ขอพระองค์เปิดประตูอมตธรรมนี้ ขอสัตว์ทั้งหลายฟังธรรมที่พระพุทธเจ้า ผู้ตรัสรู้แล้วฯ

ในห้อง 'พระไตรปิฎก' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 1 พฤศจิกายน 2012.

  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พรหมยาจนกถา
    [๘] ครั้งนั้น ท้าวสหัมบดีพรหมทราบพระปริวิตกแห่งจิตของพระผู้มีพระภาคด้วยใจ
    ของตนแล้วเกิดความปริวิตกว่า ชาวเราผู้เจริญ โลกจักฉิบหายหนอ โลกจักวินาศหนอ เพราะ
    พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงน้อมพระทัยไปเพื่อความขวนขวายน้อย ไม่ทรงน้อม
    พระทัยไปเพื่อทรงแสดงธรรม.
    ลำดับนั้น ท้าวสหัมบดีพรหมได้หายไปในพรหมโลก มาปรากฏ ณ เบื้องพระพักตร์
    ของพระผู้มีพระภาค ดุจบุรุษมีกำลังเหยียดแขนที่คู้หรือคู้แขนที่เหยียดฉะนั้น ครั้นแล้วห่มผ้า
    อุตราสงค์เฉวียงบ่า คุกชาณุมณฑลเบื้องขวาลงบนแผ่นดิน ประณมอัญชลีไปทางพระผู้มีพระภาค
    แล้วได้ทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาคได้โปรดทรงแสดงธรรม
    ขอพระสุคตได้โปรดทรงแสดงธรรม เพราะสัตว์ทั้งหลายจำพวกที่มีธุลีในจักษุน้อยมีอยู่ เพราะ
    ไม่ได้ฟังธรรมย่อมเสื่อม ผู้รู้ทั่วถึงธรรมจักมี.
    ท้าวสหัมบดีพรหมได้กราบทูลดังนี้แล้ว จึงกราบทูลเป็นประพันธคาถาต่อไปว่า
    เมื่อก่อนธรรมไม่บริสุทธิ์อันคนมีมลทินทั้งหลาย
    คิดแล้วได้ปรากฏในมคธชนบท ขอพระองค์ได้
    โปรดทรงเปิดประตูแห่งอมตธรรมนี้ ขอสัตว์ทั้ง
    หลายจงฟังธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้หมด
    มลทินตรัสรู้แล้วตามลำดับ เปรียบเหมือนบุรุษ
    มีจักษุยืนอยู่บนยอดภูเขา ซึ่งล้วนแล้วด้วยศิลา
    พึงเห็นชุมชนได้โดยรอบฉันใด ข้าแต่พระองค์ผู้มี
    ปัญญาดี มีพระปัญญาจักษุรอบคอบ ขอพระองค์
    ผู้ปราศจากความโศกจงเสด็จขึ้นสู่ปราสาท อัน
    สำเร็จด้วยธรรม แล้วทรงพิจารณาชุมชน ผู้
    เกลื่อนกล่นด้วยความโศก ผู้อันชาติและชรา
    ครอบงำแล้ว มีอุปมัยฉันนั้นเถิด ข้าแต่
    พระองค์ผู้มีความเพียร ทรงชนะสงคราม ผู้นำหมู่
    หาหนี้มิได้ ขอพระองค์จงทรงอุตสาหะเที่ยวไป
    ในโลกเถิด ขอพระผู้มีพระภาคโปรดแสดงธรรม
    เพราะสัตว์รู้ทั่วถึงธรรมจักมี.
    ทรงพิจารณาสัตวโลกเปรียบด้วยดอกบัว ๔ เหล่า
    [๙] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาค ทรงกราบคำทูลอาราธนาของพรหม และทรงอาศัย
    ความกรุณาในหมู่สัตว์ จึงทรงตรวจดูสัตวโลกด้วยพุทธจักษุ เมื่อตรวจดูสัตว์โลกด้วยพุทธจักษุ
    ได้ทรงเห็นสัตว์ทั้งหลายที่มีธุลีคือกิเลสในจักษุน้อยก็มี ที่มีธุลีคือกิเลสในจักษุมากก็มี ที่มีอินทรีย์
    แก่กล้าก็มี ที่มีอินทรีย์อ่อนก็มี ที่มีอาการดีก็มี ที่มีอาการทรามก็มี ที่จะสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี
    ที่จะสอนให้รู้ได้ยากก็มี ที่มีปกติเห็นปรโลกและโทษโดยความเป็นภัยอยู่ก็มี.
    มีอุปมาเหมือนดอกอุบลในกออุบล ดอกปทุมในกอปทุม หรือดอกบุณฑริกในกอบุณฑริก
    ที่เกิดแล้วในน้ำ เจริญแล้วในน้ำ งอกงามแล้วในน้ำ บางเหล่ายังจมในน้ำ อันน้ำเลี้ยงไว้
    บางเหล่าตั้งอยู่เสมอน้ำ บางเหล่าตั้งอยู่พ้นน้ำ อันน้ำไม่ติดแล้ว.
    พระผู้มีพระภาคทรงตรวจดูสัตวโลกด้วยพุทธจักษุ ได้ทรงเห็นสัตว์ทั้งหลาย บางพวก
    มีธุลีคือกิเลสในจักษุน้อย บางพวกมีธุลีคือกิเลสในจักษุมาก บางพวกมีอินทรีย์แก่กล้า
    บางพวกมีอินทรีย์อ่อน บางพวกมีอาการดี บางพวกมีอาการทราม บางพวกสอนให้รู้ได้ง่าย
    บางพวกสอนให้รู้ได้ยาก บางพวกมีปกติเห็นปรโลกและโทษโดยความเป็นภัยอยู่ ฉันนั้น
    เหมือนกัน ครั้นแล้วได้ตรัสคาถาตอบท้าวสหัมบดีพรหมว่า ดังนี้:-
    เราเปิดประตูอมตะแก่ท่านแล้ว สัตว์เหล่าใดจะฟัง
    จงปล่อยศรัทธามาเถิด ดูกรพรหม เพราะเรา
    มีความสำคัญในความลำบาก จึงไม่แสดงธรรม
    ที่เราคล่องแคล่ว ประณีต ในหมู่มนุษย์.
    ครั้นท้าวสหัมบดีพรหมทราบว่า พระผู้มีพระภาคทรงประทานโอกาสเพื่อจะแสดงธรรม
    แล้ว จึงถวายบังคมพระผู้มีพระภาคทำประทักษิณแล้ว อันตรธานไปในที่นั้นแล.
    พรหมยาจนกถา จบ

    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๔ หน้าที่ ๙/๓๐๔
     

แชร์หน้านี้

Loading...