กำเนิดของพระอวโลกิเตศวร

กำเนิดของพระอวโลกิเตศวร​

(จากภาพ:ภาพวาดพระสหัสภุชสหัสเนตรอวโลกิเตศวร ศิลปะธิเบต)​

ตามหลักการของศาสนาพุทธนิกายมหายานนั้น บอกว่า พระอวโลกิเตศวร เป็นพระโพธิสัตว์ที่ตั้งสัจปฏิญาณว่าจะให้ความช่วยเหลือแก่สรรพสัตว์ในเวลาประสบความเดือดร้อน และท่านจะยังไม่มอมบรรลุถึงพุทธภาวะจนกว่าท่านจะได้ช่วยเหลือสรรพสัตว์ทุกคนทุกท่านในโลกได้เข้าสู่นิพพานแล้วทั้งหมด ในมหายานสูตรต่างๆในส่วนที่เกี่ยวกับพระอวโลกิเตศวร นั้นมีหลายสูตรด้วยกัน ตัวอย่างเช่น สัทธรรมปุณฑริกสูตร, การัณฑวยูหสูตร, ปรัชญาปารมิตาหรทยสูตร, มหากรุณาธารณีสูตร, อวโลกิเตศวรเอกาทศมุขสูตร, จุนทีธารณีสูตร เป็นต้น

สัทธรรมปุณฑริกสูตร (สูตรดอกบัว) ได้รับการยอมรับโดยทั่วไปว่าเป็นคำสอนในช่วงแรกๆที่กล่าวถึงพระอวโลกิเตศวร ทั้งนี้โดยปรากฎอยู่ในบทที่ 25 ของสูตรนี้ โดยได้กล่าวถึง สากลมหามรรคาอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เอาไว้ ในบทนี้ทั้งบทพูดถึงพระอวโลกิเตศวรว่า เป็นพระโพธิสัตว์ที่มีกรุณาธิคุณเป็นอย่างมาก จะคอยฟังเสียงร่ำร้องของสรรพสัตว์และจะทำงานเพื่อช่วยเหลือผู้ที่เอ่ยนามของท่านอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ท่านมีกายนิมิตถึง 33 กาย รวมทั้งกายที่เป็นเพศหญิงด้วย ที่ท่านมีหลายกายเช่นนี้ก็ด้วยต้องการจะให้เป็นไปตามความคิดของมวลมนุษย์แต่ละคนละพวก สัทธรรมปุณฑริกสูตร มีข้อความทั้งที่เป็นร้อยแก้วและร้อยกรอง ข้อความจากพระสูตรนี้ได้ถูกแยกออกมาเป็นอีกสูตรหนึ่งต่างหาก เรียกว่า อวโลกิเตศวรสูตร และใช้สวดตามวัดวาอารามของฝ่ายมหายานต่างๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออก

ในพุทธศาสนาตามรูปแบบของจีน มีการนิยมนับถือ พระอวโลกิเตศวรปาง 18 กร ซึ่งเรียกกันว่า จุนที กันมาก เป็นการนับถือที่สืบสานกันมาตั้งแต่ยุคพุทธศาสนาในตอนต้นๆของอินเดีย พระจุนทีนี้ อ้างว่าคือ จุนทีพุทธมารดา หรือ จุนทีภควตี จากความนิยมเรื่องจุนทีนี้เองจึงได้มีการแปล จุนทีธารณีสูตร จากภาษาสันสกฤตเป็นภาษาจีนในระหว่างปลายคริสต์ศตวรรษที่ 7 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 8 ในช่วงปลายของจักรวรรติจีน พระสูตรแปลเรื่องนี้ก็ยังเป็นที่นิยมในหมู่ของประชาชนชาวจีน ซึ่งปราชญ์ตะวันตกชื่อRobert Gimello ก็ได้ตั้งข้อสังเกตว่า พวกที่นิยมจุนทีธารณีสูตรและปฏิบัติตามหลักจุนทีมีทั้งราษฎรธรรมดาและพวกขุนนาง

(จากภาพ:ภาพวาดพระอวโลกิเตศวรประทับยังโพธาระโลกธาตุ ศิลปะธิเบต)​

ในนิกายเทียนไต (Tiantai school) ระบุว่า พระอวโลกิเตศวรมีอยู่ 6 ร่างด้วยกัน และแต่ละร่างของท่านก็มีคุณสมบัติเป็นไปตามความเหมาะสมที่ท่านจะใช้ฝันฝ่าอุปสรรคเข้าไปโปรดสรรพสัตว์ในภพภูมิทั้ง 6 คือ นรกภูมิ, เปรตภูมิ, ดิรัจฉานภูมิ, มนุษยภูมิ, อสุรภูมิ และเทวภูมิ คุณสมบัติดังกล่าวได้แก่ 1.ความกรุณาอันยิ่งใหญ่ 2.ความเมตตาอันยิ่งใหญ่ 3.ความกล้าหาญดุจราชสีห์ 4.ความมีแสงสว่างอันเป็นสากล 5.ความเป็นผู้นำของเทวดาและมนุษย์ และ 6.ความเป็นพราหมณ์ผู้เป็นสยัมภูผู้ยิ่งใหญ่

ในทิเบตโบราณ พระอวโลกิเตศวร มีที่มาจาก 2 แหล่งด้วยกัน แหล่งที่ 1 คือความเชื่อว่าในกัปก่อนมีพระภิกษุรูปหนึ่งมีความกรุณาต่อสรรพสัตว์มากและเมื่อมาถึงกัปปัจจุบันพระรูปนี้ได้อวตารลงมาเป็นพระอวโลกิเตศวร แหล่งที่มาประการที่ 2 คือความเชื่อว่า พระอวโลกิเตศวรเป็นองค์อวตารของผู้มีความกรุณาอันยิ่งใหญ่ เป็นพระโพธิสัตว์ที่เป็นเทวดาอวตารลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อทำหน้าที่นำความเข้าใจอันดีเกี่ยวกับพระอวโลกิเตศวรมาบอกกล่าวแก่มวลมนุษย์

พระอวโลกิเตศวรของทิเบตมีปางต่างๆ 7 ปาง คือ
1.อโมฆปาสะ แปลว่า ปางผู้มีบ่วงไม่ว่างเปล่า
2. วรสหัสรภุชโลจนะ หรือ สหัสภุชสหัสเนตร แปลว่า ปางผู้มีพันหัตถ์ และพันเนตร
3.หยะครีวะ แปลว่า ปาง ผู้มีเศียรเป็นม้า
4.เอกาทสทุกขะ แปลว่า ปางผู้มี 16 พักตร์
5. จุนที แปลว่า ปางผู้เป็นเทพธิดานามว่าจุนที
6. จินตามณีจักระ แปลว่า ปางผู้มีจินตามณีจักร
7.อารยโลกิเตศวร แปลว่า ปางผู้เป็นใหญ่ผู้ประประเสริฐที่คอยสอดส่องดูแลโลก

 

แม้ว่าพุทธศาสนิกชนของฝ่ายหีนยานหรือฝ่ายเถรวาท จะมิได้ให้ความเคารพนับถือพระโพธิสัตว์องค์ใดองค์หนึ่งของฝ่ายมหายาน แต่ก็ปรากฏว่า พระอวโลกิเตศวรได้รับความเคารพบูชาในหมู่ชาวพุทธในพม่า โดยเรียกท่านว่า พระโลกนาถ ส่วนในประเทศไทยก็มีผู้นับถือท่านในหมู่ศาสนิกชนไทยฝ่ายมหายานตามวัดจีนและวัดญวนโดยเรียกท่านว่า โลเกศวร บ้าง เรียกว่าพระโลกนาถ บ้าง

พวกปราชญ์ฝ่ายตะวันตกยังตกลงกันไม่ได้ว่าอะไรคือต้นกำเนิดของความเชื่อในเรื่องพระอวโลกิเตศวร บางพวกบอกว่า เรื่องพระอวโลกิเตศวรและพระโพธิสัตว์ผู้มึคุณสมบัติพิเศษเหนือมนุษย์เหล่านี้ พวกนับถือพุทธศาสนานิกายมหายานยืมมาจากความเชื่อเรื่องเทพเจ้าของชาวฮินดู โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือเรื่อง เทพเจ้าพระนามว่า พระอิศวร หรือพระวิษณุนั่นเอง

(จากภาพ:เทวรูปพระอวโลกิเตศวร สมัยราชวงศ์ซ่ง ราวพุทธศตวรรษที่16-17 ทำด้วยไม้ลงสีสวยงามเป็นที่สุด ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ใน Nelson-Atkins Museum,Kansas City)​

ข้างนักปราญช์ชาวญี่ปุนชื่อ Shu Hikosaka ได้ศึกษาคัมภีร์พุทธศาสนาที่เป็นภาษาทมิฬโบราณของประเทศอินเดียตอนใต้ และก็ทำการสำรวจไปพร้อมๆกันนั้นด้วย ได้ตั้งเป็นข้อสมมติฐานว่า ภูเขาโบราณที่ชื่อ โปตลกะ (Potalaka) อันเป็นที่พำนักของพระอวโลกิเตศวรตามที่ระบุในคัมภีร์คันทวยุหสูตร และในบันทึกของหลวงจีน Zuangzang นั้น ที่จริงแล้วก็คือภูเขา โปติไก หรือ โปติยิล Potiyil หรือ Potalaka ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ที่ Ambasamudram ในตำบล Tirunelvedi ของรัฐทมิฬนาฑู นักปราชญ์ญี่ปุ่นท่านนี้ก็ยังกล่าวด้วยว่า ภูขา Potiyil หรือ Potalaka ภูเขา นี้ปัจจุบันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของประชาชนในแถบภาคใต้ของอินเดียตั้งแต่ครั้งโบราณมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อตอนที่พุทธศาสนาเผยแผ่เข้าไปสู่ดินแดนในแถบนี้ในสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราชในช่วงคริสต์ศตวรรษที่สามก่อนคริสตกาลนั้น ภูเขาที่ว่านี้ก็ได้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับชาวพุทธซึ่งกลายเป็นคนส่วนใหญ่ของดินแดนแถบนี้และที่นี่ก็ยังมีพระภิกษุสงฆ์เป็นจำนวนมากมาพำนักจำพรรษาอยู่ด้วย แต่คนในท้องถิ่นนเดิมที่ยังนับถือศาสนาฮินดูก็ยังมีอยู่ที่นี่อยู่ต่อไป ต่อมาก็จึงเกิดการผสมผสานความเชื่อระหว่างศาสนาพุทธและศาสนาฮินดู เข้าด้วยกัน จนเกิดเป็นเรื่องราวของพระอวโลกิเตศวรขึ้นมา

(จากภาพ:เซนจู กันนอน(พระอวโลกิเตศวรพันหัตถ์) ศิลปะญี่ปุ่นสมัยเฮอัน พุทธศตวรรษที่17 (Tokyo National Museum))​

ในพุทธศาสนานิกานเถรวาท พระนามหนึ่งของพระพุทธเจ้า คือ โลกนาถ ซึ่งแปลว่า ผู้เป็นที่พึ่งของโลก ก็เป็นไปได้ว่าเป็นการพัฒนามาจากแนวความคิดในเรื่องพระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ เพราะทั้งสามองค์ก็ได้ชื่อว่าโลกนาถเหมือนกัน ในแถบอินโดจีน ก็มีรูปของพระอวโลกิเตศวรที่มีรูปร่างเป็นเพศชายอยู่ตามที่ต่างๆ เช่น ที่นครวัตของกัมพูชา เป็นต้น

ที่มา : avalokiteshvara-bodhisatta01.blogspot.com​

 

[MUSIC]http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=61729[/MUSIC]​

 

กราบพระมหาโพธิสัตว์เจ้า ด้วยเศียรเกล้า

 

รบกวนจ้า...ใครมีไฟล์เสียงเพราะๆ
พระสูตรกวนซิอิน แห่งเกาอ๋อง
บ้างจะเป็นพระคุณยิ่ง

 

ประกาศขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพพิมพ์หนังสือ/ซีดี MP3 เรื่อง "พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์พาเที่ยวเมืองนรก/บารมีพระโพธิสัตว์กวนอิม"

หนังสือ "พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์พาเที่ยวเมืองนรก/บารมีพระโพธิสัตว์กวนอิม" เริ่มตีพิมพ์ครั้งแรกด้วยจำนวนพิมพ์ 5 พันเล่มในเดือนมีนาคม 2553 นับจากนั้นมาจนถึงเดือนมิถุนายน 2554 ใช้เวลาเพียง 15 เดือน ได้ทำการพิมพ์เพิ่มเติมรวมทั้งสิ้น 5 ครั้งแล้ว แต่ละครั้งประมาณ 3-5,000 เล่ม

(ล่าสุดหนังสือมี 180 หน้า + ภาพพิมพ์กระดาษอาร์ตมัน 4 สี 24 ภาพ น้ำหนักหนังสือประมาณ 3 ร้อยกว่ากรัม/เล่ม, CD MP3 แผ่นล่าสุด ประกอบด้วยเนื้อเรื่องเสียงอ่านโดย "คุณเพ็ญศรี อินทรฑัต" 5.24 ชั่วโมง และบทสวดสรรเสริญเพราะๆ 30 เพลง 7.32 ชั่วโมง รวมเวลาทั้งหมดในแผ่น 12.56 ชม.) แจกให้ผู้สนใจไปแล้วไม่ต่ำกว่าแสนแผ่น หนังสืออีกประมาณ 2 หมื่นกว่าเล่ม

ทั้งนี้เนื่องจากมีผู้ศรัทธาในเนื้อหาสาระของหนังสือ ตลอดจนถึงรูปเล่มที่จัดพิมพ์อย่างแข็งแรง ประณีตล้ำค่า และเล็งเห็นคุณประโยชน์ ในการเผยแพร่หลักธรรมความจริงของหนังสือเล่มนี้ สนับสนุนเงินร่วมบริจาคพิมพ์หนังสือ เพื่อสร้างธรรมทานให้เกิดขึ้นกับตนเอง นับจากวันแรกเริ่มนั้นเป็นจำนวนมาก

แต่บัดนี้ เนื่องจากหนังสือชุดเดิมเหลือน้อยแล้ว จึงขอประกาศเชิญชวนร่วมเป็นเจ้าภาพพิมพ์หนังสือ/ซีดี MP3 เรื่อง "พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์พาเที่ยวเมืองนรก/บารมีพระโพธิสัตว์กวนอิม" เพื่อการพิมพ์ออกมาเป็นครั้งที่ 6 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

โดยผู้บริจาคทุกท่านไม่ว่ามากน้อยจะมีชื่อพิมพ์ติดท้ายเล่ม หรือสามารถรวมกลุ่มกันเอง เพื่อให้สั่งพิมพ์หนังสือ/ซีดี จำนวนเท่าที่ต้องการ และไปแจกจ่ายตามความประสงค์ส่วนตัวของท่านได้ ขอให้แจ้งรายละเอียด ชื่อ-นามสกุล จำนวนเงินบริจาค เพื่อรวบรวมนำส่งโรงพิมพ์โดยด่วนครับ


//////////////////////////////



ซึ่งท่านที่สนใจขอร่วมพิมพ์หนังสือ/ซีดี MP3 เพื่อแจกเป็นธรรมทาน ขอให้ติดต่อแจ้ง ชื่อ+รายละเอียด ทางอีเมล์ที่ bhodhithas@yahoo.comสำหรับพิมพ์ในหน้าอนุโมทนาท้ายหนังสือ และโอนเงินทางธนาคารได้ดังนี้

ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาพลับพลาไชย
ออมทรัพย์ เลขที่ 057-2-332446
ชื่อ นายวิทูร ทิพรัตนราภรณ์

1. ธนาคารที่โอน
2. สาขาที่โอน
3. จำนวนเงิน
4. เวลา และ วันที่โอนเงิน
5. ชื่อ-นามสกุล ของท่าน
6. พร้อมที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ เฟซบุ๊ค เพื่อส่งข่าว

(บัญชีทุกรายละเอียดสามารถตรวจสอบได้) โอนเงินเรียบร้อยแล้ว กรุณาแจ้งเพื่อการตรวจสอบ



////////////////////////////////////



บ้านคุณวิทูร ทิพรัตนราภรณ์
222/52 ซอยยศเส2
ถนนบำรุงเมือง เทพศิรินทร์
เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย จ. กทม. 10100
โทรศัพท์ 081-336-6577
กรุณาติดต่อทางอีเมล์ bhodhithas@yahoo.com
ตรงข้ามโรงพยาบาลหัวเฉียว

*****รถประจำทางที่ผ่าน 15, 47, 48, 204 , ปอ.8, ปอ.204*****

 

***ตัวอย่างเนื้อหาของหนังสือ "พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์พาเที่ยวเมืองนรก/ บารมีพระโพธิสัตว์กวนอิม"***

http://forum.uamulet.com/view_topic.aspx?bid=4&qid=41358


***สามารถคลิกตามลิงค์ด้านบนนี้ได้นะครับ เป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งของหนังสือ***


//////////////////////////////////////////////////


***ตัวอย่างเนื้อหาของซีดี MP3 "พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์พาเที่ยวเมืองนรก"/"ชีวิตความผูกพัน บารมีพระโพธิสัตว์กวนอิม"

http://palungjit.org/threads/พระกษิติครรภ์มหาโพธิสัตว์พาเที่ยวเมืองนรก.6867/


***สามารถคลิกตามลิงค์ด้านบนนี้ได้นะครับเผื่อฟังเสียง ไฟล์MP3 "พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์พาเที่ยวเมืองนรก/ บารมีพระโพธิสัตว์กวนอิม"***เป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งของซีดี MP3 ***




//////////////////////////////////////////////////


คำปณิธานของพระแม่กวนอิมอวโลกิเตศวร

"หากยังมีสัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยากอยู่ จักไม่ขอบรรลุพุทธภูมิ"

พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์มีปณิธานหรือความตั้งใจมั่นว่า

“เมื่อโปรดสรรพสัตว์หมดสิ้นแล้วจึงจะสำเร็จโพธิญาณ หากนรกยังไม่ว่างจะไม่ขอสำเร็จพุทธผล”

การเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ของพระแม่กวนอิม พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ทั้ง ๆ ที่พระองค์ท่านเองก็สามารถเข้าสู่พระนิพพานได้ แต่ก็ไม่ยอมเข้าสู่จุดนั้น ก็เนื่องจากทนเห็นหมู่เหล่าสรรพสัตว์ทั้งมวลต้องทนทุกข์ได้ยากไม่ได้นั่นเอง เพราะฉะนั้น การทำให้ปณิธานนี้ของพระแม่กวนอิม พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ สำเร็จลุล่วงไปให้ได้นั้น ควรหันมาทำความดีกันเยอะ ๆ สวดภาวนา อธิษฐานจิตระลึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้กันนะครับเป็นประสบการณ์จริงของผู้หญิงไทยเชื้อสายจีนท่านหนึ่ง (ไม่ประสงค์จะออกนาม) ซึ่งศึกษาปฏิบัติธรรมตั้งแต่อายุยังน้อย และ ดำเนินเส้นทางแห่งพระรัตนตรัยจนถึงทุกวันนี้

เรื่องราวจริงประสบการณ์จริงที่ถ่ายทอดมาครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการเผยแผ่บารมีของพระมหาโพธิสัตว์กษิติครรภ์ ยืนยันการมีอยู่จริงของขุมนรก สภาพการลงทัณฑ์ในนรกขุมต่างๆ สอนให้มนุษย์รู้จักการทำดี ละชั่ว กลัวบาป เกรงกลัวการก่อกรรม ทำบาป กระทำความผิด ต้องตกนรกรับโทษทัณฑ์ และให้ความเข้าใจในวิธีการโปรดสัตว์ ความเมตตาของพระโพธิสัตว์ต่อมวลมนุษย์

นอกจากนี้ในเนื้อเรื่องยังสอดแทรกเนื้อหาธรรมะ ให้แนวคิดการเลือกวิธีสร้างบุญให้ถูกต้อง ให้แนวคิดในความหมายของกฎไตรลักษณ์ ให้ความเข้าใจในการสื่อสารกับโอปปาติกะ และให้ความมั่นใจว่า แม้ปุถุชนก็สามารถปฏิบัติธรรมได้ถึงขั้นมีจิตสัมผัสพิเศษ และรับบารมีความเมตตาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ขออนุโมทนาสาธุกุศลกับทุกท่านที่ฟังมาจนจบและขอขอบพระคุณอย่างสูงกับผู้ที่นำมาเผยแพร่นะครับขอมหากุศลผลบุญนี้จงรักษาท่านตราบจนเข้าสู่กระแสพระนิพพานเทอญ สาธุ

หากท่านผู้ฟังท่านใดคิดว่า เป็นประโยชน์ต่อพุทธบริษัท เรามาช่วยกันเผยแพร่ซีดีหรือสื่อธรรมนี้ไปให้ทั่วไพศาลกันเถิดครับ โดยการนำไป write ลงแผ่นซีดีแจกฟรีต่อ เช่น งานศพ งานบุญ งานบวช งานธรรมะ งานทำบุญบ้าน งานแต่งงาน งานมงคลต่างๆ โครงการทางพุทธศาสนา เช่น โครงการอบรมทางด้านศีลธรรม จริยธรรม ค่ายพุทธบุตร เป็นต้น จะได้ช่วยให้ปณิธานของท่านพระโพธิสัตว์สำเร็จลุล่วงเร็วขึ้น การให้ธรรมทาน เป็นการสร้างบารมีทาน ทางหนึ่งที่จะช่วยแบ่งเบาภาระพระอริยเจ้าได้ครับ คือ การให้คนมากมายรู้ตื่นเมื่อได้ฟังธรรม ไม่ประมาทจากอวิชชา และช่วยผ่อนกรรมของพวกเราทุกคนจากหนักให้เป็นเบา หากท่านใดพูดภาษาจีนกลาง หรือ จีนอื่นๆได้ หรือจะภาษาใดก็ตาม ท่านสามารถนำไปอัดเป็นเสียงพากษ์ภาษานั้นๆลงแผ่นได้ครับ

หมายเหตุ: (ไม่ควรแจกธรรมทานเชิงพาณิชย์ตามพระประสงค์ของเบื้องบนและผู้เผยแพร่)

 

เนื้อหาดีมากครับ ถูกต้องตามหลักความเชื่อของมหายานเลย
นี่แหละประวัติความเป็นมาที่ถูกต้องตรงตามพระสูตรของพุทธศาสนานิกายมหายาน(ที่ไม่อิงความเชื่อของเต๋า)
โดยคนส่วนใหญ่จะเข้าใจกันว่ามาจากตำนานองค์หญิงเมี่ยวซาน
ทำให้เกิดการเปลี่ยนจากบุรุษเพศเป็นสตรีเพศ
ซึ่งความเป็นจริงเรื่องเมี่ยวซานเป็นเพียงนิทานที่แต่งขึ้นในจีนเท่านั้น
(ตัวละครจะมีเทพเจ้าของเต๋าเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะมาก แต่คงยากสำหรับผู้ที่แยกพุทธแยกเต๋าไม่ออก)
โดยตัวละครไม่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์จีน
และเนื้อหาที่เจ้าของกระทู้ได้นำเสนอนั้นเป็นเนื้อหาที่นักวิชาการได้สืบค้นและเป็นที่ยอมรับกันในการศึกษาพุทธศาสตร์รวมทั้งเรื่องราวของเอเชียตะวันออกในปัจจุบัน

โดยผมเองก็ต้องการให้ผู้คนทั่วไปรับรู้และเข้าใจกับเนื้อหาที่อิงกับพุทธมากกว่ารับรู้จากนิทานเรื่องเล่าอย่างในปัจจุบัน

(เรื่องราวขององค์หญิงเมี่ยวซานถูกแต่งขึ้นเหมือนๆกับเรื่องไซอิ่ว โดยเรื่องไซอิ๋วแต่งขึ้นเพราะความขัดแย้งทางศาสนา เนื่องจากก่อนหน้าทางเต๋าได้แต่งห้องสินขึ้นเพื่อเหยียดหยามพุทธ ทางพุทธก็สวนกลับด้วยการแต่งไซอิ๋ว)

 

阿彌陀佛
南無觀世音菩薩