ตำนานพระพุทธเจ้า 5 พระองค์

ในห้อง 'รวมบทสวดมนต์และคาถา' ตั้งกระทู้โดย คชสาร, 5 ตุลาคม 2009.

  1. คชสาร

    คชสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +164
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=view_topic>ในสมัยต้นปฐมกัป มีพญากาเผือก 2 ตัวผัวเมียทำรังอยู่ที่ต้นมะเดื่อริมฝั่งแม่น้ำคงคา
    อันเป็นธรรมชาติสถานที่รื่นรมย์ ในเวลาต่อมาพระโพธิสัตว์ได้ทรงปฏิสนธิเกิดในครรภ์
    ์แม่พญากาเผือกพร้อมกันถึง 5 พระองค์ เมื่อครบทศมาสแม่กาเผือกก็เกิดออกไข่ ณ ที่รัง
    ต้นมะเดื่อจำนวน 5 ฟอง (สถานที่นี่ในกาลต่อมาเรียกชื่อว่า วัดพระเกิด ) แม่กาเผือก
    คอยเฝ้าฟักดูแลรักษาไข่ด้วยความทะนุถนอมเป็นอย่างดี ครั้นอยู่มาวันหนึ่งพญากาเผือก
    ได้ออกไปหากิน ถิ่นแดนไกล ได้ไปถึงสถานที่ หนึ่งอันอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพรรณธรรมชาติ
    พืชพรรณธัญญาหาร แม่กาเผือกได้เพลิดหากินอาหาร ชื่นชม ธรรมชาติอันรื่นรมย์จนมืดค่ำ
    พอดีฝนตกฟ้าคะนองพายุใหญ่พัดกระหน่ำทำให้มืดครึ้มทั่วไปหมด ทำให้พญากาเผือก
    หาหนทางออกไม่ถูกจึงหลงในบริเวณสถานที่นั้นๆ ( สถานที่นั้นต่อมา จึงได้ชื่อว่า เวียงกาหลง )
    แม่กาเผือกได้พักอยู่ที่เวียงกาหลงคืนหนึ่ง รุ่งอรุณเบิกฟ้า แม่กาเผือกจึงรีบถลาบินกลับสถาน
    ที่พัก ณ ที่รังต้นมะเดื่อริมฝั่งแม่น้ำ แต่ปรากฏว่ากิ่งไม้มะเดื่อ ที่ทำรังอยู่ได้ถูกลมพายุใหญ่
    พัดหักล้มลงไปในแม่น้ำ
    แม่กาเผือกตกใจรีบบินถลาหาลูกไข่ทั้ง ๕ ในแม่น้ำ แต่ อนิจจาหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ
    แม่กาเผือกพยามหาไข่ลูกของตนไปในทุกสถานที่ ตามลำน้ำจนเหนื่อยอ่อนเมื่อยล้า ด้วยความ
    โศกเศร้าเสียใจในความรักลูกอย่างสุดซึ้ง จึงไม่สามารถระงับความอาลัยทุกข์ได้ในที่สุดก็สิ้นใจ
    ไปอย่างน่าสงสาร ด้วยอานิสงส์ที่มีความเมตตารักลูกอันบริสุทธิ์ กับทั้งทิ่ลูกของแม่กาเผือก
    เป็นโพธิ์สัตว์ถึง ๕ พระองค์ จึงเป็นบุญกุศลหนุนส่งให้แม่กาเผือกตายไปเกิดอยู่แดนพรหมโลก
    ชั้นสุธาวาสมีวิมานทองคำสดใสบริสุทธิ์ งดงามตระการตา ได้พระนามชื่อว่า “ ฆติกามหาพรหม”
    จักได้เป็นผู้ถวายอัฏฐะบริขารบวชแก่ลูกทั้ง ๕ พระองค์ เมื่อได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ส่วนไข่ทั้ง ๕ ได้ถูกลมพัดตกน้ำไหลไปในสถานที่ต่างๆ
    ไข่ฟองที่ ๑ มีไก่เก็บไปดูแลรักษา
    ไข่ฟองที่ ๒ แม่นาคราชเก็บไปดูแลรักษา
    ไข่ฟองที่ ๓ แม่เต่าเก็บไปดูแลรักษา
    ไข่ฟองที่ ๔ แม่โคเก็บไปดูแลรักษา
    ไข่ฟองที่ ๕ แม่ราชสีห์เก็บไปดูแลรักษา
    ครั้งในกาลเวลาต่อมา พระโพธิสัตว์ ทั้ง ๕ ก็ประสูติออกจากไข่ทั้ง ๕ ปรากฏเป็นมนุษย์
    ์รูปร่างสวยสดงดงาม ทั้ง ๕ พระองค์ ในเวลาเดียวกันตามลำดับของแม่เลี้ยงทั้ง ๕ ที่นำไข่ไปเก็บ
    ดูแลรักษา พระโพธิสัตว์ทั้ง ๕ ได้เจริญเติบโตอยู่กับแม่เลี้ยงดัวยความกตัญญู จึงรู้ทำหน้าที่
    ี่ทุกอย่างทดแทนบุญคุณแม่เลี้ยงเป็นอย่างดีจนถึงอายุได้ ๑๒ ปี ด้วยบุญกุศลเก่าหนุนส่ง ก็มีจิตคิด
    ที่จะออกบวชเนกขัมบารมี เป็นฤาษีอยู่ในป่าจึงได้อำลาแม่เลี้ยงของตนเหมือนกันทั่ง ๕ พระองค์
    ฝ่ายแม่เลี้ยงถึงจะมีความรักความอาลัยในลูกสักเพียงใด แต่ก็ไม่ขัดความประสงค์์เจตนาที่เป็น
    บุญกุศลอันยิ่งใหญ่ของลูกจึงได้ อนุญาตให้ลูกไปบวชเป็นฤาษีบำเพ็ญบารมีอยู่ในป่าด้วยความ
    อนุโมทนา ด้วยปณิธานอันแน่วแน่ของพระโพธิ สัตว์ทั้ง ๕ พระองค์ ที่มุ่งมั่นจะบำเพ็ญบานมี
    พระโพธิญาณ เพื่อเป็นพระพุทธเจ้าโปรดสัตว์โลก ให้พ้นจากกองทุกข์ภัยในวัฏฏะสงสาร
    แม่เลี้ยง ทั้ง ๕ เห็นปณิธาน อย่างนั้นจึงฝากนามของแม่เลี้ยง ไว้กับลูกเพื่อเป็นอนุสรณ์
    ตำนานไว้แก่โลกต่อไปในภาคหน้าเมื่อลูกได้ตรัสรู้เป็นพุทธเจ้าโปรดโลกแล้วตามลำดับ
    พระนามดังนี้
    1. องค์ที่ ๑ มีพระนามว่า พระกกุสันโธ เพราะตามนามแม่เลี้ยงที่เป็นไก่
    2. องค์ที่ ๒ มีพระนามว่า พระโกนาคมโน เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นนาค
    3. องค์ที่ ๓ มีพระนามว่า พระกัสสโป เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นเต่า
    4. องค์ที่ ๔ มีพระนามว่า พระโคตโม เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นโค
    5. องค์ที่ ๕ มีพระนามว่า พระศรีอริยเมตไตรโย เพราะตามนามแม่เลี้ยงที่ เป็นราชสีห์
    ในกัปป์นี้ได้ชื่อว่าภัทรกัปเป็นกัปที่เจริญที่สุดเพราะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกนี้ถึง๕ พระองค์
    มีพระนามตามที่กล่าวมาแล้วนั้นทั้ง ๕ พระองค์ จึงเป็นที่มาของคำว่า “ นโมพุทธายะ”

    ในกัปป์นี้ได้ชื่อว่าภัทรกัปเป็นกัปที่เจริญที่สุดเพราะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกนี้ถึง๕ พระองค์
    มีพระนามตามที่กล่าวมาแล้วนั้นทั้ง ๕ พระองค์ จึงเป็นที่มาของคำว่า “ นโมพุทธายะ” นะ คือ พระกกุสันโธ
    โม คือ พระโกนาคมโน
    พุทธ คือ พระกัสสะโป
    ธา คือ พระโคตโม
    ยะ คือ พระศรีอริยเมตไตยโย

    จนเป็นคาถาสืบต่อกันมาเป็นพุทธบูชาแก่พระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์

    ฝ่ายพระโพธิสัตว์ทั้ง ๕ พระองค์ เมื่อออกบวชเป็นฤาษีได้บำเพ็ญเพียรพระกัมมัฏฐาน
    จนสำเร็จญาณ อภิญญาสมบัติ จึงสามารถเหาะไปหาอาหาร ผลไม้ด้วยฤทธิ์ทุกพระองค
    ์ อยู่มาวันหนึ่งได้เหาะไปหาอาหารผลไม้ และ บำเพ็ญเพียรธรรมที่ป่าดอยสิงกุตตระ
    ณ ใต้ต้นนิโครธอันร่มเย็นด้วยกิ่งไม้สาขาใหญ่ด้วยเหตุปัจจัยในกุศลบารมีธรรม ฤาทั้ง ๕
    ได้มาพบกัน ณ ที่ นี้ โดยไม่ได้นัดหมาย รู้จักกันมาก่อน จึงสอบถามความเป็นมาของกันและกัน
    จึงได้รู้แต่ว่า แต่ละองค์มีแต่แม่เลี้ยง แม่ที่แท้จริวอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ฤาษีทั้ง ๕ จึงได้ร่วมกันตั้ง
    สัจจะอธิฐาน ขอให้ได้พบแม่บังเกิดเกล้าที่แท้จริง ด้วยอำนาจสัจจะอธิฐาน ธรรมอันบริสุทธิ์ของ
    ฤาษีทั้ง ๕ จึงดังก้องไปถึงพรหมโลกเป็นเหตุให้ท้าวฆติกามหาพรหมซึ่งเป็นแม่กาเผือกตาย
    และได้มาเกิดเป็นพรหม ทราบเหตุการณ์ทั้งหมด จึงจำแลงเพศเป็นแม่กาเผือกขนสวยงาม
    ยิ่งนัก มาปรากฏอยู่ข้างหน้าฤาษีทั้ง ๕ ฝ่าย ฤาษีทั้ง ๕ ก็รู้ด้วยญาณ ทัศนะทันทีว่า นี่แหละ
    เป็นแม่บังเกิดเกล้าที่แท้จริง จึงสอบถามแม่กาเผือกถึงความเป็นมาตั้งแต่ต้นว่า เรื่องเป็นมาอย่างไร
    แม่กาเผือกจึงเล่าความเป็นมาแต่หนหลังครั้งทำรังอยู่ต้นมะเดื่อฝั่งแม่น้ำคงคา อยู่มาวันหนึ่ง
    ได้ออกมาหาอาหารกินถิ่นแดนไกลถึงสถานที่ที่หนึ่ง ซึ่งอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธ์ธัญญาหาร
    เป็นธรรมชาติอันสวยงามสงบร่มเย็น บังเกิดพายุใหญ่ ได้พัดกิ่งไม้ฝนตกฟ้าคะนอง
    จนมือค่ำจึงหลงทางอยู่หาทางออกไม่ถูก จนกระทั่งอรุณรุ่งวันใหม่ฝนฟ้าพายุสงบลง
    จึงรีบบินกลับมาที่พักมาหาลูกที่รังด้วยความเป็นห่วง แต่ปรากฎว่าคืนที่ผ่านมาฝนตกหนัก
    พายุใหญ่ได้พัดกิ่งไม้มะเดื่อหักทำให้รังไข่ทั้ง ๕ ลูกแม่กาเผือกตกลงไปในน้ำและได้ถูกน้ำพัด
    ไหลไปในที่ต่างๆ หาเท่าไหร่ก็ไม่พบจนหมดความสามารถ ในที่สุดด้วยความรักความอาลัย
    อันบริสุทธิ์ที่มีต่อลูกก็สิ้นใจตาย ได้เกิดเป็นพระพรหมแดนพรหมโลกชั้นสุธาวาส
    มีวิมารทองคำเป็นที่อยู่ ด้วยอานิสงส์ความรักอันเมตตาอันบริสุทธิ์กับทั้งลูกเป็นพระโพธิญาณ
    มีบุญญาธิมาก จึงได้เกิดมาเป็นพรหมและได้จำแลงเพศเป็นแม่กาเผือกให้ลูกฤาษีทั้ง ๕
    ได้ทราบถึงความเป็นมาทั้งหมด

    เมื่อลูกฤาษีได้ทราบเหตุ เช่นนั้นแล้้วก็รู้สึกสลดสังเวชใจเป็นอย่างยิ่งและสำนึก
    ในบุญสร้างคุณอันใหญ่หลวง ของแม่กาเผือก จึงน้อมกราบนมัสการ ฆติกามหาพรหม
    ผู้เป็นแม่ที่ให้กำเนิดชีวิตลูกได้สร้างบุญบารมีพระโพธิญาณ จึงกราบขอสัญลักษณ์อนุสรณ์
    ของแม่กาเผือกผู้บังเกิดเกล้าอาไว้บูชา พระแม่กาเผือกจึงประทานผ้าฝ้ายเป็นด้ายฟั่น เป็นตีนกา
    สัญญาลักษณ์อนุสรณ์ของแม่กาเผือก ประทานให้ลูกฤาษีทั้ง 5 ไว้ใช้เป็นไส้ประทีปจุดบูชาทุก
    วันพระ และต่อมาเป็นประเพณีจุดประทีปตีนกาบูชาแม่กาเผือก ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12
    ลอยกระทง เป็นตำนานสืบไว้ในโลกาตลอดกาลนาน เมื่อแม่กาเผือกฆติกามหาพรหมประทาน
    สัญลักษณ์ ไว้ให้ลูกฤาษีโพธิสัตว์ทั้ง 5 แล้วก็อาลูกกลับเทวสถาน วิมานของตนบนพรหมโลก
    ตามเดิม

    ฤาษีโพธิสัตว์ทั้ง 5 ต่างก็พากันตั้งหน้าบำเพ็ญเพียรรักษาศีลธรรมภาวนามิได้ขาด
    ทุกวันพระก็จุดประทีบตีนกาบูชา พระแม่กาเผือกฆติกามหาพรหมผู้เป็นแม่อยู่เสมอ เป็นเวลา
    นานหลายปีชีวีฤาษีทั้ง 5 ก็ดับขันธ์ได้ไปเกิดบนเทวโลกชั้นดุสิตพิภพอันเป็นที่อยู่ขององค์เทพ
    พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ได้เสวยทิพยสมบัติอยู่ในที่นั้น และในกาลต่อมาก็วนเวียนบำเพ็ญบารมี
    ีทุกภพชาติที่กำเนิดเกิดในสังสารวัฏฏ์นี้ จนบารมีเต็มเปี่ยมสมบูรณ์ทั้ง 30 ทัศแล้ว ก็จะได้ตรัสรู้
    เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อพระองค์ไหนจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ฆติกามหาพรหมผู้เป็นแม
    ่ ต้นกัปโลกาก็จะนำเอาบริขารคือ บาตรไตรจีวร มาถวายลูกโพธิสัตว์ทั้ง 5 พระองค์ในชาติสุดท้าย
    ที่จะได้เป็น พระพุทธเจ้าโปรดโลกทุกพระองค์ กาลเวลาอันยาวนานผ่านไปจนถึงปัจจุบันนี้
    พระโพธิสัตว์ลูกแม่กาเผือกต้นปฐมกัปป์ก็ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า โปรดโลกไปแล้วถึง 5 พระองค์
    ์ ตามลำดับดังนี้คือ

    1. พระกกุสันโธสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอายุ 4 หมื่นปี มีเขมวตีนคร ของพระเจ้าเขมะเป็นราชธานี
    2. พระโกนาคมโนสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอายุ 3 หมื่นปี มีโสภวตีนครของพระเจ้าโสภะเป็นราชธานี
    3. พระกัสสโปสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอายุ 2 หมื่นปี มีพาราณสีนครของพระเจ้ากิงกิเป็นราชธานี
    4. พระโคตโมสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอายุ 80 ปี มีกบิลพัสดุ์นครของพระเจ้า สุทโธทนะเป็น ราชธานี

    ส่วนพระโพธิสัตว์องค์ที่ 5 อันเป็นลูกองค์สุดท้ายของแม่กาเผือกคือ พระศรีอริยเมตไตรย
    ์ จักเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 ในภัททกัปนี้จะมีอายุถึง 8 หมื่นปี ในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์นั้น
    สภาพสังคมมนุษย์โลกจะอุดมสมบูรณ์พูนสุขมาก เพราะผู้คนมีศีลธรรมอยู่ด้วยกันได้เมตตาธรรม
    มีศีล 5 บริสุทธิ์ ทุกคน จึงมีทรัพย์สมบัติมาก มีอายุ ยืนยาว ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ มีรูปร่างสวยสดงดงาม
    หน้าตาผ่องใสเบิกบานด้วยกันหมด เพราะผู้คนในยุคนั้นได้สร้างบุญบารมี ให้ทาน รักษาศีล ภาวนา
    กันมาสมบูรณ์ดีหมดและเพราะพระบารมีของพระพุทธเจ้าศรีอริยเมตไตรยที่สั่งสมบารมี ีเพื่อ ความ
    สันติสุขของโลกซึ่งมีพระเจ้าสังขจักรพรรดิทรงปกครองบ้านเมืองโดยชอบธรรมในเมืองเกตุมวดีนคร
    แผ่ธรรมจักรพรรดิให้คนรักษาศีล 5 ทั้งโลก เมื่อพระศรีอริยเมตไตรยได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว
    ผู้คนจึงได้ฟังพระธรรมจักรได้ดื่มรส อมตธรรมแห่งพระศรีอริยเมตไตรย์ ได้บรรลุเข้าถึงสวรรค
    ์นิพพานโดยแท้ ผู้คนในยุคนั้นจึงโชคดีที่สุดที่เกิดมาเพื่อสันติสุข เข้าถึง ศีลธรรมอันดีงามทั้งหมด

    ขอให้ทุกคนจงพากเพียร ให้ทาน รักษาศีล ภาวนา จะได้ไปเกิดในพระศาสนาพระศรีอาริย์
    หากเข้าสู่นิพพานยุคนี้ยังไม่ได้ ท่านก็ยังมีโอกาสได้พบพระพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่งอย่างแน่นอน
    คือพระศรีอริยเมตไตรย์ลูกแม่กาเผือกองค์สุดท้าย การเกิดมาพบพระพุทธศาสนาเป็นของหายาก
    การเกิดมาพบพระพุทธเจ้าก็แสนยาก บางครั้งโลกนี้ว่าง จากพระพุทธเจ้าเป็นล้านปีสัตว์โลกไม่ม
    ีโอกาสเห็น หนทางพระนิพพานเลย ขอให้พวกเราอย่าได้ประมาท จงหมั่นขยันสร้างบุญบารมี
    ด้วยการให้ทาน รักษาศีล ภาวนา ทำนุบำรุง รักษาพระพุทธศาสนา ก็จะเข้าถึงศีลธรรม สันติสุข
    ได้ทุกคนและได้ร่วมสายบุญบารมีพระพุทธเจ้า 5 พระองค์

    พระอาจารย์ธรรมสาธิต เวียงกาหลง
    (นายพชร พรรธนประเทศ)ขอเป็นธรรมทาน

    </TD></TR><TR><TD><TABLE class=table_header cellSpacing=1 cellPadding=0 width=800 align=center border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=site_name>นายพชร พรรธนประเทศ(พชรช้าง)</TD><TD class=top_header>นายพชร พรรธนประเทศ(พชรช้าง) .:: [Powered by Siam2Web.com] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=header></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=table_content cellSpacing=1 cellPadding=0 width=800 align=center border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--<td class="page_header">Forum_root</td>--><TD class=menu_top>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. มณีธารา

    มณีธารา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2012
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +1
    ขออนุโมทนาบุญ สา...ธุ นะคะ เวลาทำบุญ ตักบาตร ก็อธิษฐาน ขอให้ได้มีโอกาสในชาติหน้า ได้ไปเกิดในยุคของท่าน สา...ธุ ค่ะ ขอขอบคุณที่นำบุญกุศลอันยิ่งใหญ่มาบอกกล่าวค่ะ
     
  3. tongtt

    tongtt สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    อนุโมทนาสาธุ ครับ ทำให้มีความรู้เรื่องความเป็นมาของพระโพธิสัตว์ปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ เพิ่มขึ้น

    แต่ผมก็ยังสงสัยว่าในแต่ละกาลของพระโพธิสัตว์ แต่ละพระองค์มีความเป็นอยู่ยังไง อายุไขของคนในแต่ละยุคนั้น ทำไมถึงแตกต่างกันมากมายนัก โดยเฉพาะยุคของพระโคตมพุทธเจ้าหรือในยุคของเรานี้ ถ้าตัดเรื่องของคนที่รักษาศีลกันน้อยลงมีอะไรเป็นเหตุปัจจัยอีกหรือไม่ แล้วระยะเวลากับ การเกิดขึ้นของเผ่าพันธ์มนุษย์นับตั้งแต่ที่เราวิวัตฒนาการจากลิงเป็นมนุษย์เรียบร้อยแล้ว มันมีความเชื่อมโยงกันยังไง กับการเกิดขึ้นของพระโพธิสัตว์ 3 พระองค์ก่อนหน้านี้และมนุษย์ในยุคนั้นมีอายุเป็นหมื่นๆ ปีจริงๆหรือ?

    เป็นขอสงสัยที่ผมใคร่รู้มากครับ ในฐานะชาวพุทธคนนึ่งที่รักในศาสนาพุทธ ถ้าท่านผู้ใดมีแนวทางในการค้นคว้าเพื่อไขข้อสงสัยของผม หรือข้อชี้แนะอันใดที่ผมจะหาข้อมูลได้ จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ

    ขอบคุณครับ
     
  4. jakarat

    jakarat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +148
    อนุโมทนาสาธุ ขอให้ลูกได้เกิดในยุคพระศรีอารด้วยเถิด และขอให้ได้พบท่านด้วยเถิด
     
  5. Aeknut2012

    Aeknut2012 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    387
    ค่าพลัง:
    +1,093
    [​IMG]


    พระคาถาพระพุทธเจ้า 5 พระองค์เปิดโลก

    ( นะโม 3 จบ )

    พระพุทธังอาราธนา พระพุทธเจ้าเปิดโลก
    พระธัมมังอาราธนา พระพุทธเจ้าเปิดโลก
    พระสังฆังอาราธนา พระพุทธเจ้าเปิดโลก

    นะเปิดบุญ โมเปิดบารมี พุทเปิดวาสนา ธาเปิดจิต ยะเปิดธรรม
    เปิดโลกเปิดจิตครอบจักรวาล ด้วยนะโมพุทธายะ

    ยะเปิดการณ์ดี ธาเปิดงานดี พุทเปิดโชคดี โมเปิดลาภดี นะเปิดอำนาจดี
    เปิดสิ่งดีๆทั้งหลายมาสู่ตัวข้าพเจ้า ด้วยยะธาพุทโมนะ

    นะมะพะธะ พุทธัง ธัมมัง สังฆัง ขออำนาจบารมีของพระรัตนตรัย โปรดเชื่อมโยงบุญบารมี ทานบารมี ศีลบารมี เมตตาบารมี ปัญญาบารมี วาสนาบารมี ฌาณบารมี ญาณบารมี ทั้งหลายทุกภพทุกชาติของข้าพเจ้า จงมารวมกัน ณ ปัจจุบันชาติ และขอเบิกบุญบารมีทั้งหลายมาสู่ตัวข้าพเจ้า ณ ปัจจุบันชาตินี้ เปิดโลกเปิดจิตเปิดธรรม เปิดด้วยนะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ

    พุทธังบังเกิด เปิดโลกโลกะวิทู วิโสธายิ
    ธัมมังบังเกิด เปิดโลกโลกะวิทู วิโสธายิ
    สังฆังบังเกิด เปิดโลกโลกะวิทู วิโสธายิ

    ( 3 จบ หมั่นสวดเป็นประจำทุกวัน )


    *** คาถานี้เกิดจากแนวความคิดหนึ่ง หลังจากผมมีโอกาสไปพบอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านให้แง่คิดว่า คนเราเกิดมานับภพชาติไม่ถ้วน บ้างคนสร้างสมบุญกุศลมามากมาย แต่ปัจจุบันไม่รู้วิธีนำบุญมาใช้ อาจารย์ก็ให้แนวคิดมา ผมเองก็นำมาคิดต่อ...เลยลองหาข้อมูลหาคำอธิฐานหรือคาถาดีๆในเว็บต่างๆ เพื่อเป็นแนวทาง แล้วลองนำมาแต่งเป็นคาถาบทใหม่ ตอนแรกก็กะว่าจะนำมาไว้สวดภาวนาคนเดียว ได้ทดลองสวดอยู่หลายวัน ก็มีแนวคิดว่าถ้าสวดคนเดียวประโยชน์เกิดน้อย ถ้าเป็นคาถาที่ดี ให้คนอื่นได้มีโอกาสสวดภาวนาด้วย น่าจะเกิดประโยชน์มากกว่า เลยลองคัดลอกไปให้อาจารย์พิจารณาดู อาจารย์กล่าวว่าเป็นคาถาที่ดีครับ เหมาะที่จะนำไปเผยแผ่ต่อได้ครับ ผมก็เลยมานำเสนอให้ทุกท่านได้ทดลองสวดภาวนากันครับ

    เรียเรียงใหม่โดยคุณณัฏฐ์ วสุวงศ์สรณ์ เผยแผ่ครั้งแรกวันที่ 26/06/2552 ( ชื่อใหม่คือ เอกณัฏฐ์ )
    บุญกุศลใดที่เกิดจากการแต่งคาถาและเผยแผ่ ขออุทิศบุญกุศลที่เกิดขึ้นให้แก่ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ที่ได้อบรมสั่งสอนดวงจิตของข้าพเจ้ามาตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงชาติปัจจุบัน


    คาถาบทเดิม
    "นะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ" พลังพระเปิดโลก เป็นพระคาถาเก่าแก่มาแต่โบราณกาล เป็นพระคาถาศักดิ์สิทธิ์มากของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ในภัทรกัปนี้ ได้แก่

    นะ-คือ พระพุทธเจ้ากุกกะสันโธ องค์แรกในภัทรกัปนี้
    โม-คือ พระพุทธเจ้าโกนาคม องค์ต่อมา
    พุท-คือ พระพุทธเจ้ากัสสปะ องค์ถัดมา
    ธา-คือ พระพุทธเจ้าพระสมณโคดม องค์ปัจจุบัน
    ยะ-คือ พระพุทธเจ้าพระศรีอริยเมตไตรยในอนาคตกาลข้างหน้า


    ใครเหมาะที่จะสวดบทนี้บ้าง
    1.ผู้ที่หวังความเจริญในชีวิต การงาน การค้า ความสุขสมบูรณ์
    2.ผู้ที่เริ่มปฏิบัติธรรม...จะช่วยไปดึงบารมีเก่ามาส่งเสริมการปฏิบัติทางจิต
    3.ผู้ที่กำลังหลงทางในชีวิต...บุญและแสงสว่างแห่งธรรมจะมาปรากฎในจิต

    สรุปว่า ...สวดได้ทุกเพศทุกวัยครับ แต่ต้องสวดทุกวันนะครับ

    อาจารย์ที่ผมให้ท่านช่วยพิจารณาบทคาถา ท่านก็ฝึกจิตมาตั้งแต่อายุ 13 ฝึกสมาธิมาตั้งสามสิบกว่าปี ตอนนี้ท่านฝึกวิปัสสนาต่อยอดอยู่ จิตท่านละเอียด ถ้าบทคาถาไม่ดีจริง ท่านย่อมรู้ได้โดยจิต ท่านคงไม่เห็นด้วยกับการนำมาเผยแผ่

    ก็หวังว่าทุกท่านจะทดลองสวดกันดูครับ ลองสวดดูสักอาทิตย์ก่อนก็ได้ครับ แล้วจะรู้สึกได้เองครับ ถ้าจิตรู้สึกดีก็ขอให้สวดต่อไปนะครับ และถ้ามีโอกาสก็ลองให้คนรอบข้างสวดด้วยนะครับ

    ทุกท่านจะได้พบสิ่งดีๆ...และธรรมจะปรากฎในจิตของทุกท่าน
    ด้วยความปรารถนาดี
    เอกณัฏฐ์
     

แชร์หน้านี้

Loading...