คนที่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ คนแขก คนฝรั่ง เมื่อตายไปต้องตกนรกหรือขึ้นสวรรค์ ไหมครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย กังฟูน้อย, 11 กันยายน 2011.

  1. กังฟูน้อย

    กังฟูน้อย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +0
    คนที่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ คนแขก คนฝรั่ง เมื่อตายไปต้องตกนรกหรือขึ้นสวรรค์ ไหมครับ แล้ว เค้ามีวัฎจรการ เวียน ว่าย ตาย เกิด ไหมครับ ...
     
  2. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    เกิดเป็นมนุษย์ล้วนอยู่ภายใต้วงล้อแห่งปฏิจจะสมุปบาททั้งสิ้น
    อาจจะต่างกันบ้างตรงที่ รูปสมมุติ นามสมมุติ
     
  3. กังฟูน้อย

    กังฟูน้อย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +0
    หมายความว่าเค้าก็มีนรก มีสวรรค์ เหมือนกันเหรอครับ..

    แต่ลักษณะอาจจะแตกต่างไม่เหมือนของเราเหรอครับ..
     
  4. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,290
    นรก สวรรค์เหมือนกัน ผมเคยอ่านเรื่องที่ชาวต่างชาติตายแล้วมาเล่าเรื่อง
    สวรรค์มันก็ที่เดียวกันแต่อาจจะมีสถานที่ประกอบศาสนาของเขาด้วย
     
  5. กังฟูน้อย

    กังฟูน้อย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +0

    หมายถึงว่า ไม่ว่าจะเป็น คนไทย คนแขก คนฝรั่ง

    เมื่อตายไปแล้วก็จะไปนรก หรือ สวรรค์ที่เป็นที่เดียวกันเหรอครับ..
     
  6. fon-dekwat

    fon-dekwat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    823
    ค่าพลัง:
    +1,285
    เคยฟังพระเทศน์ ท่านชื่ออะไรนี่แหละครับ จำไม่ได้ แบบท่านตายแล้วฟื้น ท่านเคยไปแสดงธรรมที่อังกฤษ พระนางเจ้าอลิซาเบซ ถามท่านว่าคนต่างชาติกันตายแล้วจะไปที่เดียวกันหรือไม่ ท่านตอบว่า ให้คนหลายๆชาติมายืนเรียงกัน แล้วให้ชิมเกลือ ถ้าเค็มเหมือนกันก็ไปที่เดียวกัน ประมาณนี้ครับ
     
  7. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,131
    เรื่องที่ ๔๔
    พระเยซูตายแล้วไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดุสิต


    จาก หนังสือ ตายแล้วไม่สูญ...แล้วไปไหน


    "..ประมาณเกือบ ๒๐ ปีมาแล้วสมัยที่อาตมาไปวัดคริสต์ที่บางนกแขวก มีบาทหลวงบางคนเขาไปที่กรุงเทพฯ และก็ชอบๆ กัน เพราะสมัยนั้นอาตมาเรียนทั้งพุทธทั้งคริสต์ ที่เรียนคริสต์ไม่ใช่ไปเรียนที่โรงเรียนแต่คุยกัน ตอนนั้นพวกกุฎีจีนเขามาคุยแลกเปลี่ยนความรู้กัน ความจริงนักศาสนาจริงๆ เขาไม่ทะเลาะกัน เมื่อไปเยี่ยมเขาคุยไปคุยมา

    เขาถามว่า "ท่านทราบไหมว่า พระพุทธเจ้าท่านอยู่ที่ไหน"
    อาตมาตอบว่า "รู้"
    เขาถามว่า "เคยคุยไหม"
    ก็บอกว่า "ฉันไปหาท่านทุกวัน ท่านอยู่ที่นิพพาน"
    จึงถามเขาว่า "แล้วพระเจ้าของท่านอยู่ที่ไหน"
    เขาตอบว่า "ไม่รู้"
    ถามว่า "เคยเห็นไหม"
    เขาตอบว่า "ไม่เคยเห็น"
    เขาเลยถามว่า "ท่านเคยเห็นพระเยซูของผมไหมครับ"
    ตอบว่า"ไม่เคยสนใจ" แล้วก็คุยเรื่องอื่นต่อไป

    ต่อมากลับมาที่พัก ธรรมดาของพระก่อนจะนอนต้องทำจิตใจให้สะอาดสบาย ไม่อย่างนั้นนอนไม่สบาย พอเริ่มทำสมาธิจับอารมณ์ จิตมันหลุดโผล่ปั๊บถึงดาวดึงส์ ไปโผล่ช่วงระหว่างพระจุฬามุณีกับบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ไปเดินป๋อที่นั่น พอเดินไปก็มีบาทหลวงคนหนึ่งเดินสวนทางเดินตรงมาข้างหน้า ก็เลยถามว่า "พระเยซูใช่ไหม" ตามธรรมดาอารมณ์เป็นทิพย์มันจะบอกเลยว่าใครเป็นใคร ถ้ายังสงสัยก็ยังใช้ไม่ได้ ความเป็นทิพย์จะบอกชัดจะไปสงสัยไม่ได้เลย ท่านก็ตอบว่า "ใช่ครับ"

    อาตมาถามว่า "ทำไมถึงแต่งตัวรุ่มร่ามอย่างนี้ บนสวรรค์เขาแต่งตัวแบบนี้เหรอ"
    ท่านบอกว่า "ถ้าผมไม่แต่งตัวแบบนี้ เกรงว่าท่านจะจำไม่ได้ จะสงสัย"
    บอกว่า "ถ้าอย่างนั้นสภาพความเป็นจริงของท่านเป็นอย่างไร"
    ท่านก็ทำให้ดู ภาพนั้นหายไปกลายเป็นภาพเทวดาสวยงามมาก เครื่องประดับขาวเป็นประกายแวววับ ชฎาก็แหลมเปี๊ยบ เรียกว่างามจับตาเลย
    ถามว่า "อยู่ที่ไหน" ตอบว่า "อยู่ชั้นดุสิต"

    พอบอกอยู่ชั้นดุสิตอาตมาก็ตกใจ ต้องเป็นพระโพธิสัตว์แน่ๆ คุยไปคุยมา อาตมาก็บอกท่านว่า "คำสอนของท่านมันผิดอยู่ข้อหนึ่งนะ"
    ท่านถามว่า "ผิดอย่างไรครับ"
    บอกว่า "ล้างบาปนั่นนะ คนที่ทำความชั่วแล้วมันทำลายได้เรอะ อย่างกับเนื้อของเราถูกตัดเฉือนไปเป็นแผล เราจะเอาเงินไปแลกซื้อเนื้อใครเขามาได้ที่ไหน จ่ายเงินให้เขาแล้วแผลมันหายหรือ"
    ท่านตอบว่า "ความจริงผมไม่ได้สอนอย่างนั้นนะครับ ที่ผมสอนนั้น ผมสอนให้สารภาพบาปแบบพระแสดงอาบัติ อาการสารภาพบาปคือ ไปทำความชั่วมาจากไหน เราจะได้ไม่ทำต่อไป"
    คำสอนของท่านเป็นแบบนี้ มา ตอนหลังมาดัดแปลง พอล้างบาป สารภาพบาปแล้วบาปหาย ก็เลยบาปทั้งสองคน คนก่อนก็ไม่หมดบาป คนหลังบาปเพราะโกหก


    ผู้ที่มีสิทธิไปเกิดอยู่ชั้นดุสิต
    พอกลับลงมาก็มานั่งคิดว่า พระเยซูเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ชั้นดุสิต ต้องมีบารมีเข้มแข็งมาก ถ้าไม่เข้มแข็งเข้าชั้นนี้ไม่ได้ เพราะชั้นดุสิตนี้เข้าได้ ๓ พวกคือ
    ๑) พุทธบิดาพุทธมารดาของพระพุทธเจ้า
    ๒) พระโพธิสัตว์ที่มีบารมีเข้มแข็งแล้ว
    ๓) พระอริยเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปจึงจะอยู่ชั้นนี้ได้

    สวรรค์ทุกชั้นไม่ใช่ใครจะอยู่ได้ทุกชั้นนะ ต้องเป็นไปตามขั้น ก็เลยมานั่งนึกว่า ทำไมพระเยซูมาอยู่ชั้นดุสิตได้ มาดูอารมณ์ตอนหนึ่งของท่านคือ ถูกตอกตะปูกับไม้กางเขน ถ้าจิตไม่ดีพอ ท่านจะเป็นเทวดาไม่ได้ ตามพระบาลีบอกว่า "ถ้าจิตเศร้าหมองก่อนจะตาย ตายไปก็ต้องลงอบายภูมิ" นั่นเขาเจ็บขนาดนั้นเขายังไม่โกรธ ลองคิดดูให้ดีไม่ใช่เรื่องเล็กนะเรื่องใหญ่มาก ทำความดีไว้มากตลอดชีวิต แต่เวลาตายจิตเศร้าหมองหน่อยเดียวก็ต้องลงนรกหน่อยอย่าง พระนางมัลลิกาเทวี เป็นคนดีตลอดชาติ เวลาตายจิตคิดถึงที่เคยไปสะดุดเท้าของสามีนิดเดียว ความจริงโทษท่านไม่มี ถ้าจิตท่านไม่เศร้าหมองก็ไม่ลงนรก แต่ท่านแต่งตัวเป็นนางฟ้า เท้าแหย่ในนรก ๗ วัน.."

    ����ͧ��� ������«ٵ����������Դ������ǴҺ����ä���鹴��Ե �ҡ ���͹ ����Ҫ�����ҹ

    .
     
  8. กังฟูน้อย

    กังฟูน้อย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณมากครับ ท่าน <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->เฮียปอ ตำมะลัง<!-- google_ad_section_end --> ถ้าเป็นไปตามที่กล่าวมานี้..
    แสดงว่าศาสนาพุทธของเรา องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านทรงนำพาเรามาถูกทาง
    อย่างรู้แจ้ง เห็นแจ้ง เลยทีเดียวครับ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5100862", true); </SCRIPT>
     
  9. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,131
    เรื่องที่ ๑๑๒
    คนชาติฝรั่งตายแล้วไปเกิดเป็นเทวดารักษาพื้นที่ที่ชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา


    จาก หนังสือ ตายแล้วไม่สูญ...แล้วไปไหน


    "..เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๓๒ อาตมาไปสอนพระกรรมฐานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะที่ไปฉันเพลที่บ้าน คุณสมคิด อยู่ที่ชิคาโก เป็นบ้านปลูกใหม่ใหญ่โต หรูหรา เยือกเย็นเป็นที่น่ารื่นรมย์ใจ เวลาที่เขาถวายภัตตาหารเพลตอนถวายข้าวพระ ตามที่หลวงพ่อปานสั่งไว้ว่า เวลาก่อนฉัน ก่อนนอนและตื่นใหม่ๆ จะต้องนึกถึงพระ เป็นการบูชาพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ก่อน แต่เวลานั้นไม่ใช่เวลาเจริญพระกรรมฐาน ไม่ใช่เวลาเจริญฌาน ใช้กำลังใจนิดหน่อยควบคุมกำลังใจนึกถึงพระพุทธเจ้า นึกถึงพระธรรม นึกถึงพระอริยสงฆ์ เพราะท่านเป็นผู้มีคุณ เราห่มผ้ากาสาวพัสตร์ได้ก็เพราะอาศัยท่าน จิตก็สงบมีอารมณ์วูบเผลอ ก็ปรากฏเห็นคนๆ หนึ่งยืนหน้าโต๊ะเป็นฝรั่งรูปร่างสูงใหญ่ มีเนื้อเต็ม ท่าทางสุภาพมาก เข้ามาถึงแล้วก็ยกมือไหว้

    จึงถามว่า "คุณเป็นใคร"
    เธอตอบว่า "ผมเป็นหัวหน้าใหญ่รักษาพื้นที่อยู่ที่นี่ครับ เวลานี้คุณสมคิดกำลังเจริญรุ่งเรือง ผมช่วยทุกอย่างตามความสามารถ"
    จึงถามว่า "คุณสมคิดกำลังจะทำอะไรอีกอย่างหนึ่ง คุณจะช่วยได้ไหม"
    เธอตอบว่า "ผมช่วยเต็มที่ครับ ถ้าสิ่งใดไม่เกินความสามารถ ขอให้คุณสมคิดบอกผมก็แล้วกัน ผมจะช่วย แต่ผมชอบอาหารอย่างนี้"
    ถามว่า "ชอบอะไร" เธอก็ทำภาพให้ดู เป็นหมูหั่นสีเหลี่ยมชิ้นเล็กๆ อยู่ในจาน
    แล้วบอกว่า "อันนี้เป็นอาหารที่ผมชอบมากครับ"
    ก็เลยบอกว่า "ขอบคุณ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เราเป็นคนไทยมาเยี่ยมคนไทยด้วยกัน ท่านเป็นฝรั่งท่านก็ยังมีเมตตากับคนที่เป็นคนไทย ช่วยทุกอย่างตามกำลังที่จะพึงช่วยได้ ก็ขอให้เมตตาช่วยต่อไปก็แล้วกัน"

    เธอก็บอกว่า "ไม่เป็นไรครับ "วันทโก ปฏิวันทนัง" ผู้ไหว้ย่อมได้ไหว้ตอบ "ปูชโก ลภเต ปูชัง" ผู้ได้บูชาแล้วย่อมได้รับการบูชาตอบ ถ้าต้องการให้ผมช่วย ขอให้คุณสมคิดช่วยผมด้วย คือจัดอาหารแบบนี้ให้ก็แล้วกัน"

    ถามว่า "ท่านทำบุญอะไรไว้จึงมีบุญวาสนาบารมีมากอย่างนี้ และก็มีเมตตาสงเคราะห์ไม่เลือกว่าคนไทยคนฝรั่ง"
    เธอก็บอกว่า "ผมเป็นนักทานบารมีครับ ให้ทานให้การสงเคราะห์คน เพราะอาศัยการสงเคราะห์คนอย่างนี้ เมื่อตายแล้วผมจึงมีความสุข"

    ถามว่า "ผลของการให้ทานพอใจหรือยัง"
    เธอตอบว่า "ยังครับ ผมให้ทานเบาไปนิด ความจริงผมให้ทานมากทำบุญมากแต่ว่าคนรับทานไม่ค่อยจะทรงธรรม ไม่ค่อยจะทรงศีล มีจริยาไม่ค่อยจะดีนัก" พูดจบแล้วฝรั่งคนนั้นก็หายไป

    เป็นอันว่าผลของการให้ทานกับคนที่ไม่ทรงศีลทรงธรรม ก็มีอานิสงส์ด้อยไปหน่อย วันต่อมาเมื่อคุณสมคิดมาหาอาตมาที่บ้านคุณหมอสุภรณ์ จึงถามว่า "พบฝรั่งคนนั้นแล้วหรือยัง" (คุณสมคิดฝึกมโนมยิทธิได้ดีมาก) คุณสมคิดตอบว่า "พบแล้วครับ" ถามว่า "เขาว่าอย่างไร" คุณ สมคิดก็ตอบว่า ฝรั่งคนนั้นบอกว่า ถ้าต้องการให้ช่วยให้ถวายหมูอย่างนั้นวันละจานทุกวัน จะช่วยเหลือทุกอย่าง.."


    ����ͧ��� ��

    ..............................................................................................


    เรื่องที่ ๑๑๑
    ตายจากคนอเมริกันที่ให้ทานกับคนที่มีศีลมีธรรมน้อยจึงไปเกิดเป็นภุมเทวดาที่มีบุญน้อยมาก


    จาก หนังสือ
    ตายแล้วไม่สูญ...แล้วไปไหน


    "..ปี ๒๕๓๒ อาตมาไปสอนพระกรรมฐานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะที่พักที่รัฐเวอร์จิเนีย เวลาประมาณตี ๒ เศษๆ ตื่นขึ้นมาครึ่งหลับครึ่งตื่น เห็นผู้ชายผอมๆ คนหนึ่งเดินล่องใต้ หลังจากนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งใส่หมวกเหมือนหมวกญวน รูปร่างท้วมๆ เดินสวนทางกับชายผู้นั้น ผู้ชายคนนั้นถือไม้คานมาแต่ผู้หญิงถือกระจาดมา พอถึงตรงหน้าผู้หญิงก็วางกระจาดเข้าไปแย่งไม้คานผู้ชาย ผู้ชายเกือบเสียท่าเพราะผอมกว่า ก็มีฝรั่งคนหนึ่งรูปร่างสูงโปร่งค่อนข้างผอมเดินออกไปจากที่พัก ไปห้ามสองคนนั่นให้เลิกแย่งไม้คานกัน พอฝรั่งคนนี้เดินไปใกล้จะถึงสองคนนั้น ต่างคนต่างแยกกันไป แสดงว่าเกรงใจฝรั่งคนนี้ เมื่อฝรั่งคนนี้เดินเข้ามา ก็ถามว่า "คุณเป็นภุมเทวดาที่นี่หรือ"

    เธอก็ตอบว่า "ใช่ครับ ผมเป็นภุมเทวดารักษาที่นี่"
    จึงถามว่า "คุณเอาบุญมาจากไหน ที่นี่ไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนา และทำไมจึงเป็นเทวดาที่มีบุญน้อย ภุมเทวดาถือว่าเป็นเทวดาที่มีบุญน้อยกว่าเทวดาทั้งหมด คุณน่าจะบำเพ็ญกุศลให้มีบุญมากกว่านั้น"

    เธอตอบว่า "ในเมื่อผมมีเท่านี้ จะให้ผมได้ขนาดไหน" ถามว่า "คุณทำบุญอะไร"

    เธอก็ตอบว่า ในสมัยที่ผมเป็นมนุษย์ ผมเป็นคนอเมริกันเป็นคนรวยมาก ชอบทำบุญมากคือการให้ทาน แต่ทว่าผมให้ทานกับคนที่มีศีลมีธรรมน้อย คือศีล ๕ ไม่บริสุทธิ์ บางคนก็มี ๑ บ้าง ๒ บ้าง บางคนก็ไร้ศีลไร้ธรรม ธรรมะในการปฏิบัติก็ไม่มี เห็นแก่ตัวมาก ผมทำบุญมากคือให้ทานแบบนี้มาหลายปีเพราะเป็นคนรวย เมื่อตายจากความเป็นคน จึงมีอานิสงส์ไปเกิดเป็นเทวดาที่มีบุญน้อยมาก คือเป็นภุมเทวดา.."




    http://www.luangporruesi.com/748.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กันยายน 2011
  10. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,962
    จขกท. ลูกเป็นไงบ้างครับ
     
  11. กังฟูน้อย

    กังฟูน้อย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +0
    ยังไม่พูดครับ ... แต่ก็เริ่มส่งเสียงต่างๆได้มากขึ้นครับ ..
    ขอบคุณมากครับที่เป็นห่วง ..
     
  12. กังฟูน้อย

    กังฟูน้อย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +0
    คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->เฮียปอ ตำมะลัง<!-- google_ad_section_end -->
    การทำบุญของคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธคือการให้ทาน แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ใช่ไหมครับ ...
    เพราะแขกหรือฝรั่ง คงไม่ได้ใส่บาตร ทำบุญที่วัด อย่างแน่นอนใช่ไหมครับ ...
     
  13. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,131
    <TABLE class=tborder id=post5102349 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 09:18 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#12 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->กังฟูน้อย<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5102349", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Aug 2011
    ข้อความ: 21
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_5102349 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->เฮียปอ ตำมะลัง<!-- google_ad_section_end -->
    การทำบุญของคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธคือการให้ทาน แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ใช่ไหมครับ ...

    ใช่ครับ และมักจะให้กับ หน่วยงานที่ช่วยเหลือสังคม เช่น สภากาชาด , มูลนิธิต่าง ๆ


    เพราะแขกหรือฝรั่ง คงไม่ได้ใส่บาตร ทำบุญที่วัด อย่างแน่นอนใช่ไหมครับ ...<!-- google_ad_section_end -->

    ถ้าไม่นับถือศาสนาพุทธ โอกาสที่จะใส่บาตร ยาก แต่ถ้าหยอดตู้บริจาคตามห้างสรรพสินค้า ก็ไม่แน่ครับ

    ยิ่งให้เข้าไปวัด คงไม่เข้าแน่ ๆ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. al-qaeda

    al-qaeda Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +25
    การทำบุญ ทำได้ตลอด ทำได้ทุกศาสนา ทุกที่ ทุกเวลา
     
  15. กังฟูน้อย

    กังฟูน้อย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณมากครับ ... เรื่องนี้ทำให้ผมรู้กระจ่างไปอีกเปอะหนึ่งเลยทีเดียวครับ ...
     
  16. supphakrit

    supphakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2010
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +178
    ถาม : แล้วอย่างศาสนาอื่นล่ะครับ คนที่นับถือศาสนาอื่น?
    ตอบ : จะนับถือศาสนาไหนก็ตามนรกเดียวกันสวรรค์เดียวกัน ถึงเวลาก็ขึ้นสวรรค์ลงนรกในสถานที่เหมือน ๆ กัน เพียงแต่ว่า อุปทานความยึดมั่นในแต่ละศาสนาในแต่ละระเบียบประเพณีของเขาไม่เหมือนกันก็เลยทำให้เขาเห็นนรกสวรรค์ต่างกันไป แต่มันมีความเหมือนอยู่อย่างหนึ่งก็คือ นรกเป็นสถานที่ลงโทษ

    ขณะเดียวกัน สวรรค์เป็นสถานที่เสวยความดีที่ตัวเองทำมา ถ้าเทวดาฝรั่งไปแต่ตัวเหมือนลิเกนุ่งชฎาแหลมเปี๊ยบฝรั่งมันไม่รู้จักหรอก ฝรั่งมันนึกว่าละครหลงโรงมาจากไหนก็ไม่รู้ แต่ทว่าไปชุดขาวรุ่มร่าม ๆ มีวงแสงบนหัวมีปีก เล็ก ๆ ซะหน่อยละก็รู้ว่าอันนี้คือเทวดา เทวดาเขาเลยต้องแสดงให้เห็นในลักษณะนั้น ถ้าแสดงลักษณะอื่นเขาจะไม่รู้ มันเป็นความยึดมั่นตามประเพณี ตามความเชื่อถือของเขา เขาต้องทำอย่างนั้น

    ถาม : เป็นที่มา...?
    ตอบ : ส่วนของเราถ้าไปทำอย่างนี้เรารู้แล้วใช่มั้ยเทวดาฝรั่ง ขึ้นข้างบนแล้วมันไม่มีเชื้อชาติหรอก มันเป็นเทวดาเหมือน ๆ กัน บอกเขาว่าขอรู้ขอเห็นตามความเป็นจริงเขาก็จะแสดงเต็มบุญเต็มบารมีให้เรารู้ หลวงพ่อท่านบอกเคยขึ้นไปเจอพระเยซูใส่ชุดแบบฝรั่งรุ่มร่าม ๆ ที่มันใช้ผ้าขาวพันตัวมา หลวงพ่อก็บอก เฮ้ย ! ข้างบนนี้ไม่มีนะโว้ยฝรั่ง พระเยซูท่านบอกถ้าผมไม่ทำแบบนี้ท่านก็ไม่รู้จักผมนะซิครับ

    ถาม : แล้วคนที่นับถือศาสนาอื่น โอกาสที่จะทำบุญต้องก็น้อยกว่า?
    ตอบ : น้อยกว่า แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลยก็ไม่ใช่ อย่างศาสนาพราหมณ์เขาได้ถึงสมาบัติ ๘ เพราะฉะนั้น ทาน ศีล ภาวนาของเขา โดยเฉพาะภาวนาถือว่าเลิศมาก เพียงแต่เขาขาดปัญญาในจุดสุดท้ายคือไม่รู้จักนิพพาน ไม่เห็นอริยสัจเลย ไม่รู้จักพระนิพพาน มันเหมือนกับว่าถ้าเป็นสิ่งประกอบสักอย่าง เอาเป็นอันว่าของสูงที่สุดคือมงกุฎแล้วกัน พระพุทธเจ้าท่านหาเพชรยอดมงกุฎได้ในขณะที่ศาสนาอื่นเขาหาไม่เจอเมื่อเอาเพชรยอดมงกุฎประดับลงไปความสวยงามสมบูรณ์พร้อมทุกอย่างก็เกิดขึ้น

    แต่ตราบใดที่ยังไม่มีเพชรยอดมงกุฎคือ อริยสัจ ๔ ที่ท่านตรัสรู้มันก็สามารถที่จะสมบูรณ์แบบได้ อย่าดูถูกศาสนาอื่น ในสัตกนิบาตอังคุตรนิกาย พระพุทธเจ้าตรัสถึงศาสดานอกศาสนาคนหนึ่งคือ อารกะ อารกะศาสดานี้สอนลูกศิษย์เกี่ยวกับความเป็นจริงของชีวิตท่านบอกว่าชีวิตเหมือนกับต่อมน้ำคือ เหมือนฟองน้ำผุดขึ้นมาแล้วก็แตก เหมือนรอยไม้ที่ขีดลงในน้ำ ปรากฏวูบเดียวก็หายเลย เหมือนลำธารที่ไหลลงมาจากภูเขา พรวดมาแล้วก็ผ่านไปเลย เหมือนชิ้นเนื้อนาบไฟคือ ไหม้หมดแน่ ๆ ในระยะเวลาอันไม่นาน เหมือนโคที่เขานำไปฆ่าตายแหง ๆ หมดทางเลี่ยง นั่นศาสดานอกศาสนาสอนศิษย์ขนาดนั้น เพราะฉะนั้นดูถูกเขาไม่ได้ ศาสดาเจ้าลัทธิต่าง ๆ

    สมัยนั้นที่มีชื่อเสียงเยอะต่อเยอะด้วยกัน เพียงแต่ว่าพอถึงขั้นสุดท้ายแล้วก็ไปหลงติดในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข หลงในความยึดถือ เชื่อถือ ของคนอื่นเขา เลยคิดว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์ไปทั้งที่ไม่ใช่ของจริง สมัยนั้นที่เขาเรียกคณาจารย์ทั้ง ๖ มี สัญชัยเวลัฏบุตร ที่เป็นอาจารย์ของพระโมคคัลลาน์พระสารีบุตรมาก่อน ปกุธกัจจายนะ อชิตะเกสะกำพล มักขลิโคสาละ นิครนถนาฏบุตร เหล่านี้จะมีชื่อเสียงมหาศาลมากเป็นที่นับถือของคนเป็นหมื่นเป็นแสนเลย เพียงแต่ว่าลัทธิที่เขาสอนมันเข้าไม่ถึงจริงเท่านั้นเอง นักคิดมันเยอะ

    ถาม : แล้วเพราะอะไร ทำไมเขาถึงไม่ลักษณะที่ว่าทำไมคนเกิดมาเขาถึงไม่นับถือศาสนาเดียวกัน?
    ตอบ : มันแล้วแต่สิ่งแวดล้อมและการยึดถือของครอบครัวตัวเอง ครอบครัวตัวเองเชื่อถืออย่างไรก็ทำตามนั้นมา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเป็นอย่างนั้น ตรงนี้มีทั้งคริสต์มีทั้งอิสลามต้องถืออิสลาม

    ถ้าเขาเคยบำเพ็ญบารมีมาในระดับหนึ่งเขาจะรู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันยังไม่ตรงกับใจของตนเองเลย มันเหมือนกับคนหาอาหารกินนะ ได้อาหารที่รสชาติไม่ถูกใจตัวเองก็หาไปเรื่อยจนกระทั่งมาเจอศาสนาพุทธก็เอ้าใช่เลย อาหารรสนี้ที่เราต้องการเขาก็มาเรื่อยเป็นอย่างนี้ ที่มันนับถือแตกต่างกันไป เกิดจากสภาพสิ่งแวดล้อมและระเบียบประเพณีที่ยึดถือกันมาในครอบครัวของตน ขณะเดียวกันฝรั่งน่ะอย่าคิดว่ามันถือคริสต์นะ ตอนนี้อิสลามในอเมริกามีมากพอ ๆ กับคริสต์เลย

    ส่วนใหญ่แล้วตรงจุดที่ว่าแต่ละศาสนา นรกสวรรค์ต่างกัน คนมันจะข้องใจตรงจุดนี้ ที่ต่างกันมันต่างกันตรงที่ความเชื่อถือการยึดถือตามแบบของเขา แต่จริง ๆ ถ้าเราสังเกตจะมีเนื้อหาเดียวกันก็คือ นรกเป็นสถานที่ลงโทษ สวรรค์เป็นสถานที่ตอบแทนผลของความดีที่เราทำเอาไว้ที่เห็นต่าง ๆ กันไปมันตามความเชื่อถือของเขา ถ้าไม่เห็นอย่างนั้นเขาก็ไม่เชื่อว่าเป็นสวรรค์ ก็เลยทำให้เห็นแตกต่างไปคนละทิศคนละทาง

    แต่จริง ๆ แล้วทั้งหมดไม่ว่าจะศาสนาไหน นรกเดียวกันสวรรค์เดียวกัน สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ถ้าคนไม่ทำความดี ความชั่ว นรกก็ไม่มี สวรรค์ก็ไม่มี ผลการกระทำที่เรียกว่ากรรมนั้นแหละส่งผลมหาศาลอย่างมาก เมื่อทำชั่วก็มีนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานขึ้นมารองรับ เมื่อทำความดีก็มีมนุษย์ เทวดา พรหม พระนิพพานขึ้นมารองรับ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าไม่มีการกระทำ




    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนกรกฎาคม ๒๕๔๔
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  17. amornvut

    amornvut Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +82
    ขึ้นชื่อว่า เกลือ แล้ว ย่อมให้รสชาติ คือ เค็ม เหมือนกันไม่ว่าจะประเทศไหน ศาสนาใด
    สุดท้ายแล้ว สวรรค์เดียวกัน นรกเดียวกัน
     
  18. CharnK

    CharnK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    444
    ค่าพลัง:
    +1,453
    ผู้ถาม พูดถึงเรื่องภาษา เวลาเจ๊กสวดมนต์เจ๊ก อิสลามสวดมนต์อิสลาม คริสต์สวดมนต์คริสต์ แล้วเวลาตายจะมีสิทธิ์ไปอยู่ชั้นยามาไหมครับ?

    หลวงพ่อ อย่าลืมนะเจ๊กนี่ส่วนใหญ่จริงๆ เขาศาสนาพุทธนะ เจ๊กธิเบต ก็ต้องยามาเจ๊ก ยามาอิสลาม ยามาคริสต์ แต่ส่วนใหญ่จริงๆ เขาศาสนาพุทธ แต่ว่าเป็น ฝ่ายมหายาน ก็ที่เดียวกันนั่นแหละ แต่อิสลามยังสงสัย ไปทีไรไม่เจออิสลามสักที ถ้าอย่างคริสต์เขามีสิทธิชั้นกามาวจรเหมือนกัน อย่าง พระเยซู ท่านอยู่ชั้นดาวดึงศ์ แต่จริงๆแล้วเขาอยู่ชั้นดุสิต แต่ว่ากำลังของพระเยซู กำลังของตัวเองก็ดี กำลังที่สอนลูกศิษย์ก็ดี ถึงขั้นกามาวจรสวรรค์ ไม่ถึงพรหมนะ ศาสนาคริสต์นี่ไม่ถึงพรหมนะ แต่ว่าอิสลามนี่ไม่รู้ลามไปถึงไหน เพราะไม่เคยเจอะข้างบนเลย

    จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญญาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม 7
     
  19. กังฟูน้อย

    กังฟูน้อย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +0

แชร์หน้านี้

Loading...