จุลสุขาวดีสูตร

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย BANK07, 18 พฤศจิกายน 2007.

  1. BANK07

    BANK07 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +104
    [​IMG]
    [music]http://down.goodweb.cn/web/d05/WK08.mp3[/music]​

    *******​
    วัดเทพพุทธาราม (เซียนฮุดยี่) ขอเชิญผู้สนใจ ร่วมปฏิบัติธรรมสมาธิแบบสุขาวดีพุทธเกษตร ทุกวันเสาร์ เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป

    *****​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2009
  2. BANK07

    BANK07 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +104
    จุลสุขาวดีสูตร (ออมิทอเกง)
    แปลสู่ภาคไทย หลวงจีนเสี่ยเกี๊ยก
    วัดเทพพุทธาราม (เซียนฮุดยี่) จ.ชลบุรี


    ๑)ข้าพเจ้าได้สดับมาดังนี้ สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเสด็จสำราญพระอิริยาบทอยู่ในเชตวนารามของท่านอนาถปิณฑทะใกล้กรุงสาวัตถี พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ คือภิกษุ ๑,๒๕๐ รูป ผู้แตกฉานในอภิญญา เป็นพระเถระมหาสาวกล้วนแต่พระอรหันต์เจ้าเช่นพระศาริบุตรเถระ, พระมหาเมาท คัลยายนะ, พระมหากาศยปะ, พระมหากัปผิณะ,พระมหากาตยายนะ, พระมหาเกาษฐิละ, พระเรวตะ, พระศุทธิปัถกะ, พระนันทะ, พระอานันทะ, พระราหุละ, พระความปติ, พระภรัทวาชะ, พระกาโลทยิน, พระวักกุละและพระอนิรุทธะ กับพระสาวกอื่นอีกมากหลาย ตลอดจนพระโพธิสัตว์มหาสัตว์เป็นอันมากเช่นพระมัญชุศรีโพธิสัตว์, พระกุมารภูตโพธิสัตว์, พระอชิตโพธิสัตว์, พระคันธหัสดีโพธิสัตว์, พระนิตโตทยุกตโพธิสัตว์และพระอนิกษิปตธุรโพธิสัตว์ กับพระโพธิสัตว์มหาสัตว์อื่นอีกมากมาย และท้าวศักระจอมเทพ, ท้าวสหัมบดีพรหม, กับเทพบุตรอื่นๆ เป็นอันมากนับจำนวนแสนนยุตะ


    (๒) ณ สถานที่นั้น พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะพระศาริบุตรผู้มีอายุว่า ดูก่อนศาริบุตร ในทิศาภาคเบื้องตะวันตก นับแต่พุทธเกษตรแห่งนี้ไปแสนโกฏิพุทธเกษตร มีโลกธาตุ(หนึ่ง) นามว่า สุขาวดี อันเป็นที่ประทับอยู่แห่งพระอมิตายุตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ยังทรงพระชนม์และแสดงธรรมอยู่ในกาลบัดนี้, ศาริบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน? เหตุดังฤๅโลกธาตุแห่งนั้นจึงได้นามว่าสุขาวดี ศาริบุตรเอย สัตว์ทั้งหลายในโลกธาตุนั้น ไม่มีทุกข์กายทุกข์ใจเลย มีแต่ความสุขอันหาประมาณมิได้อย่างเดียว เหตุดังนั้น โลกธาตุนั้นจึงได้นามว่าสุขาวดี



    (๓) ดูก่อนศาริบุตร อนึ่ง สุขาวดีโลกธาตุประดับประดาแวดล้อมไปด้วยกำแพง ๗ชั้น ต้นตาล ๗ แถว และข่ายกระดึงทั้งหลายงดงามน่าดู ด้วยรัตน ๔ ประการ คือทอง เงินไพฑูรย์ ผลึก ศาริบุตรเอย พุทธเกษตรนั้นประดับด้วยองคคุณประจำพุทธเกษตรเห็นปานนี้



    (๔) ดูก่อนศาริบุตร อนึ่ง สุขาวดีโลกธาตุมีสระโบกขรณีทั้งหลาย อันแล้วด้วยรัตน๗ ประการ คือทอง เงิน ไพฑูรย์ ผลึก ทับทิม มรกตและบุศราคัม เปี่ยมด้วยอัษฎางคิกวารี(น้ำประกอบด้วยองค์แปด) มีท่าน้ำอันเรียบราบ พอที่กา(จะก้มลง)ดื่มได้ รายระยับไปด้วยทรายทอง และมีบันได ๔ บันไดโดยรอบทิศทั้ง ๔ ทิศ งดงามน่าดูด้วยรัตนะ ๔ประการ คือทอง เงิน ไพฑูรย์และผลึก มีรัตนพฤกษ์อันงดงามน่าดูด้วยรัตน ๗ ประการคือทอง เงิน ไพฑูรย์ ผลึก ทับทิม มรกตและบุศราคัม ขึ้นอยู่รายรอยสระโบกขรณีเหล่านั้น มีดอกประทุมอันมีธรรมชาติ สี แสง ความน่าดู เขียว เหลือง แดง ขาวและสลับสี ใหญ่ประมาณเท่ากงเกวียน ศาริบุตรเอย พุทธเกษตรนั้นประดับด้วยองคคุณประจำพุทธเกษตรเห็นปานนี้



    (๕) ดูก่อนศาริบุตร อนึ่ง ในพุทธเกษตรนั้นมีทิพยดนครีอันบรรเลงอยู่เป็นนิตย์และมหาปฐพีก็มีสีเพียงดังทองน่ารื่นรมย์ มีฝนดอกมณฑารพอันเป็นทิพย์ตกคืนละ ๓ ครั้งวันละ ๓ ครั้ง สัตว์ที่เกิดในพุทธเกษตรนั้น ย่อมไปสู่โลกธาตุอื่น ถวายบังคมพระพุทธเจ้าแสนโกฏิพระองค์ชั่วเวลาก่อนอาหารคราหนึ่ง ใช้ฝนดอกไม้แสนโกฏิเกลี่ยลงบูชาพระตถาคตเจ้าแต่ละพระองค์ แล้วกลับมาสู่โลกธาตุนั้นแลอีก เพื่อพักผ่อนในกลางวัน ศาริบุตรเอย พุทธเกษตรนั้นประดับด้วยองคคุณประจำพุทธเกษตรเห็นปานนี้


    (๖) ดูก่อนศาริบุตร อนึ่งในพุทธเกษตรนั้น มีหงส์ นกกะเรียน นกยูง ประชุมกันขับประสานเสียงของตนคือนละ ๓ ครั้ง วันละ ๓ ครั้ง เสียงของปวงนกที่ประสานกันนั้น ย่อมเปล่งประกาศอินทรีย์๓ (ธรรมอันเป็นใหญ่) พละ(ธรรมเป็นกำลัง) และโพชฌงค์(ธรรมเป็นองค์แห่งการตรัสรู้) มนุษย์ทั้งหลายในพุทะเกษตรนั้น ฟังเสียงนั้นแล้ว ย่อมเกิดมนสิการในพระพุทธ, พระธรรมและพระสงฆ์ ศาริบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นว่า สัตว์เหล่านั้นเป็นผู้เกิดในกำเนิดดิรัจฉานกระนั้นหรือ เธอมิพึงเห็นอย่างนั้นเลย ข้อนั้นเพราะเหตุดังฤๅ ศาริบุตร แม้แต่ชื่อแห่งนรก กำเนิดดิรัจฉานและยมโลก ก็ไม่มีในพุทธเกษตรนั้น หมู่นกเหล่านั้น พระอมิตายุตถาคตเจ้าทรงนิรมิตขึ้น ให้เปล่งเสียงประกาศพระธรรมต่างหาก ศาริบุตรเอย พุทธเกษตรนั้นประดับด้วยองคคุณประจำพุทธเกษตรเห็นปานนี้

    (๗) ดูก่อนศาริบุตร อนึ่งแถวต้นตาลและข่ายกระดึงทั้งหลายในพุทธเกษตรนั้น เมื่อลมโชยมากระทบ ย่อมเปล่งเสียงไพเราะจับใจดุจเสียงทิพยดนตรีมีเครื่องประกอบแสนโกฏิ อันอารยชนบรรเลงแล้ว มนุษย์พุทธเกษตรนั้น สดับเสียงนั้นแล้วย่อมมีพุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติตั้งอยู่ในกาย ศาริบุตรเอย พุทธเกษตรนั้นประดับด้วยองคคุณประจำพุทธเกษตรเห็นปานนี้

    (๘) ดูก่อนศาริบุตร เธอสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เหตุดังฤๅ พระตถาคตเจ้านั้นจึงได้พระนามว่า อมิตายุ ศาริบุตรเอย พระตถาคตเจ้าและมนุษย์เหล่านั้น มีประมาณแห่งอายุขัยอันกำหนดนับมิได้ เหตุดังนั้น พระองค์จำได้พระนามว่า อมิตายุ อนึ่งพระตถาตเจ้านั้นตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณมาแล้วได้ ๑๐ กัลป์
    (๙) ดูก่อนศาริบุตร เธอสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เหตุดังฤๅ พระตถาคตเจ้านั้นจึงได้พระนามว่า อมิตาภะ รัศมีแห่งพระตถาคตเจ้านั้น(สว่างไป) [FONT=EucrosiaUPC,EucrosiaUPC]ไม่ติดขัดในพุทธเกษตรทั้งปวง เหตุดังนั้น พระองค์จึงได้พระนามว่า อมิตาภะ อนึ่งพระอรหันตสาวกสงฆ์ผู้บริสุทธิ์ของพระตถาคตเจ้านั้น หาประมาณมิได้ ไม่เป็นการง่ายที่จะกล่าวประมาณ ศาริบุตรเอย พุทธเกษตรนั้นประดับด้วยองคคุณประจำพุทธเกษตรเห็นปานนี้

    (๑๐) ดูก่อนศาริบุตร สัตว์ที่เกิดขึ้นในพุทธเกษตรของพระอมิตายุตถาคตเจ้า เป็นพระโพธิสัตว์ผู้บริสุทธิ์ ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก เกี่ยวเนื่องอยู่เพียงชาติเดียว การนับประมาณพระโพธิสัตว์เหล่านั้น มิใช่ทำได้โดยง่าย นอกจากจะนับว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2007
  3. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,507
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,650
    อนุโมทนาครับถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและในอนาคตไม่มีสิ้นสุดไม่มีประมาณพร้อมเหล่าพระสาวกของพระพุทธเจ้าทุกท่านทุกองค์ไม่มีสิ้นสุดไม่มีประมาณ สาธุ มหาสาธุ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...