จากปากสู่ปาก จากหนึ่งปีสู่พันปี-แวมไพร์!!-ตำนานที่รอการพิสูจน์

แวมไพร์ (Vampires)หลายคนอาจเคยอ่านในหลายที่ จากหนังสือหลายเล่ม บ้างก็ว่า แวมไพร์กับผีดูดเลือด เป็นชนิดเดียวกัน วันนี้ เรื่องนี้คงจะ ทำให้หลาย ๆ ท่านหายสงสัยได้ไม่มากก็น้อย

Dracula หรือผีดูดเลือด พวกนี้เกิดได้โดยการรับเชื้อจากรุ่น สู่รุ่น มีหัวหน้า มีผู้นำ หรือผู้แพร่เชื้อนั่นเอง ผีดูดเลือด แรกเริ่มเป็นชาวสลาฟ มีร่างกายคล้ายศพที่ขึ้นอืดร่างกายเขียวคล้ายบอบซ้ำ นัยตาสีแดงเถือก ปากสะแหยะเขี้ยวยาวเหลือง กลิ่นตัวและลมหายใจ นั้นเหม็นเขียวเปรี้ยวยิ่งนัก พวกนี้ แพ้ต่อแสงอาทิตย์ กระเทียม น้ำมนต์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา ฆ่าได้โดยการ ตัดหัว ตอกลิ่มตรงหัวใจ เผา แต่มันก็คล้ายกับปีศาจตนอื่นตรงที่ว่า ไม่มีใครเคย พบเห็น เพราะผู้ที่พบเห็นส่วนมากไม่ตกเป็นเหยื่อก็มักจะตกเป็นสาวก จึงเป็นเพียงเรื่องเล่าที่รอการพิสูจน์

แวมไพร์ (Vampires) เป็นมนุษย์อีกรูปแบบหนึ่งที่มีพลังปีศาจ แม้ว่าจะอยู่ในร่างกายมนุษย์ก็ตามที ทว่าหามีความเป็นมนุษย์โดยแท้แต่อย่างใด มีเรื่องเล่าต่อ ๆ กันมาว่าแวมไพร์นี้ปรากฏขึ้นครั้งแรกในอาณาจักรบาบิโลเนีย โลงศพถูกปิดผนึกมานานกว่า 4พันปี ไม่มีผู้ใดเคยพานพบกับแวมไพร์ตัวแรกในโลกมาก่อน ต้นกำเนิดของเหล่าแวมไพร์ทั้งปวง มิมีผู้ใดล่วงรู้ว่า ราชาแวมไพร์ มีลักษณะเช่นไร ต่างล่ำลือกล่าวอ้างจนมิรู้ว่าแท้จริงแล้ว ราชาแวมไพร์มีตัวตนจริงหรือไม่ บ้างก็กล่าวว่า ราชาแวมไพร์เป็นบุรุษ ร่างสูงผอมชะลูด ผิวกายขาวซีดเซียว ดวงตาแข็งกร้าว และกระหายเลือดมนุษย์ มิสามารถทนทานต่อแสงแห่งดวงอาทิตย์ได้ ยามกลางวันจะเป็นเช่นซากศพคนตาย ครั้นยามกลางคืนจะมีชีวิต ออกล่าเหยื่อไปทั่วท้องยามราตรี ความตายจะบังเกิดขึ้นอย่างลึกลับ ด้วยเพราะมนุษย์ชายหญิงล้มตายอย่างมิรู้สาเหตุ และจะกลายเป็นบริวารของแวมไพร์สืบต่อไป แวมไพร์ลักษณะนี้จัดได้ว่าเป็นพวกกลายพันธุ์ เกลียดและกลัวแสงแดด กระเทียม น้ำมนต์ ไม้กางเขน และอื่น ๆ อีกมากมายตามคำร่ำลือ

ทว่า ราชาแวมไพร์ มิเป็นเช่นนั้น ด้วยเพราะว่าจัดอยู่ในสายเลือดแท้ ต้นกำเนิด กำเนิดมาจากพลังปีศาจ ด้วยมนุษย์ผู้นั้นได้รับพลังปีศาจสาปร่างจนกลายเป็นอมตะ มีอิทธิ์และฤทธิธานุภาพมากมายเกินกว่าพวกกลายพันธุ์จะหาญกล้าต่อกรได้ แม้กระทั่งนักล่าแวมไพร์ก็มิอาจเป็นคู่ต่อสู้ของราชาแวมไพร์ได้แต่อย่างใด แสงแดดมิอาจทำอันตรายราชาแวมไพร์ได้แม้แต่น้อย พละกำลังมากมายประหนึ่งช้างสาร สามารถล่องหนและแปลงร่างได้ตามใจปารถนา ด้วยเหตุนี้ พวกกลายพันธุ์ต่างค้นหาและพยายามสืบเสาะหาราชาแวมไพร์ จุดประสงค์คือเลือดในตัวราชาแวมไพร์นั่นเอง ด้วยเพราะเชื่อว่าหากแวมไพร์ตัวใดได้เลือดจากองค์ราชาแวมไพร์ทั้งปวง แวมไพร์ตัวนั้นเปรียบประหนึ่งเช่นเดียวกับราชาแวมไพร์ ยิ่งใหญ่เหนือเหล่าแวมไพร์ทั้งมวล ดั่งตามตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมาในหมู่แวมไพร์ด้วยกันเองมาอย่างช้านาน

ตำนานมีอยู่ว่า...ในคริสศักราช 1112 หรือ 895 ปีที่ผ่านมา ในรัชสมัยพระเจ้าเฮนรี่กษัตริย์อังกฤษในสมัยนั้น หลังจากที่พิธีพระราชทานเพลิงพระศพของดยุคเอดินเบอะระ รัชทายาทลำดับที่ 1 ที่ทรงเสด็จสวรรคตโดยมิทราบสาเหตุแล้ว พระองค์ได้มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯให้เจ้าฟ้าชายเอเดรียน รัชทายาทลำดับที่ 2 ซึ่งเป็นพระอนุชาของพระเจ้าเฮนรี่ และเจ้าฟ้าชาย เอเลียต รัชทายาทลำดับที่ 3 นับถัดจาก ดยุคเอดินเบอะระ เสด็จเจริญสัมพันธไมตรีกับทางโรมาเนีย ในขณะนั้น เจ้าชายเอเดรียนและเจ้าชายเอเลียตทรงเป็นอริราชต่อกัน ทางเจ้าชายเอเลียตทรงอิจฉาเจ้าฟ้าชายเอเดรียนที่ได้รับการโปรดปรานจากกษัตริย์เฮนรี่
และได้รับพระราชบัลลังค์ต่อ จึงทรงเป็นคู่แข่งหรือศัตรูตัวฉกาจในทุก ๆ ด้าน แต่ทางเจ้าชายเอเดรียนหาได้สนพระทัยไม่ จนกระทั่งเสด็จถึงโรมาเนีย เจ้าชายเอเลียตจึงได้ทราบว่า เจ้าชายเวคเตอร์ ราชโอรสองค์ที่ 2 ของกษัตริย์โรมาเนีย มิทรงชอบพระพักตร์เจ้าชายเอเดรียน จึงได้คบคิดกันวางแผนลอบปลงพระชนม์...หลังจากเสด็จพระพาสกลับอังกฤษ ขบวนรถม้าของเจ้าชายทั้ง 2 พระองค์ และ เจ้าชายเวคเตอร์ที่ตามมาลอบปลงพระชนม์ก็หยุดจอดพักค้างคืนอยู่ บริเวณทางตอนเหนือของแถบเทือกเขาสูงอันหนาวเหน็บนามว่า "ทรานซิลวาเนีย" เจ้าชายเอเดรียนทรงเสด็จบรรทมอยู่ที่ใต้ต้นสนยักษ์ขนาด สิบคนโอบยังไม่มิดหรือที่รู้จักกันดีในนาม "ต้นสนพันปี" ซึ่งในโพรงต้นสนใกล้กับที่บรรทม มีหีบศพปริศนา หีบศพที่ถูกปิดผนึกมานานกว่า 4 พันปี ซึ่งนั่นคือจุดกำเนิดของราชาแวมไพร์ หลังจากที่พระองค์เสด็จบรรทมได้ไม่นานก็ต้องทรงตื่นขึ้น ดวงพระเนตรเบิกกว้างด้วยเพราะตกพระทัยไฉนเลยพระวรกายของพระองค์จึงทรงแปรเปลี่ยนวิปร
ิต ผิดมนุษย์ไปเช่นนี้ พระวรกายสูงสง่า ดวงพระเนตรแดงฉานประหนึ่งสีเลือด ทางด้านหลังปรากฏปีกค้างคาวอันยาวใหญ่ ทั้งสง่างามและน่าเกรงขามไปพร้อม ๆ กัน หลังจากที่ทรงได้รับพลังเต็มที่แล้วก็ได้มีเสียงดังก้องโสตประสาทว่า "เจ้าชายเอเดรียน ดยุคแห่งเวลส์ บัดนี้เจ้ากลายเป็นสาวกของข้า จงแพร่เผ่าพันธุ์ของเจ้า ให้นับพันเท่าทวีคูณเหยียบเรือนหมื่นแสนล้าน อย่าได้หยุด!!" แต่พระองค์ไม่ทรงยอมทำตามที่จอมปีศาจบอก แล้วทรงเสด็จหนีไป ในขณะเดียวกันที่เจ้าชายเอเลียต และเจ้าชายเวคเตอร์เสด็จมาทันหวังปลิดพระชนม์ชีพ ทั้ง 2 พระองค์ก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อจู่ ๆ พลันบังเกิดเสียงดังกังวานก้องสะท้านไปทั่วทั้งผืนป่า "เจ้าชายเอเลียต เจ้าใคร่อยากสังหารเจ้าชายเอเดรียน ศัตรูคู่อาฆาตของเจ้าหรือไม่" เจ้าชายเอเลียตไม่ได้ทรงคิดให้หนักพระทัย ทรงมีรับสั่งตอบกลับไปทันที "ใช่" ทันใดนั้นเอง ร่างเจ้าชายเอเลียตค่อย ๆ กลายเป็น อมนุษย์ มีร่างกายเป็นมนุษย์ จมูกยาวงองุ้ม ยิ้มสะแหยะเขี้ยวอันแหลมคมวาววับ ดวงตาโปนแดงช้ำ มือและเท้าปรากฏเล็บยาวแหลมคมงอกยาวออกมา และตามด้วยเสียงอันน่าสะพรึงกลัวเสียงเดิมถามว่า "เจ้าชายเวคเตอร์ เจ้าใคร่อยากจะสังหารเจ้าชายเอเดรียนหรือไม่" เจ้าชายเวคเตอร์ทรงครุ่นคิดอยู่ระยะจึงตอบออกไปว่า "ใช่" บัดนั้นเองร่างเจ้าชายเวคเตอร์ ค่อย ๆ งองุ้มลง พระเศียรแปรเปลี่ยนจากมนุษย์ จมูกยื่นยาวออกมาเฉกเช่นสุนัข เขี้ยวยาวแหลมคม ดวงตาแดงฉานพระวรกายค่อย ๆ แปรเปลี่ยนไปเป็นสิ่งที่มนุษย์เรียกว่า "ไวล์วูล์ฟ" ณ บัดนี้ เจ้าชาย เอเลียต ดยุคแห่งยอร์ก ซึ่งกลายเป็นแวมไพร์กลายพันธุ์ และเจ้าชายเวคเตอร์ ราชโอรสแห่งโรมาเนีย ซึ่งก็คือ ไวล์วูล์ฟ ได้รับบัญชาจากจอมปีศาจให้ตามอำนาจในตัวของ เจ้าชายเอเดรียน ดยุคแห่งเวลส์ กลับคืนมา แต่ทว่าพลังที่ทั้ง2พระองค์ได้รับมานั้น เป็นเพียงเศษเสี้ยวพลังอันน้อยนิดที่เหลือจากเจ้าชายเอเดรียน จึงยากนักที่จะหาญกล้าต่อกรกับเจ้าชายเอเดรียน แต่กระนั้นเจ้าชายเอเลียตและเจ้าชายเวคเตอร์ ก็ยังคงสืบเสาะแสวงหาเจ้าชายเอเดรียนอยู่มิได้หยุดหย่อน พร้อมกับแพร่พันธุ์เผ่าพันธุ์กลายพันธุ์ของตนเองสะพัดออกไป เจ้าชายเวคเตอร์ ซึ่งได้กลายเป็นไวล์วูล์ฟคอยรับใช้เจ้าชายเอเลียตอยู่มิได้ขาด นี่กระมังจึงบังเกิดเป็นตำนาน ไวล์วูล์ฟเป็นทาสรับใช้ของเจ้าชายเอเลียตแวมไพร์กลายพันธุ์ เพื่อตามโลหิตในตัวองค์ราชา เพื่อนำพลังกลับคืนสู่ความชั่วร้าย

ครั้นเมื่อเจ้าชายเอเดรียนเสด็จหนีออกมาจาก โพรงต้นสนพันปีแล้ว ราชองครักษ์ผู้ซื่อสัตย์ทั้ง 2 คนก็ได้ตามมาพบ และพบว่าเจ้าเหนือหัวของพวกตนนั้นมิใช่มนุษย์เสียแล้ว แต่ 2 ราชครักษ์กลับมิได้กลัวเกรงองค์ราชาแต่อย่างใด แต่กลับเร่งรบเร้าขอประทานเลือดจากองค์ราชาเพื่อที่จะได้พลังอำนาจคอยปกป้อง อารักขาองค์ราชาตลอดไป พระองค์จึงทรงประทานเลือดให้ราชครักษ์ทั้ง2

บัดนี้ เกิดอมนุษย์ผู้ทรงพลังอำนาจขึ้นในพื้นพิภพโลกมนุษย์แล้ว เป็นแวมไพร์แท้โดยสายเลือด 3 ตน นั่นก็คือ เจ้าชายเอเดรียน ดยุคแห่งเวลส์ และราชองครักษ์ทั้ง2 เป็นแวมไพร์กลายพันธุ์อีก1 คือเจ้าชายเอเลียต ดยุคแห่งยอร์ก แลเป็นไวล์วูล์ฟอีก 1 คือเจ้าชายเวคเตอร์ ราชโอรสแห่งจักรวรรดิโรมาเนีย นับรวมแล้วทั้งสิ้น 5 ตน แต่อมนุษย์ตนใดเล่า จักมีอำนาจเทียบเท่า เจ้าชายเอเดรียน ซึ่งได้รับพลังโดยครบถ้วนสมบูรณ์ มากมายมหาสารอย่างไร้ขอบเขตจำกัด หามีผู้ใดจะมีพลังอำนาจทัดเทียมแลหาญกล้าต่อกรไม่ แม้พระเจ้าเองยังพรั่นพรึง!!

เรื่องเหล่านี้ยังคงเป็นเพียงตำนานที่รอการพิสูจน์ แต่ทว่า มนุษย์ตนใดเล่าจักพิสูจน์เรื่องราวเหล่านี้ได้ หากแม้นได้พบแล้วมิตกเป็นเหยื่อแล้วไซร้ ก็กลายเป็นสาวกไปโดยสิ้น จึงมิมีผู้ใดหลงเหลือมีชีวิตเป็นมนุษย์มาบอกเล่าให้ความจริงกระจ่าง แต่ทว่า ตำนาน จักเกิดขึ้นไม่ได้โดยไม่มีผู้พบเห็นหรือประสบพบเจอมาก่อน เพราะเพียงลำพังมันสมองของมนุษย์ ยิ่งในสมัยก่อนด้วยแล้ว คงไม่ว่างขนาดมานั่งแต่งตำนานหลอกหลอนผู้คนจนเล่าสืบต่อกันมาเป็นพัน ๆ ปีได้เป็นแน่แท้

ตำนานยังคงเป็น...ตำนาน
กาลเวลาหมุนเวียน...แปรเปลี่ยน
โลกเล่ายังคง...หมุนเวียน
จะมีใครประสบ..พบเจอ!!

สิ่งที่ข้าพเจ้าอยากจะเล่าก็หมดลงแล้ว เหลือเพียงท่านผู้อ่าน ที่ต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างยิ่งยวด หากแม้นท่านไม่เชื่อแล้วไซร้มันก็ยังคงเป็นตำนานเฉกเช่นเดิม แต่หากท่านเชื่อมันคงจะแลดูสูงค่าขึ้นมาอีกนิดสำหรับตำนานอันยาวนานเป็นพัน ๆ ปี เช่นนี้ สุดท้ายนี้หากข้าพเจ้าพิมพ์ตกหล่นหรือมิตรงดังที่ท่านเคยได้ยินได้อ่านมา ก็ขออภัยด้วย

อีริค <!--sizec--><!--/sizec-->

Attached image(s)
<!-- THE POST -->

 

เกือบเหมือนในหนังแป๊ะเลย ขาดแต่ไม่มีตอนล่าหัวหน้าแวมไพร์ ช่วยนำมาโพตส์ต่อหน่อยสิครับ กำลังอ่านเพลินๆ

 

ขอบคุณครับท่าน อ่านแล้วสนุกดี