คนที่ดื่มเหล้าแล้วอารมณ์ดี ผิดศีลมาก-น้อย แค่ไหน

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย porapatr, 12 ธันวาคม 2007.

  1. porapatr

    porapatr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    599
    ค่าพลัง:
    +1,282
    ดิฉันขอเรียนถามผู้มีความรู้เรื่องศีล คือว่าดิฉันรู้จักหลายคนเวลาดื่มเหล้าแล้วจะใจดีแจกไปทั่ว เช่น แจกเงินให้เด็กเสิร์ฟ (แล้วบอกกระจายรายได้ให้กับคนอื่นบ้างเป็นการทำบุญ) อารมณ์ดีออกไปร้องรำทำเพลง แซวเด็กเสิร์ฟ ให้คนอื่นฟังการพูดคุยในทำนองว่าเป็นคนดี ช่วยเหลือใครต่อใครมามากมาย และพูดให้ความหวังต่าง ๆ นานา (พูดจริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้)
    และอีกอย่าง บุหรี่ ผิดศีลไหมคะ

    ขออานิสงค์ผู้มีใจเมตตาตอบคำถามมีความสุข ความเจริญ น๊ะคะ
     
  2. panandana

    panandana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +301
    อืมอันนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกันค่ะ ผลบุญกับบาปยังไงก็ต้องแยกกันคนล่ะส่วน นำมารวมกันไม่ได้ บุญที่ทำต้องดูเจตนาของผู้ให้ด้วย ผลกรรมที่เค้าได้รับ คือ ทรัพย์สินหาย เพราะอารมณ์ดีชอบแจกจ่ายชาวบ้าน โรคตับ โรคไต สมองเสื่อมถามหา เป็นกรรมในชาตินี้ที่ตามมาทัน และแสดงให้เห็นในปัจจุบัน ส่วนผลกรรมเมื่อหมดบุญแล้ว จะทำให้คนดื่มหรือเสพในภพชาติต่อไปเป็นบ้าหรือปัญญาอ่อน ถ้าเลี้ยงเพื่อน ก็จะต้องมีหน้าที่ไปเลี้ยงดูคนบ้าหรือคนปัญญาอ่อน (มีลูกหรือพี่น้องหรือญาติ เป็นบ้าหรือปัญญาอ่อน) ถ้าเป็นกรรมที่เบาบางนะคะถ้ากรรมยังหนักอยู่ ต้องไปตกนรกขุม 5 ก่อน มาเป็นมนุษย์ ส่วนผลบุญนั้นจะมากหรือน้อย คนเราทุกวันนี้อดออมเพื่ออบายยมุขจริงค่ะ คิดดูสิหนึ่งปี ใช้จ่ายกับอบายมุขทั้งหลายเท่าไหร่ แต่ทำบุญอาจแค่ปีละไม่ถึงพัน ส่วนบุญที่เค้าจะได้รับนั้นต้องดูองค์ประกอบ 4 ประการ1. วัตถุบริสุทธิ์ 2.เจตนาบริสุทธิ์ 3.ผู้ให้บริสุทธิ์ 4 ผู้รับบริสุทธิ์ ผลของทานจะมากหรือน้อยขึ้นอยุ่กับองค์ประกอบของการทำทานทั้ 4 ส่วนค่ะ เขียนเองงงเอง
     
  3. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    เพิ่งมีเพื่อนถามเรื่องนี้เมื่อวานนี่เอง

    ตอบว่า บาปครับ แต่น้อย ผิดศีลแน่นอน แต่ที่น้อยเพราะไม่ได้ทำกรรมอะไรที่หนักลงไป แต่การดื่มสุรา ทำให้ขาดสติ เป็นการเปิดโอกาสให้ทำอกุลกรรมได้ง่าย อีกทั้งยังลดทอนสติปัญญาของตนเอง ทำให้ห่างไกลมรรคผลมากขึ้น พูดง่ายๆ คือ ทำให้ตัวเองเป็นบัวใต้น้ำลึกๆ ลงไป

    แต่ถ้าเกิดพลาดพลั้งทำกรรมหนักอื่นๆ ก็คงต้องรับไปเต็มๆ

    ในบรรดาศีลห้า ดื่มสุรา นี่อันตรายที่สุด เพราะสามารถนำไปสู่การกระทำกรรมอื่นๆ ได้อีกมากนัก

    โดยปกติ จิตเราก็มักจะไหลลงที่ต่ำ คือเป็นอกุศลอยู่แล้ว ถ้าขาดสติ ก็ยิ่งไปกันใหญ่ ดังนั้น จะมาบอกว่า ดื่มเหล้าแล้วอารมณ์ดี ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แล้วจะไม่บาป ก็ไม่ถูกต้องนัก

    ในกรณีด้านบน การแจกเงินเด็กเสิร์ฟ คิดว่า สมควรแล้วหรือ รวยนักหรือไง ลูกเมียพ่อแม่ตัวเอง ดูแลดีแล้วหรือยัง แล้วก็ยังเรื่อง วจีกรรมอีก พูดจาไร้สาระ จริงบ้างไม่จริงบ้าง ผิดศีลข้อ4 เห็นๆ แล้วแบบนี้ จะไม่ให้บาปไปได้อย่างไร

    ผิดศีลเต็มๆ
     
  4. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,432
    การดื่มน้ำเมาต้องประกอบด้วยองค์ ๔ คือ
    ๑. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเมา
    ๒. มีจิตคิดจะดื่ม
    ๓. พยายามดื่ม
    ๔. น้ำเมานั้นล่วงพ้นลำคอลงไป
    ครบองค์ประกอบทั้ง ๔ นี้ แสดงว่า ศีลข้อ ๕ ขาดเรียบร้อยแล้วครับ
     
  5. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,131

    ๕.สุราเมรยะมัชชะปมาทัฏฐานา เวรมณี เจตนาเป็นเครืองงดเว้นจากการดื่มน้ำเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท อันได้แก่ น้ำสุรา เมรัย เครื่องดื่มมึนเมาอื่น ๆ และการเสพยาเสพติดอื่นๆ เช่น ฝิ่น เฮโรอีน กัญชา ยาบ้า หรือแม้แต่บุหรี่ แล้วเป็นผู้ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะในการประกอบกิจการทั้งปวง และเป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิตในการงาน ในวัย ในเพศ

    ผู้จะเป็นคนเต็มคน คือ 100% จะต้องเป็นผู้มีการดำเนินชีวิตประจำวันที่ประกอบด้วยเบญจศีลเบญจธรรมทั้ง ๕ ประเด็นดังกล่าวแล้ว ถ้าขาด ๑ ประเด็นก็เป็นคนเพียง ๘๐ % หรือขาด ๒ ประเด็นก็เป็นคนเพียง ๖๐ % เป็น นับว่าเป็นหลักการขั้นพื้นฐานที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอน มุ่งเน้นให้พุทธศาสนิกชนได้ประพฤติปฏิบัติตาม เพื่อความเป็นมนุษย์อันจะได้เป็นสมาชิกที่ของสังคม ความสงบสุขในสังคมแต่ละวันจะเกิดขึ้นได้ก็อาศัยหลักมนุษยธรรม หรือ แต่ละคนเป็นคนเต็มคนนั่นเอง


    สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวรมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ แปลว่า ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือ เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท


    ความหมายของ "สุรา และ เมรัย"
    น้ำเมาที่เป็นของหมักดอง เช่น กระแช่ น้ำตาลเมาต่าง ๆ ชื่อว่า"เมรัย", เมรัยนั้นที่เขากลั่นอีกชั้นหนึ่งเพื่อให้รสเข้มข้นขึ้น เช่น เหล้าชนิดต่าง ๆ ชื่อว่า "สุรา"


    ในสิกขาบทนี้ คำว่า"สุราและเมรัย" หมายเอา สุรา ๕ อย่าง และ เมรัย ๕ อย่างซึ่งจะขอกล่าวตามลำดับต่อไป


    สุรา ๕ อย่าง ได้แก่


    ๑.ปิฏฐสุรา สุราทำด้วยแป้ง
    ๒.ปูวสุรา สุราทำด้วยขนม
    ๓.โอทนสุรา สุราทำด้วยข้าวสุก
    ๔.กิณณะปกะขิตตา สุราที่หมักเชื้อ
    ๕.สัมภาระสังยุตตา สุราที่ปรุงด้วยเครื่องเทศต่าง ๆ

    เมรัย ๕ อย่าง ได้แก่


    ๑.ปุปผาสโว น้ำดองดอกไม้
    ๒.ผลาสโว น้ำดองผลไม้
    ๓.มธวาสโว น้ำดองน้ำผึ้งหรือน้ำดองน้ำหวาน
    ๔.คุฬาสโว น้ำดองน้ำอ้อย
    ๕.สัมภาระสังยุตโต น้ำดองที่ปรุงด้วยเครื่องเทศต่าง ๆ

    สิกขาบทนี้ เป็นสาหัตถิกประโยคเพราะดื่มหรือเสพด้วยตนเองเท่านั้น ไม่เป็นอาณัติกประโยค เพราะใช้ให้ผู้อื่นดื่มหรือเสพ

    สิ่งมึนเมาที่อนุโลมเข้ากับสุราและเมรัย

    การสูบ ฉีด หรือเสพ ยาเสพติดให้โทษ เช่น กัญชา เฮโรอีน มอร์ฟีน ฝิ่น ทินเนอร์ ฯลฯ เข้าไปในร่างกาย ซึ่งไม่ใมช่การดื่มกินเข้าไปเหมือนสุราและเมรัย ก็จัดว่าผิดศีลข้อที่ ๕ เหมือนกัน เพราะสิ่งเสพติดเหล่านี้ แม้จะไม่ได้ดิ่มกินทางปากก็ตามที แต่ก็สำเร็จเป็นการทำให้มีนเมา ทำให้ไม่สามารถควบคุมสติและควบคุมตนเองได้ เช่นเดียวกับหารดิ่มกินสุราเมรัย ซ้ำยังมีโทษร้ายแรงยิ่งกว่าสุราเมรัยเสียอีก
    ยาเสพติด เช่น กัญชา เฮโรอีน มอร์ฟีน ฝิ่น ทินเนอร์ เป็นต้นนั้น ถึงแม้ว่าไม่มีในครั้งพุทธกาล และพระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงห้ามไว้ก็ตามที แต่ก็อนุโลมเข้ากันได้กับสุราเมรัยและของมึนเมาอย่างอื่นอีก เพราะอาศัยหลักฐานคือ มหาปเทส ๔ ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้เป็นหลัก เพราะฉะนั้นยาเสพติดทุกชนิดที่อนุโลมเข้ากับสิ่งที่ไม่ควร จึงทำให้ผู้ที่สูบ เสพ หรือ ฉีด สิ่งเสพติดให้โทษทุกชนิดผิดศีลข้อที่ ๕ ด้วย

    มหาปเทสนั้นมี ๔ ประการ ได้แก่.-

    ๑. สิ่งใดไม่ได้ทรงห้ามไว้ว่าไม่ควร แต่เข้ากับสิ่งไม่ควร(อกัปปิยะ) ขัดต่อสิ่งที่ควร (กัปปิยะ) สิ่งนั้นไม่ควร
    ๒. สิ่งใดไม่ได้ทรงห้ามไว้ว่าไม่ควร แต่เข้ากันกับสิ่งที่ควร(กัปปิยะ) ขัดต่อสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นควร
    ๓. สิ่งใดที่ไม่ได้ทรงอนุญาตไว้ว่าไม่ควร แต่เข้ากับสิ่งที่ไม่ควร(อกัปปิยะ) ขัดต่อสิ่งที่ควร(กัปปิยะ) สิ่งนั้นไม่ควร.
    ๔.สิ่งใดที่ไม่ได้ทรงอนุญาตไว้ว่าควร แต่เข้ากับสิ่งที่ควร(กัปิยะ)ขัดกันกับสิ่งที่ไม่ควร (อกัปปิยะ) สิ่งนั้นควร


    สุรา และ เมรัย และสิ่งเสพติดให้โทษทั้งหมดนั้น ย่อมทำให้ผู้ที่ดื่มมึนเมาเสียสติ เป็นบ่อเกิดแห่งความประมาท เลินเล่อเผลอสติ ขาดความยั้งคิด ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำทุกอย่างได้ทั้งหมด ไม่มีความละอาย และเป็นเหตุให้ทำความชั่วอย่างอื่นได้อีกมากมาย สร้างความปั่นป่วนให้สังคม การดื่มสุราเมรัย และหรือเสพยาเสพติดให้โทษ เป็นอบายมุข เป็นหนทางแห่งหายนะ ฉะนั้นน้ำเมาคือสุราเมรัยจึงได้ชื่อว่า "เป็นที่ตั้งแห่งความประมาท"


    ผู้ที่ล่วงละเมิดสิกขาบทที่ ๕ สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานนา คือผู้ดื่มสุราเมรัย ย่อมได้รับกรรมวิบาก ๕ สถาน ได้แก่.-


    ๑.ย่อมเกิดในนรก
    ๒.ย่อมเกิดในกำเนิดสัตว์เดรัจฉาน
    ๓. ย่อมเกิดในเปตวิสัย
    ๔.ย่อมเป็นผู้มีสติไม่สมประกอบ
    ๕.โทษเบาที่สุด หากเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมเป็นบ้า


    อนึ่ง โทษแห่งการดื่มสุราเมรัยและเสพสิ่งเสพติดให้โทษซึ่งผู้ประพฤติย่อมได้รับโทษในปัจจุบัน ๖ อย่าง คือ


    ๑.เสียทรัพย์ ๒.ก่อการทะเลาะวิวาท
    ๓.เกิดโรค ๔.ถูกติเตียน
    ๕.เป็นผู้ไม่มียางอาย ๖.ทอนกำลังสติปัญญา


    สิกขาบทที่ ๕ มีอานิสงส์โดยย่อ ๖ ประการ ได้แก่


    ๑.รู้จักอดีต อนาคต ปัจจุบันได้รวดเร็ว
    ๒.มีสติตั้งมั่นทุกเมื่อ
    ๓.มีความรู้มาก มีปัญญามาก
    ๔.ไม่บ้า ไม่ใบ้ ไม่มัวเมาหลงไหล
    ๕.มีวาจาไพเราะ มีน้ำคำเป็นที่น่าเชื่อถือ
    ๖.มีความซื่อสัตย์ สุจริตทั้งกาย วาจา ใจ


     
  6. porapatr

    porapatr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    599
    ค่าพลัง:
    +1,282
    และผู้ที่เป็นคนซื้อสุรา เมรัย มาให้ดื่มกินโดยไม่ได้เต็มใจสักเท่าไร มีผลอย่างไรบ้างคะ

    ขออานิสงค์ผู้มีจิตเมตตาตอบคำถามมีความสุข ความเจริญ น๊ะคะ
     
  7. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ถ้าไม่เห็น ประโยคสุดท้ายสีฟ้าเนี่ย ก็คงขี้เกียจตอบไปแล้ว 55555

    ผมเคยสอบถามอาจารย์ (เป็นอริยบุคคล) ในเรื่องคล้ายๆ กัน เรื่องมีอยู่ว่า ผมโดนหัวหน้าสั่งให้รับโทรศัทพ์ แล้วบอกว่า หัวหน้าไม่อยู่ ทั้งที่จริงแล้ว นั่งอยู่ตรงนั้น ผมเลยถามอาจารย์ว่า จะบาปไหมที่โกหกไป

    อาจารย์ตอบว่า ไม่บาป เราไม่มีเจตนาจะโกหก เราทำตามสมมติที่ต้องทำ คนที่โกหกคือ หัวหน้าเรา

    ในกรณีของคุณ จขกท
    เราซื้อสุราโดยไม่เต็มใจ คือไม่มีเจตนา อาจโดนผู้อื่นบังคับให้ซื้ออีกที เช่น พ่อ สามี เป็นต้น ดังนั้น จึงขอสรุปว่า ไม่บาป ไม่ผิดศีลใดๆ เลย

    แต่สิ่งหนึ่งที่อยากเตือนคือ สิ่งใดที่คิดแล้วทำให้ใจขุ่นมัว ก็อย่าไปคิดมัน ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

    เรื่องของศีล ปุถุชนไม่มีทางถือได้ถูกหรอก นอกจากพระอริยะที่ละศีลพัตตปรามาสแล้วเท่านั้น ถึงจะรู้ว่า การรักษาศีลคืออะไร ทำอย่างไร...

    หลวงปู่มั่นเคยกล่าวว่า "เรามีศีลข้อเดียว คือรักษาใจ" เห็นไหมว่า ไม่ว่าศีลจะกี่ข้อก็ตาม มันไม่สำคัญ มันสำคัญที่ใจเป็นกุศลหรืออกุศล

    เท่านี้ก่อนแล้วกัน...
     
  8. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    คนกินเหล้าแล้วอารมณ์ดี ความเป็นจริง ไม่ใช่อารมณ์ดีเพราะตัวเหล้า

    แต่เป็นเพราะคนกินเหล้าแล้วอารมณ์ดีจะมีทำการสงบสติอยู่ชั่วครู่ประกอบท่าทางการกินเหล้านั้น เช่น ระหว่างที่ยกแก้วเหล้าจรดปาก ระหว่างที่ดื่ม ระหว่างที่วาง ระหว่างที่เอามือคลึงแก้วบนโต๊ะ จะเปรียบเหมือนการทำสมาธิโดยควบคุมกายควบคุมใจ จะมีท่วงท่าลีลาเฉพาะตัวที่ปรุงออกมาไม่โลดโผนหลากหลาย อารมณ์จึงดีเป็นผล แต่มีแนวโน้มเป็นมิจฉาสมาธิ ถ้าไม่มีสัมมาทิฏฐิจะคิดว่า เหล้า คือ ตัวกระทำให้รู้สึกดี

    หากแต่ทำไปๆ ไม่หยุด เหล้าเข้าปากมากขึ้นๆ ถ้าไม่มีเหตุปัจจัยร้ายๆมากระทบ ก็มีโอกาสหลับไปอย่างสงบ แต่ถ้ามีเหตุปัจจัยที่ร้ายๆ อันไม่พึงประสงค์แล้ว ยากนักที่จะควบคุมสติให้เหมือนคนปรกติได้ จะเห็นว่า เหล้า ไม่ใช่ตัวกระทำให้รู้สึกตัวดีแน่นอน

    ส่วนเรื่องการอ้างเหตุผลร้อยแปดเพื่อแลกกับการกระทำที่หมิ่นเหม่นั้น เป็นเรื่องของคนพาล เขาจะยกเมฆอย่างไรก็ได้ เพื่อให้ดูดีที่จะกระทำอย่างนั้น แค่นี้ก็เห็นร่องรอยของอกุศลแล้ว ไม่ต้องสาวความไปหาเหตุหาผลอื่นมาล้างแต่อย่างใด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2007
  9. บัญชาคนสุพรรณ

    บัญชาคนสุพรรณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +77
    กรรมจะมากจะน้อยหรือจะเป็นกรรมดีหรือเลวนั้นขึ้นอยู่ที่เจตนาครับ และบุญกับบาปนั้นต้องแยกกัน การดื่มสุราอย่างแรกก็บาปแล้วคือการทำลายตัวเองถ้าเป็นของที่มีประโยชน์ก็ว่าไปอย่าง ยิ่งไปทำร้ายคนอื่นยิ่งหนักใหญ่ ส่วนการแจกทานนั้นต้องดูอาการของจิตว่าเกิดจากเจตนาที่ดีที่บริสุทธิ์หรือไม่ หรือเป็นเพราะฤทธิ์สุราจึงทำให้จิตใจกระชุ่มกระชวย(ทุกอย่างต้องดูที่จิตเป็นสำคัญ)เปรียบเหมือนกับการฆ่าสัตว์เพื่อมาทำบุญก็เช่นเดียวกัน อย่าลืมนะครับว่าพระพุทธองค์ทรงให้เราถือศีลเพราะอะไรเพราะไม่ให้เราประมาทในการดำรงชีวิตและเพื่อเป็นฐานในการปฏิบัติถ้าท่านเมามาแล้วนั่งสมาธิได้หรือไม่ ท่านจะมีสติที่จะพิจารณากายในกาย จิตในจิตได้หรือไม่จะสามารถกำจัดกิเลสให้หมดไปได้หรือไม่(จงพิจารณาครับ)

    (ถ้าเป็นเช่นนั้นพระจี้กงคงไม่สามารถบรรลุธรรมได้เลย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2007
  10. แจ้งให้ทราบ

    แจ้งให้ทราบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +691
    เมื่อดื่มสุรากันแล้ว

    ไม่อาละวาดมาดร้ายใส่ผู้อื่น ไม่ควรชักชวนผู้ไม่ดื่มให้ดื่มตาม

    แค่นี้ก็ดีมากแล้วครับ

    พ่อของผมเป็นคนชอบสุรา ติดสุราชนิดแก้ไม่หาย คนในบ้านห้ามก็ไม่ฟัง พระก็ไม่เข้าหา เมื่อดื่มมึนเมากลับมาแล้วบางครั้งก็อาละวาดใส่คนในครอบครัว ด้วยเหตุนี้ ทำให้ตัวผมเองเกลียดคนที่มักชอบชักชวนผู้อื่นให้ดื่มสุรามากเลย ครับ เห็นคนเมาอาละวาดแล้วรู้สึกเอียน

    เมาแล้วก่อแต่ปัญหา เงินก็เปลือง แถมดื่มมากก็อาจไปเกิดในอบายเดรัจฉาน เมืองไทยก็เมืองร้อน ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ชอบดื่มของเมากันนัก

    อนุโมทนาครับ
     
  11. แจ้งให้ทราบ

    แจ้งให้ทราบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +691
    ทราบมาว่า สมัยนั้น ท่านจี้กงเป็นพระที่ดื่มสุรา เพื่อประชดประชันพระอื่นที่ไม่อยู่ในศีลในธรรม ใช่หรือไม่ ครับ
     
  12. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,131
    ประวัติ พระอรหันต์จี้กง

    พระนามเดิมของท่านคือ ซิวอ้วง แซ่ลี้ เป็นชาวเมืองเทียนไถ เกิดในสมัยราชวงศ์ซ้อง ท่านได้บวชอยู่ที่วัดเล่งอุ้ง ตำบลไซโอ้ว เมืองหางโจว ประเทศจีน และใช้พระนามทางศาสนาว่า เต้าจี้ ท่านโปรดสัตวโลกด้วยวิธีพิสดาร จนชาวบ้านขนานพระนามว่า "พระสติเฟื่อง" (จี้เตียง) ท่านเป็นองค์อวตารของพระอรหันต์ได้บรรลุพระธรรม 3 ประการ ที่สำคัญได้แก่ "สรรพสิ่งเกิดจากจิต" ท่านยึดมั่นแต่ พุทธจิต ไม่คำนึงถึงเครื่องทรงภายนอก ดั่งคำกล่าวว่า "รักษาศีลทางจิต ไม่ถือศีลทางปาก ปฏิบัติตามสบาย" (ความหมายว่า พระภิกษุในประเทศจีนต้องฉันเจ ไม่ฉันเนื้อสัตว์ ท่านไม่เคร่งครัดกับการฉันอาหาร สดแท้แต่โอกาส) ที่ท่านประพฤติเช่นนี้ เพราะว่าในสมัยนั้นได้แต่ถือศีลปาก คือฉันเจ แต่ไม่รักษาศีลทางใจ เพื่อเป็นการสอนธรรมะโดยใช้วิธีรุนแรง เหมือนเอาไม้กระบองตีให้เจ็บจนรู้สึก ท่านพยายามทำให้ภิกขุสมัยนั้นให้ตื่นจากผู้ติดอยู่ในพิธีกรรม ให้มาพิจารณาทางวิปัสสนาธุระ
    ------------------------------------------------------------------------------------------------

    หลังจากจี้กงออกบวช และ ต่อมาก็ออกลาย กลายมามีพฤติกรรมพิเรนทร์ผิดกับพระทั่วไป จนเป็นที่ติฉินนินทาของพระสงฆ์รูปอื่นๆ แต่ด้าน พระอาจารย์ กลับทราบดีว่า แม้ภายนอกจี้กงจะมีกิริยาไม่สำรวมผิดกับพระทั่วไป ทั้งผิดศีล เล่นซุกซนกับเด็กๆ ประพฤติ-พูดจาไม่สำรวม ดื่มสุรา บริโภคเนื้อสัตว์ แต่ลึกลงไปภายใน จี้กงกลับเป็น - - - บุคคลที่ตื่นแล้ว!
    นอกจากนี้ด้วยการกระทำหลายๆ ประการของ จี้กง แม้จะเป็นการกระทำที่ดูเหมือนจะผิดศีลธรรม ผิดประเพณีดั้งเดิม แต่เมื่อพิจารณาจาก เนื้อแท้ จุดมุ่งหมายและผลลัพธ์ แล้ว การกระทำเหล่านั้นของจี้กงกลับเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และ ก่อคุณประโยชน์
    ----------------------------------------------------------------
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead colSpan=2>วันนี้ 06:04 PM</TD></TR><TR title="โพส 861824" vAlign=top><TD class=alt1 align=middle width=125>แจ้งให้ทราบ</TD><TD class=alt2>ทราบมาว่า สมัยนั้น ท่านจี้กงเป็นพระที่ดื่มสุรา เพื่อประชดประชันพระอื่นที่ไม่อยู่ในศีลในธรรม ใช่หรือไม่ ครับ</TD></TR></TBODY></TABLE>
    "สัตว์โลกลุ่มหลงมัวเมา ถ้าอาตมาไม่เมาจะโปรดพวกเขาได้อย่างไร"

    ท่านอรหันต์จี้กง จากที่ผมยกมาให้อ่านไม่ถึงกับประชดประชันครับ ท่านทำทุกอย่างให้เป็นปริศนาธรรม ท่านพูดสอนโดยรวมทั้งหมด ทั้งพระที่ปากกินเจ แต่ใจยังมัวเมา สู้ท่านไม่ได้แกล้งทำตัวเมา แต่ท่านรู้จิตใจผู้อื่น รู้และเข้าใจในธรรมะ

    หรือบุคคลทั้งหลายด้วยว่าอย่าใช้ชีวิตอย่างมีความหลงผิดไปจากคุณธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 ธันวาคม 2007
  13. porapatr

    porapatr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    599
    ค่าพลัง:
    +1,282
    ดีใจค่ะ ได้ความรู้เรื่องพระอรหันจี้กง มาเพิ่มอีก ขอบคุณน๊ะคะ
    ขออนุโมทนา กับทุก ๆ คำตอบและผู้ร่วมอนุโมทนาทุกท่านขอให้มีความสุข ความเจริญน๊ะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2007
  14. บัญชาคนสุพรรณ

    บัญชาคนสุพรรณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +77
    ครับใช่ครับ ที่ผมพูดถึงพระจี้กงก็ได้มีเพื่อนสมาชิกได้บรรยายความเป็นมาแล้วจึงขอเสริมนิดหนึ่งว่า จิตที่มีเจตนาทั้งฝ่ายดี/เลวจะส่งผลให้เกิดกรรม ส่วนเวรนั้นคือการกระทำต่อบุคคลอื่นไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์แต่สามารถที่จะอโหสิกรรมกันได้ ขอให้ทุกท่านตั้งอยู่ในเจตนาที่ดีร่วมถึงความประพฤติและการกระทำที่ดีเทอญ.
     
  15. {ผู้ชนะสิบๆทิศ}

    {ผู้ชนะสิบๆทิศ} เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +917
    เรียกว่าสอนธรรม แบบ พุทธศาสนาสายเซน เลยนะครับ เป็นปริศนาธรรมจากตัวท่านจริงๆครับ เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...