คุณแม่บุญเรือน****อ.ชุม ไชยศีรี

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย บุญครอง, 4 มิถุนายน 2010.

  1. บุญครอง

    บุญครอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +386
    :cool:สวัสดีครับ สมาชิกชาวพลังจิตทุกท่าน ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบสะสมพระเครื่องสิริมงคลต่างๆ และอย่างแลกเปลี่ยนความรู้กับ พี่ๆน้องๆ เพิ่งเป็นสมาชิกใหม่ครับขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ
    วันนี้ได้นำเอาประวัติของท่าน อ.ชุม มาให้เพื่อนๆได้อ่านกันครับ :cool:

    spd_20100531223013_b[1].jpg
    ประวัติอาจารย์ชุม ไชยคีรี (สำนักเขาอ้อ)

    <TABLE style="PADDING-BOTTOM: 50px; PADDING-LEFT: 20px; PADDING-RIGHT: 15px" border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD class=Article_Detail>ประวัติอาจารย์ชุม ไชยคีรีอาจารย์ชุม ไชยคีรี เป็นศิษย์สำนักเขาอ้อสายตรง ท่านสนใจในวิชาไสยศาสตร์มาแต่เยาว์วัย เมื่ออายุได้เพียง 5 ขวบ ก็สามารถภาวนาคาถาแค่สองคำ สะกดงูพิษทุกชนิดไม่ให้อ้าปากขบกัดได้เป็นที่น่าอัศจรรย์ แม้สุนัขก็เช่นกัน อาจารย์ชุมได้เรียนวิชาอาคมจากพ่อของท่านตั้งแต่ยังเ ด็กๆ ท่านเรียนวิชาได้เร็ว ทำอะไรก็ขลัง มีความเชี่ยวชาญในวิชาอาคมจนได้รับความเชื่อถือจากชาวบ้าน เมื่ออายุได้ 7 ขวบ ก็เคยเอามือปิดปากกระบอกปืนของเพื่อนบิดาที่มาเยี่ยมบ้าน ท่องคาถาเพียง 11 ตัว ยังเป็นเหตุให้ปืนยาวเหล่านั้นถึงแตกระเบิดเมื่อนำไปยิง เกิดมาเพื่อ "เป็น" โดยแท้
    จนอายุครบบวชก็ได้ไปบวชที่วัดไชยมงคลกับพระอาจารย์คง อาจารย์ชุมหลังจากบวชแล้วก็ตั้งใจศึกษาพระธรรม จนต่อมาท่านได้ไปที่พัทลุง ท่านจึงไปขออยู่ร่วมสำนักเขาอ้อ ฝากตัวเป็นศิษย์อาจารย์เอียด วัดดอนศาลา โดยมีท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นผู้รับรองความประพฤติ อาจารย์ชุมได้รวบรวมตำราเขาอ้อที่กระจัดกระจายไปอยู่ ยังที่ต่างๆ ในระหว่างบวชท่านได้รู้จักกับหลวงพ่อคง วัดบ้านสวนและมีความเคารพซึ่งกันและกัน ต่อมาอาจารย์ชุมบวชอยู่ 15 พรรษา ลาสิกขาบทเมื่ออายุ 35 ปี และได้แต่งงานมีครอบครัว แต่ก็ยังคงติดต่อกับหลวงพ่อคง วัดบ้านสวนอย่างสม่ำเสมอ อาจารย์ชุมมีความใฝ่รู้ในวิชาเวทมนต์คาถายิ่งนัก ครูบาอาจารย์ท่านใดในยุคเก่าก่อนที่ว่าเก่ง ท่านเป็นต้องไปขอเรียน ขอศึกษาเอาจนได้ และนำสรรพวิชาเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ได้เป็นอย่างดี
    โดยพื้นฐานของจริตนิสัยในแต่ละคน เมื่อจิตใจมีความเมตตาอยู่เป็นนิตย์ ก็มักทำของไปทางมหาเสน่ห์ได้ผลกว่าวิชาอื่นๆ หากจิตใจออกไปทางนักเลง กล้าสู้ กล้าลุย ของที่ทำออกมาจะหนักไปทางคงกระพันชาตรีเป็นส่วนมาก เรียกว่าถนัดอะไรก็เก่งไปอย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่อาจารย์ชุม
    ฆราวาสผู้แตกฉานท่านนี้ เมื่อต้องการให้เป็นทางคงกระพัน ท่านก็สามารถกำหนดจิตได้ทันที ขนาดทดสอบเชือดเนื้อ เถือหนัง พิสูจน์กันเห็นๆ ครั้นจะแสดงทางมหาอุด ก็สั่งศิษย์ลงนั่ง ให้ผู้มีอาวุธปืนทุกชนิด ทดลองยิงข้ามศีรษะได้เลยไม่ออกสักกระบอกเดียว
    เมื่อจะแสดงวิชามหานิยม ก็เสกน้ำมันงา ทาหนูกับแมว แล้วปล่อยเข้ากรงเดียวกัน ถ้าเป็นลูกหนูกับแม่แมว ลูกหนูทั้งหมดก็จะคลานเข้าไปดูดกินนมแม่แมว หน้าตาเฉย และแม่แมวก็ยอมนอนให้กินแต่โดยดี จะทำกี่ตัวกี่ครั้งก็มีผลเช่นเดียวกันหมด เป็นสุดยอดของมหานิยมจริงๆ
    พิสูจน์ได้ทุกเวลาทุกสถานที่นี้เอง เป็นเหตุให้อาจารย์ชุมปรากฏชื่อลือชาไปทั่ว ได้รับเชิญไปงานพุทธาภิเษกและสาธิตวิชาต่างๆ ไม่ว่างเว้น แลท่านก็สามารถแสดงจิตตานุภาพให้เป็นที่ตื่นตะลึงมาแล้วหลายต่อหลายพิธี ท่านได้มีส่วนร่วมในการสร้างวัตถุมงคลของเขาอ้อหลายครั้ง และได้รับการยกย่องว่าเป็นฆราวาสผู้มีอาคมขลังมากผู้หนึ่ง ในบั้นปลายชีวิตของท่าน ท่านย้ายครอบครัวมาอยู่กรุงเทพ และอยู่มาจนเสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ. 2525

    บรรพบุรุษของอาจารย์ชุมสืบสาวราวเรื่องเริ่มต้นได้จาก "ขุนไชย์คีรี" ต้นสกุล "ไชยคีรี" ซึ่งเคยเป็นนายกองคนสำคัญของพระยาทุกขราษฎร์ (ช่วย) ในยุคที่พระยาแก้วโกรพพิชัยเป็นเจ้าเมืองพัทลุง มีส่วนสำคัญในการนำทัพออกไปต้านข้าศึกร่วมกับพระยาทุกขราษฎร์ (ช่วย)ในสมัยที่ท่านยัง พระมหาช่วย เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลย์ และตอนนั้นขุน ไชยคีรี ก๊มีฐานะเป็นนายบ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในละแวกอำเภอชัยสน

    ขุนไชยคีรีผู้นี้เคยมาศึกษาเล่าเรียนอยู่ในสำนักเขาอ้อหลายปี สมัยที่ท่านปรมาจารย์จอมทองเป็นเจ้าสำนัก ได้วิชาความรู้จากสำนักเขาอ้อไปมาก ภายหลังได้ออกไปมีครอบครัว และได้รับยกย่องให้เป็นผู้นำชุมชนในตำแหน่งนายบ้านที่เขาชัยสน เมื่อเกิดสงครามพม่ารุกราน ก็ได้เข้าไปช่วยพระมหาช่วย จนได้รับชัยชนะและภายหลังได้รับปูนบำเน็จ


    บรรดาศักดิ์เป็นขุนในราชทินนาม "ขุนไชยคีรี" ในขณะที่พระมหาช่วยเกิดความละอายแก่ตัวเองที่คิดว่าแปดเปื้อนในการศึกสงคราม ตัดสินใจลาสิกขา ทางบ้านเมืองตอบแทนคุณงามความดีของท่านโดยแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยราชการเมืองพัทลุง และได้รับพระกรุณาโปรดฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระยา" มีราชทินนามว่า "พระยาทุกขราษฎร์" ซึ่งปัจจุบันชาวเมืองพัทลุง พร้อมใจกัน ยกย่องให้เป็นวีรบุรุษประจำเมือง

    ขุนไชยคีรีมีบุตรธิดาหลายคน แต่ละคนล้วนได้รับวิชาไสยเวทย์ให้สืบทอดต่อ บางคนก็ได้เดินทางมาเรียนเพิ่มเติมที่สำนักเขาอ้อหนึ่งในนั้นคือ "หมื่นสิริพันธ์พิรุณ" หมื่นสิริพันธ์พิรุณได้รับถ่ายทอดวิชาไสยเวทมาจากขุนไชยคีรี และต่อมาได้เข้ามาเรียนต่อที่สำนักเขาอ้อจนเชี่ยวชาญ
    กลับไปอยู่บ้านเขาชัยสน ได้รับยกย่องจากชาวบ้านให้เป็นนายบ้านสืบต่อจากขุนไชยคีรีผู้เป็นบิดา ขณะที่นายบ้านหมื่นสิริพันธ์พิรุณก็ได้สืบทอดเจตนารม ณ์ของบิดาและอาจารย์แห่งสำนักเขาอ้อ โดยได้เข้าร่วมทัพต้านศึกทั้งพม่าและสลัดมลายู ไม่แน่ใจว่าในคราวพระยาพัทลุง (ทองขาว ณ พัทลุง)หรือว่าในคราวพระยาพัทลุง (จุ้ย จันทโรจนวงศ์)เป็นเจ้าเมืองพัทลุง แต่ได้มีวีรกรรมในการร่วมปกป้องบ้านเมืองแน่นอน จึงมีความดีความชอบได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหมื่น มีราชทินนามว่า "หมื่นสิริพันธ์พิรุณ"

    หมื่นสิริพันธ์พิรุณ มีบุตรธิดาหลายคนทุกคนล้วยได้รับถ่ายทอดวิชาไสยเวทย์ บางคนต่อมาได้มาเรียนที่สำนักเขาอ้อจนเชี่ยวชาญเหมือนบรรพบุรุษ หนึ่งในจำนวนนั้นคือบิดาของอาจารย์ชุม ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ไม่ทราบนาม พยายามสืบถามหาจากหลายคนก็ไม่มีใครทราบ แม้กระทั่งทายาทของอาจารย์ชุมเอง เพราะท่านผู้นี้เสียชีวิตไปนานแล้ว

    บิดาของอาจารย์ชุมได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ไสยเวทย์ผู้ที่มีความเข้มขลังผู้หนึ่ง เรียกได้ว่าสมัยนั้ยละแวกเขาชัยสน ไม่มีใครโด่งดังไปกว่าท่านผู้นี้ ท่านได้จัดตั้งเป็นสำนักเล็กๆ เพื่อถ่ายทอดวิชาให้กับผู้ที่สนใจ มีคนไปเรียนกันพอสมควร ลูกๆโดยเฉพาะลูกชายจึงได้รับอิทธิพลในเรื่องนี้ไปด้วย ตัวอาจารย์ชุมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

    บิดาของท่านอาจารย์ชุม เป็นอาจารย์ไสยเวทย์ที่มีชื่อเสียงมากสมัยนั้น มีพรรคพวกที่สนใจทางนี้อยู่มาก หนึ่งบรรดามิตรสหายของท่านก็คือ ท่านอาจารย์คง พระครูธรรมโฆษณ์เจ้าอาวาสวัดไชยมงคล จังหวัดสงขลา ซึ่งท่านผู้นี้ก็มีความรู้ในทางไสยเวทย์เป็นอย่างดี และเก่งในทางโหราศาสตร์เป็นพิเศษ มีอยู่ครั้งท่านเดินทางมาอำเภอเขาชัยสน ขณะที่วัดเขาชัยสนกำลังมีการประชุมกำนันนายบ้านและในวันนั้นเอง อาจารย์ชุมก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งตอนนั้นบิดาของท่านอาจารย์ชุมกำลังร่วมประชุมอยู่ พระอาจารย์คงจึงบอกว่าเด็กคนนี้มีบุญเกิดในขณะที่คนส ำคัญกำลังประชุมกันพอดีให้ชื่อมันว่า"ชุม"ก็แล้วกัน

    ทารกคนนั้นจึงได้นามว่า "ชุม" ตั้งแต่บัดนั้นและพร้อมกันนั้นพระอาจารย์คง ก็ได้นพดวงชะตาทารกชุมมาตรวจดูพบว่า เด็กคนนี้มีบุญวาสนาสูงมาก ต่อไปภายหน้าจะมีชื่อเสียงจะเป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป พระอาจารย์คงจึงสั่งว่าเมื่อเขามีอายุครบบวชก็ขอให้ไปบวชที่วัดของท่าน

    อาจารย์ชุมเองมีความสนใจเรื่องไสยศาสตร์เป็นนิสัย ทราบว่าพอฝึกเรียนเขียนได้อ่านออกก็ได้อยู่ใกล้ชิดบิดามาก จึงเห็นการประกอบพิธีกรรมต่างๆ และบิดาของท่านก็เริ่มสอนคาถาสอนอาคมให้ตั้งแต่ยังเล็กๆ ผู้ใหญ่ที่อยู่ในวงการไสยศาสตร์ที่รู้จักอาจารย์ชุมดี พูดกันว่าอาจารย์ชุมมีพรสวรรค์ในเรื่องนี้ เรียกว่าเรียนอะไรก็จำดี ทำอะไรก็ขึ้นเอาดีทางไสยเวทย์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ถึงแม้ว่าอาจารย์ชุมได้เรียนไสยเวทย์ขั้นพื้นฐษนกับบิดา แต่ท่านค่อนข้างที่จะเป็นคนรักการศึกษา เคารพในเหตุผลไม่เชื่ออะไรง่ายๆ แม้ในวัยเด็กบิดาของท่านได้สอนคาถาให้เพียงไม่กี่บท ซึ่งคาถาบทแรกที่สอนให้คือคาถาป้องกันพิษงู เพราะสมัยนั้นบ้านนอกมีสัตว์พวกนี้มาก ในวัยซนมักได้รับอันตรายจากสัตว์พวกนี้ บิดาอาจารย์ชุมจึงสอนคาถาให้ลูกชายไว้ป้องกันตัว อาจารย์ชุมเมื่อได้เรียนคาถานั้นแล้วก็อยากทดลองว่าเป็นอย่างที่พ่อพูดหรืแปล่า จึงไปจับงูกะปะมาตัวหนึ่งแล้วร่ายคาถาปรากฎว่างูกะปะทำอะไรไม่ได้จริง และต่อมาเมื่อท่านอายุได้ 7 ขวบบิดาก็ให้ท่องคาถากระสุนคดหรือที่รู้กันอีกนามว่ากรุสุนตก บิดาสอนให้แล้วก็สั่งห้ามไม่ให้แตะปืนของใคร เพราะอาจทำให้ปืนของเขาแตก เด็กชายชุมก็ไม่เชื่อเมื่อผู้ใหญ่เผลอ ก็ลองท่องแล้วเอามือไปลูบปืนของบิดาเพื่อนคนหนึ่งปรากฏเมื่อถึงเวลาใช้ปืนกระบอกแตกกระสุนตกแค่ปลายกระบอกเองเมื่อได้สัมผัสเหตุมหัศจรรย์เหล่านั้น

    อาจารย์ชุมเลยเกิดความเชื่อถือในวิชาไสยศาสตร์ตั้งแต่บัดนั้น ซึ่งตอนนั้นอายุยังไม่ถึง 10 ขวบภายหลังจากนั้นก็ตั้งใจเรียนเต็มที่ บิดาก็ถ่ายทอดให้อย่างไม่ปิดบัง เพียงอายุไม่มากนักอาจารย์ชุมก็มีความเชี่ยวชาญในเรื่องคาถาอาคมได้รับการนับถื อจากชาวบ้านตั้งแต่ยังหนุ่มถูกยกให้เป็นอาจารย์ตั้งแต่อายุยังไม่มากนัก

    เมื่อมีอายุครบอุปสมบทอาจารย์ชุมก็ได้ปฏิบัตตามสัญญา ที่ให้ไว้กับพระอาจารย์คงวัดไชยมงคลจังหวัดสงขลา จึงได้ไปอุปสมบทที่วัดนั้น ภายหลังจากอุปสมบทแล้ว อาจารย์เกิดชื่นชอบในชีวิตบรรพชิตขึ้นมา จึงไม่ได้ลาสิกขาตามที่ได้กำหนดไว้กล่าวคือแต่เดิมนั้นตั้งใจจะบวชเพียงพรรษาเดียว แต่ต่อมาเกิดเปลี่ยนใจอยู่ครองเพศบรรพชิตต่อไปโดยไม่มีกำหนดเมื่อุปสมบทเป็นพระแล้ว พระอาจารย์ชุมก็ได้รับความนับถือจากชาวบ้านเป็นอย่างมาก ทั้งนี้เพราะก่อนที่ท่านจะบวชก็มีคนเคารพนับถืออยู่มากแล้ว ในฐานะที่เป็นอาจารย์ทางไสยเวท เมื่อมาบวชเป็นพระจึงมาคนนับถือมากขึ้น
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]




    ............................................................................................................................................




    พระเครื่อง ๒๕ พุทธศตวรรษ

    464-1.jpg 464-2.jpg


    พระเครื่องที่มีพิธีกรรมปลุกเสกครั้งยิ่งใหญ่ในเมืองไทย วงการพระจักต้องจารึกพระราชพิธีที่สำคัญยิ่งไว้ในครั้งนั้น ได้แก่ พิธีพุทธาภิเษก หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า 25 พุทธศตวรรษ ซึ่งพิธีนี้ปลุกเสกที่พระอุโบสถวัดสุทัศนเทพวรารามวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานครนี่เอง และนับเป็นพิธีมหาพุทธาภิเษกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นพระเครื่องที่ทางการได้จัดสร้างขึ้นเพื่อนำเงินรายได้จัดสร้างพุทธมณฑลที่ตำบลศาลายา และบูรณปฏิสังขรณ์ปูชนียสถานที่สำคัญๆ ในทางพุทธศาสนาของเรา นับเป็นการสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และถูกต้องครบถ้วนตามพิธีทางศาสนา ทำการปลุกเสกโดยพระคณาจารย์ที่มีชื่อ 108 องค์ ซึ่งทางการได้คัดเลือกมาจาก ทั่วราชอาณาจักร เป็นพระเครื่องที่มีพุทธานุภาพและปาฏิหาริย์หลายอย่างแก่ผู้มีไว้ในครอบครอง
    พระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ มีด้วยกัน 3 ชนิด คือ
    1.พระเครื่องเนื้อทองคำแท้ สร้างเพียง 2,500 องค์
    2.พระเครื่องเนื้อชิน สร้างเพียง 2,421,250 องค์
    3.พระเครื่องเนื้อดิน สร้างเพียง 2,421,250 องค์
    4.พระเครื่องชนิดเหรียญนิกเกิล สร้างเพียง 2,000,000 เหรียญ
    …อนึ่ง นอกจากนี้ก็มีพิมพ์พิเศษ ซึ่ง พล.ต.ต.เนื่อง อาขุบุตร หนึ่งในกรรมการดำเนินงานได้สร้างขึ้นเป็นพิมพ์สี่เหลี่ยม พระชุดนี้ พล.ต.ต.เนื่อง อาขุบุตร ได้นำเข้าพิธีพร้อมกับพระเนื้อชินและเนื้อดิน เมื่อเสร็จพิธีแล้วได้แจกให้กับกรรมการที่มีส่วนในการจัดงานให้ลุล่วงไปด้วยดีคนละหนึ่งองค์ หากผู้ใดจะเช่าบูชานั้นจะสมนาคุณรายที่เช่าบูชาพระเนื้อดินหรือชินพร้อมกันครั้งละ 100 องค์
    …สำหรับพระเนื้อชินและเนื้อดินนั้นมีส่วนผสมที่น่าสนใจมาก คือ พระเนื้อชิน ที่ประกอบด้วยมวลสารของโลหะหลายอย่างเช่น พลวง, ดีบุก, ตะกั่วดำ และ แผ่นเงิน, ทองแดง ที่พระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณทั่วประเทศทำการลงอักขระยันต์มาแล้ว ยังมีชนวน หล่อพระในพิธีอื่นๆ พร้อมผงตะไบ “พระกริ่งนวโลหะ” ทั้งของ สมเด็จพระสังฆราชแพ และ ท่านเจ้าคุณศรี (สนธิ์) วัดสุทัศน์ มาเป็นชนวนในการสร้างที่มากถึง 2,421,250 องค์
    …ส่วน พระเนื้อดินผสมผงเกสร ก็มีมวลสารที่ประกอบด้วยดินจาก ทะเลสาบสงขลาเกาะยอ อ.เมือง จ.สงขลา เป็นส่วนผสมหลัก เนื่องจากดินที่เกาะยอเนื้อละเอียดมีลายเป็นพรายน้ำในตัวและมีสีเหลืองนวลคล้าย พระซุ้มกอ, พระลีลาเม็ดขนุน โดยนำมาผสมกับผงเกสรดอกไม้ 108 ชนิด แล้วยังมีว่านต่างๆ พร้อมดินหน้าพระอุโบสถ, ดินหน้าพระอารามสำคัญของแต่ละจังหวัด และดินจากบริเวณที่ประดิษฐานพระประธานพุทธมณฑล รวมทั้งดินจากสังเวชนียสถาน 4 ตำบล (ประสูติ-ตรัสรู้-ปฐมเทศนา-ปรินิพพาน) จากประเทศอินเดีย โดยมีผงพุทธคุณจากพระคณาจารย์ 108 รูป ผงพระเครื่องที่ชำรุด เช่น พระสมเด็จวัดระฆัง, พระรอด, นางพญา, ผงสุพรรณ, ซุ้มกอ, กำแพงลีลาเม็ดขนุน, ขุนแผนบ้านกร่าง ฯลฯ รวมทั้ง ผงตะไบพระกริ่งนวโลหะ ของ สมเด็จพระสังฆราชแพ, เจ้าคุณศรี (สนธิ์) วัดสุทัศน์ ดังกล่าวข้างต้น
    …เนื่องจากการสร้างพระ 25 พุทธศตวรรษ เนื้อดินผสมผง ตั้งโรงงานสร้างขึ้นในบริเวณวัดสุทัศน์ พระเนื้อดินผสมผงก็สร้างด้วยจำนวนมากเท่ากับเนื้อชิน คือ 2,421,250 องค์ ซึ่งพอสร้างเสร็จและนำเข้าเตาเผาก็จะปรากฏเป็นสีที่แตกต่างกัน เช่น ดำ, น้ำตาลไหม้, เทา, เขียว, ขาวนวล, พิกุลแห้ง, หม้อใหม่, ครีม, ชมพู รวมทั้ง เนื้อสองสี (ที่เรียกว่า เนื้อผ่าน) และหากตั้งข้อสังเกตจะเห็นได้ว่าสีขององค์พระจะคล้ายกับพระที่สร้างในยุคโบราณ ทั้ง พระรอด, พระคง, พระเปิม และ พระบาง รวมทั้งพระเนื้อดินเผาสกุล นางกำแพง, ผงสุพรรณ และพระกรุของเมือง อยุธยา เป็นต้น
    …ประธานฝ่ายสงฆ์ของพิธีกรรม คือ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ วัดบวรนิเวศมหาวิหาร ประธานฝ่ายฆราวาส จอมพล ป. พิบูลสงคราม อดีตนายกรัฐมนตรีสมัยนั้น พลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ ประธานฝ่ายจัดสร้างพระพิมพ์ รองประธานฝ่ายจัดสร้างได้แก่ พลตำรวจตรี เนื่อง อาขุบุตร ท่านได้เป็นกรรมการจัดจำหน่ายให้สาธุชนและผู้มีเกียรติทั้งหลายเช่าบูชาไปสักการะ หรือนำติดตัวเพื่อป้องกันอุบัติเหตุร้ายได้อีกด้วย
    …พิธีกรรม การทำพิธีพุทธาภิเษกปลุกเสกพระเครื่อง ได้นิมนต์พระคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิมาทำพิธีถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกนำสิ่งของที่จะสร้างมาทำพิธีพุทธาภิเษกปลุกเสกเสียก่อนครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2500 ณ พระอุโบสถวัดสุทัศน์ มีพระคณาจารย์มาทำพิธีครบ 108 องค์ ต่อมาเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2500 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ได้ทรงพระกรุณาเททอง หล่อพระทองคำ แล้วทรงพิมพ์พระเนื้อดินและชนิดเนื้อชินเป็นปฐมฤกษ์ แต่วันนั้นได้สร้างในบริเวณวัดสุทัศน์เป็นเวลาถึง 3 เดือนเศษจึงแล้วเสร็จ ต่อมาเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2500 ได้ทำพระเครื่องทั้ง 3 ชนิดดังกล่าวแล้ว เข้าพิธีพุทธาภิเษกอีกครั้งเป็นระยะเวลา 3 วัน 3 คืน รวมเวลาทำพิธีพุทธาภิเษก 2 ครั้ง 6 วัน 6 คืน มีพระเกจิอาจารย์ที่ทางการ ร่วมอาราธนามาปลุกเสก 108 องค์
    …รายนามพระอาจารย์ปลุกเสกพระเครื่องในงานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ ซึ่งได้สร้างเสร็จสิ้นแล้ว ณ พระอุโบสถ วัดสุทัศนเทพวรารามมหาวิหาร เมื่อวันที่ 2-3 และ 4 พฤษภาคม 2500 รวม 3 วัน มีดังนี้คือ
    1. พระครูอาคมสุนทร วัดสุทัศน์ กทม.
    2. พระครูสุนทรสมาธิวัตร วัดสุทัศน์ กทม.
    3. พระครูญาณาภิรัต วัดสุทัศน์ กทม.
    4. พระครูพิบูลย์บรรณวัตร วัดสุทัศน์ กทม.
    5. พระครูสุนทรศีลาจารย์ วัดสุทัศน์ กทม.
    6. พระครูพิศาลสรกิจ วัดสุทัศน์ กทม.
    7. พระมหาสวน วัดสุทัศน์ กทม.
    8. พระมหาอำนวย วัดสุทัศน์ กทม.
    9. พระปลัดสุพจน์ วัดสุทัศน์ กทม.
    10. พระครูวิสิษฐ์วิหารการ วัดชนะสงคราม กทม.
    11. พระสุธรรมธีรคุณ (วงษ์) วัดสระเกศ กทม.
    12. พระอาจารย์สา วัดราชนัดดาราม กทม.
    13. พระปลัดแพง วัดมหาธาตุ กทม.
    15. พระวรเวทย์คุณาจารย์ วัดพระเชตุพน กทม.
    16. พระครูฐาปนกิจประสาท วัดพระเชตุพน กทม.
    17. พระอินทรสมาจารย์ วัดพระเชตุพน กทม.
    18. พระครูวินัยธร (เฟื่อง) วัดสัมพันธวงศ์ กทม.
    19. พระครูภักดิ์ วัดบึงทองหลาง กทม.
    20. พระครูกัลญาณวิสุทธิ วัดดอนหวาย กทม.
    21. พระอาจารย์มี วัดสวนพลู กทม.
    22. พระอาจารย์เหมือน วัดโรงหีบ กทม.
    23. พระหลวงวิจิตร วัดสะพานสูง กทม.
    24. พระอาจารย์หุ่น วัดบางขวด กทม.
    25. พระราชโมลี วัดระฆัง กทม.
    26. หลวงวิชิตชโสธร วัดสันติธรรมาราม กทม.
    27. พระครูโสภณกัลญานุวัตร (เส่ง) วัดกัลญาณมิตร กทม.
    28. พระครูภาวนาภิรัต (ผล) วัดหนัง กทม.
    29. พระครูทิวากรคุณ (กลีบ) วัดตลิ่งชัน กทม.
    30. พระครูไพโรจน์วุฒิคุณ (ไพฑูรย์) วัดโพธินิมิตร กทม.
    31. พระครูญาณสิทธิ์ วัดราชสิทธาราม กทม.
    32. พระอาจารย์มา วัดราชสิทธาราม กทม.
    33. พระอาจารย์หวน วัดพิกุล กทม.
    34. พระมหาธีรวัฒน์ วัดปากน้ำ กทม.
    35. พระอาจารย์จ้าย วัดปากน้ำ กทม.
    36. พระอาจารย์อินทร์ วัดปากน้ำ กทม.
    37. พระครูกิจจาภิรมย์ วัดอรุณราชวราราม กทม.
    38. พระครูวินัยสังวร วัดประยุรวงศาวาส กทม.
    39. พระสุขุมธรรมาจารย์ วัดหงษ์รัตนาราม กทม.
    40. พระครูพรหมวินิต วัดหงษ์รัตนาราม กทม.
    41. พระอาจารย์อิน วัดสุวรรณอุบาสิการ กทม.
    42. พระครูวิริยกิจ (โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี กทม.
    43. พระปรีชานนทมุนี (ช่วง) วัดโมลี นนทบุรี
    44. พระครูปลัดแฉ่ง (หลวงพ่อแฉ่ง) วัดศรีรัตนาราม นนทบุรี
    45. พระปลัดยัง (หลวงพ่อยัง) วัดบางจาก นนทบุรี
    46. พระอาจารย์สมจิต วัดป่ากะเหรี่ยง ราชบุรี
    47. พระอาจารย์แทน วัดธรรมเสน ราชบุรี,
    48. พระครูบิน วัดแก้ว ราชบุรี
    49. พระอินท์เขมาจารย์ วัดช่องลม ราชบุรี
    50. พระธรรมวาทีคณาจารย์ (เงิน) วัดดอนยายหอม นครปฐม
    51. พระครูสังฆวิชัย วัดพระปฐมเจดีย์ นครปฐม
    52. พระอาจารย์สำเนียง วัดเวฬุวัน นครปฐม
    53. พระอาจารย์เต๋ วัดสามง่าม นครปฐม
    54. พระอาจารย์แปลก วัดสระบัว ปทุมธานี
    55. พระครูปลัดทุ่ง วัดเทียนถวาย ปทุมธานี
    56. พระครูบวรธรรมกิจ (เทียน) วัดโบสถ์ ปทุมธานี
    57. พระครูโสภณสมาจารย์ (เหรียญ) วัดหนองบัว กาญจนบุรี
    58. พระครูวิสุทธิรังษี วัดเหนือ กาญจนบุรี
    59. พระมุจลินท์โมฬี (ดำ) วัดมุจลินท์ ปัตตานี
    60. พระครูรอด วัดประดู่ นครศรีธรรมราช
    61. พระครูวิศิษฐ์อรรถการ (คล้าย) วัดสวนขัน นครศรีธรรมราช
    62. พระครูสิทธิธรรมาจารย์ (พระอาจารย์ลี) วัดอโศการาม สมุทรปราการ
    63. พระอาจารย์บุตร วัดใหม่บางปลากด สมุทรปราการ
    64. พระอาจารย์แสวง วัดกลางสวน สมุทรปราการ
    65. พระครูศิริสรคุณ (แดง) วัดท้ายหาด สมุทรสงคราม
    66. พระครูสมุทรสุนทร วัดพวงมาลัย สมุทรสงคราม
    67. พระสุทธิสารวุฒาจารย์ (ใจ) วัดเสด็จ สมุทรสงคราม
    68. พระอาจารย์อ๊วง วัดบางคณที สมุทรสงคราม
    69. พระครูไพโรจน์วุฒาจารย์ (รุ่ง) วัดท่ากระบือ สมุทรสาคร
    70. พระครูวิเศษสมุทรคุณ (ฮะ) วัดดอนไก่ดี สมุทรสาคร
    71. พระครูลักขิตวันมุนี (ถิร) วัดป่าเลไลยก์ สุพรรณบุรี
    72. พระอาจารย์แต้ม วัดพระลอย สุพรรณบุรี
    73. พระครูโฆษิตธรรมสาร (ครื้น) วัดสังโฆ สุพรรณบุรี
    74. พระครูวรกิจวินิจฉัย (พริ้ง) วัดวรจันทร์ สุพรรณบุรี
    75. พระครูสัมฤทธิ์ วัดอู่ทอง สุพรรณบุรี
    76. พระวรพจน์ปัญญาจารย์ (เฮี้ยง) วัดอรัญญิการาม ชลบุรี
    77. พระครูธรรมาวุฒิคุณ วัดเสม็ด ชลบุรี
    78. พระครูธรรมธร (หลาย) วัดราษฎร์บำรุง ชลบุรี
    79. พระอาจารย์บุญมี วัดโพธิ์สัมพันธ์ ชลบุรี
    80. พระพรหมนคราจารย์ วัดแจ้งพรหมนคร สิงห์บุรี
    81. พระครูศรีพรหมโศภิต (แพ) วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี
    82. พระชัยนาทมุนี วัดบรมธาตุ ชัยนาท
    83. พระอาจารย์หอม (หลวงพ่อหอม) วัดชากหมาก ระยอง
    84. พระอาจารย์เมือง วัดท่าแพ ลำปาง
    85. พระครูอุทัยธรรมธารี วัดท้าวอู่ทอง ปราจีนบุรี
    86. พระครูวิมลศีลาจารย์ วัดศรีประจันตคาม ปราจีนบุรี
    87. พระครูสุนทรธรรมประกาศ วัดโพธิ์ปากพลี นครนายก
    88. พระครูบาวัง วัดบ้านเด่น ตาก
    89. พระครูสวรรควิริยกิจ วัดสวรรคนิเวศ แพร่
    90. พระครูจันทร์ (หลวงพ่อจันทร์) วัดคลองระนง นครสวรรค์
    91. พระครูศีลกิติคุณ (อั้น) วัดพระญาติการาม อยุธยา
    92. พระอาจารย์แจ่ม วัดวังแดงเหนือ อยุธยา
    93. พระครูเล็ก วัดบางนมโค อยุธยา
    94. พระอาจารย์มี วัดอินทราราม อยุธยา
    95. พระอาจารย์หวาน วัดดอกไม้ อยุธยา
    96. พระอาจารย์หน่าย วัดบ้านแจ้ง อยุธยา
    97. พระครูประสาทวิทยาคม (นอ) วัดกลางท่าเรือ อยุธยา
    98. พระอาจารย์จง (หลวงพ่อจง) วัดหน้าต่างนอก อยุธยา
    99. พระอธิการเจาะ วัดประตูโลกเชษฐ์ อยุธยา
    100. พระอาจารย์ศรี วัดสระแก อยุธยา
    101. พระสุวรรณมุนี วัดมหาธาตุ เพชรบุรี
    102. พระครูสุข วัดโตนดหลวง เพชรบุรี
    103. พระครูพิบูลย์ศีลาจารย์ วัดโพธิ์กรุ เพชรบุรี
    104. พระครูทม (หลวงพ่อทม) วัดสว่างอรุณ เพชรบูรณ์
    105. พระสวรรควรนายก วัดสวรรคาราม สุโขทัย
    106. พระโบราณวัตถาจารย์ วัดราชธานี สุโขทัย
    107. พระครูบี้ วัดกิ่งลานหอย สุโขทัย
    108. พระครูวิบูลย์สมุทรกิจ วัดเสด็จ สมุทรสงคราม




    ...........................................................................................................................................................


    คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม อุบาสิกาผู้มีพลังจิตมหัศจรรย์

    NORMAL~1.JPG

    “อิทธิปาฏิหาริย์” เป็นเรื่องที่ดูเหนือธรรมชาติ ชวนพิศวงสำหรับผู้ที่ยังอยู่ในวังวนของกิเลส สำหรับผู้ปฏิบัติทางจิตที่กำลังจะล่วงพ้นบ่วงกิเลส “ปาฏิหาริย์” ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ปฏิบัติสามารถทำได้ทุกคน

    ในอดีตกว่าหลายสิบปีที่ผ่านมา ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปคงจะเคยคุ้นชื่อของอุบาสิกาท่านหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่กล่าวถึงอย่างมากสำหรับสานุศิษย์และคณะผู้ศรัทธา ท่านคือ “อุบาสิกาบุญเรือน โตงบุญเติม” ผู้สามารถบรรลุธรรมอันวิเศษสำเร็จ “จตุตถฌาณ 4” และ “อภิญญา 6” อันเป็นอานิสงส์สูงสุดแห่งชีวิต ปรากฏเป็นปาฏิหาริย์จนเลื่องลือในทางตาทิพย์ หูทิพย์ รู้วาระจิตผู้อื่น ล่องหนหายตัว สั่งฟ้า ห้ามฝน และใช้พลังจิตรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้คนทั่วไปจนหาย

    อุบาสิกาบุญเรือน โดยทั่วไปคนที่เคารพท่านมักเรียกท่านว่า “คุณแม่บุญเรือน” เพราะความเมตตากรุณาที่ท่านมีให้กับทุกคนไม่เลือกชั้นวรรณะ อีกทั้ง กระทำตนเป็น “แม่” ของทุกคนที่ไปขอความช่วยเหลือจากท่าน เหมือนอย่างที่แม่คนหนึ่งที่ให้แก่บุตรธิดาของตนนั่นเอง

    คุณแม่บุญเรือนท่านเป็นนักบุญ และเป็นผู้นำในการประกอบการทำบุญต่างๆ ที่เข้มแข็งแกล้วกล้าสามารถทุกอย่าง ทั้งยังเป็นผู้อบรมสั่งสอนและบรรยายธรรมให้บุคคลทั่วไปเข้าใจทราบซึ้งในธรรมได้อย่างดีเลิศ พื้นเพเดิมท่านเป็นชาวคลองสามวา อำเภอมีนบุรี จังหวัดพระนคร บิดา-มารดาชื่อ นายยิ้ม และนางสวน กลิ่นผกา วันที่ท่านได้ลืมตามองดูโลกเป็นครั้งแรกอันเป็นภพปัจจุบันของท่านนั้น ตรงกับวันอาทิตย์ เดือน 4 ปีมะเมีย ขึ้น 15 ค่ำ เวลา 11.20 นาฬิกา หรือนัยหนึ่งก็คือ วันที่ 10 มีนาคม พุทธศักราช 2437 ครอบครัวมีฐานะค่อนข้างยากจน บิดา-มารดาเป็นชาวสวน ซึ่งต่อมาครอบครัวได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่แถวตำบลบางปะกอก อำเภอราษฎร์บูรณะ จังหวัดธนบุรี ท่านก็ได้เจริญเติบโตมาในละแวกนี้จนเติบใหญ่

    ในวัยเด็กท่านได้รับการศึกษาพออ่านออกเขียนได้ ตามอัตภาพของสตรีเพศในสมัยก่อน แต่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการบ้านการเรือนเป็นอย่างดี เมื่ออายุได้ 15 ปี ท่านได้รับตำราหมอนวดและการฝึกอบรมจากอาจารย์กลิ่น หมอนวดที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้นซึ่งมีศักดิ์เป็นปู่ ท่านสนใจศึกษาจนแตกฉานจนกลายเป็นหมอนวดที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก โดยท่านไม่เคยคิดค่านวดค่ารักษาแม้ครั้งเดียว แต่จะให้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้อาจารย์กลิ่นตลอด

    ด้วยมีนิสัยฝักใฝ่ในทางธรรมมาแต่เด็ก ได้รับการสั่งสอนให้รู้จักธรรมะในพระพุทธองค์จาก “หลวงตาพริ้ง” ซึ่งบวชเป็นพระอยู่ที่วัดบางปะกอก ผู้มีศักดิ์เป็นลุง พระสายวิปัสสนากรรมฐานที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น จนทำให้คุณแม่บุญเรือนเกิดความเลื่อมใสศรัทธา ฝักใฝ่ในบุญกุศล หมั่นเพียรในทางธรรมตลอดมา

    เมื่อมีอายุในวัยครองเรือน คุณแม่บุญเรือนได้สมรสกับสิบตำรวจโทจ้อย โตงบุญเติม แต่ไม่มีบุตรด้วยกัน ภายหลังจึงรับเด็กหญิงมาอุปการะเป็นบุตรบุญธรรมคนหนึ่ง ขณะเดียวกันคุณแม่บุญเรือน ก็ยังมีโอกาสได้ปฏิบัติและศึกษาธรรมมากขึ้น โดยมีท่านเจ้าคุณพระมหารัชชมังคลาจารย์ (เทศ นิทฺเทสโก) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ “พระรัชชมงคลมุนี” เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ (ในสมัยนั้น) เป็นพระอาจารย์สอนสมถะวิปัสสนากรรมฐานให้

    ท่านเป็นผู้นำในการจัดตั้งคณะผู้ร่วมบุญในนาม “คณะสามัคคีวิสุทธิ” ซึ่งช่วยเหลืองานบุญงานกุศลต่างๆ ตลอดจน รักษาโรคภัยไข้เจ็บนานัปการด้วยอำนาจพระพุทธคุณแก่ทุกคนอย่างเต็มที่ ไม่เลือกชั้นวรรณะ ด้วยความเสียสละอันยิ่งใหญ่ และยึดถือหลักการบริจาคและการให้เป็นหลักสำคัญ ในที่สุดจนกระทั่งปี พ.ศ. 2470 ท่านก็เข้าสู่พระพุทธศาสนาอย่างเต็มตัวโดยการบวชชี โดยได้ลาสามีเพื่อมาบวชชีที่วัดสัมพันธวงศ์อยู่ระยะหนึ่ง แล้วลาสึกไป และเมื่อสามีถึงแก่กรรมแล้ว จึงมีศรัทธากลับมาบวชชีอีกในปี พ.ศ. 2482

    ด้านอุปนิสัยนั้น ผู้ที่รู้จักคุณแม่บุญเรือนดีตั้งแต่อายุท่านยังน้อยอยู่ คงพอจะทราบได้ดีว่า ท่านเป็นผู้ที่เพียบพร้อมด้วยมารยาท คุณธรรมอันสูงส่ง มีอุปนิสัยเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณาปรานีแก่บุคคลที่รู้จักพบเห็นทุกคน แต่ทว่าท่านเป็นคนที่ค่อนข้าง “ดุเดือด โผงผาง และมีวาจาไม่อ้อมค้อมแบบขวานผ่าซาก” อยู่บ้าง พูดเสียงดัง กังวาล เด็ดขาด และจริงจัง หรือนัยหนึ่งก็คือพูดจริงทำจริงตลอดเวลา

    งานบุญตามคติแห่งพระพุทธศาสนา ซึ่งประกอบด้วยการทำทาน ถือศีล การภาวนา สวดมนต์ ฟังธรรม และปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนั้น คุณแม่บุญเรือน รัก ศรัทธา เลื่อมใส ปฏิบัติมาตั้งแต่อายุเริ่มวัยกลางคน ขณะยังครองชีวิตร่วมกับสิบตำรวจโทจ้อย ทีเดียว งานทำทานไม่ว่าจะเป็นทานต่อบุคคลธรรมดาทั่วไป หรือการถวายของแด่พระภิกษุสงฆ์ รวมทั้งการถวายอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ได้เพียรบำเพ็ญตลอดมาไม่ขาดสาย ท่านเป็นผู้รักการบำเพ็ญทานการกุศลตั้งแต่อายุน้อย ตลอดมาจนเติบใหญ่ และจนตลอดชีวิตของท่าน

    คุณแม่บุญเรือน เคารพศรัทธาเลื่อมใสในคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างจริงจัง และเคร่งครัดตลอดเวลา ท่านฝึกจิตใจและความรู้สึกให้เป็นผู้ที่เต็มไปด้วยการเสียสละ ไม่นิยมการสั่งสม โปรดการให้เป็นหัวใจสำคัญ ตัดความรู้สึกด้านโกรธ รัก โลภ และหลง โดยสิ้นเชิง นับได้ว่าเป็นชาวพุทธที่สำคัญยิ่งผู้หนึ่ง ซึ่งยากจะหาผู้อื่นที่บำเพ็ญตนให้เท่าเทียมได้

    การถือศีล คุณแม่บุญเรือนเคร่งครัดในศีล 5 วันธรรมสวนะยึดมั่นในศีล 8 แต่ชีวิตตอนหลังส่วนใหญ่ท่านถือศีล 5 เป็นประจำ การภาวนาอันประกอบด้วยสวดมนต์ ฟังธรรม และทำวิปัสสนากัมมัฏฐาน ฝึกจิตให้สะอาดปราศจากมลทิน มีสมาธิแน่วแน่ เกิดปัญญาแจ่มแจ้งในธรรมอันวิเศษของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ได้เพียรบำเพ็ญปฏิบัติโดยสม่ำเสมอจนตลอดชีวิตของท่าน

    ความเพียรในการฝึกจิตและเรียนรู้ทางธรรมของคุณแม่บุญเรือน ปรากฏเรื่องราวอันเป็นอิทธิปาฏิหาริย์ ที่จะสำเร็จได้ก็ด้วยอำนาจสมาธิซึ่งเป็น “พลังจิต” อันมหัศจรรย์ จึงมีเรื่องเล่ามากมายจากคนเก่าแก่ และผู้ประสบเหตุเรื่องราวพิศวง อันเกิดจากอำนาจทิพย์ของอุบาสิกาท่านนี้

    คุณแม่บุญเรือนบรรลุธรรม คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เคยเล่าถึงเหตุการณ์ตอนที่ท่านจะบรรลุธรรมไว้กับพระรูปหนึ่ง (หลวงตาสุวรรณ) อันมีนัยยะอันสำคัญตอนหนึ่งว่า “ตั้งใจจะขอปฎิบัติธรรมให้สำเร็จอยู่ที่ศาลาวัดสัมพันธวงศ์ เป็นเวลา 90 วัน โดยถือศีล 8 บวชเป็นชี นั่งสวดมนต์ภาวนา เจริญวิปัสสนาตามแนวทางของท่านเจ้าคุณพระมหารัชชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ (ในสมัยนั้น) การปฏิบัติธรรมดำเนินไปจนล่วงเข้าวันที่ 89 ก็ยังไม่สำเร็จธรรมหรือเห็นธรรมแต่ประการใด จึงคิดท้อใจกลับบ้านที่บ้านพักตำรวจปทุมวัน ได้พบกับสิบตำรวจโทจ้อย ผู้เป็นสามี ซึ่งได้ทักมาว่า “กลับมาแล้วหรือ ? เมื่อกลับมาแล้วก็อยู่บ้านเถิด...”

    คุณแม่บุญเรือนจึงว่า “เมื่อจะให้อยู่บ้าน ก็ขอให้โยมจ้อยถือศีล 8 เลิกยุ่งเกี่ยวฉันสามีภรรยาจะได้ไหม ?” สิบตำรวจโทจ้อยก็รับคำ จากนั้นสิบตำรวจโทจ้อย ก็ขอตัวออกไปปฏิบัติหน้าที่ราชการ ที่บ้านคงเหลือแต่โยมมารดาของคุณแม่บุญเรือน และหลานๆ 2-3 คน คุณแม่บุญเรือนจึงอาบน้ำ นุ่งขาวห่มขาว เตรียมตัวไหว้พระสวดมนต์ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 21.00 นาฬิกา เดือน 6 ขึ้น 14 ค่ำ ปี พ.ศ. 2470

    จากนั้น คุณแม่บุญเรือนก็ได้แลเห็นโยมมารดาและหลานๆ นอนหลับกันหมดแล้ว โยมมารดานั้นมีอาการกรน ส่วนหลานๆ ก็มีอาการละเมอบ่นพึมพำ และกัดฟันกรอดๆ รู้สึกเกิดธรรมสังเวชเบื่อหน่ายต่อสภาพอย่างนั้นขึ้นมาในขณะนั้นทีเดียวว่า “เออ.....สังขารร่างกายนี้ ถึงแม้จะหลับใหลไปแล้ว แต่ก็ยังมีเวทนาผุดซ้อนขึ้นมาอีกนะนี่...”

    ท่านจึงคิดอยากหลีกหนีเสียชั่วคราว ครั้นแล้วคุณแม่บุญเรือน ก็ได้นั่งสมาธิกรรมฐานในห้องพระ จนกระทั่งถึงเวลาประมาณตี 2 ก็มีอาการแน่นหน้าอก อึดอัด หายใจไม่ออก คล้ายกำลังจะตาย จึงตั้งสติว่า “ถ้าจะตายก็ขอให้ตายในตอนนี้เถิด จะได้หมดเวรหมดกรรม ธรรมก็ยังไม่ได้บรรลุเลย” น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก เมื่อคุณแม่บุญเรือนคิดดังนี้เท่านั้น อาการทุกขเวทนาทั้งปวงก็พลันหายไปสิ้น บังเกิดความสว่างขึ้นมาทั้งตัว มีความใสสว่างอย่างสุดที่จะประมาณ รู้ชัดว่าตนเองบรรลุอภิญญาถึง 5 อย่าง มีพระธรรมเข้าประทับ เมื่อนึกอยากรู้อยากเห็นอะไร ก็รู้แจ้งแทงตลอดสว่างไสวไปหมด และยังได้อิทธิปาฏิหาริย์อีกด้วย !”

    ล่องหนหายตัว จากนั้น เมื่อคุณแม่บุญเรือนบรรลุธรรมแล้ว ก็ได้นั่งกรรมฐานต่อไปอีก จนกระทั่งเวลาใกล้ตี 5 รุ่งเช้า ได้คิดถึงวัดสัมพันธวงศ์ จึงตั้งจิตอธิษฐานขอให้เข้าไปนั่งในศาลาวัดสัมพันธวงศ์ ซึ่งศาลานี้เป็นที่อยู่ของแม่ชีนักปฏิบัติธรรม คุณแม่เองก็เคยอาศัยบำเพ็ญธรรมที่ศาลานี้
    พอสิ้นอธิษฐาน แล้วหลับตาลง ก็คล้ายกับหัวได้หกกลับไปเบื้องหน้า คล้ายกับตีลังกา เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็ปรากฏว่าตัวเองได้เข้ามานั่งอยู่ในศาลาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ทราบว่าเข้าศาลามาทางไหน และที่บ้านพักตำรวจกับศาลาวัดสัมพันธวงศ์ก็ไกลกันพอสมควร ขณะนั้น ประตูศาลาวัดยังคงปิดใส่กุญแจอยู่ คุณแม่บุญเรือนจึงได้ร้องเรียกให้พระภิกษุสามเณรซึ่งอยู่ในบริเวณนั้น ช่วยไขกุญแจเปิดประตูให้ที
    การล่องหนหายตัวจากสถานที่หนึ่งไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่ง เป็นผลจากการปฏิบัติทางจิตจนได้ “อภิญญา” เมื่อเรื่องที่คุณแม่บุญเรือนหายตัวมาปรากฏอยู่ในศาลาวัด แพร่หลายออกไป ก็มีพระเณรเถรชี อุบาสกอุบาสิกาต่างก็มารุมล้อม โจษจันกันเซ็งแซ่ด้วยความตื่นเต้นอัศจรรย์ใจอย่างเหลือที่จะกล่าวได้ไปตามๆ กัน จนความนี้ได้ทราบถึง ท่านเจ้าคุณพระมหารัชชมังคลาจารย์ (เทศ นิทฺเทสโก) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ “พระรัชชมงคลมุนี” เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ (ในสมัยนั้น) พระอาจารย์ผู้สอนกรรมฐานให้คุณแม่บุญเรือนเอง

    ท่านจึงให้เชิญคุณแม่บุญเรือนไปสอบถาม และขอให้คุณแม่บุญเรือนแสดงปาฏิหาริย์หายตัวเข้ามาอยู่ในศาลาวัดให้เป็นที่แจ้งประจักษ์อีกครั้ง ซึ่งคุณแม่บุญเรือนก็ตอบรับ ขอทดลองดูอีกครั้งในเวลาใกล้รุ่งของอีกวัน คืนนั้นตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 6 แม่ชีฟัก เพื่อนปฏิบัติธรรม พักอยู่เป็นประจำที่ศาลานี้ ให้แม่ชีผู้อยู่ศาลาอีก 3 คนดูแลปิดประตูหน้าต่างลงกลอนให้เรียบร้อยอย่างแน่นหนา และดูให้รู้เห็นเป็นพยานด้วย คืนนั้นปรากฏว่าที่วัดสัมพันธวงศ์ก็เกิดการโกลาหลอลหม่านคึกคักตื่นเต้นกันน่าดู มีการจัดยามเฝ้าที่ประตูวัดทุกๆ ด้าน ถึงประตูละสองคน และมีการเดินสำรวจรอบศาลาวัดกันให้ขวักไขว่ทั้งคืน ชนิดมดแมงสักตัวเดินผ่านมา ก็ยากจะรอดพ้นสายตาไปได้

    ส่วนที่บ้านพักตำรวจปทุมวัน คุณแม่บุญเรือนได้เข้าไปเจริญพระกรรมฐานตั้งแต่หัวค่ำ จนใกล้รุ่ง จึงอธิษฐานให้หายวับจากบ้านพัก เข้าไปปรากฏตัวในศาลาวัดสัมพันธวงศ์ได้เช่นเดียวกับคราวก่อน แต่คราวนี้ไม่มีลีลาอาการหกคว่ำคะมำหงายเหมือนคราวแรก นั่นคือพออธิษฐานเสร็จแล้วหลับตาลง พอลืมตาปั๊บ ตัวของคุณแม่บุญเรือนก็มานั่งเรียบร้อยอยู่ในศาลาทันที
    เมื่อคุณแม่บุญเรือนปาฏิหาริย์มานั่งในศาลาเสร็จ สิ่งแรกที่หูได้ผัสสะกับเสียงที่มากระทบก็คือ เสียงอุบาสิกาคุยกันว่า “จะแจ้ง (สว่าง) แล้ว น่ากลัวไม่มาแล้วมั๊ง ?” ส่วนอีกรายก็ว่า “ไม่มาก็ดี...ถ้ามา...ฉันจะต้องไปเป็นลูกศิษย์ขอเรียนวิชากับเขาอีก !?”
    เมื่อได้ฟังคำกล่าวเช่นนั้น คุณแม่บุญเรือนจึงร้องออกไปในทันใดว่า “เอ้า..! ใครอยากจะเป็นลูกศิษย์ฉัน...เชิญทางนี้...ฉันมาแล้ว !”
    พวกที่คอยอยู่ก็แปลกใจ และแน่ใจว่าหายตัวผ่านเข้ามาได้จริงๆ และมองเห็นผลสำเร็จทางสมาธิที่มีแก่ผู้ปฏิบัติด้วยวิริยอุตสาหะ ต่อมาคุณแม่บุญเรือน ท่านได้อธิษฐานหายตัวจากศาลาไปเขาวงพระจันทร์ ท่านได้พบพระผู้วิเศษที่นั่น และได้รับพระธาตุ 1 องค์จากพระองค์นั้น กลับมาพระธาตุยังกำอยู่ในมือ เป็นพยานแก่ตัวท่านเองว่ามิได้ฝันไป
    ๏ ทิพยโสตญาณ (หูทิพย์) อภิญญาในด้านหูทิพย์ของคุณแม่บุญเรือนนี้ มีบันทึกของคุณหญิงเงียบ บุนนาค เขียนไว้ว่า ครั้งหนึ่งคุณแม่บุญเรือน ไปรักษาโรคขาบวมให้น้องสาวคุณหญิงเงียบ บุนนาค ข้างวัดอนงคาราม ธนบุรี ตอนขากลับ น้องสาวคุณหญิงเงียบมอบค่ารถให้ 20 บาท คืนวันนั้นสามีของน้องสาวคุณหญิงกลับบ้าน ทราบว่าภรรยาจ่ายเงินค่ารถให้คุณแม่บุญเรือน 20 บาท (สมัยเงินแพง) เขาเอะอะว่า คุณแม่บุญเรือนเป็นหมอไม่จริง หลอกเอาสตางค์

    พอรุ่งเช้า 6 โมงเศษ คุณแม่บุญเรือนไปถึงบ้านน้องสาวคุณหญิง ข้างวัดอนงค์ นำเงิน 20 บาท ไปคืนให้ บอกว่า “เป็นเงินของคุณผู้ชายเขา ดิฉันคืนให้ ดิฉันไม่โกรธคุณหรอก คุณต้องรับเงินนี้ไว้” นี่แสดงว่าคุณแม่บุญเรือนหูทิพย์ ได้ยินคำพูดของสามีน้องสาวคุณหญิงเงียบ พร้อมทั้งรู้วาระจิตของคนพูด ว่าหมายถึงตัวคุณแม่บุญเรือนที่ไปรักษาขาบวม คุณแม่จึงรีบนำเงินไปคืนให้ เพื่อรักษาน้ำใจของน้องสาวคุณหญิงและสามีมิให้ขุ่นข้องหมองใจ

    คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ท่านเป็นผู้มีจิตอันเป็นกุศลอย่างยิ่ง นอกจากนั้นท่านยังใช้จิตอันมหัศจรรย์ของท่าน ในการอธิษฐานเพื่อช่วยคนในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรักษาโรคภัยต่างๆ จนหายขาด ดังเรื่องราวที่มีผู้บันทึกไว้ในหนังสือ “คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม อนุสรณ์”








































































    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2011
  2. บุญครอง

    บุญครอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +386
    รายการที่ 1

    SAM_0161.jpg SAM_0162.jpg spd_20100531223013_b[1].jpg

    เหรียญรูปเหมือนอาจารย์ชุม ไชยคีรี รุ่นแรก ปี17 เหรียญที่ 1
    เหรียญรูปเหมือนอาจารย์ชุม ไชยคีรี รุ่นแรก เหรียญรุ่นนี้ ถือเป็นเหรียญรุ่นแรก ของท่าน เป็นเหรียญอาจารย์ชุม ไชยคีรีเต็มตัว พิธีปลุกเสกทีละเหรียญตามตำราเขาอ้อ โดยเชิญหลวงปู่คง ปรมาจารย์ขุนแผน หลวงปู่ทวดวัดช้างให้ เสด็จพ่อกรมหลวงชุมพร พระพิฆเณศ มาทำการอธิฐานจิตให้ที่สำนัก อาจารย์ชุม ไชยคีรี 16 วัน 16 คืน เสกทีละเหรียญ
    เหรียญสร้างจากเนื้อโสฬสธาตุ 16 อย่าง ส่วนหนึ่งได้นำมาจากชนวนสร้างพระโสฬสมงคล พระภควัมบดีของหลวงพ่อวัดแหลมทราย จ.สงขลาตั้งแต่ปี 2481 ก่อนประกาศสงครามโลกครั้งที่ 2 จำนวนสร้าง2,500เหรียญ
    โสฬส 16 อย่าง มีดังนี้
    1.เหล็กไหล 2.เจ้าน้ำเงิน 3.ทองคำ 4.เงินบริสุทธิ์ 5.นาค 6.ทองแดง 7.ทองเหลือง 8.แร่ดีบุก 9.แร่วุลแฟรม 10.แร่จักรนารายณ์ 11.แร่สังควานร 12.แร่ชิณ 13.แร่ตะกั่วดำ 14.แร่ตะกั่วเถื่อน 15.แร่เหล็กน้ำพี้ 16.เหล็กยอดพระปรางค์
    เหรียญรูปไข่ รูปอาจารย์ชุม ขนาด 2.2 X 3.5 ซ.ม.มีโค้ดตอกด้านล่าง หลังยันต์ เหรียญนี้ท่านแจกเฉพาะคณะศิษย์เพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น หายากน่าสะสมครับ

    บูชาองค์ละ 2,999บาท (ราคา pm คุยกันได้ครับ)

    สนใจโทรสอบถาม 089-772-0498 (ตั้ม)<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> หรือ โพสต์จองในกระทู้ครับ
    ารโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ย่อยโลตัส - ลาดพร้าว
    เลขที่ 229-207483-3 ชื่อบัญชี นายชินวัชร์ บุญครอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2010
  3. บุญครอง

    บุญครอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +386
    รายการที่ 2

    SAM_0163.jpg SAM_0164.jpg spd_20100531223013_b[1].jpg

    เหรียญรูปเหมือนอาจารย์ชุม ไชยคีรี รุ่นแรก ปี17 เหรียญที่ 2
    เหรียญรูปเหมือนอาจารย์ชุม ไชยคีรี รุ่นแรก เหรียญรุ่นนี้ ถือเป็นเหรียญรุ่นแรก ของท่าน เป็นเหรียญอาจารย์ชุม ไชยคีรีเต็มตัว พิธีปลุกเสกทีละเหรียญตามตำราเขาอ้อ โดยเชิญหลวงปู่คง ปรมาจารย์ขุนแผน หลวงปู่ทวดวัดช้างให้ เสด็จพ่อกรมหลวงชุมพร พระพิฆเณศ มาทำการอธิฐานจิตให้ที่สำนัก อาจารย์ชุม ไชยคีรี 16 วัน 16 คืน เสกทีละเหรียญ
    เหรียญสร้างจากเนื้อโสฬสธาตุ 16 อย่าง ส่วนหนึ่งได้นำมาจากชนวนสร้างพระโสฬสมงคล พระภควัมบดีของหลวงพ่อวัดแหลมทราย จ.สงขลาตั้งแต่ปี 2481 ก่อนประกาศสงครามโลกครั้งที่ 2 จำนวนสร้าง2,500เหรียญ
    โสฬส 16 อย่าง มีดังนี้
    1.เหล็กไหล 2.เจ้าน้ำเงิน 3.ทองคำ 4.เงินบริสุทธิ์ 5.นาค 6.ทองแดง 7.ทองเหลือง 8.แร่ดีบุก 9.แร่วุลแฟรม 10.แร่จักรนารายณ์ 11.แร่สังควานร 12.แร่ชิณ 13.แร่ตะกั่วดำ 14.แร่ตะกั่วเถื่อน 15.แร่เหล็กน้ำพี้ 16.เหล็กยอดพระปรางค์
    เหรียญรูปไข่ รูปอาจารย์ชุม ขนาด 2.2 X 3.5 ซ.ม.มีโค้ดตอกด้านล่าง หลังยันต์ เหรียญนี้ท่านแจกเฉพาะคณะศิษย์เพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น หายากน่าสะสมครับ

    บูชาองค์ละ 2,999บาท (ราคา pm คุยกันได้ครับ)


    สนใจโทรสอบถาม 089-772-0498 (ตั้ม)<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> หรือ โพสต์จองในกระทู้ครับ
    ารโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ย่อยโลตัส - ลาดพร้าว
    เลขที่ 229-207483-3 ชื่อบัญชี นายชินวัชร์ บุญครอง
    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2010
  4. Orkar

    Orkar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +952
    รอติดตามชมครับ
     
  5. บุญครอง

    บุญครอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +386
    รายการที่ 3(ขอปิดรายการนี้ให้พี่นอกเวบครับ)

    SAM_0165.jpg SAM_0166.jpg spd_20100531223013_b[1].jpg

    หลวงปู่ทวด เนื้อว่าน อ.ชุม ไชยคีรี ปี2497

    อาจารย์ชุม ไชยคีรี เป็นศิษย์ “สำนักเขาอ้อ” ที่เป็นอาจารย์ฆราวาส ได้ร่ำเรียนวิชามากับ “พระอาจารย์เอียด วัดดอนศาลา” และตำราเก่าแก่ของสำนักเขาอ้อมาจนแตกฉาน แม้จะเป็นอาจารย์ฆราวาสแต่อำนาจจิตของท่านกล้าแข็งมาก เคยปลุกเสกวัตถุมงคลเสร็จแล้วให้ลูกศิษย์กำไว้ในมือ จากนั้นท่านก็เอาใบมีดโกนอันคมกริบมากรีดท้องแขนเสียงดังครึมๆ หลายครั้ง แต่เป็นแค่รอยแดงเป็นทางยาวเท่านั้น แม้แต่หนังกำพร้าก็ยังไม่ถลอกเคยเสกน้ำมันเมตตามหานิยมทาหนูแมว แล้วเอาหนูตัวนั้นใส่กับแมว ปรากฏว่าแมวแค่ดมๆ แล้วก็เลียหนูตัวนั้นรกเสมือนลูกของมัน อภิหารแบบนี้อาจารย์ชุมท่านแสดงให้เห็นต่อหน้าลูกศิษย์นับเป็นหลายๆสิบคน ทุกคนต่างเห็นแล้วก็ทึ่งไปตามๆกัน พิมพ์หลวงปู่ทวด เนื้อว่านรุ่นนี้อาจารย์ชุม ไชยคีรี สร้างไว้เมื่อปี 2497 โดยเอามวลสารที่เหลือจากปี 97 เนื้อหาจะเหมือนกับปี 97 ทุกประการแล้วมีพระเกจิอาจารย์สายเขาอ้อหลายท่านมาร่วมปลุกเสก เช่น พ่อท่านหมุน วัดเขาแดงตะวันออก พระอาจารย์ปาล วัดเขาอ้อ หลวงพ่อคง วัดบ้านสวนและยังมีอาจารย์ที่เป็นฆราวาส เช่น พระอาจารย์นำ วัดดอลศาลา อาจารย์ชุม ไชยคีรี และ พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นต้น




    สนใจโทรสอบถาม 089-772-0498 (ตั้ม)<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> หรือ โพสต์จองในกระทู้ครับ
    ารโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ย่อยโลตัส - ลาดพร้าว
    เลขที่ 229-207483-3 ชื่อบัญชี นายชินวัชร์ บุญครอง
    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2010
  6. บุญครอง

    บุญครอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +386
    รายการที่ 4

    SAM_0167.jpg SAM_0168.jpg spd_20100531223013_b[1].jpg

    รูปเหมือนหลวงพ่อแดง พุทโธ วัดถ้ำเขาเงิน ปี 11

    เป็นพระพิมพ์ที่หายากพิมพ์หนึ่ง ในชุดพระเสด็จกลับ วัดถ้ำเขาเงิน อ.ชุม ไชยคีรีเป็นเจ้าพิธี หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน,หลวงพ่อคล้อย วัดถ้ำเขาเงินและคณาจารย์สายเขาอ้อร่วมปลุกเสกมากมาย ประสบการณ์ดียอดเยี่ยม.

    บูชาองค์ละ 799 บาท (ราคาคุยกันได้ครับ)




    สนใจโทรสอบถาม 089-772-0498 (ตั้ม)<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> หรือ โพสต์จองในกระทู้ครับ
    ารโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ย่อยโลตัส - ลาดพร้าว
    เลขที่ 229-207483-3 ชื่อบัญชี นายชินวัชร์ บุญครอง
    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2010
  7. บุญครอง

    บุญครอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +386
    รายการที่ 5(ขอปิดรายการนี้ให้พี่นอกเวบครับผม)

    SAM_0041.jpg SAM_0042.jpg SAM_0043.jpg SAM_0044.jpg SAM_0045.jpg

    หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน รุ่นมงคลมหาลาภ 51 เนื้อเหล็กน้ำพี้

    รูปหล่อ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พิมพ์นิยม เนื้อเหล็กน้ำพี้ รุ่นมงคลมหาลาภ 51 จัดสร้างเพื่อหาปัจจัยบูรณะเสนาสนะและจัดสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระ เกียรติ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่วัดชยาลังการ์ ต.ป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียง ใหม่ โดยจัดสร้างครบทุกพิมพ์ เพื่ออนุรักษ์ไว้ซึ่งวัตถุมงคลทั้งหมดที่ท่านเคยจัดสร้าง ด้วยกรรมวิธีการจัดสร้างอย่างพิถีพิถันจากช่างฝีมือผู้ชำนาญการ พิธีกรรมต่างๆ ครบครัน


    สนใจโทรสอบถาม 089-772-0498 (ตั้ม)<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> หรือ โพสต์จองในกระทู้ครับ
    ารโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ย่อยโลตัส - ลาดพร้าว
    เลขที่ 229-207483-3 ชื่อบัญชี นายชินวัชร์ บุญครอง

    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->​

    <!-- google_ad_section_end --><!-- / message --><!-- attachments -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2010
  8. บุญครอง

    บุญครอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +386
    รายการที่ 6(ขอปิดรายการนี้ครับ)

    SAM_0154.jpg SAM_0155.jpg SAM_0156.jpg SAM_0157.jpg
    SAM_0158.jpg

    พระบูชาหลวงพ่อสด ว้ดปากน้ำ หน้าตัก 6 นิ้ว เนื้อโลหะ

    พระบูชา หลวงพ่อสด วัด ปากน้ำ ภาษีเจริญ ปี 51 หน้าตัก ขนาด 6 นิ้ว เนื้อโลหะ สภาพสวย บูชาได้ค้าขายดี พระราชพรหมเถระ พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระวัดปากน้ำ ปลุกเสก รับประกันความแท้ 100 %


    สนใจโทรสอบถาม 089-772-0498 (ตั้ม)<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> หรือ โพสต์จองในกระทู้ครับ
    ารโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ย่อยโลตัส - ลาดพร้าว
    เลขที่ 229-207483-3 ชื่อบัญชี นายชินวัชร์ บุญครอง

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2010
  9. LICANS

    LICANS Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +64
    ศรัทธาอ.ชุมเหมือนกันครับ แวะมาเยี่ยมชมครับ..
     
  10. นักธรรมเอก

    นักธรรมเอก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +761
    ได้ยินชื่ออาจารย์ชุมมานานแล้วครับ ควบคู่กับท่านขุนพันธฯ รอดูของท่านอื่นๆด้วยครับ ท่านเอื้อม ท่านนอง ก็ชอบครับ
     
  11. บุญครอง

    บุญครอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +386
    รายการที่ 7(ขอปิดรายการนี้ให้พี่ธนพัฒน์ครับผม)

    SAM_0229.jpg SAM_0230.jpg SAM_0231.jpg SAM_0232.jpg SAM_0233.jpg SAM_0234.jpg

    พระกริ่งไพรีพินาศ ญสส.7 รอบ วัดบวรนิเวศ ปี 2540

    พระกริ่งไพรีพินาศ ญสส. 7 รอบ วัดบวรนิเวศ ปี 2540 เนื้อโลหะผสม (ผสมชนวนพระกริ่งรุ่นเก่า วัดบวร) สมเด็จพระสังฆราชทรงอธิฐานจิต พีธีมหาพุทธาภิเษก โดยพระคณาจารย์ทั่วประเทศ 2 ต.ค.2540 รุ่นเจริญล่ำซำ เดิมๆ สภาพสวยครับ




    สนใจโทรสอบถาม 089-772-0498 (ตั้ม)<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> หรือ โพสต์จองในกระทู้ครับ
    ารโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ย่อยโลตัส - ลาดพร้าว
    เลขที่ 229-207483-3 ชื่อบัญชี นายชินวัชร์ บุญครอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2010
  12. บุญครอง

    บุญครอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +386
    รายการที่ 8(ปิดรายการครับ)

    SAM_0292.jpg SAM_0293.jpg SAM_0294.jpg _1_~1.JPG


    พระพุทโธน้อย คุณแม่บุญเรือน วัดอาวุธ พิมพ์กลางบัวติดขอบ หลังยันต์พุทโธ องค์ที่ 1

    พระพุทโธน้อย พระพุทโธน้อยรุ่นแรกปี 2494 พิมพ์กลางบัวติดขอบเนื้อดิน หลังยันต์พุทโธ คุณแม่บุญเรือน ผู้ทรงอภิญญา
    **พระพุทโธน้อยเนื้อผงใบลานเป็นเนื้อที่สร้างน้อยที่สุดครับ รองลงมาคือเนื้อผงพุทธคุณ รองลงมาคือเนื้อดินเผาครับ**
    พระพุทโธน้อย สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2494 ที่วัดอาวุธวิกสิตาราม ตำบลบางพลัดนอก ธนบุรี เป็นพิมพ์ครึ่งซีก กรอบทรงสามเหลี่ยม ด้านหน้าองค์ประทับนั่ง แสดงปางมารวิชัย เหนือฐานบัวสองชั้น พระเกศเป็นนุ่นเมาลี พระนาสิกเป็นสันนูน พระเนตรเป็นเม็ดกลมนูน และพระหัตถ์ซ้ายถือหม้อน้ำมันต์ส่วนด้านหลัง มีอักขระขอมจารึกเป็นเส้นลึก โดยมีทั้งพิมพ์ใหญ่พิมพ์กลางและพิมพ์เล็ก จำนวนการสร้างรวมทั้งสิ้น 100000 องค์

    **แยกเป็นเนื้อต่างๆดังนี้**
    1.เนื้อผงใบลาน ทุกพิมพ์รวมกัน จำนวน 20000 องค์
    2.เนื้อผงพุทธคุณ ทุกพิมพ์รวมกัน จำนวน 30000 องค์
    3.เนื้อดินเผา ทุกพิมพ์รวมกัน จำนวน 50000 องค์
    **และมีหลังยันต์พิเศษ เพียง 3000 องค์**



    ***จัดแบ่งตามพิมพ์และยันต์ต่างๆได้ดังนี้ครับ***
    1.พระพุทโธน้อยพิมพ์ใหญ่
    1.1 พระพุทโธพิมพ์ใหญ่จัมโบ้หลังยันต์พุทโธ
    1.2 พระพุทโธพิมพ์ใหญ่หลังยันต์พุทโธ
    1.3 พระพุทโธพิมพ์ใหญ่หลังยันต์นะอะระหัง
    1.4 พระพุทโธพิมพ์ใหญ่หลังยันต์เฑาะว์
    1.5 พระพุทโธพิมพ์ใหญ่หลังยันต์เฑาะว์ดอกบัว
    1.6 พระพุทโธพิมพ์ใหญ่หลังเรียบ

    2.พระพุทโธน้อยพิมพ์กลาง
    2.1 พระพุทโธพิมพ์กลางหลังยันต์พุทโธ
    2.2 พระพุทโธพิมพ์กลางหลังยันต์นะอะระหัง
    2.3 พระพุทโธพิมพ์กลางหลังยันต์พุทโธบัวติดขอบ

    3.พระพุทโธน้อยพิมพ์เล็ก
    3.1 พระพุทโธพิมพ์เล็กหลังยันต์พุทโธ
    3.2 พระพุทโธพิมพ์เล็กหลังยันต์นะอะระหัง
    3.3 พระพุทโธพิมพ์เล็กหลังยันต์เฑาะว์ดอกบัว
    **พระพุทโธน้อยเป็นพระเครื่องที่เก่าแก่และน่าสะสมมากพิมพ์หนึ่ง ด้วยพุทธคุณหลายด้าน เช่น เมตามหานิยม แคล้วคลาดจากอันตรายสิ่งชั่วร้ายและเจริญด้วยโภคทัรพย์ จึงทำให้มีผู้เคารพศรัทธาและกราบไหว้สักการะมากมาย

    สนใจโทรสอบถาม 089-772-0498 (ตั้ม)<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> หรือ โพสต์จองในกระทู้ครับ
    ารโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ย่อยโลตัส - ลาดพร้าว
    เลขที่ 229-207483-3 ชื่อบัญชี นายชินวัชร์ บุญครอง



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2010
  13. บุญครอง

    บุญครอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +386
    รายการที่ 9(ขอปิดรายการครับ)

    SAM_0295.jpg SAM_0296.jpg SAM_0297.jpg _1_~1.JPG

    พระพุทโธน้อย คุณแม่บุญเรือน วัดอาวุธ พิมพ์กลางบัวติดขอบ หลังยันต์พุทโธ องค์ที่ 2

    พระพุทโธน้อย พระพุทโธน้อยรุ่นแรกปี 2494 พิมพ์กลางบัวติดขอบเนื้อดิน หลังยันต์พุทโธ คุณแม่บุญเรือน ผู้ทรงอภิญญา
    **พระพุทโธน้อยเนื้อผงใบลานเป็นเนื้อที่สร้างน้อยที่สุดครับ รองลงมาคือเนื้อผงพุทธคุณ รองลงมาคือเนื้อดินเผาครับ**
    พระพุทโธน้อย สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2494 ที่วัดอาวุธวิกสิตาราม ตำบลบางพลัดนอก ธนบุรี เป็นพิมพ์ครึ่งซีก กรอบทรงสามเหลี่ยม ด้านหน้าองค์ประทับนั่ง แสดงปางมารวิชัย เหนือฐานบัวสองชั้น พระเกศเป็นนุ่นเมาลี พระนาสิกเป็นสันนูน พระเนตรเป็นเม็ดกลมนูน และพระหัตถ์ซ้ายถือหม้อน้ำมันต์ส่วนด้านหลัง มีอักขระขอมจารึกเป็นเส้นลึก โดยมีทั้งพิมพ์ใหญ่พิมพ์กลางและพิมพ์เล็ก จำนวนการสร้างรวมทั้งสิ้น 100000 องค์

    **แยกเป็นเนื้อต่างๆดังนี้**
    1.เนื้อผงใบลาน ทุกพิมพ์รวมกัน จำนวน 20000 องค์
    2.เนื้อผงพุทธคุณ ทุกพิมพ์รวมกัน จำนวน 30000 องค์
    3.เนื้อดินเผา ทุกพิมพ์รวมกัน จำนวน 50000 องค์
    **และมีหลังยันต์พิเศษ เพียง 3000 องค์**


    ***จัดแบ่งตามพิมพ์และยันต์ต่างๆได้ดังนี้ครับ***
    1.พระพุทโธน้อยพิมพ์ใหญ่
    1.1 พระพุทโธพิมพ์ใหญ่จัมโบ้หลังยันต์พุทโธ
    1.2 พระพุทโธพิมพ์ใหญ่หลังยันต์พุทโธ
    1.3 พระพุทโธพิมพ์ใหญ่หลังยันต์นะอะระหัง
    1.4 พระพุทโธพิมพ์ใหญ่หลังยันต์เฑาะว์
    1.5 พระพุทโธพิมพ์ใหญ่หลังยันต์เฑาะว์ดอกบัว
    1.6 พระพุทโธพิมพ์ใหญ่หลังเรียบ

    2.พระพุทโธน้อยพิมพ์กลาง
    2.1 พระพุทโธพิมพ์กลางหลังยันต์พุทโธ
    2.2 พระพุทโธพิมพ์กลางหลังยันต์นะอะระหัง
    2.3 พระพุทโธพิมพ์กลางหลังยันต์พุทโธบัวติดขอบ

    3.พระพุทโธน้อยพิมพ์เล็ก
    3.1 พระพุทโธพิมพ์เล็กหลังยันต์พุทโธ
    3.2 พระพุทโธพิมพ์เล็กหลังยันต์นะอะระหัง
    3.3 พระพุทโธพิมพ์เล็กหลังยันต์เฑาะว์ดอกบัว
    **พระพุทโธน้อยเป็นพระเครื่องที่เก่าแก่และน่าสะสมมากพิมพ์หนึ่ง ด้วยพุทธคุณหลายด้าน เช่น เมตามหานิยม แคล้วคลาดจากอันตรายสิ่งชั่วร้ายและเจริญด้วยโภคทัรพย์ จึงทำให้มีผู้เคารพศรัทธาและกราบไหว้สักการะมากมาย



    สนใจโทรสอบถาม 089-772-0498 (ตั้ม)<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> หรือ โพสต์จองในกระทู้ครับ
    ารโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ย่อยโลตัส - ลาดพร้าว
    เลขที่ 229-207483-3 ชื่อบัญชี นายชินวัชร์ บุญครอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2010
  14. บุญครอง

    บุญครอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +386
    รายการที่ 10 (ขอปิดรายการนี้ครับ)

    SAM_0298.jpg SAM_0299.jpg SAM_0300.jpg _1_~1.JPG

    พระพุทโธน้อย คุณแม่บุญเรือน วัดอาวุธ พิมพ์เล็กฐานบัวใหญ่เนื้อผงใบลาน หลังยันต์พุทโธ องค์ที่ 3

    พระพุทโธน้อยรุ่นแรกปี 2494 พิมพ์เล็กฐานบัวใหญ่เนื้อผงใบลาน หลังยันต์พุทโธ คุณแม่บุญเรือน ผู้ทรงอภิญญา สภาพสวยครับ
    **พระพุทโธน้อยเนื้อผงใบลานเป็นเนื้อที่สร้างน้อยที่สุดครับ รองลงมาคือเนื้อผงพุทธคุณ รองลงมาคือเนื้อดินเผาครับ**
    พระพุทโธน้อย สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2494 ที่วัดอาวุธวิกสิตาราม ตำบลบางพลัดนอก ธนบุรี เป็นพิมพ์ครึ่งซีก กรอบทรงสามเหลี่ยม ด้านหน้าองค์ประทับนั่ง แสดงปางมารวิชัย เหนือฐานบัวสองชั้น พระเกศเป็นนุ่นเมาลี พระนาสิกเป็นสันนูน พระเนตรเป็นเม็ดกลมนูน และพระหัตถ์ซ้ายถือหม้อน้ำมันต์ส่วนด้านหลัง มีอักขระขอมจารึกเป็นเส้นลึก อ่านว่า พุทโธ โดยมีทั้งพิมพ์ใหญ่พิมพ์กลางและพิมพ์เล็ก จำนวนการสร้างรวมทั้งสิ้น 100000 องค์
    **แยกเป็นเนื้อต่างๆดังนี้**
    1.เนื้อผงใบลาน ทุกพิมพ์รวมกัน จำนวน 20000 องค์
    2.เนื้อผงพุทธคุณ ทุกพิมพ์รวมกัน จำนวน 30000 องค์
    3.เนื้อดินเผา ทุกพิมพ์รวมกัน จำนวน 50000 องค์
    **และมีหลังยันต์พิเศษ เพียง 3000 องค์**
    **พระพุทโธน้อยเป็นพระเครื่องที่เก่าแก่และน่าสะสมมากพิมพ์หนึ่ง ด้วยพุทธคุณหลายด้าน เช่น เมตามหานิยม แคล้วคลาดจากอันตรายสิ่งชั่วร้ายและเจริญด้วยโภคทัรพย์ จึงทำให้มีผู้เคารพศรัทธาและกราบไหว้สักการะมากมาย
    ขนาดองค์พระ กว้าง 1.5 ซ.ม. สูง 2.5 ซ.ม.

    แบ่งให้บูชาองค์ละ 2,800 บาท


    สนใจโทรสอบถาม 089-772-0498 (ตั้ม)<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> หรือ โพสต์จองในกระทู้ครับ
    ารโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ย่อยโลตัส - ลาดพร้าว
    เลขที่ 229-207483-3 ชื่อบัญชี นายชินวัชร์ บุญครอง
    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2010
  15. บุญครอง

    บุญครอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +386
    รายการที่ 11 (ขอปิดรายการนี้ครับ)

    SAM_0301.jpg SAM_0302.jpg SAM_0303.jpg _1_~1.JPG

    พระพุทโธน้อย คุณแม่บุญเรือน วัดอาวุธ พิมพ์เล็กฐานบัวใหญ่เนื้อผงใบลาน หลังยันต์พุทโธ องค์ที่ 4


    พระพุทโธน้อยรุ่นแรกปี 2494 พิมพ์เล็กฐานบัวใหญ่เนื้อผงใบลาน หลังยันต์พุทโธ คุณแม่บุญเรือน ผู้ทรงอภิญญา สภาพสวยครับ
    **พระพุทโธน้อยเนื้อผงใบลานเป็นเนื้อที่สร้างน้อยที่สุดครับ รองลงมาคือเนื้อผงพุทธคุณ รองลงมาคือเนื้อดินเผาครับ**
    พระพุทโธน้อย สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2494 ที่วัดอาวุธวิกสิตาราม ตำบลบางพลัดนอก ธนบุรี เป็นพิมพ์ครึ่งซีก กรอบทรงสามเหลี่ยม ด้านหน้าองค์ประทับนั่ง แสดงปางมารวิชัย เหนือฐานบัวสองชั้น พระเกศเป็นนุ่นเมาลี พระนาสิกเป็นสันนูน พระเนตรเป็นเม็ดกลมนูน และพระหัตถ์ซ้ายถือหม้อน้ำมันต์ส่วนด้านหลัง มีอักขระขอมจารึกเป็นเส้นลึก อ่านว่า พุทโธ โดยมีทั้งพิมพ์ใหญ่พิมพ์กลางและพิมพ์เล็ก จำนวนการสร้างรวมทั้งสิ้น 100000 องค์
    **แยกเป็นเนื้อต่างๆดังนี้**
    1.เนื้อผงใบลาน ทุกพิมพ์รวมกัน จำนวน 20000 องค์
    2.เนื้อผงพุทธคุณ ทุกพิมพ์รวมกัน จำนวน 30000 องค์
    3.เนื้อดินเผา ทุกพิมพ์รวมกัน จำนวน 50000 องค์
    **และมีหลังยันต์พิเศษ เพียง 3000 องค์**
    **พระพุทโธน้อยเป็นพระเครื่องที่เก่าแก่และน่าสะสมมากพิมพ์หนึ่ง ด้วยพุทธคุณหลายด้าน เช่น เมตามหานิยม แคล้วคลาดจากอันตรายสิ่งชั่วร้ายและเจริญด้วยโภคทัรพย์ จึงทำให้มีผู้เคารพศรัทธาและกราบไหว้สักการะมากมาย
    ขนาดองค์พระ กว้าง 1.5 ซ.ม. สูง 2.5 ซ.ม.

    แบ่งให้บูชาองค์ละ 2,800 บาท



    สนใจโทรสอบถาม 089-772-0498 (ตั้ม)<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> หรือ โพสต์จองในกระทู้ครับ
    ารโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ย่อยโลตัส - ลาดพร้าว
    เลขที่ 229-207483-3 ชื่อบัญชี นายชินวัชร์ บุญครอง

    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2010
  16. บุญครอง

    บุญครอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +386
    รายการที่ 12 (ขอปิดรายการนี้ครับ)

    SAM_0304.jpg SAM_0305.jpg SAM_0306.jpg _1_~1.JPG

    พระพุทโธน้อย คุณแม่บุญเรือน วัดอาวุธ พิมพ์เล็กฐานบัวใหญ่เนื้อผงใบลาน หลังยันต์พุทโธ องค์ที่ 5

    พระพุทโธน้อยรุ่นแรกปี 2494 พิมพ์เล็กฐานบัวใหญ่เนื้อผงใบลาน หลังยันต์พุทโธ คุณแม่บุญเรือน ผู้ทรงอภิญญา สภาพสวยครับ
    **พระพุทโธน้อยเนื้อผงใบลานเป็นเนื้อที่สร้างน้อยที่สุดครับ รองลงมาคือเนื้อผงพุทธคุณ รองลงมาคือเนื้อดินเผาครับ**
    พระพุทโธน้อย สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2494 ที่วัดอาวุธวิกสิตาราม ตำบลบางพลัดนอก ธนบุรี เป็นพิมพ์ครึ่งซีก กรอบทรงสามเหลี่ยม ด้านหน้าองค์ประทับนั่ง แสดงปางมารวิชัย เหนือฐานบัวสองชั้น พระเกศเป็นนุ่นเมาลี พระนาสิกเป็นสันนูน พระเนตรเป็นเม็ดกลมนูน และพระหัตถ์ซ้ายถือหม้อน้ำมันต์ส่วนด้านหลัง มีอักขระขอมจารึกเป็นเส้นลึก อ่านว่า พุทโธ โดยมีทั้งพิมพ์ใหญ่พิมพ์กลางและพิมพ์เล็ก จำนวนการสร้างรวมทั้งสิ้น 100000 องค์
    **แยกเป็นเนื้อต่างๆดังนี้**
    1.เนื้อผงใบลาน ทุกพิมพ์รวมกัน จำนวน 20000 องค์
    2.เนื้อผงพุทธคุณ ทุกพิมพ์รวมกัน จำนวน 30000 องค์
    3.เนื้อดินเผา ทุกพิมพ์รวมกัน จำนวน 50000 องค์
    **และมีหลังยันต์พิเศษ เพียง 3000 องค์**
    **พระพุทโธน้อยเป็นพระเครื่องที่เก่าแก่และน่าสะสมมากพิมพ์หนึ่ง ด้วยพุทธคุณหลายด้าน เช่น เมตามหานิยม แคล้วคลาดจากอันตรายสิ่งชั่วร้ายและเจริญด้วยโภคทัรพย์ จึงทำให้มีผู้เคารพศรัทธาและกราบไหว้สักการะมากมาย
    ขนาดองค์พระ กว้าง 1.5 ซ.ม. สูง 2.5 ซ.ม.

    แบ่งให้บูชาองค์ละ 2,800 บาท



    สนใจโทรสอบถาม 089-772-0498 (ตั้ม)<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> หรือ โพสต์จองในกระทู้ครับ
    ารโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ย่อยโลตัส - ลาดพร้าว
    เลขที่ 229-207483-3 ชื่อบัญชี นายชินวัชร์ บุญครอง
    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2010
  17. บุญครอง

    บุญครอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +386
    รายการที่ 13

    SAM_0261.jpg SAM_0262.jpg

    สาริกามหานิยม พ่อท่านเอื้อม วัดบางเนียน ปี 48

    สาลิกาเมตตามหานิยม พ่อท่านเอื้อม วัดบางเนียน นครศรีธรรมราช สาริกาเมตตามหานิยม พ่อท่านเอื้อม กตปุญโญ วัดบางเนียน อำเภอเชียรใหญ่จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ.๒๕๔๘ ( ขนาดเล็ก ห้อยคอ ) ปัจจุบันพ่อท่านเอื้อมอายุ ๑๐๓ ปี พุทธคุณ : ทางด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ โภคทรัพย์ ค้าขาย คุ้มครอง
    คาถาบูชา : พุทธา อะเนนา มะลิยา สุสังคะเยมิ พุทธา อิริมะลิยา สุสังคะเยมิ พุทธาอิรปะโย เคมะคุณนะ ปักเขสะเมมะมิ อุนาโลมา ปันนะ วิชายะเต <O:p</O:p
    ประวัติพ่อท่านเอื้อม กตปุญโญ โดยสังเขป พ่อท่านเอื้อม กตปุญโญเป็นชาวจังหวัดสงขลา บิดานับถือศาสนาอิสลาม มารดาเชื้อสายจีนนับถือศาสนาพุทธพ่อท่านเอื้อม อุปสมบทเมื่ออายุ ๕๐ ปีได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างมุ่งมั่นและจริงจังโดยการออกจาริกธุดงค์เพื่อแสวงหาโมกขธรรม เดินธุดงค์ไปตามป่า เขาขึ้นไปทางเหนือถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และลงใต้จดชายแดนมาเลเซียระหว่างธุดงค์ปักกรดตามป่า ถ้ำ และเดินข้ามภูเขาน้อยใหญ่รวม ๖๙ ลูกการปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดของพ่อท่านเอื้อมจึงเชื่อกันว่าพ่อท่านได้บรรลุธรรมขั้นสูง ในระหว่างธุดงค์พ่อท่านเอื้อมได้สร้างวัดตามสถานที่ต่าง ๆ รวม ๗ วัด ได้แก่ <O:p</O:p
    1.วัดท้ายทะเลอำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช<O:p</O:p
    2.วัดไสไท อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่<O:p</O:p
    3.สำนักสงฆ์เขาวงแหวน อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง <O:p</O:p
    4.วัดบางเนียน อำเภอเชียรใหญ่จังหวัดนครศรีธรรมราช <O:p</O:p
    5.สำนักสงฆ์คลองสะเดา อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร<O:p</O:p
    6.สำนักสงฆ์เนินธัมมัง อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช <O:p</O:p
    7.สำนักสงฆ์ควนเขาดินอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี <O:p</O:p

    พ่อท่านเอื้อม กตปุญโญนอกจากศึกษาค้นคว้าและปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดแล้วพ่อท่านยังได้ศึกษาค้นคว้าทางไสยเวท และวิทยาคมทั้งศาสตร์อิสลาม พราหมณ์ ขอมและพุทธมาตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี จนถึงปัจจุบัน (อายุ ๑๐๓ ปี) จึงทำให้พ่อท่านมีความรู้แตกฉานลึกซึ้งและแกร่งกล้าทางด้านไสยศาสตร์ เวทมนต์ คาถา อาคม ในทุกด้าน :: พ่อท่านเอื้อมกตปุญโญ จึงเป็นพระเกจิอาจารย์เพชรน้ำหนึ่งของภาคใต้ ที่มีตบะบารมีอันสูงยิ่งวัตถุมงคลที่พ่อท่านอธิษฐานจิตหรือปลุกเสกจะมีอิทธิปาฏิหาริย์และประสบการณ์ทางด้านคงกระพัน แคล้วคลาด คุ้มครอง โชคลาภและเมตตามหานิยม ซึ่งเกิดขึ้นกับผู้ที่นำไปบูชาจนนับครั้งไม่ถ้วน ศิษยานุศิษย์ผู้ศรัทธาและบุคคลทั่วไปจึงเคารพนับถือ ศรัทธา แสวงหาวัตถุมงคลของพ่อท่านไว้บูชาและไปคารวะกราบไหว้พ่อท่านกันมากมายตลอดเวลานำมาแบ่งให้พี่ๆเพื่อนบูชากัน สภาพสวยครับ

    บูชาคู่ละ 1,999 บาท (ราคาคุยกันได้ครับ)


    สนใจโทรสอบถาม 089-772-0498 (ตั้ม)<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> หรือ โพสต์จองในกระทู้ครับ
    ารโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ย่อยโลตัส - ลาดพร้าว
    เลขที่ 229-207483-3 ชื่อบัญชี นายชินวัชร์ บุญครอง
    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2010
  18. บุญครอง

    บุญครอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +386
    รายการที่ 14

    SAM_0263.jpg SAM_0264.jpg

    สาริกามหานิยม พ่อท่านเอื้อม วัดบางเนียน ปี 48
    สาลิกาเมตตามหานิยม พ่อท่านเอื้อม วัดบางเนียน นครศรีธรรมราช สาริกาเมตตามหานิยม พ่อท่านเอื้อม กตปุญโญ วัดบางเนียน อำเภอเชียรใหญ่จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ.๒๕๔๘ ( ขนาดเล็ก ห้อยคอ ) ปัจจุบันพ่อท่านเอื้อมอายุ ๑๐๓ ปี พุทธคุณ : ทางด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ โภคทรัพย์ ค้าขาย คุ้มครอง
    คาถาบูชา : พุทธา อะเนนา มะลิยา สุสังคะเยมิ พุทธา อิริมะลิยา สุสังคะเยมิ พุทธาอิรปะโย เคมะคุณนะ ปักเขสะเมมะมิ อุนาโลมา ปันนะ วิชายะเต <O:p</O:p
    ประวัติพ่อท่านเอื้อม กตปุญโญ โดยสังเขป พ่อท่านเอื้อม กตปุญโญเป็นชาวจังหวัดสงขลา บิดานับถือศาสนาอิสลาม มารดาเชื้อสายจีนนับถือศาสนาพุทธพ่อท่านเอื้อม อุปสมบทเมื่ออายุ ๕๐ ปีได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างมุ่งมั่นและจริงจังโดยการออกจาริกธุดงค์เพื่อแสวงหาโมกขธรรม เดินธุดงค์ไปตามป่า เขาขึ้นไปทางเหนือถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และลงใต้จดชายแดนมาเลเซียระหว่างธุดงค์ปักกรดตามป่า ถ้ำ และเดินข้ามภูเขาน้อยใหญ่รวม ๖๙ ลูกการปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดของพ่อท่านเอื้อมจึงเชื่อกันว่าพ่อท่านได้บรรลุธรรมขั้นสูง ในระหว่างธุดงค์พ่อท่านเอื้อมได้สร้างวัดตามสถานที่ต่าง ๆ รวม ๗ วัด ได้แก่ <O:p</O:p
    1.วัดท้ายทะเลอำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช<O:p</O:p
    2.วัดไสไท อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่<O:p</O:p
    3.สำนักสงฆ์เขาวงแหวน อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง <O:p</O:p
    4.วัดบางเนียน อำเภอเชียรใหญ่จังหวัดนครศรีธรรมราช <O:p</O:p
    5.สำนักสงฆ์คลองสะเดา อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร<O:p</O:p
    6.สำนักสงฆ์เนินธัมมัง อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช <O:p</O:p
    7.สำนักสงฆ์ควนเขาดินอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี <O:p</O:p

    พ่อท่านเอื้อม กตปุญโญนอกจากศึกษาค้นคว้าและปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดแล้วพ่อท่านยังได้ศึกษาค้นคว้าทางไสยเวท และวิทยาคมทั้งศาสตร์อิสลาม พราหมณ์ ขอมและพุทธมาตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี จนถึงปัจจุบัน (อายุ ๑๐๓ ปี) จึงทำให้พ่อท่านมีความรู้แตกฉานลึกซึ้งและแกร่งกล้าทางด้านไสยศาสตร์ เวทมนต์ คาถา อาคม ในทุกด้าน :: พ่อท่านเอื้อมกตปุญโญ จึงเป็นพระเกจิอาจารย์เพชรน้ำหนึ่งของภาคใต้ ที่มีตบะบารมีอันสูงยิ่งวัตถุมงคลที่พ่อท่านอธิษฐานจิตหรือปลุกเสกจะมีอิทธิปาฏิหาริย์และประสบการณ์ทางด้านคงกระพัน แคล้วคลาด คุ้มครอง โชคลาภและเมตตามหานิยม ซึ่งเกิดขึ้นกับผู้ที่นำไปบูชาจนนับครั้งไม่ถ้วน ศิษยานุศิษย์ผู้ศรัทธาและบุคคลทั่วไปจึงเคารพนับถือ ศรัทธา แสวงหาวัตถุมงคลของพ่อท่านไว้บูชาและไปคารวะกราบไหว้พ่อท่านกันมากมายตลอดเวลานำมาแบ่งให้พี่ๆเพื่อนบูชากัน สภาพสวยครับ


    จัดให้บูชา 999 บาท เท่านั้นครับ (ราคาคุยกันได้ครับ)



    สนใจโทรสอบถาม 089-772-0498 (ตั้ม)<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> หรือ โพสต์จองในกระทู้ครับ
    ารโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ย่อยโลตัส - ลาดพร้าว
    เลขที่ 229-207483-3 ชื่อบัญชี นายชินวัชร์ บุญครอง
    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- / message --><!-- attachments -->
     
  19. บุญครอง

    บุญครอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +386
    รายการที่ 15

    1.jpg 2.jpg

    พ่อท่านจันทร์ วัดทุ่งเฟื้อ

    พ่อท่านจันทร์ สุเมโธ วัดทุ่งเฟื้อ ตามประวัติ หลวงพ่อจันทร์ ท่านเป็นผู้มีวิชาอาคมแก่กล้า เครื่องราง ควายธนู พ่อท่านจันทร์ ถือเป็นควายธนูหนึ่งเดียวของเมืองใต้

    ประวัติหลวงพ่อจันทร์ สุเมโธ
    เกิดวันพฤหัสบดี ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2453 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน6ปีชวด ณ บ้านหลาแก้ว อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช บิดาชื่อนายเขียว มารดาชื่อนางพุดแก้ว นามสกุล ทองแก้ว หลวงพ่อจันทร์ ท่านเป็นบุตรชายคนโต มีพี่น้อง4คน มีอาชีพทำสวนทำไร่ ตอนเยาว์วัยได้ศึกษาในสำนักของ พระครูสังฆรักษ์ วัดหลาแก้ว ได้ศึกษาอักขระสมัยและวิชาอาคมต่างๆ เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นก็ศึกษาพุทธาเวทจากตำราต่างๆ มีวิชาอาคมพอตัวเลยทีเดียว นักเลงหัวไม้ต่างกลัวท่าน เนื่องจากท่านหนังเหนียวยิ่งนัก เมื่ออายุครบ 20ปี ก็ได้อุปสมบทที่วัดศาลาแก้ว มีพระครูพนังศรีวิสุทธิพุทธิภักดี เป็นพระอุปัชฌาย์ อาจารย์เห้ง วัดศาลามีแก้ว เป็นพระกรรมาวาจารย์ หลวงพ่อจันทร์ ได้ฉายาว่า "สุเมโธ"
    อักขระปรากฏแก่ พ่อท่านจันทร์
    คราวหนึ่ง พ่อท่านจันทร์ สุเมโธ ท่านเดินทางธุดงค์อยู่ในป่าช้าจังหวัดพัทลุงขณะที่ท่านเข้าพักแขวนกลดไว้กับกิ่งไม้ในป่าช้าวัดแห่งหนึ่งบริเวณใกล้ริมคลองป่าเรียบร้อยแล้ว “หลวงพ่อจันทร์”ท่านก็เดินจงกลมคลายความเหน็ดเหนื่อยพอสมควรแล้ว ท่านก็นั่งสมาธิภาวนาในกลด เพราะเป็นช่วงพลบค่ำพอดี
    ความอัศจรรย์เกิดขึ้นแก่จิต
    ขณะที่นั่งสมาธิจนจิตค่อยสงบลงแล้วสติสัมปชัญญะสมบูรณ์แจ่มใสมาก “หลวงพ่อจันทร์”ท่านได้เล่าให้บรรดาศิษย์ฟังภายหลังว่าจิตสงบดีแล้วเหตุการณ์การอันอัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้น ทำให้เห็นอักขระแบบภาษาขอมลอยขึ้นเด่นชัด จากริมแม่น้ำลำป่า ไปอยู่ในท่ามกลางอากาศก็ได้กำหนดอักขระเหล่านั้นมาพิจารณา แล้วทำอุบายเพ่งเป็นกสิณ โดยอาศัยอักขระโบราณที่ปรากฏมาเป็นนิมิตรหมายแห่งการบำเพ็ญเพ่งเป็นองค์กสิณยิ่งนานวัน ความสงบยิ่งแนบแน่นตามลำดับ
    พยัคฆามาเยี่ยม
    เมื่อความมืดมาปกคลุมไปทั่วลุ่มน้ำลำป่า จังหวัดพัทลุง บริเวณภายนอกกลดอากาศเย็นเป็นพิเศษ ขณะ"พ่อท่านจันทร์"และหมู่คณะของท่านนั่งกำหนดจิตอยู่ ทันใดนั้นความเงียบก็ถูกทำลายด้วยอำนาจเสือโคร่งตัวโต เสียงร้องของมันขู่ข่มขวัญ ทุกคนที่ได้ยิน มันเดินไปวนมาข้างๆกลดเพราะได้กลิ่นมนุษย์ พระธุดงค์ดังกล่าวได้ปฏิบัติตามคำเตือนให้อยู่ในความสงบ นั่งปฏิบัติกันโดยปกติ เสือเหมือนมาทดสอบจิตใจเมื่อพระธุดงค์ทุดท่านมีมานะอดทนที่แน่วแน่ พร้อมทั้งแผ่เมตตาไปยังเสือตัวนั้นในที่สุดเสือโคร่งก็สิ้นความพยายามผละหายกลับไปในป่าลึก
    หลวงพ่อจันทร์ พบดินแดนสงบ
    จากการเดินธุดงค์ไปทั่วทั้ง 14จังหวัดภาคใต้ ต่อมาในปี พ.ศ.2491 พ่อท่านจันทร์ สุเมโธ ท่านได้จำพรรษาที่ วัดทุ่งเฟื้อ เพราะเล็งเห็นว่าเหมาะแก่การเจริญวิปัสสนาสมาธิเป็นอย่างยิ่ง จากอดีต วัดทุ่งเฟื้อ ที่เคยมีสภาพทรุดโทรม ก็ได้รับการพัฒนาเปิดป่า เปลี่ยนเป็นศาลาโรงธรรม หอระฆัง พระอุโบสถและกุฏิสงฆ์ขึ้นมาตามลำดับ ต่อมา พ่อท่านจันทร์ ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส วัดทุ่งเฟื้อ อย่างสมบูรณ์ พระสงฆ์ต่างจังหวัดและชาวบ้านต่างมาฝากตัวเป็นศิษย์ท่านเป็นจำนวนมาก เพื่อศึกษาตำราพิชัยสงคราม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องวิชาคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด มหาอุด แต่งคนเลิศดีนักแลฯ ถือเป็นวิชาสุดยอดทั้งนั้นและ หลวงพ่อจันทร์ ก็เคยเดินทางไปศึกษาวิชากับ อาจารย์เอียดดำ วัดในเขียว อีกด้วย
    พุทธคุณพระเครื่อง “พ่อท่านจันทร์”
    ในเรื่องอิทธิมงคลวัตถุของพ่อท่านจันทร์ นั้นมีอานุภาพดีเด่นในทางพุทธคุณสูง อานุภาพสูงส่งจากประสบการณ์ผู้นำติดตัวไปใช้ก็มีมากมาย จึงเป็นที่หวงแหนของผู้ที่ครอบครองไว้ สำหรับความรู้สึกของศิษยานุศิษย์ที่ได้เรียนวิชาคงกระพัน วิชาชาตรี วิชาแคล้วคลาด วิชามหาอุด วิชาแต่งคน และรับมอบอิทธิวัตถุมงคลของหลวงพ่อจันทร์ พูดได้ว่ายอดเยี่ยมเลยทีเดียว
    หลวงพ่อจันทร์ มรณภาพตามกำหนด
    กฎแห่งไตรลักษณ์มีอย่างไรความจริงก็ย่อมปรากฏเช่นนั้น หลวงพ่อจันทร์ ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติจนเกิดฌานจนแก่กล้า สามารถรู้เหตุการณ์ต่างๆแม้แต่วันตาย ดังบันทึกของคณะศิษย์วัดทุ่งเฟื้อ ทุกๆสาย คืนวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2532 ท่านเข้าสมาธิภาวนาตั้งแต่หัวค่ำด้วยอิริยาบถอันสงบ แม้อาการป่วยกระเสาะกระแสะมาตลอดท่านก็ไม่ ทอดธุระเรื่องภาวนา ตลอดคืนจนได้เวลา 05.00น. อันเป็น เวลาใกล้สว่าง หลวงพ่อจันทร์ ท่านได้ให้บรรดาศิษย์ช่วยกันพยุงกายท่านให้ลุกขึ้น เพราะท่านนั่งสมาธิมาตั้งแต่หัวค่ำ เรี่ยวแรงก็น้อยลง เมื่อพระสมุห์พิงค์ ขึ้นแล้ว ท่านได้เปลี่ยน สบง จีวร สังฆาฏิ ใหม่หมดเสร็จแล้วท่านได้บอกให้ลูกศิษย์ประคองให้นั่งลงทำสมาธิต่อไปหลังจากฉันอาหารเช้าแล้ว หลวงพ่อจันทร์ท่านก็หลับตาลง และได้สั่งให้พระสมุห์พิงค์ ผู้เป็นศิษย์จุดเทียนไว้เบื้องหน้าหนึ่งเล่ม พร้อมทั้งไม่ให้ใครมาส่งเสียงบริเวณนั้นจะทำสมาธิครั้งสุดท้ายหลังจากกล่าวแก่ศิษย์ทุกคนแล้ว หลวงพ่อจันทร์ ท่านก็หลับตาลงเป็นครั้งสุดท้ายกำหนดจิตเข้าสู่สมาธิ เป็นลำดับเวลา 08.30น.บรรดาลูกศิษย์ ที่เฝ้าดูอาการของ พ่อท่านจันทร์ เห็นผิดสังเกต เพราะศีรษะของท่านโน้นเอียงลงมาเล็กน้อย ซึ่งปกติท่านจะนั่งตัวตรงไม่ไหวติง ศิษย์ที่อยู่ใกล้ชิดท่านย่อมรู้ดี จึงทราบว่า พ่อท่านจันทร์ สุเมโธ วัดทุ่งเฟื้อ ท่านได้มรณภาพแล้ว วันที่ 10 พฤศจิกายน 2532
    ร่างกายไม่เน่าเปื่อย
    การนั่งมรณภาพของ หลวงพ่อจันทร์ เมื่อวันที่10 พฤศจิกายน 2532 ได้ลือกระฉ่อนไปทั่วสารทิศเมืองนครศรีธรรมราช สังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย สังขารของท่านแข็งดุจหินแม้เวลาล่วงเลยมาหลายปี
    ข้อมูลจาก...นิตยสารศูนย์พระเครื่อง ปี 2535



    ควายธนู พ่อท่านจันทร์ วัดทุ่งเฟื้อ


    SAM_0276.jpg SAM_0277.jpg


    วัวธนู - ควายธนู (ป้องกันและขจัดสิ่งอัปมงคล - เรียกลาภ นำโชค)
    วัวธนู-ควายธนู ของไทยเรา ถือเป็นสุดยอดเครื่องรางชนิดหนึ่งตั้งแต่โบราณ คุณสมบัติของเครื่องรางชนิด
    นี้ คือการป้องกันคุ้มครองผู้บูชาให้พ้นภยันตรายจากภูติผีปีศาจต่อสู้กับอสูรกายตลอดจนคุณไสยต่างๆ แม้แต่ผู้ปองร้ายหรือ
    โจรขโมยจะขึ้นบ้านก็ยังช่วยขับไล่ได้ด้วย นอกจากนี้แล้วยังป้องกันไฟไหม้, ฟ้าผ่า, โชคลาภ เมตตา ค้าขาย ได้ดีมาก


    <TABLE style="WIDTH: 709.5pt; mso-cellspacing: 1.5pt; mso-yfti-tbllook: 1184" class=MsoNormalTable border=0 cellPadding=0 width=946><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes"><TD style="BORDER-BOTTOM-COLOR: #f0f0f0; PADDING-BOTTOM: 0.75pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; BORDER-TOP-COLOR: #f0f0f0; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-RIGHT: 0.75pt; BORDER-RIGHT-COLOR: #f0f0f0; BORDER-LEFT-COLOR: #f0f0f0; PADDING-TOP: 0.75pt" colSpan=2>สำหรับเรื่องวัวธนู หรือควายธนูนี้มีพระเกจิอาจารย์หลายๆท่านในยุคโบราณกว่า เมื่อกว่าสามสิบปีมาแล้วได้สร้างขึ้นมา พอที่จะหลงเหลืออยู่บ้าง อย่างหลวงพ่อน้อยวัดศีรษะทองท่านก็สร้างวัวธนูเอาไว้ ซึ่งในปัจจุบัน วัวธนู ควายธนูเหล่านี้นับได้ว่าเป็นของขลังของศักดิ์สิทธิ์ที่หาได้ยากเต็มที กรรมวิธีการสร้างวัวธนูและควายธนู ที่ได้รับความนิยมสูงสุดท่านหนึ่งในประวัติศาสตร์ คือหลวงพ่อน้อยวัดศรีษะทอง จ.นครปฐม ซึ่งเป็นอมตะเถราจารย์ในด้านการสร้างวัวธนู-ควายธนูเป็นเลิศ แต่ปัจจุบันนี้ ศิษย์สายตรงที่สืบทอดวิชาการสร้างวัวธนู-ควายธนู ต่อจากหลวงพ่อน้อยคือหลวงพ่อจืด สวนปฏิบัติโพธิเศรษฐี จ.นครปฐม ท่านได้สร้างวัว-ควายธนูได้ขลังตามตำราโบราณขนานแท้ที่เรียกว่า " วัว-ควายธนูสูตรสำเร็จ" คำว่าสูตรสำเร็จ แปลว่า ไม่ต้องเลี้ยง เหมือนวัวควายธนูทั่วไป นอกจากยังไม่มีโทษแก่ผู้เลี้ยงแล้ว แต่อานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ยังครบถ้วน ไม่แพ้ครูบาอาจารย์ของท่าน </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 1"><TD style="BORDER-BOTTOM-COLOR: #f0f0f0; PADDING-BOTTOM: 0.75pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; BORDER-TOP-COLOR: #f0f0f0; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-RIGHT: 0.75pt; BORDER-RIGHT-COLOR: #f0f0f0; BORDER-LEFT-COLOR: #f0f0f0; PADDING-TOP: 0.75pt" colSpan=2>สำหรับทางใต้ สายนครเราก็มีพระเกจิที่มีเวชย์มนต์ขลังอย่างเช่น พ่อท่านจันทร์ วัดทุ่งเฟื้อ ควายธนูพ่อท่านจันทร์ วัดทุ่งเฟื่อ นครศรีฯ เห็นจะโด่งดังเป็นที่สุดของสายใต้</TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 2; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-BOTTOM-COLOR: #f0f0f0; PADDING-BOTTOM: 0.75pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; BORDER-TOP-COLOR: #f0f0f0; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-RIGHT: 0.75pt; BORDER-RIGHT-COLOR: #f0f0f0; BORDER-LEFT-COLOR: #f0f0f0; PADDING-TOP: 0.75pt"><O:p</O:p



    </TD><TD style="BORDER-BOTTOM-COLOR: #f0f0f0; PADDING-BOTTOM: 0.75pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; BORDER-TOP-COLOR: #f0f0f0; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-RIGHT: 0.75pt; BORDER-RIGHT-COLOR: #f0f0f0; BORDER-LEFT-COLOR: #f0f0f0; PADDING-TOP: 0.75pt">พ่อท่านจันทร์ได้สร้างวัวและควายธนู มาหลายรุ่นแล้ว แต่ละรุ่นล้วนมีประสบการณ์ หายาก ราคาบูชาก็ ขยับสูงขึ้น ใครมีต่างก็หวงแหน
    ในการสร้างวัวและควายธนู แต่ละครั้งนั้น พ่อท่านจะปลุกเสกเดียวได้ทำการปลุกเสกอย่างเข้มขลังมาก มันจะขวิดผู้บุกรุกถึงตายทีเดียว

    ถ้าผู้บุกรุกเป็นภูติผี มันก็จะไล่ขวิดเสียกระเจิดกระเจิง หรือจนกระทั่งภูติผีปีศาจเหล่านั้นหมดสภาพไม่สามารถไปใช้ทำอะไรได้อีก<O:p</O:p
    จัดเป็นเครื่องรางที่มีคุณวิเศษ และยอดเยี่ยม ในเนื้อหาและมวลสาร ซึ่งควายธนูนี้ พ่อท่านจันทร์ ท่านได้ทำขึ้นมาเองที่วัด
    โดยมีมวลสารหลักๆ..นั้นก็คือ ตะไคร้น้ำที่เกาะตามจมูกจระเข้ เนื้อผงว่านดินกากยายักษ์ ดินเจ็ดป่าช้า และมวลสารวิเศษของสำนักเขาอ้อ... ซึ่งถือได้ว่าครบสูตร ซึ่งจะหาเครื่องราง แบบฉบับเดิมๆ ที่สร้างขึ้นมาแบบนี้นั้นยากแล้วครับ..เพราะว่าในปัจจุบันส่วนใหญ่สั่งทำ<O:p</O:p
    ที่โรงงานแล้วนำมาทำพิธีที่วัดเสียส่วนใหญ่




    </TD></TR></TBODY></TABLE></B>
    บูชาตัวละ 2,000 บาท (ราคาคุยกันได้ครับ)



    สนใจโทรสอบถาม 089-772-0498 (ตั้ม)<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> หรือ โพสต์จองในกระทู้ครับ
    ารโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ย่อยโลตัส - ลาดพร้าว
    เลขที่ 229-207483-3 ชื่อบัญชี นายชินวัชร์ บุญครอง
    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- / message --><!-- attachments -->
     
  20. sangtham

    sangtham เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +1,180
    รอชมรายการใหม่อยู่ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...