ตำนานเทพเจ้าเห้งเจีย

หลายๆ คนอาจจะยังไม่ทราบความเป็นมาของเห้งเจีย จนมีคนนำเอาเห้งเจียไปทำมาหากินด้วยการทรงเทพเจ้าเห้งเจีย ผมจะเล่าความเป็นมาให้ฟัง

เห้งเจียกำเนิดจาก พงศวดารจีน 1 ในสี่ที่ถือว่ายอดเยี่ยมที่สุดนั่นคือ ไซอิ๋ว เรื่องไซอิ๋วนี้เทียบเท่ากับสามก๊กเลยก็ว่าได้
ซึ่งผู้แต่งนั้น ต้องการแต่งนิยายโดยอาศัยตัวละครที่มีอยู่จริงคือ พระถังซัมจั๋งผู้เดียวเท่านั้น

ตามความคิดผม ผู้แต่งนั้นอาจจะเป็น พระถังซัมจั๋งเองหรือ ผู้เกี่ยวข้องกับพระถังซัมจั๋งเอง เนื่องจากว่า เนื้อหานั้นสุดล้ำลึก อันเกี่ยวข้องกับ พุทธศาสนา ของเราอย่างสวยงาม


กำเนิด หงอคง

ในเนื้อเรื่อง หงอคงนั้นเกิดจาก ฟ้าดิน กลายเป็นวานรซึ่งมีกำลังมหาศาล แต่ วานรหรือ หงอคงนั้น วันหนึ่งได้เกิดคิดว่า ทำไมจึงมีเกิดแก่เจ็บตาย จึงได้เสาะแสวงหา อาจารย์ ผู้มีธรรมอันไม่เกิดไม่ตาย ซึ่งหงอคงได้ไปพบแล้วฝึกวิชา จนมีฤทธิ์ ทุกประการ

หงอคงนี้ แท้จริงคือ ปัญญาของทุกผู้คน ซึ่งตัวหงอคงนั้น มีขนอยู่ 84000 เส้น สามารถแปลงกลายได้ทุกชนิด และสามารถกลับเข้าสู่สภาวะเดิมได้ เปรียบได้กับ ปัญญานั้นสามารถแตกออกได้เป็น 84000 พระธรรมขันธ์

หงอคงเองนั้นมีฤทธิ์มากมาย เมื่อครั้งถูก เทพท่านหนึ่งไล่จับ หงอคงคิดว่าตัวเองเสียเปรียบ หงอคงจึงแปรเปลี่ยนร่างกาย ไปหลากหลายชนิด จนเทพท่านนั้นไม่สามารถไล่จับได้ ข้อนี้ หมายถึง ปัญญาของเรานั้น ให้ระวังมันให้ดี เวลาที่มันจะเข้าข้างกับกิเลสแล้ว มันเปลี่ยนแปลง มันมีเหตุผล ร้อยแปดชนิด เรียกว่า จับมันไม่ทันเลยทีเดียว

จนที่สุด หงอคง ได้พบกับพระยูไล จนเกิดการท้ากันว่า โดยพระยูไลกล่าวว่า หากหงอคง กระโดดข้าม มือของพระยูไลได้ ก็จะให้ตำแหน่ง เง็กเซียน หงอคงกล่าวว่า ตัวเองตีลังกาทีเดียวก็ไกลเป็นหมืนโยชน์ แค่ มือของพระยูไลเท่านี้ เหตุไฉนจะก้าวข้ามผ่านไม่ได้ ว่าแล้วก็ย่อตัวไปอยู่ในมือพระยูไล จากนั้นหงอคงตีลังกา ร้อยแปดตลบ ก็ไปพบกับ กำแพงต้นเสา 5 ต้น หงอคงปรารภว่า นี้คงถึงสุดขอบจักรวาลแล้วเป็นแน่ จึงได้เสกพู่กันและเขียนเอาไว้ที่กำแพงนั้นว่า ซีเทียนมาถึงแล้ว และพร้อมกับปัสสาวะรดลงที่ กำแพง แล้วตีลังกากลับมาอยุ่ในมือพระยูไล แล้วขยายตัวใหญ่ขึ้น จึงได้เล่าเรื่องให้พระยูไลฟัง ว่าไปสุดขอบจักรวาลมาแล้ว
ขอตำแหน่ง เง็กเซียน ให้ตนด้วย

พระยูไล กล่าวว่า หงอคง เจ้าไปไม่พ้นฝ่ามือเราเลย ว่าแล้วก็แบมือให้ดู พบว่า มีตัวอักษรที่หงอคงเขียนไว้ที่มือพร้อมกับปัสสาวะ ที่มือ พระยูไล


ในเรื่องราวตอนนี้ เป็นการท้าทายระหว่าง ปัญญาซึ่งคิดได้ร้อยแปด แม้เพียงแว็บเดียว เราก็คิดไปไหนต่อไหน จิตเราไปไหนต่อไหนได้ทั้งสิ้น

แต่ พระยูไล กล่าวว่า แม้ไปแค่ไหน ก็ย่อมไม่พ้นมือของเรา นั้นหมายความว่า ไม่ว่า จิตเราจะไปในทิศทางไหน ย่อมไม่พ้น ขันธ์ 5 นี้ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ ข้อนี้ เมื่อตัวปัญญาไม่ยอมรับ ขันธ์ทั้ง 5 นี้ ไม่ยอมรับสัจจธรรมนี้ จะเกิดอะไรขึ้น


หลังจากที่หงอคง พบความจริง ตนเองไม่ยอมรับ ความจริงนี้ อ้างว่า พระยูไลส่งคนตามไปแล้วรีบแจ้งข่าวมาบอก เพื่อให้เขียนตามหงอคง ในมือพระยูไล เมื่อพระยูไลได้ยินดังนั้น จึงได้ เอาฝ่ามือครอบลงไปที่หงอคงพร้อมกับ สลัดตัวหงอคงไป ติดกับ ภูเขาทั้ง5 ซึ่งมีชื่อว่า ทอง ไม้ น้ำ ดิน ไฟ หงอคงถูกยึดตรึงอยู่กับ ภูเขาทั้ง 5 ลูก

ข้อนี้อุปมาว่า ผู้ใด ไม่เชื่อในขันธ์ทั้ง 5 ตีโจทย์ไม่แตก ย่อมถูก ธาตุทั้ง 5 พันธนาการเอาไว้ เป็นเหตุให้ไม่มีทางหลุดพ้น

เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป


ทั้งหมดนี้ บุคลาธิฐาน คือ หงอคง อันเป็นตัวปัญญา ไม่มีเทพเจ้าหงอคง ไม่มีเทพเจ้าเห้งเจียที่มีตัวตนจริง

 

อนุโมทนาด้วยครับ

เนื้อเรื่องน่าสนใจทีเดียว รอติดตามอยู่นะครับ

 

ผมติดอยู่นะ ช่องสามตอนเย็น จันทร์ถึงศุกร์ สนุกดีคับ

 

สิ่งที่เขากล่าวออกมา ไม่ใช่ความคิดที่เขา รู้ได้เองหรอกครับ แต่มันอยู่ในนี้

​

ท่านเขมานันทะ ได้อธิบายถึงปริศนาธรรมทั้งหมดว่า คืออะไร ถ้าผมจะอ่านมาแล้วมาตั้งกระทู้แบบคุณขันธ์ ผมคงไม่ทำหรอกครับ ละอายใจตัวเอง ไปอ่านหนังสือมาเขียน แล้วทำตนว่ามีภูมิธรรมรู้ปริศนาธรรม

ผู้รู้เขาเห็นเข้า คุณขันธ์ไม่ละอายเขาหรือครับว่าคุณไปลอกหนังสือมาใส่สำนวนตัวเองแล้วมาพิมพ์ให้คนอื่นอ่าน น่าหัวร่อจริงๆ

<TABLE class=tborder id=post925354 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> 18-01-2008, 03:19 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#142 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>ขันธ์<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_925354", true); </SCRIPT>
สมาชิก

เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 10:44 AM
วันที่สมัคร: Oct 2006
สถานที่: หาไม่เจอว่าอยู่ตรงไหน
ข้อความ: 754 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 787 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 1,926 ครั้ง ใน 556 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 283




</TD><TD class=alt1 id=td_post_925354 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->คราวหลัง คิดอะไรเองบ้างนะ คุณโน เบื่อพวกชอบเลียนแบบ


</TD></TR></TBODY></TABLE>

หวังว่าคงเตือนตัวเองด้วยนะครับอย่าไปเตือนใครโดยที่ตัวเองทำไม่ได้ มันจะเข้าตัวแบบนี้ ไปลอกในหนังสือเขามา แล้วมาทำตนเป็นผู้รู้มีภูมิธรรม หลอกลวงคนที่เขามาอ่านธรรมะแล้วเข้าใจผิดว่าคุณมีภูมิธรรม อ่านปริศนาธรรมในนั้นออก อวดดีที่ไม่มีในตน ถือว่าเป็นการหลอกลวงคน บาปนะครับ ไม่ใช่บุญ


--------------------------------------------------


ในหนังสือนั้นได้บอกไว้หมดครับว่า ปริศนาธรรมนั้นมีอะไรบ้าง ปีศาสจแต่ละตนที่ออกมา คือ ปริศานาธรรมที่ผู้แต่งได้ซ่อนไว้อย่างแยบยลมาก ด้วยภูมิธรรมที่ตนมีอย่างแท้จริง

ผมขอนำข้อมูลในหนังสือมากล่าวไว้ส่วนหนึ่งนะครับว่า แทนอะไรกันบ้าง


เห้งเจีย(หงอคง) = ปัญญาบารมี (โพธิจิต หรือ ปัญญาเห็นสุญญตา)

การแปลงกายได้ 72 อย่าง ของหงอคง = ปัญญากำหนดรู้สภาวธรรม72

ถ้ำจุ้ยเลี่ยมต๋อง(ม่านน้ำ) = โพธิจะหลบซ่อนอยู่ในที่ๆความคิดไม่ถึง ยิ่งคิดจะให้ถึงที่มาของความคิด จะยิ่งไม่เห็นความคิด จึงอุปมาว่าที่ซ่อนอยู่ของโพธิ คือ ม่านน้ำ

ขน84,000เส้นของเห้งเจีย = ปัญญากำหนดรู้ปริยัติธรรม84,000พระธรรมขันธ์ ซึ่งรวมถึงขนทุกเส้นลงในปัญญาสุญญตา(คือหงอคง)

ตะบองยู่อี่ = เจตจำนงเสรีจะพ้นทุกข์ เห้งเจียถือตะบองยู่อี่ หมายถึง โพธิจิต หรือ โพธิปัญญา นั้นมีเจตจำนงเสรี คือ ความประสงค์จะพ้นจากอุปสรรคทุกชนิด ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ตะบองยู่อี่จึงเล็กเสียบไว้ในรูหูก็ได้ และ อาจจะขยายใหญ่ได้ดังประสงค์

ตือโป๊ยก่าย = ศีลบารมี (ศีล๘)

ซัวเจ๋ง = สมาธิ (สัมมาสมาธิ)

ม้าขาว = วิริยบารมี

พระถังซัมจั๋ง = ขันติบารมี สัจจะบารมี อธิษฐานบารมี

ผ้ากาสาวพัสตร์วิเศษ = วินัย

ไม้เท้าวิเศษ = พหูสูตร

พระเจ้าถังไท่จงฮ่องเต้ = ศรัทธา

อุ้งพระหัตถุของพระยูไลที่มี 5 นิ้ว = พระญาณในขันธ์ 5 ของพระพุทธองค์นั้นเกินกว่าที่ปัญญาชนิดไหนๆจะคาดคิดถึง และมันได้รวมเอาฟ้าดินไว้ในนั้นเสร็จ

ภูเขา5ยอดที่ครอบเห้งเจียไว้ = อุปาทานขันธ์5 ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ (ความยึดมั่นถือมั่น โดยความเป็นตัวเป็นตน - ของตน) ทำให้โพธิจิต(หงอคง)สิ้นอิสระ

ประเทศไซที = ชมพูทวีป(อินเดีย) หมายถึงนิพพาน


คร่าวๆแค่นี้ก่อนนะครับ ในหนังสือยังมีปริศนาธรรมอีกมากที่ได้อธิบายไว้ นับว่าผู้แต่งเรื่องนี้มีปัญญาได้ภูมิธรรมอย่างยิ่งเลยครับ อนุโมทนาครับกับผู้แต่ง และผู้อ่าน และ ชม ทุกท่านด้วยครับ

 

อุ้งพระหัตถุของพระยูไลที่มี 5 นิ้ว = พระญาณในขันธ์ 5 ของพระพุทธองค์นั้นเกินกว่าที่ปัญญาชนิดไหนๆจะคาดคิดถึง และมันได้รวมเอาฟ้าดินไว้ในนั้นเสร็จ


ส่วนภูเขาที่มียอด5ลูกคือ ขันธ์5ครับ คุณตีปริศนาธรรมในการอ่าน (จำสิ่งที่อ่านมาพิมพ์) ผิดแล้วละครับ



ภูเขา5ยอดที่ครอบเห้งเจียไว้ = อุปาทานขันธ์5 ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ (ความยึดมั่นถือมั่น โดยความเป็นตัวเป็นตน - ของตน) ทำให้โพธิจิต(หงอคง)สิ้นอิสระ


อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ขันธ์
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป



</TD></TR></TBODY></TABLE>
ครับผมจะติดตามว่าคุณจะไปนำหนังสือเรื่องไหนมาใส่สำนวนการเขียนของคุณอีกและขอให้จำมาเขียนถูกๆนะครับ อย่าผิดๆแบบนี้อีก


และสิ่งที่ขอเตือน คือ

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ขันธ์
คราวหลัง คิดอะไรเองบ้างนะ XXXXXXXXXX

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ถ้าว่าคุณขันท์ลอกมา ให้คุณจะชี้ที่ผิดได้นั้น ถึงแม้จะคลาดเคลื่อน
ก็ไม่ได้ทำให้พระไตรปิฏกเสียหายแน่ๆ เท่าที่กล่าวมาได้ด้วยความจำ
อันแล้วแต่ภูมิธรรมที่คุณขันท์มี หรือ จะหมั่นสดับ ก็ถือว่าใกล้เคียงมาก
ไม่ตกหล่นในส่วนที่เป็นหัวใจ แต่อาจสลับที่ ผิดจริง แต่บริสุทธิส่วนหนึ่ง

แต่คนที่ลอกมาทั้งดุ้น กางหนังสือได้ แสดงได้ตรง แบบนี้เรียกว่าลอกจริงครับ
ซึ่งเมื่อย้อนไปที่คุณขันท์ชี้คุณโน ก็ถูกต้องเจตนารมร์ คือ ให้ไปศึกษามา
แล้วกล่าวออกมาจากใจ ที่จำได้ ที่เข้าใจ ไม่ใช่ลอกมาทั้งดุ้นมาโช แบบที่คุณทำ

ส่วนผมนั้น วันนี้ไปฟังเทศนา ที่สัปปายะแห่งหนึ่งย่านแจ้งวัฒนะ
และผมได้มีโอกาสถามพระท่านผู้มีเจโต ผมก็ถามคำถามสั้นๆ
ว่า อาการติดสมถะ วสี การรวมจิต ต่างกันอย่างไร ก็เพื่อที่ตัวเอง
จะไม่สับสน ไปติดผิดตัว ท่านก็ให้แสดงอาการเหล่านั้น

ผมก็ใช้เวลาแค่ลัดนิ้วมือเข้าวสี แล้วก็เหวี่ยงให้เกิดเหตุใกล้ของ
อาการที่สงสัยว่าเป็นอาการจิตไหลรวม แต่ไม่สำเร็จ เพราะท่าน
ให้เวลานิดเดียว เลยน้อมไปไม่ได้ แต่ท่านก็เทศนามาให้ชื่นใจ
ท่านกล่าวเทียบวิธีการทำสมาธิของผมเข้ากันกับพระอานนท์ แล้ว
ก็บรรยายเสริมสั้นๆ เป็นการทำ สมาธิ สลับ ปัญญา แต่ผมยังติด
ใจตรงอาการไหลรวม ท่านก็บอก มันจะเกิดเอง ผมก็เลยบรรยาย
อาการที่เคยพบ ท่านก็บอกทำนองว่าเป็น สมถะ ก็คลายกังวลไป
เพราะก็เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น

ที่ท่านบรรยายน้อย ผมก็ติดสงสัยมานิดหน่อย เลยมาค้นเว็บต่อ ดู
ประวัติพระอานนท์ ก็พบว่า ท่านได้ปฏิสัมพิทาญาณ และมีเตโชกสิณ
ก็ตรงกับเป้าหมายผมเรื่องปฏิสัมพิทา ก็เชื่อว่ามาถูกทาง ส่วนเรื่องเตโชกสิณ
ก็เพราะมีอินทรีย์เหมือนกันในส่วนลึก ผมเดาเอาว่าก็พยาบาท ที่ผมสงสัย
เมื่อคราวก่อน ที่มันเกิดกับคุณ 0..0 นั้นแหละ ก็เท่ากับคุณเป็นผู้ฟ้าส่ง
มาให้เราระลึก

ก็ขอขอบคุณไว้ด้วย

* * * * *

และผมก็คิดว่าทางต่อไปที่จะทดลอง คือ จิต แต่ยังยาก
เพราะสงสัยที่เห็น มันคือ ปัญญาพละนำ ก็ตั้งข้อสงสัยและ
ทดลองต่อ

ทางคุณได้อยู่ในลานธรรมแล้ว ก็ถือว่ามีบัณฑิตอยู่มาก
ก็ขอให้ได้คุยอยู่แต่ในนั้น น่าจะกุศลแก่ตัว

 

เออ ขอโืทษนะครับ คุณ 0..0 ด้วยความสัจจริง ผมไม่เคยอ่านหนังสือที่คุณยกมาเลย

และถึงแม้ว่า ผมจะอ่านมาแล้ว เอามาให้คนอื่นทราบ มันก็ไม่เกี่ยว กับคุณและไม่ได้เป็นความผิด

คุณเป็นคนอย่างไร ที่เที่ยวหาเรื่องคนอื่นเขา
เพราะมีคนแบบคุณนี้แหละ ที่ทำให้เว็บพลังจิตทะเลาะกัน

ผมว่าคุณเอาเวลา ไปศึกษาธรรมดีกว่า
แล้วเดี๋ยวผมจะ แปลความหมายให้หมด ให้ดีกว่า หนังสือที่คุณยกมาอีก

เอาให้ละเอียดกว่าด้วย เอาไหม และถ้าผมแปลได้ คุณต้องมากราบขอโทษผมเอาไหม

 

ภูเขาทั้ง 5 มิใช่หมายถึง ขันธ์ทั้ง 5 แต่ฝ่ามือพระยูไลต่างหากที่หมายถึง ขันธ์ทั้ง 5 เพราะว่า มันตีความมาอีกทอดหนึ่งที่ว่า การกักกันตัวเราเพราะมีขันธ์ 5 จึงทำให้เกิด ภพ คือ ธาตุทั้ง 5 ตามมา ยึดติดแต่ในกายนี้

ขันธ์ทั้ง 5 มิใช่เป็นตัว กักกัน เพราะว่า พระอริยะก็มีขันธ์ 5 พระอรหันต์ก็มีขันธ์ 5
อุปาทานที่ทำให้เกิด คือ ยึดติดกับภพ นะครับ

ผมว่าคุณ 0..0 โง่ก็อย่ามาอวดฉลาดดีกว่า กรรมมันจะตามทัน

 

แล้วคอยดูกันหระหว่าง การตีความของขันธ์ กับ การตีความของหนังสือเล่มนั้น ใครจะลึกซึ้งกว่ากัน

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ขันธ์


พระยูไล กล่าวว่า แม้ไปแค่ไหน ก็ย่อมไม่พ้นมือของเรา นั้นหมายความว่า ไม่ว่า จิตเราจะไปในทิศทางไหน ย่อมไม่พ้น ขันธ์ 5 นี้ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ ข้อนี้ เมื่อตัวปัญญาไม่ยอมรับ ขันธ์ทั้ง 5 นี้ ไม่ยอมรับสัจจธรรมนี้ จะเกิดอะไรขึ้น


</TD></TR></TBODY></TABLE>
อุ้งพระหัตถุของพระยูไลที่มี 5 นิ้ว = พระญาณในขันธ์ 5 ของพระพุทธองค์นั้นเกินกว่าที่ปัญญาชนิดไหนๆจะคาดคิดถึง และมันได้รวมเอาฟ้าดินไว้ในนั้นเสร็จ


ส่วนภูเขาที่มียอด5ลูกคือ ขันธ์5ครับ คุณตีปริศนาธรรมในการอ่าน (จำสิ่งที่อ่านมาพิมพ์) ผิดแล้วละครับ



ภูเขา5ยอดที่ครอบเห้งเจียไว้ = อุปาทานขันธ์5 ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ (ความยึดมั่นถือมั่น โดยความเป็นตัวเป็นตน - ของตน) ทำให้โพธิจิต(หงอคง)สิ้นอิสระ


อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ขันธ์
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป



</TD></TR></TBODY></TABLE>
ครับผมจะติดตามว่าคุณจะไปนำหนังสือเรื่องไหนมาใส่สำนวนการเขียนของคุณอีกและขอให้จำมาเขียนถูกๆนะครับ อย่าผิดๆแบบนี้อีก


และสิ่งที่ขอเตือน คือ

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ขันธ์
คราวหลัง คิดอะไรเองบ้างนะ XXXXXXXXXX

</TD></TR></TBODY></TABLE>




http://palungjit.org/showpost.php?p=928597&postcount=6


...

 

การลอกเอามาเป็นความคิดของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง กับ การเห็นธรรมแล้วอธิบายไม่เหมือนกันนะครับ

เหมือนปัจจุบันเขามีกฏหมายลิขสิทธิ์ทางปัญญา ผมจะชี้แจงให้ว่าคุณขันธ์ผิอะไรบ้าง ดังนี้

1.คุณขันธ์ไปเอาความคิดเขามาแล้วมากล่าวเป็นของตัวเองโดยไม่อ้างอิงแหล่งที่มาแล้วยังมาเผยแผ่ผิดๆอีก นี่ผิดข้อที่ 1 ดังนี้

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ขันธ์
หลายๆ คนอาจจะยังไม่ทราบความเป็นมาของเห้งเจีย จนมีคนนำเอาเห้งเจียไปทำมาหากินด้วยการทรงเทพเจ้าเห้งเจีย ผมจะเล่าความเป็นมาให้ฟัง
</TD></TR></TBODY></TABLE>


2.การเล่าของคุณขันธ์ อ้างว่าตนเองเล่าจากความคิดตนเอง แล้วความคิดของตนเองมีถูกมีผิด จะเอาอะไรมายืนยันได้ว่าความคิดที่ตนเองรู้ถูก แล้วเผยแผ่ความคิด นี่ผิดข้อ 2 เข้าข่ายสัทธรรมปฏิรูป


อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ใบไม้นอกกำมือ

ท่านเขมานันทะก็ไปลอกความคิดของพระจีนมา สำคัญตรงที่ใครได้เห็นแก่นธรรมในปริศนาธรรมเรื่องเห้งเจีย
</TD></TR></TBODY></TABLE>


3.ผมนำข้อความ บทความจากหนังสือซึ่งได้รับการตรวจสอบ อ้างอิง จากแหล่งที่มา อย่างถูกต้องตามกฏหมาย แม้ท่านเขมานันทะจะไปเอาเนื้อเรื่องไซอิ๋วมาเผยแผ่ในรูปแบบการตีความในปริศนาธรรมก็นับว่าได้ดำเนินการถูกกฏหมาย ตามลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์ที่ได้ระบุไว้ นี่นับว่าผิดข้อ 3


อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ใบไม้นอกกำมือ

คุณขันธ์ได้นำคำอธิบายปริศนาธรรมมาลง ถือว่าทำคุณประโยชน์แล้ว เราทุกคนก็ลอกความคิดของพระพุทธเจ้ามาทั้งนั้น ที่สำคัญคือ ใครปฏิบัติได้จริงต่างหาก ผมสนับสนุนให้ชาวเว็บธรรมะตั้งกระทู้แบบคุณขันธ์ครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>

4.ผมได้เทียบเคียงความถูกต้องให้เห็นระหว่างสิ่งที่คุณขันธ์ได้กล่าวผิดทำให้คนเข้าใจในเนื้อหาที่ผู้แต่งไซอิ๋วจะสื่อในแง่ของธรรมะผิดพลาด ผมไม่ดีใช่ไหมครับ ในการรักษาความถูกต้องของปริศนาธรรมไว้ เหมือนการทำหน้าที่ชาวพุทธที่ดี รักษาพระธรรม


5.ถ้าคุณรู้สึกเห็นด้วยกับคุณขันธ์ อย่างนั้นคุณก็กำลังสนับสนุนให้คนเผยแผ่ธรรมผิดๆ ที่ไม่ตรงตามสภาวะธรรมที่เป็นจริงนั่นสิครับ หรือถ้านำธรรมะมาก็ไม่อ้างถึงแหล่งที่มา นำข้อความ บทความนั้นมาเป็นของตน ใส่สำนวนตัวเองลงไปให้เป็นของตนเองอย่างผิดๆถูกแบบนี้ คุณคิดว่าดีแล้วเหรอครับ


ผมกำลังปกป้องพระพุทธศาสนา ไม่ให้คนนำสัทธรรมปฏิรูปมาเผยแผ่นะครับ คุณว่าผมทำหน้าที่ชาวพุทธแบบที่พวกคุณเคยทำสมัยก่อนไม่ดีอีกเหรอครับ

แล้วที่คุณพฤติกรรมที่คุณขันธ์ออกมาทะเลาะกับคนนู้น คนนี้ ตั้งแต่สมัยก่อน จนถึงเดี๋ยวนี้ คือการปกป้องพระธรรมอันถูกต้องไม่ให้บิดเบือน มิใช่หรือครับ คุณใบไม้นอกกำมือ

แต่ผมไม่ได้มีเจตนาทะเลาะครับผมแค่ชี้แจงว่าอะไรผิด อะไรถูกต้องตามธรรมเท่านั้น

 

ก็น่าจะให้เครดิต จากแหล่งที่เอาข้อมูลมาบ้าง
อ่านเรื่องไซอิ๋วแล้วตีความเอง บังเอิญมีหนังสือที่ตีความเรื่องไซอิ๋วอยู่ก่อนแล้วถ้าแบบนั้น มันก็ออกจะเป็นไปได้ยาก แต่ก็เป็นไปได้น่ะ แต่ก็ช่างเถอะ

สำคัญมันเรื่องราวที่นำเสนอ ท่านก็นำเสนอต่อไปเลยครับ เรื่องราวดีดี
ท่านอื่นก็นำเสนอแย้งได้หรือปล่าครับ รับได้รึเปล่าครับ

"ถ้าผมแปลได้ คุณต้องมากราบขอโทษผมเอาไหม" <---ตลกจัง<!-- / message -->

และอีกเรื่องนึง จริงๆมันน่าจะมีอาการอายหรือเขิ้ลบ้างน่ะ ทำไมทนจัง ไปข้างๆคูๆ

 

ขอโทษนะ พวกคุณกำลังจะปรักปรำผม ทั้งคุณ โน และ คุณไข่ ก็ผมบอกอยู่นี่ไงว่าไม่ได้ไปอ่านจากหนังสือที่ไหนมา
ปัญญาอ่อนกันหรือเปล่า

เรื่อง ขันธ์ 5 ก็อธิบายไป อ่านไม่เห็นหรือ ว่า เขาทั้ง 5 ลูกมิใช่ ขันธ์ทั้ง 5 ผมก็อธิบายไปว่า สิ่งที่พันธนาการนั้น ไม่ใช่ขันธ์ 5 แต่เป็น การยึดมั่นใน ภพ ในอัตตภาพอันเกิดจาก ธาตุทั้ง 5 ตามคติจีน คือ ทอง ไม้ น้ำ ดิน ไฟ

คุณก็ยังจะมาปรักปรำว่า ผมไม่ให้เครดิตคนเขียน จะไปให้ได้เครดิตได้อย่างไร ก็ผมไม่ได้อ่านของเขา คุณคิดว่า ผมไม่มีปัญญาคิดเองหรือไง

แล้วคำว่า ข้างๆ คูๆ ก็ไปอ่านก่อนสิ ยกมาทั้งหมดที่ผมพูด เถียงผมให้ออกก่อนเรื่อง ขันธ์ 5 ว่าจริงไหม

คนอะไร ตามเหน็บแนมผมมาตลอด ไม่เคยอ่านเอาเนื้อหาบ้าง
นี่ พอไม่เหน็บแนมก็มาจับผิด จับผิดไม่ได้ หาว่า ไม่ให้เครดิตคนอื่น

ขอโทษนะ ผมคงต้องพูดว่า มึงจะเอาอะไรกับกู แบบนี้ดีไหม
กิเลสในใจตัวเองนี้ไม่ดู เคยมีอะไรให้คนอ่านเขาชื่นชมพวกมึงกันบ้างไหมเนี่ย
มีแต่ เหน็บแนมคนนั้นคนนี้ เดี๋ยวด่ายาวเลย


มันน่าโมโหจริงๆ

เอาแบบนี้ ถ้าอยากจะจับผิดนะ ผมจะไม่ด่าคุณแล้ว แต่ถ้าจับผิดมาผมจะเถียงอย่างมีเหตุผล ให้คนอ่านทุกคนเป็นพยานเลยว่า ผมจะทะเลาะด้วยแต่อย่างมีเหตุมีผล เอาไหม แล้วจากนั้น เชิญจับผิดมาให้เต็มที่เลย

นี่เล่นกันเป็นทีม มีไอ้ไข่ วันก่อนมีไอ้ผี วันนี้มีไอ้โน มาแจม ผมคนเดียวนี่แหละ ถ้าคิดจะเถียงกันอย่างใช้ปัญญาก็เชิญ แต่ถ้าใช้กำลัง เชิญไปกัดกับหมาแถวบ้านผม จะดีกว่า มันกำลังเยอะ หรือไม่ก็ไปแข่งไถนากับควาย

หรือถ้าปากมากนัก เจ้าสำนวน นี้ต้องไปให้แข่งกับ พวกสุนัขที่มันเห่าเก่งๆ นั่น
เรียกว่า เห่าไปอย่างนั้น ไม่มีเนื้อความอะไร ต้องไปแข่งกับพวกนั้น

ถ้าจะมาแข่งกับผมต้องเอาปัญญามา อย่าเอากำลัง หรือ เอาคำพูดอันไม่มีเนื้อมีน้ำมา มันไร้สาระ


แล้วเดี๋ยวพอพวกไร้สาระนี้ไป ผมจะมา ถอดความให้ฟังอีก

 

จริงๆ แล้ว ถ้าจะมาปรักปรำผม ไปทำการบ้านมาให้ดีก่อนนะ ผมจะบอกให้ว่าผมไปอ่านหนังสือที่ไหน จะได้หายบ้ากัน

วันก่อนเดินอ่านหนังสือ ตามร้านหนังสือ ก็ไปเจอหนังสือดี เขาเพิ่งจะพิมพ์รวมเล่มครั้งแรก ชื่อหนังสือ ไซอิ๋ว ฉบับรวมเล่มครั้งแรก เพิ่งจะพิมพ์ขาย ของสำนักพิมพ์ศรีปัญญา จากบทประพันธ์ของ โหง่ว
เส็ง อึง เป็นหนังสือ ที่ถอดความเต็มมา ไม่ได้มีการตีความแต่อย่างใด
ผมอ่าน เจอ กับ ประกอบกับ ใครๆ ก็ทราบดีว่าเรื่องไซอิ๋วนั้น เป็น วรรณกรรมที่ แต่งเพื่อ ผนวกกับทางพระพุทธศาสนา ผมจึงหยิบมาถอดความและตีความให้คนอ่านได้ เข้าใจกัน

ก็จะเห็นว่า ผมตีความ ภูเขาทั้ง5 ที่กักกันไซอิ๋วนั้น คนละแบบกับ หนังสือลิงจอมโจก อะไรที่ยกกันมา
พอผมตีความคนละแบบ มาหาว่าผมจำผิด ก็กูตีความของกูแบบนี้ มันถูกนี่ ลองไปคิดกัน

ใครสนใจไป หาซื้อได้ ที่ร้านหนังสือ B2S ไปอ่านกันได้ ซื้อมาเก็บเอาไว้ จะดีมาก เพราะว่า หนังสือดีๆ แบบนี้หายาก

ขอโทษนะ หนังสือ ของปุถุชน ที่ตีความอะไรกันเอง ผมไม่เคยอ่าน
และ หนังสือ ถ้าไม่ดีจริงๆ ผมไม่อ่าน ผมถือว่า ผมมีความรู้ของพระพุทธองค์แล้ว ผมไม่อยากเอาความรู้ปุถุชนที่ไม่รู้จริงมารกหัว เขียนหนังสือเอาเงินเอาตังค์ นั้นผมไม่เอา
เว้นแต่เรื่องวิชาการ เอาไว้ดูวิวัฒนาการของโลก ถ้าเรื่องทางธรรมผมอ่านแต่ของท่านพระพุทธทาส และ พระอริยสงฆ์เช่นของหลวงตามหาบัว พระไตรปิฎก และ วิสุทธิมรรค

บอกข้อเท็จจริงให้ฟัง หายบ้ากันหรือยัง หรือบ้าหนักขึ้น

 

ขอบคุณ ค่ะ คุณ ขันธ์ ได้ ความรู้มากมาย

 

ต่อเลยครับคุณขันธ์ รออ่าน

 

ตั้งแต่อ่าน กระทู้มา ผมเห็นว่า คุณ November นี้จิตใจสกปรกมาก ทำเป็นพูดดีๆ แต่จิตใจโสมมนะ พูดแบบแอบกัด รอท่าทีที่จะเอาคืนตลอดเวลา
คนแบบนี้คบไม่ได้ ศึกษาพระธรรมทำไม ไปศึกษาวิธีแอบจิตดีกว่า

เอาหละ เล่าให้ฟังต่อ

ยกมาจากในหนังสือเลยแล้วกัน ในเรื่องที่เถียงกันนักหนาว่าตีความอย่างไร

พระยูไลคว่ำพระหัตถ์ลงครอบซีเทียน แล้วก็สลัดซีเทียนให้กระเด็นไปจากวิมานดาวดึงส์ ทางประตูทิศปราจีนบังเกิดเป็น เบญจคีรีห้ายอด ประกอบด้วย เบญจธาตุทั้ง 5 คือ ธาตุทองคำหนึ่ง ธาตุไม้หนึ่ง ธาตุน้ำหนึ่ง ธาตุไฟหนึ่ง ธาตุดินหนึ่ง หมู่เทวดาทั้งหลายเห็นดังนั้นต่างก็ตบมือร้องสาธุการ

ความในตอนนี้นั้น ผู้แต่ง จงใจจะให้เห็นว่า เมื่อปัญญา ไม่มองความในขันธ์ 5 ยึดขันธ์ 5 ปรุงแต่งเป็นตนเอง ปรุงไปหลายทิศทางนั้นแหละ คือ อุปาทาน เมื่ออุปทานแล้วไม่คิดมองในความจริงว่า ต่างเกิดแต่ขันธ์ 5 นี้เท่านั้น จึงต้องเวียนว่ายตายเกิด และถูกพันธนาการด้วย เขาทั้ง 5 หรือ เบญจธาตุทั้ง 5
ข้อนี้ ผมถอดความตรงตัว เพราะผู้แต่งเขาก็จงใจให้เห็นตรงตัวอยู่แล้ว และเขาก็ตั้งชื่อภูเขาตามธาตุทั้ง 5 อยู่แล้ว

อ้างอิงจากหนังสือ ไซอิ๋ว พิมพ์รวมเล่มครั้งแรก บทประพันธ์ของ โหง่ว เซ็ง อึ๋ง

เดี๋ยวจะมาเล่าต่อ

 

พวกตุ๊ด พวกแต๋ว อย่าไปสนใจให้มาก แต่คุณ โน นี่ก็สุดๆ จริงๆ เลยเนอะ เทียบกับ คุณ เอ็ดดี้ คุณเอ็ดดี้ ยังสะอาดกว่า เพราะตรงไปตรงมา ไม่เสแสร้ง

ยังไงก็มาเล่าต่อนะท่าน มีผู้รออ่านหลายคน เหอๆๆ...

 

ไร้ตัวตน....ไม่ใช่ของเรา....ไม่ยึดติด......

 

ทุกคนทำดีแล้วนิครับ ก็ต่างจำเป็นต้องทำ และสิ่งที่ต้องทำก็ได้ทำหมดแล้ว เชิญเล่าต่อเลยครับ ท่านขันก็ปรับตัวได้ดีขึ้นนิครับ มีการอ้างอิงหนังสือแล้ว