คุก 2 พันปี ศิษย์อดีตรองสมภารวัดเทพศิรินทร์

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย สังขารไม่เที่ยง, 18 พฤศจิกายน 2010.

  1. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,698
    คุก 2 พันปี ศิษย์อดีตรองสมภารวัดเทพศิรินทร์


    <SCRIPT src="http://app.sanook.com/weblog/counter/js/?zone=news&site_id=71&weblog_id=21&entry_id=982554" type=text/javascript></SCRIPT>
    [​IMG]
    คุก 2 พันปี ศิษย์อดีตรองสมภารวัดเทพศิรินทร์
    (18 พ.ย.) ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษา ในคดีที่พนักงานอัยการกองคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายผาสุก ขาวผ่อง หรือ พระราชปัญญาโกศล หรือ เจ้าคุณอุดม อดีตรองเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ กับพวกซึ่งเป็นฆราวาสและข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ รวม 16 คน เป็นจำเลยในความผิด ฐานร่วมกันปลอมแปลงเอกสารใบอนุโมทนาบัตร ที่รับเงินบริจาคจากชาวบ้าน ซึ่งเป็นเอกสารราชการเพื่อนำไปยื่นต่อกระทรวงศึกษาธิการในการที่จะขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เหตุเกิดเมื่อปี 2531
    โดย ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ปี 2548 ลงโทษจำคุก อดีตรองเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ จำเลยที่ 1 ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว เป็นเวลา 1,130 ปี ซึ่งจำเลยในคดีนี้ได้เสียชีวิตไปแล้วรวม 10 คน
    ศาลอุทธรณ์ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษากันแล้วเห็นควรพิพากษาแก้โทษจำเลยแล้ว 3 คน โดยสั่งเพิ่มโทษจำคุกจำเลยที่ 4 คือ นายอรุณ เพชรรัตน์ จากเดิม 1,130 ปี เป็น 2,234 ปี จำเลยที่ 5 คือ นายมนตรี จำนง ศาลสั่งเพิ่มโทษจากเดิมจำคุก 1,170 ปี เป็น 2,180 ปี ส่วนจำเลยที่ 9 คือ นายอารีย์ ศาสระสาระ ศาลสั่งลดโทษจากเดิม 2,660 ปี เหลือโทษจำคุก 1,470 ปี แต่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้ลงโทษจำคุกจำเลยสูงสุด 50 ปี
    ส่วนจำเลยที่ 8 พิพากษาลงโทษจำคุก 1,920 ปี ส่วนจำเลยที่ 10 และ 16 พิพากษายกฟ้องตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น


    คุก 2 พันปี ศิษย์อดีตรองสมภารวัดเทพศิรินทร์
     
  2. เพชรกร

    เพชรกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +1,254
    คือไม่รู้ข้อเท็จจริงนะครับก็เลยไม่อยากออกความเห็นเเต่ถ้าเค้าบริสุทธิ์ก็น่าส่งสารนะครับติดคุกเพราะคนใกล้ชิดเเท้ๆพอดีผมเจอ คห มา คห หนึ่งนะครับก็อยากให้ลองอ่านดู

    เจ้าคุณอุดมฯมีนามเดิมว่าผาสุก ขาวผ่อง
    ถือกำเนิดที่นครนายกเมื่อเติบโตขึ้นได้บรรพชาเป็นสามเณรและได้ติดตามพระวรญาณวิสุทธิ์ วรเลโข
    มาพำนักที่วัดเทพฯ จนกระทั่งอายุครบอุปสมบทได้บวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่วัดเทพฯโดยมีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
    ญาณวรเถระ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระศรีวิสุทธิวงศ์ ชินทัตโตและพระมหาเขียน วรเลโข เป็นกรรมวาจาจารย์
    หลังจากนั้นได้เล่าเรียนประโยคธรรม
    ประโยคบาลีเรื่อยมาแต่มิเคยสมัครเข้าสอบประโยคบาลีเลยแม้แต่ครั้งเดียว
    เพราะมาสนใจในการปฏิบัติงานฝ่ายธุรการที่มีความชำนิชำนาญโดยเฉพาะจนเป็นที่ถูกใจทั้งชาววัดและชาวบ้าน
    จนได้เลื่อนฐานะเป็นพระครูอุดมคุณาทร ต่อมาในปี ๒๕๑๓ ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรสมณศักดิ์ชั้นพระราชาคณะ
    มีราชทินนามว่าพระอุดมสารโสภณและได้เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทพฯ มีผลงานในด้านพัฒนาดังนี้
    ก่อสร้างโบสถ์วัดวังกระโจมที่ค้างอยู่จนแล้วเสร็จเป็นเงินแปดแสนบาท
    ซื้อที่ดินขยายเขตวัดวังกระโจมสามแสนแปดหมื่นบาท สร้างโรงเรียนนวมฯสามล้านบาท หอประชุมนวมฯเจ็ดแสนบาท
    ก่อสร้างศูนย์การศึกษาวันอาทิตย์สองล้านบาท จัดตั้งมูลนิธิทุนส่งเสริมการศึกษา ฯลฯ
    ซึ่งจะเห็นว่าท่านสร้างสาธารณะสถานที่มีประโยชน์ไว้มากจริงๆ
    ในเรื่องที่มีคนกล่าวหาว่าหลังจากที่สึกไปเพราะคดีเครื่องราชนั้นท่านได้ทรัพย์สินไปมหาศาลอันนี้เป็นเรื่
    องจริงครับ
    ของเพียงชิ้นเดียวที่ท่านได้ติดตัวไปเมื่อสึกหาลาเพศจากผ้ากาสาวพัสตร์คือจีวรท่านเจ้าคุณนรฯหนึ่งผืนที่
    ประเมินมูลค่าไม่ได้!!! แต่ต้องขอโทษด้วยว่าสิ่งที่ท่านได้ไปนั้นเป็นสิ่งที่มี “คุณค่า”
    ไม่ใช่เงินทองจากการสร้างพระที่มี “มูลค่า” อย่างที่หลายคนหาว่าท่านได้ไป
    ท่านอยู่ได้ด้วยการดูแลจากกลุ่มธนาคารกรุงเทพฯและโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ที่คอยรักษาเมื่อเจ็บป่วย
    คนที่รู้จริงที่รักท่านจริงเท่านั้นที่ยังคงติดต่อไปมาหาสู่
    คนเหล่านี้นี่แหล่ะครับที่รู้จริงว่าเจ้าคุณอุดมฯเป็นพระใจดี
    เป็นนักแจก(เกี่ยวโยงไปถึงพระเครื่องชุดวัดเทพฯที่คนสวดว่ามีเสริมอีกเป็นจำนวนมาก
    ผมถามง่ายๆแค่ว่าหลังจากท่านเจ้าคุณนรฯมรณภาพไม่ถึงปี
    คนที่ไปหาเจ้าคุณอุดมฯที่วัดแล้วยังคงได้รับพระเครื่องที่ความจริงให้บูชาจนหมดแล้วเพราะอะไร
    ก็เพราะท่านใช้การยืมจากคอลูกศิษย์ลูกหาใกล้ชิดเพื่อแจกให้คนที่ไม่มี
    ซึ่งการยืมนั้นลูกศิษย์ก็เต็มใจให้ทั้งๆที่รู้แก่ใจว่าไม่ได้คืนเพราะพระหมดแล้ว
    แต่ก็ให้เพื่อแบ่งปันกันไป ผมถามว่าถ้าพระมีเสริมเป็นจำนวนมาก ทำไมถึงไม่พอแจกคนที่ไปหา ณ
    เวลาหลังจากท่านเจ้าคุณนรฯมรณภาพไม่นาน?) อยากให้พี่น้องเข้าใจว่าพระมีหลายแบบ
    อย่างพระปฏิบัติคือท่านเจ้าคุณนรฯที่พวกเราศรัทธา พระที่สนใจพระปริยัติที่ศึกษาธรรมในพระไตรปิฏก
    พระนักเทศน์อย่างหลวงพ่อดังๆหลายๆองค์ แล้วก็ยังมีพระนักพัฒนา ที่เจ้าคุณอุดมฯท่านเลือกที่จะเป็นครับ
    ท้ายที่สุดนี้หวังว่าความกระจ่างที่ผมให้แก่พี่น้องไปคงจะช่วยลบมลทินจากคำปากคนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่
    กล่าวหาท่านได้บ้าง ขอให้ดวงวิญญาณที่สร้างความดีหลายๆอย่างไว้นี้จงสู่สุขคติ
    เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขอเล่าเพิ่มเติมว่าปัจจุบันกระดูกท่านถูกเก็บรักษาไว้ที่วัดนางหงษ์ จ.นครนายก
    ที่ซึ่งท่านเคยนำพระสมเด็จพิมพ์ผาสุกเล็กที่สร้างขึ้นทั้งหมดไปมอบให้พระครูตี๋เพื่อช่วยหาปัจจัยในการทำน
    ุบำรุงวัด(สมเด็จผาสุกเล็กไม่มีให้เช่าทำบุญที่วัดเทพฯ)
     
  3. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,437
    กฏหมายยุติธรรมเที่ยงแท้ค่ะ.............
     
  4. wara99

    wara99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    379
    ค่าพลัง:
    +892
    อริยทรัพย์ เป็นสมบัติของ พระอริยเจ้า ยิ่งใช้ยิ่งเพิ่ม ยิ่งรู้ ยิ่งสว่าง

    โภคทรัพย์ เป็นสมบัติของพระยามาราธิราช ยิ่งใช้ยิ่งผูกภพ ยิ่งใช้ยิ่งหลง

    ปุถุชน ยังคงหลงในโภคทรัพย์ แต่ถ้ามีปัญญา และเข้าถึงกระแสอริยะ อันมีโสดาบันเป็นต้น

    ก็จะตัดโภคทรัพย์ มุ่งสู่อริยทรัพย์

    กระแสอริยทรัพย์จะไม่ร่ำรวยด้วยโภคทรัพย์ แต่จะร่ำรวยด้วยศรัทธา พระป่าจึงไม่สนใจสร้างวัตถุ

    แต่ท่านมุ่งเน้นการสร้างคน
     

แชร์หน้านี้

Loading...