ขอถาม วิธีฝึกหูทิพย์ ตาทิพย์หน่อยครับ

หูทิพย์ตาทิพย์ มีลักษณะยังไง ใช้ประโยชย์ยังไง ฝึกกันยังไง ช่วยอธิบายละเอียดหน่อยนะ อยากลองฝึกดู

 

เอานี่ไปอ่านก่อนนะ

อะ....ลองเอาอันนี้ไปอ่านก่อนนะ

"วิชชาทิพยจักษุของฝรั่ง" โดยหลวงวิจิตรวาทการhttp://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=43691

 

จริงๆๆ หูทิพย์ กับ ตาทิพย์ มันจะไม่ส่งผลเลย
ถ้า ใจ ไม่ทิพย์ ถ้าใจเป็นทิพย์ ทุกอย่างในการรับรู้
ก็ ทิพย์หมด

ตาทิพย์ ไม่ได้หมายความว่า เห็น ผี สาง เทวดา นรก สวรรค์ พรหม
ด้วย ตาเนื้อที่เรามองๆๆ กันอยู่ แต่เปลี่ยนเป็น ใช้ ใจเป็นทิพย์ ตามระดับ
กำลังญาณ สมาธิ ของแต่ละคน เมื่อใจเป็นทิพย์แล้ว เวลาอยากรู้อะไร ใน
ในเบื้องต้น เช่น อยากรู้ว่า ตรงนี้มี ผีไหม มีเทวดา ไหม ก็ จะสามารถ รู้ได้
หมด ภาพจะ เกิดขึ้นมาใน จิต ให้เรา รับรู้ มีความรู้สึก (ตรงนี้ต้องระวัง อย่าให้
อุปทาน หลอกเอา) หูทิพย์ ก็ คล้ายๆๆ แบบนี้และ

ส่วนเรื่องประโยชน์ ก็ไม่ต้องพูดเลย ใครฝึกได้ขนาดนี้ ก็ ย่อมมีจิตที่ พิเศษ
มากกว่า คนไม่ได้ฝึกอยู่แล้ว เช่น รู้ว่าใครดี ใครไม่ดี ใครหน้าไหว้หลังหลอก
ก็จะรู้หมด ของหาย หายที่ไหน ? กำหนดจิต แป็บเดียว ก็ทราบว่า หายที่ไหน
ไป หาตามที่จิตรู้ ก็เจอ

ส่วนวิธีการฝึกโดยตรง นะ ไม่อยากให้ทำ สิ่งที่ข้ามขั้นตอน เพราะอาจทำให้
บ้า ได้ อยากให้ ฝึกพื้น ฐานสมาธิเบื้องต้นก่อนจะดีกว่า ในเรื่องสมาธิ เบื้อง
ต้น ในเวปนี้ก็มีสอน ลองหาดูเอานะครับ

 

เหงมะ....
"ง้วนดิน" บอกแร่ว
เด๋วก้อมีคนเก่ง ๆ มาช่วยสอน
มาเจงเจงด้วยอะ

...."สิบสองปันนา" รีเทิร์นจิงจิงแฮะ....

(verygood)(verygood)(verygood)
(f)(f)(f)(f)(f)(f)(f)

 

ฝึกจิตให้อยู่ในความสบาย...

ละนิวรณ์ แบบที่ง่ายที่สุด คือ พุทธานุสสติ

.....
...จิตที่ทรงความดี หรือ ฌาน ก็ลองๆฝึกดูครับ ..ให้สังเกตใจเราว่าสงบ และปล่อยวางไหม

.............................................................
..ตัววัดความก้าวหน้า คือความสบายใจในการทำความดี และทรงไว้ได้ตลอด..และเพิ่มความดีขึ้นเรื่อยๆนั่นเอง

 

อืม..คุณอยากฝึกผมก้ออนุโมทนาด้วยนะครับ คุณฝึกได้ผมก้อดีใจด้วยนะครับ เพราะว่าเมื่อคุณทำได้แล้ว อะไรหลายอย่างจะเข้ามาในชีวิตคุณแล้วคุณก้อจะรู้และเข้าใจ
เอาเป็นว่าผมจะบอกวิธีฝึกตาทิพย์ให้ก่อนนะครับ เอาที่ละอย่างก่อนดีกว่าครับ ฝึก2อย่างจะเห็นผลช้า ตาทิพย์นั้น เอาแบบว่าวิธีง่ายๆดีกว่านะครับ หากคุณมีบุญเก่าเคยได้มารับรองไม่เกิน1เดือนครับ หากไม่มีรับรองไม่เกิน5เดือนครับ ถ้าคุณไม่ตั้งใจทำ ผมไม่รับรองว่าจะกี่เดือนกี่ปีนะครับ การฝึกนั้น จะให้เพ่งกสิณมี3อย่างด้วยกัน..คือ..1.เพ่งไฟ 2..เพ่งแสงสว่าง 3..เพ่งสีขาว
ผมไม่ขอแนะนำกสิณไฟนะครับเพราะว่าหากคุณยังมีความกลัว กสิณไฟจะฝึกไม่ได้ครับ อันตราย เพราะว่าเพื่อนผมเคยฝึกแล้วครับแต่ไม่รู้หลักการเลยธาตุไฟเกือบแตกครับ ต้องนั่งสมาธิไปหลายวันเลยกว่าจะกลับมาได้ ผมจึงแนะนำว่า ควรใช้กสิณ แสงสว่าง หรือไม่ก้อสีขาวดีกว่าครับ แต่กสิณแสงสว่างเป็นตัวที่ใช้ฝึกตาทิพย์โดยตรงครับ วิธีฝึกนั้น ง่ายนิดเดียวเองครับ เพียงแค่คุณมองอะไรก้อได้ที่เป็นแสงสว่าง เช้า แสงจากหลอดไฟ แสงจากที่ลอดช่องประตู ตาม มุมสังกะสี ต่างๆก้อได้ครับ รึไม่ก้อลูกแก้วที่เป็นลูกใสๆก้อได้ครับ เพ่งแค่นึกให้เห็นว่า แสงสว่างก้อพอครับ ระหว่างเพ่งควรจะบริกรรมคำว่า
อาโลกสิณัง รึไม่ก้อ อาโลโก หรือจะว่า แสงสว่าง ก้อได้ครับ ขั้นแรกคุณควรจะเพ่งหรือจำให้ติดตาหลับตาก้อเห็นลืมตาก้อเห็นให้ได้ก่อนนะครับ คงใช้เวลาไม่เกิน15วันครับ ลองดูครับ

 

อยากฝึกแบบว่า ดูลูกแก้วหรือแก้วน้ำอ่ะครับ ว่าคนนั้นทำอะไรอยู่ ตามที่คุณง้วนดินเคยลงไว้ในกระทู้นึง แต่สถานที่ไม่อำนวยเลยทำไงดีครับ

 

ลองฝึกสิจ๊ะ
แล้วมาเล่าให้ "ง้วนดิน" ฟังด้วย
ลองปรับสถานที่ซะหน่อยก้อไม่ได้หรอ

แหม...นี่ถ้าไม่กลัวฆ่าหั่นศพ
จาชวนมาฝึกที่บ้าน "ง้วนดิน"
(แบบว่าอ้วนหงะ ศพใหญ่
กลัวคุณ kepokman จาขนไปทิ้งน้ำลำบาก)

 

คือผมลองฝึกนั่งจ้องแสง อย่างที่คุณInWจันทSแนะนำ แล้วหลังออกจากสมาธิ รู้สึก หัวตื้อ ๆ เหมือนในหัวไม่มีไรเลย แต่รู้สึกว่าหัวหนัก ๆ ไม่ทรายว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร แล้จะแก้ยังไง ช่วยแนะนำทีครับ

 

ผมแนะนำว่า คุณออกจากสมาธิเร็วเกินไปรึป่าวครับ ก่อนที่คุณจะถอดสมาธิทุกครั้ง ควรจะสูดลม หายใจ เข้า-ออก ช้าๆยาวๆสัก5ครั้งครับ ให้ธาตุในตัวเราปรับตัวก่อน อย่าเพิ่งรีบถอด กะทันหัน นะครับ ลองดูใหม่ครับ พยายามเข้า สู้ๆ
อย่าไปเพ่งอะไร ที่แสบตานะครับ เพราะอาจจะทำให้สายตาเสียได้

 

อาโลกกสิณ

อาโลกกสิณ แปลว่า เพ่งแสงสว่าง ท่านให้หาแสงสว่างที่ลอดมาตามช่องฝาหรือช่อง
หลังคา หรือเจาะเสื่อลำแพน หรือแผ่นหนังให้เป็นช่องเท่า ๑ คืบ ๔ นิ้ว แล้วภาวนาว่า อาโลกกสิณัง ๆๆหรือไม่ ก็ อาโลโก หรือไม่ก็ แสงสว่าง อย่างนี้ จนอุคคหนิมิตปรากฏ อุคคหนิมิตของกสิณแสงสว่างนั้น
มีรูปเป็นแสงสว่างที่เหมือนรูปเดิมที่เพ่งอยู่ ปฏิภาคนิมิตนั้นปรากฏเป็นแสงสว่างหนาทึบเหมือนกับ
เอาแสงสว่างมากองรวมกันไว้ที่นั้น แล้วต่อไปขอให้นักปฏิบัติจงพยายาม ทำให้เข้าถึงจตุตถฌาน

วิธีอธิษฐานจิต

วิธีอธิษฐานจิตที่จะให้เกิดผลตามฤทธิ์ที่ต้องการ ท่านให้ทำดังต่อไปนี้ ท่านให้เข้าฌาน ๔
ก่อน แล้วออกจากฌาน ๔ แล้วอธิษฐานในสิ่งที่ตนต้องการจะให้เป็นอย่างนั้น แล้วกลับเข้าฌาน ๔ อีก
ออกจากฌาน ๔ แล้วอธิษฐานจิตทับลงไปอีกครั้ง สิ่งที่ต้องการจะปรากฏสมความปรารถนา
อานุภาพของกสิณแสงสว่าง
สามารถทำที่มืดให้กลายเป็นที่สว่างได้ สามารถ มองเห็นสิ่งที่ตามนุษย์ธรรมดาไม่สามารถเห็นได้ และฝึกไปเรื่อยๆจะได้ อิทธิฤทธิ์อีกมากมาย
ขอจงจำไว้อย่างว่า จงใช้ ฤทธิ์ที่เราฝึกได้มานั้น นำไปใช้ในทางที่ถูก มิเช่นนั้น ฤทธิ์พวกนี้ท่านอาจจะเสี่อมได้ เมื่อได้แล้ว จงใช้ให้คล่อง ฝึกให้ชำนาญ คิดปุ๊บมาปั๊บ จงหมั่นเล่นทุกวัน เล่นจนชำนาญ ว่าค่อยเปลื่ยนไปฝึกอีกบทต่อไป

 

แล้ว กสิณแสงสว่าง นอกจากมองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น ที่บอก อิทธิฤทธิ์อีกมากมาย นี่ จะมีอิทธิฤทธิ์อะไรอีกเหรอคับ

 

เคยได้ยินแต่การฝึกหูทิพย์น่ะครับ เห็นว่าให้ส่งกระแสจิตไปจับที่เสียงใดเสียงหนึ่งที่เราได้ยินภายนอกอย่างต่อเนื่องซ้ำๆกันอย่างนั้นไปเรื่อยๆ พอจิตเราเริ่มสงบเป็นสมาธิประสิทธิภาพในการรับฟังเสียงของเราจะดีขึ้นครับ

 

ขอบคุง สำหรับวิธีฝึกหูทิพย์คับ อย่างงี้ก็แสดงว่า ต้องฝึกในที่ ๆ มีเสียงอึกทึกน่ะสินะ

 

หูทิพย์ให้ทีแรกฟังทุกๆเสียงพร้อมๆกันให้ได้ยินอย่างชัดเจน ระบุว่าเสียงนั้นคืออะไร จากนั้นจับเสียงๆเดียวเสร็จแล้วหลับตาฟังเสียงๆนั้นด้วยจิตเสร็จแล้วลืมตาปลุกตัวเองให้ตื่นอย่างรวดเร็ว
ส่วนตาทิพย์ก็ใช้วิธีเพ่งกลางคิ้วไปเรื่อยๆหรืออาจจะใช้วิธีเอามือกดบริเวณที่แถวๆกลางหน้าผากของตัวเอง

 

หูทิพย์กับตาทิพย์.....ไม่เกี่ยวกับใบหูและลูกตาของกายเนื้อเลย....

กระทู้นี้เก่าพอดู.....

 

หูทิพย์ เป็นหนึ่งใน อภิญญา๖ นะ คือสามารถได้ยินเสียงไกลๆได้ หรือเสียงต่างภพ ต่างภูมิได้ ต้องปราถนาฟังนะ
ตาทิพย์ หรือทิพย์จักขุญาณ คือมีความรู้สึกทางใจนะ ไม่ใช่ทางตา ถ้ากำลังอ่อนจะมีแค่ความรู้สึก (คล้าย ๆ เรานึกถึงบ้าน นึกถึงที่ทำงาน ) ถ้ากำลังใจแข็ง ก็จะเกิดภาพขึ้นมา ในทางใจ คล้ายดูทีวี ดูหนัง
ใช้ประโยชย์ยังไง ว่าตามหลักนะ เมื่อเราได้ทิพย์จักขุญาณ ญาณอีก ๗ อย่าง ก็จะตามมา เรียกว่า ญาณ๘ เหมือนเราได้มีด เราจะเอามีด ไฟฟัน ไปผ่า ไปเฉียน ไปแทง ฯลฯญาณที่ว่าคือ (เอาแบบย่อนะ) รู้การเกิดของสัตว์ว่าตายแล้วไปไหน รู้วาระน้ำจิต ระลึกชาติ รู้อดีต รู้อนาคต รู้ปัจจุบัน รู้กรรมที่ให้ผล การใช้ประโยชย์ คือหาทุกข์หาโทษ ของการเกิด แก่ เจ็บตาย ตัดกิเลส ตัณหา อุปทาน การเกิดเป็น สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน
มนุษย์ มันทุกข์ เทวดา พรหม ก็สุขชั่วคราว

ฝึกกันยังไง ช่วยอธิบายละเอียดหน่อยนะ อยากลองฝึกดู กสิน ๓ มีกสินไฟ เตโชกสิน
กสินสีขาว โอทากสิน กสินแสงสว่าง อาโลกสิน ยากไปนะ เอาอย่างนี้ดีกว่า ง่ายดี
ให้นึกถึงพระพุทรูป มองดูพระพุทธรูป แล้วหลับตานึก ให้ภาพติดใจ ถ้าภาพเลือนไป ก็ลืมตาดูใหม่ แล้วหลับตานึก จนภาพปรากฏกับใจ แล้วลองนึก ย่อ ขยาย ไว้ซ้าย ไว้ขวา ไว้บน
ทำตรงนี้ ให้คล่อง ต้องมีอิทธิบาท ๔ นะ ถ้าจะดูว่า เรามีของเก่ามาหรือเปล่า ลองทำดูนะ
(จริงๆ ไม่อยากแนะนำ เดี๋ยวจะหาว่าบ้า เอ้า บ้าก็บ้า ซิ ) นั่งสมาธิให้จิตนิ่ง แล้วนึกถีงวัด
วัดนึง ที่ไหนก็ได้ นึกว่าเราเข้าไป กราบพระ ไหว้พระ เดินรอบพระ หรือนีกว่าเราขึ้นไปนอนบนเตียงก็ได้ อะไรอยู่ตรงไหนให้ดู เมื่อเลิก ลองดูซิ ว่าตรงไหม ถ้ามีของเก่า จะมีความรู้สึก ว่าได้ไปจริง ๆ เวลาทำก็คิดว่าเรามีแต่จิต บัดนี้เราไม่มีร่างกาย ตัดร่างกายทิ้ง ลองดูนะ


http://palungjit.org/threads/ดาวน์โหลด-หนังสือ-คำสอน-พระราชพรหมยาน-หลวงพ่อฤาษีลิงดำ.229837/

 

ไม่รู้จะตอบยังไง แต่ให้พิจารณาอย่างนี้แล้วกันครับว่า จริงๆแล้ว ที่เห็นหนะตาเห็นหรืออะไรเห็น เพราะตาเป็นเพียงเครื่องรับเท่านั้น เป็นเหมือนกับเลนกล้องเท่านั้น คนที่ดูจริงๆนั้นคืออะไร เสียงที่ได้ยินก็เช่นกัน กลิ่นที่สัมผัสก็เช่นกัน รสที่รับรู้ก็เช่นกัน และอื่นๆอีก จริงหรือที่ว่าสิ่งนั้นเป็นตัวรับรู้ หากไม่ใช่แล้วสิ่งใดละรับรู้ ดังนั้นก็ต้องมีศรัทธาเป็นอันดับแรก และเพียรภาวนาไป ทำให้มากหาสิ่งนั้นให้เจอสิ่งที่เป็นผู้เห็นจริงๆที่ไม่ใช่ตา พอเขามีกำลังมากๆๆๆๆกว่าคนธรรมดา สิ่งทั้งหลายเขาจะรู้จะเห็นได้เองตามความเป็นจริง ตอบได้แบบนี้เพราะไม่รู้ว่าจะตอบยังไงจริงๆ ขอให้ไปปฏิบัติกันก่อนแล้วกันครับ

 

จะเอาส่องและแอบฟังอะไรล่ะครับ
บอกตรงนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากันด้วยคำตอบ

มีเรื่องผู้ปฏิบัติธรรมนี่ก็มีเรื่องสนุกเหมือนกันนะ ฮ่าฮ่า..

 

วิธี ฝึก ตาทิพย์

1. รักษาศีล 5
2. เจริญ สมถะ ให้ได้ ความปราณีต จนถึงฌาน 4 ให้ชำนาญ

3. หลังจากเข้าฌาน 4 จนชำนาญ ฝึก ตาทิพย์ ด้วยการ อาโลกสิน เตโชกสิณ กสินสีขาว แต่ แนะนำให้ ใช้ อาโลกสิน จะเหมาะกว่า

ทำอย่างนี้คือ ให้เข้าฌาน 4ไปก่อน แล้ว ถอนออกมา แล้วกำหนด แสงสว่างไว้อยู่ตรงหน้า บริกรรมไว้ ในใจ อาโลกสินังๆๆๆๆๆ พอเกิดแสงสว่าง จ้า หากตกใจ แสงสว่างหายไป ก็ให้ลืมตา ค่อยๆผ่อน ลมหายใจ แล้วให้เข้าฌาน 4ใหม่ จากนั้นก็ถอนออกจากฌาน 4 แล้วก็กำหนดแสงสว่างๆ แบบที่ทำครั้งแรก

หากแสงสว่างหายไปอีก ก็ทำแบบเดิมอีก อบรมให้มาก จนคล่องในแสงสว่าง

จากนั้น เมื่อชำนาญ สามารถกำหนดแสงกว่างได้ ในทุกครั้งที่ต้องการ

ก็ฝึก อธิฐาน น้อมไปในแหล่ง ที่สัตว์ทั้งหลาย จุติ โดนน้อมไปในความคิดว่า สัตว์ทั้งหลายที่ทำความดี หลังจากตายไปแล้ว จะไปเกิด เป็นผู้ มีผิวพรรณ ผ่องใส มีรัศมีเจิดจ้า
ก้น้อมแสงๆสว่างไปยังเกิด ยังที่นั้น

สัตว์ทั้งหลาย ที่ทำความชั่ว หลังจากตายไปแล้ว จะไปจุติ ยังสถานที่ไม่เจริญ มีนรกเป็นต้น ผิวพรรณ วรรณะ ก็จะดู น่าเกลียด เหมือน ซากเน่าเปื่อย ก็น้อมแสงสว่างไปบังเกิดยังที่นั้น

ทำอย่างนี้ไป ให้ชำนาญ ฝึกอธิฐานให้ชำนาญ

ขอแนะนำว่า หากเป็นผู้กลัวผี ไม่แนะนำให้ฝึก ควร อบรม อสุภะกรรมฐานให้ชำนาญก่อน


วิธี ฝึกหูทิพย์

1. รักษาศีล 5
2. เจริญ สมถะ ให้ได้ ความปราณีต จนถึงฌาน 4 ให้ชำนาญ

แล้วทำอย่างนี้

เมื่อเข้าฌาน 4 แล้ว ให้ถอยออกมาจากฌาน 4

แล้วกำหนดเสียง ที่เป็นเสียงหยาบๆ มาก่อน 1เสียง มีเสียง ม้า เสียง เป็ด เป็นต้น เลือกมา 1เสียง แล้วกำหนด ให้เสียงนั้น ดังอยู่เบื้อง หน้า ห่าง จาก หน้าเราไปประมาณ 2นิ้ว หรือ 2.5 เซ็น ติเมตร เมื่อรู้สึกว่าเสียงนั้นอยู่ตรงหน้า ร้องดังอย่างชัดเจนขึ้น จากการกำหนดเสียงไว้นั้น ก็ให้เลื่อน ตำแหน่งเสียงนั้น ขยายออกไป เป็น 12 นิ้ว หรือ 30 ซม. จนเสียงนั้นชัดเจนขึ้น
จากนั้นก็กำหนดเสียงนั้นถอยออกไป เป็นระยะ 1เมตร จนเสียงนั้นๆ ชัดเจนขึ้น
จากนั้นก็กำหนดเสียงนั้น ห่างออกไปเป็น 2เมตร จนเสียงนั้นๆชัดขึ้น
จากนั้นก็กำหนดเสียงนั้นๆ ห่างออกไป ที่ ระยะ 4เมตร 8เมตร 16 เมตร 32เมตร เป็นลำดับ แล้วลองวัดความชำนาญดู ว่า ได้ไกลหรือกำหนดได้ไกล ขนาดถึงกี่เมตร จะฝึก ที่ 100เมตรก่อนก็ได้

พอ ทำแบบนี้จนชำนาญ ก็เปลี่ยน เสียงนั้น จากอยู่ตรงหน้า ก็ให้ มาเริ่ม ที่ข้างขวา เมื่อข้างขวาชำนาญ ก็ กำหนด ฝึก ให้เริ่มที่ ข้างซ้าย เมื่อชำนาญ ข้างซ้าย ก็ให้ ฝึก ที่ ข้างหลัง เมื่อ ข้างหลัง ชำนาญ ก็ฝึก ที่ข้างบน เมื่อข้างบนชำนาญก็ฝึกที่ ข้างล่าง

ฝึกอย่างนี้ จนชำนาญ ใสเสียงหยาบๆๆนั้นก่อน 1เสียง

เมื่อชำนาญ จากเสียงหยาบๆแล้ว ก็เริ่ม กำหนดเสียง ที่ละเอียด ขึ้น มีเสียง นกน้อง เสียง จิ้งจก จน มาเป็นเสียง ที่ละเอียด มีเสียง ลมเป็นต้น ก้ฝึกอย่างที่ว่าไว้จนชำนาญ

อุปสรรค์ในการฝึกหูทิพย์นี้ คือ สถานที่ที่ไม่อำนวย เช่นสถานที่อึกทึกครึกโครม


สนใจก็ลองไปฝึกดู