การเดินทางที่อ่อนไหวกับเด็กชายออทิสติก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 2 มิถุนายน 2008.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สำหรับพ่อแม่ที่มีลูกเป็นออทิสติกทุกท่าน
    เรื่องจริงจากชีวิต แม่ก้อย แม่ที่ทุ่มเทชีวิตและจิตใจรักษาลูกชายจนหายจากออทิสติก
    การเดินทางที่อ่อนไหวกับเด็กชายออทิสติก
    http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=autistic&id=132

    กว่าชีวิตจะถูกเติมเต็ม
    http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=autistic&id=2


    รายละเอียด
    ใครจะไปคิดว่า “การมีลูก” เป็นเรื่องลำบากยากเย็นเข็ญใจสำหรับเราเสียเหลือเกิน.....​

    ด้วยความที่ฤกษ์แต่งงานของแม่ก้อย (ที่หมอดูว่าเด็ดที่สุดในรอบร้อยปี...ขนาดนั้น)​

    ทำให้กว่าจะได้แต่งงาน​

    ต้องรอไปอีกเกือบ 2 ปี​


    เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้เราตั้งใจที่จะมีลูกโดยเร็วที่สุด ​

    เดือนแล้ว....เดือนเล่า...ลูกก็ยังไม่ยอมมาเกิดเสียที สำหรับคนที่อยากให้มีใครมาเรียกว่า ”แม่”​

    กับเค้าบ้าง ​

    ไม่น่าเชื่อว่า.....การพยายามมีลูกนั้น เป็นความสุขใจแต่ทุกข์กายอย่างใหญ่หลวง​


    อีก 2 ปีผ่านไป กับ “วิธีการทางวิทยาศาสตร์” สารพัดรูปแบบ ที่ล้วนเป็นเรื่องเจ็บตัวแทบทั้งสิ้น​

    ตั้งแต่วิธีการตรวจหาสาเหตุ....ฉีดสีเข้าท่อนำไข่...เจาะท้องส่องกล้องดูมดลูก ...เป่าท่อนำไข่ ​

    แล้วก็มาถึงวิธีการรักษา​

    ที่แม่ก้อยตั้งความหวังไว้เต็มพิกัด ตั้งแต่วิธีการแรก ...​

    .กินยาให้ไข่ตก...ฟังดูเหมือนเราเป็นไก่ที่ออกไข่ไม่เป็น.. แน่นอน..วิธีการนี้แม่ก้อยสอบไม่ผ่าน​

    เพราะกินยานานมาก จนกลัวว่า...ไข่จะหมด..จากนั้น ขั้นตอนเริ่มซับซ้อนและหลากหลาย​

    ซึ่งแม่ก้อยสอบตกทั้งสิ้น วิธีสุดท้ายที่คุณหมอจะทำ คือ การทำ ”กิฟท์”​


    ด้วยความที่เจ็บตัว และท้อแท้ ก็เลยประกาศว่า ถอยดีกว่า...ไม่เอาดีกว่า.....และหยุดอาการ “อยากมีลูก”​

    ได้เสียที​


    3 เดือนผ่านไป....ปาฏิหาริย์บังเกิด...แม่ก้อยท้องค่ะท่านผู้ชม ​

    แต่...ไชโยโห่ฮิ้วกันได้แค่ 3 เดือน อยู่ดีๆ เจ้าตัวเล็กในท้องก็ถอดใจไม่ยอมโตเสียดื้อๆ ทั้งที่​

    ultrasound ดูแล้ว ยังเห็นหัวใจเล็กๆ เต้นตึ๊บตึ๊บอยู่เลย....ตอนคุณหมอบอก​

    เหมือนหัวใจตัวเองจะหยุดเต้นตาม ตัวเบาหวิว กลับมาบ้านได้ยังไง ยังงงๆ.....ร้องไห้คร่ำครวญ​

    ตั้งคำถามมากมาย...เราก็ไม่ใช่คนทำบาปกรรมอะไรนัก ทำไมเรื่องร้ายอย่างนี้ต้องเกิดกับเรา​


    อีก 2 ปี ผ่านไป (รวมๆมาได้กี่ปีแล้วเนี่ย) ขณะที่สองเราเริ่มคิดว่า​

    ...ท่าทางเราต้องอยู่กันเดียวดายเป็นแน่แท้...​

    และขณะที่แม่ก้อยพึ่งเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ได้แค่ 6 เดือน​

    และแล้ว...คุณนนท์...ก็โผล่มาทักทายกับเรา..วันหนึ่งในเดือนที่ร้อนจัด​


    แต่....ความ “วุ่นวาย ใจหายใจคว่ำ” ก็เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอด 9 เดือนที่คุณนนท์อยู่ในท้องแม่​

    เลือดออกหลายครั้ง....ตัวร้อนจัดกว่า 40 องศาโดยไม่ทราบสาเหตุ.....อาการบวม และ​

    ลมพิษอีกนับครั้งไม่ถ้วน​

    อันนี้ยังไม่นับ..การเป็นหวัดเนื่องจากภูมิแพ้ที่เป็นมาตั้งแต่เด็ก..ซึ่งเป็นได้เกือบทุกวัน​

    ที่สำคัญ...การออกมาดูโลกภายนอกของคุณนนท์ก็มีเรื่องที่คาดไม่ถึงตามมาอีก​

    คุณหมอเป็นพวกอนุรักษ์นิยม..บอกว่าคลอดธรรมชาติแล้วกัน​

    หลังจากเจ็บจน(หมอ)ทน(ดู)ไม่ไหว บล๊อคหลัง แล้วให้คลอดเองก็ไม่สำเร็จ ต้องถูกบล๊อคหลังอีกครั้ง​

    เพื่อเข้าห้องผ่าตัดหลังจากถุงน้ำคร่ำแตกนานพอดู​


    ......”ต้นร้ายปลายดี”...เป็นอย่างนี้นี่เอง (แม่ก้อยคิดตอนนั้น)​

    คุณนนท์สมบูรณ์ดีมาก ร้องเสียงดัง ตัวใหญ่ล่ำบึ้ก หน้าตาน่ารักน่าชังสมใจกับการรอคอยอันยาวนานหลายปี​


    .....ใครจะไปคิด...ว่าถัดจากนี้ไปเพียงปีเดียว...จะมีเรื่องมากมาย....เกิดขึ้นกับชีวิตน้อยๆของลูก​

    “ออทิสติก”ที่ลูกเป็น น่าจะมีสาเหตุหลักมาจาก ”ความวุ่นวายใจหายใจคว่ำ”​

    ระหว่างที่ลูกสร้างเนื้อสร้างตัวอยู่ในท้องแม่ ซึ่งมีผลรุนแรงกับการพัฒนาเซลล์สมองของลูก​


    แม่ก้อยพึ่งรู้ว่า “เรา” พึ่งจะ..เริ่มต้น...เท่านั้นเอง ​

    เป็นการเริ่มต้น ที่เรียกว่า “ต้นร้าย” จริงๆเสียด้วย​


    พ่อของคุณนนท์บอกกับแม่ก้อย...ในวันที่เรารู้แน่ว่าลูกเป็นออทิสติก....อย่างนี้​

    ....แม้เราจะเลือกการเริ่มต้นไม่ได้...แม้มันจะเป็น”ต้นร้าย”​

    แต่..เราจะทำทุกทุกทาง อดทนต่ออุปสรรคทุกทุกอย่าง​

    และท้ายที่สุด..​

    ไม่ว่าเราจะพบกับ “ปลายดี” หรือ อาจจะยังคงเป็น “ปลายร้าย”​

    ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล หรือ เสียใจอะไรเลย​

    ในเมื่อตั้งแต่วันแรกที่เรามี “คุณนนท์”​

    ชีวิตที่ว่างเปล่าของเราสองคน ...ถูก”เติมเต็ม”...แล้ว​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2008
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <CENTER>มุมมองจากภายใน:จะเข้าใจผู้คนที่แตกต่างออกไปได้อย่างไร</CENTER>
    แบรด แรนด์์ เขียน
    ดนุนุช ตันมณี(นามปากกา) แปล
    ถ้าคุณมาถึงข้อเขียนของแบรดได้ คุณต้องรู้อะไรเล็กน้อยเกี่ยวกับออทิสซึม
    คนออทิสติกบางคนมีความสามารถพิเศษสูงในหนึ่งหรือสองด้าน แบรดมีพรสวรรค์ทางเขียน เขาหวังว่าที่เขาเขียน
    จะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเรื่องปฏิสัมพันธ์กับผู้คนที่มีกลุ่มอาการของออทิสซึม กลุ่มอาการดาวน์
    กลุ่มอาการปัญญาอ่อนจากสมองพิการ และกลุ่มอาการเงื่อนไขอื่น ๆ ที่ทำให้ผู้คนแตกต่างออกไป
    สวัสดีี
    เมื่อผมเรียนภาษามือและใช้คอมพิวเตอร์ในปี 1992 ผมรู้สึกประหลาดใจที่ได้รู้ว่า คนอื่น ๆ
    ต้องการจะรู้ว่าผมคิดอย่างไร ผมเองก็ต้องการรู้เหมือนกันว่าคนอื่น ๆ
    คิดอย่างไรเพราะมีผู้คนมากมายเหลือเกินในหมู่ของคุณและของผมที่ต้องการทำให้ตัวผมเหมือนคุณแล้วผมจะได้เหมาะเจาะพอดีในโลกของคุณ
    แต่ผมก็ได้เรียนรู้ว่าผู้คนต่างต้องการรู้เกี่ยวกับตัวผมด้วยและเมื่อพวกเขาเรียนรู้ว่าผมคิดอย่างไรและทำไมผมจึงทำสิ่งต่าง ๆ พวกเขาจะได้ทำในสิ่งที่ไม่ทำให้ผมสับสนและผมก็จะได้สามารถเข้าใจพวกเขาดีขึ้น
    ผมเรียนรู้ว่าผมสามารถจะอยู่จะเป็นอย่างที่ผมเป็นและขณะเดียวกันก็ยังคงอยู่ได้เหมาะเจาะพอดีในโลกของคุณสักเล็กน้อย
    ดังนั้นผมจึงตัดสินใจว่ามันคงดีที่จะอยู่จะเป็นอย่างที่ผมเป็นอยู่และเหมาะเจาะพอดีเล็กน้อยกว่าที่จะกลายเป็นใครที่ไม่ใช่ผมและเหมาะเจาะพอดีมาก
    ดังนั้นหนังสือเล่มนี้ที่ผมเขียนจึงเป็นเรื่องของผมและผู้คนอื่น ๆ ที่แตกต่างออกไป
    แต่ผมก็ได้แต่รู้ว่าจิตใจของผมทำงานอย่างไรกับว่าผมคิดอย่างไร
    ดังนั้นบางทีบางส่วนของผู้คนที่แตกต่างออกไปก็อาจจะแตกต่างกันออกไปอีกหรือบางทีบางส่วนของพวกเขาก็อาจจะเหมือนกันมาก ๆ หรือบางทีบางส่วนของพวกเขาก็อาจจะเหมือนกันสักเล็กน้อย
    ผู้คนที่แตกต่างออกไปไม่เคยจะแตกต่างออกไปในทางที่เหมือนกัน
    แต่ละคนของพวกเขาเหล่านั้นอาจมีพรสวรรค์บางอย่าง เช่น เข้าอกเข้าใจสัตว์หรือวิ่งเร็วมากหรือความสามารถพิเศษบางอย่าง เช่นวาดรูปหรือดนตรีหรือคณิตศาสตร์หรือประพันธ์เพลงหรือบทกวีหรือนวนิยายหรือความชำนาญบางด้าน เช่นต่อเติมภาพปริศนา สร้างประกอบแบบเข้าด้วยกันหรือบางสิ่งบางอย่างในทางที่พวกเขาพูด หรือ เห็น หรือเคลื่อนไหว หรือ เข้าใจสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้พวกเขาพิเศษออกไป
    ผู้คนที่แตกต่างออกไปอาจไม่เข้าใจว่าจะพูดกับคนอื่น ๆ
    อย่างไรหรือไม่รู้เลยว่าจะแสดงท่าทางให้ถูกให้ควรแก่กาลเทศะอย่างไรหรือไม่รู้จะเข้าใจความรู้สึกต่าง ๆ
    อย่างไรหรือไม่รู้จะจำแนกแยกแยะสิ่งที่มองเห็นและเสียงและกลิ่นที่ประดังประเดมีอยู่มากมายในโลกได้อย่างไร แต่พวกเขาก็ยังคงความพิเศษอยู่ เพราะมีแค่หนึ่งของพวกเขาเท่านั้น
    เช่นเดียวกับมีแค่หนึ่งเท่านั้นของพวกคุณ ดังนั้นหนังสือเล่มนี้ที่ผมเขียนจะพูดถึงบางส่วนของหลาย ๆ
    สิ่งที่ผู้คนผู้ซึ่งเหมือนผมมักจะชอบทำ
    และทำไมพวกเขาจึงชอบทำมันและหนังสือน้อยเล่มนี้จะพูดถึงอะไรที่ผู้คนผู้ซึ่งเหมือนคุณน่าจะทำตอบกลับ
    ฉะนั้นเกือบทั้งหมดของหนังสือนี้ก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผมและเกี่ยวกับคุณ
    ยิ่งกว่านั้นหากคุณเห็นใครบางคนที่แตกต่างกำลังอยู่กับผู้ปกครองหรือเพื่อนของพวกเขา
    บางทีผู้ปกครองหรือเพื่อนของพวกเขากำลังทำอะไรกับพวกเขาที่คุณอาจจะไม่เข้าใจ
    บางทีหนังสือน้อยเล่มนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจอะไรที่พวกเขากำลังทำและอะไรนั้นมันได้ช่วยผู้คนผู้ซึ่งแตกต่างออกไปอย่างไร
    <TABLE borderColor=#f0f0f0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%" align=center bgColor=#f0f0f0 border=1><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff>


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มิถุนายน 2008
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ผู้คนบางคนอยู่ในสองโลกที่แตกต่างกัน

    บางคนที่แตกต่างออกไปไม่ค่อยจะเข้าใจการติดต่อสื่อสารกับคุณและโลกภายนอกดีเท่าไรนัก
    โลกซึ่งน่าจะเรียกได้ว่าโลกที่เป็นจริง บางคนจะมีอีกโลกหนึ่งภายในหัวของเขาด้วยอีกต่างหาก
    โลกซึ่งสงบสุขกว่าและง่ายที่จะเข้าใจกว่าโลกที่เป็นจริง

    โลกภายในหัวของผมดูเหมือนกับอุโมงค์ที่หมุนเลื้อยลงไป
    มันเงียบและสงบสุขและไม่มีใครเลยในนั้นและไม่มีอะไรยากเลยที่จะจินตนาการออกมา
    ดังนั้นมันจึงเป็นที่ที่ปลอดภัยเมื่อโลกจริง จริง ยุ่งเหยิงสับสน

    ดังนั้นโลกของคุณจึงเป็นโลกหนึ่งที่ผู้คนส่วนมากที่สุดรู้จักกันดีที่สุด
    แต่โลกของพวกเขาก็มีความหมายมากสำหรับพวกเขาด้วยเหมือนกัน เมื่อเวลาที่พวกเขาต้องการมัน
    โลกในหัวของผมไม่ใช่ที่ที่ไม่ดี หรือ ที่บ้า ๆ บอ ๆ
    มันเป็นเพียงที่ที่เงียบสงบและสันติสุขแห่งหนึ่งเท่านั้นเอง บางทีมันอาจจะคล้าย ๆ
    กับที่ที่ปิดลับเงียบเชียบที่คุณเคยแอบเข้าไปนั่งเมื่อเวลาที่คุณต้องการอยู่ตามลำพังเมื่อครั้งที่คุณยัง
    เล็ก ๆ

    ฉะนั้นหากคุณเห็นใครบางคน และเขาดูเหมือนว่ากำลังอยู่ในโลกส่วนตัวเล็ก ๆ
    ของเขาและผู้ปกครองและเพื่อนของเขาปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นพวกเขาไม่ได้ละเลยเขา
    บางทีพวกเขาแค่กำลังปล่อยให้เขาอยู่ในโลกที่คุ้นเคยสักพักในระยะสั้น ๆ

    ผู้คนบางคนไม่เห็นหรือได้ยินสิ่งต่าง ๆ เหมือนอย่างที่คุณเห็นหรือได้ยิน

    เหตุผลหนึ่งที่ทำให้โลกที่เป็นจริงสามารถถึงขั้นสับสนยุ่งเหยิง
    ได้เป็นอันมากก็คือบางคนรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้แตกต่างไปจากคุณ
    ข้อมูลข่าวสารหมายถึงอะไรที่เข้ามาในความรู้สึกรู้รับของคุณ เช่น สิ่งที่มองเห็นเสียง กลิ่น รส
    และสัมผัส บางครั้งบางคราวสมองของพวกเขาจริง ๆ
    ก็สร้างในสิ่งที่แตกต่างออกไปหรือมีวงจรติดขัดของทางเดินไฟฟ้าที่สมองของพวกเขาเคยใช้เป็นช่องทางรับเอาข้
    อมูลข่าวสารและประมวลผลมัน ดังนั้นทางเดินของข้อมูลข่าวสารของพวกเขาจึงอาจไม่ทำงานเหมือนกับของคุณ

    เมื่อคุณมองที่คลื่นจำนวนหนึ่งบนชายหาด
    ภาพที่คมชัดภาพหนึ่งของคลื่นจำนวนหนึ่งนั้นเดินทางเข้าไปในสมองของคุณ
    แต่กับใครคนหนึ่งที่สมองของเขาแตกต่างออกไปหรือที่ทางเดินของข้อมูลข่าวสารของเขามีบางพื้นที่เสียก็อาจจะ
    เห็นภาพของคลื่นจำนวนหนึ่งนั้นแตกย่อยออกเป็นชิ้น
    ชิ้นหรือเป็นหลายสีที่แตกต่างหรือเป็นหลายรูปทรงที่แปลก ๆ ออกไป
    ดังนั้นบางทีเขาจึงไม่ได้กำลังมองเห็นในสิ่งเดียวกันกับที่คุณกำลังเห็นเสมอไป

    เพราะการเห็นไม่ใช่จะด้วยตาของคุณเท่านั้น
    มันต้องขึ้นอยู่กับว่าภาพที่เข้ามายังตาของคุณนั้นเข้าไปถึงสมองของคุณอย่างไรด้วยเหมือนกัน
    คุณดูจะคุ้นเคยกับการที่มันเข้าไปยังสมองของคุณในทางที่ถูกที่ควรบางทีคุณอาจคิดไม่ถึงว่ามันสามารถจะเดิน
    เข้าไปในทางที่ไม่ถูกไม่ควรก็ได้ด้วย แต่มันก็ทำอย่างนั้นในสมองของผู้คนที่แตกต่างออกไป

    เช่นเดียวกัน เมื่อคุณได้ยินเสียงของคลื่น บางทีสมองของคุณบอกว่า
    เสียงมันไม่ได้ดังเกินไปนักเพราะสมองของคุณกำลังเปรียบเทียบมันกับบางอย่างที่ดังกว่าจริง ๆ
    อย่างเช่นเสียงประทัด แต่กับใครคนหนึ่งที่สมองของเขาแตกต่างออกไปหรือที่ทางเดินของข้อมูลข่าวสารของเขา
    มีบางพื้นที่เสียก็จะไม่สามารถเปรียบเทียบเสียงคลื่นกับเสียงของสิ่งอื่นใดได้
    ดังนั้นมันจึงเป็นเสียงที่ฟังดูดังมากจริง ๆ
    สำหรับเขาเมื่อมันไม่ได้เปรียบเทียบกับเสียงของสิ่งอื่นใดเลย

    หรือใครคนนั้นอาจมีทางเดินของเสียงที่ไม่ได้ถูกสร้างไว้
    เหมือนกับของคุณอาจสามารถมีเซลล์ประสาทซึ่งอ่อนไหวมากตามทางเดินของเสียงนั่นคล้ายกับเป็นเครื่องขยายเสีย

    ดังนั้นเสียงหนึ่งซึ่งไม่ดังเกินไปเลยสำหรับคุณอาจจะเป็นเสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหวสำหรับใครคนนั้นผู้ซึ่ง
    แตกต่างออกไป

    ทำนองเดียวกัน
    สิ่งที่มองเห็นและเสียงที่ได้ยินเป็นไปได้ที่จะเดินทางเข้าไปยังสมองของคุณในเวลาเดียวกันอย่างสม่ำเสมอแล
    ะสมดุลย์ที่มองเห็นและที่ได้ยินเป็นองค์ประกอบของคลื่นบนชายหาดด้วยกันทั้งคู่
    คุณทำพร้อมกันทั้งสองอย่างได้โดยอัตโนมัติ
    แต่ใครคนหนึ่งที่สมองของเขาแตกต่างออกไปหรือที่ทางเดินของข้อมูลข่าวสารของเขามีบางพื้นที่เสียบางครั้งบา
    งคราวมีปัญหาเรื่องความสมดุลย์กันของข้อมูลข่าวสารที่เดินทางเข้ามายังสมองของเขา

    บางครั้งเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่สามารถเดินทางเข้าไปในชั่วเวลาหนึ่ง
    ดังนั้นสิ่งที่เห็นสามารถเข้าไปก่อนแล้วค่อย ๆ จางหายไปเพราะเสียงจากที่ได้ยินกำลังเข้ามา
    เมื่อสิ่งที่เห็นค่อย ๆ จางหายไป เสียงที่ได้ยินเท่านั้นที่คงเหลืออยู่
    มันคือข้อมูลข่าวสารเดียวเท่านั้นที่เขากำลังรับได้
    ซึ่งทำให้มันเป็นเสียงที่ดังมากเพราะเป็นทั้งหมดที่เขาสามารถรวมศูนย์สนใจมันได้

    ดังนั้นคุณไม่ควรคิดอยู่เสมอว่าใครคนหนึ่งที่แตกต่างออกไปจะรวมศูนย์ความสนใจไปยังข้อมูลข่าวสารบรรดามีอย
    ู่ในโลกได้อย่างสมดุลย์เหมือนกับที่คุณทำตาและหูของเขาสามารถรวมศูนย์ความสนใจไปยังสิ่งเดียวกับที่ตาและห
    ูของคุณทำ แต่ทันทีที่ข้อมูลข่าวสารนั้นเข้าไปตามทางเดินสู่ยังสมองของเขา
    มันสามารถจะเดินออกนอกลู่นอกลู่นอกทางผิดทิศผิดเป้าหมาย หรือเปลี่ยนแปรไป หรือจางหายไป
    หรือถูกสกัดกั้นไว้ หรือถูกทำให้สับสน
    ฉะนั้นข้อมูลข่าวสารจะไม่ไปถึงสมองของเขาในเงื่อนไขที่เหมือนกันกับที่ข้อมูลข่าวสารเดียวกันนั้นได้ไปถึง
    ยังสมองของคุณ

    นับครั้งไม่ถ้วนที่ผมรู้สึกประหลาดใจโดยอะไรที่คนอื่นพูดว่าพวกเขาเห็นและได้ยิน
    เพราะมันไม่ใช่อะไรที่ผมเห็นและได้ยิน
    ดังนั้นอะไรที่คุณเห็นและได้ยินอาจจะเป็นสิ่งถูกและผู้คนที่แตกต่างออกไปอาจจะกำลังเห็นหรือกำลังได้ยินสิ
    ่งที่ผิดไป บางทีคุณก็ต้องจดจำไว้ด้วยว่า
    เขาช่วยไม่ได้ที่เห็นและได้ยินในสิ่งที่ผิดไปและเขาไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าเขากำลังเห็นและได้ยินในสิ่งที่ผิด
    ไป

    ถ้าคุณกำลังจ้องมองที่บางสิ่งบางอย่างและสมองของคุณบอกว่ามันเป็นอะไรบางอย่างที่น่ากลัว
    เป็นไปได้ที่คุณจะไม่เชื่อบางคนที่มาบอกกับคุณว่ามันเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ดูสงบปลอดภัยและไม่น่ากลัวเลย
    สักนิด คุณคงจะแต่เป็นไปได้ที่คุณคงจะไม่
    ดังนั้นจะเป็นการช่วยเหลืออย่างมากที่คุณจะบอกกับผู้คนที่แตกต่างออกไปว่าอะไรที่เขากำลังจ้องดูอยู่นั้นจริง ๆ แล้วปลอดภัยและไม่น่ากลัว แต่ถ้าเขายังคงไม่เชื่อคุณ
    คุณก็ไม่ควรพยายามใช้กำลังบีบบังคับเขาให้เชื่อคุณ
    เพราะมันเป็นการยากที่จะทำให้ใครบางคนเขาเชื่อคุณในเมื่อเขากำลังมองเห็นบางสิ่งบางอย่างแตกต่างไปจากที่คุณกำลังมองเห็นอย่างสิ้นเชิง
    http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=autistic&id=687
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มิถุนายน 2008
  4. CMJ

    CMJ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2008
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +28
    ลูกชายผมก็เป็นแบบนี้ครับ
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ

    เขาไม่ได้ป่วย เพียงแต่เขาต้องเรียนรู้มากกว่าเด็กคนอื่น

    เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตในโลกใบนี้ได้ปกติเหมือนคนอื่น

    เมื่อเขาเรียนรู้และเข้าใจโลกใบนี้ได้ เขาก็จะเข้าใจโลก

    ใบนี้เหมือนที่เราเข้าใจ

    มีคนเคยพูดไว้ว่า เด็กที่มีอาการออทิซึ่มเปรียบเหมือน

    ปลาที่เกิดในน้ำเค็ม แต่ต้องมาอาศัยในน้ำจืด

     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ข้าพเจ้ามีความรู้สึกว่า มนุษย์เราทุกคนในแต่ละคนมักมีสิ่งที่แตกต่างออกไปตามความคิดและจินตนาการ เนื่องจากสภาพสมองและระบบประสาทของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความต่างนี้ทำให้การเห็นของแต่ละคนไม่เหมือนกันซะทีเดียว ซึ่งอาจมีเรื่องลึกลับซ่อนอยู่ เราทุกคนอาจมีอาการ ออทิสติกบ้าง ไม่มากก็น้อยตามสภาพกายภาพ กรรมของแต่ละบุคคล ทำให้เรามีนิสัยหรือบุคลิกภาพต่างๆกันไป ตามการเรียนรู้ของเรารูปแบบการเรียนรู้ และเลียนแบบ คล้ายกันแต่มีผลต่อบุคคลต่างกัน อาจเป็นเพราะสภาพกายภาพของสมองและระบบประสาท ของเราทุกคนไม่มีใครสมบูรณ์ เพอร์เฟค 100% ลองพิจารณาดูท่านมีอาการเหล่านี้บ้างหรือไม่

    การจัดว่าเป็นออทิสติกหรือไม่ทางการแพทย์วัดจากมีอาการครบเกณฑ์จึงจัดว่าเป็น ถ้าไม่ครบเกณฑ์ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ

    โรคออทิสติก (Autistic Disorder) หรือ ออทิสซึม (Autism) เป็นความบกพร่องของพัฒนาการรูปแบบหนึ่งที่มีลักษณะเฉพาะ นับเป็นเวลา 60 ปีแล้ว ที่นักวิชาการรู้จักโรคนี้ และพยายามศึกษารายละเอียดต่างๆของโรค แต่ยังไม่สามารถหาสาเหตุของโรคได้ชัดเจน
    คำว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มิถุนายน 2008
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    กลุ่มคนที่มีอาการออทิสติกส่วนใหญ่จะมีอาการคล้ายกัน คือมีความคิดปรุงแต่งน้อยเนื่องจากสภาพของสมองและระบบประสาทไม่เอื้อต่อการคิดปรุงแต่ง ทำให้พวกเขาส่วนใหญ่มีโลกส่วนตัว และจมอยู่กับความว่าง เป็นผลให้พวกเขามักจะแสดงผลงานในระดับอัจฉริยะจากความว่างนั้น แต่เนื่องจากเขาไม่สามารถอาศัยความคิดจากว่างมาต่อยอดออกไป พวกเขาจึงแสดงลักษณะของอัจฉริยะในแบบเฉพาะไม่ต่อเนื่อง รู้เป็นเรื่องๆ

    ต่างจากบุคคลที่มีสภาพสมองและระบบประสาทที่ปกติ สามารถคิดปรุงแต่ง และสามารถหยุดความคิดปรุงแต่งจนถึงสภาวะว่างจากความคิดปรุงแต่ง จึงจะอาศัยความคิดนั้นต่อยอดออกไปอีก จนถึงขั้นสูงสุดได้

    ปล.เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ท่านผู้อ่านมีจินตนาการบ้างไหมคะ ลองมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...