ข้อเท็จจริง เกี่ยวกับ "รูปพระพุทธเจ้า"

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย piyaa, 7 พฤษภาคม 2013.

  1. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    1.รูปที่อ้างว่าเป็นพระพุทธเจ้าถ่ายติดโดยบังเอิญที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ ธรรมสถานพุทธคยา ประเทศอินเดีย


    ที่มาของเรื่อง....รูปวาดพระพุทธเจ้าที่ไม่มีภาพแวดล้อมตัดมาจากภาพเต็มดังที่แสดงอีกภาพ ซึ่งมีผู้กล่าวถึงกันอยู่มากและนานกว่า 20 ปี ทุกวันนี้ก็ยังมี และมีผู้เชื่อถือกันมากที่สุด....

    ประวัติรูปถ่ายพระพุทธเจ้า

    ประวัติมีอยู่ว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2523 ได้มีฝรั่งชาวอังกฤษท่านหนึ่ง ชื่อ นายแพทย์เบอร์นาร์ด ได้มาเที่ยวที่ประเทศอินเดียและได้มาพบเห็นประเพณีโบราณหลายอย่าง บางอย่างก็ดูทารุณโหดร้ายบางอย่างก็สกปรก บางอย่างล้าสมัยเหยียดหยามกัน นึกตำหนิอยู่ในใจ เมื่อได้เที่ยวมาถึงพุทธคยาได้มาชมประเพณีเวียนเทียนวันวิสาขบูชาที่เจดีย์พุทธคยาได้เห็นประชาชนเวียนเทียนกราบไหว้ต้นโพธิ์ที่สัมมาสัมพุทธเจ้าเคยประทับนั่งตรัสรู้ก็นึกตำหนิในใจว่าประชาชนพวกนี้โง่มากขาดกราบไหว้ต้นไม้ได้ ครั้งสอบถามได้รับตอบว่าเป็นต้นไม้โพธิ์ที่ประทับนั่งตรัสรู้ของเจ้าชายสิทธัตถะ ในครั้งแรกทำให้เกิดศาสนาพุทธขึ้น ฝรั่งผู้นี้ก็นึกในใจว่าเรื่องเจ้าชายสิทธัตถะเป็นเพียงนิยายที่แต่งขึ้นมานับถือเท่านั้นไม่ใช่เรื่องมีจริง นึกเหยียดหยามชาวพุทธอยู่ในใจว่าโง่เง่างมงายแต่ไม่พูดอะไรกลัวมีเรื่อง ครั้งกลับที่พักแล้วตอนดึกของคืนนั้นนอนหลับฝันไปว่าตนเองได้ย้อนกลับมาที่พุทธคยานี้อีก แต่เห็นสถานที่เป็นป่าแปลกตาออกไป เห็นต้นโพธิ์ใหญ่มีพระนั่งอยู่องค์หนึ่งมีรัศมีงดงาม จึงได้เข้าไปถามว่าท่านเป็นใคร มานั่งที่นี่ทำไม ได้รับคำตอบว่า เราชื่อพระสิทธัตถะ สละราสมบัติมาบวชและได้เคยมานั่งค้นคว้าพระธรรมที่นี่จนได้ตรัสรู้ ฝรั่งสงสัยจึงย้อนถามว่า เจ้าชายสิทธัตถะมีจริงหรือ ทรงตอบว่าใช่ เจ้าชายสิทธัตถะมีจริงได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าจริง ณ โคนต้นไม้โพธิ์นี้เป็นที่แรกตรัสรู้ของเรา ท่านไม่เชื่อเพราะไม่เคยศึกษาเรื่องนี้มาก่อนเลย ท่านเก่งทางวิทยาศาสตร์แต่ท่านไม่ได้เก่งเรื่องธรรมะ ถ้าท่านได้ศึกษาธรรมะท่านก็จะรู้ได้และจะไม่ไปตำหนิคนอื่นเขาอย่างนี้อีก สิ่งใดที่เราไม่เคยเรียนไม่เคยรู้ไม่เคยค้นคว้าศึกษามาก่อนแล้วจะไปว่าคนที่เขาศึกษาค้นคว้าโง่เง่าอะไรนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ถ้าท่านได้ศึกษาแล้ว พิสูจน์แล้วหากปรากฏว่าเหลวไหลไร้สาระจริงจึงประณามก็สมควรทำ ท่านไม่ศึกษาเลยแล้วมาประณามเช่นนี้เป็นสิ่งไม่ควรทำ เป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรม อาจผิดพลาดได้ ในฝันของฝรั่งคิดในใจว่าถ้าตนเอากล้องถ่ายรูปมาจะถ่ายภาพพระสิทธัตถะองค์นี้ออกอวดชาวโลกว่าเจ้าชายสิทธัตถะมีจริง จะได้แก้ข้อสงสัยของชาวโลกได้ แต่ในฝันตนลืมกล้องถ่ายรูปไป ได้สนทนาได้รับคำตอบที่ถูกใจมากจนลากลับ และได้ตื่นขึ้นในตอนเช้า ครั้นตื่นแล้วติดใจในความฝัน ลุกขึ้นค้นหากล้องถ่ายรูปคิดว่าจะไปถ่ายรูปนี้มาให้ได้ครั้นอาบน้ำ รับประทานอาหารแล้วได้ไปซื้อฟิล์มมาใหม่ 1 ม้วน ใส่กล้องออกเดินทางมาที่พุทธคยานี้อีกครั้ง ตั้งต้นถ่ายรูปไปทีละฟิล์มรอบต้นโพธิ์ นึกในใจว่าเจ้าชายสิทธัตถะมีจริงหรือ นั่งตรงไหนจึงได้ตรัสรู้ ถ้าจริงขอให้ติดสักภาพเถิดจะได้ไปอวดเขาได้ว่า พระสิทธัตถะมีจริง ได้ถ่ายรอบต้นโพธิ์ทุกแง่ทุกมุม เสร็จแล้วถอดฟิล์มให้ช่างล้างให้ ปรากฏว่าได้มาภาพเดียวคือภาพนี้ ภาพที่ถ่ายมาด้วยกันไม่ติดอะไรเลยแม้แต่ต้นหญ้า ทั้งนี้เพราะฝรั่งตั้งใจขอภาพเดียว จึงได้ภาพเดียว ครั้งได้แล้วก็ดีใจกลับประเทศของตน อวดลูกอวดเมียก็ไม่เชื่อ อวดใครก็ไม่เชื่อ ซ้ำยังถูกว่าโง่เง่าเชื่อในสิ่งเหลวไหลอีก จึงได้เก็บใส่กระเป๋าคงอยู่ในอัลบั้มอย่างนั้น ไม่ได้อวดใครอีกต่อไป ฝรั่งผู้นี้ไม่รู้ว่าการปิดภาพบุคคลที่ทำบุญบารมีมาเพื่อโปรดสัตว์ ทำบารมีมามากมายหลายร้อยหลายพันชาติจนได้เป็นพระพุทธเจ้าโปรดโลกได้จริงเช่นนั้นเป็นบาป อย่างน้อยที่สุดใส่กรอบแขวนไว้ข้างฝาก็จะพ้นบาปไม่ผิดสัจจะที่ขอมาว่าจะให้ชาวโลกเขาดู เมื่อผิดสัจจะอย่างนี้ฝรั่งผู้นี้จึงประสบวิกฤติส่วนตัว รู้สึกสิ้นหวังได้คิดถึงคำสอนของพระสิทธัตถะที่ว่า ให้ทดลองศึกษาธรรมะดูบ้างเพราะวิทยาศาสตร์ศึกษาจนจบแล้ว ได้ตันสินใจหิ้วกระเป๋าใบเก่ากลับมาขอบวชอยู่ที่วัดพุทธคยา เมื่อคนไทยไปเที่ยวคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ ได้ไปสนทนากับท่าน ถามท่านว่ามีเหตุอะไรจึงได้มาบวช จึงได้ทราบเรื่องราวดังกล่าว

    ข้อเท็จจริง***ในหนังสือที่ยังพอจะมีวางขายในปัจจุบัน (ความสำเร็จที่มาจากพระ...)ท่านนี้อ้างถึงการเป็นลูกศิษย์หลวงปู่สรวง อีกกรณีหนึ่งซึ่งทั้ง 2กรณีเป็นการเผยแพร่ที่กว้างขวางมากที่สุด
    รูปนี้เคยได้ทราบว่าเป็นรูปวาดที่ประเทศฝรั่งเศส วาดโดยลูกของ ร.5 แต่ผู้เขียนไม่ยืนยันเพราะยังไม่มีผู้แสดงถึงที่มาโดยชัดเจน แต่รูปนี้พระพุทธองค์ทรงงดงามดูน่าศรัทธาถึงแม้ภาพอาจไม่ชัดเจน และให้ความหมายดี
    การสร้างศรัทธาให้กับพระพุทธศาสนาหากใช้เรื่องไม่จริงนำมาหลอกลวง ผิดหลักธรรมตั้งแต่ดำริแล้วไม่เป็นศรัทธาที่แท้จริงไม่ก่อเกิดปัญญาใดๆ แนวทางนี้ไม่ใช่แนวทางของพุทธศาสนิกชน
    2. รูปขาวดำ ชายมีหนวด

    ที่มาของเรื่อง.....รูปของพระองค์ ซึ่งบัดนี้ได้ถูกเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ภาพนี้จะเป็นของจริงหรือไม่ ไม่มีใครทราบได้ แต่ที่วัดจอมทองจังหวัดเชียงใหม่ มีแม่ชีอาวุโส ท่านเป็นคนถ่ายกับมือ แล้วคิดว่าน่ะเป็นรูปจริงๆ ไม่ใช่ว่าเป็นรูปพระพุทธเจ้าจริงๆ แต่แม่ชีท่านอธิฐานขอสิ่งศักศิทธ์ให้ดลบันดาล ถ่ายรูปเพื่อเป็นกำลังใจในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาในต่างชาติ โดยท่านเล่าว่าเทวดาเนรมิตรูปพระพุทธเจ้าให้ โดยถ่ายกำแพงที่ไม่มีรูปน่ะ ไม่เชื่อลองไปถามท่านได้ และท่านเป็นบุคคลที่เมตตามากด้วยน่ะลองไปดู อาจได้ปฎบัตธรรมด้วย วัดนี้สอนกรรมฐานดีมากๆ และไม่ใช่แม่ชีท่านนี้สอนน่ะแต่ท่านเจ้าอาวาสเป็นพระภิกษุป่าบัติดีปฎิบัติชอบด้วยน่ะส่วนถ้าใครมีข้อมูลเกี่ยวกับภาพๆนี้อีกก็นำมาแชร์กันนะครับ เพราะผมเองก็อยากรู้อยู่เหมือนกัน ความเป็นไงมาไงของภาพนี้ที่แท้จริง(ข้อเขียนนี้คัดมาตามต้นฉบับ อ่านแล้วก็ยังงงๆเหมือนกัน)

    ข้อเท็จจริง*** โดยบารมีของพระพุทธองค์ พระวรกายภายนอกทรงเป็นเอกบุรุษผู้มีลักษณะและพระพักต์งามกว่าเทวดาและมนุษย์โดยทั่วไป สามารถกล่าวได้ว่าคน 100 คนที่พบพระพุทธองค์ไม่อาจปฏิเสธความงดงามทางธรรมกายภายนอก เมื่อพิจารณาจากรูปที่กล่าวอ้างคงไม่ต้องอธิบายหรอกครับว่าไม่ใช่อย่างไร การอุปโลกขึ้นมาเพื่อแสดงถึงความเป็นตัวตนหรือกิเลสที่ไม่เกรงกลัวต่อกรรมวิบากที่จะเกิดขึ้นของใครก็ตามที่กล้ากระทำลงไป หวังเพียงชื่อเสียงและการยกย่องเท่านั้น

    ธรรมดามนุษย์เรายิดติดในวัตุอันเป็นรูปธรรมก็เป็นความเเย่มากพออยู่แล้ว ยังมีผู้ที่เขลาไปกว่านั้นอีกโดยยึดติดแสวงหาสิ่งที่เป็นนามธรรมประเภทชื่อเสียง เกียรติยศ อย่างไม่มีประมาณ เป็นความน่าอดสู อาดูร อย่างยิ่ง บุคคลประเภทนี้เมื่ออยู่ที่ใดย่อมเป็นเสนียดแก่วงศ์ตระกูลนั้นๆ

    ความเชื่อต่างๆ จะเกิดขึ้นได้ก็โดยอาศัยความไม่รู้ของผู้ถูกหลอก ความไม่รู้ไม่ได้หมายความว่าคนนั้นโง่ แต่เพราะผู้ถูกหลอกไม่ได้หาข้อมูลที่ดีพอ จึงมีช่องว่างพอสำหรับการตกเป็นเหยื่อ และด้วยเห็นว่าไม่เป็นเรื่องสำคัญกับชีวิตมากนัก จึงขาดการค้นคว้าในเรื่องนั้นๆ และประเด็นสำคัญผู้ที่ลวงโลกอาศัยความดีของมนุษย์ด้วยกันในการให้ความไว้วางใจเป็นเครื่องมือ ดังนั้นการได้ยินได้รู้มา ควรใช้วิจารณญาณให้ดีเสียก่อน จงอย่าเพิ่งเชื่อและก็อย่าเพิ่งไม่เชื่อ เพราะถ้าเชื่อเลยก็จัดว่าโง่ ไม่เชื่อเลยก็จัดว่าโง่ จงพิสูจน์ให้แน่นอนเสียก่อนแล้วพึงเชื่อจึงจะดีกว่า

    ครั้งหนึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแวดล้อมด้วยหมู่ภิกษุ ได้ทรงตรัสถามพระสารีบุตรว่า "ธรรมที่เราได้แสดงนั้น เธอเชื่อหรือไม่"พระสารีบุตรกราบบังคมทูลว่า "ยังไม่เชื่อพระเจ้าข้าขอข้าพเจ้าไปคิดดูเสียก่อน"

    พระองค์ตรัสว่า "ดีแล้วๆ สารีบุตร เธอทำเช่นนั้นดีแล้ว..."

    ลิงค์ด้านล่างมีผู้วิจารณ์ไว้ลองอ่านดูนะครับ...

    ยอดนิยม > รูปพระพุทธเจ้า [Engine by iGetWeb.com]
     

แชร์หน้านี้

Loading...