คนเราเห็นวิญญาณด้วยตาเนื้อหรือจิต?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Vanguard, 8 มีนาคม 2009.

  1. Vanguard

    Vanguard สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +0
    เวลาที่คนธรรมดา(ไม่มีมโนมยิทธิ)สามารถเห็นวิญญาณหรือเทวดาได้นี่ เขาเห็นด้วยตาเนื้อหรือจิตรับรู้ครับ? อาจจะเป็นคำถามที่ไร้สาระนิดนึง แต่ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าคนตาบอดจะไม่มีทางเห็นผีหรือวิญญาณได้ใช่ไหมครับ? ผมยังสงสัยอีกว่าหากเห็นด้วยจิต คนที่สายตาสั้นมาก(อย่างผมสายตาสั้นประมาณ 800 ทั้งสองข้าง)แทบจะมองอะไรไม่เห็นตอนถอดแว่น เวลาเห็นวิญญาณจะชัดแต่ตัววิญญาณ แต่ฉากหลังมัวหรือครับ?? งงไหม?

    อีกคำถามหนึ่งที่ผมสงสัยมานานเช่นกันคือ เทวดา พรหม บนสวรรค์แต่ละองค์จะมีตำแหน่งหน้าที่ใช่ไหมครับ คือต้องมีงานที่เป็นกิจวัตรสักอย่างทำ ไม่ใช่นั่งว่างๆอยู่ในวิมานของตนใช่ไหม? ผมสงสัยว่าจะต้องทำงานอะไรบ้างในเมื่อทุกๆอย่างล้วนเป็นทิพย์และท่านก็สามารถเนรมิตสิ่งของได้ดั่งใจ..

    สุดท้ายละ(เยอะไปไหม?) หากเราปฏิบัติธรรมแล้วยังไม่บรรลุอรหัตผลในชาติปัจจุบัน ได้ไปเกิดเป็น(สมมุติ)อรูปพรหมแล้ว สามารถจะปฏิบัติต่อจนบรรลุเข้านิพพานได้ไหมครับ? ผมสงสัยเพราะว่าได้ยินมาจากหลายที่บอกมาว่า ถ้าจะบรรลุอรหัตผลได้ ชาติสุดท้ายต้องเกิดในภพมนุษย์เท่านั้น จริงหรือไม่ครับ
     
  2. krit59

    krit59 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +346
    อรหัตผล สามารถเป็นได้ แม้แต่เปรตบางจำพวกก็บรรลุได้ ยกเว้นพวกมีส่วนผสมของสัตว์ เช่า นาคและครุฑ แต่สามารถเรียนรู้ได้ พวกพรหม หรือเทวดา บางครั้งก็ติดสุขเกินไป พวกอยู่ในนรก ก็ทรมานเกินไป จนไม่มีเวลาที่จะศึกษาธรรม ภพมนุษย์เป็นภพกลางที่สุด เขาจึงนิยมมาบรรลุในภพนี้มากที่สุด
     
  3. กุญแจไขปริศนา

    กุญแจไขปริศนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    903
    ค่าพลัง:
    +979
    ภาพหลอน ใครๆก็เห็นได้ทั้งนั้นแล
    อิๆๆ
     
  4. ajmin

    ajmin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +628
    คำถามที่1 ด้วยจิตครับ หรือตาทิพย์นั่นเอง แต่ตาทิพย์นั้นก็ยังมีแบ่งมาอีก ว่าเป็นตาทิพย์เห็นวิญญาณ หรือพลัง หรืออะไรต่างๆครับ
    คำถามที่2 ปรกติจะไม่มีนะครับ ยกเว้นแต่ว่าเขาสมัครใจเอง
    คำถามที่3 ไม่ได้ครับ มนุษย์ มีขึ้นมาเพื่อ 4ประการครับ
    1 ชดใช้กรรม
    2 สร้างกรรม
    3 บำเพ็ญ หรือทำภาวนาให้สำเร็จ เพื่อที่จะบรรลุครับ
    4 ทำตามฝันของตนหรือสิ่งที่ตนเองอยากทำครับ
    แต่ถ้าบำเพ็ญไปได้ขั้นหนึ่งแล้วแต่ยังไม่สำเร็จก็ต้องกลับมาเกิดใหม่เพื่อปฏิบัติต่อให้สำเร็จครับ
     
  5. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    ไม่แน่เสมอไปนะ มีทั้งเห็นและทั้งไม่เห็น
    มีทั้งมี มีทั้งไม่มี..


    อยากเห็นจริงๆน่ะเหรอ ??
    ปีกวิเวกก็ได้นี่ วัดใจตัวเองด้วย
     
  6. นักเดินธรรม

    นักเดินธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +2,393
    จากประสบการณ์ตรงนะครับ ผมเคยเจอผีหัวขาดตรงหน้า ในขณะที่กำลังตกใจและเรียกเพื่อนให้ดูตามผมชี้ กลับไม่มีใครเห็นครับ แต่เคยมีหลายครั้งที่ผมเห็นด้วยตาจริงๆ และคุณพ่อผมก็เห็นในลักษณะเดียวกัน เหมือนกัน ไม่ต่างกัน มั่นใจว่าเห็นผ่านตาเนื้อเลยครับ ส่วนถ้าทำสมาธิจะเห็นผ่านตาในหรือตาที่สามครับ รวมไปถึงการดูสิ่งที่ไม่ปรากฎเป็นรูปธรรม เช่น การอ่านใจคนก็เห็นจากตาในครับผม
     
  7. อำนวย. ส

    อำนวย. ส สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +6
    ถ้าปฎิบัติจนจิตละเอียดมากๆก็สามารถมองห็นโลกละเอียดได้ด้วยตาเนื้อ หรือมองเห็นโลกวิญญาณด้วยตาเนื้อนั้นเอง ส่วนเทวดากับพรหมก็มีแบบเสวยบุญเก่าและสะสมบุญใหม่
    ส่วนอรูปพรหมไม่สามารถเข้านิพพานได้เนื่องจากจิตปิดกั้นธรรมทั้งหมด จิตที่เข้าสู่นิพพานได้ต้องเข้าที่กายเนื้อ หรือละกายเนื้อไปที่ชั้นอนาคา แล้วบำเพ็ญต่อจนเข้าแดนอรหันต์และเข้านิพพาน
     
  8. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ขออนุญาตเสริมแล้วกัน

    การเห็นด้วยตาเนื้อจริงๆ ก็คือ จิตวิญญาณที่เห็นจิตวิญญาณด้วยกัน ผีย่อมเห็นผีด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นๆ กัน ก็คือ การเห็นด้วยจิตที่เรียกว่า จิตคล้ายเห็น หรือ ทิพย์จักขุญาณ ที่นี้ จะชัดมากชัดน้อย ก็ขึ้นอยู่กับการบำเพ็ญตบะ


    ต้องเข้าใจก่อนว่าจะใช้คติใด เช่น หากเป็นคติภพภูมิพุทธมหายาน สายวัชรยาน เขาก็จะกำหนดเป็น 3 ระดับ อรูปธาตุ (Arupadhatu) รูปธาตุ (Rupadhatu) และกามธาตุ (Kamadhatu)



    เทวดา และรูปพรหม บนชั้นสวรรค์ก็เป็นเพียงรูปธาตุที่กำเนิดจากอรูปธาตุทั้งสิ้น เพียงแต่มีรูปลักษณ์ปรากฎให้เห็นตามแต่คติของแต่ละศาสนา หากจะว่าไปแล้ว สิ่งนี้ก็คือ ระดับพลังงานที่ไร้มิติ ไร้กาลเวลานั้นเอง


    ส่วนสายปฏิบัติเพื่อเข้าถึงการหลุดพ้นของแต่ละสาย มีความแตกต่างกันในรายละเอียด แต่มีเป้าหมายเดียวกัน คือ ไกรวัลยะ โมกษะ หรือ นิพพาน หากเปรียบเทียบแนวทางปฏิบัติระหว่างสายพราหมณ์ตามหลักโยคะสูตร (Yoga Sutra) และแนวทางของอัษฏางคโยค กับสายอิรยะศาสตร์ตามคติพุทธ ตามหลักปฏิบัติของมรรคมีองค์แปด นั่นเอง

    ส่วนสายพุทธตันตระ ก็คือการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์จนกว่าจะได้ไปรวมกับอรูปธาตุ (ธรรมกาย) นั่นเอง ก็ขึ้นอยู่กับว่าจริตเราไปทางไหน เพียงแต่ถนนอันหลากหลายทางเลือก ย่อมไปบรรจบที่เดียวกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มีนาคม 2009
  9. murano

    murano Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +57
    จากสิ่งที่รู้ในตอนนี้ (อัพเดทเรื่อยๆ อิอิ) ตาเนื้อจะเห็นได้ เมื่อสิ่งนั้น ต้องการให้เห็น แต่การเห็นโดยจิตที่เป็นสมาธิ เห็นได้เป็นธรรมดา...
    แต่อาจมีบางกรณีที่เป็นข้อยกเว้น... เหมือนโปรแกรมมีบั๊ก อะไรแบบนั้น

    แต่เท่าที่รู้นะ วิญญาณหรือดวงจิต ไม่ได้มีมาก ชนิดที่ทำสมาธิเมื่อไรก็เห็น... โดยทั่วไป จะไม่เห็น

    สายตาสั้น เป็นตาเนื้อ ซึ่งไม่เกี่ยว

    ข้อ 2 หากเป็นโลกคู่ขนาน แต่ละโลกย่อมดำเนินไปตามกิจของโลกนั้น และมันเกินกำลังของเรา ที่จะไปรู้เห็น กิจในโลกนั้นๆ
    มันจึงเป็นคำถามอจินไตย ผู้ใดถาม ผู้นั้นมีส่วนแห่งความเป็นบ้า อิอิ

    ข้อ 3 ขอตอบตามความเข้าใจ เทวดาหรือพรหม ยังต้องฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า นั่นแสดงว่า ในเทวโลกและพรหมโลก ก็ย่อมมีผู้ปฏิบัติธรรมและผู้ไม่ปฏิบัติธรรม การจะบรรลุธรรม จึงไม่น่าจะจำกัดที่ภูมิใดภูมิหนึ่ง
    แต่ในทุคติภูมิ เช่น สัตว์ หรือพวกที่อยู่ในนรก ไม่สามารถฝึกจิตได้ เพราะร่างกายถูกเบียดเบียนหนัก จึงต้องมีการ "โปรดสัตว์"
     
  10. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ในบางกรณีที่เป็นข้อยกเว้นนั่น มีอะไรเพิ่มอีกไหมครับ

    แต่ผมเห็นส่วนใหญ่ที่ถามกันมา ก็ไม่พ้นเรื่องนี้เลย และมักจะอ้างสิ่งนี้เสมอ เช่น เรื่องกรรม เป็นต้น

    สำหรับคติพุทธ เห็นด้วยในสิ่งนี้ แต่สำหรับคติอื่นๆ อาจเทียบเคียงภพภูมิ ซึ่งก็เป็นไปได้ตามคติของเขา ยังไงเสีย คติพุทธก็ย่อมเคารพพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว
     
  11. murano

    murano Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +57
    ครือว่า... ธรรมชาตินั้น ไม่มีอะไรที่ 100% มันมี error เกิดขึ้นเสมอ โดยปกติ เมื่อตายแล้ว จิตจะไปเกิดทันที แต่ก็อาจมี error เกิดขึ้นบ้างก็ได้
    ซึ่งปริมาณผี (วิญญาณ) เมื่อเทียบกับปริมาณคนตาย ก็นับว่าน้อยมาก

    ส่วนเรื่องเทวโลก กับพรหมโลกนั้น ก็เหมือนกับเราถามว่า ชาวนาแม็กนั้น ทำอะไรกันบ้าง บนดาวนาแม็กมีม็อบหรือไม่ เนื่องจากนายจ้างชาวนาแม็กเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม.... ซึ่งเป็นคำถามที่ไม่ควรจะถาม อิอิ
     
  12. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    สิ่งที่ไม่ควรถามเกี่ยวกับอจินไตย เพราะเป็นเรื่องราวที่ไม่สามารถหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ได้ แต่ปรากฎว่าในพระคัมภีร์ก็ดี ได้กล่าวถึงการเรื่องกรรม กำเนิดโลก/เอกภพ ฌาณ(ญาณ) และพุทธวิสัย ก็ล้วนแล้วแต่อ้างอิงด้วยกันทั้งสิ้น อย่างนี้จะไม่ได้ถาม ก็กระไรอยู่ แต่หากไม่บัญญัติเสียก็ไม่ได้อีกนั้นแหละ ก็พิจารณาดูก็แล้วกัน
     
  13. สมรปราง

    สมรปราง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2008
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +263
    เข้ากระทู้นี้ช้าไป แต่มาช้าดีกว่าไม่มานะค่ะ

    1)ไม่ได้ปฏิบัติในแนวมโนมยิทธิเหมือนกันและก็ไม่ได้เห็นวิญญาณหรือเทวดาบ่อย ปกติก็จะเห็นได้ด้วยตาจิต แต่บางครั้งลืมตาแล้วเพราะตกใจกลัวจากการถูกรบกวนเป็นอุปสรรคไม่สามารถรวบรวมสมาธิใหม่ได้เพราะฝึกยังไม่เก่ง
    ส่วนมากพอไม่เห็นจะไม่สบายใจว่าเขามาดีหรือมาร้ายก็จะอาราธนาขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (ไม่ขอเอ่ยพระนาม)
    ขออนุญาตใช้ตาในของท่าน (ตาทิพย์) ผ่านตาเนื้อของข้าพเจ้า มองแทน + มนต์ป้องกัน
    2) ค่ะแต่ละองค์เขาก็มีหน้าที่ต่างกันไปแล้ว องค์ที่เป็นใหญ่เขาจะจัดแบ่งตามความถนัด ความพอใจ
    3) ข้อที่สามตอบไม่ได้ปัญญายังไม่ถึง ..กลัวตอบผิด.....

    เคยเจอแบบนักเดินธรรมด้วยแหละ นานเป็น 10 ปีแล้วล่ะเป็นผีหัวขาด(คนโบราณที่ถูกตัดหัวเพราะทำผิด)
    ...เขาตามมาเรียกให้พ่อแม่ดูก็ไม่เห็น ..ทั้งที่เราเห็นผ่านตาเนื้ออยู่ตรงหน้า เวลาทำสมาธิจะเห็นผ่านตาในหรือตาที่สามลอยวนไปวนมารอบตัว เป็นไงหรือค่ะ..ก็เป็นบ้าไป 3 วัน จนแม่กลัวมากพาไปให้หลวงพ่อทีวัดไล่ให้ หลังจากทุกอย่างเรียบร้อย

    พระท่านบอกว่าให้ทำบุญกรวดน้ำให้เขาด้วย ..ก็ไปสนใจมากไปยืนดูเขาตั้งนาน เขาก็เลยสนใจกลับตามมาขอส่วนบุญดันกลัวไม่ให้เขาอีก เลยราวีไม่เลิก ...ข้าพเจ้าโมโหมากก็ว่ากลับมาให้มันสวยหน่อยสิ จะได้ไม่กลัว ดันหลอกให้กลัวเลยนึกอะไรไม่ออก หลวงพ่อท่านเลยสอนว่าการปรากฏตัวของวิญญาณนั้น ถ้าเป็นวิญญาณชั้นต่ำมีบาปเคราะห์เขาไม่มีอำนาจจะเนรมิตกายได้ ก็มาแบบนั้นแหละ ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเขาก็เสียใจเหมือนกัน...ก็เลย "อ๋อ" / "I see"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2009
  14. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    3. .....อรูปพรหมเข้านิพพานก็ได้เพียงแต่เขาจะรู้วิธีวิปัสสนาหรือเปล่าเท่านั้น


    / นี่แหล่ะ ต้องใช้วิธีวิปัสสนา ระลึกรู้อยู่กับปัจจุบันเท่านั้น แล้วจะรู้ว่า อรูปพรหม เป็นอย่างไร อรูปพรหม จะติดความว่าง แต่ไม่ใช่นิพพาน เพราะถ้าไปติดว่างตรงนั้น บางคนจะนึกว่านั่นคือนิพพาน หรือเหนือกว่านั้นเป็นนิพพาน จริง ๆ แล้วไม่ใช่ ต้องใช้วิธีเจริญวิปัสสนาต่อ อย่างเดียว เพื่อให้สติระลึกรู้ว่าติดความว่างอยู่ พอออกมาจากความว่าง ทีนี้สติจะรู้สึกทันจิตเกิด-ดับ ที่เค้าเรียกว่า ความเกิดดับแห่งปฏิจจสมุปาท
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG][​IMG] [​IMG][​IMG]
     
  16. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    นิพพานในฐานะเป็นบรมสุข
    สภาวะหรือคุณลักษณะของนิพพาน ที่ได้รับการอธิบายไว้ในพระไตรปิฎก และอรรถกถาหลายแห่ง ก็คือ นิพพานในฐานะเป็นสภาวะของความสุข เป็นสภาวะสงบเย็นและสิ้นสุด ความกระวนกระวายอันเนื่องมาจากความคลายกำหนัดยินดี เพราะอำนาจของความอยาก

    พระนิพพานเป็นอสังขตธรรม เป็นสภาวะที่ไม่ถูกปัจจัยปรุงแต่ง จึงเป็นสภาวะที่ไม่ตกอยู่ใต้อำนาจของเงื่อนไข เป็นสภาวะที่อยู่เหนือไตรลักษณ์ กล่าวคือ อนิจจัง (ความไม่เที่ยง) ทุกขัง (ความเป็นทุกข์) อนัตตา (ความไม่มีตัวตน) ปราศจากกิเลสเครื่องทำให้เร่าร้อนทั้งปวง อันได้แก่ ความเร่าร้อนเพราะราคะ โทสะ โมหะ นิพพานจึงเป็นสภาวะที่สงบเย็น ไม่มีความเร่าร้อน ความกระวนกระวาย ความหิวกระหายด้วยอำนาจของกิเลส เป็นสภาวะแห่งความสุขที่

    แท้จริงดังพระพุทธพจน์ที่ว่า...
    ยญฺจ กามสุขํ โลเก ยญฺจิทํ ทิวิยํ สุขํ
    ตณฺหกฺขยสุขสฺส เต กลํ นคฺฆนฺติ โสฬสินฺติ

    ความสุขในโลกและสุขอันเป็นทิพย์ (สุขในเทวโลก) ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งสุข คือความสิ้นตัณหา
     
  17. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ตอบเป็นข้อๆนะครับ(แต่อย่ายึดเป็นหลักนะ)

    มโนมยิทธิ คือฤทธิ์ทางใจ ผลของมโนมยิทธิ์ คือ ทิพย์จักขุญาณ .....ทิพย์จักขุญาณ หมายถึง ความรู้สึกทางใจคล้ายตาทิพย์....
    การจะเห็นวิญญาณได้นั้น สามารถเห็นได้ทั้ง 2 อย่าง ครับ...แล้วแต่เหตุการณ์


    เทพพรหมเทวดานั้น....เป็นผลที่พิสูจน์ได้ยาก....แต่ไม่ใช่ว่าไม่ได้...อยากรู้ละเอียด...ฝึกให้ได้...ไปถามเอง......


    ถ้าไปเกิดเป็นอรูปพรหมแล้วจะฝึกต่อ....เป็นไปไม่ได้เลยครับ.....
    อยากรู้ข้อนี้ละเอียดไปดูอารมณ์ของอรูป 4 สิครับ......หรือไมก็ฝึกให้ได้เอง....แล้วจะหมดความสงสัยครับ.......

    คำถามเรื่องของการปฏิบัติ .....ไม่สามารถจบความสงสัยได้ด้วยการถาม.....หากจะจบลงได้ด้วยการปฏิบัติให้รู้...และเห็นเอง.....เท่านั้น...

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2009
  18. สมรปราง

    สมรปราง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2008
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +263
    ตอบข้อ 3 ได้ถูกใจ ...หมายความว่าไม่สามารถจบความสงสัยได้ด้วยการถาม.....หากจะจบลงได้ด้วยการปฏิบัติให้รู้...และเห็นเอง.....เท่านั้น.
    ไม่รู้ไม่เห็นเอง อย่าเชื่อกับสิ่งที่เขียนในหนังสือ.. ให้ไปหาคำตอบกันเอาเอง...เขาก็บอกแบบนั้นแหละ...
     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณแวนครับ ถ้าเคยหลับตาฝึกฝนอบรมสมาธิมาก่อนอย่างจริงจังแล้ว
    ย่อมต้องรู้จักตาในดีพอสมควร เนื่องจากจิตเป็นธาตุรู้ ไม่มีรูปร่างกายที่แน่นอน
    ไม่มีภาษาพูดเฉพาะ แต่รู้และเข้าใจสิ่งต่างได้โดยไม่เสียเวลาเลย
    เพื่อแค่นึกน้อมเท่านั้นครับ
    ในสิ่งไม่มีรูปร่างให้จับต้องได้ ก็ต้องใช้สิ่งที่มีสภาวะเดียวกันเท่านั้นครับ
    ที่จะเห็นหรือสื่อสารกันได้ครับ

    ข้อสองเป็นเรื่องของกายทิพย์
    ซึ่งเป็นเรื่องที่มีครูบาอาจารย์หลายท่านกล่าวไว้มากมายในหลายที่
    แต่ละท่านทั้งหลายเหล่านั้นใช้เป็นอุบายในการอบรมสั่งสอนลูกศิษย์หา
    ซึ่งมีกำลังจิตใจต่างกรรมต่างวาระ
    พอสรุปได้ว่าแท้ที่จริงแล้วท่านทั้งหลายเหล่านั้น
    ต้องการเพียงเพื่อให้ลูกศิษย์หาลงมือปฏิบัติทางจิต(สมาธิ)
    เพื่อพัฒนาจิตใจให้ใฝ่ในกุศลเท่านั้นครับ

    ข้อสุดท้ายผู้ที่จะบรรลุพระอรหันต์ได้นั้นต้องเป็นมนุษย์เท่านั้นครับ
    ยกเว้นแต่สุทธาวาสพรหม เป็นเพียงที่พักอาศัยชั่วคราวของพระอนาคามีเท่านั้น

    ;aa24
     

แชร์หน้านี้

Loading...