จิตสัมผัสของอ.เสาวนีย์ สวัสดิ์ภักดิ์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย piyaa, 28 มิถุนายน 2012.

  1. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    เดิมฉันเป็นคนไม่ชอบไหว้พระสวดมนต์ ต่อมาฉันมีปัญหาทุกข์ใจ กลุ้มใจอย่างหนัก แก้ปัญหาชีวิตไม่ได้ ฉันจึงหันหน้าเข้ามาไหว้พระ สวดมนต์ เหมือนคำที่ว่า ถ้าไม่ทุกข์ ก็ไม่เข้าวัด ฉันฝึกนั่งสมาธิภาวนาขั้นพื้นฐาน โดยการหายใจเข้า “พุทธ” หายใจออก “โธ” ใช้คำภาวนาแค่สองคำคือ พุทธโธ ทำมาเรื่อยๆ ตลอดเวลา เช่น สมัยก่อนฉันเป็นช่างเย็บผ้า ใจก็ภาวนาไปด้วย ตามอง มือทำ มันก็ทำได้ไม่มีปัญหา ส่วนเวลาขับรถก็ภาวนาได้ก็ดี ทำให้มีสติ ขับรถปลอดภัย ในเวลากลางคืน เมื่อว่างจากการทำงานแล้ว ฉันก็นั่งสวดมนต์เป็นเรื่องเป็นราว นั่งสมาธิทำจิตให้ว่างซึ่งทำให้ฉันไม่เครียด ไม่กลุ้ม ไม่คิดมาก ในชีวิตฉันต้องการเพียงเท่านี้ การได้ฝึกปฎิบัติสมาธิ เรื่อยมา ผ่านไปหลายปี อาจารย์วารุณีซึ่งเป็นน้องสาวของฉันได้พยายามชี้แนะ และแนะนำกับฉันว่าสมาธิที่ฉันกำลังฝึกปฎิบัติอยู่นั้น เขาเรียกว่า สมาธิหัวตอ คือไม่ช่วยให้เกิดปัญญา พิจารณาธรรมได้ ช่วยได้เพียงแค่ทำให้ไม่กลุ้มใจ ไม่คิดมาก ไม่เป็นโรคประสาทเท่านั้นเอง การพิจารณาธรรมต้องพิจารณาสังขาร การเกิดดับ เห็นอะไรก็พิจารณาได้ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใบหญ้า แม้เวลาเข้าห้องน้ำก็พิจารณาได้ เมื่อฉันได้รับคำแนะนำจากอาจารย์วารุณี ก็ได้ลองนำมาปฎิบัติดู จนกระทั้งก้าวข้ามพ้นการปฎิบัติสมาธิแบบหัวตอได้ ทุกวันนี้ฉันต้องขอขอบคุณอาจารย์วารุณีชี้แนะในทางปฎิบัติธรรมที่ถูกต้อง ให้
    หากต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับ อาจารย์วารุณี สามารถเข้าดูได้ในเฟซบุ๊ค วารุณี สวัสดิภักดิ์.
    ประวัติ ท่านพาเมล่า
    วันนี้ฉันขอเล่าประวัติท่านพาเมล่า คอนแมน สมิทธิ์ (Pamela Colman smith) เท่าที่ฉันได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับประวัติของท่าน ความเป็นมาของท่าน ฉันทราบว่า ท่านพาเมล่า คอนแมน สมิทธิ์ เป็นผู้หญิงชาวยิปซีซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงระหว่าง ปี ค.ศ.1900 – 19xx ท่านเป็นผู้ให้กำเนิดไพ่ยิปซี และเป็นผู้เขียนภาพไพ่ยิปซีอันวิจิตรตระการตาด้วยตัวของท่านเองกว่า 70 ใบ ซึ่งนับถึงปัจจุบันเวลาก็ล่วงมากว่า 600 ปี แล้ว เกี่ยวกับเรื่องโหราศาสตร์นั้นท่านมีความสนใจ มาตั้งแต่อายุยังน้อย ท่านไม่ได้แต่งงาน ท่านทุ่มเทและสละเวลาทั้งหมดให้กับสิ่งที่ท่านสนใจ จนกระทั่งวาระสุดท้าย และเสียชีวิตลงอย่างเดียวดายราวปี ค.ศ.1951 รวมอายุได้ 73 ปี โดยไม่มีทรัพย์สมบัติใดๆ เหลือเพียงผลงานของท่าน คือไพ่ยิปซี ที่มีผู้รู้จักกันทั่วโลก ถึงแม้เจ้าของตำนานไพ่ยิปซีจะจากไปนานแล้ว แต่ความศักดิ์สิทธิ์ของไพ่ยิปซียังคงอยู่ซึ่งในประวัติของท่านได้เขียนว่า ไพ่ยิปซีของท่านสามารถบอกเรื่อง ราวได้ แม้แต่เรื่องความลับส่วนตัว และทำนายได้ตั้งแต่อดีตปัจจุบันและอนาคต ซึ่งต่อมาก็ได้รับการพิสูจน์ว่าได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงตามทำนาย ซึ่งไพ่ยิปซีของท่านมีความขลังมาก มีพลัง มีความศักดิ์สิทธิ์ และมีความลึกลับ ผู้ทำนายไพ่ยิปซีบางคนจะมีอาการหนาวสั่นสะท้าน ไม่ว่าใครถามเรื่องอะไรมาไพ่ยิปซีบอกได้ทุกครั้ง โดยไม่พลาดเลย เรื่องราวทั้งหมดนี้ ฉันได้อ่านจากประวัติของท่าน และฉันได้เห็นรูปถ่ายของท่าน นับว่าท่านเป็นคนสวยมากคนหนึ่ง หลังจากนั้นฉันได้อ่านประวัติของท่านแล้วรู้สึกสงสารท่าน ที่ต้องเสียชีวิตอย่างเดียวดายด้วยวัย 73 ปี ทำให้ฉันอยากเรียนรู้เกี่ยวกับไพ่ยิปซี ฉันจึงไปสมัครเรียนที่สมาคมโหรแห่งประเทศไทย มีวิชาให้เลือกเรียนได้มากมาย แต่ฉันเลือกที่จะเรียนไพ่ยิปซี เมื่อเข้ามาเรียนได้เพียงสามวันก็ได้รู้จักเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ฉันจำชื่อเขาไม่ได้แล้ว พยายามนึกชื่อเขาเท่าไหร่แต่ก็นึกไม่ออก วันนั้นฉันเข้าไปนั่งรอในห้องเรียน ขณะนั้นอาจารย์ยังไม่เข้ามาสอน เพื่อนคนนั้นเขาได้เข้ามานั่งเรียนติดกับฉัน แล้วได้พูดกับฉันว่า เมื่อคืนนอนอยู่ได้กลิ่นอาหารฝรั่ง และกลิ่นกาแฟนานมากสงสัยว่าท่านพาเมล่ามาหา แล้วก็พูดอะไรอีกหลายอย่าง แต่ฉันไม่อยากฟังนึกในใจว่าสงสัยเพื่อนคนนี้คงจะเพี้ยนไร้สาระจังเลย ฉันนึกตำหนิเขาในใจ สักพักนึงก็ได้กลิ่นกาแฟกลิ่นแรงมากเหมือนชงอยู่ตรงหน้า ฉันก็ถามเพื่อนว่าได้กลิ่นกาแฟหรือไม่ เพื่อนก็ตอบว่าได้กลิ่น ฉันหันหน้าไปถามอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นคนไม่รู้จักกัน ก็ถามว่าน้องๆ ได้กลิ่นกาแฟหรือไม่ เค้าก็ตอบว่าได้กลิ่นเหมือนกันสงสัยจะมีคนชงกาแฟแถวนี้ ฉันเลยเดินออกไปดูข้างนอกว่ามีคนชงกาแฟหรือไม่ ปรากฏว่าไม่มีคนอยู่เลย ฉันเดินลงมาตั้งแต่ชั้นสามจนถึงชั้นล่าง ตามหากลิ่นกาแฟหาจนทั่วแล้วก็ไม่พบ มีแต่ชั้นล่างเท่านั้นที่มีคนอยู่เพียงไม่กี่คน และไม่เห็นมีใครนั่งกินกาแฟกันเลย ทำให้ฉันคิดไปเองว่าท่านพาเมล่า คอนแมน สมิทธิ์ คงจะสัมผัสกับฉันได้ ต่อมาฉันได้เรียนไพ่ยิปซีอยู่ประมาณสามเดือนก็จบหลักสูตร พอเรียนจบแล้ว ฉันก็ได้ไปยืนอธิฐานจิตต่อหน้ารูปถ่ายของท่านพาเมล่า คอนแมน สมิทธิ์ ว่าฉันขออนุญาตเป็นตัวแทนของท่านในการทำนายไพ่ยิปซี เพื่อเป็นตำนานให้คนทั้งโลกรู้ว่าท่านพาเมล่า คอนแมน สมิทธิ์ ท่านได้ตายไปแล้ว แต่ผลงานของท่านที่ทำไว้ไม่มีวันตาย และฉันขออนุญาตเรียกท่านว่า ท่านอาจารย์พาเมล่า คอนแมน สมิทธิ์ นะคะ พอฉันอฐิษฐานจิตจบฉันก็มีอาการหนาวสะท้าน เป็นกระแสเข้ามาวาบๆ ซ่าๆ แรงมาก ขนหัวลุกไปหมด สักครู่อาการก็หายไป ทุกครั้งก่อนที่ฉันจะทำนายไพ่ยิปซีฉันจะระลึกถึงท่านอาจารย์พาเมล่า ทุกครั้ง ฉันก็จะมีอาการ หนาวสะท้านทุกครั้งเท่าที่ฉันได้สัมผัสกับลูกค้าที่ฉันทำนายไพ่ยิปซีให้เขา และจากเหตุการณ์ที่ได้ประสบมาจากการทำนายไพ่ยิบซี ทำให้ฉันรู้ว่า มันเป็นความจริงเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ มีความขลัง มีพลัง มีความลึกลับ มีความแม่นยำ ตามที่เขาเขียนไว้ในประวัติของ ท่านอาจารย์พาเมล่า คอนแมน สมิทธิ์ จริง หลังจากที่ฉันได้ทำนายไพ่ยิปซีให้ลูกค้าแล้ว ฉันไม่เคยนำเรื่องราวส่วนตัวของลูกค้าไปพูดหรือวิจารณ์ให้เขาเสียหาย ทุกเรื่องราวคือความลับ แม้แต่สามีภรรยากัน ฉันก็ไม่อนุญาตให้เขาเข้าไปนั่งฟังด้วย ถึงแม้ลูกค้าทุกคนบอกว่าไม่เป็นไร ไม่มีความลับ พอทำนายไพ่ขึ้นมาจริงๆ แล้ว ปรากฏว่ามีความลับแทบทุกคน แต่บางคนเขาก็เต็มใจให้คนอื่นเข้าไปนั่งฟังด้วย ซึ่งก็แล้วแต่เขา แต่ถ้าฉันทำนายไพ่เรื่องไหนเป็นประโยชน์ต่อคนอื่น และไม่ทำให้ใครเดือดร้อนเสียหาย และเจ้าของเรื่องเขาอนุญาต ให้ฉันเขียน ฉันก็จะมาเขียนเล่าให้ฟังนะคะ
    จากเวบไซต์http://www.vimane.com/index.html
    อ.เสาวนีย์ สวัสดิ์ภักดิ์

    รับทำนาย ไพ่ยิปซี ​

    จิตสัมผัส ​

    เบอร์มือถือโทร. 086 – 324 – 7404 โทร. 02 – 588 - 2385​

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2013
  2. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    ครั้งหนึ่งในชีวิตบนดินแดนนรก-สวรรค์ ของ...วารุณี สวัสดิภักดิ์


    วัน ก่อน "คม ชัด ลึก" ได้นำเสนอเรื่องราวของทั้งชีวิตของ วารุณี สวัสดิภักดิ์ เมื่อครั้งเคยเป็นคนที่ไม่เชื่อต่อสิ่งที่ไม่อาจพิสูจน์ได้ โดยเฉพาะเรื่องการมองเห็นภพภูมิ หรือตาทิพย์ หูทิพย์ อยู่มาวันหนึ่งวิบากกรรมตามทันทำให้ตนเองสูญเสียการได้ยิน ความรู้สึกขณะนั้นสูญสิ้นไม่มีอะไรให้หวังอีกต่อไป จิตใจฟุ้งซ่านไม่มีที่ยึดเหนี่ยว คิดมากอยากจะฆ่าตัวตาย และสิ่งนี้ได้ทำแล้วโชคดีที่สามี (ถวัลย์ เก็งวินิจ) ตามไปทันทำให้รอดตาย ต่อมาสามีได้พาเข้าวัดไปพบกับพระครูญาณวิศิษฎ์ (หลวงพ่อเฟื่อง โชติโก) เจ้าอาวาสวัดธรรมสถิต อ.เมือง จ.ระยอง ในขณะนั้น

    จากตรงนี้ถือเป็น จุดเริ่มต้นที่ทำให้วารุณีรู้ เรื่องราวเกี่ยวกับกรรมชาติที่แล้ว รวมทั้งเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ถึงแม้จะเป็นการสัมผัสเห็นด้วยจิตและสมาธิของตนเอง เพื่อไม่อยากให้ทุกคนประมาทกับบาปบุญ ดังนั้น จงรีบเร่งเพียรภาวนา ไม่เช่นนั้นทุกอย่างในชีวิตอาจสายเกินไป สภาวะจิตทำให้เราเดินสายกลางที่อาจเป็นเรื่องจริงและไม่จริง และย้ำว่าพระจะคุ้มครองผู้ที่ปฏิบัติธรรมเสมอ

    แม้ว่าเธอจะได้ช่วย เหลือคนให้พ้นทุกข์แล้ว วารุณีก็ไม่เคยใช้สิ่งเหล่านี้แสวงหาประโยชน์ใดๆ เพียงมีคำสอนให้กับตัวเองว่า ไอ้บ้า ไอ้บอ ไอ้ยก ไอ้ยอ ไอ้ปอ ไอ้ปั้น อย่าเอามันมาเป็นเพื่อน เพราะไอ้พวกนี้จะทำให้เราเผลอลืมตัว และลำดับต่อจากนี้เป็นความรู้สึกของผู้ที่ได้สัมผัสกรรมด้วยจิตกับวารุณี

    นาง ศรีนวล จันทพัฒน์ กล่าวว่า เวลาผ่านมาประมาณ ๒๐ ปีแล้ว ในเดือนตุลาคม ๒๕๔๔ ได้ไปร่วมงานทำบุญทอดกฐินสามัคคีที่ จ.ระยอง ไปกับเพื่อนหลายคน และได้ไปพักที่กุฏิของเพื่อนคนหนึ่งที่ปลูกไว้เพื่อใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม เวลาไปวัด ระหว่างนั้นเองวารุณีได้บอกว่า มีวิญญาณดวงหนึ่งมาปรากฏให้เห็นเป็นผู้ชาย ต้องการจะสื่อสารผ่านฝากกับดิฉัน พร้อมระบุลักษณะของวิญญาณให้ฟัง

    เมื่อ รับฟังว่าเป็นพ่อจริง บวกกับให้เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น วารุณีได้ถามว่า พ่อเป็นข้าราชการใส่ชุดสีกากี มีเหรียญเงินรูปเสด็จพ่อ ร.๕ เหรียญใหญ่ ที่มีไว้สำหรับติดหน้าอก เห็นพ่ออยู่ในที่มืดมากได้รับความลำบากมาก วารุณีบอกว่านอกจากแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลแล้ว ต้องไปหาวิธีทางศาสนาเอาเอง เพื่อให้วิญญาณของพ่อได้รับบุญที่ทำอันนี้

    วันหนึ่งได้ไปเลี้ยง อาหารเพลพระที่วัดพิเรนทร์ ย่านวรจักร โดยได้เล่าเรื่องที่ประสบให้กับหลวงพ่อ (พระคำนวณ) ได้ฟัง ท่านได้แนะนำให้ให้ถวาย******บพระธรรม และหนังสือพระธรรม ที่ใช่ในการสวดพระอภิธรรมครบชุด คือ กระถางธูป เชิงเทียน แจกันดอกไม้ ตาลปัตร อาสนะ พร้อมอุทิศไปให้กับพ่อที่ชื่อ นายสด จันทพัฒน์

    "วัน ต่อมาก็ได้ให้คุณวารุณีช่วยติดต่อพ่อในภพภูมิที่เจอใหม่อีกครั้งว่า แล้วมาคราวนี้คุณวารุณีบอกว่าวิญญาณดวงนั้นได้พ้นจากความทุกข์ในความมืดแล้ว ลอยขึ้นไปและมีแสงสว่างนวลรอบๆ ตัว ดวงหน้ายิ้มแย้ม นั่นแสดงว่าได้เปลี่ยนภพภูมิดีขึ้นกว่าเก่าแล้ว"

    เช่นเดียวกับความ รู้สึกของนางราชาวดี เล่าว่า มีอยู่มาวันหนึ่งได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนและหลานสาวลูกของพี่ชายคน หนึ่ง พวกเราได้ถ่ายรูปร่วมกัน เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วได้เอารูปถ่ายที่ได้ไปเที่ยวมา เอาไปให้เธอดูตามประสาเพื่อนฝูง พอวารุณีดูรูปแล้วก็เอามือชี้ไปที่หลานสาว แล้วถามว่า คนนี้เป็นใคร เพราะผู้หญิงคนนี้มีเงาดำคาดอยู่ที่หน้า แต่รูปจริงๆ แล้วไม่มีเงาดำคาด

    เธอเองได้บอกให้ไปเตือนหลานสาว ระวังตัวไว้ เวลาผ่านไปประมาณ ๖ เดือนให้หลัง หลานสาวคนนี้ก็ตายด้วยโรคมะเร็งฉับพลันแบบไม่รู้ตัวมาก่อนว่าเขาเป็นโรค มะเร็งตับ ๑ ปีต่อมา พี่สาวคนโตของตัวเองก็เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ และได้ถามวารุณีว่า สัมผัสกับผู้ตายได้บ้างไหม คำตอบที่ได้ก็คือ

    " เห็นพี่สาวของตัวเองร้องไห้เป็นห่วงกังวลเรื่องเงินสิบล้านบาท รู้สึกงงมากเพราะไม่รู้มาก่อนว่าพี่สาวมีหนี้สินอะไรบ้าง ลูกทุกคนของเขาก็ตกใจมาก ไม่มีใครรู้เรื่องมาก่อน เธอสื่อผ่านมาเพื่อให้น้องช่วยเหลือและใช้หนี้ที่เป็นอยู่กับธนาคารด้วย"

    ขณะ ที่ น.ส.เบญจวรรณ ศิริสุขสมบูรณ์ อาชีพค้าขาย กล่าวต่อว่า ครั้งแรกที่มาพบวารุณีกับเพื่อน ก็ไม่ค่อยมีความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งเร้นลับเรื่องราวของกรรมอะไรมากนัก ความรู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที เมื่อคุณวารุณีทักขึ้นว่ามีผู้หญิงนุ่งขาวยืนอยู่ด้านหลัง ก็ได้บอกไปคงเป็นอาจารย์ที่สวดมนต์อยู่บ้าน แต่ทำไมคุณวารุณีถึงรู้ แม้แต่เรื่องหนี้สินธนาคารทำไมเธอถึงล่วงรู้ ขนาดรู้กระทั่งว่าย่าถูกโกงที่ดินตั้ง ๕๐๐ ไร่

    "พี่เขาก็พาไปไหว้ ทำบุญ แล้วพี่เขาก็ถามขึ้นมาว่ามีคนหนึ่งหน้าแป้นๆ กลมๆ ขาวๆ ตาสวยๆ พี่ก็ถามว่าใคร แล้วพี่ก็บอกไปว่าผู้หญิงคนนั้นคือป้าของพี่เอง โดยป้าคนนี้ได้มาขอบคุณที่เราได้ไปทำบุญให้ที่วัดพระแก้ว มันเป็นเรื่องแปลกอย่างมาก ที่พี่ยังไม่เคยได้คุยกับพี่เขามาก่อนเลย แล้วความคิดของพี่ก็เปลี่ยนไปเมื่อได้เจอกับตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ"

    นอก จากนี้ พระราชสุทธิญาณมงคล (หลวงพ่อจรัญ) เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี กล่าวเสริมว่า ศาสนาพุทธยังเป็นศาสนาแห่งมนุษยนิยม มีความมั่นใจในศักยภาพของมนุษย์ที่จะช่วยตัวเองให้พ้นทุกข์ และมีความสุขที่แท้จริงได้ด้วยการกระทำของตัวเองโดยไม่ต้องอาศัยอำนาจภายนอก ตัว ดังเห็นได้จากคำสอนเรื่องกฎแห่งกรรม หรือกรรมนิยาม ที่ให้กรรมของคนแต่ละคนเป็นสิ่งกำหนดชะตากรรมของผู้กระทำ ในทำนอง

    หว่าน พืชไว้อย่างไรย่อมได้รับผลอย่างนั้น ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า ความสุขและความทุกข์ของมนุษย์ขึ้นอยู่กับการกระทำของมนุษย์เอง ศาสนาพุทธเรียกการกระทำที่เป็นบ่อเกิดของความสุขและความทุกข์ว่า กรรม การใช้เจตนาเป็นฐานสำคัญของการกระทำที่เป็นกรรม มีผลให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งทางสายกลาง ไม่สุดโต่งเกินความจริง

    อย่าง ไรก็ตาม ผู้อ่านที่สนใจสามารถติดตามเรื่องราวในหนังสือ มิติซ้อนมิติ ของ วารุณี สวัสดิภักดิ์ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักพิมพ์ช่อแก้ว ๑๒๗/๒๘ หมู่ ๘ ซอยติวานนท์ ๒๗ ถนนติวานนท์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี โทร. 086 – 324 – 7404 โทร. 02 – 588 - 2385

    0 เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง 0
    0 ภาพ นัทพล ทิพย์วาทีอมร 0

    ที่มาจากหนังสือพิมพ์ :คมชัดลึก

    หรือติดต่อได้ที่เฟสhttp://www.facebook.com/profile.php?id=100003256221905
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2013
  3. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
  4. visa2505

    visa2505 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2007
    โพสต์:
    556
    ค่าพลัง:
    +1,093
    ขอบคุณมากๆ ที่นำข่าวสารดีๆมาเล่า อยากอ่านอีกมากๆ
     
  5. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    ยังมีตอนต่อไปอีกครับ ว่างๆจะมาเล่าให้ฟังใหม่ครับ แต่ต้องขออนุญาติ เจ้าของเรื่องก่อนครับ
     
  6. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    เรื่อง วิญญาณห่วงพินัยกรรม
    อ.เสาวนีย์ สวัสดิ์ภักดิ์​
    ฉันได้รู้จักกับคุณวิกรม มานานพอสมควรแต่ฉันไม่เคยรู้เรื่องส่วนตัวและครอบครัว เราเจอกันเราก็คุยกันเรื่องอื่นๆ เพื่อก่อนเราเจอกันบ่อย ระยะหลังไม่ได้เจอกัน เพราะว่าคุณวิกรมจะงานยุ่งมาก วันหนึ่งคุณวิกรมขับรถมาที่บ้าน หลังจากเราได้คุยกันได้สักครู่ คุณวิกรมก็พูดขึ้นว่าอยากจะให้ฉันทำนายไพ่ยิปซีให้ ฉันก็บอกว่าได้เลยเราไปนั่งที่โต๊ะกันดีกว่า เสร็จเรียบร้อยฉันก็ได้ยิบไพ่ยิปซีออกมาให้คุณวิกรมอธิฐานจิต พอฉันเรียงไพ่เสร็จฉันก็ได้ทำนายไพ่ให้คุณมีตอนหนึ่งที่ฉันได้ทำนายถึงคุณ แม่ของคุณวิกรมที่เสียชีวิตไปแล้วซึ่งต่อมา คุณวิกรมเขาก็อนุญาติให้ฉันเขียนมาเล่าสู่กันฟังได้ ก่อนที่ฉันจะทำนายถึงคุณแม่ของคุณวิกรมนั้น ฉันมีอาการหนาวสะท้านเย็นยะเยือก ขนหัวลุกชันไปหมดในใจฉันคิดสงสัยว่าคุณแม่ ของคุณวิกรมคงจะมาแน่ๆ เลย คุณวิกรมหยิบไพ่มาหลายใบมาให้ฉันอ่าน ฉันก็อ่านให้คุณวิกรมฟังว่า คุณแม่ของคุณเขาห่วงคุณเรื่องสมบัติ เขาอยากให้พี่น้องของคุณแบ่งสมบัติให้คุณด้วยความยุติธรรม คุณแม่ของคุณเขารักคุณมากเหมือนกันนะ ขนาดเขาตายไปแล้ววิญาณเขายังเป็นห่วงคุณอยู่เลย ส่วนพี่น้องของคุณนั้นถ้าเขาเป็นคนดี มีความยุติธรรมอยู่ในใจ คุณก็ได้สมบัติแน่นอน แต่ถ้าเขามีแต่ความโลภคุณก็อาจจะไม่ได้สมบัติก็ได้ คุณวิกรมบอกกับฉันว่าถ้าเขาแบ่งให้ผม ผมก็เอาถ้าเขาไม่ให้ก็ไม่เป็นไร แต่ผมเคยถามพ่อและพี่ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ผมเห็นเขาเฉยๆ ไม่พูดอะไรผมตั้งใจจะไม่ถามเขาอีกแล้ว แต่ผมยอมรับว่าคุณแม่ของผมรักผมมาก ตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ผมสำผัสความรักที่แม่เขามีให้ผมได้ ถึงแม้ว่าเขาจะจากไปนานแล้วผมก็ยังคิดถึงแม่เสมอไม่เคยลืม ในรถของผมยังผ้านุ่งและเสื้อคอกระเช้าตัวเก่งของท่าน ซึ่งผมเก็บไว้ที่คอลโซลหน้าและด้านหลัง บางครั้งผมก็เอาผ้านุ่งของคุณแม่มาเช็ดผม เช็ดหน้า เวลาขับรถไปไหนผมก็นึกถึงคุณแม่ให้คุ้มครองถ้าพี่ไม่เชื่อผม ผมจะไปหยิบมาให้ดู พูดเสร็จคุณวิกรมก็เดินไปเปิดประตูรถหยิบผ้านุ่งหรืออีกชื่อหนึ่งเขาเรียก ว่าผ้าถุง ของคุณแม่มาให้ฉันดูเป็นผ้าลายไทยตาเล็กๆ สีปูนแห้ง กลางเก่ากลางใหม่ แต่ก็สะอาดพับไว้อย่างเรียบร้อย ฉันก็ได้พูดกับคุณวิกรมฉันไม่แปลกใจเลยและเข้าใจแล้วว่าทำไมวิญาณของคุณแม่ คุณ ถึงอยากให้คุณได้สมบัติเพราะว่าคุณเป็นลูกกตัญนี่เอง คุณวิกรมนั่งคุยอยู่ฉันสักคู่ใหญ่ก็กลับไป คุณวิกรมกลับไปแล้วฉันก็ไปทำธุระต่อ พอตกเย็นหลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยก็รีบอาบน้ำเพื่อจะขึ้นไปสวดมนต์ที่ ศาลาใหญ่ที่สถานปฎิบัติธรรมภวันตุเตของอาจารย์วารุณี พอ 2 ทุ่ม ก็เริ่มสวดมนต์ทำวัตรเย็น แล้วก็สวดมนต์บทอื่นๆ อีกหลายบทจากนั้นจึงสวดบทแผ่เมตตาให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย เสร็จแล้วก็นั่งสมาธิ พอเริ่มจะทำจิตให้สงบได้สักครู่ ฉันเห็นร่างสีดำมืดกระโดดผึงยืนให้ฉันเห็น ลักษณะเหมือนคนจะเลื่อนหกล้มขาขวายื่นไปด้านหน้า ขาซ้ายยื่นไปด้านหลัง ลักษณะขาซ้ายขาขวายื่นเต็มเหยียด มือขวาจับไม้เท้าที่เหมือนกับไม้พองของลูกเสือคำยั้นไว้ ดูแล้วตลกฉันอดขำไม่ได้ ร่างสีดำยืนนิ่งอยู่ท่าเดิมไม่ขยับ ฉันเลยมองพิจารณาทำไมดวงวิญาณดวงนี้จึงดำมืดเช่นนี้หนอ มองไปก็รู้ว่าเป็นลักษณะของผู้หญิง หลังจะงุ้ม มือขวาถือไม้เท้าแต่หน้าไม่เห็นเพราะว่าเป็นเงาดำมืด ทำให้เห็นแค่เค้าโครงเท่านั้น วิญญาณที่เป็นสีดำเช่นนี้ในความคิดของฉันว่า เขาคงจะต้องทุกข์แน่นอน ถ้าเขามีความสุขสบายดี เขาต้องสว่างไสว และเราจะ ต้องเห็นชัดเจนจะไม่ดำมืดขนาดนี้ ฉันเลยตั้งใจอนุโมธนาบุญแผ่บุญกุศลไปให้ แต่ทำอยู่ตั้งนานก็ไม่ยอมหาย ยืนนิ่งในท่าเดิม พอดีเสียงโทรศัพท์มือถือของฉันดังขึ้น ทำให้ฉันสะดุ้งต้องลืมตารับโทรศัพท์ ซึ่งทุกครั้งเวลานั่งสมาธิต้องปิดเสียงโทรศัพท์มือถือแต่วันนี้ลืมปิด พอคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว ฉันก็นั่งนึกว่าวิญญาณนี้เป็นใครกันเหมือนกับจะตั้งใจมาหา ฉันแผ่เมตตาให้ก็ไม่ไป นี่ถ้าเสียงโทรศัพท์ไม่เข้ามาขัดจังหวะทำให้ฉันตกใจ ฉันคงต้องรู้อะไรมากว่านี้แน่นอน ขณะที่ฉันนั่งคิดอยู่นั้นคำว่า พินัยกรรม ก็ผุดขึ้นมาในใจฉันยิ่งงงมากขึ้น อีกสักครู่คำว่า กาฝาก ก็ผุดขึ้นมาเป็นคำที่สอง ฉันนั่งคิดสักครู่ ฉันก็เลยนำเอาคำพูดมาเรียงกัน วิญญาณ พินัยกรรม แล้วก็กาฝาก พอเรียงคำพูดเสร็จแล้วทำให้ฉันนึกถึงคุณวิกรมทันที เพราะว่าเมื่อวานฉันทำนายไพ่ให้เขามีเรื่องสมบัติเข้ามาเกี่ยวข้อง ฉันรีบโทรไปหาคุณวิกรม แล้วก็ถามคุณวิกรมแบบไม่ให้เขาตั้งตัวและยังไม่เล่าอะไรให้เขาฟังทั้งสิ้น ฉันถามว่า เมื่อตอนคุณแม่ของคุณวิกรมยังมีชีวิตอยู่เขาใช้ไม้เท้าหรือเปล่า คุณวิกรมตอบว่า ใช้ เพราะว่าบ้านผมเลี้ยงหมาเยอะไว้หลายตัว คุณแม่เขาเอาไม้เท้าไว้ตีหมา ฉันถามต่อไปอีกว่า แล้วคุณแม่หลังงุ้มไหม คุณวิกรมตอบฉันว่าหลังงุ้มแต่หลังไม่งอ หลังจากฉันถามคุณวิกรมเรียบร้อยแล้ว ฉันก็เล่าให้เขาฟังว่า ฉันเห็นวิญญาณเป็นเงาสีดำ ฉันก็เล่าตามที่ฉันเห็นมาให้คุณวิกรมฟัง คุณวิกรมบอกกับฉันว่า ตอนที่คุณแม่เขาใกล้จะตาย ตัวของท่านจะดำมากเนื่องจากไตของท่านไม่ทำงานและสารเคมีสะสมในร่างกายจากการ ทานยาต่อเนื่องมามากกว่ายี่สิบปี ฉันก็พูดว่าไม่น่าจะเกี่ยวกัน ฉันคิดว่าวิญญาณเขาคงจะทุกข์มากกว่า ฉันก็ถามคุณวิกรมว่า คำว่า พินัยกรรมผุดขึ้นมา คุณรู้ไหมว่าคืออะไร คุณวิกรมตอบว่า รู้ครับ เพราะเคยบอกกับผมว่า ได้ทำพินัยกรรมไว้ให้ลูกๆ ทุกคนแล้วและก่อนที่ท่านจะเสียคุณพ่อผมก็ท่านก็บอกว่าแม่บอกให้โอนที่ให้ผม ด้วยแต่ผมกับคุณพ่อก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ฉันถามต่อคำว่า กาฝาก แปลว่าอะไรรู้ไหม รู้ครับคือว่า ผมไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเขาหรอกครับ เขาขอผมมาเลี้ยงตั้งแต่ผมยังเล็ก ผมจำหน้าพ่อแม่ของผมไม่ได้แล้ว ผมก็ไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่แท้ๆ ของผมเลย แล้วเมื่อตอนผมเด็กๆ อยู่ ผมชอบนั่งตักคุณแม่ คุณแม่ชอบเอามือมารูปหัวผม แล้วก็พูดว่าเจ้ากาฝากเอ๊ยและจะร้องเพลงกล่อมเด็ก ชื่อเพลงกาเหว่าให้ฟังอยู่เป็นประจำและผมยังจำได้ถึงทุกวันนี้ แต่พอผมโตแล้วแม่ผมก็ ก็ยังพูดหยอกเอินกับผมว่าเจ้าลูกกาฝากอยู่บ่อยๆ ด้วยความรักและเอ็นดูนะครับไม่ใช่เกลียดชังอะไร ฉันฟังคุณวิกรมเล่าแล้ว ฉันก็น้ำตาคลอด้วยความสงสารคนและสงสารวิญญาณ ฉันรู้จักคุณวิกรมแต่ฉันไม่เคยรู้เรื่องส่วนตัวและครอบครัวของเขาเลย แต่ทุกสิ่งทุกอย่างวันนี้คุณวิกรมเป็นคนเฉลยให้ฉันฟังเอง นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนตายไปแล้วยังห่วงลูกหลาน ห่วงสมบัติอยู่ ถ้าทุกคนทำให้มันถูกต้อง ทำตามเจตนารมณ์ของคนที่เป็นแม่และผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว อาจจะทำให้วิญญาณเขามีความสุขก็ได้
    ฉันยังมีเรื่องดีๆ จากการทำนายไพ่ยิปซีอีกเยอะ วันหลังจะเขียนมาเล่าสู่กันฟังใหม่นะคะ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2013
  7. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    เรื่อง ตายแล้วกลับมาเกิดเป็นหลานชาย
    อ.เสาวนีย์ สวัสดิ์ภักดิ์​

    วันหนึ่งประมาณปลายเดือน ธันวาคม 2554 พี่พัชรีนัดลูกค้าให้ฉันประมาณ 10 คน ให้ฉันไปทำนายไพ่ยิปซีที่ทำงานเขา นัดไว้ 10 คน แต่มาเพียง 7 คน ฉันทำนายให้ทุกคน ปกติราบรื่น ไม่มีปัญหาอะไร พอมาถึงคนที่ 6 มีสีหน้าไม่ค่อยดี มีอคติ ฉันเลยพูดกับลูกค้าคนที่ 6 เขาชื่อพี่บัวว่า ก่อนที่ฉันจะทำนายไพ่ให้ พี่ต้องตั้งจิตอธิษฐาน และตัดตัวอคติออกไปก่อน ตั้งใจตั้งจิตอธิษฐานให้ดี ฉันแนะนำพี่บัวว่า ให้บอกชื่อนามสกุลจริง ถ้าจะถามเรื่องอะไรให้ตั้งจิตอธิษฐาน ถามเรื่องที่อยากรู้ พี่บัวจึงนำไพ่มาตั้งจิตอธิษฐาน และส่งไพ่ให้ฉัน พอฉันเรียงไพ่เสร็จ คำถามที่พี่บัวถามคือ เรื่องลูกสาวคน ที่ 3 เป็นคนสุดท้อง ฉันให้พี่บัวหยิบไพ่มาให้ฉัน จากนั้นฉันก็บอกพี่บัวว่า นิสัยแบบนี้ ลักษณะแบบนี้ ใช่ลักษณะนิสัยของลูกพี่ใช่ไหมค่ะ พี่บัวนิ่งไม่ยอมตอบ ฉันจึงบอกไปว่า การดูไพ่คนอื่นถ้าเจ้าตัวไม่มาเอง ให้คนอื่นดูแทน ต้องรู้เรื่องของคนๆ นั้นบ้าง จะให้ฉันพูดเอง เออเองคงไม่ได้หรอกนะ และฉันพูดต่อไปอีกว่า ถ้าคุณรู้เรื่องของคนๆ นั้น ไม่ว่าเขาจะเป็นพ่อ แม่ พี่น้อง ลูกหลาน ปู่ย่าตายาย คนรัก หรือคนที่อยู่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะมีชีวิต หรือคนที่ตายไปแล้ว ฉันก็ดูให้ได้ พี่บัวพยักหน้าตอบว่า ใช่ เราคุยเรื่องลูกเสร็จแล้ว ฉันให้พี่บัวถามเรื่องต่อไป จะถามถึงใครก็ได้ ไม่ต้องบอกฉัน ให้หยิบไพ่ขึ้นมาก่อน พี่บัวนิ่งอธิษฐานจิต แล้วหยิบไพ่มาหลายใบให้ฉันทำนาย ฉันดูไพ่แล้วบอกว่าพี่บัว สามีพี่ตายไปแล้วใช่ไหม พี่บัวตอบว่า ใช่ ก่อนที่ฉันจะถามพี่บัวต่อไป ฉันมีอาการขนลุก หนาวสะท้าน เย็นเยือก เป็นกระแสเข้ามาแรงมาก ซ่าๆ ขนหัวลุกไปหมด ฉันก็พูดกับพี่บัวต่อไปว่า พี่มีลูก 3 คนใช่ไหม และแฟนพี่สมัยมีชีวิต มีตำแหน่ง และเป็นคนใจดี พี่บัวตอบฉันว่า ใช่ ส่วนเด็กคนนี้ที่พี่บัวรักมากๆ คนนี้เป็นใคร แล้วเวลาพี่อยู่กับเด็กคนนี้ถึงมีความสุขมาก พี่บัวตอบฉันว่า เขาเป็นหลานชายเป็นลูกของลูกสาวคนเล็กที่พี่ถามถึงในตอนแรก ฉันนั่งนิ่งสักครู่แล้วพูดว่า พี่บัวค่ะ ถ้าฉันจะบอกกับพี่ว่า สามีพี่ที่เสียชีวิตไปแล้ว โดนวิบากกรรมตัดรอน แต่ยังไม่หมดอายุขัย แล้วกลับมาเกิดเป็นหลานชายคนนี้ พี่จะเชื่อไหมค่ะ เรื่องแบบนี้เป็นหนึ่งในร้อย หรือหนึ่งในร้อยล้านก็ได้ ขณะที่ฉันพูดกับพี่บัว ในใจฉันก็คิดว่า ทำไมฉันต้องเสี่ยงที่จะพูดเรื่องนี้ด้วย ถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริงฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แถมยังต้องเสียชื่อเสียงอีก ค่าดูไพ่ยิปซีก็ไม่เท่าไหร่ แต่ฉันก็อยากจะพูด เป็นไงเป็นกัน ฉันจึงบอกพี่บัวไป พอพี่บัวได้ยินที่ฉันพูด เดิมลักษณะของพี่บัวที่ดูหยิ่ง มีอคติ ไม่เชื่อ ไม่ยิ้ม จึงค่อยเปลี่ยนมายิ้มให้ แล้วเฉลยให้ฉันฟังว่า เขามีลูก 3 คน ลูกสาวคนเล็กแต่งงานนานแล้วอยากมีลูก ไปปรึกษาหมอหลายครั้ง ก็ยังไม่สำเร็จ จนกระทั่งสามีของพี่บัวเสียชีวิตได้ประมาณ 1 เดือน ลูกคนเล็กก็ท้องได้ 1 เดือน พอดี จนกระทั่งลูกสาวคลอดลูก ในขณะนั้นหลานชายมีอายุเกือบสองขวบ เพิ่งเริ่มหัดพูด วันหนึ่งพี่บัวแกล้งถามหลานชายว่า นี่ตาสุขแกกลับมาเกิดใช่ไหม (ตาสุขก็คือสามีของพี่บัวที่ตายไปแล้วนั่นเอง) เด็กตอบพี่บัวว่า ใช่ เสียงชัดมาก พี่บัวได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจมาก เหมือนโดนผีหลอก ขณะที่พูดกันนั้นมีพี่บัวอยู่กับหลานชายสองคน
    ต่อมาเด็กอายุได้ 2 ขวบกว่า พี่บัวพาหลานชายแกไปตรงที่สามีแกเสียชีวิต แล้วถามว่า ตาสุขแกจำตรงที่แกตายได้ไหม เด็กพยักหน้า ตอบว่า ใช่ พี่บัวเริ่มเชื่อขึ้นมาเรื่อยๆ ว่าสามีกลับมาเกิดเป็นหลานชาย พอเด็กมีอายุได้ประมาณ 3 ขวบกว่า เริ่มมีท่าทางเหมือนตาสุขมากขึ้น ลักษณะชี้ไม้ชี้มือ การพูด อากัปกิริยามีเหมือนตาสุขทุกอย่าง พี่บัวยอมรับกับฉันว่า เวลาที่อยู่กับหลานชายเขามีความสุขมาก และยังเฉลยให้ฉันฟังอีกว่า พี่บัวเขาอธิษฐานจิตถามถึงเรื่องสามีเขาโดยตรง
    หลังจากที่ฉันทำนายไพ่ให้พี่บัวเสร็จแล้ว พี่บัวก็เปลี่ยนเป็นคนละคน มีสีหน้ายิ้มแย้ม และพูดจาดีขึ้น และยังอาสาพาฉันไปทำธุระต่อที่อื่นจนเสร็จ และจากกันด้วยดี
    เรื่องราวที่ฉันเล่าให้ฟังนี้เป็นเรื่องจริง ที่ฉันเก็บเกี่ยวจากประสบการณ์ ในการทำนายไพ่ยิปซี และเรื่องนี้ ที่ฉันนำมาเล่าให้ฟังนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณมีจริงในโลกนี้ เป็นเรื่องของการกลับชาติมาเกิดใหม่ อาจเกิดขึ้นได้หนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในร้อยล้านก็ได้ แต่มันคือเรื่องจริง. ​
     
  8. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    เรื่องเจ้ากรรมนายเวรเป็นปลาไหล
    อ.เสาวนีย์ สวัสดิ์ภักดิ์​
    ฉันเคยเล่าถึงประวัติย่อของท่านพาเมล่า คอนแมนสมิท ในตอนท้ายว่า ฉันได้ทำนายไพ่ยิปซีให้ลูกค้าแล้ว ฉันไม่เคยนำเรื่องของลูกค้าไปวิพากวิจารณ์ ทำให้เขาเสียหาย ทุกอย่างที่รู้ คือ ความลับ แม้แต่สามีภรรยากัน ฉันยังไม่อนุญาตให้เขาเข้ามาฟังด้วยกัน ในเวลาฉันที่ฉันทำนายไพ่ยิปซี ทุกคนบอกว่าไม่มีความลับ พอทำนายไพ่ไปจริงๆ แล้ว มีความลับแทบทุกคน ถ้าจะให้ดีต้องนั่งทำนายไพ่กันสองต่อสองดีกว่า แต่ถ้าเป็นความต้องการของลูกค้าก็ต้องตามใจเขา หรือลูกค้ารายใดที่ฉันทำนายไพ่แล้ว มีเรื่องที่ดีมีประโยชน์ต่อคนอื่น และไม่ทำให้ใครเดือนร้อน และเสียหาย และเจ้าของเรื่องเขาอนุญาต ฉันก็จะนำมาเล่าให้ฟัง ซึ่งตอนนี้มีเจ้าเรื่องอนุญาตให้ฉันเขียนแล้ว ฉันจึงเขียนมาเล่าให้ฟังได้ คือ เรื่องเจ้ากรรมนายเวรเป็นปลาไหล
    เกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันได้เดินทางไปต่างจังหวัด และได้ไปพักที่บ้านพี่ละมัย พอตกกลางคืน พี่ละมัยได้บอกกับฉันว่าให้ทำนายไพ่ยิปซีให้ที ฉันได้หยิบไพ่ขึ้นมาอธิฐานจิต สักครู่ฉันได้เห็นภาพปลาไหลขึ้นมาหนึ่งตัว ลำตัวอ้วน มีสีเหลือง สวย ที่คอมีลวดมัดอยู่ติดกับกิ่งไม้ ฉันเห็นภาพนี้ก็ไม่ได้พูดอะไร นิ่งไว้ ฉันได้ทำนายไพ่ยิปซีให้พี่ละมัย ให้พี่ละมัยถามเรื่องที่อย่างรู้ทุกเรื่องจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันจึงถามพี่ละมัยว่า พี่ละมัยกินปลาไหลหรือเปล่า พี่เขาตอบว่า ไม่กิน ฉันถามต่อไปอีกว่า เมื่อตอนเด็กๆ พี่ละมัยเคยกินปลาไหล หรือเปล่า พี่เขาก็ตอบว่า ตอนเด็ก ๆเขาชอบกินมาก เอาไปย่าง แล้วซีกเนื้อ จิ้มกับน้ำปลา กินแล้วอร่อยดี แต่เดี๋ยวนี้พี่เลิกกินนานแล้ว ฉันถามต่อไปว่า เวลาที่พี่ละมัยฆ่าปลาไหล พี่ได้ใช้ใบมะเดื่อรูดตัวปลาหรือเปล่า พี่ละมัยตอบว่าต้องใช้ เพราะว่าตัวปลามันลื่นมาก จับไม่อยู่
    ฉันฟังพี่ละมัยพูดแล้ว ฉันนึกย้อนถึงเมื่อตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันเคยดูคนข้างบ้านฆ่าปลาไหล โดยการเอาเชือกมามัดคอปลาไหล แล้วแขวนไว้กับข้างรั้วบ้าน และเอาใบมะเดื่อที่มีขนแหลมคม นำมารูดตัวปลาไหลตั้งแต่หัวถึงหาง รูดซ้ำๆจนปลาไหลหมดเมือก เนื้อตัวถลอก บิดตัวดิ้นทุรนทุราย ฉันคิดว่ามันคงเจ็บปวดและทรมานมาก แต่มันยังไม่ตาย ฉันคิดว่า หากมีใครทำกับเราอย่างนี้บ้าง เราจะเป็นอย่างไร และรู้สึกยังไงบ้างหนอ เป็นการกินที่ทรมานสัตว์ สงสารปลาไหลจังเลย คิดตามประสาเด็กในสมัยนั้น
    ฉันจึงเล่าให้พี่ละมัยฟังว่า เมื่อสักครู่ก่อนที่เราจะทำนายไพ่ยิปซีกัน ฉันยกไพ่ยิปซีขึ้นอธิษฐานจิต แล้วเห็นภาพของปลาไหลขึ้นมาหนึ่งตัว มีลวดมัดคอห้อยอยู่กับกิ่งไม้ พี่ละมัยทำท่าตกใจ ฉันจึงบอกกับพี่ละมัยว่า เจ้ากรรมนายเวรเขามาขอส่วนบุญ ทำบุญไปให้เขาบ้าง ปลาไหลตัวนี้อาจเป็นปลาไหลจำศีลก็ได้ เพราะมีลักษณะดีมาก ตัวอ้วน มีสีเหลืองสวย ลำตัวมีลายเหลืองๆ เหมือนปลาหลด ตัวไม่ดำๆเหมือนที่ขายกันตามหน้าวัดสำหรับให้คนชื้อไปปล่อยกัน พี่ละมัยรับปากกับฉันว่าจะทำบุญถวายสังฆทานไปให้ และบอกฉันว่า ขอบใจเธอมากนะ ถ้าเหตุการณ์นี้ไม่ได้ประสบด้วยตัวเอง พี่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เจ้ากรรมนายเวรมีจริง เพราะเรื่องนี้ผ่านมานานมาก ตอนนั้นพี่อายุ เพียง 14-15 เท่านั้นเอง ตอนนี้พี่อายุ 72 ปี เรื่องมันผ่านมาตั้ง 60 กว่าปีแล้ว
    แปลกดี เรื่องมันนานมากแล้ว จนพี่ลืมไปหมดแล้ว ทำไมยังไม่ไปเกิดอีกหรือ ฉันนึ่งไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่บอกย้ำ กับพี่ละมัยให้ไปทำบุญสังฆทาน ไปให้ปลาไหลด้วย
    เวลา 6 โมงเช้า ฉันต้องลุกขึ้นมานั่งสมาธิทุกวัน วันนี้หลังจากทำจิตให้สงบแล้ว ภาพปลาไหลตัวเดิมได้ปรากฏให้ฉันเห็นอีก ถูกลวดมัดคอและแขวนกับกิ่งไม้ ฉันได้แผ่เมตตา แผ่บุญกุศลไปให้ ภาพปลาไหลก็ยังไม่หายไป ฉันจึงตั้งอธิฐานจิตและกล่าวว่า บุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำในชาตินี้ ข้าพเจ้าขออนุโมทนาบุญให้แก่ปลาไหลตัวนี้ ถ้าท่านมีทุกข์ก็ขอให้ท่านพ้นทุกข์ ถ้าท่านมีสุข ก็ขอให้ท่านมีสุขยิ่งๆขึ้นไป ขอให้ท่านเปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิ ขอให้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดี ขอให้ไปเกิดใหม่ ขออย่าได้เกิดเป็นเดรัจฉานอีกเลยนะคะ ระหว่างที่ฉันอธิฐานจิตอยู่นั้น ภาพของปลาไหลค่อยๆหดจากหางขึ้นมาที่หัว จนกระทั่งเหลือส่วนหัวยาวประมาณ 3 นิ้วไม้บรรทัดได้ สักอึดใจ ส่วนหัวของปลาไหลก็หายหลุดไปเลย ฉันเลยอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ
    เรื่องเวรกรรมนี้เป็นเรื่องเฉพาะตัว แม้ฉันจะบอกกล่าวอุทิศส่วนกุศลไปให้เจ้ากรรมนายเวรของคุณละมัยแล้ว ก็ใช่ว่าจะทำให้เจ้ากรรมนายเวรของคุณละมัยจะอโหสิกรรมให้ มันเป็นเรื่องที่ต้องทำเอง แก้เอง ไม่สามารถทำแทนกันได้
     
  9. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    มหัศจรรย์ดวงไฟพญานาค

    <hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1"> วันนี้ฉันมานั่งริมขอบสระน้ำที่สถานปฏิบัติธรรมภวันตุเต วันนี้อากาศดีมาก ลมพัดแรงเย็นสบาย มองน้ำในสระกระเพื่อมเป็นระลอก รู้สึกเย็นสบายกับอากาศบริสุทธิ์ ทำให้นึกถึงวันเก่าๆ ที่เราเข้ามาอยู่กันใหม่ๆ
    เมื่อปี พ.ศ.2547 น้องสาวฉันชื่อ อาจารย์วารุณี เป็นผู้บุกเบิกสร้างสถานปฏิบัติธรรมภวันตุเต ที่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ซึ่งเมื่อก่อนเป็นท้องนาและป่าโสน ซึ่งตอนที่เราเข้ามาอยู่กันใหม่ๆ ไม่มีอะไรเลย เรามาสร้างกระท่อมหลังคามุงจาก 1 หลัง แต่ใหญ่พอสมควรบรรจุคนได้หลายคน ไฟฟ้าก็ไม่มี ใช้ตะเกียงเจ้าพายุแบบโบราณ สมัยก่อนเติมด้วยน้ำมันก๊าซกัน เดี๋ยวนี้ดีหน่อยเขาใช้แก็สแทน ส่วนบ้านคนอื่นก็มีแต่ว่าอยู่ห่างไกลกันเป็นกิโล พอมืดหน่อยก็จะได้ยินเสียงกบเขียด จักจั่นร้องเซ็งแซ่ ดูวังเวง และเมื่อก่อนในช่วงหัวค่ำ เราจะได้ยินเสียงเพลงมโหรีดังลอยมาจากบ้านไกลๆ ฟังแล้วเศร้า ในขณะนั้น อ.ไทรน้อย ยังไม่เจริญเท่าไหร่ ส่วนบางใหญ่เจริญมาก จากบางใหญ่เข้ามาถึงอ.ไทรน้อยประมาณ 20 กิโลเมตร จากอ.ไทรน้อยเข้ามาที่สถานปฏิบัติธรรมภวันตุเต ประมาณ 2 กิโลเมตร ได้ พอเลี้ยวเข้า จากปากทางเข้ามายัง สถานปฏิบัติธรรมภวันตุเต ความรู้สึกเหมือนอยู่เมืองลับแล คิดแบบนี้มาตลอด พอมาอยู่ได้สักปีกว่าๆ เราก็มีศาลาสำหรับสวดมนต์ และใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป และ พระแม่กวนอิม เราได้ศาลาใหญ่แล้ว ส่วนที่พักเรายังไม่มี เราต้องนอนกันที่กระท่อม กางมุ้งนอนกัน บางทีก็เอากระโจมตาข่ายมานอนกันก็สนุกดีเปลี่ยนบรรยากาศ
    วันหนึ่งอาจารย์วารุณีนั่งทำสมาธิตอนกลางคืนเห็นพญานาคสีดำตัวใหญ่มาก ลำตัวพาดยาวในสระบัว อาจารย์วารุณี ถามทางจิตว่าท่านมาจากไหนคะ ท่านพญานาคตอบว่าท่านมาจาก แก่งลี่ผี บริเวณลุ่มแม่น้ำโขง อาจารย์วารุณีบอกท่านว่า เมื่อทุกคนไม่สามารถจะมองเห็นท่านได้ ก็ขอให้ทุกคนได้กลิ่นท่านหน่อยจะได้ไหมคะ พอทุกคนทำจิตให้สงบสักครู่ก็ได้กลิ่นเหมือนปลาช่อนหมกโคลนโชยขึ้นมา ทุกคนได้กลิ่นและรับรู้ แล้วแยกย้ายกันไปนอน เวลาก็ผ่านไปจนกระทั่งประมาณปี 2550 อาจคลาดเคลื่อนบ้าง เพราะไม่ได้จดวันที่ไว้ ประมาณเดือนสิงหาคม คุณจุ๋มบ้านอยู่สุขุมวิทได้เข้ามาเที่ยวสถานปฏิบัติธรรมภวันตุเต เคยทราบเรื่องพญานาคส่งกลิ่นดินโชย เลยนึกสนุกชะโงกหน้าไปในสระบัวแล้วพูดว่า ท่านพญานาคเจ้าคะ คืนนี้ไปเข้าฝันหน่อยนะคะหนูอยากเห็นค่ะ หลังจากคุณจุ๋มกลับไปแล้วตกกลางคืนคุณจุ๋มนอนหลับก็ฝันไปว่ามีงูตัวสีดำใหญ่ มาก มารัดตัวแน่น หายใจไม่ออก แล้วก็รู้สึกกลัวมากคุณจุ๋มส่งเสียงร้องให้คนช่วย ถีบข้างฝาผนังเสียงดังตึงตังจนกระทั่งตื่น คุณจุ๋มทั้งเหนื่อยแล้วก็ตกใจมาก เหตุการณ์เหมือนจริงมากๆเลย พอวันรุ่งขึ้นคุณจุ๋มก็ได้โทรมาเล่าให้ฟังแต่เช้า เวลาผ่านไปเป็นเดือน กิ่งกับแก้ว 2 คน พี่น้องมาเที่ยวสถานปฏิบัติธรรมภวันตุเต เวลาประมาณ 4 โมงเย็น ฉันกำลังให้คนงานเก็บใบบัวที่แก่ๆ ออกและเอาปุ๋ยไปใส่บัวในสระ ฉันเลยเดินมาหากิ่งกับแก้ว แล้วเราก็นั่งคุยกันที่สนามหญ้าหน้ากระท่อม กิ่งซึ่งเป็นน้องสาวของแก้วพูดกับฉันว่าอยากเห็น พญานาคจังเลยเห็นคนเขาผู้กันว่าท่านพญานาคสามารถทำให้คนได้กลิ่นของท่าน ได้ ฉันก็บอกกับกิ่งว่าเป็นมันเป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะโผล่มาให้เราเห็น ที่เราเห็นกันนั่นมันในหนัง ขืนนั่งๆอยู่โผล่ขึ้นมาให้เราเห็นคงช็อกตายกันพอดี ถ้าเจอกันในความฝันก็ไม่แน่ แต่ถ้าอยากเห็นพญานาคกันจริงๆ แล้ว โน่นธูปวางอยู่ตรงโน้นไปหยิบมาแล้วจุด 9 ดอกแล้วมานั่งตรงริมสระน้ำแล้วอธิฐานจิตว่า อยากพบท่านขอให้ท่านไปเข้าฝันหน่อยนะคะ ฉันพูดไปแบบขำๆ ตลกเล่นๆไปอย่างนั่นเองเพราะกิ่งกับแก้ว อยากเห็นมาก พอกิ่งอธิฐานแล้วปักธูปลงขอบสระบัว กลิ่นธูปหอมโชย ฉันก็บอกกับกิ่งว่าอย่าไปคาดหวังของแบบนี้ถ้าเรากับท่านเคยผูกพันกันมาใน อดีตชาติ มันก็ไม่ยากที่จะได้พบกัน สองคนพี่น้องกลับไปแล้ว รุ่งขึ้นสายๆ ก็โทรมารายงานให้ฟังว่าเมื่อคืนท่านพญานาคไม่มาให้เห็นเลยมีแต่กลิ่นหอม กรุ่นอยู่ที่ปลายจมูกนานมาก ฉันก็เลยตอบกิ่งไปว่าก็ถือว่าดีแล้วนะคนอื่นได้แต่กลิ่นดินโคลน แต่กิ่งได้กลิ่นหอมของท่าน เวลาผ่านไปประมาณ 15 วัน จะถึงวันลอยกระทง กิ่งทราบเรื่องจากใครไม่ทราบว่าคุณจุ๋มฝันว่า พญานาคมารัดตัวจนหายใจเกือบไม่ออกถีบข้างฝาจนตื่น เหตุการณ์เหมือนจริงมากกิ่งก็โทรมาถามฉันก็เล่าให้ฟังตามความเป็นจริงไม่ อยากให้กิ่งกับแก้ว คิดอะไรเพ้อเจ้อไร้สาระแต่ห้ามความคิดเขาไม่ได้จนกระทั่งอีก 1 อาทิตย์จะถึงวันลอยกระทง ปีพ.ศ.2550 ฉันก็ชวนญาติที่ปฎิบัติธรรมมาลอยกระทงที่สถานปฏิบัติธรรมภวันตุเต
    ฉันขออนุญาตอาจารย์วารุณี ว่าปีนี้จะขอทำกระทงสวยๆ ใหญ่ๆ สัก 1 อันเพื่อสักการะท่านพญานาค อาจารย์วารุณีซึ่งเป็นเจ้าของสถานปฏิบัติธรรมภวันตุเต ก็อนุญาตและออกแบบกระทงให้ พอถึงวันลอยกระทงฉันไปตัดต้นกล้วยมา 2 ต้น ตัดเป็นท่อนๆ ประมาณ 70 เซนติเมตร มาวางเรียงกันเป็นสี่เหลี่ยมเหลาไม้ไผ่ให้แหลมแล้วแทงทะลุกันเป็นแพ ใช้ดอกไม้ประดิษฐ์ เช่นดอกไม้บานไม่รู้โรย ดอกรัก ดอกดาวเรือง ดอกกล้วยไม้ขาวม่วง ช่วยกันทำหลายคน กระทงสักการะท่านพญานาคสวยงามมาก เสร็จแล้วเอาตั้งไว้บนโต๊ะ รอเวลากลางคืนรอให้ทุกคนพร้อมหน้าแล้วค่อยลอยกันทีเดียวเลย ส่วนพวกที่เหลือก็นั่งทำกระทงสำหรับลอยตามประเพณี เสร็จเรียบร้อยทุกอย่างก็ประมาณ 5 โมงเย็น ระหว่างที่นั่งพักอยู่เห็นแท็กซี่วิ่งเข้ามาจอด และกิ่งกับแก้วสองคนพี่น้องก้าวลงจากรถ ใส่เสื้อยึดสีขาวเหมือนกัน แต่ที่หน้าอกเสื้อมี รูปพญานาค 7 เศียรทั้งสองคน ฉันเลยแซวว่าวันนี้อยากเห็นพญานาคอีกใช่ไหม สองพี่น้องตอบว่า อยากเห็นมากเลย ฉันก็บอกกิ่งกับแก้วว่ามันเป็นไม่ได้หรอก อย่าไปคาดหวัง วันนี้เรามาทำในสิ่งที่ดีๆกันดีกว่า พอตกเย็นคนเริ่มทยอยกันมาราว 50-60 คน บรรดาพี่ๆที่อาวุโสออกความคิดว่าควรจะเอาเทียนมาปักรอบๆสระน้ำ ฉันเห็นดีด้วยจึงพูดขึ้นว่าที่บนศาลามีเทียนเข้าพรรษาขนาดกลาง มีอยู่หลายเล่ม ให้พี่น้องไปเอามา ทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือ จนเสร็จเรียบร้อย เมื่อถึงเวลา 2 ทุ่ม ก็ช่วยกันยกกระทงของท่านพญานาคลงมาที่ขอบสระบัว ฉันเดินไปเชิญอาจารย์วารุณีให้ช่วยแนะนำหน่อยว่าจะทำอย่างไรต่อไป อาจารย์วารุณีสั่งให้จุดรูป 9 ดอก ปักลงไปที่กระทงท่านพญานาค จุดเทียน มีทั้งข้าวตอกดอกไม้และอะไรอีกหลายอย่างฉันจำไม่ค่อยได้ ใครอยากจุดธูปนำไปปักในกระทงท่านพญานาคได้ไม่ว่ากัน ฉันหันไปเห็นกิ่งกับแก้วยืนอยู่ จึงกวักมือเรียกให้มาจุดธูปด้วย พักเดียวควันธูปคลุ้งไปหมด มองไปไหนมีแต่ควันธูป อาจารย์วารุณีเดินเข้ามายกมือขึ้นพนมแล้วก็พูดอะไรไม่ทราบ พูดเงียบๆ อยู่คนเดียว แล้วก็ให้ยกกระทงพญานาคลงน้ำ กระทงลอยไปกลางสระน้ำซึ่งรอบๆ มีเทียนปักอยู่รอบสระ มองดูกระทงเด่นสวยงาม กระทงอันเล็กสำหรับงานประเพณีลอยกระทงก็แล้วแต่ว่าใครจะลอยเวลาไหนก็ได้ แต่ฉันแอบมองกิ่งกับ แก้วและนึกอยู่ในใจเงียบๆ คนเดียวว่าเขารู้สึกอย่างไรบ้าง
    ส่วนตัวฉันเองเอาเก้าอี้โยกมานั่งมองกระทงลอยอยู่ข้างหน้าไม่เห็นมีอะไรผิด ปกติเลย จนเวลาประมาณ 5 ทุ่ม ทุกคนก็เริ่มทยอยเดินทางกลับกัน จนเหลือคนอยู่ประมาณ 20 กว่าคนเห็นจะได้
    ฉันก็ชวนกันว่าวันนี้อาบน้ำวันเพ็ญกันก่อนแล้วค่อยกลับบ้านทุกคนตกลง ฉันก็เลยไปตักน้ำมาคนละถังแล้วเตรียมตัวไว้ พอถึงเวลาเที่ยงคืนตรงเราก็อาบกันเลย ฉันนึกขึ้นมาได้ว่าเรามานั่งรออยู่ทำไมเฉยๆ เรามาสวดมนต์ อิติปิโส สัก 9 จบดีกว่าพอสวดมนต์เสร็จ ก็พากันไปอาบน้ำวันเพ็ญกลางแจ้ง อากาศหนาวมากแต่มีความสุขสดชื่นที่ได้อาบน้ำในคืนวันเพ็ญเป็นครั้งแรกใน ชีวิต เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วทุกคนก็กลับบ้าน เหลือค้างคืนที่สถานปฎิบัตธรรมภวันตุเตรวมแล้วประมาณ 10 คนได้ ในนั้นก็มีกิ่งกับแก้วอยู่ด้วย สองคนพี่น้องคงผิดหวังมากที่ท่านพญานาคไม่มาปรากฏให้เห็น อาจารย์วารุณีเอากระโจมตาข่ายมานั่งสมาธิข้างๆสระน้ำ เพราะยุงมันชุมมาก เนื่องจากว่าเป็นกลางท้องทุ่งนา พอจะเขียนเรื่องต่อรู้สึกง่วงนอนหันไปมองนาฬิกาพึ่งเที่ยงคืนเท่านั้นเอง ทำไมรู้สึกว่าง่วงมากขนาดนี้หาวน้ำตาไหลพราก ทั้งที่ไม่เคยเป็น ตั้งใจจะเขียนให้จบก็ไม่จบได้แต่คิดว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยเขียนต่อให้จบก็แล้ว กัน พอรุ่งเช้านึกมาได้ว่านัดเพื่อนไว้ 10 โมงเช้า ต้องไปทำธุระก่อนกว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ประมาณ 3 ทุ่ม ทานข้าวเสร็จ อาบน้ำ อยากจะเขียนหนังสือต่อให้จบ เกิดท้องเสียขึ้นมาอย่างรุนแรง เข้าห้องน้ำหลายครั้งรู้สึกเพลียมาก กินยา และน้ำเกลือแร่เข้าไปสักพักรู้สึกดีขึ้น หยิบหนังสือขึ้นมาเขียนต่อก็ประมาณ 5 ทุ่ม ใจนึกขึ้นมาได้ว่าเรากำลังจะกล่าวถึงเจ้าของเรื่อง ฉันเลยอธิฐานจิตว่าท่านพญานาคเจ้าคะ เวลานี้ลูกกำลังจะเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับท่าน ลูกลืมขออนุญาตท่าน ขอเขียนเรื่องราวของท่านที่ได้ประสบมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งตอนนี้เป็นตอนสำคัญขอให้ลูกเขียนให้จบลุล่วงไปด้วยดีนะคะ ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อแล้วแต่วิจารญาณของแต่ละคน ขอเล่าต่อ
    หลังจากอาจารย์วารุณีเข้าไปนั่งสมาธิในกระโจมตาข่ายคนเดียว ที่ท่าหน้าสระน้ำสักพักใหญ่ ทุกคนเข้ามุ้งนอนแล้ว แต่ฉันยังไม่นอน เดินอยู่แถวๆที่อาจารย์วารุณีนั่งสมาธิ อาจารย์วารุณีเปิดซิบกระโจมตาข่าย เรียกฉันเข้าไปหาแล้วถามว่ากิ่งไปไหน ให้ฉันไปตามกิ่งมาหา พอกิ่งมาถึง อาจารย์วารุณีก็เรียกกิ่งเข้าไปในกระโจมกับอาจารย์วารุณี ฉันยืนมองดูด้วยความสงสัย ว่าเขาทำอะไรกันฉันเลยนั่งมองไปในกระโจมเห็นอาจารย์วารุณีชี้นิ้วลงไปในสระ ถามกิ่งว่าเห็นไหม เห็นไหม สักครู่เสียงกิ่งก็ตะโกนดังว่า เห็นแล้ว เห็นแล้ว ทุกคนที่นอนตกใจกระโดดลงมาออกันที่ท่าน้ำหมดเลยเห็นลูกไฟวิ่งในน้ำวิ่งไป วิ่งมา กิ่งกรี๊ดเสียงร้องดังกว่าใครพอลูกไฟวิ่งออกไป พวกที่ออกันอยู่ก็บอกว่ามาทางนี้หน่อยค่าลูกไฟวิ่งโฉบเข้ามาใกล้ พวกที่ยืนอยู่เป็นกลุ่มก็ร้องกรี๊ดๆๆๆ
    โดยเฉพาะกิ่งกับแก้วร้องเสียงดังกว่าใครๆ เพราะความตื่นเต้น เพราะลูกไฟวิ่งโชว์ให้ดูหลายลูกมากวิ่งแบบแหวกน้ำ สักพักใหญ่ก็สงบเหมือนเดิมลูกไฟดับแล้วแต่พวกที่เจอประสบการณ์สดๆ ร้อนๆ ยังคุยวิจารญาณไม่เลิกส่วนตัวฉันขอตัวไปนอนก่อน จนกระทั่งเช้าพวกที่อยู่ด้วยกันเมื่อคืนก็ยังคงนั่งคุยถึงเรื่องเมื่อคืน ด้วยอาการตื่นเต้น อาจารย์วารุณีเดินเข้ามาสมทบด้วยและเฉลยให้ฉันและกลุ่มเมื่อคืนฟังว่า เมื่อคืนที่อาจารย์วารุณีเข้าไปนั่งสมาธิในกระโจมนั้น กำหนดจิตบอกท่านพญานาคว่ากิ่งอยากเห็นท่านมาก วันนี้เป็นวันลอยกระทงหลายคนมาช่วยกันทำกระทงบูชาท่านในวันนี้เป็นวันดีแสดง อะไรก็ได้ให้เป็นปรากฏการณ์ ให้ลูกหลานชมเป็นบุญตาหน่อยนะคะทุกคนร้องอ๋อ เข้าใจแล้วและสิ่งที่ทุกคนเห็นนั้นล่ะจะอยู่ในความทรงจำของพวกเราตลอดไป โดย เฉพาะกิ่งกับแก้วนั้นมีความตั้งใจมากๆ ถึงแม้กิ่งอยากจะเห็นท่านเป็นรูปเป็นร่าง ซึ่งท่านไม่สามารถมาปรากฏร่างให้เห็น แต่ท่านได้ทำปรากฏการณ์ให้เราเห็นขนาดนี้ก็ถือว่าเป็นบุญตาของพวกเราทั้งหมด แล้วกัน ถึงแม้ฉันจะเชื่อแล้ว แต่อยากจะให้สมบูรณ์อีกครั้งเนื่องจากฉันเป็นคนเชื่ออะไรยากแล้วก็ชอบ พิสูจน์ความจริงอีกด้วย คืนวันเพ็ญคือวันพระขึ้น 15 ค่ำ พอรุ่งขึ้นเช้า เขาก็เรียกกันว่าแรม 1 ค่ำ ตอนสายๆ ฉันมายืนดูกระทงของท่านพญานาคที่ลอยอยู่กลางสระน้ำ แล้วก็มองเทียนที่จุดรอบๆ แล้วครุ่นคิดเป็นไปได้ไหมเป็นปลาวิ่งในน้ำ พอกระทบกับแสงจันทร์ทำให้เกิดเป็นแสงได้ อีกใจก็คิดว่าแต่ที่เราเห็นเป็นลูกไฟจริงๆ เสียงอาจารย์วารุณี สั่งให้คนงานเก็บเทียนที่ปักบริเวณรอบสระออก ฉันตะโกนอย่าเพิ่งเก็บเอาไว้ก่อน อาจารย์วารุณีเดินมาถามว่าเพราะอะไรจึงไม่ให้เก็บ ฉันตอบว่าอยากพิสูจน์พรุ่งนี้ค่อยเก็บก็แล้วกัน อาจารย์ก็ไม่สนใจอะไรแล้วก็เดินไป พอตกเย็นมีลูกศิษย์มาหาเขาชวนกันไปทำธุระที่บางใหญ่ ฉันเลยเฝ้าสถานปฏิบัติธรรมภวันตุเต คนเดียว พอเริ่มจะมืดฉันก็เลยไปจุดตะเกียงเจ้าพายุใช้แก็ส พอตะเกียงสว่าง ฉันก็เดินไปจุดเทียนที่รอบสระแล้วก็เอากระทงพญานาคมาวางไว้ที่ท่าน้ำ กระทงก็ค่อยๆลอยไป ฉันก็เอาเก้าอี้มานั่งสักพัก ทำไมไม่เห็นเหมือนเมือคืนเลยไม่มีอะไรผิดปกติ ตรงกระท่อมท่าน้ำมีระเบียงไม้ ฉันไปยืนมองดูแล้วก็เอาข้อศอกทั้งสองข้างวางบนราวระเบียงแล้วก็เอามือทั้ง สองข้างเท้าคางมองไปข้างหน้าใจครุ่นคิดไป ทันใดนั้น ฉันเห็นลูกไฟ ดวงกลมเท่าลูกพุทราขนาดใหญ่ วิ่งผ่านหน้าฉันอย่างเร็วมากประมาณเวื้บๆ แล้วดับพรึบ วิ่งผ่านหน้าฉันประมาณ 40 ตารางเมตร แม้ว่าความยาวจะไม่มาก แต่ฉันเห็นเต็มตา จะๆ ชัดๆ เลย สักครู่ปลากระโดดให้ฉันเห็น 2 ครั้ง นั้นท่านพญานาคคงอยากจะแสดงให้ฉันดูมากกว่า ส่วนฉันจะได้หายสงสัยเพราะฉันอยู่ที่นี้มาประมาณ 7-8 ปีแล้ว ไม่เคยเห็นปลาอะไรกระโดดสูงขนาดนี้เลยจริงๆ สาบานได้มีแต่แช๊ะๆ ในน้ำเท่านั้นเอง ส่วนลูกไฟที่ฉันเห็นนั้นเป็นเหมือนเราจุดเทียน แต่แสงของเทียนมันจะยาว ส่วนแสงลูกไฟจะกลมแล้วเวลาวิ่งแหวกน้ำเป็นทางยาวแต่ลูกไฟจะอยู่ด้านหน้า ฉันสิ้นสงสัย ส่วนใครจะเชื่อเหลือไม่แต่ฉันเชื่อเต็มร้อย ฉันเคยเห็นในทีวีเวลาออกพรรษาที่หนองคาย จะเห็นท่านพญานาคพ่นลูกไฟขึ้นฟ้า แต่ของฉันเห็นลูกไฟวิ่งในน้ำแปลกประหลาดดี ต่อมาฉันเลยสั่งทุกคนไม่ให้บ้วนน้ำลาย ห้ามเอาน้ำที่สกปรกทิ้งลงไปในสระน้ำ เมื่อก่อนนี้น้ำจะสะอาดมาก เดี๋ยวนี้น้ำไม่ค่อยสะอาดแล้วเพราะเวลาล้างบ้านขัดบ้านน้ำสกปรกไหลลงเป็น ประจำ
    ปีต่อมาถึงเดือนพฤจิกายนขึ้น 15 ค่ำ วันลอยกระทงฉันอยากทำเหมือนปีที่ผ่านมาอีก แต่อาจารย์วารุณี ห้ามฉันว่าให้หยุดแล้วปล่อยวางอย่าไปติดยึด ผ่านแล้วก็ผ่านไป ฉันเลยหยุดคิดตั้งแต่วันนั้น แล้วฉันไม่เคยเห็นปรากฏการณ์อีกเลย
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลงกระท่อมหลังคาจากที่อยู่ริมน้ำเริ่มพุ พังหมดสภาพเพราะเราใช้ไม้ไผ่ทำ ขนาดทายากันมอดแล้วก็ยังเอาไม่อยู่เลย เวลาฝนตก ลมแรง พายุแรง เพราะอยู่กลางนา น่ากลัวมาก กระท่อมจะพังทับวันไหนก็ไม่รู้ อาจารย์วารุณีสั่งรื้อกระท่อม แล้วปลูกอาคารขึ้นมาใหม่ แข็งแรง หลังคามุงด้วยกระเบื้องเสร็จเรียบร้อย มีน้ำมีไฟฟ้าใช้ ไม่ลำบากเหมือนตอนที่เข้ามาอยู่ใหม่ๆ สระน้ำก็เอาดอกบัวมาปลูก ปลูกต้นไม้ทำให้ร่มรื่นและยังมีที่พักให้เราได้อยู่อาศัยและนั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรมภาวนาเงียบสงบ รอบๆสถานปฏิบัติธรรมภวันตุเต เป็นทุ่งนา 1ปีทำนา 3 ครั้ง เวลาหน้าไถนาจะมีนกกระยางขายาวและนกพันธุ์อื่นๆ มากินหอยเต็มทุ่งไปหมดมองแล้วแปลกดี แล้วเวลาปลูกข้าว ข้าวขึ้นมาจะเขียวเต็มท้องทุ่งมองแล้วสบายตาสบายใจ พอเวลาถึงหน้าเก็บเกี่ยวข้าวจะเหลืองเป็นทองทั้งทุ่ง และที่สถานธรรมภวันตุเตเลี้ยงปลาไว้เยอะมาก มีปลานิลตัวใหญ่น้ำหนักประมาณ 1 กิโลกว่าและปลาทับทิมก็เหมือนกัน มีปลาคราบอยู่ 10 ตัว เลี้ยงไว้ตั้งแต่ตัวเล็กจนตัวใหญ่มาก สีแดงสดสวยเพราะเลี้ยงไว้กับบ่อธรรมชาติ และมีปลาดุกอยู่หลายตัว แต่มีอยู่ตัวหนึ่งที่พิเศษ อาจารย์วารุณีตั้งชื่อว่าเจ้าหนวด เวลาอาจารย์วารุณี เรียกชื่อ แล้วตบน้ำเบาๆ มันจะขึ้นมา มันเชื่องมาก มันไม่หนี ไม่กลัว มันน่ารักมาก อาจารย์วารุณีเอามือรูปหัวมันได้คนเดียว ส่วนคนอื่นมันไม่ให้จับ มันหนี
    ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันบรรยายให้ฟังนี้เวลานี้มันหายไปกับมหาอุทกภัยน้ำท่วม ครั้งใหญ่ที่ผ่านมาหมดเลย ต้นไม้ตายเกือบหมด บ้านและอาคารที่สร้างขึ้นในพื้นที่เดียวกันนี้มี 6 หลังแต่ไม่มีบ้านเลขที่ จึงไม่ได้รับเงินช่วยเหลือครบทุกหลัง ได้รับเพียงหลังเดียว 5000 บาท น้ำท่วม 2 เดือนกว่า ขณะนี้น้ำแห้งแล้วกำลังฟื้นฟูให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ตอนนี้ทำได้เกือบ 100% แล้ว และจะพยายามจะทำให้บรรยากาศเก่าๆ กลับมาให้เป็นเหมือนเดิมให้ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเหนื่อยกันมากๆ
    ที่เขียนเล่าให้ฟังก็เพราะว่าคนที่เจอมหาอุทกภัยคราวนี้ไม่ใช่มีแต่เราเพียง คนเดียว ยังมีอีกคนจำนวนมากที่เขาทุกข์และลำบากยิ่งกว่าเรายังมีอีกเยอะ ฉันขอให้กำลังทุกคน ขอให้เข้มแข็งและอดทนต่อสู้ชีวิตกันต่อไป ใช้ชีวิตอย่างมีสติใส่บาตรทำบุญกันบ้าง ถ้าไม่มีเงินก็มีวิธีทำบุญโดยไม่ต้องเสียเงินเช่น สวดมนต์ นั่งสมาธิภาวนา ทำทุกวัน วันละนิดวันหน่อยให้เกิดความเคยชิน นั่งสมาธิเสร็จแล้วแผ่เมตตาให้พ่อแม่ เจ้ากรรมนายเวรและคนอื่นๆ ด้วย อานิสงของการนั่งสมาธิมีมาก หมั่นทำเป็นประจำทำให้ชีวิตมีความสุขทำแล้วสบายใจทำอะไรก็ราบรื่น ตอนฝึกใหม่ๆ วันละ 5-10 นาที ก็ได้อานิสงเยอะแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปที่วัด ทำที่บ้านก็ได้สะดวกดี คนเราสามารถทำบ้านให้เป็นวัดได้ อยู่ที่จิตใจมากกว่า ถ้าใครอยากสนทนาธรรมกับอาจารย์วารุณีก็ขอเชิญได้ที่สถานปฏิบัติธรรมภวันตุเต ไทรน้อย นนทบุรี หรือเข้าไปดูได้ที่เฟรชบุ๊ค วารุณี สวัสดิภักดิ์
    ที่ฉันเขียนเรื่องราวต่างๆ ให้ฟังนั้นเป็นเหตุการณ์จริงที่ฉันได้ประสบมาด้วยตัวเองแล้วยังมีอีกหลาย เรื่องที่ฉันได้เจอและได้อยู่ในเหตุการณ์กับอาจารย์วารุณี แต่อาจารย์ไม่สนใจปล่อยว่าง ผ่านแล้วก็ผ่านไปส่วนตัวฉันเองรู้สึกเสียดายเลยเก็บเรื่องราวต่างๆ ฉันเลยเอามาเรียบเรียงเล่าสู่กันฟัง
    โอกาสหน้า จะเขียนเล่าให้ฟังใหม่นะคะ สุดท้ายท่านจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่วิจารญาณในการอ่านของท่าน.
    สุดท้ายนี้ฉันก็ได้นำภาพบรรยากาศของสถานปฏิบัติธรรมภวันตุเต จากการที่เราได้ฟื้นฟูใหม่ หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์มหาอทุภัยที่ผ่านมาเอามาให้ท่านชมด้วยนะคะ
    จากเวบvimane

    อ.เสาวนีย์ สวัสดิ์ภักดิ์โทร. 086 – 324 – 7404 โทร. 02 – 588 - 2385
     
  10. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    เรื่องเจ้ากรรมนายเวรเป็นนกเขา
    อ.เสาวนีย์ สวัสดิ์ภักดิ์​
    หลังจากที่ฉันทำนายไพ่ให้พี่ละมัยแล้ว พี่ละมัยได้แนะนำเพื่อนชื่อสมจิตรให้มาดูไพ่กับฉัน หลังดูไพ่เสร็จแล้ว ก็เหมือนเดิมคือ ไม่สามารถนำเรื่องราวของพี่สมจิตรมาเล่าให้ฟังได้เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่เรื่องเจ้ากรรมนายเวร พี่สมจิตรอนุญาตให้นำมาเล่าให้ฟังได้ หลังจากที่ดูไพ่เสร็จแล้ว พี่สมจิตรได้ถามฉันว่าเห็นเจ้ากรรมนายเวรของพี่ไหม เห็นพี่ละมัยบอกกับเขาว่าเจ้ากรรมนายเวรของพี่ละมัยเป็นปลาไหล แล้วของพี่เป็นอะไร
    ฉันนั่งนิ่งสักครู่ แล้วตอบพี่สมจิตรว่า ฉันไม่อยากพูดเลย มันตลก สงสัยฉันจะเพี้ยนแล้ว พี่สมจิตรบอกให้ฉันพูดไปเถอะ ไม่เป็นไร ฉันเลยบอกพี่สมจิตรว่า ฉันเห็นนกตัวขาวๆ บินไปบินมา มองดูเหมือนนกเขา หรือนกพิราบ มันคล้ายๆ กัน พี่สมจิตรบอกว่าใช่แล้ว เพราะพี่เขาเลี้ยงนกเขาไว้หลายกรง พี่ไปต่างจังหวัดหลายวัน แล้วลืมเอาอาหารให้ พอกลับมามันตายไปหลายตัวเพราะอดข้าว อดน้ำตาย แต่ยังเหลืออยู่อีกหลายตัว พี่เลยปล่อยมันไปหมดเลย ฉันนึกสงสัย จึงถามพี่สมจิตรว่า ทำไมไม่ฝากให้คนอื่นดูแล หรือฝากเลี้ยงก็ได้ พี่สมจิตรตอบว่า ตอนนั้นพี่ทำธุระ ยุ่งมาก ลืมเสียสนิทเลย และพี่สมจิตรพูดกับฉันว่า แปลกดีนะ แค่นกเขาธรรมดา ยังมาปรากฏให้เห็นได้อีก ฉันจึงบอกว่าเขาคงตายอย่างทรมาน อดข้าว อดน้ำหลายวัน จึงมาปรากฏให้เห็น เพื่อขอส่วนบุญส่วนกุศล พี่ทำบุญให้เขาบ้างนะ และพี่สมจิตรเป็นคนชอบทำบุญ ไหว้พระสวดมนต์ แผ่บุญกุศลไปให้เขาบ่อยๆ ก็จะดี มันเป็นกรรมไม่เจตนา พี่สมจิตรรับคำและจะทำตามที่ฉันบอก แล้วพี่สมจิตรก็เปลี่ยนเรื่องคุย เล่าให้ฉันฟังถึงเรื่องที่เขาเจ็บป่วยว่า ก่อนหน้านี้พี่เขาหกล้ม ก้นกระแทกพื้น กระดูกสะโพกหักทั้งสองข้าง หมอได้ผ่าตัดสองรอบแล้ว นี่เกือบปีแล้วยังไม่หาย เวลาเดินต้องใช้อุปกรณ์ค้ำยัน เดินโขยกเขยกไปทีละนิด น่าเบื่อมาก ฉันจึงปลอบใจพี่สมจิตรให้อดทน เพราะว่าการรักษาและฟื้นฟูต้องใช้เวลา นี่ก็ดีขึ้นเยอะแล้ว พี่สมจิตรจึงระบายความอัดอั้นตันใจให้ฉันฟังต่อไปว่า แต่ก่อนนี้ไปไหนมาไหนทำอะไรเองได้ เดี๋ยวนี้ต้องพึ่งคนโน่นคนนี้ เป็นภาระเขา ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ พี่เบื่อมาก ฉันรู้สึกเห็นใจ ถ้าเลือกได้ก็ไม่มีใครอยากเป็นแบบนี้หรอก ฉันจึงได้แต่รำพึงอยู่ในใจว่า เป็นเวรเป็นกรรมอะไรหนอ จากนั้นฉันก็ลา พี่สมจิตรกลับบ้านพร้อมกับย้ำพี่สมจิตรว่า อย่าลืมทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวรด้วยนะ.
     
  11. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    [​IMG]วารุณี สวัสดิภักดิ์


    คน ในเฟสมาคุยธรรมแล้วเข้าใจ วานช่วยบอกเพื่อนใหม่ที ภวันตุเตหรืออาจารย์วารุณี เป็นสถานที่ปฎิบัติธรรมภาวนา มีคนคิดว่าเราเป็นหมอดู ฟังแล้วหดหู่ใจจริงหนอ พูดธรรมมะปากจะฉีกไปถึงคอ คนบ้าหมอดูไม่เอาจะผูกดวง ถ้าชอบจริงเชิญมาจะจัดให้ ธรรมส่องใจไม่ต้องพูดถึง เจออาจารยืเสาวนีย์แล้วจะตะลึง ไม่แม่นไม่เจ๋งไม่ต้องจ่ายสบายด<wbr>ี.
     
  12. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    อ.เสาวนีย์ สวัสดิ์ภักดิ์โทร. 086 – 324 – 7404 แกเล่นเฟสไม่เป็น ครับ
     
  13. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    เรื่อง พระธาตุเสด็จ
    อ.เสาวนีย์ สวัสดิ์ภักดิ์​
    เมื่อประมาณปี 2553 ฉันจำวันที่ไม่ได้ เพราะไม่ได้จดเอาไว้ แต่ฉันจำได้ว่าวันนั้นเป็นเวลา 7 โมงเช้า หลังจากฉันออกจากสมาธิแล้ว ฉันลืมตาขึ้น แต่ยังนั่งอยู่ที่เดิม ฉันเห็นแสงสว่างวาบๆ ขึ้นเป็นดวงกลมๆขนาดเท่าดวงไฟฉายขนาดเล็ก กระทบฝาผนังห้องพระ ฉันนั่งมองดูด้วยความสงสัย ฉันคิดว่าเป็นแสงแดดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง เพราะเวลา 7 - 8 โมงเช้า แสงแดดส่องเข้ามาในห้องพระเป็นประจำ ฉันเลยหยิบโทรศัพท์มือถือโทรไปหาเพื่อนรุ่นน้องชื่อนันทวัน ซึ่งขณะนั้นเขายังไม่ตื่นนอน ฉันพยายาโทรอยู่หลายครั้ง จนคุณนันทวันรับสาย แล้วถามฉันว่า มีอะไรหรือโทร.มาแต่เช้าเลย ฉันก็เลยเล่าเรื่องให้เพื่อนรุ่นน้องฟังว่า ขณะนี้พี่อยู่ในห้องพระ พี่เพิ่งออกจากสมาธิ พอดีพี่เห็นแสง แดดสาดเข้ามาในห้องพระทางหน้าต่างเป็นลำทางยาว แล้วไปปะทะกับฐานพระพุทธ และไปกระทบกับฝาผนังหนังห้องเป็นดวงกระพริบวูบๆ วาบๆ ขณะที่พี่พูดอยู่นี้ พี่ยังเห็นอยู่เลย เธอเคยเห็นแบบนี้บ้างไหม คุณนันทวันบอกกับฉันว่า เขาเคยเห็นแสงแดดกระทบใบไม้ มันระยิบระยับ ฉันก็เลยวาง โทรศัพท์ สักครู่แสงวูบๆ วาบๆ ก็หายไป ฉัยเงยหน้ามองนาฬิกาเป็นเวลา 7 โมงเช้าพอดี ต่อมาวันรุ่งขึ้น ฉันออกจากสมาธิตอน 6 โมงเช้า ฉันก็นั่งรอในห้องพระ เพื่อพิสูจน์ว่าวันนี้จะเห็นแสงวูบวาบเหมือนเมื่อวานอีกหรือไม่ แต่ปรากฏว่า ฉันรอจนถึง 8 โมงเช้า ก็ไม่เห็นมีเหตุการณ์อะไร ฉันเฝ้ารอเวลาอยู่ทุกวัน รวม 3 วัน ก็ไม่มีแสงอะไรมาปรากฏให้เห็นอีก ฉันค้างคาใจมาก ต่อมาวันที่ 4 ฉันเข้าไปนั่งในห้องพระตามปกติ ฉันนั่งคุกเข่าต่อหน้าพระพุทธรูป มองดูด้วยความครุ่นคิด พอดีฉันเหลือบตามองเห็นเจดีย์จำลองสำหรับบรรจุพระธาตุซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ พระพุทธรูป ฉันเลยนั่งลำดับเหตุการณ์วันนั้น ฉันจึงเอี้อมมือไปหยิบเจดีย์บรรจุพระธาตุ ขึ้นมาอธิษฐานจิต ขออนุญาตเปิดดู ปรากฏมีพระธาตุเสด็จมาเกือบร้อยองค์ ฉันตื่นเต้นดีใจมาก
    ฉันขอย้อนเรื่องหน่อยนะคะ คือ ก่อนหน้าที่พระธาตุจะเสด็จ สัก 10 กว่าวันได้ หลานสะใภ้ที่อยู่บ้านเดียวกับฉัน เขาเข้ามาสวดมนต์กับฉันตอนกลางคืน ปกติเขาไม่ค่อยเข้ามาสวดมนต์ นานๆ ถึงจะเข้ามาสวดมนต์ วันนั้นหลังจากสวดมนต์เสร็จแล้ว เขาเห็นเจดีย์พระธาตุ เขาถามว่า นี่เป็นอะไรคะป้า ฉันตอบว่ าเป็นเจดีย์สำหรับบรรจุพระธาตุ หลานสะใภ้ขอฉันดูว่าข้างในเป็นอย่างไร ฉันหยิบเจดีย์พระธาตุขึ้นมา พนมมือขออนุญาตเปิดให้หลานสะใภ้ดู ปรากฏว่ามีพระธาตุประมาณ เก้าองค์ เพราะว่าฉันลองนับดู ที่นับดูเพราะอะไรรู้ไหมค่ะ เพราะว่าเคยมีคนเขาพูดกันว่า พระธาตุจะเสด็จมาเองได้ ถ้าวันนั้นฉันไม่เปิดพระธาตุดู และไม่นับเอาไว้ ฉันคงไม่รู้หรอกว่า พระธาตุเสด็จมาเกือบร้อยองค์ และลำแสงเป็นดวงวูบๆ วาบๆ ที่กระทบกับฝาผนังนห้องพระนั้น คงเป็นวันที่พระธาตุเสด็จมานั่นเอง หลังจากพระธาตุเสด็จมาแล้ว ฉันได้บอกกับญาติผู้ใหญ่ที่นับถือ และเพื่อนฝูงที่สนิทกันไปซื้อเจดีย์จำลองมาอัญเชิญพระธาตุไปบูชา ส่วนฉันคงเหลือเก็บรักษาไว้เก้าองค์เหมือนเดิม การที่พระธาตุเสด็จมาคราวนี้ ฉันถือว่าเป็นสิริมงคลชีวิต ฉันก็เลยนำมาเล่าสู่กันฟัง สาธุ สาธุ สาธุ
     
  14. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    พรุ่งนี้น่าจะมีเรื่องใหม่ๆมาเล่าให้ฟังครับ เห็นอาจารย์ท่านกำลังเขียนอยู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กรกฎาคม 2012
  15. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    [FONT=&quot]เจ้ากรรมนายเวรเป็นไก่ชน[/FONT]
    [FONT=&quot]เมื่อเร็วๆนี้มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาให้ฉันทำนายไพ่ให้[/FONT]…[FONT=&quot] ขณะที่ฉันถือไพ่ไว้ในมือและกำลังอธิษฐานจิตอยู่นั้น ฉันเห็นไก่ขึ้นมาหนึ่งตัวลักษณะเหมือนกับไก่ต้มไว้ที่สำหรับทำข้าวมันไก่ขาย แต่หงอนไก่ที่ฉันเห็นมันใหญ่กว่าหงอนไก่ทั่วไป ดวงตาไก่หลับพริ้ม[/FONT]…
    [FONT=&quot]ในใจฉันคิดสงสัยว่านี่คือ[/FONT] “[FONT=&quot]อะไร อะไร[/FONT] ”[FONT=&quot] ฉันไม่เข้าใจ สักครู่ไก่ตัวนั้นก็ลืมตาปิ๊งให้ฉันดู [/FONT] [FONT=&quot]ดวงตาทั้งสองข้างของไก่ตัวนั้นแดงกร่ำช้ำเลือดเหมือนโดนใครตีมา ฉันเห็นแล้วฉันนิ่งไม่พูดอะไร หลังจากพอทำนายไพ่เสร็จแล้ว ฉันจึงถามเด็กหนุ่มคนนี้ว่า หนูเคยทำกรรมกับไก่บ้างมั้ยคะ เด็กหนุ่มคนนั้นบอกว่าไม่เคยครับ ฉันก็บอกเด็กหนุ่มคนนั้นว่า หนูลองนึกดีๆซิลูก เด็กหนุ่มคนนั้นนั่งคิดสักครู่ก็ตอบว่ามีครับ ผมนึกออกแล้วเมื่อก่อนผมเลี้ยงไก่ชน มีอยู่วันนึงผมเอาไก่ชนไปแข่งพนันเดิมพันจึงเสียเงินไปเยอะปรากฏว่า ผมแพ้พนัน คนอื่นแทบหมดตัว ผมจึงโกรธมาก พอกลับมาถึงบ้านผมก็ฆ่าถอนขน และก็ต้มแกล้มเหล้าไก่ตัวนั้น อย่างที่อาจารย์เห็นนั่นแหละครับ ฉันจึงพูดว่านี่แหละเขาเรียกว่าเจ้ากรรมนายเวร ทำบุญไปให้เขาด้วยนะ เด็กหนุ่มสงสัยหันมาถามอีกกว่า อาจารย์ครับมันผ่านมาหลายปีแล้วครับ ฉันตอบเด็กหนุ่มคนนี้ไปว่า วันนี้หนูมาคุยกับอาจารย์ พออาจารย์เห็นก็บอกไป ทำบุญให้เขาบ่อยๆก็แล้วกัน เออ[/FONT]…[FONT=&quot]นี่หนูอาจารย์ถามหนูอีกนิดว่า ภาพที่อาจารย์เห็นไก่เขาลืมตาขึ้นมาให้อาจารย์ดู ดวงตาของไก่ทั้งสองข้างตัวนั้น ช้ำเลือดเหมือนเขาจะฟ้องอาจารย์ อาจารย์ขอถามหนูหน่อยว่าเวลาที่ไก่ของหนูยังไม่โดนฆ่า ตาของของเขาช้ำเลือดเพราะโดนไก่ชนตีตาแตกใช่มั้ย ใช่ครับเป็นจริงอย่างที่อาจารย์เห็นนั่นแหละครับ ขอบคุณมากครับอาจารย์ พรุ่งนี้ผมจะไปทำบุญอย่างที่อาจารย์บอก [/FONT]
    [FONT=&quot]เด็กหนุ่มคนนั้นจากไปแล้ว ฉันไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะทำบุญให้ไก่ตัวนั้นหรือไม่ฉันไม่ทราบ แต่ตัวฉันเองได้นั่งสมาธิแผ่บุญกุศลให้กับไก่ชนน้อยที่น่าสงสารตัวนั้นแล้วถึงแม้เวรกรรมจะใช้แทนกันไม่ได้แต่ฉันก็แผ่บุญกุศลไปให้นั้นไปให้ไก่ชนน้อยตัวนั้นด้วยความเมตตา และอนุโมทนาบุญให้ไก่ชนตัวนั้นไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดีนะคะ สาธุ[/FONT]…
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:TrackMoves/> <w:TrackFormatting/> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:DoNotPromoteQF/> <w:LidThemeOther>EN-US</w:LidThemeOther> <w:LidThemeAsian>X-NONE</w:LidThemeAsian> <w:LidThemeComplexScript>TH</w:LidThemeComplexScript> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> <w:SplitPgBreakAndParaMark/> <w:DontVertAlignCellWithSp/> <w:DontBreakConstrainedForcedTables/> <w:DontVertAlignInTxbx/> <w:Word11KerningPairs/> <w:CachedColBalance/> </w:Compatibility> <m:mathPr> <m:mathFont m:val="Cambria Math"/> <m:brkBin m:val="before"/> <m:brkBinSub m:val="--"/> <m:smallFrac m:val="off"/> <m:dispDef/> <m:lMargin m:val="0"/> <m:rMargin m:val="0"/> <m:defJc m:val="centerGroup"/> <m:wrapIndent m:val="1440"/> <m:intLim m:val="subSup"/> <m:naryLim m:val="undOvr"/> </m:mathPr></w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" DefUnhideWhenUsed="true" DefSemiHidden="true" DefQFormat="false" DefPriority="99" LatentStyleCount="267"> <w:LsdException Locked="false" Priority="0" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Normal"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="heading 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 7"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 8"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 9"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 7"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 8"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 9"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="35" QFormat="true" Name="caption"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="10" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Title"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="1" Name="Default Paragraph Font"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="11" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtitle"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="22" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Strong"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="20" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="59" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Table Grid"/> <w:LsdException Locked="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Placeholder Text"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="1" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="No Spacing"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Revision"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="34" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="List Paragraph"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="29" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Quote"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="30" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Quote"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="19" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtle Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="21" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="31" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtle Reference"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="32" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Reference"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="33" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Book Title"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="37" Name="Bibliography"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" QFormat="true" Name="TOC Heading"/> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-priority:99; mso-style-qformat:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin-top:0cm; mso-para-margin-right:0cm; mso-para-margin-bottom:10.0pt; mso-para-margin-left:0cm; line-height:115%; mso-pagination:widow-orphan; font-size:11.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Calibri","sans-serif"; mso-ascii-font-family:Calibri; mso-ascii-theme-font:minor-latin; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-theme-font:minor-fareast; mso-hansi-font-family:Calibri; mso-hansi-theme-font:minor-latin;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]มีอยู่วันหนึ่งพระพรหมท่านสื่อผ่านมาทางอาจารย์วารุณี วันนั้นฉันนั่งอยู่ด้วยกันสองคน พระพรหมท่านพูดว่า มนุษย์และวิญญาณ วิญญาณน่าสารกว่าเพราะมนุษย์เลือกที่จะทำชั่วทำดีได้ ทำบุญ หรือจะทำบาปได้ แต่วิญญานไม่มีสิทธิ์เลือกได้ ต้องรอบุญกุศลจากคนอื่น ฉะนั้น วิญญาณและสัตว์ช่างน่าสงสารกว่ามนุษย์ ฉะนั้นในการทำนายไพ่ของฉัน จึงมีเรื่องของวิญญาณและสัตว์เข้ามาแทรกตลอด บางครั้งเรื่องราววิญญานที่ถ่ายทอดออกมา บางเรื่องก็เหมือนนิยายเรื่องสั้นเรื่องยาว บางเรื่องเป็นเรื่องเศร้า รัก ร้าวราน ทุกขเวทนา บางครั้งทำนายไพ่ไปน้ำตาก็ไหลไปด้วย[/FONT]…[FONT=&quot]พระพรหมท่านพูดถูกต้องแล้ว ที่ว่าวิญญาณน่าสงสารกว่ามนุษย์[/FONT]

    [FONT=&quot] อ[/FONT].[FONT=&quot]เสาวนีย์ สวัสดิภักดิ์[/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2012
  16. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    เมตตาธรรม...แม้แต่เดรัจฉานก้รับได้


    [​IMG]
     
  17. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    พระอาทิตย์ขึ้นที่ ภวันตุเต


    [​IMG]
     
  18. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    [FONT=&quot]ความมหัศจรรย์ขององค์พระพิฆเนศ[/FONT]

    [FONT=&quot]วันนี้ ฉันอยากจะเล่าเรื่องความมหัศจรรย์ขององค์พระพิฆเนศที่ฉันได้ประสบมาด้วยตัว เอง ปแต่เดิมฉันรู้จักเพียงว่าพระพิฆเนศหน้าเป็นช้างแต่งตัวสวยงามผิวพรรณงาม ผ่องใส และมีเครื่องประดับเป็นเพชรพลอยแพรวพราวเห็นจากภาพถ่ายที่เขามีขายกันและ เห็นตามบ้านเพื่อนซึ่งเขาใส่กรอบแขวนไว้ที่ข้างฝาซึ่งฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรจน กระทั่งวันหนึ่งที่สถานธรรมภวันตุเตมีความต้องการจะทำน้ำตก อาจารย์วารุณีก็เลยไปดูน้ำตกสำเร็จรูปที่ร้านฯ ปรากฏว่าไปดูแล้วไม่มีแบบที่ต้องการอาจารย์วารุณีจึงจ้างช่างมาทำน้ำตกขึ้น มาเอง ระหว่างที่ช่างกำลังทำน้ำตกนั้น อาจารย์วารุณีก็ไปเจอองค์พระพิฆเนศปรางนอนองค์หนึ่งองค์ใหญ่พอสมควร ก็ซื้อมาตั้งที่น้ำตกเวลาเปิดน้ำ น้ำก็จะไหลผ่านลำตัวท่านเป็นน้ำตกไหลลงมาที่ข้างล่างปลูกบัว ต่อมามีการเปลี่ยนแปลง อาจารย์วารุณี รื้อน้ำตกออกส่วนองค์พระพิฆเนศก็ยังไม่ได้เอาออกจากที่เดิม พอนานวันหญ้าก็ขึ้นทำให้รก วันหนึ่งคนที่รู้จักในละแวกนั้นเขาตัดกล้วยน้ำว้ามาให้หนึ่งเครือ ลูกใหญ่สวย ฉันจึงนำกล้วยน้ำว้าไปถวายพระพุทธและถวายพระแม่กวนอิม และยังเหลืออีกหลายหวีไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ฉันนึกขึ้นมาได้ว่าที่ท้ายทุ่งมีพระพิฆเนศ อยู่หนึ่งองค์ เอากล้วยน้ำว้าลูกสวยๆ อย่างนี้ไปถวายพระพิฆเนศดีกว่า ฉันเตรียมกล้วยใส่ถาดพร้อมน้ำหนึ่งแก้วและธูปอีกเก้าดอก เดินไปยังท้ายทุ่งของสถานธรรมซึ่งอยู่ห่างกับที่พระพิฆเนศประทับอยู่ไกลกัน พอสมควรเอากล้วยถวายพระพิฆเนศหลายวันจนลืมบังเอิญวันนั้นฉันเดินผ่านไปตรง นั้นจึงเห็นและนึกขึ้นมาได้จึงลาของที่ถวายเห็นกล้วยสุกเหลืองอร่ามน่ากิน ใจฉันก็นึกว่าจากกล้วยดิบๆมาเป็นกล้วยสุก นี่ถ้าฉันไม่มาเห็นกล้วยเหล่านี้คงจะเน่าหมดแน่ๆ เลย ระหว่างที่ฉันขยับถาดกล้วยเพื่อจะยกกล้วยลงมาข้างล่างฉันเห็นอะไรไม่ทราบ เข้าตาฉันแว๊บนึงทำให้ฉันสงสัยฉันจึงยกถาดกล้วยเข้ามาใกล้ๆ และขยับกล้วยหวีนั้นพลิกไปพลิกมา ฉันก็เห็นลายคล้ายๆ ราติดอยู่ที่กล้วยมีเลข [/FONT]67 [FONT=&quot]ชัดมาก ฉันแปลกใจแต่ก็ไม่แน่ใจแล้วก็ไม่ได้บอกให้ใครฟัง ลองเสี่ยงโชคดู ปรากฏว่าเลขท้ายลอตเตอรี่งวดนั้นออก [/FONT]67[FONT=&quot] ตรงๆ สองตัวล่าง ฉันมีโชคแต่ไม่มากนัก ต่อมาฉันก็ไปอธิษฐานจิตขอให้ฉันมีโชคมีลาภฉันจะย้ายท่านพระพิฆเนศไปอยู่ที่ เหมาะสมและดีกว่านี้ แต่ต้องมีปัจจัยเป็นค่าใช้จ่ายพอวันรุ่งขึ้นช่วงบ่ายฉันไปกวาดสถานธรรม ซึ่งเป็นพื้นหญ้าและดินฉันเห็นเหรียญอันนึงเก่าและดำมาก หล่นอยู่กับพื้น ฉันเอื้อมมือหยิบเหรียญอันนั้นขึ้นมาดูพลิกไปพลิกมามองไม่เห็นอะไรรู้แต่ว่า เป็นเหรียญสีดำ ฉันจึงนำเหรียญอันนั้นไปล้างน้ำและลองขัดดูปรากฏว่าเห็นเลข พ[/FONT].[FONT=&quot]ศ[/FONT].2545 [FONT=&quot]ส่วนอื่นมองไม่ออกว่าเป็นรูปอะไรฉันจึงเอาเลข [/FONT]545[FONT=&quot] ไปลองเสี่ยงโชคดูปรากฏว่าหวยลอตเตอรี่งวดนั้นออก [/FONT]545 [FONT=&quot]ปราก กฏว่าได้โชคลาภพอสมควร ก็ทำตามคำพูดคือจะย้ายองค์พระพิฆเนศมาอยู่อีกด้านหนึ่ง ระหว่างที่ทำการรื้อถอนของเก่าเพื่อจะทำขึ้นใหม่นั้นมีคนงานอยู่คนหนึ่งไม่ ค่อยจะมีสัมมาคารวะยืนอยู่ที่สูงกว่าองค์พระพิฆเนศและพูดจา ไม่สุภาพฉันจึงบอกกับคนงานว่าพูดจาดีๆ และเดินผ่านข้ามไปข้ามมาให้ยกมือขอขมาหรือขอโทษท่านบ้างของเรามองไม่เห็นไม่ เชื่อก็อย่าลบหลู่คนงานคนนั้นก็ยังเหมือนเดิมบางครั้งก็พูดจาหยาบคายมีอยู่ วันหนึ่งทำยังไงอีท่าไหนก็ไม่ทราบ คนงานคนนั้นเหยียบพลาดตกลงมาข้างล่างกระเบื้องบาดเท้าเหวอะหวะต้องเย็บไป หลายสิบเข็มอยู่โรงพยาบาลหลายวันกลับมาบ้านต้องมาพักฟื้นเสียทั้งเวลาและ เสียทั้งเงิน ตัวฉันเองพยายามคิดว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนงานมันเป็นความบังเอิญไม่ได้เกิดขึ้นจากการกระทำ ของใครบังเอิญและบังเอิญเท่านั้น ถึงแม้องค์พระพิฆเนศจะเป็นหินแกะสลักเอาไว้ประดับบ้านหรือจะเป็นที่ประดับ น้ำตก แต่ฉันก็เคารพท่านจากใจจริง เพราะว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ฉันประสบมาด้วยตัวเองเกี่ยวกับองค์พระพิฆเนศ หลังจากย้ายท่านมาอยู่ที่ใหม่เรียบร้อยแล้วฉันสบายใจเพราะฉันทำหน้าที่ตาม ที่อาสาและพูดไว้เรียบร้อยแล้ว ต่อมาอีกไม่นานญาติของเพื่อนเขาก็เสียชีวิตเขาก็เอาศพไปไว้ที่วัดบัวขวัญ ซึ่งอยู่หลังห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่างามวงศ์วาน กระทั่งวันสวดพระอภิธรรมศพเป็นวันที่สอง เพื่อนฉันถามฉันว่าจะไปไหม ฉันรับปากว่าจะไป พอประมาณหนึ่งทุ่มฉันก็ถึงวัดบัวขวัญ พอถึงเวลาพระสวดฉันนั่งนิ่งสงบสักครู่ฉันเห็นมือของใครก็ไม่ทราบยื่นมาให้ ฉันดูผิวขาวผ่องเนียนใสผิวสวยงามมากนิ้วเรียวอวบอูนมองไม่เห็นข้อกระดูกเลย มือสวยจริงๆ ขณะนั้นฉันคิดว่าน่าจะเป็นมือของเทพ ส่วนมือที่ยื่นให้ดูนั้นที่นิ้วนางใส่แหวนวงหนึ่ง พอพระสวดจบแล้วฉันก็เล่าให้เพื่อนฟังเพื่อนก็บอกกับฉันว่าที่นี่เขามีพระ พิฆเนศองค์ใหญ่เหมือนกันนะอยู่ตรงนู้นลองเดินไปดูสิ ฉันก็เดินไปตามที่เพื่อนบอกเจอพระพิฆเนศ องค์ใหญ่ ฉันก็จุดธูปบอกท่านว่าเมื่อสักครู่ฉันเห็นมือยื่นมาให้ฉันดู ถ้าเป็นท่านก็ขอให้ฉันโชคดีมีโชคมีลาภนะคะงวดนั้นฉันเสี่ยงโชค [/FONT]05 50 [FONT=&quot]ปรากฏว่าหวยออก [/FONT]05 [FONT=&quot]ฉันโชคดีถูกหวยเพราะว่ามีมือสวยยื่นมาให้ฉันดูแล้วใส่แหวน ฉันตีมือเป็นเลข[/FONT]5[FONT=&quot] ส่วนแหวนฉันตีเป็นเลข [/FONT]0 [FONT=&quot]หลัง จากที่ฉันได้รับเงินเรียบร้อยแล้ว วันนั้นฉันก็นั่งรถไปที่ บ้านหม้อ(เจริญกรุง)พอถึงฉันก็นั่งมอเตอร์ไซค์ไปพาหุรัดเพื่อจะไปซื้อแหวน สวยๆ ถวายท่านพระพิฆเนตรสักหนึ่งวง เหตุที่ต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ไปเพราะว่าเย็นมากแล้ว กลัวร้านจะปิดมอเตอร์ไซค์รับจ้างพาฉันนั่งรถซิกแซกไปจนถึงสำเพ็ง ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วฉันบอกมอเตอร์ไซด์ว่าให้ไปส่งที่พาหุรัด และจอดรถให้ฉันลงตรงหน้าร้านที่เป็นร้านขายเครื่องประดับพอดี ขณะนั้นเจ้าของร้านเตรียมที่จะปิดร้านพอดี ถ้าฉันมาถึงช้า อีกนิดเดียวก็ไม่ทันแน่นอน ฉันเดินเข้าไปในร้านเลือกแหวนได้แบบถูกใจเป็นพลอย สีแดงล้อมเพชรราคา[/FONT]1,800[FONT=&quot] บาท ฉันต่อรองเจ้าของร้านให้ลดราคาเหลือ [/FONT]1,000[FONT=&quot] บาท เจ้าของร้านก็ตกลงขายให้เพราะว่าจะปิดร้านแล้ว พอมาถึงที่สถานธรรมฉันก็นำแหวนมาถวายพระพิฆเนศและสวมแหวนวงนั้นให้ท่านที่ นิ้วนางมือซ้ายตามที่ฉันเห็นเมื่อครั้งไปงานสวดอภิธรรมศพที่วัดบัวขวัญ หลังจากนั้นฉันก็มีโชคลาภตลอดมาแต่ฉันไม่มีสติ ไม่รู้จักพอ เมื่อได้เงินก็เสี่ยงโชคทวีคูณ ซื้อเพิ่มมากขึ้นมากขึ้น แต่ไม่มีใครหรอกที่จะโชคดีถูกหวยทุกงวด ระยะหลังฉันไม่ค่อยถูกเพียงแค่เฉียดไปมาแต้มเดียวตลอด ทำให้ฉันรู้สึกเบื่อทำให้เกิดปัญญาว่าถ้าเราเก็บเงินนี้ไว้เราคงมีเงินเยอะ แล้ว และคงไม่มีเทพองค์ไหนที่จะสนับสนุนให้คนหมกหมุ่นอยู่กับกิเลสตัณหาความอยาก ความไม่รู้จักพอ หลังจากนั้นฉันก็พยายามละเลิกและจะพยายามเลิกให้ได้ ถ้าจะถามฉันว่าเทพท่านจะประทานพรโชคลาภให้ได้หรือไม่ ฉันเชื่อว่าได้เป็นบางครั้งดังที่ฉันได้ประสบมาด้วยตนเอง เรื่องนี้หากจะเป็นอุทาหรณ์กับคนอื่นได้บ้างฉันก็ดีใจ ฉะนั้นการใช้ชีวิตอย่างมีสติ พูดอย่างมีสติ คิดอย่างมีสติ และพิจารณาอย่างมีสติดีที่สุด นับแต่วันนั้นฉันไม่เคยไปรบกวนท่านพระพิฆเนศเรื่องโชคลาภอีกเลย แต่เวลาฉันทำนายไพ่ยิปซีฉันจะน้อมใจระลึกนึกถึงท่านซึ่งก็น่ามหัศจรรย์มาก บางครั้งการทำนายไพ่ของฉันเหมือนสวรรค์เปิด ทำนายได้อย่างทะลุทะลวง [/FONT]
    [FONT=&quot]เรื่องราวความมหัศจรรย์ของพระพิฆเนศที่ฉันได้พบมายังมีอีกมากมาย[/FONT] [FONT=&quot]วันนี้ขอจบเพียงแค่นี้ก่อนและจะนำมาเล่าให้ฟังใหม่นะคะ[/FONT]

    [FONT=&quot]อ[/FONT].[FONT=&quot]เสาวนีย์ สวัสดิภักดิ์[/FONT]
     
  19. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    [FONT=&quot]เรื่องวิถีแมวสี่ชีวิต
    [/FONT][FONT=&quot]วันนี้ฉันอยากจะเราเรื่องแมวสี่ชีวิตให้ฟัง เกิดมาไม่เคยเลี้ยงแมวเลย อยู่ๆ ก็มีแมวตัวหนึ่งไม่ทราบว่ามาจากไหนเข้ามาอยู่ในบ้านเพราะว่าเราอยู่กลางนามี หนูเยอะมาก กลางคืนบนเพดานหนูวิ่งกันโครมครามไปหมดน่ารำคาญไม่ทราบว่าจะจัดการอย่างไร แล้ววันหนึ่งมีแมวเข้ามาอยู่ไม่ทราบว่าหนูหายไปไหนหมด เงียบ[/FONT][FONT=&quot]! ไม่มีเสียงดังโครมครามเหมือนแต่ก่อนฉันเริ่มให้ความสนใจแมว พิจารณาดูแล้วจึงรู้ว่าเป็นตัวเมีย เห็นแมวตัวผู้มาจากไหนก็ไม่ทราบมาป้วนเปี้ยนจนกระทั่งเห็นแมวตั้งท้องและแมว ตัวผู้ก็หายไป จนวันหนึ่งได้ยินมันร้องคิดว่ามันคงจะปวดท้องจะคลอดลูก พอวันรุ่งขึ้นน้องปองเค้าเห็นแมวคลอดลูกอยู่บนรางน้ำสามตัวพอฝนตกรางน้ำฝนก็ จะมีน้ำขัง ฉันจะเข้าไปช่วยก็ไม่ได้เพราะว่ามันอยู่ไกลเอื้อมไม่ถึงเห็นแม่แมวคาบลูกที ละตัวหนีน้ำฉันเลย[/FONT][FONT=&quot]เริ่ม[/FONT][FONT=&quot]มอง พฤติกรรมของแมวและสังเกตุลูกแมวและแม่แมว ลูกแมวโตเร็วมากไม่กี่วันก็วิ่งเล่นได้แต่กลัวคนจะคอยหลบหน้า เวลาแม่แมวหาลูกไม่เจอเขาจะร้องเรียกลูกครางเบาๆ ประเดี๋ยวลูกจะวิ่งมาหาแม่พอลูกแมวโตขึ้นหน่อยกินข้าวได้ฉันก็จะคลุกข้าวกับ ปลาทูให้กินส่วนตัวแม่แมวจะหิวอย่างไรก็จะให้ลูกแมวกินก่อนทุกครั้งฉันเริ่ม สังเกตุเห็นพฤติกรรมของแมวฉันลองจับตาสังเกตุดูและพยายามลองใหม่หลายครั้ง และบอกให้ทุกคนดู แมวเวลาหิวข้าวมันจะร้องทั้งแม่ทั้งลูกพอฉันเอาข้าวไปให้แมวกิน แม่แมวก็จะให้ลูกกินก่อนทุกครั้งส่วนตัวเองจะหยุดร้อง และนั่งมองลูกกินข้าว ตัวเองไม่ได้เข้าไปแย่งลูกกินแต่จะรอจนลูกกินอิ่มแล้ว แม่แมวจึงจะเข้าไปกินทีหลังทุกครั้ง ฉันนึกถึงว่าแมวมันเป็นสัตว์เดรัจฉานมันยังรักลูกมมาก แม้แต่ความหิวยังสละให้ลูกกินให้อิ่มก่อน ต่อมาฉันก็เปรยๆ กับคนในบ้านว่าเดี๋ยวนี้แม่แมวตัวนี้มันอ้วนขึ้นเยอะเลยสงสัยจะกินอิ่ม น้องปองหันมาบอกกับฉันว่ามันอ้วนที่ไหนมันท้องอีกแล้ว ฉันพูดว่า อ้าวลูกยังไม่ทันโตเลยท้องอีกแล้วหรือ น้องปองบอกกับฉันว่าหนูเห็นแมวตัวผู้มาป้วนเปี้ยนเมื่อเดือนที่แล้วจ ะทำอย่างไรดีจะเลี้ยงไหวหรือทำไมมันเพาะพันธุ์เร็วจังเลย ฉันพูดไปแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรฉันก็ยังเฝ้ามองพฤติกรรมของแมวอยู่ตลอดเวลา ลูกแมวสามตัวนิสัยไม่เหมือนกันเลย ตัวที่หนึ่งขี้ขลาดขี้กลัวเห็นคนชอบหลบ ตัวที่สองชอบอ้อนแม่แม่อยู่ตรงไหนก็อยู่ด้วยชอบเล่นกับแม่ แม่แมวก็กระดิกหางให้ลูกเล่นเหมือนของเล่นเป็นประจำ ตัวที่สามตะกละหวงของกินเวลาให้ข้าวกิน พอแม่แมวเข้าไปใกล้ลูกแมวจะแยกเขี้ยวคำรามหวงของกิน ฉันคิดว่าสัตว์ทุกชนิดนิสัยคงจะเหมือนกัน คงจะมีแต่คนเท่านั้นที่นิสัยไม่เหมือนกัน ฉันพึงสังเกตุว่าสัตว์ก็มีนิสัยแตกต่างกันได้ หลังจากที่ฉันเฝ้าสังเกตดูระยะหลังๆ ไม่กี่วันมานี้แม่แมวท้องมันใหญ่ขึ้นมากพฤติกรรมเปลี่ยนไปเวลากินข้าวมันไม่ เหมือนเมื่อก่อนแม่แมวมันจะกินข้าวพร้อมกับลูกจะเป็นไปได้ไหมว่ามันมีลูก อยู่ในท้องทำให้แม่แมวหิวบ่อย มีอยู่วันหนึ่งฉันเอาข้าวให้แมวกินลูกแมวหายไปหนึ่งตัวฉันก็เลยเคาะหม้อ เรียกแมว สงสัยแม่แมวมันคงจะนึกได้ว่าลูกแมวหายไปหนึ่งตัว แม่แมวหยุดกินข้าวและเข้าไปใต้ถุนบ้านและร้องเหมียวๆ เบาๆ สักพักลูกมันก็ออกมากินข้าวด้วยกัน ที่ฉันเขียนเรื่องแมวให้ฟังนี้เพราะฉันไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นพฤติกรรมของแมว เลยพึ่งจะรู้พึ่งจะเห็นนี่แหละ ฉันเพิ่งจะนึกได้ว่าถ้าฉันถ่ายกล้องวิดิโอและถ่ายภาพความไร้เดียงสาของแมว สี่ชีวิตเก็บไว้ดูและให้คนอื่นได้ดูด้วยคงจะดี เรื่องราวของแมวสี่ชีวิตเยอะเหมือนกันแต่เสียดายโอกาสที่ผ่านไปแล้วลูกแมวโต ขึ้นมากมันไม่ค่อยน่ารักเหมือนตอนที่มันยังเล็กอยู่ ต่อมาฉันก็ปรึกษากับน้องปองว่าจะทำอย่างไรดีถ้าแมวมันออกลูกคอกนี้แล้วจะเอา ไปไว้ที่ไหนจะเลี้ยงไหวหรือถ้าพี่ไม่อยู่แล้วใครจะดูแลมันเป็นภาระ น้องปองบอกว่าหนูไม่อยากยุ่งเพราะเมื่อก่อนนี้ที่บ้านของหนูขายของมีแมวจร ตัวหนึ่งเดินผ่านมาหนูหลอกให้แมวเข้ามาในบ้านโดยซื้อปลากระป๋องให้กินทุกวัน หมดไปหลายกระป๋องจนแมวยอมเข้ามาอยู่ในบ้านน้องปองพอตกกลางคืนน้องปองก็ขัง แมวไว้ในบ้านเพื่อให้แมวจับหนู บ้านน้องปองอยู่ในตลาด หนูในตลาดตัวใหญ่มมาก วันหนึ่งน้องปองเห็นแมวเจอกับหนูเจอกัน ปรากฏว่าแมววิ่งหนีหนูเพราะแมวกลัวหนู น้องปองก็เลยพูดต่อว่าแมวว่า [/FONT][FONT=&quot]“ต่อ ไปนี้ฉันจะไม่ซื้อปลากระป๋องให้กินแล้วไม่ได้เรื่องเลยจะให้มาจับหนูก็ไม่ ทำ” พอตื่นเช้าเปิดร้านขายของคนเขามาซื้อข้าวสารจะไปขายข้าวสารให้ลูกค้าปรากฏ ว่าแมวขี้ใส่กระสอบข้าวสารเหม็นขี้แมวมากข้าวสารขายไม่ได้ (ข้าวสารหนึ่งกระสอบประมาณร้อยกิโลกรัม) น้องปองโมโหแมวมากเอาไม้ไล่ตีมันก็วิ่งหนี พอตกกลางคืนแมวมันก็มาขี้ใส่ถุงพลาสติกที่ใช้ใส่ของลูกค้าจนถุงพลาสติกขาย ไม่ได้เลย น้องปองโมโหแมวโกรธมาก ยิ่งตียิ่งด่ายิ่งว่ามันนก็เลยขี้เลอะเทอะไปหมด แม้กระทั่งโต๊ะกินข้าวแมวมันก็ยังฉี่และก็ขี้ใส่ น้องปองเลยไปจ้างช่างมาติดตาข่ายเหล็กกั้นช่องทางที่แมวมันจะหนีเพื่อจะตี แมวให้ได้ด้วยความโกรธเมื่อจ้างช่างมาทำตาข่ายเหล็กเรียบร้อยแล้วน้องปองก็ เอากระดาษหนังสือพิมพ์ปูพื้นแล้วก็เอาพริกไทป่นโรยบนหนังสือพิมพ์ใช้พริกไท ป่นไปหลายกระป๋อง แล้วก็ใช้ปลากระป๋องล่อแมวให้มากินพอแมวหลงกลเข้ามากินปลากระป๋องเดินเหยียบ ย่ำพริกไทป่นมันคงจะแสบจมูกแสบคอแสบขาแมวมันก็เลยหนีไปอยู่บนขื่อตาจ้อง เขม็งมาที่น้องปองพี่เชื่อไหมคะว่าตาของแมวที่จ้องมาที่หนูน่ากลัวมากหนูไม่ รู้จะทำอย่างไรเพราะแมวมันอยู่ที่สูงถ้าจับได้หนูตั้งใจว่าจะตีให้ตายเพราะ โกรธมากๆ แต่แมวมันไม่ยอมลงมาเลย หลังจากนั้นอีกสองวันหนูมีอาการเจ็บคอปวดแสบปวดร้อนในลำคอแสบจมูกอย่างไม่มี สาเหตุทำให้หนูนึกถึงว่าหนูไปทำแมวมันก่อนแมวมันคงจะมีอาการอย่างที่หนูเป็น แน่นอนหนูจึงเดินไปตะโกนว่าฉันขอโทษแล้วหนูก็เรียกช่างมาแกะตะแกรงเหล็กออก พอแกะตะแกรงเหล็กออกแล้วแมวมันก็หนีออกไปได้แล้วมันก็หายสาปสูญไปไม่เคยเจอ มันอีกเลย จนกระทั่งน้องปองเริ่มมาปฏิบัติธรรมมีเรื่องเกี่ยวกับแมวหลายเรื่องแต่ที่จำ ได้แม่นยำที่สุดก็คือมีอยู่วันหนึ่งตอนกลางคืนน้องปองนอนหลับฝันว่ามีแมวตัว หนึ่งเดินข้ามขาไปแล้วก็เดินกลับมาฉี่รดที่ต้นแขนน้องปองจนสะดุ้งตื่นเอามือ ลูบที่ต้นแขนแต่ปรากฏว่าต้นแขนแห้งไม่ได้เปียกฉี่แมว หนูจึงนั่งนึกลำดับเหตุการณ์ที่ฝันช่างเหมือนจริงมาก และยังมีอีกเรื่องหนึ่งน้องปองเล่าต่อเมื่อก่อนหนูอยู่ต่างจังหวัดที่บ้านมี แมวหลายตัวแม่หนูเขาให้หนูเอาแมวไปปล่อยที่วัด หนูจับแมวขึ้นรถพอไปถึงวัดหนูก็เอาแมวไปปล่อยแล้วหนูก็ขับรถกลับบ้านหนูได้ ยินเสียงหมาเห่ากรรโชกหลายตัวและคิดในใจว่าหมาคงกัดแมวตายแน่ๆ เลย เหตุการณ์ทั้งสองเรื่องที่หนูเล่ามานี้มันฝังใจหนูพอหนูมาปฏิบัติธรรมหนูจึง พยายามแผ่เมตตาไปให้แมวตลอดเดี๋ยวนี้มันเบาบางลงเยอะแล้ว หนูไม่อยากยุ่งเรื่องแมวแล้วค่ะ เรื่องวิถีชิวิตของแมวที่ฉันเขียนเล่าให้ฟังนั้นยังได้ความรู้เพิ่มเติมอีก เรื่องหนึ่งก็คือว่าแมวอาฆาตคนเป็นเหมือนกัน ฉันจึงเชื่อว่าเรื่องกรรมนายเวรมีจริง[/FONT]
    [FONT=&quot]อาจารย์เสาวนีย์ สวัสดิภักดิ์[/FONT]
     
  20. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    [FONT=&quot]เรื่อง ทำบุญแล้วได้บุญ หรือได้บาปกันแน่[/FONT]
    [FONT=&quot]วันนี้ฉันจะเล่าเรื่อง ทำบุญแล้วได้บุญ หรือได้บาปกันแน่ เมื่อตอนฉันเป็นเด็กอายุประมาณ [/FONT]11 [FONT=&quot]-[/FONT]12[FONT=&quot] ขวบ คุณป้าซื่งเป็นพี่สาวของแม่ฉัน เขาจะบวชหลานชาย ครอบครัวของฉันต้องไปช่วยงานที่บ้านคุณป้า ฉันต้องไปนอนค้างที่บ้านป้าจนกว่างานจะเสร็จ งานเสร็จเมื่อไหร่ถึงจะได้กลับบ้าน ฉันไปถึงบ้านป้าประมาณ [/FONT]6[FONT=&quot] โมงเย็น พอรถคันที่ฉันนั่งไปเลี้ยวเข้าบริเวณบ้านป้า ฉันเห็นคนมุงดูอยู่ประมาณ [/FONT]5-6 [FONT=&quot]คน ฉันนึกสงสัยว่าเขาทำอะไรกัน พอลงจากรถแล้ว ฉันก็เดินไปดูใกล้ๆ ฉันเห็นเขาผูกควายไว้ที่เสาหลักกลางลานข้างบ้าน ฉันเห็นผู้ชายคนหนึ่งถือค้อนปอนด์อันใหญ่ เงื้อขึ้นแล้วฟาดไปที่หัวควายเต็มแรง แล้วควายก็ล้มลงกับพื้น แล้วมีอีกคนหนึ่งถือมีดคมกริบปาดคอควาย เลือดไหลนองพื้น คนกลุ่มนั้นช่วยกันชำแหละควายอย่างคล่องแคลว ควายยังไม่ทันจะตายดีเลย ยังชักกระตุกอยู่ ฉันเห็นแล้วก็มีอาการคลื่นไส้อาเจียน เดินกลับเข้าไปหาคุณแม่ แล้วคุณแม่ก็ถามฉันว่า “ไปไหนมา” ฉันได้เล่าเรื่องให้คุณแม่ฟังว่า “ ทำไมเขาต้องฆ่าควายด้วย” คุณแม่ตอบฉันว่า “ อ้าว พรุ่งนี้เช้า เขาต้องทำบุญ แล้วตอนเย็นต้องเลี้ยงแขกที่มางานอีก แถวนี้ถ้าบ้านไหนมีงานแต่ง หรืองานบุญ ถ้าเป็นงานใหญ่เขาจะล้มวัวล้มควายกัน” ตอนนั้นฉันยังเด็กมา ฟังผู้ใหญ่อธิบายก็เข้าใจตามประสาเด็ก [/FONT]
    [FONT=&quot]พอรุ่งเช้า เขาก็เอาเนื้อสัตว์มาปรุ่งอาหาร ทำบุญตอนเช้า พระฉันอาหารเสร็จก็กลับวัด พอตกเย็นก็ทำอาหารเลี้ยงแขก เสร็จจากการรับประทานอาหารเย็น ก็จะทำขวัญนาค บังเอิญระหว่างนั้นมีญาติคนหนึ่งไปเจอเห็ด เขาเรียกว่าเห็ดโคน เห็ดชนิดนี้อร่อยมาก เขาเก็บเห็ดมาเต็มกระจาด เสร็จแล้วเขานำมาปรุงเป็นอาหารเก็บไว้กินกันรอบดึก แต่เห็ดที่เขาเก็บมานั้นเป็นเห็ดพิษ เพราะรูปร่างของเห็ดมีลักษณะที่คล้ายกัน หากไม่สังเกตุดูให้ดีก็จะไม่รู้ว่าอันไหนเป็นเห็ดโคน หรือเห็ดพิษ[/FONT]
    [FONT=&quot] หลังจากทำขวัญนาคเสร็จแล้ว แขกที่มาร่วมงานทยอยกลับบ้านจนหมด บรรดาญาติ ลูกหลาน และพ่อนาค เขาก็มาทานอาหารรอบดึกกัน มีอาหารหลายอย่าง หนึ่งในอาหารมื้อนั้นมีแกงเลียงเห็ดรวมอยู่ด้วย หลังจากรับประทานอาหารไปได้สักครู่ ทุกคนเริ่มมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ต้องส่งโรงพยาบาลด่วน ประมาณ [/FONT]10[FONT=&quot] คนได้ หนึ่งในนั้นก็มีพ่อนาครวมอยู่ด้วย ทุกคนมีอาการหนัก พ่อนาคเองพรุ่งนี้ก็ต้องบวชพระ จะทำอย่างไรดี วุ่นวายวิตกกังวลกันทั้งบ้าน พอรุ่งขึ้น ตอนเที่ยง ญาติเข้าไปเยี่ยมคนไข้ อาการทุกคนค่อยยังชั่ว แต่หมอยังไม่ให้กลับบ้าน คุณป้าฉัน และญาติคนอื่นตัดสินใจเข้าพบคุณหมอและอธิบายให้หมอฟังและชี้ไปที่พ่อนาคว่า “วันนี้ คนนี้จะต้องบวชตอนบ่ายสองโมง เพราะเมื่อคืนได้ทำขวัญนาคแล้ว ขอหมอช่วยให้หลานชายออกจากโรงพยาบาลไปบวชให้เสร็จก่อน แล้วค่อยกลับมานอนโรงพยาบาลใหม่” หมออนุญาตให้กลับบ้านไปบวชได้ วันนั้นกว่าจะบวชเสร็จทุลักทุเล พอบวชเสร็จแล้วก็ไม่ได้กลับมาที่โรงพยาบาลอีก นอนพักรักษาตัว กินยาอยู่ที่วัดจนหายเป็นปกติ ฉันนึกทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า [/FONT]50[FONT=&quot] ปีแล้ว นับแต่วันที่ฉันเห็นเขาฆ่าควาย ฉันไม่เคยกินเนื้อวัวเนื้อควายอีกเลย เวลาเข้าไปในตลาดสด ผ่านร้านขายเนื้อวัวเนื้อควายจะมีกลิ่นเหม็นคาวมากจนต้องรีบเดินหนี เมื่อก่อนเป็นเด็กไม่ค่อยเข้าใจเรื่องบุญบาป แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว การที่คุณป้าของฉันจะทำบุญบวชหลานชาย แต่มาฆ่าสัตว์ตัดชีวิต จะบวชพระกันอยู่แล้ว แต่ต้องไปกินเห็ดมีพิษเกือบจะตายกันทั้งบ้าน [/FONT]10[FONT=&quot] กว่าคนอาการร่อแร่ ถ้าไปโรงพยาบาลไม่ทัน เกือบจะตายยกครัว อย่างนี้เขาเรียกว่ากรรมทันตาเห็นใช่หรือไม่ ??็ ทำบุญอย่างนี้จะได้บุญหรือได้บาปกันแน่[/FONT]
    [FONT=&quot] อ.เสาวนีย์ สวัสดิภักดิ์[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
     

แชร์หน้านี้

Loading...