การแก้ดวงชะตา ในโหราศาสตร์ ...โดยอ.วรกุล เว็บ โหราไทย

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย มหา, 29 มิถุนายน 2009.

  1. มหา

    มหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +974
    .....ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า การแก้ดวงชะตานั้นทำไม่ได้ครับ หมอดูหรือโหรที่มีความรู้เพียงแต่จะแนะนำให้ ทำอะไรที่สอดคล้องกับดวงชะตา จะเป็นสิ่งที่ถูกกว่า ทุกวันนี้ คนนำมาใช้หากินกันเยอะเกินไป ตั้งตัวกันเป็นอาจารย์ใหญ่ โฆษณามาก ทำให้เสียชื่อวงการโหราศาสตร์ ไปหมด จริงอย่างที่คุณว่า ถ้าได้ผลจริง ตัวอาจารย์ทั้งหลายก็น่าจะทำให้ตัวเองดีขึ้น รวยขึ้นได้ ต่างกับการแนะนำอะไรให้สอดคล้องกับดวงชะตานั้น เจ้าชะตาเขามีดวง มีวาสนา จากผลกรรมดี จะเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ถึงเราไม่แนะนำอะไร เขาก็รวยได้เอง ตัวอย่างเมื่อเมื่อสิบกว่าปีก่อน มีสามีภรรยาคู่หนึ่งมาหา สามีเป็นลูกจ้างเขาอยู่ ลำบากมาก มาให้ดูดวงชะตา จังหวะพอดีเขาจะรวยแล้ว ผมจึงแนะนำให้เขาไปเปิดกิจการของตนเอง ทุกวันนี้ เขามีเงินหลายร้อยล้านแล้วครับ แต่ผมเองไม่มีดวงชะตาเช่นนั้น แม้จะไปทำเองบ้างก็คงไม่ร่ำรวยอย่างเขาได้ นี่เป็นสิ่งที่ต่างกัน

    ..... ฮวงจุ้ยนั้นเป็นวิชาไสยศาสตร์ แต่นักดูฮวงจุ้ยเอาโหราศาสตร์ไปดูด้วยเท่านั้นเอง ไสยศาสตร์ต่างหากที่เบี่ยงเบนดวงชะตาได้ เป็นการเบี่ยงเบนในกรรมปัจจุบัน ไม่ใช่กรรมเดิม หรือ เป็นการทดใช้กรรมให้ช้าลง ไม่ได้ขจัดวิบากกรรมให้สิ้นไป แต่การกระทำเช่นนั้น หากทำไม่ดี ทำไม่เป็น ก็จะเกิดเป็นโทษมาก เหมือนคนกินยาถอนพิษ อาจกลายเป็นพิษเสียเอง และแก้ยาก นักโหราศาสตร์ที่มีความรู้จะรู้ไสยศาสตร์ด้วย เพราะต้องแก้ไสยศาสตร์ที่ผิดให้ได้ ไว้จะเขียนเรื่องนี้ให้ในวันหลัง เพราะมีเรื่องน่าสนใจอยู่มากทีเดียว

    ..... การกราบพระตามวัดต่างๆแก้เคล็ด เป็นเรื่องกว้างมากไป ความจริงเราจะกราบพระที่ไหนก็ได้ผล หรือไม่ได้ผลเท่ากัน หากจะกราบพระองค์ใด หรือวัดใดให้ได้ผล หรือแม้แต่การแขวนพระเครื่องให้ได้ผลก็ตาม หลักการที่ใช้ไม่ได้อยู่ที่เป็นคนเกิดวันนั้น วันนี้ หรือ ราศีโน้นราศีนี้ แต่จะอยู่ที่ธาตุบางอย่างของแต่ละคนเหมาะสมกับธาตุที่สร้างองค์พระขึ้นมา โบราณเชื่อว่า การที่เราผูกพัน และจะกราบพระวัดใด องค์ใดแล้วได้ผลศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ทุกคนจะได้ผลเหมือนกัน อยู่ที่การทำกรรมดี มีบุญเดิมมาประการหนึ่ง อีกประการหนึ่ง คือเรามีส่วนสร้างพระ สร้างวัดนั้นมาในอดีตชาติ ดังนั้นโบราณจึงสอนให้เราร่วมกันสร้างพระ สร้างวัดไว้ด้วยจิตเป็นศีล มีทานอันบริสุทธิ์ และตัวเรานั่นเองจะได้รับความคุ้มครองตลอดไปทุกชาติ ทดลองดูก็ได้ หากเราเดินทางไปแห่งหนตำบลใด ซึ่งเราได้สร้างบุญไว้เองในอดีต แม้จะจำไม่ได้แล้ว หากเข้าวัด หรือกราบพระแล้วมีความรู้สึกคุ้นเคยมาก แต่บรรยายไม่ได้ นั่นคือผลบุญของเราในอดีต ธาตุที่เกิดจากความตั้งใจของเราในการสร้างพระ สร้างวัดนั้น จะยังคงอยู่ตลอดมา และจะจูนตรงกับเราในชาตินี้ได้ แต่นี่เป็นคนละเรื่องกับไหว้แล้วดี หรือ รวย แต่ผลบุญของเราจะเป็นไปตามหลักพุทธธรรมเท่านั้น
    .....
    ..... การเปลี่ยนชื่อ มีผลได้ แต่การตั้งชื่อนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวอักษรอย่างนั้นอย่างนี้ เกิดจากคนที่ไม่รู้เรื่องโหราศาสตร์ และทักษา ซึ่งส่วนใหญ่ใช้มหาทักษามาสวมเข้ากับอักษรวรรคตอน ตามไวยากรณ์ไทยที่แบ่งตามแหล่งกำเนิดเสียงและวรรณยุกต์ ซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดเลยกับมหาทักษา อักษรเหล่านั้นเขามีไว้ตั้งชื่อ หมวดหมู่ฉายาพระบวชใหม่ตามวันเกิดให้สะดวกเท่านั้น ชื่อคนเรามีผลด้านเสียงเรียกขาน และความหมาย แต่ก็เป็นทางด้านไสยศาสตร์ ไม่ใช่โหราศาสตร์แท้

    .....ส่วนการใส่เสื้อผ้า อัญมณีและ เครื่องประดับตามสีนั้น เป็นโหราศาสตร์ แต่ที่เอามาแนะนำกันอยู่ยังไม่ถูกต้อง สีที่ใช้กันอยู่สีตามดาวคู่ธาตุในมหาทักษา เช่น อาทิตย์ – แดง จันทร์ – เหลือง เป็นต้นนี้ โหราศาสตร์เรียกว่าเป็นธาตุท้องถิ่นในธรณี หมายความว่าเป็นธาตุที่เกิดจากทัศนะของธรรมชาติเอง นี่เป็นความลับของมหาทักษาประการหนึ่ง ธรรมดาธาตุนั้นมีการแปรเปลี่ยนได้ โดยเฉพาะการเปลี่ยนสีได้ด้วย นี่เป็นที่มาของชื่อวิชา “สุริยะโชติรัตน์” ซึ่งบรรดาธาตุทั้งหลายต่างเปลี่ยนสีได้สารพัดสี ระยิบระยับตามภพภูมิของมัน สีของวัตถุ เกิดจากคลื่นแสง ของพลังงานธาตุ และชนิดของวัตถุธาตุเอง และ สีในมหาทักษาเป็นแม่สีที่ธรรมชาติใช้เป็นจานสีของจิตรกร เพื่อระบายสีใบไม้ ใบหญ้า และสิ่งทั้งปวงที่รังสรรค์เกิดขึ้นบนโลก ดังนั้น การใช้สีทางโหราศาสตร์ที่ถูกต้อง ต้องเอาวัสดุธรรมชาตินั้นมาเป็นสี เช่นสีที่คั้นสกัดจากใบไม้ เปลือกไม้ ลูกไม้ สัตว์ ดิน หิน เป็นต้น ไม่ใช่สีวิทยาศาสตร์ หรือที่เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีใหม่ๆ แม้สีในธรรมชาติเหล่านั้นจะเกิดจากทางชีวเคมี อินทรีย์เคมี อนินทรีย์เคมี เหมือนกันก็ตาม แต่เป็นปฏิกิริยาดั้งเดิมที่ธรรมชาติรังสรรค์และระบายสีขึ้นจากธาตุของอาทิตย์เอง ส่วนสีที่ มนุษย์สร้างขึ้นนั้น มาจากธาตุของดวงดาว และอื่นๆ ทำให้ธรรมชาติบนโลกเกิดตาบอดสี ต่อสีต่างๆเหล่านี้ หรือเห็นสีที่เพี้ยนไป ดังนั้น การใช้มหาทักษาในดวงชะตา ต้องระวังเรื่องสี ที่อาจจะตรง หรือไม่ตรงกับสีมหาทักษาเดิม ที่จะเกิดจากเงื่อนไขบางประการ

    ..... โหรโบราณใช้สีเป็น เงื่อนไขของการใช้สีอยู่ที่ สีนั้นเป็นสีจากวัสดุธรรมชาติ และเป็นสิ่งที่อยู่ในเนื้อวัตถุ เช่นการฟอกย้อมมา ไม่ใช่ทาสีกระป๋อง ดังนั้น ผ้าที่ย้อมสีเคมีมาจึงใช้ไม่ได้ ดอกไม้เกิดจากธรรมชาติล้วนๆ จะใช้ได้ดีกว่า พวกอัญมณี ต้องเป็นของธรรมชาติ เช่นไข่มุก เพชร พลอย ไม่ใช่พลอยหุง หรือเพชรเทียม พลาสติก ใส่แล้วก็ไม่มีความหมายอันใด แต่การใช้ผ้าหรืออัญมณีนั้น มีความหมายในดวงชะตาเป็นเพียง กดุมภะ ไม่ใช่สวมใส่แล้วไปมีผลต่อ ลัคนา และตนุ ตัวตนของเจ้าชะตา ดังนั้นการแนะนำให้ใช้สี จึงต้องดูดวงชะตาเป็นอีกด้วย เพราะดีไม่ดี อาจจะกลับกลายเป็น จนลง หรือซวยไป ถอดออกเสียดีกว่า แต่เรื่องการใช้สีนี้มีผลน้อย โบราณนั้นใช้เมื่อต้องทำพิธีกรรมสำคัญ ซึ่งจะยังไม่เล่าตอนนี้ นอกจากนั้น การใช้มหาทักษาก็ยังใช้กันผิดๆ หากจะใช้สีตามธาตุ หลักเบื้องต้น ต้องใช้ตามสีวัน (คือในภูมิ “บริวาร” ) นั่นแหละเป็นหลัก ไม่ใช่ภูมิ “ศรี” หรือ “มนตรี” อย่างที่บรรดาอาจารย์ทั้งหลายคิดเอาเอง ส่วนสีที่ใช้ประกอบ อาจเป็นสี “กาลกิณี” ก็ไม่เกี่ยง เพราะ สี ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับ บริวาร อายุ เดช ศรี มูละ อุตสาหะ มนตรี กาลกิณี เลยหากเรียนเรื่องธาตุในมหาทักษาแล้วจะเข้าใจได้เอง ว่าเพราะอะไร

    ..... ความรู้สุดท้ายที่อยากจะบอก ก็คือ โหรที่ขาดความรู้มักจะแนะนำให้แก้ดวงโดยทำเช่นนั้นเช่นนี้ เพราะไม่ทราบเรื่องปัจจัยของดวงชะตา ดวงชะตานั้น คือแผนผังการอ่านธรรมชาติ ซึ่งพวกเรือนชะตา ธาตุดาว ราศี ต่างๆเหล่านี้ สามารถ เป็นได้ทั้ง เหตุ และ ผล ต่อเหตุการณ์ แต่เรื่อง สี ชื่อ หรือตัวเลขต่างๆ ที่นิยมแนะนำให้มาแต่งเติมบ้านเลขที่บ้าง เลขทะเบียนรถยนต์บ้าง ให้ถูกโฉลก หรือเอามาทำนายทายทักกันก็ตาม นั้นเป็นผลในดวงชะตา ไม่ได้เป็นเหตุ การแก้ผลไปหาเหตุนั้นทำไม่ได้ เช่น คุณซื้อผ้ามาผืนหนึ่งสีฟ้า ก็อ่านได้ว่าคุณได้ กดุมภะมาอย่างหนึ่งที่มีสีฟ้า ไม่ได้แปลว่าสีฟ้าเป็นเหตุทำให้คุณได้กดุมภะมาอย่างหนึ่ง คิดดูดีๆ นอกจากนั้น การใช้ตัวเลขต่างๆ ที่ขนานนามกันว่า “เลขศาสตร์” นั้น ก็ไม่ตรงกับหลักโหราศาสตร์จริง แต่ไปเอาพีชคณิตหมูๆ มาอ้างเป็นโหราศาสตร์ โหรไทยก็มีวิชา “เลขศาสตร์” อยู่ แต่มักแทรกอยู่ในวิชาอื่นๆ ซึ่งจะเข้าถึงความเป็นจริงมากกว่า ซึ่งคงจะเล่าตอนนี้ไม่ได้ อยากถามเล่นๆเอาไว้ก่อนว่า “ใครรู้บ้างว่า เลขไทย มาจากไหน”

    ที่มา กระทู้คุยกันสบายๆ .ตามประสาโหราศาสตร์ไทย โดย อ.วรกุล horathai.com
     

แชร์หน้านี้

Loading...