุณ อยู่ในกุฏิ หรือ อยู่ในห้องดังกล่าว<O:p</O:pก็เป็นการรักษาไตรจีวรเช่นกัน<O:p</O:p
    หากภิกษุรูปใดละเมิดข้อนี้ ผ้านั้นเป็นนิสสัคคีย์ ต้องสละทิ้งเสีย ส่วนภิกษุนั้นต้องอาบัติปาจิตตีย์ ต้องแสดงอาบัติหรือประจานตนต่อภิกษุรูปอื่น จะจะพ้นอาบัตินั้น
    ในกรณีนี้ตามที่ผู้โพสกระทู้ถาม<O:p</O:p
    มองในแง่พระวินัย<O:p</O:p
    ในสิกขาบทที่ 4สุราปานวรรค ของอาบัติปาจิตตีย์ ระบุว่า อนาทริเย ปาจิตติยัง แปลว่า <O:p</O:pภิกษุแสดงความไม่เอื้อเฟื้อต่อพระวินัย ต้องอาบัติปาจิตตีย์<O:p</O:p
    การที่ภิกษุนำเอาเครื่องแต่งกายของคฤหัสถ์มาสวมใส่ ต้องในฐานไม่เอื้อเฟื้อต่อพระวินัย ต้องแสดงอาบัติต่อภิกษุด้วยกัน จึงจะพ้น<O:p</O:p
    ดังนั้น ในเรื่องนี้ กรรม แสดงให้เห็นถึงเจตนา ถ้าเป็นความจำเป็นเมื่อแสดงอาบัติแล้ว ก็แล้วกัน และไม่ควรทำอีก เพราะจะไม่เข้าในข้อที่ว่า กระทำโดยไม่ละอาย <O:p</O:p
    เรื่องเกี่ยวกับการแต่งกายของพระภิกษุ มีเรื่องเล่าอยู่ 2 เรื่อง<O:p</O:p
    1. พระพุทธองค์ ทรงตรัสไว้ กล่าวโดยสรุป ดังนี้ “ ท่านไม่นับว่าใครเป็นภิกษุเพราะเพียงนุ่งห่มผ้าเหลือง (แม้บวชถูกต้องตามพระวินัย) แต่จะนับว่าบุคคลนั้นเป็นภิกษุ ก็ต่อเมื่อเขาเข้าใจความจริงที่อริยเจ้าเข้าใจ ผู้ใดศึกษาถึงแก่นธรรม ด้วยความซื่อ กระทั่งเห็นความจริงที่ว่า กาย ใจ นี้ไม่เที่ยง ไม่น่ายึดมั่น ไม่ควรปล่อยใจตามความอยาก สลัดคืนเหตุแห่งทุกข์ คือความอยาก ละความไม่รู้เสียได้ แม้ไม่นุ่งห่มจีวร ก็นับว่าผู้นั้นเป็นภิกษุ <O:p</O:p
    2. ในอดีต ของไทย มีพระเถระผู้ทรงสมณศักดิ์รูปหนึ่ง ต้องอธิกรณ์ กับคณะสงฆ์และทางการ ถูกจับและถูกบังคับให้ลาสิกขา แต่ท่านไม่ยอม จึงถูกจับถอดผ้าเหลือง ท่านก็เอาผ้าขาวมานุ่ง และอยู่ในที่คุมขัง และประพฤติเหมือนพระภิกษุ มีการอธิษฐานพรรษา ฯลฯ มีผู้ถามท่าน ท่านก็บอกว่า แม้ท่านจะไม่ได้นุ่งห่มผ้าเหลือง แต่ใจท่านยังเป็นภิกษุอยู่ ต่อมาเมื่อมีการตัดสินว่าไม่มีมลทิน ท่านก็ครองผ้าเหลืองในตอนนั้น และได้รับสมณศักดิ์ กลับคืน<O:p</O:p

    <O:p></O:p>


    อย่ามองกรรม ให้มองที่เจตนา ในที่นี้จะไม่ชี้ว่าผิดหรือถูก<O:p></O:p>


    เจริญพร<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2008

แชร์หน้านี้

Loading...