ขอคำแนะนำในการฝึกญาณ8

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย อุทยัพ, 31 พฤษภาคม 2014.

  1. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    ผมไดัมโนมยิทธิแล้วครับ พื้นฐานคีอนข้างดีแล้ว จึงอยากหาที่ฝึกญาณ8 นอกจากบ้านสายลมน่ะครับ อยากหาที่ฝึกที่เงียบๆหน่อย คือ คนฝึกไม่มากน่ะครับ ถ้าได้แบบตัวต่อตัวก็จะดีมาก

    รบกวนขอคำแนะนำและชี้แนะหน่อยครับ

    ขอบคุณครับ
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,440
    ค่าพลัง:
    +35,474
    ขออนุญาตแนะนำแล้วกันครับ.. :)
    ประเด็นที่ ๑ เรื่องสถานที่ทำการฝึก.
    ถ้าหากที่พักอาศัยตนอยู่ไม่สดวก..
    สถานที่ฝึกควรจะเป็นตรงหน้าพระพุทธฯองค์ใหญ่ๆ
    หรือหน้ารูปแทนครูบาร์อาจารย์ที่เรานับถือ.
    แล้วขอบารมีท่านให้ช่วยเข้าถึง
    .ก็จะมีโอกาสเข้าถึงระดับที่เห็นผลและสัมผัสได้
    .ส่วนจะใช้ได้จริงขณะลืมตา
    .หรือใช้ได้ปกติอีกประเด็นครับ
    แล้วค่อยมาย้อนนึกภายหลังว่า
    การฝึกอยู่ที่สถานที่หรืออยู่ที่ใจภายหลังครับ.


    ประเด็นที่ ๒ ถ้าถามเรื่องข้อแนะนำเกี่ยวกับการฝึก.ญาณ ๘ หรือ วิชชา ๘
    ทุกเรื่องสำคัญที่การเข้าถึงสภาวะอารมย์พื้นฐานระดับที่ยังเหตุให้เกิดผล
    ทางด้านต่างๆของญาณ ๘ ได้.และเทคนิคการวางเรื่องราว
    ที่ผ่านมาแล้วในอดีตทั้งหมดออกจากใจ.ตามเหตุและปัจจัยของตน.
    บวกกับกำลังสมาธิสะสม.และการรักษา
    ระยะเวลาของอารมย์ที่เข้าถึงจาก
    กำลังสติทางธรรมที่ได้จากการเจริญสติบวกกับกำลังสมาธิที่มี
    ในระยะเวลาเพียงพอที่จะใช้เทคนิคที่แตกต่างกัน
    เพื่อให้เกิดผลของญาณ ๘ แต่ละด้านได้ครับ..
    และที่สำคัญคือ..ทิพยจักษุที่ควรมีเป็นฐาน..
    ถ้ามั่นใจว่า มโนยิทธิค่อนข้างดีแล้ว
    และเข้าใจประเด็นที่กล่าวมาลองมาดูทางด้านเทคนิคกันต่อครับ


    ปุพเพฯ เจโตฯ จุตูปฯ อนาคตังฯ หรือ อตีตังฯ ไม่ว่าจะใช้กำลังใจเอง
    หรือตั้งต้นด้วยการขอบารมีเพื่อให้เกิดผล..สำคัญในเรื่องของการอฐิษฐานจิต
    เพื่อดึงผลไปยังแต่ละด้าน..เรื่องในการอฐิษจิตต้องเป็นเรื่องที่มาจากการวาง
    อารมย์ไว้ก่อนระหว่างวันและเป็นเรื่องที่อยู่ในทางธรรม เป็นกุศล
    มิฉนั้นจะผิดพลาดสูงและจะกลายเป็นนิวรณ์เข้ามาแทรกและทำให้
    หลุดจากอารมย์พื้นฐานที่จะยังไปสู่ผล.
    .หรือจะคิดอะไรไม่ออกหากเข้าถึงอารมย์ได้.
    ถ้าหากเป็นเรื่องเชิงอกุศล รู้แล้วเพื่อมาเพื่อมายกระดับจิตตน
    เพื่อยกตนข่มผู้อื่น.หรือยกย่องตนเอง.ต่อไปจะเฝื่อและจะกลาย
    เป็นคนที่คุยกับต้นไม้รู้เรื่องได้ในอนาคตครับ...


    เรื่อง ทิพยโสต.เป็นผลที่เกิดเองได้ในช่วงรักษาสภาวะอารมย์.แต่ต้องในระดับเสียง
    ใสกิ๊ก.เหมือนคนคุยกันข้างหู.ถึงจะพอใช้งานเป็นปกติในระหว่างวัน..
    ถ้ายังไม่ถึงระดับใสกิ๊กชนิดที่ได้ยินเสียงคนคุยกันชัดเจนข้างหู
    หรือเสียงสัตว์สื่อออกมาเป็นภาษาเราได้ชัดเจน.
    ให้เฉยๆไม่ต้องสนใจครับ

    เรื่อง อิทธิวิธีต่างๆ..ต้องฝึกจิตให้เกิดกำลังจิต..จากการออกกำลังกายให้จิต.ด้วยวิธี
    ให้จิตสร้างภาพขึ้นมาให้ได้แล้วบังคับภาพให้ได้ดั่งใจคิด..จิตถึงจะเกิดกำลังจิตได้.
    ส่วนการใช้งานได้จริงเป็นอีกประเด็นครับ.
    เพราะส่วนหนึ่งวัดกันที่อิทธิบาท ๔ ซึ่งมีองค์ประกอบปลีกย่อยเยอะค่อยว่ากันภายหลัง .

    เรื่อง วิปัสสฯ เรื่อง อาสวักฯ นั้นขึ้นอยู่กับระดับปัญญาทางธรรม
    ที่ได้สะสมมาจากการ ลด ละ กิเลส ในใจตนที่ผ่านมา.
    ในระดับที่เข้าถึงและสัมผัสในระดับของ ธาตุต่างๆในร่างกายได้..
    และระดับกำลังสมาธิสะสมที่จะทำให้เข้าถึงพอตัว.และที่สำคัญคือ
    ปฏิบัติจนเห็นกิเลสละเอียดในเรื่องที่ตนจะยกขึ้นวิปัสสนาให้ได้ก่อน

    เพราะฉนั้นนั้น.ในระดับนี้..ศีลจะลงไปถึงขั้น มโนกรรม และ วจีกรรม
    จะไปมองศีลว่า ต้องระดับวจีกรรมและกายกรรมอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูทั้ง ๓ ส่วนครับ..
    ประเด็นนี้น่าจะพอเข้าใจนะครับ..ไม่งั้นจะฝึกสำเร็จได้ยากนะครับ..
    .และหากเข้าถึงอารมย์ระดับอุปจารฯ แม้พิจารณาได้ก็จะยังผุดขึ้นมาได้
    ต้องมีการทำให้ต่อเนื่องเพื่อให้ได้ผลถึงตัดกิเลสละเอียดได้..
    หากเข้าถึงกำลังระดับสูงได้.และสามารถรักษาอารมย์จนถึงขั้นวิปัสสนาได้.
    จากกิเลสละเอียดที่ตนเห็นได้นั้น.
    จะตัดกิเลสเรื่องนั้นๆออกจากจิตได้เร็วแต่มิใช่จะง่าย..
    ในการที่จะเข้าถึง..

    รายละเอียดปลีกย่อยพวกเทคนิคคอลเทอมต่างๆ
    .น่าจะหาอ่านหาฟังได้ครับ..
    ยังไงลองอ่านๆดูที่แนะนำก่อนนะครับ
    ส่วนประเด็นอื่นๆค่อยว่ากันอีกทีครับ;)

    ปล.แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง..
     
  3. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    วัดท่าซุงเลยครับ...ส่วนตัวผมอย่างไรถ้าให้แนะนำ ก็ต้องสายตรงหละครับ ต่อให้คนมากอย่างไรถ้าเราชำนาญในการทรงอารมณ์อย่างไรก็ทันครับ อย่างน้อยก็ดีเสียอีกยิ่งคนมากก็เป็นการสอบอารมณ์เราได้ว่าตรงจุดหรือเปล่า ความเร็วพอไม วางอารมณ์ถูกไม ได้หรือไม่....

    ถ้าไปที่อื่นนอนสายตรง กลัวว่าจะยิ่งพานอกออกไปเรื่อยๆหนะครับ ยิ่งเยอะๆอยู่....ถ้าอยากได้จริงๆ ก็ไม่ยากหละครับ พอไปฝึกที่สายลม เมื่อฝึกกรรมฐานเสร็จก็ติดต่ออาจารย์ท่านว่าท่านอยู่ใหน ถ้าท่านสะดวกก็ไปฝึกกับท่านตัวต่อตัวครับ....
     
  4. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112

    ขอบพระคุณครับสำหรับคำแนะนำ ผมจะพยายามเข้าใจครับ กำลังพยายามเข้าใจอยู่ครับ ตัวผมมันโง่มานาน แหะๆ
     
  5. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    ก่อนไปเรียนกับครู ฝึกซ้อมด้วยตัวเองไปพลางๆก่อนได้เลยครับ

    เรียนเจ้าของกระทู้ครับ

    ในส่วนของการฝึกสอนแบบมีครูฝึก ในความเห็นที่ 3 นั้นเสนอมาได้ชัดเจนดีแล้ว เพราะหากจะฝึกในสิ่งใด สมควรไปทำการฝึกที่สำนักวิชาที่เป็นต้นทางโดยตรง จะตรงแนวทางมากกว่า

    ขอเสริมในส่วนการเตรียมตัวในระหว่างที่ยังหาสถานที่ฝึกหรือยังเสาะหาครูฝึกอยู่ว่า น่าจะมีการทบทวนด้วยตัวเองไปพลางๆ ก่อน เพราะมโนมยิทธินั้น ต้องหมั่นฝึกซ้อม ถ้าไม่หมั่นปฏิบัติฝึกฝน ไม่ทรงอารมณ์ใจให้บริสุทธิ์อยู่เสมอ วิชชานี้ก็อาจจะหายไปได้

    ดังนั้นการฝึกซ้อมก่อนการไปเรียนกับครู ก็เป็นสิ่งสำคัญ เมื่อมีพื้นฐานทางมโนมยิทธิที่ค่อนข้างดีแล้ว จัดว่าพอจะมีทิพยจักขุญาณอันเป็นฐานสำคัญแล้ว ก็สมควรทำการฝึกญาณต่างๆ อีก 7 ญาณเป็นการเพิ่มเติมต่อไปได้

    หากช่วงนี้ยังหาสถานที่ฝึกที่ถูกใจหรือยังหาครูฝึกไม่ได้ สมควรจะทำการฝึกด้วยตัวเองไปพลาง ๆ ก่อนก็น่าจะดีกว่า เพื่อเป็นการซักซ้อมของเดิม ไม่ให้ขึ้นสนิมและเกิดอาการ “ฝืด” รวมทั้ง เพื่อการพัฒนาตัวเองให้ไปสู่การมีความรู้ที่มากขึ้น การฝึกด้วยตัวเองนั้น เมื่อได้มโนมยิทธิแล้ว พอจะมีทิพยจักขุญาณที่ใช้ได้แล้ว หากอยากจะรู้ อยากจะฝึกในญาณใดๆ ก็ตาม ก็ใช้วิธีทำใจให้เป็นสมาธิ น้อมใจไปกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วจับภาพของพระพุทธองค์ให้ชัดเจนแจ่มใสที่สุดเท่าที่จะทำได้

    ต่อจากนั้น อยากจะทราบในเรื่องใด อยากจะฝึกศึกษาในเรื่องของญาณใดๆ ก็สามารถถามกับพระท่านได้โดยตรง ขอบารมีให้ท่านนำไปในทุกประการ ตามความประสงค์ต่อไป

    กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ หากจะอยากรู้ในสิ่งใด ให้ถามจากพระท่านโดยตรงทุกครั้ง อย่าใช้กำลังใจความรู้สึกของตัวเอง เพราะจะมีโอกาสผิดพลาดได้และจะถูกอุปทานหลอกหลอนเอาได้ง่ายๆ

    การฝึกญาณต่างๆด้วยตัวเองไปพลางๆ ก่อนที่จะไปเรียนกับครู สำหรับผู้ที่มีพื้นฐานทางมโนมยิทธิบ้างแล้ว ทำได้ง่ายๆ อย่างนี้ครับ

    1.ทุกญาณของการรู้ ไม่ว่าจะเป็นญาณใดๆ ก็ตาม ให้ถามโดยตรงกับพระท่าน อย่าใช้กำลังของตัวเองเด็ดขาด

    2.ในแต่ละวัน ก่อนนอนและตอนตื่นนอน รวบรวมกำลังใจขึ้นไปกราบพระท่านเป็นลำดับแรก เมื่อถึงแล้ว ตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า ถ้าร่างกายนี้พังเมื่อไหร่ พระท่านอยู่ที่ไหน เราขอมายังที่ที่พระท่านอยู่ ที่นี่ที่เดียว

    3.เมื่อจิตมีความสดชื่นในอารมณ์ใจแล้ว มาถึงการฝึกญาณต่างๆ ก็ขอให้ถามพระท่านว่า กิจกรรมระหว่างวัน จะเป็นอย่างไร จะมีใครมาหาเราบ้างในวันนี้ กิจการงานในวันนี้จะเป็นอย่างไร ฯลฯ สอบถามแล้ว จดบันทึกไว้เพื่อตรวจสอบ วันไหนตรง ถูกต้องตามที่เรารู้ทุกอย่าง ให้จำอารมณ์นั้นไว้ วันต่อไปอยากจะรู้เรื่องอะไร อยากจะรู้ในญาณใด ให้ใช้อารมณ์ในแบบเดิม ก็จะเกิดความคล่องตัวและมีพัฒนาการในการใช้ญาณ ต่างๆ ในญาณทั้ง 8 ประการได้มากขึ้น

    เหล่านี้ เป็นวิธีการฝึกญาณ 8 ด้วยตัวเองได้อย่างง่ายๆ เป็นการซักซ้อมของเดิม ไม่ให้ขึ้นสนิมและเกิดอาการ “ฝืด” เป็นการปูพื้นฐานที่มีอยู่เดิมให้มั่นคงในขั้นต้น ก่อนการไปเรียนกับครูฝึกอย่างจริงจัง เป็นเรื่องเป็นราวต่อไปครับ

    ขอเสนอความเห็นไว้เพียงเท่านี้ก่อนครับ

    ปล.แก้ไขคำที่พิมพ์ผิดครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2014
  6. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    ลองอ่านดูก่อน

    ในเวปไซด์พลังจิตแห่งนี้ มีรายละเอียดเรื่องการฝึกญาณ 8 กล่าวไว้พอสมควร คุณอุทยัพ สามารถเข้าไปค้นข้อมูลดูในเบื้องต้นก่อนได้ หลวงพ่อท่านกล่าวไว้รวมๆ ทั้งการฝึกในแบบของทิพยจักขุญาณ และการฝึกในแบบของมโนมยิทธิ แต่หากได้มโนมยิทธิแล้ว ไม่น่ามีปัญหาอะไร สามารถเข้าไปอ่านทำความเข้าใจและฝึกตามได้ครับ

    การเข้าไปดูข้อมูล ทำได้โดยเข้าไปตามภาพประกอบ ที่มี "ลูกศรสีดำ" ชี้ไว้นะครับ

    ลองอ่านดูและฝึกตามก่อน หากมีข้อติดขัดในสิ่งใด จะสอบถามเพิ่มเติม ก็ขอเชิญด้วยความยินดีครับ



    [​IMG]
     
  7. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    สถานที่ฝึกสายตรงมีหลายที่ค่ะ

    ถ้าอยู่ในกรุงเทพฯ ก็แนะนำบ้านสายลม

    ถ้าอยู่ใกล้วัดท่าซุง จ.อุทัยธานีก็ไปที่วัดท่าซุงค่ะ
    ส่วนตัวเราชอบฝึกที่วัดท่าซุง เพราะเวลาเดินเข้าไปในวิหาร ๑๐๐ เมตร
    จะมีความรู้สึกว่าเหมือนเดินอยู่บนพระนิพพานค่ะ
    เพราะมีกระจกสะท้อนแสงระยับระยับเหมือนพระนิพพานข้างบนจริง ๆ

    ถ้าอยู่แถวสระบุรีก็ไปฝึกที่ศุนย์พุทธศรัทธาได้ค่ะ
    ที่นี่คนฝึกน้อย เป็นส่วนตัว มีเวลาถามครูฝึกได้ ไปช้า ๆ ไม่รีบ
    ส่วนตัวฝึกญาณแปดได้จากที่นี่ค่ะ

    หรือถ้าอยู่แถบโคราชก็แนะนำศูนย์ฝึกที่โคราชค่ะ
    ท่านเจ้าอาวาสวัดท่าซุงองค์ปัจจุบันท่านมารับสังฆทานบ่อยนะคะ
    แต่ต้องเช็คตารางเวลาเองค่ะว่าท่านเข้าเมื่อไหร่

    ขอให้เจริญในธรรมนะคะ
     
  8. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112

    ขอบคุณมากๆครับที่แนะนำ เดี๋ยวผมจะลองศึกษาดูครับ ;41
     
  9. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112

    กำลังคิดอยากจะลองไปฝึกที่ศูนย์พุทธศรัทธาอยู่เหมือนกันครับ เพราะเห็นว่าคนน้อย และ เป็นส่วนตัวกว่าบ้านสายลม ผมอยู่กรุงเทพฯครับ เอาจริงๆถ้าให้สะดวกไปบ้านสายลมก็ดีกว่า แต่ไว้เดี๋ยวจะลองติดต่อไปที่ศูนย์พุทธศรัทธาดูครับ

    ขอบคุณนะครับ ที่แนะนำ :cool:
     
  10. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    คุณอุทยัพ ปฏิบัติได้ดีครับ ช่วงนี้ขึ้นไปกราบพระอย่างสม่ำเสมอ

    ไม่ทราบว่าขณะนี้ ได้เริ่มฝึกญาณอื่นๆ อีก ๗ ญาณ บ้างหรือยังครับ?
     
  11. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    อนุโมทนาครับ แอบตกใจเล็กน้อยที่ทราบว่าผมขึ้นไปกราบพระทุกวันอย่างสม่ำเสมอ แหะๆ ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มฝึกญานอื่นๆเลยครับ แต่สิ่งที่อยากจะฝึกตอนนี้คงจะเป็น อดีตังสญาน กับ อนาคตสังญานครับ

    อดีตังสญาน สาเหตุที่อยากฝึกคงเป็นเพราะอยากรู้เรื่องราวในอดีตของภาคเหนือของประเทศไทย ผมมีความสนใจในด้านประวัติศาสตร์ทางนี้อยู่แล้วเป็นทุนเดิม

    ส่วน

    อนาคตสังญาน ผมอยากรู้เรื่องราวในอนาคตของตัวเองครับ ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมเข้าใจในเรื่องเกี่ยวกับญาน8นั้นถูกต้องมากน้อยแค่ไหน แต่นี้คือสิ่งที่ผมเข้าใจในขณะนี้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2014
  12. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    เจ้าของกระทู้ไม่จำเป็นต้องตกอกตกใจไปหรอกครับ ที่ผมพอจะทราบว่าคุณเจ้าของกระทู้ขึ้นไปกราบพระเสมอๆ ก็เพราะผมยังมีภาระกิจต้องไปเขียนบทความในกระทู้แนะนำวิธีปฏิบัติบางประการ ของท่านสมาชิกที่ใช้ชื่อว่า คุณ butwanna ที่ห้องอภิญญา xp และที่ห้องอภิญญา xp นี้ ก็ได้รับทราบเรื่องราวการปฏิบัติทางมโนมยิทธิ ของเจ้าของกระทู้ ที่ได้รายงานไว้เป็นรายวัน ในกระทู้หนึ่ง ในห้องอภิญญา xp นั่นเอง

    การปฏิบัติ เห็นว่าพอจะใช้ทิพยจักขุญาณได้แล้ว ซึ่งหากได้ทิพยจักขุญาณ อันเป็นญาณหลักแล้ว ญาณรองๆ อีก 7 ญาณ ก็สมควรฝึกได้ แต่ยังไม่ปรากฏว่าเจ้าของกระทู้กล่าวถึงบ้างเลย จึงขอเข้ามาสอบถามอีกครั้งหนึ่งครับ

    ซึ่งหากเจ้าของกระทู้กำลังจะฝึกอดีตังสญาณ และอนาคตังสญาณ ก็ขออนุโมทนา ตอนนี้ หากมีข้อติดขัดในสิ่งใด ควรสอบถามจากพระท่านโดยตรง จะแน่นอนที่สุดครับ แต่พึงระวังว่าวิปัสสนาญาณก็ต้องให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน เพราะหากจิตใจมัวหมอง ไม่ผ่องใส การปฏิบัติทางมโนมยิทธิย่อมไร้ผลด้วยประการทั้งปวง
     
  13. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    ผมกะว่าจะไปฝึกญาน8ที่บ้านซอยสายลมต้นเดือนหน้านี้แล้วครับ ตอนนี้ก็กะจะทรงอารมณ์ใจและมโนมยิทธิให้ทรงตัวและพอมีความคล่องตัวขึ้นอีกสักหน่อยครับ แล้วค่อยไปฝึกญาน8ครับ :cool:
     
  14. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    ฝึกญาณ 8 แล้ว ย่อมต้องหมั่นฝึกซ้อมให้คล่องตัวเป็นวิสัย

    ถึง คุณอุทยัพ ครับ

    ทราบว่าจะไปฝึกญาณ 8 ที่บ้านสายลมต้นเดือนหน้าแล้วนะครับ ผมก็อนุโมทนาในความตั้งใจ สำหรับห้องญาณ 8 นี้ เท่าที่เคยแวะเวียนไป จะเป็นสถานที่ที่ผู้ฝึกจะมีความคล่องตัวในมโนมยิทธิมาบ้าง ดังนั้น เจ้าของกระทู้ ในระหว่างนี้ สมควรซักซ้อมมโนมยิทธิให้อยู่ตัวไว้ก่อนนะครับ ไม่อย่างนั้น จะตามไม่ทันเพื่อนๆ ในห้องญาณ 8 เอาได้

    สำหรับในขณะนี้ ขอคุยกันในเรื่องราวต่อไปนะครับ เท่าที่อ่านๆดู เข้าใจว่าคุณเจ้าของกระทู้น่าจะเป็นผู้ปรารถนาพุทธภูมิอยู่ (ถ้าเข้าใจผิดก็ต้องขออภัย) แต่ตอนนี้ อาจอยู่ในกำลังใจที่สามารถจะเลือกได้ว่าจะลาหรือว่าจะสานต่อ หากจะลาก็สามารถที่จะเลือก ว่าจะขอไปนิพพานในชาตินี้ ชาติหน้า หรือชาติใดๆ แล้วแต่วาระความพอใจ หรือว่าจะฝึกวิชชาจนรู้ จนพอใจได้เมื่อไหร่ ก็ลาเมื่อนั้น อย่างนี้ก็เป็นไปได้เหมือนกัน

    สำหรับตอนนี้ ทราบว่าก็ยังขึ้นไปกราบพระอยู่เป็นปกติ หากรับคำสอนแล้ว ลงมาปฏิบัติตามได้อย่างเต็มที่ ก็เป็นสิ่งที่ดี วิสัยของคุณเจ้าของกระทู้ น่าจะเน้นทางปัญญาอยู่มาก โดยเหตุที่ผู้สนใจในทางการฝึกรูปแบบของสายมโนมยิทธิอย่างคุณ มักจะเป็นผู้ที่ช่างสงสัย เมื่อสงสัยแล้ว ก็ต้องหาทางพิสูจน์ข้อสงสัยนั้นๆ อย่างที่คุณกำลังทำในขณะนี้ และจากการฝึกวิชามโนมยิทธิ ก็มีผลทำให้คุณได้เข้าใจคำสอนต่างๆ มากขึ้นและทำให้ความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาของคุณเพิ่มพูนขึ้นอย่างมากนั่นเอง

    โดยเหตุที่คุณเจ้าของกระทู้น่าจะเน้นทางปัญญาอยู่มาก เวลาฝึกญาณ 8 กลับมาแล้ว สมควรต้องนำมาหมั่นฝึกซ้อมให้คล่องตัวเป็นปกติวิสัยต่อไป ในส่วนของการรับคำสอนจากสมเด็จองค์ปฐม หรือสมเด็จองค์ปัจจุบันนั้น เมื่อน้อมนำลงมาปฏิบัติตาม มีข้อเสนอดังนี้

    หากมโนมยิทธิของคุณมีความคล่องตัวพอสมควรแล้ว นอกจากการขึ้นไปกราบพระตามปกติ เห็นควรให้ขอบารมีพระ นำไปยังภพภูมิอื่นๆ ให้ทั่วถึงทั้งหมด เพื่อให้เห็นสภาพความเป็นมา เป็นไปทั้งหมดของทุกภพภูมิไว้ก่อน เป็นอย่างแรก

    เมื่อได้ไปเห็นสภาพของภพภูมิต่างๆ แล้ว เนื่องจากกำลังปัญญาของคุณมีมาก เวลาพิจารณาวิปัสสนาเพื่อลดละกิเลสต่างๆ นั้น การพิจารณาแค่ขันธ์ 5 หรือสังโยชน์เพียงอย่างเดียว อาจจะยังไม่เพียงพอ สำหรับกำลังด้านปัญญาของคุณ ดังนั้น สำหรับผู้เน้นทางปัญญา ควรจะพิจารณาถึงวงจรการเวียนว่ายตายเกิดทั้งหมด ในทุกภพภูมิ ไล่ไปตั้งแต่ความเป็นมนุษย์ มีความทุกข์อย่างไร ลงอบายภูมิ ไล่ไปทุกชั้น สัตว์เดรัจฉาน อสุรกาย เปรต สัตว์นรก แต่ละภพภูมิ ก็มีความทุกข์ไปอย่างละแบบ ขึ้นอยู่กับกรรมที่ได้กระทำมา จากนั้นขึ้นไป สวรรค์ พรหม อรูปพรหม จนถึงนิพพาน พิจารณาไปแต่ละชั้น ความเป็นเทวดา ท่านมีทุกข์อย่างไร ความเป็นพรหม ที่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีความเที่ยง นั้นเป็นทุกข์อย่างไร

    การพิจารณาอย่างนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เห็นถึงวงจรการเวียนว่ายตายเกิดของทั้งสังสารวัฏ จึงจะทำให้ เกิดความเพียงพอแก่กำลังปัญญาของคุณเจ้าของกระทู้ พิจารณาให้ครบในทั้ง 31 ภพภูมิ เมื่อคุณเจ้าของกระทู้ ได้เห็นทั้งสังสารวัฏอย่างชัดเจนแล้ว จึงค่อยย้อนกลับมาพิจารณาที่ตัวของท่าน สลับทั้งภายนอก และภายใน ภายนอก คือ ทั้งสังสารวัฏ ภายใน คือ กิเลสของเราเอง จิตจึงจะเกิดปัญญา

    เมื่อนั้น ความปรารถนาในทางที่จะเลือก ไม่ว่าจะปรารถนาพุทธภูมิ หรือปรารถนานิพพาน ก็จะเต็มและสมบูรณ์ขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ การเลือกทางเดินตามความปรารถนาของคุณเจ้าของกระทู้ จะทำได้อย่างราบรื่นต่อไป

    ขอจบการนำเสนอไว้เพียงเท่านี้ก่อน หากเจ้าของกระทู้เสร็จการฝึกญาณ 8 ที่บ้านสายลมแล้ว คงจะได้มีโอกาสมาเสวนากันในโอกาสต่อไปครับ
     
  15. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    ถึง คุณอุทยัพ ครับ

    ตามที่ได้กล่าวไว้ว่า หากคุณอุทยัพ ได้ไปฝึกญาณ 8 ที่บ้านสายลมแล้ว ก็อยากจะเข้ามาคุยกับคุณเจ้าของกระทู้อีกสัก 1ครั้ง ซึ่งขณะนี้ ทราบว่าคุณเจ้าของกระทู้ได้ไปทำการฝึกญาณ 8 มาเรียบร้อยแล้ว จึงได้เวลาอันสมควร ที่ผมจะเข้ามาคุยกับคุณเจ้าของกระทู้เป็นการต่อเนื่องนะครับ

    โดยเหตุที่คุณเจ้าของกระทู้ได้ผ่านการฝึกญาณ 8 มาแล้วนี้ เข้าใจว่าคงจะพอมองเห็นลู่ทางในการเดินทางอย่างชัดเจนมากขึ้นนะครับ ว่าสมควรจะมุ่งไปในทางใด เป็นสำคัญ

    ซึ่ง ณ ขณะนี้ ความเป็นผู้ปรารถนาพุทธภูมิของคุณน่าจะยังคงมีอยู่ แต่ยังอยู่ในระหว่างการวางกำลังใจ ที่สามารถจะเลือกได้ว่าจะลาพุทธภูมิหรือว่าจะเดินหน้าต่อไป โดยจะเห็นได้อย่างชัดเจนในวิสัยของคุณว่า คุณเป็นผู้ใฝ่ในการเรียนรู้ ใฝ่ในการศึกษาหาวิชชาต่างๆ

    สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือ คุณจะตั้งใจที่จะฝึกวิชชาอย่างยิ่ง แต่เรื่องที่จะมาสอน มาช่วยผู้คนอื่นๆนั้น คุณจะทำแต่เพียงบางโอกาส พอพ้นระยะก็กลับไปฝึกวิชชาที่คุณให้ความสนใจต่อ

    สำหรับ ณ ขณะนี้ คุณสามารถเลือก ที่จะขอไปพระนิพพานในชาตินี้ ชาติหน้า หรือในชาติใดๆถัดไปก็ตาม แล้วแต่วาระความพอใจของคุณ หรือจะทำการฝึกวิชชาจนรู้จนพอใจเมื่อไหร่ก็ลาไปเมื่อนั้น ก็เป็นสิ่งที่อยู่ในวิสัยที่จะกระทำได้

    อย่างไรก็ตาม มีอีกทางเลือกหนึ่ง คือ คุณจะเลือกหนทางสู่ความปรารถนาในความเป็นพุทธภูมิอย่างเต็มที่ ก็ย่อมอยู่ในวิสัยที่จะกระทำได้ เช่นเดียวกัน

    เมื่อพิจารณาตามหลักการและเหตุผลแล้ว หากในอนาคต เมื่อคุณฝึกวิชชา ได้มากพอสมควรแล้ว (จริงๆของเก่าของคุณในขณะนี้ก็มีอยู่บ้างแล้ว แต่ยังเรียกกลับคืนมาไม่ได้ทั้งหมด) คุณเจ้าของกระทู้ ก็น่าที่จะเอาความรู้ตรงนี้มาใช้ช่วยเหลือคนอื่นๆ มาสอนให้ผู้อื่นเข้าถึงซึ่งพระนิพพานพร้อมๆกับคุณเจ้าของกระทู้ ก็จะเป็นเรื่องที่น่าอนุโมทนาอย่างยิ่ง

    หากในตอนนี้ ในขณะนี้ ยังไม่มีความจัดเจนในการสอน ก็ต้องทำการฝึกฝนตัวเอง ให้มีความจัดเจน ความชำนิ ชำนาญ ในสรรพวิชชา ให้เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น

    ซึ่งถ้าคุณมีความตั้งใจในแบบนี้ ก็ขอให้ตั้งใจเอาไว้ก่อนว่า คุณจะขอเอาวิชชามาถ่ายทอด มาแนะนำ มาช่วยเหลือผู้อื่น

    หากคุณเจ้าของกระทู้ จะตั้งใจไว้แบบนี้ วิชชาทั้งหลายของคุณ ก็จะรวมตัวได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิม แต่จะมีงานช่วยเหลือผู้อื่นให้ต้องทำ เป็นภาระหน้าที่ ที่เพิ่มเติมเข้ามา นอกเหนือไปจากภาระหน้าที่ในการฝึกฝนตนเองตามปกติ

    แต่หากคุณเจ้าของกระทู้จะขอฝึกวิชชาต่างๆ ไปเรื่อยๆ จนเข้าพระนิพพานเฉยๆ ก็ย่อมได้ ซึ่งจะไม่มีงานให้ต้องช่วยเหลือผู้อื่นแบบเป็นกิจลักษณะ จะแค่ช่วยเหลือพอประมาณ แต่ว่าวิชชาอาจจะไม่รวมตัวกันมากนัก หรืออาจจะไม่แก่กล้าเท่ากับการที่คุณตัดสินใจเลือกทางเดิน ที่จะช่วยเหลือคนอื่นๆ ควบคู่กันไปด้วย

    ขอให้คุณเจ้าของกระทู้ โปรดระลึกไว้ว่า ความสามารถที่ยิ่งใหญ่ ย่อมมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง เสมอ

    เหนือสิ่งอื่นใด ทางเลือกทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องของคุณเจ้าของกระทู้แต่เพียงผู้เดียวนะครับ ในการตัดสินใจว่าจะเลือกเดินไปตามหนทางใด ที่คุณมีความปรารถนา ส่วนผม ทำได้เพียง เป็นผู้ให้ความเห็นเพื่อนำเสนอข้อมูลเบื้องต้นต่อคุณเจ้าของกระทู้ เท่านั้น

    อย่างไรก็ดี ผมก็มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะคอยนำเสนอข้อมูลให้กับคุณเจ้าของกระทู้อย่างต่อเนื่อง ต่อไป เพื่อให้คุณเดินทางไปจนสุดเส้นทางที่คุณตัดสินใจเลือก ไม่ว่าคุณจะเลือกเดินทางไปในหนทางแบบใดก็ตาม

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...