ขอคำแนะนำในการรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ค่ะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย momogo, 9 เมษายน 2008.

  1. momogo

    momogo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +1,158
    อยากเรียนถามท่านผู้มีประสบการณ์ค่ะว่า

    การรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ กับ กุศลกรรมบถ 10 เป็นอันเดียวกันหรือเปล่าคะ

    และเราควรจะรักษาอย่างไรให้บริสุทธิ์คะ

    ในกรณีที่เรารักษาศีล 5 อย่างหยาบได้ครบถ้วน
    คือ ทางกาย และวาจาตามที่สมาทานแล้ว
    คือ ไม่พูดปด แต่วจีทุจริตยังมีอยู่ หรือ
    การไม่ฆ่าสัตว์ แต่ความโกรธ และความพยาบาทยังคงมีอยู่
    อย่างนี้ ศีลขาดหรือด่างพร้อยคะ

    การรักษาศีล 5 ที่บริสุทธิ์ ต้องรวมทางใจด้วยหรือไม่คะ ควรจะรักษาอย่างไร
    ให้ศีล 5 บริสุทธิ์จริง ๆ ค่ะ

    ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
    (ไม่ทราบจริง ๆ ขออนุโมทนากับทุกท่านที่มาตอบปัญหา และทุกท่านที่ผ่านเข้ามาด้วยค่ะ สาธุ ๆ ๆ)
     
  2. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,131
    สำหรับผมนะ...การรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ต้องสมาทานรับศีล ๕ (ถ้าไม่ได้อาราธนาศีล ๕ จากพระสงฆ์)

    การสมาทานรักษาศีล ๕ ก็เหมือนการถือแก้วน้ำ
    ศีลขาด ศีลพร่อง ก็คือ แก้วตก แก้วร้าว

    ดังนั้น ก่อนนอนทุกวันเราต้องสำรวจดูว่าตั้งแต่เช้าตื่น จนกระทั่งจะเข้านอนศีล ๕ ขาดหรือพร่อง หรือไม่ ? ถ้าศีลขาดหรือพร่อง เราจะต้อง ต่อศีล(การวิรัติศีล) เพื่อศีล ๕ ที่บริสุทธิ์

    ถ้าสำรวจแล้วไม่ขาดไม่พร่อง กุศลได้เกิดอย่างมากมายมหาศาลครับและสามารถที่จะ กรวดน้ำแผ่เมตตาให้แก่ทุกสรรพสิ่งได้ครับ

    มีศีล ๕ ต้องมี กุศลกรรมบท ๑๐ ควบคู่ไปด้วยครับ

    "ไม่โกรธดีกว่าถือศีล" ถือศีลแต่โกรธตลอดมันจะรักษาศีลได้หรือ ต้องมีกรรมบท ๑๐ ด้วยนะจ๊ะ

    ขอเพิ่ม ถือศีล ๕ กรรมบท ๑๐ แล้วต้องมีเบญจธรรมด้วยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 เมษายน 2008
  3. นายฉิม

    นายฉิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    2,098
    ค่าพลัง:
    +2,662
    สำหรับผม ศีลห้ายังไม่ค่อยจะรอด แต่ก็พยายามครับ
     
  4. piakgear24

    piakgear24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,696
    ค่าพลัง:
    +44,505
    จะทำให้ศีล ครบ ตัวสมาธิต้องได้ด้วย นั่นคืออาณาปานุสติกรรมฐานต้องไปด้วยกัน
    ศีล 5 และ กรรมบท10+อาณาปานุสติกรรมฐาน+พรหมวิหารสี่
    สามอย่างนี้ต้องไปด้วยกันจึงจะทำให้ศีลทรงตัว สมาธิก็จะทรงตัวไปด้วย
     
  5. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,606
    ขออนุโมทนาครับ "ทิดเปี๊ยก"
    ตัวผมเองก็อาราธนาศีล 5 ทุกเช้าครับ ก็คิดว่ามันคงพร่องระหว่างวันครับ
    ส่วนศีล 5 บริสุทธิ์นั้น (ย่อมไม่มีวจีทุจริตครับ ส่วนความพยาบาทนั้นทำให้ศีลข้อ 1 เราพร่องครับ)

    ขออนุโมทนา
     
  6. momogo

    momogo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +1,158
    แสดงว่า ต้องอาราธนาศีลตอนเช้าทุกเช้า
    และมีสติรู้ตัวตลอดเวลา(อาณาปานุสสติกรรมฐาน)
    มีพรหมวิหารสี่ประจำใจ
    ตรวจสอบตัวเองหลังจากวันนั้นด้วยว่า เราศีลพร่อง ศีลขาดตรงไหนบ้าง
    ต่อศีลเมื่อรู้ว่าผิดพลาด พร่องแล้ว ขาดแล้ว

    (แล้วต่อศีล เราต้องทำอย่างไรคะ หรือว่าสมาทานศีลใหม่คะ

    และเบญจธรรม คือ อะไรคะ)

    ขอบคุณทุกท่านค่ะที่ชี้แนะให้ความสว่าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2008
  7. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,131
    การต่อศีล(วิรัติศีล)

    - กราบพระ ๓ ครั้ง
    - นะโม ๓ จบ
    - บอกกล่าวข้อที่ได้ทำขาดไปพร่องไป
    - ข้าพเจ้าขอตั้งจิต นับแต่นี้ต่อไปข้าพเจ้าจะตั้งใจรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ให้ดีดั่งเดิม
    - อิมานิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ (๓ ครั้ง)
    -กราบพระ ๓ ครั้ง

    หรือ จะสมาทานศีล ๕ เลยก็ได้ครับ


    เบญจธรรมเป็นข้อปฏิบัติให้ทำความดีมีอยู่ 5 ข้อ คือ

    เบญจธรรมข้อที่ 1 คือ มีความเมตตากรุณา
    [​IMG]หมายถึง : มีความรักและความปรารถนาดีต่อผู้อื่น อยากช่วยให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์ให้มีความสุข ธรรมะข้อนี้คู่กับ
    ศีลข้อที่ 1
    เบญจธรรมข้อที่ 2 คือ มีสัมมาอาชีวะ
    [​IMG]หมายถึง : การหาเลี้ยงชีพในทางที่สุจริต รู้จักประหยัดและเก็บออม ธรรมะข้อนี้คู่กับศีลข้อที่ 2
    เบญจธรรมข้อที่ 3 คือ มีความสำรวมในกาม
    [​IMG]หมายถึง : ความพอใจในคู่ครองหรือของรักของตนไม่ประพฤติผิดในคู่ครองหรือของรักของคนอื่น ธรรมะข้อนี้คู่กับ
    [​IMG] ศีลข้อที่ 3
    เบญจธรรมข้อที่ 4 คือ มีสัจจะ
    [​IMG]หมายถึง : การพูดความจริง รักษาคำพูด พูดจาสุภาพ ไพเราะอ่อนหวาน ธรรมะข้อนี้คู่กับศีลข้อที่ 4
    เบญจธรรมข้อที่ 5 คือ มีสติสัมปชัญญะ
    [​IMG]หมายถึง : มีสติรอบคอบ รู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาว่าทำอะไร พูดอะไร ช่วยให้เป็นผู้ไม่ขาดสติและไม่ประมาท
    [​IMG]ธรรมะข้อนี้คู่กับศีลข้อที่ 5
     
  8. สะพานแก้ว

    สะพานแก้ว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2008
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +47
    ตามที่เข้าใจเพราะตัวเองก็ถือศีลห้า จึงพยายามศึกษาทั้งอ่านหนังสือธรรมะ คำสอนทั่วไปจากหลวงพ่อที่มรณภาพไปแล้วซึ่งสามารถหาอ่านได้ อันดับแรกเอาแค่ศีลห้าก่อนค่ะพอคุณถือได้จนเกิดความเคยชิน คือไม่ต้องระวังตัวแล้วความหมายง่ายๆก็คือมีศีลอยู่ในใจตลอดเวลานั่นเอง คุณจึงค่อยเพิ่ม กรรมบถ๑๐ ซึ่งจะละเอียดมากกว่าศีลห้า เพราะถ้าถือรวมกันตั้งแต่แรกจะยาก ยกตัวอย่างแค่ข้อ๔ในศีลห้า ห้ามพูดโกหกแต่ในกรรมบถ๑๐จะห้ามมากกว่านั้นเช่นห้ามพูดหยาบคาย ห้ามพูดเพ้อเจ้อเหลวไหล อย่างนี้เป็นต้น เริ่มต้นจากน้อยไปหามากดีกว่าค่ะแต่ก็อยู่ที่กำลังใจถ้ามั่นใจว่าทำได้ก็เริ่มต้นพร้อมกันเลยก็ได้ เป็นเพียงคำแนะนำเท่านั้นอนุโมทนาสาธุด้วยค่ะกับความตั้งใจของคุณ
     
  9. momogo

    momogo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +1,158
    ขอบคุณค่ะ
     
  10. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,866
    อนุโมทนา.....สาธุ

    แต่ที่รักษายากไปกว่านั้นคือ อธิศีล ๕ น่ะ ครับ เพราะคนเราเผลอบ่อยมาก เผลอโดยไม่รู้ตัว เช่น ศีลข้อ ๔ ซึ่งไม่เพียงแต่พูดปดเท่านั้น

    การพูดส่อเสียด เพ้อเจ้อ หรือกล่าวคำหยาบก็ล้วนผิดศีลทั้งนั้นล่ะครับ

    ดังนั้นการปฏิบัติธรรมชั้นสูง จึงต้องปลีกตัวเองไปหาสับปายะที่สงบและปิดวาจา ศีลถึงจะไม่ด่างพร้อย ครับ
     
  11. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,795
    เมื่อตั้งหิริโอตัปปะไว้ในใจศีลกี่ข้อ กี่ข้อก็รักษาให้บริสุทธิ์ได้เจ้าค่ะ

    เมื่อใจมันถึงพร้อมแล้ว วาจาก็สะอาด กายก็สะอาด

    ขออนุโมทนากับทุกกระทู้ ที่นำธรรมกลั่นออกมาจากศีลธรรมภายในใจ

    ทั้งนั้น
     
  12. momogo

    momogo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +1,158
    ขอบพระคุณทุกท่านเลยค่ะ

    ตอนนี้ ก็ได้รับความรู้เพิ่มขึ้นอีกข้อ คือ เบญจธรรม

    หิริ โอตัปปะ ก็มีนะคะ แต่สติตามไม่ค่อยทัน ทำให้เกิดความผิดพลาดมาก
    แต่ก็จะพยายามให้มากขึ้นค่ะ ขอบคุณค่ะที่ชี้แนะ

    ถ้ามีท่านใดอยากชี้แนะเพิ่มเติม เชิญได้เลยค่ะ

    ขออนุโมทนาท่านผู้มีปัญญาทุกท่านค่ะ สาธุ ๆ ๆ

    เพราะตั้งใจแล้ว ว่าจะเอาจริงเสียที อย่างน้อย ๆ ก็ให้พร่องให้ขาดน้อยที่สุดค่ะ
     
  13. momogo

    momogo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +1,158
    แสดงว่า เราก็ต้องหาเวลาที่สงบ เพื่อปฏิบัติธรรม ปลีกวิเวกด้วย หรือเปล่าคะ

    สร้างเนกขัมมะบารมีไปด้วย ขอบคุณค่ะ

     
  14. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,606
    ขออนุโมทนากับเฮียปอ สำหรับเบญธรรม 5 ครับ จะนำไปปฏิบัติครับ

    สาธุ
     
  15. เกรสคับ

    เกรสคับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +174
    อืมที่ผู้รู้ท่านอื่นเขียนมา ก็ถูกแล้วคับ ผมขอตอบว่า กาย บริสุทธิ์ แต่วจี ยังไม่บริสุทธิ์ แปลว่าศีล ไม่ขาดคับ แต่ศีลไม่บริสุทธิ์ผุดผ่องแล้วนะคับ
    คืออย่างข้อ1 จะมีอยู่ 5 ขั้นตอนนะคับ(ถ้าจำไม่ผิด)
    1.สัตว์มีชีวิต เช่นเราเหยียบมด เราไม่รู้ว่าเหยียบ นี่บาปคับ แต่นิดหน่อย
    2.รู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิต เช่นเราเห็นและว่ามด ไม่ได้ตั้งใจเหยีบย แต่ดันลื่นเปลือกกล้วยไปเหยียบ นี่บาปเพื่อมอีกนิส
    3.ใจคิดจะฆ่า เช่นคิด แหมมดพวกนี้มาแย่งขนมของฉันกิน ต้องฉีดให้ตาย บาปละ ถึงยังไม่ได้หยิบไบก้อนก็เหอะ
    4.ลงมือตามความเพียรพยายามนั้น เช่นไปเอายามาฉีด หรือ กระทืบๆๆมด อ้า แต่มดยังไม่ตาย แค่เข้า ICU นี่ศีลหมองถึงขีดสุดแล้ว
    5.สัตว์นั้นตายด้วยความเพียรพยายามของเรา เช่น หมอมด ช่วยชีวิตไม่ทัน อันนี้ ศีลเราไม่หมองนะ แต่ศีลขาดแล้ว

    ส่วนข้ออื่นก็คล้ายๆกันคับเช่นข้อ3 เริ่มตั่งกะคิด จับมือ จนถึงเริ่มสอดอวัยวะเพศกัน อันนี้จำไม่ได้นะคับว่าอันไหนเริ่มก่อน แต่แค่คิดศีลก็หมองแล้ว
    ผมเองยังไม่บริสุทธิ์เลยคับ แต่ก็คอยประคองให้บริสุทธิ์อยู่ หากผิดพลาดประการใด ผู้รู้ช่วยแก้ไขด้วยนะคับ
    สาธุคับ ขอให้เจริญในธรรม
     
  16. 16

    16 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    351
    ค่าพลัง:
    +419
    ในการเริ่มต้นรักษาศีล 5 ของผมนั้น ผมทำอย่างนี้ครับ

    1.เริ่มจาก รักษาศีล เพียง 1 หรือ 2 ข้อก่อน เอาที่เรามั่นใจว่า เราเว้นได้แน่นอน เช่น เราจะไม่ดื่มสุรา สิ่งมึนเมา ต่างๆเด็ดขาด ถือศีลข้อที่เรามั่นใจให้มั่นคงแข็งแรงก่อน เพื่อเป็นหลักในใจเรา ฝึกสติ และ สัจจะ โดยช่วงที่สมาทานศีล 5 เช้าและก่อนนอน ให้ตั้งใจอธิษฐานรักษาสัจจะถือศีล 1 ข้ออย่างเต็มกำลัง จะไม่ให้บกพร่อง ทำข้อนี้ให้ได้ 7 วัน จนมั่นใจแล้วว่า เริ่มมีสติกำกับตัวเอง ไม่ให้ผิดสัจจะได้แล้ว จึงไปข้อ 2

    2.เมื่อข้อ 1 ผ่านแล้ว จึงขยายไปศีลข้อที่ผิดบางเป็นบางครั้ง คือ ยากขึ้นไปอีก เช่น เรามักจะตบยุง บี้มด อันนี้ก็ตั้งใจ ตั้งสัจจะ ทุกวันว่าจะไม่ฆ่าสัตว์ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ และไม่สนับสนุนให้ผู้อื่นฆ่า โดยช่วงที่สมาทานศีล 5 เช้าและก่อนนอน ให้ตั้งใจอธิษฐานรักษาสัจจะถือศีลข้อนี้อย่างเต็มกำลัง จะไม่ให้บกพร่อง ทำข้อนี้ให้ได้ 7 วัน จนมั่นใจแล้วว่า เริ่มมีสติกำกับตัวเอง ไม่ให้ผิดสัจจะทั้งข้อ 1 และ 2 ได้แล้ว จึงไปข้อ 3

    3.เมื่อข้อ 2 ผ่านแล้ว จึงขยายไปยังศีลข้อที่ยากที่สุด ทำยากที่สุดของตัวคุณเอง เช่น อาจเป็นการพูดโกหก ส่อเสียด เพ้อเจ้อ หยาบคาย โดยในการเริ่มต้น ควรละสิ่งที่หยาบก่อน เช่น งดการโกหก เพียงประการเดียวก่อน เมื่อผ่านไป 7 วัน จนเรามั่นใจแล้วว่า 7 วันนี้เรามีสติ ไม่พูดโกหก แม้เผลอก็มีสติรู้ตัว จึงค่อยงดสิ่งหยาบรองลงไปเช่น การส่อเสีย ...เป็นลำดับจนละได้หมด ซึ่งตรงนี้ต้องใช้กำลังจิตในการอธิษฐานตั้งสัจจะอย่างเต็มกำลัง โดยช่วงที่สมาทานศีล 5 เช้าและก่อนนอน ให้ตั้งใจอธิษฐานรักษาสัจจะถือศีลข้อนี้อย่างเต็มที่ ว่าจะไม่ให้บกพร่อง ทำข้อนี้ให้ได้ 7 วัน จนมั่นใจแล้วว่า เริ่มมีสติกำกับตัวเอง ไม่ให้ผิดสัจจะ

    ศีล 5 ก็จะสมบูรณ์ และจะกลายเป็นรากฐานแห่งสมาธิต่อไป

    สิ่งหนึ่งที่เราต้องยอมรับให้ได้ก่อนก็คือ เรามีการผิดศีล 5 มาเป็นประจำ แทบจะทุกวัน ตั้งแต่เล็กจนโต เป็นระยะเวลานานมาก ( ไม่รวมกับอดีตชาติที่ประมาณไม่ได้ )

    ด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน จิตจึงคุ้นเคยกับการผิดศีลเป็นประจำ จนฝังเป็นรากลึก เราจะใช้เวลาเพียง 3 วัน 7 วัน ดัดให้จิตสำรวมในศีลทันที เป็นเรื่องยาก

    ดังนั้น เราต้องฝึกจิตให้ค่อยๆเชื่อง ทีละนิด ด้วยการเริ่มจากรักษาศีลข้อที่เรามั่นใจที่สุดให้ได้ก่อน ว่าเราจะไม่ผิดศีลข้อนี้แน่นอน เพื่อเป็นการเพิ่มอำนาจแห่งสัจจะ สร้างนิสัยรักษาสัจจะแก่จิต เมื่อจิตคุ้นเคยแล้ว เวลาคุณทำผิด จิตและสติ (เมื่อเราระมัดระวังตนให้อยู่ในศีล สำรวมจะก่อให้เกิดสติสะสมจนเข้มแข็ง ) สองอย่างนี้จะเตือนคุณเองอัตโนมัติ

    ยกตัวอย่างเช่น ถ้าปกติเรามักจะตบยุง บี้มด ถ้าได้ลองถือศีลข้อ 1 อย่างเต็มกำลัง 7 วัน จิตจะค่อยๆเชื่องลง จนสามารถงดเว้นการฆ่าได้ และจากนั้นหากเราได้พลาดฆ่าสัตว์ไป จิตจะเศร้าหมองขึ้นทันที แล้วสติที่เราได้จากการรักษาศีล ( คือ ระมัดระวังตลอดเวลาจนสติเกิด ) สติที่สร้างไว้ จะทำให้เรารับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของจิต คือ ความเศร้าหมองนี้ จนต่อๆไปเราจะไม่อยากฆ่าอีก เพราะเกิดเศร้าหมองนั้นเอง ( จริงๆ จิตเราเกิดการเศร้าหมองตลอดเวลาที่มีการผิดศีล แต่เนื่องจากเราได้ผิดศีลจนเคยชิน จิตจึง " กระด้าง " และ ขาดสติ เพราะไม่ใส่ใจในการระมัดระวังตัวให้อยู่ในศีล สองอย่างนี้ทำให้เราไม่รู้สึกถึงความผิดปกติแห่งจิตที่เปลี่ยนแปลงไปในทางเศร้าหมองนั้นเอง )

    การสมาทานศีล เช้า-เย็น หากขาดการอธิษฐานจิตตั้งสัจจะอย่างเต็มกำลังแล้ว ก็เหมือน " ถือศีลที่ปาก ยังขาดศีลที่กาย ศีลที่ใจ ย่อมเป็นศีลที่พร่อง "

    ดังนั้น ในการสมาทานศีล ทุกครั้งต้องตั้งใจ กำหนดสมาธิให้แน่วแน่ อธิษฐานจิตเสมอ ว่าจะรักษาศีล 5 ( หรือเป็นข้อๆ ในช่วงแรก ) อย่างเต็มกำลัง ให้ตั้งใจรักษาศีลประหนึ่งรักษาชีวิตตน รักษาสัจจะนี้ให้จงได้

    แม้ช่วงแรกจะยังผิดศีล โดยที่จิตยังกำหนดไม่ทัน ขาดสติบาง ก็เป็น " ปกติ " ของการเริ่มต้น แต่ถ้าเราเอาจริงอย่างที่ได้กล่าวมาแล้วทั้งหมด ศีลจะสมบูรณ์ เพราะมีสติกำกับอย่าง " อัตโนมัติ " ครับ

    สิ่งที่ผมได้ทำเพิ่มเติม และได้ผลอีกประการก็คือ การคบหากัลยานิมิตร อันเป็นมงคลชีวิตข้อแรกสุด

    ข้อนี้สำคัญครับ การมีเพื่อนที่เคยเตือนเมื่อเราผิดศีลทุกครั้ง ต่างเป็นกระจกของกันและกัน จะทำให้เราเกิดหิริโอตัปปะ และจะพยายามรักษาศีลมากขึ้นเรื่อยๆ ( คือ สติจะสะสมขึ้นเรื่อยๆ ) จนสำเร็จได้ไม่ยากครับ

    วิธีการ เราอาจคุยกับเพื่อนที่ทำงาน เพื่อนสนิทเลยครับว่า เราจะร่วมกันถือสัจจะในการรักษาศีล 5 หากใครผิด คนนั้นก็ช่วยกันเตือน วิธีนี้สำหรับผม ได้ผลดีมากครับ ช่วยเร่งในการรักษาศีลข้อที่รักษายากที่สุด( สำหรับผม ) และละเอียดลึกลงไปได้ครบถ้วน

    สิ่งที่ทำให้ศีลคงอยู่ สัจจะเกิดพลัง สติมีพลังขึ้นไปอีก ก็คือ การทำสมาธิ ครับ

    การทำสมาธิอย่างน้อยวันล่ะ 30 นาที จะช่วยให้จิตเกิด " ภูมิคุ้มกัน " ไม่ร้อนรุ่ม วุ่นวาย ทำให้จิตแข็งขึ้นทีละนิด จะเป็นตัวหนุนให้อารมณ์ที่เข้ามากระทบเรา " ลดความแรง " ลงไปครับ

    เมื่อจิตมีเกราะป้องกัน ทำให้อารมณ์เข้ามากระทบได้ยาก หรือ เบาลง สติก็ย่อมจะเข้ามาจับการแสดงออกทางกายได้ง่ายขึ้น ทำให้เรามีสติกำกับร่างกายไม่ให้ผิดศีลได้ง่ายขึ้น นี่เองคือตัวเร่งให้จิตเราเชื่องและสร้างเกราะป้องกันปัจจัยภายนอกเข้ามากวนจิตใจให้เราผิดศีลครับ

    หากช่วงแรกการถือศีล รู้สึกแห้งแล้ง ขัดข้องอึดอัด ให้เพิ่มการทำ " ทาน " เข้าไปครับ และปลูก " ศรัทธา " จากการอ่านข้อธรรม บทความต่างๆ

    การทำทานก็เสมือนการเติมน้ำใส่ใจให้ชุ่มชื่น สร้างความคุ้นชินด้านดีแก่จิต เป็นรากฐานของการทำความดีต่อๆไปให้มากขึ้น เพราะเมื่อจิตคุ้นชินกับการทำดี ( จิตผ่องใส เกิดปิติ ) จิตจะดึงดูดให้เราทำสิ่งที่ดียิ่งๆขึ้นไปเรื่อยๆ จะทำให้การถือศีลของเรามีกำลังมากขึ้น คือ มีกำลังใจในการรักษาศีลอย่างเข้มแข็งสูงขึ้นเรื่อยๆนั้นเอง

    นอกจากนี้ เราควรอ่านหนังสือ บทความ ข้อธรรม ที่เกี่ยวกับการถือศีล 5 เช่น อานิสสงฆ์ เชื่อในผลแห่งบุญ แล้วระลึกถึงบุญนี้เสมอ ใจจะได้เข้มแข็งไม่ล้มเลิกในการรักษาศีลในช่วงแรก

    ถ้าศีล 5 ของเราสมบูรณ์แล้ว จิตจะรู้สึกรักที่จะทำความดี สร้างกุศลที่ละเอียดขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งศีลใจได้เกิดขึ้นอย่างมั่นคง

    ในช่วงเริ่มต้นนั้น ผู้ปฏิบัติไม่ต้องกังวลกับความละเอียดของศีล หรือ การรักษาศีลใจ เช่น การรักษาพรหมวิหาร เพราะศีลใจเป็นสิ่งละเอียดอ่อน สัมผัสยากกว่าศีลกาย ให้เริ่มจากการรักษาศีลกายให้สมบูรณ์ เมื่อศีลกายสมบูรณ์หนักๆเข้า ศีลใจจะเกิดขึ้นเอง หลักธรรมที่ละเอียดลงไปจะเกิดขึ้นเอง เช่น พรหมวิหาร 4 หรืออื่นๆ

    หากจะเริ่มจากการรักษาศีลใจ จะทำได้ยาก ( แต่บางคนอาจทำได้ ซึ่งไม่มากนัก ) เพราะใจเป็นสิ่งละเอียดอ่อน มีความไว ความเบา สัมผัสยาก จึงต้องเริ่มจากการรักษาศีลกายให้ดี ให้สมบูรณ์ แล้วศีลใจจะตามมาเองโดยไม่ต้องบังคับเลยครับ

    นี่คือสิ่งที่ผมเล่าอธิบายจากประสบการณ์จริงที่ได้ทำมาแล้วได้ผล และเพื่อนที่ร่วมกันถือสัจจะก็ได้ผลจากวิธีนี้เช่นกันครับ แม้จะมีเหตุให้ผิดศีล ก็จะมีสติกำกับก่อนการผิดศีลเสมอ จนเราสามารถเลือกที่จะละเหตุแห่งการผิดศีลได้ และแม้บางครั้งจะพลาดในศีลที่ละเอียดลงไป เช่นการพูดเพ้อเจ้อ จิตก็จะเกิดความเศร้าหมองขึ้น จนเราไม่อยากทำอีกครับ


    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ตั้งใจรักษาศีลให้สมบูรณ์ด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  17. โปเต้ผู้ใฝ่ธรรม

    โปเต้ผู้ใฝ่ธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2007
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +573
    ผมเหลือศีลข้อที่3ข้อเดียวที่ยังไม่ขาด


    - -" และคิดว่าสักวันมันคงขาดแน่ๆ

    แต่ผมไม่ยอมหรอก ผมจะสู้!!

    อึ๊ส!!
     
  18. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    อธิศีล คือ การรักษาศีลอย่างยิ่ง

    แล้วศีลจะรักษาได้อย่างยิ่ง จนเป็นผู้ทรงศีลได้น่ะ เค้ารักษากันที่ใจ เมื่อใจมันเต็มเปี่ยมไปด้วยพรหมวิหาร 4 แล้ว ความชั่วมันก็ไม่ออกมาทางกาย และวาจา ศีลจึ่งบริสุทธิ์ ถ้ายังต้องคอยระมัดระวังว่าศีลจะพร่อง จะขาด นั่นมันยังเป็นแค่ พยายามรักษาศีล ส่วนผู้ได้อธิศีลนี่ เรียกว่าผู้ทรงศีลเป็นธรรมชาติแล้วไม่ต้องมาตั้งหน้าตั้งตาไล่ทีละข้อ

    เราก็ยังเป็นผู้รักษาศีลไปเรื่อยๆ หยอดกระปุกศีลไปทุกวัน จนถึง กาย วาจา ใจ และหวังจะได้เป็นผู้ทรงอธิศีลในกาลข้างหน้า

    "รักษาศีล เค้ารักษากันที่ใจตัวเดียว"
     
  19. momogo

    momogo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +1,158
    ขอบคุณค่ะ คุณ 16 ที่ให้รายละเอียดในการปฏิบัติมาให้

    ทำให้เกิดปัญญามากขึ้น ว่าตัวเองบกพร่องตรงไหน ขอสารภาพเลยนะคะ

    1. ขาดสติสัมปชัญญะ เวลาที่เกิดสิ่งเข้ามากระทบ ทำให้รู้สึกโกรธเคือง ลามไปสู่ความอาฆาตพยาบาท เหมือนไฟลามทุ่ง

    2. ขาดขันติ ในการอดทนต่อสิ่งรอบข้าง และขาดปัญญาในการพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบ

    3. มีมานะทิฎฐิ ถือตัวถือตน ถ้าเห็นคนผิดศีลแล้วก็จะโกรธเขา มองว่าเขาเลวกว่าเรานะ ทำไมแค่นี้ทำไม่ได้ กลายเป็นเพ่งโทษผู้อื่น

    เพิ่งศึกษาเจอว่า พระพุทธเจ้า ท่านไม่ทรงให้คิด ว่าเราดีกว่าเขา เราเลวกว่าเขา เราเสมอเขา เลยเชื่อว่าถ้าจะศึกษาธรรมแบบจริงจัง ก็ต้องศึกษาหาข้อมูลไปในตัว ปฏิบัติแบบไม่มีขอบข่ายไม่ได้ (อันนี้ คือความโง่เขลาของเราเองที่ไม่มีสติสัมปชัญญะ และไม่มีปัญญา)

    ตอนนี้กำลังถูกกิเลสมารเข้าครอบงำอยู่ จริงอย่างที่ Khunkik<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1104042", true); </SCRIPT> ว่า ศีลเขารักษาที่ใจตัวเดียว ค่ะ ก็จะพยายามต่อไป

    เคยยกธงขาวไปแล้วรอบหนึ่ง เพราะคิดว่า เราเลวแล้ว ท้อแล้ว คงทำดีไม่ได้เหมือนคนอื่นๆ เขาแล้ว แต่ก็เหมือนมีอะไรดลใจ ให้ไปเจอคำสอนของพระพุทธเจ้า และหลวงพ่อฤาษีลิงดำ คือ "อย่าคิดว่าเราดีกว่าเขา (ทำให้เกิดมานะ) "อย่าคิดว่าเราเลวกว่าเขา" (ทำให้หมดกำลังใจ) และ "อย่าคิดว่าเราเสมอเขา" (คิดเองว่าคงทำให้เราเฉื่อยชา นิ่งนอนใจเกินไป)

    กว่าจะรู้ตัว...ก็เกือบสายเกินไป ที่ว่ายังไม่สาย เพราะยังพอมีลมหายใจอยู่ อย่างน้อย ๆ ก็ตอนนี้

    ขอบคุณทุก ๆ ท่านค่ะ
    ขออนุโมทนากับทุก ๆ ท่านในสิ่งที่ท่านมีสัมมาทิฎฐิ รู้เห็นตามความเป็นจริง
    และความเมตตาที่ชี้แนะช่วยเหลือคนหลงผิดอย่าง momogo ด้วยค่ะ
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  20. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    อนุโมทนาสาธุ

    ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นเรื่องประกันหัวใจตนเอง
    ประกันบาป ประกันอกุศลประกันสิ่งที่มันผิดพลาด
    พุทธองค์ทรงบัญญัติสิกขาบทก็เพื่อประกัน
    ประกันไม่ให้บาปเกิดขึ้น

    **ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ...แต่ก็ไม่มีอะไรที่ยากจนเกินไ***
    ............ท.า.ง.ส.า.ย.เ.อ.ก........
     

แชร์หน้านี้

Loading...