ข้อมูลเรื่องเกราะจากท่านมุ้ย

เนื่องจากตามที่อ่านๆ กระทู้เกี่ยวกับหนังที่ท่านมุ้ยสร้าง จะมีคนถามกันเยอะเลยว่าสมัยนั้นมีเกราะกันแล้วเหรอ ข้อสงสัยอันนี้มีคนถามมาก ก็เลยไปเก็บข้อความ&ข้อมูลที่เกี่ยวกับเกราะ ที่ท่านมุ้ยและทีมงานได้โพสให้คนอื่นอ่านในพันทิบเอามารวบรวมมาให้อ่านดูกันว่าที่มาที่ไปนั้นมายังไง

คนที่ใช้ชื่อว่า Cinephile นั่นก็คือท่านมุ้ย ส่วนคนที่ชื่อ บรรณารักษ์ ก็อยู่ฝ่ายหาข้อมูลในการทำหนังของท่านมุ้ย

 

เพชรพระนเรศ ๒
http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/A3103406/A3103406.html

ความคิดเห็นที่ 225

สวัสดีครับ คุณฝ่ายทีมงานพิจารณาด้วย ที่ตั้งกระทู้ที่ ๒๒๑ ครับ เรื่องที่คุณถามเรื่องชุดเกราะเหล็กทหารไทยในภาพยนตร์และภาพตัวอย่างที่ท่าน Cinephile แนบมาให้ดูก่อนหน้านี้น่ะครับ แล้วเกิดสงสัยว่าจริง ๆ มันมีหรือเปล่าในประวัติศาสตร์หรือหลักฐานของไทยน่ะครับ เดี๋ยวผมจะบอกให้น่ะครับ แต่ขอเกริ่นก่อนน่ะครับ ว่า ผมมีปัญหาเรื่องการส่งภาพประกอบ งั้นเอาเนื้อหาไปก่อนแล้วกันน่ะครับ
คืองี้ครับ ก่อนที่จะไปถึงเกราะเหล็กผมขอพูดถึงประวัติของเกราะเท่าที่เราจะหาได้ในประวัติศาสตร์ของชนเผ่าต่าง ๆ แถวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้น่ะครับ ในบนทึกการเดินทางของจูตากวนซึ่งเป็นทูตของราชสำนักจีนมาสัมพันธไมตรีกับราชสำนักเขมร และเป็นคนแรก ๆ ที่กล่าวถึงปราสารนครวัดด้วยนั้น ได้กล่าวถึงทหารชาวมลายู จาม เขมร สวมเกราะ อยู่มาก ขณะภาพประติมากรรมนูนต้ำบนผนังปราสาทต่าง ๆ ในเขมร ที่ท่าน Cinephile 171-173 น่ะครับ และหนังสือของศาสตราจารย์เซเดส์เรื่อง นครวัด = Angkor : an introduction / ยอร์ช เซเดส์ ผู้แต่ง ; ปราณี วงษ์เทศ, ผู้แปล กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2529 มีพิมพ์ใหม่แล้วน่ะครับ หาอ่านได้ ก็มีหลายภาพที่ทหารสวมเกราะ ภาพนั้นชัดแจ้งดีว่าสวมเกราะ มีทั้งเกราะไม้ หนังวัว ควาย กระทิง หลากแบบหลายสไตล์ ขณะที่ชนปกครอง/หัวหน้า จะเห็นว่าสวมเกราะด้วยเช่นกัน

สำหรับเกราะเหล็กที่ใช้ในไทยนั้น ปรากฏหลักฐานว่ามีมาพร้อม ๆ กับยุคสมัย ตั้งแต่ปลาย ค.ศ. ๑๔ เช่นกัน การที่พวกฝรั่งโปรตุเกสมา พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ทางสงครามแบบใหม่คือ ปืนชนิดต่าง ๆ (หาอ่านเพิ่มได้น่ะครับ ในกระทู้ก่อนหน้านี้) อาวุธดังกล่าวอานุภาพสูง พูดง่าย ๆ ถึงตาย และการที่พวกฝรั่งก็สวมเกราะ จึงเป็นสิ่งที่เกราะเหล่านี้จะปรากฏในกลุ่มชนปกครองไทยด้วย ในหนังสือของ ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคลนั้น เรื่อง จดหมายเหตุสุริโยไทม กรุงเทพฯ: อมรินทร์,๒๕๔๔ หน้า๑๘ ซึ่งเป็นการอ้างอิงมาจากหนังสือเรื่อง The Travels of Mendes Pinto น่ะครับ บันทึกของปินโต หรือปิ่นตู่นั้น สำคัญตรงที่เขาเห็นเหตุการณ์ร่วมสมัย ช่วงยุคสงครามระหว่างพระเจ้าหงสาวดีตะเบงชเวตีกับสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิ์ของอยุธยาครั้งสิ้นองค์สุริโยไท นั้นแหล่ะครับ ในหนังสือของท่านมุ้ย หน้า ๑๘ จะเห็นภาพทหารรับจ้างโปรตุเกสท่าทางต่าง ๆ พร้อมอาวุธและเครื่องแต่งกายครบชุด หนึ่งในนั้นคือเกราะ เกราะที่ท่าน ๆ เห็นจะเป็นเกราะเหล็ก ก่อนสวมเกราะเหล็กก็มีห่วงเชนเนล หรือเกราะห่วง นึกถึงเกราะที่โฟรโดสวมน่ะครับ สีเงินนั่นแหล่ะ ในหนังเรื่อง The Lord of the ring และถ้าผมสามารถส่งไฟล์รุปให้ได้ จะส่งภาพชนปกครองทรงช้าง สวมเกราะน่ะครับ ...

แม้เกราะดังกล่าวไม่อาจจะทนต่อกระสุนได้จริง ๆ แต่การสวมเกราะก็เป็นการป้องกันกายจากศาสตราวุธอื่น ๆ ได้ และการสมเกราะเหล็กเองก็มิใช่สวมทั้งกายน่ะครับ จะมีเฉพาะส่วนอก ท้อง ไหล่ บ่า ส่วนอื่นจะเป็นหนังสัตว์น่ะครับ

การที่เกราะเหล่านี้ที่บอกว่าไม่เหลือมาถึงปัจจุบัน ผมว่าผมเคยเห็นน่ะครับ ที่พิพิธภัณฑ์ทหารของกรมสรรพาวุธน่ะครับ มีเหลืออยู่ (เป็นเศษๆ) อีกหนึ่งคือเห็นในหนังสือสมุดข่อยขาวน่ะครับ ติดต่อที่หอจดหมายเหตุ บริเวณหอสมุดแห่งชาติน่ะครับ เทเวศน์ และจิตรกรรมฝาผนังน่ะครับ แม้ว่าจะไม่ใช่ยุคอยุธยา เป็นต้นรัตนโกสินทร์แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีการใช้เลย

สงครามไทยที่ใส่เกราะน่ะครับ ดูในหนังสือไทยรบพม่า ของสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพน่ะครับ ครั้งสงครามตีเมืองเชียงตุงน่ะครับ กลุ่มชนปกครองไทยและล้านนาเองก็สวมเกราะ ไทยจะมาเปลี่ยนการสวมเครื่องแบบทหารมาช่วงปลายรัชกาลที่ ๔ เป็นต้นมาน่ะครับหรือผมว่าคุณ ๆ ไปหาหนังสือของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช น่ะครับ เรื่อง พม่าเสียเมือง พิมพ์ครั้งสุดท้ายจะสมบูรณ์ที่สุด เพราะมีรูปและภาพของขุนนางพม่า และกษัตริย์พม่า(พระเจ้าสีป่อ) จะสวมเกราะอ่อนน่ะครับ หรือแม้หนังสือของ อาจารย์ สุเนตร ชุตินธรานนท์ ครับ เนื้อหาดี ภาพประกอบเยี่ยม ดังนั้น วิวัฒนาการของเกราะเหล็ก จากเพื่อป้องกันกายาจากศาสตราวุธ ก็กลายเป็นเครื่องต้น เครื่องทรง ประดิษฐ์เสียสวยสมยศ ฐานันดรครับ

สำหรับทหารราบ หรือพลทหารนั้น คงไม่จำเป็นต้องสวมเกราะเหล็กหรอกครับ เกราะไม้ คงพอควร อีกอย่าง เกราะเหล็กคงเป็นของมีราคาและสำหรับชนชั้นหนึ่งน่ะครับ การที่จะหาดูได้ คงจะเป็นตามในหนังสือและหลักฐานที่ผมกล่าวมาข้างต้นครับ

สำหรับเกราะไทยที่บอกว่าจะมีขายในร้านขายของเก่า ผมก็ว่าผมก็เห็นด้วยน่ะที่ผมไม่เคยเห็น ส่วนการที่จะให้ลุกหลานเข้าใจถูกผิด เป็นเรื่องของโลกทัศน์ครับ และการเหลือบเห็นกว้างไกลมากน้อยกว่ากัน การที่คุณเห็นนักแสดงสวมเกราะในภาพยนตร์จำต้องตระหนักว่า นี่คือภาพยนตร์ที่สรรหาความสุนทรีย์ให้ผู้ชม ยิ่งเป็นภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ (มิใช่สารคดีของ BBC หรือ Discovery ) จินตนาการจึงจำเป็นต้องใช้ บนฐานของความเป็นจริงในหลักฐานทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์ที่ผ่านการกลั่นกรอง แม้จะวิลิศมาหรา ไปหน่อย ก็อย่าคิดน่ะครับว่านั่นเป็นเหล็ก ... จริงไหมครับ แล้วคุณ ๆ คิดกันว่าไง (ถ้าผมสามารถส่งไฟล์รูปให้ได้ จะแนบมาให้ท่าน ๆ ชมกันคราวหน้าน่ะครับ)


จากคุณ : บรรณารักษ์ (บรรณารักษ์) - [ 2 ธ.ค. 47 14:02:28 ]
<hr>
รูปที่แนบมาคือรูปที่คุณบรรณารักษ์พูดถึงในตอนนี้
"ขณะภาพประติมากรรมนูนต้ำบนผนังปราสาทต่าง ๆ ในเขมร ที่ท่าน Cinephile 171-173 น่ะครับ"

 

ความคิดเห็นที่ 228

ภาพนี้เป็นภาพเกราะเหล็กไทยน่ะครับจากสมุดข่อยขาวไทยครับ ภาพนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากหอจดหมายเหตุแห่งชาติแผนกเอกสารหายาก น่ะครับ เดี๋ยวจะให้ชม 2 รูปน่ะครับ เป็นภาพชุดเดียวกันน่ะครับ เป้นภาพการอัญเชิญพระราชสาส์นครับ ภาพแรกกรุณาสังเกตุทหารที่ตามหลังช้างน่ะครับ จะเห็นได้ชัดที่สุด เพราะจะมีภาพทหารสวมเกราะเหล็กไทย เดินถือธงและปืนตามน่ะครับ


จากคุณ : บรรณารักษ์ (บรรณารักษ์) - [ 2 ธ.ค. 47 17:19:00 ]

 

ความคิดเห็นที่ 230

ภาพที่สองนี้ค่อนข้างสำคัญมากครับ เพราะเป็นภาพชนปกครองทรงช้างกันอยู่ และอยากให้สังเกตุเกราะที่สวมให้ดี และที่สำคัญคนท้ายสุด ที่มือถือเชือกและปลายเป้นห่วง เรียกว่า "ประคับช้าง" เป็นเครื่องบังคับช้างให้เลี้ยวซ้ายขวา เดินหน้า คนนี้เป้นคนสำคัญมาก เวลาที่เจ้านายทรงช้าง คือคนแรก คนที่ถือง้าวน่ะครับ เขาจะบังคับช้างได้เหมือนกันโดยการใช้เท้าถาก ๆ กับต้นคอ แต่คนที่คอยการเดินเหินของช้างคือคนข้างหลังนั่นเอง ส่วคนตรงกลางนี้สำคัญมากเหมือนกัน ในการรบ คนตรงกลางจะเห็นอะไรได้ไกลและกว้างที่สุด หากตอนออกรบจริง ๆ ก็จะมีแซ่มยุรี คอยให้สัญญาณแก่หน่วยต่าง ๆ ให้รับรู้ แต่ในครานี้ ไม่ใช่การยุทธสงคราม จึงไม่มีเครื่องยศเครื่องทรงสำหรับการณ์นี้


จากคุณ : บรรณารักษ์ (บรรณารักษ์) - [ 2 ธ.ค. 47 17:27:05 ]

 

เพชรพระนเรศวร 3
http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/A3172324/A3172324.html

ความคิดเห็นที่ 172

เรื่องเสื้อเกราะอีกแล้ว
จริงหรือครับที่เราไม่มีรูปเสื้อเกราะที่วาดตามผนังกำแพงวัด?
เราเริ่มที่รูปวาดตามกำแพงวัดมันเหลือน้อยมาก แทบจะนับวัดได้ว่าเป็นรูปวาดในสมัยนั้น และส่วนใหญ่จะเป็นรูปวาดที่เกี่ยวกับพิธีทางศาสนาที่ไม่มีใครเขาใส่เสื้อเกราะกัน ที่พอมองเห็นบ้างก็เป็นที่ถกเถียงกันว่ามันเป็นเสื้อเกราะใช่หรือไม่ หรือเป็นแบบของเสื้อผ้า คุณบรรณารักษ์เอาภาพมาPost ให้พวกเราดู(แกเป็นเดือดเป็นร้อนเพราะแกเป็นหนึ่งในฝ่ายค้นคว้าครับ) ส่วนภาพสงครามอื่นๆก็มักจะเอาภาพมาจากภาพมารผจณบ้างจากสงครามในชาดกหรือในวรรณกรรมโบราณบ้าง เราจะเห็นว่าเครื่องแต่งกายของทหารในสมัยโบราณจะมีเสื้อเกราะเช่นใอ้สามเหลี่ยมที่สวมคอนั่น ถ้าเอาไปเทียบกับเสื้อเกราะของยุโรบก็คือ gorget นั่นเอง(เกราะกันใหล่กับคอ) ส่วนที่เห็นยกๆที่ไหล่ก็คือส่วนหนึ่งของเกราะเพราะถ้าเป็นผ้าก็คงเป็นรูปนั้นไม่ได้ ที่ท้องก็มีเกราะกำบัง ที่แขนก็มีปลอกแขน
แต่ที่เราดูไม่ออกก็เพราะศิลปินสมัยก่อนเขาใช้Symbolic แทนความเป็นจริงครับ (เด็กแนวหรือพวกนักดูหนังรุ่นใหม่คงจะพอใจนะครับว่าลิเกโขนก็ใช้ Sybolic มาตั้งนมนานมาแล้ว)
แต่ที่สำคัญก็คือเสื้อเกราะโบราณพวกนี้ตกทอดมาถึงยุคเราเช่นตามพิพิธภัณฑ์และตามบ้านของนักสะสมครับ

แต่ทึ่หายากหน่อยก็ต้องคิดอย่างนี้ซีครับ หมวกเหล็กทหารไทยรุ่นที่มีหงอนในสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่งซึ่งเคยมีเป็นหมื่นเป็นแสนใบ เวลานี้มีเหลือสักกี่ใบ? แล้วเราผ่านการเสียกรุงมาแล้วถึงสองครั้ง ฝ่ายชนะเขาก็คงจะขนมันกลับประเทศของเขาแทบจะแน่นอน เพราะฉนั้นถ้าจะหาก็เห็นจะต้องไปดูในพม่าแหละครับ

ส่วนสำหรับคคห. 170 ที่กรุณาเล่ามาว่าโชกุนของญี่ปุ่นส่งชุดเกราะมาให้เรา 2 ชุด ผมก้เดาเอาว่าคงจะเป็นชุดพิเศษที่ทำมาถวายเจ้านายของเราโดยเฉพาะ อาจจะมีคร่ำทองหรือลวดลายวิจิตรพิศดารไม่เหมือนเสื้อเกราะทั่วๆไป (สมัยพระชัยราชา พวกโปรคุเกศก็นำชุดเกราะมาถวาย ซึ่งเป็นชุดเกราะที่หุ้มด้วยสักหลาดแดงครับ)

ในพระราชพงศาวดารฉบับต่างๆก็จะระบุว่าก่อนที่จะเสด็จออกก็จะทรงชุดพิชัยสงคราม ซึ่งแปลตรงตัวคือชุดรบ ซึ่งน่าจะเป็นชุดเสื้อเกราะนะครับ (พระมหาอุปราชาก็ทรงเกราะเหมือนกันตอนที่ทรงยุทธหัตถีกับสมเด็จพระนเรศวร "ครั้งเพลาสิบเอ็ดทุ่ม พระมหาอุปราชาก็สอดฉลองพระองค์ทรงเกราะสุวรรณประดับพลอย สะพักสังวาลมรกตสามสาย ทรงสุวรรณรัตนมหามงกุฏอย่างขัติยราชรามัญ ยอดเงื้อมไปข้าหน้าดุจเศียรวาสุกรี แล้วทรงเครื่องสำหรับกันสรรพาวุธพร้อมเสร็จ" แสดงว่าพระองค์ทรงเสื้อเกราะที่ทำด้วยทองประดับพลอย ทรงหมวกทอง แต่ที่น่าเศร้าก็คือทองเป็นโลหะอ่อน เจอพระแสงง้าวก็ขาดสะพายแล่งเท่านั้นเอง)

เรื่องเส้อเกราะเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมาตั้งแต่สมัย"สุริโยไท"แล้วครับ ทีมค้นคว้าของผมทำตามนโยบายที่ผมให้ไปคือ "ให้เสนอมุมมองที่แปลกใหม่บ้าง" เพราะภาพที่เราเรียนรู้มา มาจากภาพที่สร้างขึ้นในสมัยจอมพลป.ครับ เป็นภาพในสมัยที่เราเรียกว่า"ประวัติศาสตร์สมัยรักชาติหรือประวัติศาสตร์เผด็จการ" ครับ ซึ่งเราจะติดภาพพจน์พม่านุ่งโสร่งโพกหัวถือขวานเป็นอาวุธ หรือนักรบไทยสวมเสื้อขริบทองอย่างหนังอย่างละครทั่วไป (เพราะเขากลัวจะโดนประท้วงอย่างที่ผมโดนนี่แหละ) พวกผมก็เลยเสนอมุมมองใหม่ๆครับ ส่วนหลักฐานต่างๆ ผมจะนำมาเสนอในหนังสือตามรอยพระนเรสที่ผมเขียนขึ้นมาจากการค้นคว้าข้อมูลสำหรับทำหนังเรื่องนี้ครับ

จากคุณ : Cinephile - [ 17 ธ.ค. 47 09:17:55 ]

 

ความคิดเห็นที่ 212

สวัสดีครับ หายไปหลายวัน กลับมาพบกระทู้น่าอ่านยังมิพ้นเรื่องเกราะอยู่ดี พอดีท่าน Cinephile ได้กล่าวถึงเกราะอันองค์พระเอกาทศรสทรงสวม ก็เลยนึกว่า จริง ๆ ทหารที่ออกรบทั้งเจ้า ทั้งไพร่ ต่างก็สวมกันทั้งนั้น เราก็ถกเอาแต่เรื่อง เจ้า ๆ นาย ๆ ลืมเรื่องคนรากหญ้าไป เลยถือเอาหนังสือ ชื่อ ลิลิตยวนพ่าย นะครับมาให้ดูว่า
"ทุกพ้องพิรพ่าหเจ้า จอมเมลือง เลิศแฮ
สรรพเครื่องสรรพาวุธ เลิศล้วน
เกราะกรายสำลีเนือง นอกออก ไปแฮ
ทวนธนูหน้าไม้ถ้วน หมู่หมาย ฯ "
ความบทนี้อธิบายว่า บรรดาทหารผู้ทรงไซ่งความแกล้วกล้าทุกหมู่เหล่าของสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถผู้เรืองเดช ล้วนมีศัตราวุธชั้นเลิศพร้อมสรรพ และมี ทหารที่สวมเสื้อเกราะนวมหนุนเนื่องกันออกไปข้างนอกเมือง ทุกหมู่เหล่ามีทวน ธนู และหน้าไม้ครบถ้วน

นี่คือภาพสงครามระหว่างอยุธยากับเชียงใหม่ครั้งสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พ.ศ. ๑๙๙๑-๒๐๓๑ กับพระเจ้าติโลกนารถแห่งเชียงใหม่ครับ อย่างน้อยทหารก็สวมเกราะกราย เป็นเครื่องสวมใส่หรือเกราะสำหรับป้องกันอาวุธหรืออันตราย ทำด้วยหวาย แล้วบุนวมด้วยสำลี ครับ ... แล้วคุณ ๆ ท่าน ๆ คิดว่าไงครับ


จากคุณ : บรรณารักษ์ (บรรณารักษ์)

 

ความคิดเห็นที่ 213

"เกราะกรายสำลีเนือง นอกออกไปแฮ" น่าจะหมายถึงเกาะอ่อนอย่างที่ฝรั่งเรียกว่า Chain Mail นะครับ คำว่ากรายอย่างเช่น"ห่มเสื้อกรายดาบง่า" หมายถึงการเคลื่อนไหวอย่างมีทีท่าเช่นกรีดกราย แต่ผมเดาว่ามันน่าจะมาจากคำว่า"กร่าย" ซึ่งหมายถึงเสื้อที่ถักเป็นตาข่าย เกราะกร่ายก็เห็นจะเป็นเสื้อเกราะที่ถักเป็นตาข่าย ด้วยวัสดุที่ใช้กันอาวุธได้ เช่นลวดเหล็กลวดหนังฯลฯ. ก็Chain Mail นั่นเองครับ สำลีเนืองน่าจะหมายถึงเอาสำลีมาบุข้างใน(หรือข้างนอกก็แล้วแต่) แต่น่าจะบุข้างในมากกว่า เพราะเสื้อเกราะประเภทนี้(ของต่างประเทศนะครับ)จะมีการบุด้วยผ้า อย่างเสื้อเกราะที่โปรตุเกศนำมาถวายสมเด็จพระชัยราชาขะเป็นเสื้อเกราะที่บุหรือหุ้มด้วยสักหลาดแดงครับ(จากจดหมายเหตุของ Domingos de Seixas ครับ)
แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 47 09:43:27

แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 47 06:57:47

จากคุณ : Cinephile - [ 22 ธ.ค. 47 15:21:29 ]

 

"ท่านมุ้ย" กับอีกหนึ่งคืนของ "พระแสงดาบคาบค่าย" ในกอง "นเรศวร"
http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/A3788621/A3788621.html


ความคิดเห็นที่ 33

เสื้อเกราะ - เสื้อผ้า

อีกคำถามเรื่องเสื้อเกราะและการออกแบบเสื้อผ้า

 

ความคิดเห็นที่ 35

จากนั้นก็เลียบๆเคียงๆถามท่านเกี่ยวกับเรื่องที่พูดกันหนาหูว่า

"สมัยนั้นมีเสื้อเกราะด้วยรึท่าน" ข้าพเจ้ากล้าหาญถามท่านอีกตามเคย

ท่านก็เพียงแต่ยิ้มเล็กน้อยแล้วก็งัด...หนังสือ...ภาพถ่ายบนฝาผนังโบสถ์...และวัตถุดิบในการทำเสื้อเกราะ..และแบบที่นิยมสวมใส่ในสมัยนั้นออกมาให้ดูและบอกแหล่งที่เก็บเสื้อเกราะที่ไม่มีใครรู้และไม่มีแสดงในพิพิธพัณฑ์แห่งไหนเลย

ทัศนะส่วนตัว....เห็นว่า...ถ้าสมัยนั้นมีปืนได้ทำไม่จะมีเสื้อเกราะไม่ได้...อย่างน้อยก็ป้องกันปืนล่ะ

ท่านตอบว่าไงรู้มั้ยคะ

ท่านตอบว่ายิงโป้งเดียวก็ทะลุครับเพราะมันไม่ใช่เหล็ก

สมัยก่อนนั้นเกราะเหล็กสำหรับแม่ทัพนายกอง เป็นเกราะเหล็กแบบอ่อน (ปืนยิงเข้า) ....และเกราะระดับหัวหน้ารองๆลงมา...เป็นเพียงเกราะหนังที่เอามาทำให้ทนทาน...ฟันเข้ายากหน่อย

แต่แบบที่ออกแบบก็ต้องออกให้เหมาะกับแม่ทับนายกองมีความสวยงามตามยศฐา....

แบบที่ได้มาก็มาจากข้อมูลบางส่วนใน..ลิลิตญวนพ่าย...ของ..สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ..จะมีกล่าวถึงเสื้อเกราะไว้...ใครมีหนังสือเล่มนี้ลองหาดูนะคะ

ส่วนหลักฐานร่องรอยของเสื้อเกราะนั้น..อยู่ในพิพิธพัณฑ์ทหาร....(เราก็ไม่ได้ถามว่าอยู่ที่ไหน)..ขอภัยค่ะไม่ทราบว่าที่ไหน
เราเรียกเสื้อเกราะนี้ว่า...เสื้อพิชัยสงคราม...เท่าที่ฟังไม่ผิดนะคะ...หากท่านอ่านแล้วไม่เจอคำว่าเสื้อเกราะ..อิ อิ

ผิดถูกอย่างไรหากท่านเข้ามาอ่านก็...แจ้งหลังไมค์ได้นะคะท่าน...หรือคุณอุปนิกขิต...จะส่งมะเหงกมาเขกกะบาลก็ได้นะคะถ้าผิดพลาดประการใด
แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 48 22:49:47

แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 48 22:45:41

จากคุณ : เป๋าตังค์เป๋าตุง - [ 6 ต.ค. 48 22:40:21 ]

 

ข้อมูลที่พอจะหามาได้ก็มีเท่านี้แหละ อันที่จริงในกระทู้ก็มีคนมาแย้งท่านมุ้ยเรื่องเกราะเหมือนกัน ตอนแรกก็กะว่าจะเอามาให้อ่านกันด้วย แต่เห็นว่าเดี๋ยวมันจะยาวเกินไปก็เลยไม่ได้เอามา

 

เกราะอีกชนิดหนึ่ง คือหนังควายตากแห้งครับ เบาและคงทนต่อคมอาวุธพอใช้ทีเดียว

 

ได้ยินมาอย่างนั้นเช่นกันครับ
-------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 8

เกราะของนักรบไทยโบราณ มี แต่ไม่ได้ทำด้วยเหล็ก ทำด้วยหนังควายแช่น้ำ จนอิ่มตัว เอามาตากแห้งและดัดให้เข้ากับโครงร่าง
เหนียวแน่นลักษณะคล้ายยางรถ เวลาถูกฟัน คมดาบจะเด้งกลับ เหมือนฟันยางรถแทรกเตอร์
ลองไปสอบถามที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติดู

จากคุณ : ++ - [ 22 ม.ค. 50 18:25:46 A:125.25.52.25 X: TicketID:106097 ]

http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K5067272/K5067272.html
-----------------------------------------------

เห็นพูดเหมือนกันเลย คนเดียวกันหรือเปล่าน้อ

อันที่จริงท่านมุ้ย ท่านก็อยากให้คนที่ดูมาแล้ว ถกเถียงกันเรื่องนี้เหมือนกัน เผื่อว่าเมื่อเถียงกันแล้ว ก็จะได้ไปค้นคว้าหาข้อมูลกัน ตรงนี้แหละที่ท่านมุ้ยอยากให้เป็นกัน

----------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 14

เถียงกันซีครับดี
ยิ่งเถียงกันมากๆ ยิ่งดี เพราะนั่นเป็นจุดมุ่งหมายของการสร้างหนังเรื่องนี้อยู่แล้ว

ดีกว่าปล่อยให้ความคิดนิ่งอยู่กับที่

ก่อนนี้เขาว่าอะไรก็ว่าตามกัน

นั่นเขาเรียกว่าน้ำเน่าครับ

แต่เป็นน้ำเน่าทางความคิด

เรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งกานของทั้งไทยและพม่า (นุ่งโสร่ง โพกหัว สำหรับพม่า ของไทยมีผ้าสามเหลี่ยมเย็บที่คอ)
นั่นเป็นชุดที่ออกแบบมาในสมัยเผด็จการ มาลานำไทยไปสู่อารยะธรรมครับ

ในนี้มีสักกี่คนเคยดูละครเลือดสุพรรณ หรือ อนุภาพพ่อขุนรามกำแหงบ้างครับ

สมัยนั้นแหละครับที่เป็นต้นแบบของชุดที่เราเชื่อว่าพม่าหรือไทยโบราณใส่กัน

ไม่มีใครกล้าเถียงว่าผิดจนมาถึงสมัยนี้

สิ่งที่เราได้จากการโต้เถียงคือต้องไปค้นคว้าหาข้อมูลมาเถียง

แค่นี้ผมก็ประสพความสำเร็จแล้วละครับ

แล้วเรื่องกลัวว่าเยาวชนจะเข้าใจผิด

ไม่เยาวชนคนไหนถือเอาหนังมาเป็นอารมย์หรอกครับ

เขารู้จกแยกแยะว่าหนังคือหนังความจริงคือความจริง

ถ้าเขาสงสัยก็คือเขาสนใจ

เขาก็ไปค้นคว้ากันเองแหละครับ

มีข้อให้จับผิดเยอะเลยครับ

ไปดูกันเอง

ดูซิว่าถ่ายติดรถยนตร์หรือเรือบินในฉากไหนบ้าง

ทหารกี่คนในหมื่นกว่าคนใส่ไนกี้

นางสนมกี่คนใส่เหล็กดัดฟัน

เล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้ซีครับน่าจับผิด

เรื่องเสื้อเกราะมันอันเบ้อเร่อ

ลิงชิมแปนซีก็ยังเห็นเลยครับ ไม่ต้องคนดูหรอก

อ๋อแล้วมีกี่คนที่ดูหนังตัดเสร็จแล้ว

ตงจะมีแค่สามคนเท่านั้นเอง ที่เป็นผู้ช่วยของผม

ที่เหลือที่บอกว่าเคยดูแล้วอย่าไปเชื่อครับ

ผมพึ่งตัดเสร็จเดี๋ยวนี้เองก่อนที่จะมาอ่านกระทู้นี้ครับ

จากคุณ : Cinephile - [ 8 ม.ค. 50 13:04:01 ]

 

เอ ของจริงเขาใช้ยันต์เกาะเพชรกันบ้างหรือป่าวหนอ

 

มันมีเรื่องดาบด้วยนะ ลองหาอ่านดู ได้ความรู้ดีเหมือนกัน

 

เห็นตัวละครตัวนึงในเรื่องเป็นระดับผู้บังคับบัญชาของฝ่ายไทย ใช้ดาบญี่ปุ่นสู้ ผมเห็นภาพแล้วไม่เห็นด้วยอย่างแรง เป็นทหารไทยควรใช้ดาบไทย ถึงดาบญี่ปุ่นจะขึ้นชื่อในเรื่องความคม แต่ยังไงก็ใช้ไม่ถนัด ไม่เหมาะมือเหมือบดาบไทย เพราะเราใช้มาตั้งแต่รุ่นปู่ยันรุ่นลูก อีกทั้งดาบไทยเหนียวกว่า ควงมันกว่าดาบญี่ปุ่นเยอะ 55+

 

เคยเห็นท่านมุ้ยไปตอบที่กระทู้ไหนซักกระทู้นี่แหละว่า ท่านมุ้ยไปเห็นดาบขุนนางสมัยก่อนมีกัน ก็มีดาบญี่ปุ่นด้วย ท่านมุ้ยจึงมีฉากที่มีขุนนางไทยใช้ดาบญี่ปุ่นด้วย

แต่ก็มีคนออกมาแย้งว่าดาบไทยกับดาบญี่ปุ่นลักษณะดาบมันต่างกัน ทั้งน้ำหนัก ทั้งวิธีจับ และความยาวของตัวดาบ จึงน่าจะใช้ดาบไทยกันมากกว่า รวมทั้งดาบไทยจะเหมาะกับเพลงดาบไทยมากกว่า

อ่านที่เค้าแย้งมาแล้ว ก็น่าจะเป็นอย่างงั้นนะ แต่หนังก็คือหนัง ไม่ใช่สารคดีที่จะต้องตรงตามความจริงเป๊ะๆ หนังมันก็คือความจริง+จินตนาการของผู้สร้าง

 

มิน่าหนู๋ตาชอบเล่นเนตตจนดึก เพราะว่าเนตมันเร็วกว่าตอนกลางวันนี่เอง

 

มีการสั่งดาบญี่ปุ่นมาใช้งานมาจนถึงต้นกรุงรัตนโกสินเพราะเปนดาบที่ดีที่สุด มักมีการพระราชทานให้แม่ทัพนายกองไว้ใช้งาน