ขุนพันธรักษ์ราชเดช รับประทานใบกระพังโหมวันละ 7 ใบ ทุกวัน

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย MBNY, 9 มิถุนายน 2007.

  1. MBNY

    MBNY Administrator ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2003
    โพสต์:
    6,877
    กระทู้เรื่องเด่น:
    15
    ค่าพลัง:
    +22,543
    [​IMG]




    หากจะกล่าวถึงสำนักเขาอ้อ คงพลาดไม่ได้ครับที่จะต้องกล่าวถึงบุคคลสำคัญท่านนี้ "พล.ต.ต.ขุนพันธรกษ์ราชเดช" เป็นข้าราชการตำรวจท่านหนึ่งที่มีความสำคัญระดับประเทศเลยทีเดียว
    ประวัติโดยย่อของท่านครับ
    พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เดิมชื่อ บุตร์ นามสกุล พัธรักษ์ เกิดเมื่อ 18 กุมภา 2442 (โดยหลักฐานทางทะเบียนบ้านระบุว่าเกิดปี 2446 เป็นความผิดพลาดตอนแจ้งเกิดครับ) ณ บ้านอ้ายเขียว ม.5 ต.ดอนตะโก อ.ท่าศาลา จ.นครศรีฯ

    ปี 2468 สอบเข้าเรียน ร.ร.นายร้อยตำรวจห้วยจระเข้ อ.เมือง จ.นครปฐม จนจบการศึกษา ปี 2472

    รับราชการตั้งแต่ปี 2473 - 2507 (วีระ,2544)
    นี่คือประวัติย่อๆของท่านส่วนรายละเอียดโอกาสหน้าจำนำมาเล่าสู่กันใหม่พร้อมทั้งเรื่องราวการปฏิบัติงานของท่านมาฝากครับ ส่วนครั้งนี้อยากจะบอกให้ทราบว่า พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช มีความเกี่ยวข้องกับสำนักเขาอ้ออย่างไร และทำไมท่านจึงรับประทานใบกระพังโหมวันละ 7 ใบ ทุกวัน


    พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช มีความผูกพันและมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสำนักเขาอ้อ ด้วยเหตุผลคือ ท่านเป็นศิษย์คนหนึ่งของสำนักเขาอ้อ และเป็นศิษย์ที่มีความเก่งกล้าสามารถ ในการเรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ได้อย่างดี


    ส่วนการรับประทานใบพระพังโหมทุกวัน วันละ 7 ใบนั้น ตามที่ผมได้ศึกษาจากตำรานั้น เคยอ่านพบว่าท่านพล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ขณะปฏิบัติราชการที่ จ.พัทลุง ท่านได้เดินทางไปพบกับพระสงฆ์รูปหนึ่ง (ผมจำไม่ได้ว่าฉายาอะไร และวัดไหน เพียงแต่รู้ว่าอยู่ใน อ.ควนขนุน แถวเขาปู่ เขาย่าครับ) พระสงฆ์รูปดังกล่าว อายุ 108 ปี พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ได้พูดคุยและซักถามว่า "ท่านทำอย่างไรจึงได้มีอายุยืนเช่นนี้" ได้รับคำตอบว่า ไม่ได้ปฏิบัติอะไรต่างจากพระสงฆ์รูปอื่นเลย มีเพียงแต่จะฉันใบกระพังโหมเป็นประจำทุกวันเท่านั้น

    นั่นแหละครับจึงทำให้พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช รับประทานใบกระพังโหมมาโดยตลอด


    และสุดท้ายพล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ก็มาเสียชีวิตตอนอายุ 108 ปี เช่นกัน นี่เป็นความบังเอิญหรืออย่างไร ก็ลองพิจารณาดูกันนะครับ


    ด้วยความเคารพ
    แสงตะวัน ​
     
  2. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,403
    ต้นที่ขุนพันฯท่านทานเป็นกระพังโหมสายพันธ์พิเศษเรียกว่า "ว่านลิ้นดำ" ครับ เคี้ยวกินแล้วลิ้นจะดำครับ
     
  3. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,061
    ภาพที่นำมาลงมองไม่เห็นค่ะ เลยไม่รู้ว่า
    ใบกระพังโหมนั้น หน้าตาเป็นยังไง
    ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆเจ้าค่ะ
    catt15
     
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,732
    ชื่อสมุนไพร : กระพังโหม

    ชื่อวิทยาศาสตร์ : OxystelmaEsculentumLinn.F.Br.

    ชื่อวงศ์ : ASCLEPIADACEAE

    ชื่ออื่นๆ : หญ้าตดหมา ลำปาง, กระพังโหม(กลาง), ตะมูกปาไหล (อุดรธานี-อีสาน), กระเยีวเผือ(สกลนคร-อีสาน),ผักไหม(เชียงใหม่-เหนือ), เครือไส้ปลาไหล(มหาสารคาม -อีสาน), ตดหมูตดหมา(เหนือ,กลาง)



    ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :

    กระพังโหม เป็นไม้เถาเลื้อยพาดพันต้นไม่อื่น ๆ มี ๒ ชนิด คือ ตูดหมู ตูดหมา ใบ มียางสีขาว และขยี้ ดมดู มีกลิ่นเหม็น ใบ เป็นใบเดี่ยวรูปเรียวยาว ดอก กลีบด้านนอกสีขาว กลีบด้านในสีม่วงแดง หรือสีชมพูประด้วย สีม่วงจุดสีน้ำตาล

    กระพังโหม สรรพคุณ :

    ใบ เถา รสกลิ่นเหม็น สรรพคุณ : แก้ตานซาง แก้ตัวร้อน ขับลม แก้ธาตุพิการ ท้องเสีย เจริญอาหาร ขับพยาธิไส้เดือน

    ใบ ตำพอก แก้พิษงู แก้ปวดฟัน แก้รำมะนาด

    หมายเหตุ : กระพังโหมที่แท้ต้องเป็นชนิดที่มียางออกเมื่อเด็จใบ และเถาสด ๆ ชนิดไม่มียางเรียกว่า ย่านพาโหม ไม่ใช่กระพังโหม
     
  5. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,732
    ชื่อ "กระพังโหม"
    ชื่อวิทยาศาสตร์ Paederia foetida Linn. ชื่อวงศ์ RUBIACEAE
    ชื่อภาษาอังกฤษ Skunk-vine
    ชื่อพื้นเมือง "กระพังโหม(กลาง), ตะมูกปาไหล
    (อุดรธานี-อีสาน), กระเยวเผือ(สกลนคร-อีสาน),
    ผักไหม(เชียงใหม่-เหนือ), เครือไส้ปลาไหล(มหาสารคาม
    -อีสาน), ตดหมูตดหมา(เหนือ,กลาง),ย่านพาโหม (ใต้), พังโหม "
    ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
    กระพังโหม เป็นพืชจำพวกไม้เถาเลื้อยประเภทล้มลุก ลำต้นมีขนาดเล็กเลื้อยไปตามพื้นดินหรือพันต้นไม้อื่น ลำต้นและใบมียางสีขาว เมื่อขยี้ดมดูมีกลิ่นเหม็น ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเป็นคู่ตรงข้าม
    ใบสีเขียวเนื้อในบาง ก้านใบสั้นเส้นใบโค้งจรดกันที่ใกล้ ๆ ขอบใบ ดอกออกเป็นช่อดอกเล็ก ๆ ตรงซอกใบหรือโคนก้านใบ ช่อละ 2-3 ดอก กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ขนาดเล็กกลีบปลายลีบแยกกัน กลีบด้านนอกสีขาว กลีบด้านในสีม่วงแดงหรือสีชมพูประด้วยสีม่วงจุดสีน้ำตาล เกสรตัวผู้มี 5 อัน เกสรตัวเมีย 1 อันอยู่ตรงกลาง ผลเป็นฝักยาวสีเขียวยาวประมาณ 4-7 ซม.กว้าง 1.6 ซม.
    กระพังโหมมีหลายพันธุ์ ชนิดใบใหญ่ ใบรูปไข่ มีขนสั้น ๆ ปกคลุม เรียกว่า ตูดหมูหรือตดหมู หรือกระพังโหมใหญ่
    ชนิดใบเล็ก รูปเรียวยาวหรือรูปหอก เรียกตดหมาหรือกระพังโหมเล็ก
    ชนิดใบใหญ่ไม่มียางไม่มีขนกลิ่นเหม็นอ่อน ๆ เรียก ย่านพาโหม
    ชนิดนี้นิยมใช้ปรุงในข้าวยำ


    การปลูก
    กะพังโหมเป็นไม้ที่ขึ้นทั่วไปในป่าธรรมชาติ(ป่าผสมผลัดใบและป่าเต็งรัง) และบริเวณในสวน ใช้ขยายพันธุ์โดย
    การเพาะเมล็ดและการเพาะต้นอ่อน ชาวบ้านนิยมนำมาปลูกใกล้บ้านเพื่อเก็บรับประทานสะดวก
    การปลูกควรทำร้านให้เลื้อยหรือปลูกบริเวณริมรั้ว

    ประโยชน์ทางยา
    ทั้งต้นสรรพคุณ รักษาอาการอักเสบบริเวณคอปาก รักษาบาดแผล ปรุงเป็นยาขับน้ำนม แก้บิดไข้รากสาด
    ใบและเถาสรรพคุณ แก้ไข้ รักษาบาดแผล ระบายอ่อน ๆ ในเด็กแก้ตานซาง แก้ตัวร้อน ขับลม แก้ธาตุพิการ ท้องเสีย เจริญอาหาร ขับพยาธิไส้เดือน
    ใบ ตำพอก แก้พิษงู แก้ปวดฟัน แก้รำมะนาด
    รากสรรพคุณ แก้โรคดีซ่าน
    สรรพคุณทางยาอื่น ๆ ใช้ถอนพิษสุรายาสูบ พิษจากอาหาร ขับปัสสาวะ แก้ท้องเสีย ช่วยให้เจริญอาหาร เป็นยาอายุวัฒนะ แก้ธาตุพิการ
    สำหรับสรรพคุณทางยาสมุนไพรนั้นมีค่อนข้างมาก ในตำรายาไทย พบว่า ตดหมาทั้ง เถา นำมาต้มดื่มแก้พิษไข้
    ขับปัสสาวะ ถอนพิษต่าง ๆ รวมทั้งแก้ท้องเสีย ซึ่งสรรพคุณแก้ท้องเสียมีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่าสารสกัดจากตดหมา
    สามารถแก้อาการท้องเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในส่วนของ ใบ ใช้แก้ปวดฟัน แก้รำมะนาด แก้การปวดแสบปวดร้อนที่ผิวหนัง
    โดยใช้ตำพอก ส่วนของ ราก ใช้ฝนหยอดตาแก้ตาฟาง ถ้าต้มดื่มทำให้อาเจียน ผลแก้ปวดฟัน
    เมื่อเวลาเป็นไข้เอาเถาตดหมามาต้มน้ำใช้เช็ดตัว
    ทำให้ไข้ลดได้ เป็นอย่างดี ในภาคอีสานถ้ามีอาการท้องหยึ่ง(ท้องอืด) ให้กินยอดตดหมาทำให้ระบายแก๊สได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    นอกจากนี้ เกษตรกรที่เลี้ยงหมูยังใช้เถาตดหมาลดไข้ได้ด้วย โดยดึงเอาเถาตดหมามาทุบพอแหลกหรือให้มีน้ำออกมาแล้ว
    เอาเถาที่ทุบแล้วไปลูบ ตามตัวหมูที่เป็นไข้ จะทำให้ไข้หมูลดลงทันที



    หมอยาพื้นบ้านในประเทศฟิลิปปินส์ ใช้เถาตดหมาในการรักษาโรคไขข้อ นอกจากนี้ยังใช้แก้อาการปัสสาวะขัด โดยนำใบมาต้มแล้วนำมาตำให้แหลก จากนั้นนำไปโปะลงบนท้องทำให้สามารถขับปัสสาวะออกมาได้ นอกจากนี้ใบเมื่อนำมาต้มดื่มสามารถขับนิ่วออกจากกระเพาะปัสสาวะได้ด้วย และน้ำต้มจากใบ เมื่อนำมาเช็ดตัวจะทำให้ไข้ลด หรือนำผ้าสะอาดมาชุบน้ำต้มจากใบวางไว้บนศีรษะ ช่วยในการลดไข้ได้อย่างดี นอกจากนี้น้ำต้มจากใบยังใช้เป็นน้ำอาบ สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคไขข้อได้อีก ด้วย ส่วนของเปลือกเมื่อนำมาต้มดื่มทำให้อาเจียนได้ น้ำต้มจากรากใช้ในการขับลม ส่วนผลใช้เป็นยาแก้ปวดฟันและทาฟันให้เป็นสีดำ ในประเทศอินเดียได้มีการพัฒนากระบวนการผลิตน้ำมันจากตดหมา มาเป็นยาทาแก้ปวด ข้อและปวดหลัง นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่สนับสนุนว่าตดหมาใช้เป็นยาถ่ายพยาธิในสัตว์ได้




    ประโยชน์ทางอาหาร
    ส่วนที่เป็นผัก ฤดูกาลยอดอ่อน ใบอ่อนและดอกรับประทานเป็นผัก ออกยอดมากในช่วงฤดูฝน มีจำหน่ายในตลาดสดของ ท้องถิ่น การปรุงอาหารคนโบราณใช้น้ำคั้นจากเถาและใบของ กะพังโหมมาผสมปรุงเป็นขนมขี้หนู ทำให้ขนมขี้หนูเป็นสีเขียว ชาวเหนือ,ชาวอีสานและชาวใต้รับประทานยอดอ่อนและใบอ่อนเป็นผักสดร่วมกับน้ำพริก ชาวอีสานรับประทานร่วมกับลาบก้อย ชาวใต้นำไปฃอยละเอียดเป็นผักที่ใช้ผสมปรุงเป็นข้าวยำ ส่วนดอกมีการรับประทานสดเป็นผักในบางท้องที่ แต่ไม่เป็นที่นิยมมากนัก

    รสและประโยชน์ต่อสุขภาพ
    รสขมกลิ่นเหม็นเขียว(กลิ่นหอม)ช่วยระยายความร้อนในร่างกาย ยอดอ่อนและใบกะพังโหมยังไม่มีการวิเคราะห์สารอาหาร

    หมายเหตุ : กระพังโหมที่แท้ต้องเป็นชนิดที่มียางออกเมื่อเด็ดใบ และเถาสด ๆ ชนิดไม่มียางเรียกว่า ย่านพาโหม ไม่ใช่กระพังโหม
    แหล่งที่มา :
    บทความมติชนสุดสัปดาห์ ลงใน เว็บ มูลนิธิสุขภาพไทย
    สมุนไพรดอทคอม สมุนไพรดอทคอม
    รูปผักพื้นบ้านไทยที่หาชมยาก
    บันทึกขนำริมทุ่งปลักเหม็ด http://plugmet.orgfree.com
    ล้วนสมุนไพร.คอม ล้วนสมุนไพร ดอทคอม | จำหน่าย สมุนไพรพื้นบ้าน ทุกชนิดทั้งปลีกและส่ง ราคาชาวบ้าน
     
  6. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,061
    ที่แท้ก็เป็นเถาตดหมูตดหมานี่เอง ถ้างั้นรู้จักค่ะ

    ขอบพระคุณค่ะคุณติงติง ที่นำรายละเอียดมาเผยแพร่ให้ทราบค่ะ
     
  7. น้ำใสไหลเย็น

    น้ำใสไหลเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +4,452
    อ่านเรื่องกระพังโหมแล้ว ทำให้ดิฉันนึกไปถึงฮว่านง็อก ค่ะ

    มีประวัติความเป็นมาคล้ายๆกัน

    ลองเสิร์ช หาอ่านดูจะเห็นว่ามีการนำมารับประทานวันละ 7 ใบ เหมือนๆ กัน

    ประโยชน์มากมาย แต่ไม่รู้มีใครทำได้ตามนั้นบ้าง
     

แชร์หน้านี้

Loading...