ช้างต้นมงคลชัย ช้างของพระนเรศวร...

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 18 พฤศจิกายน 2009.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,906
    มีอยู่คืนหนึ่งหลวงพ่อจรัญท่านได้มีนิมิตไปว่า มีช้างของสมเด็จพระนเรศวรเข้ามาในวัด

    หลวงพ่อจรัญท่านถามว่า ช้างเข้ามาได้ยังไง ช้างก็บอกว่าจะมาอยู่กับหลวงพ่อ

    อยู่ต่อมาอีก7วัน มีผู้จัดการหนุ่ม เป็นผู้จัดการฝ่ายจัดเลี้ยงของโรงแรมดุสิต มาหาหลวงพ่อจรัญเพื่อนำช้างดอกไม้(ช้างต้นมงคลชัย)ที่ได้ผ่านการจัดงานเลี้ยงต้อนรับชาวต่างชาติในงานประชุมธนาคารโลก ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในวันที่17ถึง18 ต.ค. 2534 มาแล้ว

    แต่เมื่อผ่านงานจบสิ้นไปแล้วเขาไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหน มีเจ้าของโรงงานแห่งหนึ่งอยากได้ แต่เขาผู้จัดการ ไม่ให้ เขาเคยอ่านเกี่ยวกับประวัติของหลวงพ่อจรัญ ว่าท่านเคยไปเรียนคาถาช้างตกมัน จากหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ เขาเลยคิดว่าเขาน่าจะเอาช้างนี้มามอบให้หลวงพ่อจรัญดีที่สุด เขาจึงขับรถมาหาหลวงพ่อทันที ท้้งๆที่พึ่งเคยมาวัดนี้เป็นครั้งแรก

    เมื่อมาถึงวัดก็เข้ามากราบเรียนเล่าเรื่องราวต่างๆให้หลวงพ่อท่านฟัง แล้วบอกว่าจะนำช้าง มาถวายหลวงพ่อจะรับหรือไม่ หลวงพ่อท่านตื้นตันใจอย่างยิ่ง นั่งนิ่งไม่พูด

    ผู้จัดการจึงกล่าวขึ้นอีกว่า ช้างที่จะนำมาถวายนี้ เป็นช้างที่ทำจากโฟม

    มีคนอยากได้เยอะ แต่เขาไม่ให้ หลวงพ่อตอบตกลงยินดีรับไว้ เพราะท่านฝันอยู่ก่อนหน้านี้แล้วว่ามีช้างของพระนเรศวรจะมาขออยู่ด้วย

    หลวงพ่อจรัญท่านตีความจากนิมิตไว้สองประเด็นคือ ถ้าตีความเป็นช้างคู่บ้านคู่เมืองช้างเผือก คือช้างพระนเรศวร ถ้าตีความทางพุทธศาสนา คือช้างปัจจัยนาคินทร์ เป็นช้างคู่บ้านคู่เมือง ของพระเวชสันดอน

    พอหลวงพ่อบอกให้เขานำมาได้เลย เขาก็นัดว่าจะเอามาให้ในวันอาทิตย์ หลวงพ่อจรัญท่านก็ตกลงตามนั้น แต่พอท่านนั่งสวดมนต์ภาวนา เทพเจ้าของช้าง (พระพิฆเณศ) บอกว่า จะได้เอามาไว้ที่วัดในวันพฤหัส

    หลวงพ่อจรัญท่านจึงบอกลูกศิษย์ให้จัดเตรียมบายศรีรับ ช้างต้นมงคลชัยจะเข้าวัดในวันพฤหัส ลูกศิษย์ก็พากันคัดค้านว่า ผู้จัดการเขาบอกว่าจะเอามาในวันอาทิตย์

    แต่หลวงพ่อท่านก็ยืนยัน ว่าให้เชื่อท่านว่าเขาจะเอามาในวันพฤหัส

    พอถึงวันหลวงพ่อให้เอารูปช้างต้นมงคลชัยที่ถ่ายจากในงานเลี้ยง ที่ผ่านมา นำมาตั้งพร้อมบายศรี และจุดธูปเทียนบูชา

    พอถึงเวลา สี่โมงเย็น ทีมจากโรงแรมก็มาพร้อมผู้จัดการ รวม19คน ผู้จัดการมาถึงก็ตกใจ ว่าหลวงพ่อรู้ได้อย่างไร ว่าเขาจะมาในวันพฤหัส ทั้งๆที่นัดกันไว้ ว่าจะมาในวันอาทิตย์ เพราะเขามาแบบไม่ได้แจ้งท่านไว้ล่วงหน้า

    สาเหตุที่เขาต้องเปลี่ยนวันก็เพราะรถ ที่จะใช้ในการขนย้าย มาไม่ได้ในวันอาทิตย์ จะมาได้ก็วันพฤหัส ไม่เช่นนั้นต้องเลื่อนวันออกไปอีก เลยเปลี่ยนเป็นมาวันพฤหัสแทน

    เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่แปลกที่ ลูกศิษ์และกลุ่มที่มาถวายช้างต่างก็พากันงงและแปลกใจกันไปตามๆกัน

    ย้อนกลับไปที่เรื่องราวของการสร้างช้างดอกไม้ หรือช้างต้นมงคลชัย กันอีกครั้งนะคะ

    ช้างดอกไม้นี่้สร้างขึ้นมาจากแนวความคิด จากความฝันของท่านอาจารย์ธีรวัลย์ วรรธโนทัย ซึ่งท่านเคยทำงานอยู่ที่กรมศิลปากร และประจำอยู่ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตอุเทนถวาย

    เนื่องจากตัวผู้จัดการ การจัดงานเลี้ยงมาปรึกษากับท่านอาจารย์เพื่อให้ช่วยกันคิดว่าจะหาอะไรมาตกแต่งในห้องจัดงานเลี้ยง ในงานเวิร์ลแบงค์ มีนายแบงค์จากชาติต่างๆเข้าร่วมประชุม115ชาติ จำนวนประมาณ 5.000คน

    โดยคณะผู้จัดงานต้องการอะไรที่ดูแล้วเป็นเอกลักษณ์ แบบไทยๆ ท่านอาจารย์ธีรวัลย์ วรรธโนทัย จึงจุดธูปบอกพระพิฆเณศวร ให้เกิดไอเดีย และทำงานสำเร็จ

    ในคืนนั้นเองท่านก็ฝันเห็นช้างตัวใหญ่ อยู่กลางห้องประชุม ที่จะใช้จัดงานเลี้ยง แล้วท่านก็สะดุ้งตื่น แล้วท่านก็รีบร่างภาพตามที่ท่านได้ฝันเห็นไว้ทันที

    เมื่อได้นำแนวความคิดนี้นำไปเสนอ เจ้านาย คือคุณชูพงศ์ บุญนาค ท่านก็ บอกว่าดี เพราะโรงแรมดุสิต ทำอะไรมักจะเกี่ยวข้องกับช้างอยู่เสมอ และงบประมาณในการจัดสร้างช้างในครั้งนนี้สูงมาก โดยมีบริษัทโค๊ก และบริษัทบุญรอด ร่วมอยู่ในการจัดสร้างในครั้งนี้ด้วย

    ในการจัดสร้างช้างนี้ เพราะเราต้องการช้างที่เป็นตัวแทนของคนไทยจึงเลือกต้นแบบจากช้างของพระนเรศวร

    คือ ลักษณะช้าง ที่เอี้ยวตัว ชูงวง ยกขาเล็กน้อย คล้ายๆเป็นช้างกำลังใจดี กำลังเล่น ทักทายผู้คนซึ่งเห็นว่าเป็นท่าทีที่เหมาะสมกับงาน ที่เราต้องใช้ในการต้อนรับแขกพอดี จึงตกลงเลือกแบบนี้

    เมื่อสร้างเสร็จ แล้วนำไปตั้งแสดงที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ได้มีการนำช้างนี้ไปตั้งบนแท่นไม้ ซึ่งได้ทำมอเตอร์ เพื่อให้ช้างหมุนโชว์ตัวไปรอบๆ งานและอาจารย์ธีรวัลย์ ก็ได้นำดอกกล้วยไม้มาติดไว้ที่ตัวช้างเต็มไปหมด มองดูแล้วสวยงามมาก

    และได้มีการทดลองการใช้งานกันอย่างดี เรียบร้อย แต่พอถึงเวลาที่เปิดงานจริงๆ มอเตอร์ ที่ใช้หมุนช้างโชว์นั้นกลับขาด ใช้งานไม่ได้

    ตัวของผู้จัดการมองในแง่ว่า เกิดจากความบกพร่องเพราะช้างคงมีน้ำหนักมากเกินไปทำให้มอเตอร์ขาด

    แต่ท่านผู้รู้บอกว่า เทพเบื้องบน ทำให้เป็นไป เพราะเนื่องจากเป็นของสูงฉะนั้นฝรั่งต้องเป็นฝ่ายเดินดูรอบๆ ไม่ใช่ให้ช้างมาหมุนโชว์

    ผู้จัดการก็ยังเฉยๆเพราะในฐานะผู้คุมงาน เขาจะไม่เชื่อเรื่องเทพ เขาควรจะแก้ไข ในความบกพร่องของงานมากกว่า

    เมื่องานจบลง และจะต้องขนย้ายช้างนี้กลับไปที่โรงแรมดุสิตธานีต้องใช้พนักงานยกถึง50คน เมื่อจะยกลงมาจากแท่น กลับยกลงมากันไม่ได้ เพราะรู้สึกว่าช้างหนักมาก

    ทีแรกตัวผู้จัดการไม่เชื่อ แต่พอมานึกถึงว่าเมื่อตอนสร้างช้างนี้ มีการบวงสรวง เพราะอาจารย์ธีรวัลย์กลัวว่า ช้างจะเสร็จไม่ทันงาน ทั้งผู้จัดการ และอาจารย์ธีรวัลย์จึงไปไหว้บวงสรวงพระพิฆเณศด้วย เพื่อความสบายใจ ของอาจารย์ธีรวัลย์

    เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ผู้จัดการจึงหยิบธูปไปแอบจุดธูปไหว้ บอกกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะเขาอาย ไม่กล้าให้ลูกน้องเห็น แล้วคิดว่าตัวผู้จัดการเป็นอะไรเชื่อเรื่องแบบนี้

    แต่ในที่สุด ตัวผู้จัดการ ก็ต้องยอมรับกับตนเองว่า เมื่อเขาได้จุดธูป9ดอก ปักลงกลางแจ้ง แล้วกล่าวขอเชิญท่านกลับดุสิต แล้วพอเขาเชิญเสร็จ การยกขนย้าย ก็ทำได้สบายเลย

    เมื่อนำกลับมาที่โรงแรมดุสิต ผู้จัดการก็นำช้างนี้ไปฝากไว้ที่ศาลดุสิต ชั่วคราว เพราะยังไม่รู้จะทำยังไงกับช้างนี้ต่อไป

    และจนในที่สุดก็นำมามอบให้กับหลวงพ่อจรัญที่วัดอัมพวัน นั่นเอง

    ต่อมาได้มีผู้ที่อาสา จะสร้างช้างนี้ให้กับบทางวัด โดยที่จะขอหล่อเป็นสองเชือก โดยให้ผู้ที่จะหล่อเก็บไว้เองหนึ่งเชือก และให้ไว้กับที่วัด

    ท่านผู้จัดการ จึงมาถามหลวงพ่อว่า ท่านต้องการที่จะหล่อหรือไม่ เพราะถ้าจะหล่อก็เท่ากับต้องเอาช้างตัวนี้ทำต้นแบบ เท่ากับล้มเขา อีกหนึ่งเชือก

    แต่หลวงพ่อท่านไม่ต้องการท่านไม่สนใจว่าช้างตัวนี้จะทำจากอะไร

    ท่านสนใจ ในสิ่งที่อยู่ในนั้นมากกว่า

    หลวงพ่อจรัญท่านพูดตั้งแต่แรกแล้วว่า ใครจะมาขอหล่ออย่าให้หล่อนะ ท่านไม่อนุญาติ เพราะท่านคิดว่าของดี ต้องมีชิ้นเดียว

    จึงมีการปรึกษากันว่าจะตกแต่งช้างตัวเดิมนี้ ให้สวยขึ้น โดยการเอาปูนมาพอก และตกแต่งเครื่องทรงให้สวย ซึ่งจะมาทำกันในภายหลัง

    ตัวท่านผู้จัดการกล่าวไว้ว่า เขานึกดีใจ ที่เขาตัดสินใจถูก ในการนำช้างนี้มาถวายให้แด่หลวงพ่อจรัญท่านและอยากจะให้ทุกๆคนคิดว่าช้างนี้เป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ทำให้ระลึกถึง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพราะช้างนี้เป็นช้างที่คู่บารมีกับพระองค์ท่าน ที่ช่วยกอบกู้บ้านเมือง

    ผู้ที่รักชาติ และกอบกู้เอกราช ไม่ใช่แค่คนนะ ช้างก็มีความกตัญญูมากเช่นเดียวกัน

    ในการนำช้างมาถวายที่วัดนี้ ท่านผู้จัดการ ได้ขออนุญาติ จากคุณหญิง ชนัตถ์ ปิยะอุยกรรมการผู้จัดการโรงแรมดุสิตธานี...


    http://atcloud.com/
     

แชร์หน้านี้

Loading...