ขอพระสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรื่องเดิม ซ้ำๆทุกวันมีผลเสียมั้ยครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย pinrat, 16 ตุลาคม 2012.

  1. pinrat

    pinrat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +1,235
    คือผมมีเรื่องทุกข์ใจ เวลาออกจากบ้าน ก็จะผ่านศาล พระพรหมทุกครั้ง ทุกวัน

    ทุกครั้งก็จะขอพร กับกึ่งบนบาน ประมาณว่า ขอให้เคราะร้ายกรรมร้ายผ่านพ้นไป และ หาก สมปรารถนาแล้ว จะขอถวายพวงมาลัยเพื่อเป็นการสักการะ 100 พวง

    มีคนทักว่าขออะไรกันบ่อยๆมันไม่ดี หรือก็จะเป็นประมาณว่า ไม่ต้องไปบนบาน ผมก็ไม่รู้ว่าไม่ดีอย่างไร ท่านจะรำคาญอะไรแบบนี้หรือเปล่า ผมเลยไม่ทราบว่าสิ่งที่ทำอยู่ มันถูกต้องควรหรือไม่ควรอย่างไรครับ หรือใครพอจะแนะนำ วิธีการที่ถูก ต้อง ให้ผมได้ก็จะขอบคุณมากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2012
  2. na_krub

    na_krub "นโม ธรรมะสุขัง อรหังพุทโธ นโมพุทธายะ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +2,919
    บนบานพวงมาลัยครั้งละ ร้อยพวง ถ้าบนบานบ่อยๆสักยี่สิบครั้ง ก็ได้ สองพันพวงไปแระ แน่ใจรึว่าตัวเองจะจำได้ว่าบนไปกี่ครั้ง สมหวังขึ้นมาแก้บนไม่ครบมีเหตุตามมาอีก มันก็น่าคิดเนอะ???

    จะดีกว่าไหม ถ้าเราจะขอจากพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ไม่ต้องบนบานใดๆทั้งสิ้น เคราะห์ร้ายกลายเป็นดีแน่นอน ผมขอยืนยัน แต่ตัวเราต้องปฏิบัติให้ได้ อย่างน้อยคือ ศีล ๕

    ผมไม่รู้ว่าเคราะห์ร้ายกรรมร้ายในความหมายของเจ้าของกระทู้คืออะไร ถ้ามองในแง่ของเหตุและผล เมื่อเราคิดว่าไม่น่าจะเกิดจากเหตุดังกล่าว สิ่งที่นอกเหนือจากเหตุและผลที่ไม่สามารถอธิบายได้ เราก็ต้องทำใจปล่อยวาง วิธีการปล่อยวางมีเยอะแยะมากมาย ก่อนจะค้นพบวิธีการปล่อยวาง จิตเราต้องมีสมาธิและสติก่อน ในการฝึกสมาธิง่ายๆก็เช่น การสวดมนต์ การภาวนา หรือการทำกรรมฐาน ฟังดูเหมือนจะยากต่อการเข้าใจ ถ้าได้แต่ฟังและอ่านเพียงผ่านๆ คิดว่าเข้าใจ แต่ตัวเองไม่ยอมปฏิบัติ เคราะห์ร้ายกรรมร้ายที่ว่า มันก็กลับมาเหมือนเดิม ที่ไหนมีที่ให้บน ก็ตามไปบนทุกที่

    การบนบานคือกำลังใจอย่างหนึ่ง เมื่อบนแล้วตัวเราเองก็ต้องปฏิบัติทำตัวให้อยู่ในศีล ในธรรม มีมรรค ๘ เมื่อสำเร็จได้ผลตามที่บนบานเอาไว้ ก็มาทำการแก้บน สรุปผลที่สำเร็จเกิดจากเหตุที่บนบานหรือที่เราปฏิบัติด้วยตนเอง


    อนุโมทนาบุญแด่ผู้ที่ใฝ่ในธรรมมะทุกๆท่านนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  3. pinrat

    pinrat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +1,235
    อนุโมทนาครับ แค่ 100 พวงครับ แต่แค่ ผ่านทุกวันก็ ขอทุกวัน ย้ำทุกวันครับ
     
  4. Prophecy

    Prophecy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,221
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,605
    อย่าลืมคำนี้นะครับ "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"
     
  5. kungzaza88

    kungzaza88 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +536
    ขอแล้วต้องสร้างบุญบารมีทำแต่ความดีละเว้นความชั่ว เจริญ ทานศีลภาวนา
    จะดีสุดแล้วส่งผลบุที่เราทำให้พระองคท่านที่เราขอจะดีสุดผมว่าน่ะ
     
  6. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,614
    ถ้าบุญไม่ทำ ไม่หมั่นปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จะไปขอแต่ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านช่วยก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ เฉกเช่นเราปลูกต้นไม้อยากหวังผลก็ต้องหมั่นรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย อยากเรียนให้เก่งสอบได้คะแนนดีก็ต้องหมั่นอ่านหนังสือ ฝึกฝน ฉันใดก็ฉันนั้น บุญกรรมเป็นของแต่ละคน ไม่หมั่นทำด้วยตัวเอง ท่านก็คงจะช่วยใครไม่ไหว หากบุญเรามี กรรมเราเบาบางลงเพราะเราหมั่นทำบุญ อุทิศบุญ ท่านก็จะช่วยอนุโมทนาปัดเป่าให้ร้ายกลับกลายเป็นดีได้เช่นกัน อนุโมทนาด้วยค่ะ
     
  7. Walker14

    Walker14 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +105
    "คุณเคยได้ยิน คำกล่าวของ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี หรือเปล่าครับ"

    " ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง คือ บารมีของตน ลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอดเพราะหนี้สิน ในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว ... เมื่อทำบญทำกุศลได้บารมีมา ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว... แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้ .. แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง..!"

    " จงจำไว้นะ...เมื่อยังไม่ถึงเวลา เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้.... ครั้นถึงเวลา ทั่วฟ้าจบดิน ก็ต้านเจ้าไม่อยู่ ... จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า ..."
     
  8. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    คุณปินรัตน์
    ศาสนาพุทธ(เถรวาท) ยึดบูชารัตนตรัย (พระพุทธพระธรรมพระ(อริยะสงฆ์)... หลักคือยึดพระธรรม เป็นหลัก...พระธรรมคือ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน....(หลักคาราวาสธรรม)
    ฮินดูพราห์มณ์ มีเทพ มีพรหม...ต้อง"ขอ"จากท่าน ท่านจึงจะให้หรือไม่ให้.....
    การบนบานศาลกล่าว คนได้ คือ พวกแม่ค้าขายพวงมาลัยฯลฯ คนเสียตังค์คือคนบน....
    ..ก็ไม่รู้ว่าศาลเจ้ามีเป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่น เทพเหล่านี้ อวตารไปช่วยยังไง ไม่เหนื่อยหรือไง....ฮา
    ถ้าเราตัดเรื่องฮินดูพราห์มณ์ออกไป...เราเคารพ แต่เราไม่บูชา....เราก็แทบไม่ต้องเสียตังค์เสียใจหรือดีใจ
    ศาสนาพุทธเถรวาท เน้นให้ตนเอง ปฏิบัติบูชา คือ ภาวนา ไม่ต้องเสียเงินค่าธูปค่าเทียนฯลฯ...ทำได้ ปฏิบัติได้ เป็นเทวดาโน่น ไม่ต้องลงทุนสักตังค์แดงเดียว...ฮา สุดยอดไหมล่ะ...
    ผมว่าดีกว่าไปบน ศาลโน้น ศาลนี้...เจอเจ้าที่ดีก็ดีไป ไปเจอพวกมิฉาทิษธิเข้าก็อาจเดือดร้อน....เลิกพวกนี้ หันมาไหว้พระรัตนตรัย แล้วทำ ทาน ศีล ภาวนาดีกว่า ช่วยได้จริง
     
  9. มะบอม

    มะบอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,255
    ค่าพลัง:
    +5,353
    ขอได้ครับ แนะนำให้ตั้งจิตมั่นๆ หึ๊บ! แล้วขอครั้งเดียวก็พอครับ อันนี้คือในลักษณะของการบนบานนะครับ ส่วนถ้าขอพรปกติอย่างขอให้ปลอดภัย ก็ขอได้ไม่เกินเหตุปัจจัยนะครับ ไม่ใช่กำลังจะไปฆ่าคนแล้วขอให้รอดปลอดภัยอะไรอย่างนั้นนะครับ

    ถ้าขอกับพระพรหม แล้วจะถวายมาลัย 100 พวง ก็เป็นเรื่องของอามิส คือใช้วัตถุแก้บน แต่หากบนด้วยการปฏิบัติอย่างเช่น ถ้าหากสมหวังแล้วจะขอตั้งมั่นอยู่ในพรหมวิหารธรรมอยู่เสมอเฉกเช่นพรหม เป็นต้น แบบหลังนี้ยิ่งแรงและเร็วขึ้นไปอีก แต่แบบหลังนี่ถ้าทำตามไม่ได้ก็อย่าพลั้งบนไปนะครับเพราะมีโทษร้ายแรง
     
  10. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    อือม... การขอการบน ต้องรอบคอบนะครับ
    เพราะเท่าที่อ่านมา คุณก็ยังไม่มีอันตราย และก็อาจจะสมปรารถนาไปหลายเรื่องแล้ว
    ก็ต้องไปแก้บนแล้วนะครับ

    การบนต้องรอบคอบมีขอบเขต เพราะท่านเอาจริงนะครับ
     
  11. ธรรมรังสี

    ธรรมรังสี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +2,218
    กลัวทำไมกับเคราะห์ ถ้าเราทำกรรมของเราไว้เอง ก็ต้องยอมรับในกฎแห่งกรรมสิ จะเอาแต่ความสุขสมหวังได้ยังไง เราทำเหตุมาอย่างไร ก็ต้องได้รับผลอย่างนั้นมิใช่หรือ พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ท่านก็ไม่หนีกฎแห่งกรรม ท่านล้วนยอมรับความจริงและกฎแห่งกรรม ท่านทำบุญมามากแล้ว จึงได้สำเร็จกันหมด ไม่ใช่เพราะท่านไปบนบานศาลกล่าว แล้วท่านจึงจะไปสวรรค์ นิพพานได้ ท่านทำความดี สร้างบารมีเอาไว้ต่างหาก


    หมั่นทำบุญเข้าสิ ถ้าไม่มีบุญ ก็ได้แต่ขอ ขอๆๆๆๆๆ เทพพรหมที่ไหนจะมาให้พรได้ ท่านเองยังต้องทำบุญสร้างบารมีมาก่อนเยอะๆ เลย ถึงจะไปเป็นเทพเป็นพรหมได้ พอพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ เทพพรหมทั้งหลายยังต้องมาขอฟังธรรมจากพระพุทธองค์เลย เพื่อเข้าถึงพระนิพพานอันเป็นอมตะ เพราะสวรรค์ก็ไม่เที่ยง พรหมโลกก็ไม่เที่ยง หมดบุญเมื่อไหร่ ก็ต้องลงมาเวียนว่ายตายเกิดอีก สู้พระนิพพานไม่ได้หรอก


    ขอให้สูงกว่านี้ได้ไหม เอาแบบสูงสุดเลย ปรารถนาแบบสุดยอดไปเลย


    แล้วเรื่องที่ดีอื่นๆ จะตามมาเอง


    ลองขอดูสิ ขอให้ได้ถึงพระนิพพานนะ


    สมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ใครเล่าจะสมหวังทุกเรื่อง ใครเล่าจะผิดหวังทุกเรื่อง ทำเหตุให้ดี ผลก็ย่อมดี ทำอย่างไร ก็ได้อย่างนั้น
     
  12. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    การบูชา เทวดา มีผล อันนี้ จัดว่าเป็น สัมมาทิฏฐิ ประการหนึ่ง

    แต่.............การบูชานั้น หากเป็น บัณฑิต จะทราบว่า เราสามารถทำได้
    ด้วย จิต สำเร็จได้ด้วยจิต ไม่ใช่ด้วย เงิน หรือ วัตถุ หรือ ข้าวตอก
    ดอกไม้ ทำให้ห่างไกลจากภัยชื่อ "การบอกเรี่ยราย" ได้

    ในสมัยที่ พระพุทธเจ้า ยังเป็นสัตว์ที่มีความฉลาด เสวยพระชาติเป็น นกยูง

    ด้วยความฉลาด และ มีปฏิภาณของ นกยูง ทุกๆเช้า และ ก่อนค่ำ ก็จะเห็น
    ดวงอาทิตย์ ซึ่งจัดว่าเป็น เทพเจ้าของสรรพสัตว์ เป็น ถาวรวัตถุอย่างหนึ่ง
    ที่ เหล่าสรรพสัตว์ ผ่าน และ กราบไห้ว ที่ดวงอาทิตย์จึงมี กระแสแห่ง
    จิตที่ไปรวมกัน คล้ายๆกับ ศาลพระพรหม ที่มีการกราบไหว้ แล้วมีกระแส
    จิตของเหล่าผู้กราบไหว้ไปรวมกัน ต่างกันแค่ ดวงอาทิตย์นั้นมี ดวงจิตของ
    สัตว์เดรัจฉานปนอยู่ด้วย แต่ถ้าเป็น ศาลพระพรหมก็จะมีแต่ มะนุด เสียส่วน
    มาก

    ประเด็นอยู่ที่ จิต นกยูงนั้นก็มีจิต และ การกราบไหว้ บูชา ดวงอาทิตย์
    ก็จัดว่า เป็นการบูชาที่มีผล ไม่ใช่ไม่มีผล แต่............ที่สำคัญคือ เรื่อง
    ของจิต สำเร็จด้วยจิต

    การบูชาแล้ว จิตที่เข้าถึงผลคือ อธิษฐานบารมี

    การบูชาของ พระมหาสัตว์ ผู้มีความฉลาด แค่ใช้ "จิต" โดดๆ ไม่ต้อง
    อาศัย วัตถุ ไม่ต้องใช้พวงดอกไม้ ไม่ต้องใช้เงินตรา

    แค่ใช้ ดวงจิตที่มีความผ่องใส เบิกบาน ตั้งจิตมั่น ตามเห็นความผ่อง
    ใสของจิตตนที่มีอยู่ ตั้งอยู่ แล้วกำหนดรู้

    พอผ่านศาลพระพรหม ก็จะเกิด จิตที่ระลึกได้ จิตที่ระลึกได้จะเกิดการ
    ปลดเปลื้องความคิดอื่นๆ ที่ทำให้จิตหมอง เพื่อ กลับมาตั้งมั่น ชั่วระยะ
    หนึ่ง พอจิตเราตั้งมั่น ผ่องใส ควรแก่การงาน เราก็จะ น้อมจิตไปสู่
    การอธิษฐานขอ ...... การขอ หากจะให้ดี ต้องเป็นเรื่อง พ้นวัตถุด้วย

    เพราะ เราจะมุ่งการสำเร็จด้วยจิต เป็นใหญ่ เอาใจ เป็นประธานสังขาร

    พอทำแบบนี้บ่อยๆ พิจารณา จิตที่แล่นเข้าสู่ วิถีการอธิษฐาน นี่เราก็
    กำลังยกจิต ยกใจขึ้น

    กลายเป็น กรรมฐานหนึ่งใน 40 คือ เทวตานุสติกรรมฐาน

    พอทำได้แบบนี้ ก็จะสัมผัสถึง สิ่งที่ ยิ่งใหญ่กว่า พวงดอกไม้ ใดๆ
    ที่อาศัยขันธ์5 เป็นสิ่งร้อยเรียงให้วิจิตร

    พอเรา สัมผัสสิ่งที่ เลิศกว่าความวิจิตรของขันธ์5 ขันธ์ใดๆ ได้ ก็จะ
    เห็น แสงอรุณรุ่งของธรรม ได้รำไรๆ จนกว่าจะสมควรแก่ธรรม ก็อาจจะ
    ชัดกระจ่าง สว่างทั้งสามโลกได้

    เมื่อมีจิตสว่าง ส่องสัตว์สันดานได้ทั้งสามโลก ก็จะเป็น ผู้อยู่เหนือพรหม
    เหนือเทวดา เหนือสรรพสัตว์ มี อิสระ มีทรัพย์มาก ไม่มีวันหมด ไม่มี
    วันพร่องอีกเลย


    ทำซ้ำทุกวัน เสียหายไหม

    ก็วิธีทำซ้ำทุกวัน ที่ทำให้เข้าถึงผู้มีทรัพย์ไม่มีวันพร่องมีอยู่ ลองพิจารณา
    เอาความตั้งจิตตั้งใจ เอาจริงเอาจัง มาแลกกันดู !!!
     
  13. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ท่านจขกท เป็นชาวพุทธหรือนับถือลัทธิศาสนาอื่น..เพราะคำตอบที่จะได้นั้นจะมีความหมายต่างกันออกไปน่ะครับ..
     
  14. Moderator6

    Moderator6 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +3,721
    สาธุกับธรรมนี้ สาธุๆๆ
     
  15. pinrat

    pinrat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +1,235
    นับถือ พุทธ ครับ แค่อยากรู้รู้ว่า ทำไปแล้ว เราต้องทำอย่าไงต่อครับ


    ขอบคุณสำหรับแนวทางคำสั่งสอนของทุกท่านครับ จะ
    แต่ท่านทั้งหลายครับ คำถามของผมคือผมต้องทำอย่างไร กับที่สิ่งทำไปครับ หรือไม่ต้องทำอะไร ขอแล้วก็แล้วกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2012
  16. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เอางี้สิ

    คุณ อย่าไปสำคัญว่า ในโลกนี้ มีคุณเพียงคนเดียว

    ในโลกนี้ มีคนเยอะมาก แล้ว พวกเขาก็ ต่างขอ กันเสียส่วนใหญ่

    หาก พระพรหม จะถือ เหตุของการร้องเสียงหลง ยามเช้า จรด ค่ำคืน
    เป็นเหตุของความรำคาญ ป่านนี้ โลกคงย่อยยับไปหมดแล้ว

    กลับกัน ยิ่งมีเสียงร้องยามเช้า แล ค่ำคืนเท่าไหร่ คงไม่ใช่รำคาญ
    หรอก แต่จะเป็น ความเพลินฟังเสียง จนไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น
    อันนี้มีความเป็นไปได้มากกว่า......

    คนที่เป็นบัณฑิตส่วนมาก จึง ต้องพากเพียรด้วยตัวเองไปด้วย ระหว่างที่
    ท่านอาจจะยังเพลิน
     
  17. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +4,500

    เท่าที่อ่านมาจากข้างต้น แต่ละท่านก็แนะกล่าวไว้ได้ชัดเจนดีแล้วนะครับ

    ขอถามสั้น ๆ ว่า หากท่านขอ พระนิพพาน ทุกวัน ๆ สิ่งนี้ที่ท่านขอไว้
    ท่านต้องทำ หรือ ไม่ต้องทำอะไร ขอแล้วก็แล้วกัน หรือไม่ครับ
    ไม่ว่าจะขอเรื่องใด ๆ หากท่านไม่ขวนขวายในการทำเหตุปัจจัย
    ให้เกิดความสำเร็จเองแล้ว ก็ยากที่จะประสบผลสำเร็จในการที่ขอสิ่งนั้น ๆ

    แต่ทั้งนี้ ก็ต้องขออภัยด้วยครับ อาจจะเป็นเพราะไม่ทราบในเจตนาที่แท้
    ของท่านได้ และ ด้วยคำถามที่กว้างเกินไป คำตอบจึงยังไม่ชัดเจน...สักที
     
  18. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ก็ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ เพราะไม่มีใครอะไรที่ใหนสนใจคำอ้อนวอนร้องขอจากท่านจขกทหรอกครับ..ยิ่งถ้าเป็นพระพรหมด้วยท่านยิ่งไม่มีเวลามาอยู่ใกล้ปุถุชนที่หนาด้วยกิเลสเลย เพราะกลิ่นเหม็นมาก เหมือนเราไม่ชอบไปแถวสลัมหรือกองขยะนั่นแหละครับ ...ท่าน(พระพรหม)ย่อมใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับ"ฌานกีฬา"คือเข้าฌานอยู่เนืองนิตย์ อันยังอาหารคือปีติแลสุขมาจรรโลงใจท่านนั่นเอง ถ้าเป็นพรหมที่มีสัมมาทิฏฐิหรือเป็นพระอริยะบุคคลแล้วยิ่งไม่ว่างใหญ่เพราะท่านเจริญวิปัสสนา เพื่อความพ้นทุกข์เท่านั้น อย่าว่าแต่เอาพวงมาลัยสัก100หรือ 1000พวงมาล่อเลย ต่อให้เอาสมบัติ จักรพรรดิ์มากองรวมกันเป็นของแลกเปลี่ยน ท่านก็ไม่เอาหรอก เหมือนว่าท่านมีทองอยู่เต็มคลังแล้ว .. จู่ๆมีคนมาปรารภว่า .."ถ้าท่านทำให้ข้าพเจ้าสมหวังแล้วจะกำนัลท่านด้วยอึกองโต"..ดังนี้ ใครจะอย่ากได้เล่าครับ..

    พระพรหมไม่ได้มีหน้าที่หรือธุระอะไรๆที่จะต้องมาช่วยใครๆหรอก เราๆท่านๆที่ไม่รู้อะไรๆ จึงถูกหลอกจาก"คำร่ำลือ.."หรือ"เขาเล่าว่า.."ที่คนอื่นๆกล่าวขานมานานด้วยความหลง เพราะเคยขออะไรๆแล้วตนสมหวังบ้างไม่สมบ้าง แต่ก็เชื่อเอาส่วนที่สมหวังมากล่าว...คนเรานั้น พร้อมที่จะเชื่ออะไรๆที่เกิดตรงกับที่ใจตนคิด โดยไม่ไตร่ตรองถึงเหตุผลที่ควร เพราะขาดปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญญาคือการสดับพระธรรมคำสอนที่ถูกต้องของพระพุทธเจ้ามา ..


    เมื่อท่านจขกท เป็นชาวพุทธจริง ก็พึงมีศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า ศึกษาคำสอนที่ถูกตรงและนำไปประพฤติในชีวิตจริง..

    ชาวพุทธ"ที่แท้จริง"(ไม่ใช่พุทธตาม ทะเบียนบ้าน)จะไม่เที่ยวร้องขออ้อนวอนกับเทพเ้จ้าอะไรๆที่ใหนให้เป็นเครื่อง ถ่วงตนให้ตกไปจากฐานะของชาวพุทธที่แท้จริง เพราะ เขาจะเชื่อในเรื่องกฏแห่งกรรม ทราบชัดว่า ทำดีได้ดีแน่นอน ทำชั่วได้ชั่วแน่นอน ไม่แปรเป็นตรงข้ามแบบผิดฝาผิดตัว ทั้งทราบชัดว่าไม่มีความเฮ็งหรือซวยที่เกิดด้วยความบังเอิญหรือเทพเจ้ามาดล บันดาลให้ อันเป็นคติในลัทธินับถือ พระเจ้าอื่นๆ แต่ที่เฮ็งและซวยนั้นก็ด้วยความพยายามและเจตนาของตนเท่านั้น....

    ศาสนา พุทธเป็นศาสนาแห่งความเพียรและการกระทำ ไม่มีเลยในคำตรัสสอนของพระพุทธเจ้าให้ใครๆไปร้องขออ้อนวอนเอาอะไรๆกับ ใครๆ...แต่คนส่วนมากนิยมความสะดวกสบายเพราะการเพียรด้วยตนเองค่อนข้างลำบาก มาก จึงคิดว่าขอเอาง่ายกว่า ถ้าขอแล้วได้จริงก็เชื่อเป็นจริงจังว่าแน่แล้วที่ตนสมใจก็เพราะการขอนี่เอง จึงยังใจให้เพิ่มความหลงเชื่อและกลายเป็นผู้สั่งสมอุปนิสสัยสันดานให้กลาย เป็น"คนขี้ขอ"ไป เรียกว่า เมื่อใดมีปัญหาก็ไม่อาจคิดหาวิธีแก้ไขที่ดีอย่างอื่นได้ คิดได้แต่ว่า จะขอเอาท่าเดียวเท่านั้น...ดูเถิด เหตุไรจึงมีอาชีพขอทานเล่า?..มิใช่เพราะสั่งสมอุปนิสสัยแห่งการขี้ขอมานานจนชำนาญมิใช่หรือ..ลองไปบอกขอทานสิว่า "ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้ามีงานให้ท่านทำ ท่านจะได้ไม่ต้องขอทานอีก..".. จะประหลาดใจว่า เขาเหล่านี้"นิยม"รักษาอาชีพขอทานมากกว่าจะไปทำงานให้เหนื่อย..ไม่เชื่อลองไปถามดูเถิด...นี่คืออันตรายของการสะสมแต้มการร้องขอเป็นอาจิณ..

    อีกประการหนึ่ง หากตายไปขณะจิตผูกพันธ์กับการขอ คงได้ไปเกิดแถวๆศาลพระพรหม แต่รับรองไม่ใช่พรหมแน่ๆ แต่จะเป็นพวกจิ้งจก หรือแมลงหรือตัวอะไรอื่นๆที่ไม่ใช่คน เกาะหรือวนอยู่แถวนั้น หรือแถว พวงมาลัยน่ะแหละ น่าหวาดเสียวแท้ครับ..

    เอาหลักการประพฤติที่ท่าน na_krubกล่าวตอบไว้ข้างบนไปใช้ดีกว่า รับรองว่าดีกว่ามากมายมหาศาลจริงๆครับ....
     
  19. hearsay

    hearsay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +186
    แต่ก็ต้องเป็นผู้ที่ผ่านการอบรม ขัดเกลามาอย่างเพียบพร้อมด้วยนะครับ ถึงไม่ต้องพึ่งใคร
     

แชร์หน้านี้

Loading...